ความคิดเห็นทั้งหมด : 9

ทำไมเราถึงใช้ CDC guideline ในการป้องกันหรือดูแล SARS


   เท่าที่ผมรู้ CDC หมายถึง American CDC และก็ไม่เคยเห็นมีรายงาน outbreak ในประเทศเขา ทำไมเราถึงเชื่อและเอาคำแนะนำของเขามาใช้ล่ะครับ นี่เป็น scientific evidence ระดับ 6 หรือ 7 หรือเปล่านา

Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-04-17 , Time : 18:26:48 , From IP : dial-150.ras-5.bkk.c

ความคิดเห็นที่ : 1


   งานนี้ผมว่าพี่ว่าวนั่นแหละน่าจะเป็นคนตอบ
อ้อ ไม่งั้นก็อาจานนกไฟ ถึงจะพอตอบได้อ่ะ




Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2003-04-17 , Time : 18:49:22 , From IP : netturbo2.cscoms.com

ความคิดเห็นที่ : 2


   อะไรที่มาจากที่นั่น"แลดู"น่าเชื่อถือ
อะไรที่มาจากที่นั่น"แลดู"น่าใช้
อะไรที่มาจากที่นั่นอาจารย์ของเราบอกให้เราใช้



Posted by : C , Date : 2003-04-17 , Time : 18:50:10 , From IP : proxy2.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 3


   ตอบโดยไม่เห็น protocol

CDC เป็นของอเมริกาถูกต้องแล้วครับ ผมเดาว่ามันไม่สำคัญว่าเชื้อ specie ไหน แต่ถ้าจัดเป็นหมวด airborne virus หรือ spread like a flue ก็ใช้ universal precaution เดียวกันหมด (ส่วนใหญ่ค่อนไปทาง over อยู่แล้ว) ยกเว้นเป็นเชื้อใหม่ล่าสุดที่ mode of contagion ยังไม่มีการศึกษามาก่อน ในกรณีนี้ผมเดาว่า flue นั้นระบาดใน western world มาทุก winter เลยครับ ฆ่าคนแก่ๆเป็นร้อยๆพันๆทุกปี อันที่ adopted มาก็น่าจะ (ผมหวัง) เป็นที่ว่านี้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-17 , Time : 19:36:39 , From IP : 172.29.3.230

ความคิดเห็นที่ : 4


   อเมริกาก็มี case SARS ครับ แต่ยังไม่ fatal

จริง ๆ แล้ว มีการติดต่อพูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็น ระหว่าง แพทย์ ทั่วอเมริกา ฮ่องกงและทั่วโลก email ของคุณหมอฮ่องกงที่ดูแลคนไข้โดยตรง ส่งถึง infectious disease people ในอเมริกา และก็ได้กระจายต่อ ๆ กันไปทั่วโลก ภายในชั่วข้ามคืน

CDC ก็มีสาขา ในไทย ร่วมกันให้ความรู้ เรียนรู้ ซึ่งกันและกัน specimen จากคนไข้ในไทย ถ้าเหลือบ่ากว่าแรง Atlanta ก็ช่วย

ก็เห็นด้วยนะครับ ว่าคงดีเหมือนกัน ถ้าเรามีอะไร ๆ เป็นของตัวเอง
แต่การช่วยเหลือ ร่วมกัน ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บของแพทย์ โดยมิได้มีขอบเขตของชาติมาขวางกั้น ก็เป็นสิ่งงดงามครับ

SARS เป็นตัวอย่างที่ดี ของความร่วมมือ ในยุค IT ในการต่อกรกับปัญหาใหญ่ระดับโลก ถึงแม้เราจะยังควบคุมมันไม่ได้ก็ตาม



Posted by : ชฏายุ , Date : 2003-04-17 , Time : 23:45:42 , From IP : 203.151.20.97

ความคิดเห็นที่ : 5


   - เราใช้หลักฐานอะไรในการสรุปว่าโรค SARS ติดต่อทางอากาศ
- สมมุติฐานที่ว่าแมลงสาบอาจเป็นพาหะนำโรคเป็นไปได้หรือไม่
- โรคนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการรั่วของอาวุธชีวภาพจริงหรือไม่

ลองตอบคำถามเหล่านี้โดยใช้ข้อมูลเท่าที่มีดูสิครับ แล้วคุณจะพบความจริงอย่างหนึ่งว่า หากคุณเที่ยงธรรมกับข้อมูลปฐมภูมิพอ ในขณะนี้เราไม่สามารถสรุปอะไรอย่างเต็มปากได้เลย ผมกำลังจะบอกว่า การระบาดของ SARS เป็นสถานการณ์ตัวอย่างที่ดีครับ ที่จะให้เราเฝ้าดูศิลปะในการหาข้อมูลของนักวิจัยและวิจารณญาณในการใช้ข้อมูลของผู้ซึ่งอยู่ในฐานะต้องตัดสินใจในระดับต่าง ๆ อีกทั้งเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้เราเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงจากข่าวสารไปสู่ข้อมูล และไปเป็นความรู้ในที่สุด ศิษย์น้องรุ่นตึกแดงต้องไม่พลาดโอกาสนี้ สนุกกับการอ่านได้ที่ site ของเขาปุ่มสีแดงหน้าแรกของเวปครับ


Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-04-18 , Time : 10:08:33 , From IP : dial-396.ras-3.bkk.c

ความคิดเห็นที่ : 6


   ที่ว่า airborne หรือ flue นั้นเป็นอุปมาอุปไมยครับ ถ้าให้แทงหวยน่าจะคล้ายหวัดทั่วไป, i.e. saliva droplets มากกว่า หลักฐานที่ convincing เห็นจะมาจาก cases ในประเทศไทยนี่เอง ที่เราสามารถ locate เครื่องบิน flight ที่นำเชื้อมาและสามารถ identify chain of contact ได้ แต่ว่านั่นคือ human-to-human จากมาตรการจำกัดคนเข้าเมือง และสถานการณ์ sars ในไทยที่เรียบร้อยในขณะนี้ คิดว่า situation น่าจะ controlled and contained

ปัญหาคงจะเป็นเชื้อนี้มี carrier หรือไม่ และ airborne รึเปล่า ที่ควรจะวินิจฉัยให้เร็วที่สุด แต่ว่าเราไม่มี case แล้ว ก็คงจะยาก ทราบว่าในหลายๆประเทศที่มี cases อยู่กำลัง study อยู่เหมือนกัน



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-18 , Time : 13:07:21 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 7


   Site ที่ว่าคือที่นี่ครับ

http://203.185.128.100/cyber/disinfo/follow/sars/

เป็นที่รวบรวมข้อมูลจากหลากแหล่ง หลากระดับความน่าเชื่อถือ ข้อมูลเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะกลายเป็นความรู้ใหม่ใน Harrison เล่มต่อไป และกลายเป็นความรู้ประเภทสำเร็จรูปที่นักศึกษาแพทย์ท่องไปสอบในอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น ที่น่าติดตามคือ กระบวนการกลายพันธุ์จากข้อมูลไปสู่ความรู้ มันผ่านกระบวนการขัดเกลาอะไรบ้าง เราเลือกที่จะเชื่อและปฏิเสธข้อมูลแต่ละชิ้นอย่างไร

สำหรับกะหลั่วเป็ด ศัลยแพทย์แสนรัก ลองดูตัวอย่างนี้หน่อยประไรครับ - หลังผ่าตัดช่องท้อง ทางเดินอาหารของผู้ป่วยหยุดการทำงานระยะหนึ่ง (ileus) ส่วนที่กลับมาทำงานเป็นอันดับแรกคือลำไส้เล็ก ต่อมาก็กระเพาะ และลำไส้ใหญ่ในที่สุด - นี่เป็นตัวอย่างสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นความรู้และกระหลั่วเป็ดน่าจะเคยเอาไว้สอนน้องเวลา round สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ลองตามหาที่มาของมันโดยการทบทวนวรรณกรรมดูสิครับ ผมกล้าท้าว่ามันไม่มีที่มาทางวิทยาศาสตร์เอาเลย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของความรู้สูตรสำเร็จที่ถ่ายทอดกันมานาน แต่ไม่ใช่ scientific inherited ครับ เราเชื่อเพราะเขาสอนมา ย้อนกลับมาที่ SARS เรากำลังจะปั้นข้อมูลบางอย่างเป็นก้อนความเชื่อ เพียงเพราะ WHO เขาบอกมา


Posted by : พี่ว่าว , Date : 2003-04-18 , Time : 17:44:47 , From IP : DIAL38-NAS218.anet.n

ความคิดเห็นที่ : 8


   ประเทศไทยก็มี CDC เหมือนกัน CDC : center of diseases control
เหตุผลที่เรามักทำอะไรตาม CDC ของ อเมริกา ก็เพราะเขาทำอะไรมีหลักเกณฑ์ที่มีการศึกษา มีรูปแบบที่ชัดเจน มี evidence ที่รองรับชัดเจน มีการเฝ้าระวังที่เชื่อถือได้ มากกว่าของเรา ที่มีการเฝ้าระวังจริงแต่ตัวลขมักจะเชื่อถือไม่ค่อยได้เพราะระบบข้อมูลของเรายังไม่ดี แต่เวลาจะเอาไปใช้เราคงต้องมาปรับให้เข้ากับของเรา แต่เท่าที่ผมดู guideline ของเขามักจะประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมดครับ หากเราคิดว่าเรามีข้อมูลที่ดีและสามารถตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศเชื่อว่าเขาก็คงต้องอ้างอิงของเราด้วย ว่าแต่ว่าเรามีอะไรตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศบ้างหรือยังครับ


Posted by : เฒ่าทารก , Date : 2003-04-19 , Time : 17:18:00 , From IP : 203.113.76.10

ความคิดเห็นที่ : 9


   พูดไปก้อเหนื่อยเปล่า
ทุกอย่างเราก้อตามเมืองนอกเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ
ขอย้ำ ทุกอย่างจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะการแพทย์


Posted by : ประเทศที่3 , Date : 2003-04-20 , Time : 18:25:18 , From IP : 172.29.3.126

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<