ความคิดเห็นทั้งหมด : 22

iT iS COMING


   




Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-14 , Time : 21:47:23 , From IP : 172.29.3.201

ความคิดเห็นที่ : 1


   Great!!!

Posted by : eton , Date : 2003-04-15 , Time : 00:20:03 , From IP : 172.29.3.207

ความคิดเห็นที่ : 2


   Where I can buy it??Please tell me!

Posted by : nicotin , Date : 2003-04-15 , Time : 01:26:43 , From IP : 172.29.3.210

ความคิดเห็นที่ : 3


   เท่าที่ทราบ ซีเอด และ ร้านหนังสือขั้นสาม LeeGarden รับจองครับ เล่มละ 725 และ 695 บาท


ความคิดเห็นที่ : 4


   test อีกรอบ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-15 , Time : 02:02:41 , From IP : 172.29.3.227

ความคิดเห็นที่ : 5


   Hm....what s happening???



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-15 , Time : 02:04:26 , From IP : 172.29.3.227

ความคิดเห็นที่ : 6


   Ha Ha my new signature



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-15 , Time : 02:07:09 , From IP : 172.29.3.227

ความคิดเห็นที่ : 7


   edited a little?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-15 , Time : 11:19:20 , From IP : 172.29.3.202

ความคิดเห็นที่ : 8


   Ah...too big. How can I keep resolution in a samll pic? huh?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-15 , Time : 11:22:38 , From IP : 172.29.3.202

ความคิดเห็นที่ : 9


    คุณ Phoenix ต้องการขอความเห็นหรือต้องการจะประกาศว่าจะเปลี่ยนสัญลักษณ์ครับ หรือต้องการให้ดูรูปสวยๆ หรืออยากลอง edit รูปภาพครับ ไม่รู้ว่าจะแสดงความเห็นอย่างไรดี

Posted by : free bird , Date : 2003-04-15 , Time : 12:42:16 , From IP : 172.29.1.195

ความคิดเห็นที่ : 10


    ขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ น่าจะลองวาดเองดูมั้ยครับ อาจจะสวยกว่าหรือไม่ก็หลุดขั้วเลย

Posted by : free bird , Date : 2003-04-15 , Time : 12:43:30 , From IP : 172.29.1.195

ความคิดเห็นที่ : 11


   ยังไงก็ได้ครับ แค่ลองดูยังไม่ได้ตัดสินใจ ผม up resolution จากเดิมประมาณสองเท่าแต่มองดูด้วยตาเปล่ายังไม่ค่อยชัดเจน คงจะจำกัดที้ pixel บนจอหรืออะไรทำนองนี้

ผม drawing เป็นอย่างเดียว แต่ paint ไม่เป็นครับ คงจะต้องใช้วิธีขโมยมา edit ไปพลางๆ





Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-15 , Time : 13:08:23 , From IP : 172.29.3.202

ความคิดเห็นที่ : 12


   อันเก่าดูจะ classic กว่านะคะ แต่อันใหม่ก็สวยดี
เอาเป็นว่าสลับกันใช้ดีมั้ยคะ คุณ phoenix

ป.ล. ไปลองสอบถามมาแล้ว รู้สึกว่า Harry potter เล่มภาษาไทยกำลังแปลอยู่ค่ะ ราคารคงตกราวๆ 700 กว่าบาทค่ะ


Posted by : *avari* , Date : 2003-04-16 , Time : 17:22:03 , From IP : 192.168.39.128

ความคิดเห็นที่ : 13


   เอ้อ...ผมไม่คิดว่า Bloomsbury จะยอม release ต้นฉบับให้ใครก่อนวันที่จะ launch จริงปลายมิถุนายนนะครับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ควรใช้เวลานานเกินที่จะแปลออกมาถ้ามีการจัดการเรื่อง copyright ไว้ก่อนให้เรียบร้อย



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-16 , Time : 22:23:13 , From IP : 172.29.3.203

ความคิดเห็นที่ : 14


   test



Posted by : Phoenix , Date : 2003-04-16 , Time : 22:39:36 , From IP : 172.29.3.203

ความคิดเห็นที่ : 15


    โอ้โห มีของใหม่อีกแล้วหรือครับ แต่สุ้ของเก่าไม่ได้ครับ

Posted by : free bird , Date : 2003-04-17 , Time : 10:27:35 , From IP : 172.29.1.195

ความคิดเห็นที่ : 16


   ตอนที่พี่พนักงานในร้านบอกว่ากำลังแปลอยู่ก็งงๆนิดเหมือนกันค่ะ
แต่คิด (เอาเอง) ว่าอาจจะมีการส่งต้นฉบับทยอยมาให้ประเทศอื่นๆที่ได้ลิขสิทธิ์ไปแล้ว ก่อน launch จริงมั้ง

สงสัย แต่ไม่ได้ถามน่ะค่ะ (นิสัยนักเรียนไทยจริงๆเลยนะเนี่ยเรา)

แต่ที่แน่ๆ กระเป๋าแฟบแน่นอน


Posted by : .. , E-mail : (*avari*) ,
Date : 2003-04-20 , Time : 14:01:28 , From IP : 172.29.2.130


ความคิดเห็นที่ : 17


   ผมว่าเปลี่ยนเป็นไก่ย่างจะกิ๊บเก๋กว่านะครับ
ไทยๆดีด้วย


Posted by : เป็ด , Date : 2003-04-23 , Time : 04:29:38 , From IP : dialup13.net39.samar

ความคิดเห็นที่ : 18


   
“Harry Potter and the order of Phoenix"

บทที่ 1 ไปรษณีย์นกฮูก
มันเป็นเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนมาแล้ว ท้องฟ้ายามราตรีในคืนนี้ปลอดโปร่ง ดวงดาวน้อยใหญ่ทอแสงระยิบระยับดูสวยงาม มีสายลมอุ่นๆ พัดเอื่อยๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่เหมาะแก่การนอนหลับและจมลงสู่ห้วงนิทรายิ่งนัก หากแต่ว่า ในยามที่ผู้คนพากันหลับใหลกันอยู่นี้ ชายชราผู้มีเครายาวสีเงินยวง จมูกหัก และสวมแว่นตารูปพระจันทร์เสี้ยว มิได้อยู่บนที่นอนนุ่มๆ อันแสนสบายของเขา แต่กลับนั่งเงียบๆ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องทำงานของเขา เขาจ้องมองอยู่เนิ่นนานออกไปในความมืดใต้แสงจันทร์สลัว คล้ายกำลังเฝ้ารอคอยบางสิ่ง ขณะนั้นเอง ในความมืดไกลออกไปเล็กน้อย เงาสีดำร่างหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนท้องฟ้าตรงมายังทิศทางที่ชายชรารอคอยอยู่ และเหมือนชายชราคนนั้นจะรู้ เขาลุกขึ้นยืน เดินไปที่บานหน้าต่างและเปิดมันออก
อึดใจต่อมา นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งก็บินถลาเข้ามาในห้อง มันหย่อนจดหมายฉบับหนึ่งให้กับชายชราผู้นั้น เขาลูบหัวนกฮูกเบาๆ แล้วจึงเปิดจดหมายออกอ่าน
เรียน ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
ผมได้เดินทางไปบอกข่าวและเตือนภัยแก่สมาชิกเก่าๆ ของเราหมดแล้วครับ และขณะนี้ผมพักอยู่กับรีมัส ลูปิน ตามที่ท่านแนะนำ จากนกฮูกที่ท่านส่งมาถึงรีมัส ว่าให้เฝ้าดูข่าวคราวทางนี้นั้น เหตุการณ์ทางนี้ยังสงบดีครับ แม้จะได้ยินข่าวหนาหูว่ามีพ่อมดบางกลุ่มได้เคลื่อนไหวกันอย่างลับๆ โดยไม่ทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัด แต่เราก็ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงอะไรได้ครับ พวกผมทางนี้จึงตั้งใจที่จะเฝ้าระวังสถานการณ์ไปก่อน สมาชิกทุกคนรอฟังคำสั่งจากท่านอยู่ครับ ขอเพียงมีนกฮูกมาถึง พวกเขาจะรีบไปทันทีและยินดีให้ความช่วยเหลือทุกประการครับ
ด้วยความนับถือ
ซีเรียส แบล็ก

"ดีแล้ว...." ชายชราที่ชื่อ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ พึมพำกับตัวเอง และพับจดหมายฉบับนั้นเก็บใส่ซอง ไม่กี่นาทีต่อมา นกฮูกอีกสามตัวก็บินถลามาเกาะที่ขอบหน้าต่างในเวลาไล่เลี่ยกัน ดัมเบิลดอร์จึงวางจดหมายฉบับแรกลงบนโต๊ะทำงาน และหยิบจดหมายอีก 3 ฉบับจากนกฮูกที่มาใหม่ทั้งสามตัวนั้น "ไม่ต้องรอจดหมายตอบนะ แต่พวกเธอจะไปพักที่โรงนกฮูกก็ได้..." ดัมเบิลดอร์เอ่ยอย่างนุ่มนวลกับนกฮูกทั้งสาม ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับจดหมายครบตามที่เขาต้องการแล้ว และนกฮูกทั้งหมดก็คงจะเข้าใจคำพูดนั้นพวกมันผงกหัวเล็กน้อย และโผบินออกไปนอกหน้าต่าง
ดัมเบิลดอร์เริ่มแกะจดหมายที่เหลือออกอ่าน
เรียน ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ที่เคารพ
ผมได้พยายามเจรจากับพวกที่อยู่ในเทือกเขาแถบโรมาเนียแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ ตอนนี้ผมกับมาดามมักซีมกำลังจะลงใต้ เพื่อไปเจรจากับอีกกลุ่มที่ผมได้ยินข่าวว่าน่าจะอยู่ในบัลแกเรีย แล้วจะติดต่อให้ทราบอีกทีครับ
ด้วยความนับถืออย่างสูง
รูเบอัส แฮกริด


"นี่ถือเป็นข่าวดีล่ะ..." ดัมเบิลดอร์พูดกับตัวเขาเองอย่างพึงพอใจ และเปิดจดหมายอีกฉบับ
เรียน ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
ผมสามารถเกลี้ยกล่อมให้เจ้าหน้าที่ในกระทรวงเกือบครึ่งหนึ่งยอมรับสถานการณ์และพร้อมที่จะทำตามความเห็นของท่านครับ แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่หวาดกลัวจนไม่กล้าทำอะไร และอีกหลายคนทีเดียวที่ไม่ยอมรับอะไรเลยเหมือนกับฟัดจ์ แต่ผมคิดว่าจะพยายามดูอีกที ถ้าฟัดจ์ไม่เข้ามาขัดขวางเสียก่อนนะครับ ผมคิดว่าเขากำลังจะเป็นตัวปัญหาสำหรับงานของเรา
ผมกำลังจะไปรับแฮรี่มาอยู่ที่บ้านของผมในอีกสองสามวัน ตามที่ท่านศาสตราจารย์แนะนำครับ
ด้วยความนับถือ
อาเธอร์ วีสลีย์
"เฮ้อ..ก็คงจะจริงนะอาเธอร์..." ดัมเบิลดอร์ถอนใจพลางส่ายหน้า และเปิดจดหมายฉบับสุดท้ายออกอ่าน
เรียน ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ที่เคารพ
ผมได้ดำเนินการตามที่ท่านสั่งแล้วครับ แต่ตอนนี้ผมสามารถตามตัวเจอเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นหายตัวไปครับ ผมเกรงว่าจะเป็นไปตามที่ท่านคาดการณ์เป็นแน่ ตอนนี้ความหวังกับพวกที่เหลือมีไม่มากแล้ว แต่ผมจะลองพยายามดูก่อน แล้วจะรายงานกลับมาอีกครั้งครับ
ด้วยความนับถือ
เซเวอร์รัส สเนป

"ฉันก็คิดว่าต้องเป็นเช่นนั้น เธอทำดีที่สุดแล้วเซเวอร์รัส.." ดัมเบิลดอร์พึมพำอย่างเหนื่อยอ่อนใจ พับจดหมายทั้งหมดเก็บใส่ซอง และเก็บจดหมายทั้งสี่ฉบับล็อกกุญแจไว้ในลิ้นชัก
"ทีนี้ ฉันคงต้องให้เจ้าช่วยแล้วนะ" ดัมเบิลดอร์หันไปพูดกับนกตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนคอนหลังประตู มันคือนกฟินิกซ์สีแดงสลับทองสวยงามชื่อ ฟอกส์ มันบินลงมาหาเขาทันที
ดัมเบิลดอร์นั่งลงที่โต๊ะทำงานและลงมือเขียนจดหมายหลายฉบับ จากนั้นจึงปิดผนึกซองจดหมายอย่างแน่นหนา พร้อมทั้งร่ายคาถาสองสามคำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่ผู้รับตัวจริงเปิดออกอ่านได้
"เจ้าจงเอาจดหมายนี่ไปส่งให้ถึงมือผู้รับนะ งานนี้สำคัญมาก ฉันรู้ว่าฉันไว้ใจเจ้าได้ดีที่สุด.." ดัมเบิลดอร์พูดพลางผูกจดหมายเข้าที่ขาของนกฟินิกซ์ และลูบขนมันเบาๆอย่างรักใคร่ "รีบไปเถอะ.."
ฟอกส์ส่งเสียงเบาๆ อย่างพอใจในคำชมและให้ความมั่นใจกับดัมเบิลดอร์ จากนั้นจึงโผบินไปในท้องฟ้ายามราตรี ขนหางสีทองของมันเป็นประกายสวยงามใต้แสงจันทร์ มันบินขึ้นสูงเหนือกว่าที่นกตัวอื่นๆจะทำได้ และหายลับไปเหนือกลีบเมฆ
"ที่เหลือที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่ รอเวลา เท่านั้นล่ะนะ..." ดัมเบิลดอร์พูดอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วจึงปิดหน้าต่าง ใบหน้าที่มองเห็นได้จากแสงจันทร์ที่ส่องมากระทบนั้นช่างดูเหน็ดเหนื่อยราวกับว่ามีเรื่องมากมายกังวลใจเขาอยู่ และทำให้เขาดูแก่ชรากว่าที่เคย.... เวลาเดียวกันนั้น ที่บ้านเลขที่สี่ในซอยพรีเว็ต แฮรี่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะที่กระจกหน้าต่าง เขาลืมตาขึ้นและคลำหาแว่นตาในความมืด ก่อนที่จะพบว่ามีนกฮูก 4 ตัวกำลังรอคอยให้เขาเปิดหน้าต่างอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นนกฮูกตัวเล็กจิ๋วที่กำลังบินไปรอบๆ และส่งเสียงอย่างกระตือรือร้น เขาเดินไปที่กระจกหน้าต่างและเปิดมันออก ทันใดนั้นนกฮูกตัวจ้อยก็พุ่งเข้ามาเร็วจี๋ก่อนเพื่อน และส่งเสียงร้องลั่น ก่อนที่นกฮูกตัวอื่นๆจะค่อยๆทยอยเข้ามา

"นี่! เงียบๆหน่อยได้มั๊ย" แฮรี่ดุนกฮูกตัวจิ๋วนั้น เพื่อไม่ให้มันส่งเสียงดังจนทำให้ลุงและป้าของเขาตื่นขึ้นมาอาละวาดกลางดึกเสียก่อน
นกฮูกตัวเล็กจิ๋วนี้มีชื่อว่า พิกวิดเจียน มันเป็นนกฮูกที่พ่อทูนหัวของเขา ซีเรียส แบล็ก มอบให้กับรอน วีสลีย์ เพื่อนรักของเขา เพื่อเป็นการขอโทษที่เขาทำให้รอนต้องเสียหนูไป พิกวิดเจียนมีห่อของมาด้วยห่อหนึ่ง นั่นคงเป็นของขวัญจากรอนนั่นเอง แฮรี่คิด
แฮรี่หันไปมองดูนาฬิกา มันเป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ตอนนี้เขาอายุ 15 ปีมาได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว เขาหันไปมองดูนกฮูกที่เหลือ ตัวหนึ่งคือนกฮูกหิมะสีขาวสะอาด มันคือเฮ็ดวิก ซึ่งเป็นนกฮูกของเขาเอง และมันมีห่อของติดมาด้วย นั่นคงจะมาจากเฮอร์ไมโอนี่ เฮ็ดวิกแสนรู้นัก มันรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องการให้ของขวัญวันเกิดเขา และมันรู้ว่าเธอไม่มีนกฮูก มันจึงเป็นฝ่ายบินไปหาเฮอร์ไมโอนี่เองทีเดียว เฮ็ดวิกหย่อนห่อของลงบนตักของแฮรี่ เขาลูบขนมันเบาๆ เป็นการขอบใจ จากนั้นเฮ็ดวิกจึงบินไปที่กรงของมันและเริ่มดื่มน้ำ
นกฮูกอีกสองตัวนั้น ตัวหนึ่งเป็นนกฮูกสีน้ำตาลทอง แฮรี่เดาได้ว่ามันต้องเป็นนกฮูกของโรงเรียน ส่วนอีกตัวหนึ่งนั้นเป็นนกฮูกสีเทาแซมขาว ซึ่งเป็นนกฮูกพันธุ์ที่เขาไม่ค่อยคุ้นตานัก มันมีห่อของมาด้วยเช่นกัน
แฮรี่เอือมมือไปคว้าตัวพิกวิดเจียนที่ถึงแม้ว่าจะหยุดส่งเสียงไปแล้ว แต่คงยังไม่เลิกบินวนไปรอบๆห้องอยู่เอาไว้ และแกะห่อของออกจากขาของมัน แล้วจึงเอาตัวมันไปเกาะที่คอนข้างๆเฮ็ดวิก ทำให้เฮ็ดวิกส่งเสียงอย่างไม่พอใจทันที
"เอาน่า..เฮ็ดวิก พวกแกควรจะเป็นเพื่อนกันนะ.." แฮรี่ปราม
เฮ็ดวิกส่งเสียงไม่พอใจอีกเล็กน้อย แต่ก็ยอมเขยิบที่ให้พิกวิดเจียนได้ดื่มน้ำด้วย แต่มันก็พองขนขึ้นเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นเจ้าของบ้าน
แฮรี่แกะห่อของออกดู มันมีจดหมายแนบมาด้วยหนึ่งฉบับ
แฮรี่เพื่อนรัก
ฉันหวังว่าชีวิตที่ซอยพรีเว็ตจะยังเรียบร้อยดีนะ พ่อบอกว่าจะไปรับนายมาอยู่กับเราวันมะรืนนี้ล่ะ ให้ตาย! ฉันอยากให้เป็นพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ ฉันหวังว่านายคงจะถูกใจกับของขวัญที่ฉันให้นะ นี่เป็นของออกใหม่เลยล่ะ ฉันว่านายคงจะชอบมัน
รอน

ปล. ฉันชวนเฮอร์ไมโอนี่มาอยู่กับเราด้วยในช่วงหนึ่งเดือนที่เหลือนี้ ฉันคิดว่าเขาน่าจะมานะ เพราะถ้าเขาไม่มา เขาคงต้องไปหาวิกเตอร์ ครัมที่บัลแกเรีย อย่างที่หมอนั่นชวนตอนก่อนปิดเทอมแน่ๆเลย

แฮรี่ยิ้มขำกับจดหมายของรอน และแกะห่อของขวัญออก มันเป็นขนมช็อกโกแลตกล่องใหญ่ที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ แฮรี่หยิบรูปสิงโตขึ้นมาอันหนึ่งและกำลังจะลองชิมดู แต่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นที่ข้างกล่องเสียก่อน

แอนนิเมจัส ช็อกโกแลต : ช็อกโกแลตที่ทำให้คุณกลายเป็นสัตว์ได้นาน 1 นาที (ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงเวทมนตร์แล้ว)

ข้อควรระวัง : ควรกินช็อกโกแลตรูปปลาขณะอยู่ในน้ำ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง
แฮรี่รีบเอาช็อคโกแลตเก็บเข้าที่เดิม เขายังไม่คิดจะแปลงร่างเป็นสิงโตให้คนทั้งบ้านตื่นขึ้นมาตอนนี้หรอก จากนั้นเขาจึงหันไปหยิบห่อของจากเฮอร์ไมโอนี่ที่มากับเฮ็ดวิก มันมีจดหมายแนบอยู่เช่นกัน


แฮรี่เพื่อนรัก
หวังว่าเธอคงสบายดีนะ ฉันยังใช้เวลาช่วงปิดเทอมในการทบทวนตำราต่างๆ ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะทบทวนด้วยนะ เพราะปีนี้เราจะต้องสอบ ว.พ.ร.ส. กันแล้ว เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ นั่นแหละดี

ฉันปล่อยยายริต้า สกีตเตอร์ไปแล้วล่ะ หลังจากที่ให้หล่อนสาบานกับฉันว่าจะไม่เขียนข่าวให้ร้ายใครๆอีก ฉันว่าเธอคงจะสำนึกแล้วล่ะแต่ถ้าเธอผิดคำพูดล่ะก็ ฉันจะแฉเรื่องของเธอให้หมดเลยล่ะ คอยดู
รอนชวนฉันไปอยู่ที่บ้านเขาในช่วงก่อนเปิดเทอมที่เหลือนี้ ฉันคิดว่าจะไปนะ เขาบอกว่าจะไปรับเธอด้วยนี่ แล้วเจอกันที่บ้านโพรงกระต่ายนะ
ด้วยรัก
เฮอร์ไมโอนี่

ปล.ฉันล่ะเสียดายจริงๆเลย วิกเตอร์ส่งนกฮูกมาชวนฉันหลายหนแล้วให้ไปเที่ยวที่บัลแกเรียช่วงซัมเมอร์ ฉันคิดว่าคงจะได้ความรู้ใหม่ๆ ที่นั่นเยอะแน่ๆ แต่ฉันก็อยากเจอเธอกับรอนมากกว่านะ
แฮรี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่ออ่านจดหมายของเฮอร์ไมโอนี่จบ เขาหันไปแกะห่อของขวัญ และพบว่ามันเป็นชุดจำลองสนามควิดดิชที่อยู่ในครอบแก้วสวยงาม ซึ่งมีผู้เล่นตัวเล็กๆบินวนไปมาในสนามได้ด้วย แฮรี่อ่านที่ข้างกล่องและพบว่ามันเป็นชุดที่เอาไว้ใช้ในการคิดกลยุทธ์ในการเล่นควิดดิช มีโน้ตแผ่นเล็กๆ ติดมากับของขวัญชิ้นนี้ด้วย
ฉันคิดว่ามันคงจะมีประโยชน์นะ วู้ดก็จบไปแล้ว และถ้าฉันเดาไม่ผิด คนอื่นๆในทีมคงจะเลือกเธอเป็นกัปตันต่อจากวู้ดแน่ๆ
แฮรี่หยิบชุดจำลองขึ้นมาพิจารณา เขาไม่คิดว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเดาถูกหรอก เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในทีมเลยนะ เขาไม่ควรจะได้เป็นกัปตันทีมหรอก
แต่ถึงกระนั้น แฮรี่ก็อดที่จะชื่นชมกับชุดจำลองนี้ไม่ได้ มันดูสวยงามเหมือนจริงมาก เขาอดใจไว้ยังไม่ทดลองใช้มันตอนนี้ และหันไปสนใจกับจดหมายที่มากับนกฮูกที่เหลือ

เขาเปิดจดหมายที่มากับนกฮูกสีเทาก่อน
แฮรี่
สุขสันต์วันเกิดนะ ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งๆอยู่ แต่ฉันก็ไม่ลืมวันเกิดของเธอหรอกนะ กินเค้กให้อร่อย และดูแลตัวเองดีๆนะ
ซีเรียส
ปล. ตอนนี้ฉันอยู่กับรีมัส ฉันกับบัคบีคด้วย พวกเราสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง
แฮรี่หยิบห่อเค้กมาเปิดออก มันเป็นเค้กช็อกโกแลตก้อนโตที่ดูน่ากินเป็นอย่างมาก เขาเก็บมันไว้ก่อน และเปิดจดหมายที่มากับนกฮูกตัวสุดท้ายออกอ่าน มันเป็นจดหมายจากฮอกวอตส์ที่บอกให้เขาไปขึ้นรถไฟที่ชานชลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ในวันที่ 1 กันยายน เช่นเคย พร้อมทั้งรายการหนังสือที่เขาจำเป็นต้องซื้อใหม่สองสามเล่ม

"ถ้าโรงเรียนยังเปิดได้ตามปกติแบบนี้ ก็แสดงว่ายังไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นซินะ" แฮรี่พูดกับตัวเอง เขาย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อปีก่อน ด้วยเลือดของเขา ทำให้ลอร์ดโวลเดอมอร์ได้ชีวิตและร่างกายของเขากลับคืนมา และเขากำลังพยายามจะหวนกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง เขารู้ว่าดัมเบิลดอร์ต้องพยายามหยุดยั้งเรื่องนี้ และเขาก็แน่ใจว่าดัมเบิลดอร์ต้องทำได้ แต่ลึกๆแล้ว เขาก็หวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว

"แต่อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆล่ะนะ" แฮรี่พึมพำขณะเก็บจดหมายและของต่างๆไว้ใน***บของเขา "อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่อีกหนึ่งเดือนที่เหลือ"
แฮรี่ล้มตัวลงนอน สลัดความคิดทุกอย่างออกจากหัว แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้รับของขวัญหรือแม้แต่การ์ดอวยพรสักใบจากแฮกริดเลย บางทีเขาคงกำลังอยู่ในที่ไกลๆ เพื่อทำงานอะไรบางอย่างที่ดัมเบิลดอร์มอบหมายให้ แฮรี่สงสัยยิ่งนักว่ามันคืองานอะไร แฮรี่คิดเรื่องนี้อยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็เคลิ้มหลับไปอีกครั้ง ในคืนที่สงบเงียบในบ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ตหลังนี้


บทที่ 2 บ้านโพรงกระต่าย

เมื่อแฮรี่กลับมาที่บ้านในซอยพรีเว็ตตอนปิดเทอมฤดูร้อนนั้น เขาพบว่าโปรแกรมลดน้ำหนักของดัดลีย์ไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด น้ำหนักตัวขนาดเท่าลูกปลาวาฬเพชฌฆาตของดัดลีย์นั้นไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ลุงเวอร์นอนน้ำหนักลดลงไปถึง 7 ปอนด์แทน ดังนั้นป้าเพ็ตทูเนียและลุงเวอร์นอนจึงยกเลิกโปรแกรมลดน้ำหนัก และหันไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแทน ด้วยการสั่งตัดชุดเครื่องแบบโรงเรียนสเมลติ้งส์ขนาดพิเศษให้กับดัดลีย์ และป้าก็เอาแต่พูดปลอบใจตัวเองว่าอีกสักปีหนึ่งดัดลีย์ก็คงจะยืดตัวขึ้นเอง เพียงแต่ตอนนี้แฮรี่ยังไม่เห็นวี่แวว
ส่วนตัวแฮรี่เองนั้นก็สูงขึ้นอีกหลายนิ้ว ทำให้เขาคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องไปซื้อเสื้อคลุมตัวใหม่ที่ร้านมาดามมัลกิ้นอีกครั้ง ส่วนเสื้อผ้าอื่นๆของดัดลีย์นั้นไม่เป็นปัญหา เพราะมันหลวมโพรกเกินขนาดตัวของเขามานานแล้ว รอนบ่นกับเขาบ่อยๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่เอาทองไปแลกเป็นเงินของมักเกิ้ลและซื้อเสื้อผ้าดีๆให้กับตัวเขาเองบ้าง แต่แฮรี่ก็มีเหตุผลของเขา เขาไม่อยากให้พวกเดอสลีย์สังเกตเห็นว่าเขาเอาเงินมากมายมาจากไหน และนั่นคงทำให้พวกนั้นรีบไปขนทองจากห้องนิรภัยใต้ดินของธนาคารกริงกอตส์ของเขามาจนหมดเป็นแน่
ดังนั้นเมื่อแฮรี่ลงมาที่โต๊ะอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เขาก็พบอาหารเช้าชุดใหญ่ที่ป้าเพ็ตทูเนียเตรียมสำหรับดัดลีย์เรียบร้อยแล้ว แฮรี่รู้สึกว่าตั้งแต่มีการยกเลิกโปรแกรมลดน้ำหนัก ดัดลีย์จะกินมากกว่าเดิมถึงสองเท่าทีเดียว ลุงเวอร์นอนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะอาหารตามปกติ แฮรี่ดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลง รอให้ดัดลีย์ลงมาพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร
ไม่กี่นาทีต่อมา ดัดลีย์ก็เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในครัวและนั่งลงบนเก้าอี้ของเขา แฮรี่นึกภาพไม่ออกเลยว่าเมื่อดัดลีย์โตขึ้นเขาจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ขนาดไหน เผลอๆอาจจะเท่าแฮกริดก็ได้ แฮรี่คิด และทันทีที่ดัดลีย์นั่งลงบนเก้าอี้ขนาดพิเศษของเขา เขาก็คว้าไส้กรอกเข้าปากทันที แฮรี่จึงเริ่มกินอาหารเช้าของเขาบ้าง

"แย่จริง! พวกงี่เง่านี่ เป็นนักล่าสัตว์แท้ๆ แต่ดันหลงป่าซะได้" ลุงเวอร์นอนบ่นดังๆกับป้าเพ็ตทูเนียที่กำลังจัดการกับถ้วยชามอยู่ "มือสมัครเล่นก็แบบนี้แหละ!"

แฮรี่มองดูหนังสือพิมพ์ที่ลุงเวอร์นอนกำลังอ่านอยู่ และเห็นพาดหัวข่าวใหญ่สะดุดตา

คณะนักล่าสัตว์ 15 คนหายตัวลึกลับในป่าแถบอัลแบเนีย
แฮรี่ใจหายวูบ นี่จะเกี่ยวกับโวลเดอมอร์หรือเปล่านะ เป็นไปได้มั๊ยว่าหลังจากที่เขาฟื้นคืนแล้ว เขากลับไปซุ่มสมัครพรรคพวกในป่าแถบอัลเบเนียที่เคยเป็นที่ซ่อนตัวครั้งหลังสุดของเขาอีกครั้ง และบังเอิญมีมักเกิ้ลไปพบเข้า หรือมันจะเป็นเพียงแค่การหลงทางในป่าของพรานผู้ไม่ชำนาญทางตามธรรมดา

"แกควรจะไปตัดผมได้แล้วนะ!" ลุงเวอร์นอนตะคอกข้ามโต๊ะมา ดึงให้แฮรี่ออกจากห้วงความคิดกลับมาสู่โต๊ะอาหารเช้าอีกครั้ง

"ครับ.." แฮรี่รับคำ "แต่ลุงก็รู้ว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์ เดี๋ยวเดียวมันก็ยาวอีก"

"ยังไงก็ไปจัดการซะ! ฉันไม่สบอารมณ์เลยเวลาเห็นแกแบบนี้" ลุงเวอร์นอนยังบ่นต่อไปอย่างอารมณ์เสีย

"ลุงคงไม่ต้องทนเห็นผมอีกนานนักหรอกครับ" แฮรี่ตัดสินใจพูดขึ้น "เพื่อนผม รอน วีสลีย์ จะมารับผมไปอยู่ด้วยวันพรุ่งนี้ครับ"

คำพูดนี้มีผลอย่างมากต่อครอบครัวเดอสลีย์ ลุงเวอร์นอนถึงกับหน้าถอดสีและทำหนังสือพิมพ์ร่วงหลุดจากมือ ป้าเพ็ตทูเนียทำจานตกแตก และดัดลีย์สำลักไข่ดาวของเขา

"พวก.." ลุงเวอร์นอนพูดไม่ออก "พวกนั้นจะมาอีกหรือ!" ลุงเวอร์นอนถามเสียงสั่น อย่างพยายามสะกดอารมณ์ไว้

"ครับ" แฮรี่ตอบรับโดยไม่สะทกสะท้านต่อปฏิกิริยาของครอบครัวเดอสลีย์ อันที่จริงแล้วเขาอยากหัวเราะออกมาด้วยซ้ำไป

"อย่าบอกนะว่า.." ลุงเวอร์นอนพูดพลางจ้องเขาตาถลนแทบจะหลุดจากเบ้า "..จะใช้วิธีเดิมมากันอีกน่ะ..."

"ผมก็ไม่แน่ใจครับ.." แฮรี่ตอบ "อาจจะใช่"
เมื่อปีที่แล้วนั้น ครอบครัววีสลีย์เดินทางมารับแฮรี่ที่บ้านในซอยพรีเว็ตด้วยการใช้ผงฟลู ซึ่งทำให้พ่อมดเดินทางไปมาทางเตาผิงได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครในบ้านซอยพรีเว็ตคาดการณ์มาก่อน และทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย จนเกือบจะเป็นสงครามย่อยๆ ทีเดียว
ลุงเวอร์นอนจ้องมองดูแฮรี่ที่จ้องมองกลับ แฮรี่รู้ว่าลุงกำลังใช้สมองคิดตรึกตรองอยู่ เหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วคงยังตามมาหลอกหลอนลุงอยู่ แต่แน่นอนว่าลุงเวอร์นอนก็ไม่มีทางห้ามพวกวีสลีย์ไม่ให้มารับแฮรี่ได้ และลุงก็ย่อมที่จะอยากให้เขาออกไปจากบ้าน ยิ่งเร็วเท่า ไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

"ถ้าอย่างนั้น.." ในที่สุดลุงเวอร์นอนก็ตัดสินใจ "คงต้องเตรียมการรับมือกันหน่อย..." ลุงเวอร์นอนไม่พูดอะไรอีก แต่ลุกออกจากห้องครัวไปทันที
ป้าเพ็ตทูเนียที่ยังมีสีหน้าตระหนกตกใจไม่หาย รีบตามลุงเวอร์นอนไปทันที ดัดลีย์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่มีสีหน้าสยดสยองอยู่ เรื่องเมื่อปีก่อนคงยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เช่นกัน

แฮรี่ย่องออกจากห้องครัวไป เขาอยากรู้ว่าลุงเวอร์นอนจะเตรียมการรับมืออย่างไร
แฮรี่ต้องประหลาดใจที่พบว่า ลุงเวอร์นอนกำลังใช้เครื่องมืองัดแงะเตาผิงที่ปิดตายออก(เมื่อปีที่แล้วนายวีสลีย์เสกให้เตาผิงปิดตายเหมือนเดิม ก่อนที่เขาจะหายตัวกลับไป) โดยมีป้าเพ็ตทูเนียยืนดูอยู่ด้วยสีหน้าหวาดหวั่นอยู่ข้างๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่างบ่อยๆ ราวกับว่ากลัวใครจะมาเห็นว่าพวกเขากำลังทำอะไรประหลาดๆ กับเตาผิง
ยี่สิบนาทีต่อมา ลุงเวอร์นอนก็จัดการเปิดเตาผิงเรียบร้อย และขนเครื่องทำความร้อนไฟฟ้าออกมา จากนั้นจึงขนเฟอนิเจอร์และของแต่งบ้านทั้งหลายให้อยู่ไกลจากเตาผิงมากที่สุด

"ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความเสียหาย" ลุงเวอร์นอนพูดในที่สุด "ฉันหวังว่าพวกนั้นคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรได้อีกล่ะทีนี้ ใช่มั๊ยล่ะแก!" ลุงเวอร์นอนหันมาตะคอกแฮรี่
แฮรี่นึกอยากตอบกลับไปจับใจว่าคนที่จะหาเรื่องได้ก็คือลุงเวอร์นอนนั่นแหละ เพราะครอบครัววีสลีย์เป็นครอบครัวพ่อมดที่ดีและสุภาพที่สุดที่แฮรี่รู้จักแล้ว แต่เขาก็ยั้งปากไว้ได้...
วันรุ่งขึ้น เมื่อใกล้เวลา 5 โมงเย็น ครอบครัวเดอสลีย์อยู่ในอาการเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด ลุงเวอร์นอนและป้าเพ็ตทูเนียนั่งคอยอยู่ในห้องรับแขกด้วยความกระวนกระวายใจ แฮรี่เก็บข้าวของทุกอย่างของเขาลงมาเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนดัดลีย์ไม่ได้อยู่ที่นั่น ป้าเพ็ตทูเนียบอกว่าดัดลีย์ไม่สบายและนอนอยู่บนห้องของเขา แต่แฮรี่คิดว่า นี่คงเป็นมาตรการป้องกันอย่างหนึ่งของลุงเวอร์นอนแน่ๆ
เมื่อถึงเวลา 5 โมง 10 นาที ทุกคนในห้องรับแขกต่างจับจ้องอยู่ที่เตาผิง ป้าเพ็ตทูเนียกำแขนเก้าอี้นวมไว้แน่นและมีสีหน้าซีดลงเรื่อยๆ ส่วนลุงเวอร์นอนยังคงจ้องมองไปที่เตาผิงอย่างไม่ไว้วางใจ

"ติ๊ง ต่อง.." ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำลายความเงียบ ทั้งลุงเวอร์นอน ป้าเพ็ตทูเนีย และแฮรี่ ต่างสะดุ้งพร้อมๆ กัน

"ไปดูซิว่าใครมา!" ลุงเวอร์นอนสั่งแฮรี่เมื่อเขาตั้งสติได้ "ใครกันนะมาในเวลาแบบนี้ ถ้าพวกนั้นโผล่มาตอนนี้จะทำยังไง" พูดจบลุงเวอร์นอนก็หันไปสบตากับป้าเพ็ตทูเนียอย่างกังวลใจและมองไปที่เตาผิง

เมื่อแฮรี่ไปที่ประตูและมองลอดตาแมวออกไป เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ

นายอาเธอร์ วีสลีย์ ยืนอยู่ที่นั่น
แฮรี่เปิดประตูรับ และต้องประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีก นายวีสลีย์ใส่เสื้อผ้าแบบมักเกิ้ลที่ดูแนบเนียนทีเดียว ถ้าไม่นับรองเท้าหนังหุ้มส้นสีเขียวมรกตที่เขาใส่อยู่ เขามาพร้อมกับรถคาดิแล็กเก่าๆ คันหนึ่ง และทันทีที่เขาเปิดประตูรับ รอน วีสลีย์ เพื่อนสนิทของเขา เฟร็ดและจอร์จ พี่ชายฝาแฝดของรอน ก็ออกมาจากรถ และตรงเข้ามาหาเขา

"เป็นยังไงบ้างแฮรี่ เธอสบายดีนะ" นายวีสลีย์ทักทาย

"ครับ สบายดีครับ" แฮรี่ตอบด้วยอาการยังไม่หายประหลาดใจและจ้องมองไปที่รถ

"ไง! แฮรี่" รอนทักเขา "พร้อมรึยัง"

ฝาแฝดวีสลีย์ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังรอน และพยายามมองเข้าไปในบ้าน

นายวีสลีย์คงจะเห็นอาการประหลาดใจของแฮรี่ จึงเอ่ยขึ้น "จากบทเรียนเมื่อปีที่แล้ว ฉันเลยคิดว่าคราวนี้เราควรจะมาแบบมักเกิ้ลน่ะ.."

"เอ่อ...ครับ เข้ามาข้างในก่อนซิครับ" แฮรี่นึกขึ้นได้ว่าควรเชิญพวกเขาเข้ามาในบ้าน

ครอบครัววีสลีย์ค่อยๆ ทยอยกันเข้ามาในบ้าน นายวีสลีย์มองข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างอย่างกระหายใคร่รู้ และกดสวิตซ์ไฟปิดๆ เปิดๆ ที่โถงทางเข้าถึง 3 ครั้ง จนรอนต้องเตือนพ่อของเขา

"พ่อครับ เรามารับแฮรี่นะครับ"

เมื่อแฮรี่เดินนำครอบครัววีสลีย์เข้ามาในห้องรับแขก ลุงเวอร์นอนพูดขึ้นโดยที่ยังไม่หันมามองดู

"ทำไมช้าจังล่ะแก.. ใครมากัน....." เสียงของลุงเวอร์นอนขาดหายไป เมื่อเขาหันมาพบว่าใครที่กำลังเข้ามาในห้องรับแขก เขามีสีหน้าตกตะลึง ต่างฝ่ายต่างจ้องดูกันและกัน

ในที่สุดนายวีสลีย์ก็ทำลายความเงียบขึ้น

"สวัสดีครับ." นายวีสลีย์ทักทายขึ้น และเอื้อมมือไปให้ลุงเวอร์นอนจับ

ลุงเวอร์นอนมองมือที่ยื่นมานั้นอย่างลังเล ราวกับว่าถ้าเขาเอื้อมมือไปจับจะทำให้เข้าชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้น แต่ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้นและยื่นมืออกไปจับ ก่อนจะรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว

"มาวิธีปกติธรรมดากันก็ได้นะ" ลุงเวอร์นอนพูด*ดัน

"ก็ดีกว่าปีที่แล้วไม่ใช่หรือครับ" นายวีสลีย์ตอบอย่างไม่ค่อยจะชอบใจกับน้ำเสียงของลุงเวอร์นอน

"มาแล้วก็รีบๆ จัดการให้เรียบร้อยเถอะ!" ลุงเวอร์นอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ และเดินไปนั่งที่โซฟาตัวที่อยู่*งออกไป มีป้าเพ็ตทูเนียตามไปนั่งด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

"ข้าวของอยู่ไหนล่ะ แฮรี่" นายวีสลีย์หันมาถามแฮรี่

"อยู่ตรงนี้ครับ.." แฮรี่ตอบ พลางเดินไปยังมุมห้องที่เขาวาง***บใส่ของและกรงของเฮ็ดวิกไว้

"เฟร็ด จอร์จ ไปช่วยแฮรี่ซิ" นายวีสลีย์หันไปบอกฝาแฝด

ฝาแฝดที่มีท่าทีผิดหวังมากที่ไม่พบตัวดัดลีย์อีกครั้ง แต่ก็เดินไปช่วยแฮรี่ขนของเพื่อเอาไปใส่ท้ายรถ

"บรรยากาศเครียดๆ นะ" รอนกระซิบกับแฮรี่ "ฉันว่าเราควรจะรีบไปก่อนที่จะมีเวลาพอให้เรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ดีกว่านะ"

"ฉันก็ว่างั๊น" แฮรี่เห็นด้วย

"เรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกผมลานะครับ" นายวีสลีย์กล่าว เมื่อเฟร็ดกับจอร์จจัดการขน***บใส่ของไปที่รถเรียบร้อยแล้ว

"แล้วเจอกันหน้าร้อนหน้าครับ" แฮรี่เอ่ยลาป้าและลุง

"เฮอะ!" ลุงเวอร์นอนคำรามอยู่ในคออย่างไม่ใส่ใจแฮรี่และครอบครัววีสลีย์ทั้งสี่คน ที่กำลังเดินออกจากบ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ตไป

สิบนาทีต่อมา ครอบครัววีสลีย์และแฮรี่ กับ***บใส่ของ 1 ใบ และนกฮูกอีก 1 ตัว นั่งอยู่บนรถคาดิแล็กเก่าๆ ออกมาจากซอยพรีเว็ต

"เป็นยังไงบ้างแฮรี่ วิธีที่พวกเรามากันน่ะ" นายวีสลีย์หันมาถามแฮรี่ที่นั่งอยู่เบาะหลัง

"ใช้ได้ครับ แม้แต่ลุงเวอร์นอนยังพูดไม่ออกเลย" แฮรี่ตอบ


นายวีสลีย์ยิ้มให้แฮรี่ผ่านทางกระจกหลัง "เอาล่ะ ทีนี้เราคงต้องใช้เทคนิคกันนิดหน่อย" นายวีสลีย์ว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปที่ปุ่มสีแดงเล็กๆ ที่แผงหน้ารถ "เธอคงจะเคยเจอแบบนี้มาแล้วนะแฮรี่"
แฮรี่เข้าใจว่านายวีสลีย์คงจะหมายถึงการหายตัวเหมือนรถฟอร์ดแองเกลียคันก่อนหน้านี้ และใช้วิธีบินไปบนท้องฟ้า แต่เขาเข้าใจผิด ทันทีที่นายวีสลีย์กดปุ่ม เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้น และเมื่อนายวีสลีย์เหยียบคันเร่ง รถยนต์ก็กระชากและพุ่งพรวดเดียวมายังถนนแถบชนบทเส้นหนึ่ง แฮรี่มองเห็นป้ายบอกทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ และนายวีสลีย์เลี้ยวรถไปทางเดียวกับป้ายที่ชี้ว่า "หมู่บ้านอัลเทอรี่ เซนต์ แคทช์โพล" แฮรี่เข้าใจแล้วว่ามันเป็นวิธีการเดินทางแบบเดียวกับรถเมล์อัศวินราตรีนั่นเอง

"ถ้าทำอย่างนี้ก็ถูกกฎหมาย" นายวีสลีย์บอกแฮรี่ "จะได้ไม่มีปัญหากับกระทรวงอีกไง แต่จะว่าไป ตอนนี้ที่กระทรวงก็วุ่นวายเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้นะ...

ครึ่งชั่วโมงต่อมา แฮรี่ก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านโพรงกระต่ายอีกครั้ง นางวีสลีย์ออกมาจากในครัวและตรงเข้ามาทักทายแฮรี่

"ว่าไงจ๊ะ แฮรี่! สบายดีใช่มั๊ย รออีกแป๊บเดียวนะจ๊ะ อาหารเย็นจวนจะเสร็จแล้ว โอ้..รอน พาแฮรี่ขึ้นไปเก็บของบนห้องดีกว่าจ๊ะ" นางวีสลีย์พูดทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็วและเดินกลับเข้าครัวไป เพราะซุปที่อยู่บนเตากำลังเดือดปุดๆ

"แฮรี่!" เสียงร้องมาจากเชิงบันได และเฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งถลาลงมา ตามมาด้วยจินนี่ วีสลีย์ ที่เดินลงมาอย่างอายๆ และทักทายแฮรี่ด้วยเสียงแผ่วเบา

"ฉันมาถึงเมื่อตอนกลางวันล่ะ พ่อของรอนไปรับฉัน อ้อ..ใช้ผงฟลูน่ะ แต่ฉันอธิบายกับพ่อแม่ไว้แล้ว เลยไม่เป็นไร นี่..หวังว่าที่บ้านเธอคงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรอีกนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็วพอๆกับนางวีสลีย์

"เรียบร้อยดีมากเลย" รอนเป็นฝ่ายตอบเสียเอง "ฉันเองยังแปลกใจที่ราบรื่นขนาดนี้ ถ้านึกถึงเรื่องเมื่อปีก่อนน่ะนะ"

"เธอขึ้นไปเก็บของดีกว่า จะได้ลงมาทานอาหารเย็นกันนะ" เฮอร์ไมโอนี่บอก "ฉันว่า ฉันไปช่วยแม่เธอดีกว่า รอน ฉันจะได้เรียนทำอาหารไปด้วยเลย..."

"เธอว่าไงนะ!" รอนร้องขึ้น "เธอนี่นะ จะทำอาหาร"

"แล้วทำไมกันเหรอยะ!" เฮอร์ไมโอนี่สวนกลับ "ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะหัดเข้าครัวบ้างแล้วมันแปลกตรงไหนไม่ทราบ"

"โอเคๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่" รอนตอบกลับ และเดินนำแฮรี่ขึ้นไปบนห้อง

"นายว่าฝีมือทำอาหารของเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นยังไงเนี่ย" รอนพูดกับแฮรี่ระหว่างที่เดินขึ้นบันได

"ก็ขอให้ดีเหมือนทุกๆ วิชาที่เธอทำได้ละกัน" แฮรี่ตอบ
ที่โต๊ะอาหารค่ำวันนั้นที่บ้านโพรงกระต่าย ประกอบไปด้วยสมาชิกครอบครัววีสลีย์หกคน แฮรี่และเฮอร์ไมโอนี่ รวมเป็นแปดคน เพอร์ซี่ไม่ได้อยู่ทานอาหารด้วย นายวีสลีย์บอกว่าเขายุ่งอยู่กับงานที่กระทรวงจนกลับบ้านไม่เป็นเวลามานานแล้ว

"เออ ใช่! พูดถึงเพอร์ซี่.." รอนพูดขึ้นและหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่ "ฉันล่ะแปลกใจจริงๆ ที่เธอไม่ได้เป็นพรีเฟ็คนะ เฮอร์ไมโอนี่.."

"แล้วใครบอกว่าฉันไม่ได้เป็นล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ และตักซุปเข้าปาก

รอนและแฮรี่สำลักซุปของพวกเขาพร้อมกัน และหันมาจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่

"แล้วทำไมเธอไม่บอกเราล่ะฮึ!" รอนประท้วง

"ฉันไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน" เฮอรืไมโอนี่พูดเรื่อยๆ "ก็แค่มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นอีกหน่อย แล้วก็ทำให้เสียเวลาอ่านหนังสือไปอีกนิดเท่านั้นแหละ"

"แต่ยังไงเธอก็น่าจะบอกพวกเราบ้างนะ" แฮรี่พูด "ปล่อยให้ฉันงงตั้งนานว่าทำไมเธอถึงไม่ได้รับเลือกให้เป็นพรีเฟ็ค เธอรู้เมื่อไหร่ล่ะ"

"เมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ นกฮูกของโรงเรียนเอาจดหมายพร้อมกับตราพรีเฟ็คมาส่ง แต่เอาเถอะน่า.." เฮอร์ไมโอนี่บอกแฮรี่กับรอน "ยังไงฉันก็ยังเป็นฉันอยู่ดีล่ะน่า...กินข้าวต่อเถอะ"

"ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเขาไม่ดีใจที่ได้รับเลือกนะ ตามปกติเขาน่าจะชอบไม่ใช่เหรอ เรื่องอะไรทำนองนี้" รอนหันมากระซิบกับแฮรี่

แฮรี่ยักไหล่ แล้วลงมือกินซุปต่อไป

"เออ แฮรี่ นายรู้มั๊ยว่าเราได้รถคันใหม่มาได้ยังไง" รอนเอ่ยขึ้น

"ยังไงเหรอ" แฮรี่ถามด้วยความอยากรู้

"เฟร็ดกับจอร์จน่ะซิ" รอนตอบ "พวกเขาขายลิขสิทธิ์ช็อกโกแลตให้ร้านซองโก้ล่ะ ได้ทองมาตั้ง 300 เกลเลียนแน่ะ"

"อย่าบอกนะว่าคือช็อกโกแลตที่นายให้เป็นของขวัญวันเกิดฉัน" แฮรี่ถาม

"ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่ได้บอกไปในจดหมาย เพราะอยากให้นายประหลาดใจน่ะ" รอนตอบ "นายลองรึยัง"

"เกือบแล้ว" แฮรี่ตอบ "แต่ดีที่ฉันเห็นคำเตือนข้างกล่องเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเดอสลีย์ได้แตกตื่นแน่ๆ"

"นายน่าจะลองเอาให้ดัดลีย์กินนะ แหม..คงจะสนุกพิลึกล่ะ" รอนพูด แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้ แปลได้ความว่า นั่น - ไม่ - ตลก - เลยนะ

"เอาน่าๆ" แฮรี่รีบพูด "ยังไงก็ไม่ได้ทำจริงๆ นี่น่า"

"เราพัฒนามันขึ้นมาจากขนมครีมคีรีบูนล่ะ" เฟร็ดบอกแฮรี่ "ใช้เวลาสองอาทิตย์เท่านั้น"

"เพราะทองของนายนั่นแหละ แฮรี่" จอร์จกระซิบบอกแฮรี่ "เราเลยมีทุนในการค้นคว้า และทำได้เร็วขนาดนี้"

"อีกไม่นานเราสองคนจะมีทองมาใช้คืนนายล่ะ" เฟร็ดกระซิบกับแฮรี่บ้างและหลิ่วตาให้เขา
แฮรี่นึกดีใจที่ทองของเขามีประโยชน์ต่อครอบครัวที่แสนดีครอบครัวนี้

"เฟร็ดกับจอร์จยกทองทั้งหมดให้แม่ล่ะ" รอนบอกทั้งๆ ที่ยังมีมันฝรั่งเต็มปาก "แม่ดีใจจนน้ำตาไหลเลยตอนที่พวกเขาเอาทองมาให้ แล้วบอกว่าพวกเขาขายลิทสิทธิ์ของเล่นตลกของพวกเขาได้ จากนั้นมาแม่ก็ไม่เคยบ่นเรื่องที่พวกเขาสอบ ว.พ.ร.ส. ได้น้อยอีกเลย ฉันคิดว่า แม่คงจะปล่อยให้พวกเขายึดอาชีพทางนี้แล้วล่ะ"

"เราเสนอให้พ่อเอาทองไปซื้อรถมือสองมาสักคัน" จอร์จบอกแฮรี่ "จะได้มีรถไว้ใช้แทนคันเก่า"
"เฟร็ดซื้อชุดราตรีใหม่ให้ฉันด้วยล่ะ" รอนพูดกับแฮรี่อย่างดีใจ "ฉันไม่คิดว่าเขาจะใจดีขนาดนี้นะเนี่ย"
"แหม..รอน นายทำฉันเขินนะ" เฟร็ดแกล้งทำเป็นอาย แล้วทั้งหมดก็ร่วมหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของแฮรีคืนหนึ่งเลยทีเดียว ที่เขาได้รู้ว่าเขามีส่วนทำให้ครอบครัวพ่อมดที่น่ารักที่สุดในโลกครอบครัวนี้ ได้ยิ้มและหัวเราะร่วมกันอย่างมีความสุข...





บทที่ 3 บทเพลงของนกฟินิกซ์



แฮร์รี่ใช้ชีวิตช่วงปิดเทอมที่เหลือที่บ้านโพรงกระต่ายอย่างสนุกสนานเช่นเคย พวกเขาใช้เวลาตอนกลางวันไปกับการเล่นควิดดิช หรือไม่ก็เดินเที่ยวเล่นไปตามทุ่งต่างๆ ในสัปดาห์ที่สองที่พวกเขาอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายนั้น นายวีสลีย์พาทุกๆ คน ไปชมการแข่งขันควิดดิชลีก ซึ่งในครั้งนี้ใช้เวลาเล่นกันจนถึงรอบชิงชนะเลิศถึง 15 วัน ซึ่งแน่นอนว่ารอนยังคงเชียร์ทีมชัดลีย์ แคนนอนส์ เพียงแต่ว่าทีมนี้ก็ได้ตกรอบแปดทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย และน่าเศร้าสุดๆ(ในความเห็นของรอน) ส่วนทีมที่ชนะเลิศนั้นได้แก่ทีมพัดเดิลเมียร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเฉือนเอาชนะทีมมอนโทรส แมกไพส์ ไปได้อย่างหวุดหวิด และพลิกความคาดหมาย แต่ถึงกระนั้น ควิดดิชก็ยังคงทำให้ทุกๆ คนตื่นตาตื่นใจได้อย่างไม่รู้เบื่อ แฮร์รี่คิดว่า แม้กระทั่งจะมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับเรื่องของโวลเดอร์มอร์ที่กระจายไปทั่ว แต่ก็ยังไม่ทำให้ความนิยมในเกมควิดดิชลดลงไปสักเท่าใด หรืออาจจะเป็นเพราะว่าโวลเดอร์มอร์ยังไม่ได้ปรากฎตัวอย่างเป็นทางการก็เป็นได้ และก็เป็นจริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่คาดหมายไว้

ในค่ำวันหนึ่งของสัปดาห์สุดท้ายที่บ้านโพรงกระต่าย ขณะที่พวกเขากำลังเล่นไพ่สแนประเบิดปังอยู่ในห้องนั่งเล่น เฟร็ดก็เอ่ยกับแฮร์รี่
"นี่! แฮร์รี่ ตอนนี้ทีมเราขาดคีปเปอร์อยู่นะ..."
"ช่าย...แล้วก็กัปตันทีมด้วย" จอร์จเสริม
แฮร์รี่ได้แต่ตอบว่า "อือ" และพยักหน้ารับ เพราะขณะนี้ถึงตาเขากำลังเล่นอยู่
"ฉันคิดว่านายควรเป็นกัปตันทีมนะ" เฟร็ดพูด
"ว่าไงนะ!" แฮร์รี่ทำไพ่ระเบิดใส่ตัวเองทันทีที่พูดจบ
"ช่าย... นายเหมาะสมที่สุดแล้ว" จอร์จบอก
"อะไรกัน ฉันไม่เหมาะหรอก.. นายนั่นแหละจอร์จ หรือไม่ก็นาย เฟร็ด..." แฮร์รี่บอก
"ไม่ล่ะแฮร์รี่ พวกเราไม่อยากมีภาระหรอกนะ นายอย่าลืมจัดการหาคีปเปอร์ใหม่ด้วยล่ะ" จอร์จตอบง่ายๆ
"ไม่ได้หรอก อยู่ๆจะมาให้ฉันเป็นได้ยังไง แล้วคนอื่นๆล่ะ แองเจลิน่า อลิเซีย แคตี้ จะว่าไง เออ..ใช่! แล้วก็ศาสตราจารย์มักกอลนากัลกับมาดามฮูชอีก ฉันว่าศาสตราจารย์ต้องเป็นคนเลือกไม่ใช่เหรอ" แฮร์รี่ค้าน
"แต่ฉันพนันได้เลยว่าทุกคนต้องเห็นด้วย" เฟร็ดบอก
"ใช่แล้ว แม้แต่ศาสตราจารย์มักกอลนากัลก็เถอะ นายเชื่อฉัน" จอร์จเสริม
"จริงด้วยแฮรี่ เธอนั่นแหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว ฉันถึงได้ซื้อชุดจำลองให้เธอไงล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด
"จริงเหรอแฮรี่ ไหนๆ เอามาดูหน่อยซิ “ รอนเรียกร้อง
แฮร์รี่จึงเดินขึ้นไปชั้นบนและในอีก 3 นาทีต่อมา เขาก็กลับลงมาพร้อมกับของขวัญที่ได้รับจากเฮอร์ไมโอนี่ และเปิดมันให้ทุกๆคนดู
"ว้าว!" จอร์จร้อง
"เจ๋งไปเลย!" เฟร็ดร้องบ้าง
"มาลองกันดูดีกว่าแฮรี่" รอนบอก
แล้วพวกเด็กๆ ก็พากันสนุกสนานกับการคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำไม่ได้จริงๆ เพราะจะทำให้ผู้เล่นหัวแตกหรือไม่ก็ตกจากไม้กวาดเสียก่อนที่จะทำสำเร็จ

คืนนั้นแฮร์รี่นอนหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน(หลังจากที่สนุกสนานกันมาทั้งวัน) เขากำลังฝันว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในชุดจำลองควิดดิชและกำลังถูกเฟร็ดพยายามใช้กลยุทธ์แผลงๆ กับเขาอยู่พอดี เขาก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้น ด้วยเสียงเพลงที่ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด แฮร์รี่ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย มองไปรอบๆ ตัว ยังเห็นรอนนอนหลับสนิทอยู่ เขาเงี่ยหูฟังเสียงเพลงที่ดังแว่วๆ ไกลออกไป แฮรี่พยายามนึกว่าเสียงนี้คือเสียงอะไร ใช่แล้ว.. บทเพลงของนกฟินิกซ์นั่นเอง
แฮร์รี่คว้าแว่นตามาสวม เดินไปที่หน้าต่าง และเพ่งมองออกไปในความมืด เขาเห็นวัตถุอย่างหนึ่งที่ส่องแสงวิบวับอยู่บนท้องฟ้าไกลออกไป ดูเผินๆ มองดูเหมือนดวงดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้าอยู่ในขณะนี้ แต่แฮรี่มั่นใจว่านั่นต้องเป็นนกฟินิกซ์แน่ๆ ความคิดแวบแรกของแฮร์รี่ เขานึกสงสัยว่าฟอกซ์ ซึ่งเป็นนกฟินิกซ์ของดัมเบิลดอร์มาทำอะไรแถวนี้ แต่คิดอีกทีหนึ่ง ในโลกนี้คงไม่ได้มีนกฟินิกซ์แค่ตัวเดียวหรอกนะ นั่นคงเป็นนกฟินิกซ์ที่อาศัยอยู่แถวนี้ และออกมาท่องเที่ยวยามราตรีมากกว่า
แฮร์รี่กลับมานอนที่เตียง และเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง...

คืนสุดท้ายที่บ้านโพรงกระต่าย ทุกๆ คน ร่วมกันรับประทานอาหารมื้อค่ำที่แสนอร่อยด้วยฝีมือของนางวีสลีย์ โดยมีขนมพุดดิ้งที่ถูกทำขึ้นด้วยฝีมือของเฮอร์ไมโอนี่เป็นของหวาน
"เธอแน่ใจนะว่ามันกินได้น่ะ เฮอร์ไมโอนี่" รอนพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทีไม่แน่ใจเมื่อเห็นว่าขนมพุดดิ้งนั้นมีหน้าตาประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ซึ่งแฮร์รี่ก็เห็นด้วย
"กินได้ซิ ฉันทำสุดฝีมือเชียวนะ" เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างมั่นใจ
"แต่ว่ามัน..." รอนยังคงมีสีหน้าไม่มั่นใจพลางจ้องดูขนมพุดดิ้งของเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่ไว้วางใจ
"อย่ามองแต่รูปลักษณ์ภายนอกซิรอน ต้องลองชิมดูถึงจะรู้" นางวีสลีย์บอกรอนพร้อมกับส่งยิ้มนิดๆให้เฮอร์ไมโอนี่
"งั๊นฉันลองก่อนละกัน" แฮร์รี่อาสา แล้วเขาก็ตักขนมพุดดิ้งคำแรกเข้าปาก อร่อยแฮะ! ช่างน่าประหลาดจริงๆ เมื่อเทียบกับรูปร่างที่เห็นภายนอก
"อร่อยดีล่ะ รอน! นายต้องลองดู" แฮร์รี่บอกรอน รอนตักขนมพุดดิ้งเข้าปากบ้าง
"เหลือเชื่อเลย! เฮอร์ไมโอนี่" รอนร้อง
"ฝีมือฉันซะอย่าง อ้อ! จะให้ถูกก็ต้องพูดว่าเพราะฝีมือการสอนของแม่เธอนะ รอน" เฮอร์ไมโอนี่ตอบและยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะหันไปพูดกับนางวีสลีย์
"ขอบคุณค่ะคุณนายวีสลีย์"
หลังอาหาร ทุกๆคนอิ่มหนำสำราญกันดี ถ้าไม่นับเฟร็ดกับจอร์จที่โดนนางวีสลีย์บ่นเล็กน้อยเรื่องที่ยังไม่จัดข้าวของเครื่องใช้ลง*บ (พวกเขาเข้าลอนดอนไปที่ตรอกไดแอกอน เพื่อซื้อหนังสือและข้าวของเครื่องใช้เมื่ออาทิตย์ก่อน) คืนนี้พวกเด็กๆ เข้านอนกันแต่หัวค่ำ
และคืนนี้เป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่สะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเพลงของนกฟินิกซ์ แฮร์รี่ลุกไปดูที่หน้าต่าง เขาเห็นนกฟินิกซ์กำลังบินอยู่ใกล้ๆ ใกล้มาก ราวกับว่ามันเพิ่งบินออกไปจากบ้านโพรงกระต่าย
แฮร์รี่ชั่งใจอยู่ว่าจะย่องออกไปดูข้างนอกดีหรือไม่ หรือควรกลับไปนอนที่เตียงดี ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็ชนะ เขาจึงย่องออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ เพื่อจะลงไปชั้นล่าง แต่ขณะที่ก้าวพ้นห้องมาได้เพียงสองสามก้าว เขาก็ชนเข้ากับใครบางคน
"ว้าย!" เป็นเสียงของเฮอร์ไมโอนี่นั่นเอง
"เธอลงมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย เฮอร์ไมโอนี่!" แฮร์รี่กระซิบ
"เธอเองหรือแฮร์รี่ ฉัน...ลงมาเข้าห้องน้ำน่ะ แล้วเธอลงมาทำไมกัน" เฮอร์ไมโอนี่ถาม
"ฉันได้ยินเสียง...เอ่อ...ช่างเถอะ แล้วเธอเห็นใครหรืออะไรข้างล่างบ้างรึเปล่า" แฮร์รี่ถามบ้าง
"ไม่นี่ ทำไมเหรอแฮร์รี่" เฮอร์ไมโอนี่พูด และหันไปมองที่ชั้นล่าง
"ฉันรู้สึกว่าข้างล่างมีใครอยู่นะ เราลงไปดูกันดีกว่า" แฮร์รี่เสนอ
"อย่าเลยแฮร์รี่ ดึกแล้ว ไม่ดีหรอก ฉันว่า...คือ มันมืดนะแฮร์รี่" เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงหวาดๆ
"เธอกลัวเหรอ.. เธอเป็นแม่มดนะ พวกผีหรือวิญญาณเธอก็น่าจะชินแล้ว แล้วอีกอย่าง นี่มันบ้านรอนนะ ไม่ใช่เพิงโหยหวนซะหน่อย" แฮร์รี่พูดขำๆ
"พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่!" เสียงดุๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง เด็กทั้งสองหันไปมอง นายวีสลีย์เดินก้าวยาวๆเข้ามาหา มีสีหน้าตื่นตกใจเล็กน้อย
"พวกเธอสองคนมาทำอะไรกันดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้!"
"หนูมาเข้าห้องน้ำค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่บอก
"ผม...เอ่อ.. ผมว่าจะลงไปหาน้ำดื่มหน่อยครับ แต่พอดีชนกับเฮอร์ไมโอนี่เข้าซะก่อน" แฮร์รี่พูดปด
"ยังไงก็เถอะ มันไม่เหมาะสมเลยนะ พวกเธอเป็นเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงนะ แล้วอีกอย่าง พวกเธอก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้ว พวกเธอต้องระวังเรื่องนี้กันหน่อยนะ" นายวีสลีย์เตือน
"ครับ/ค่ะ" เด็กทั้งสองรับคำ
"งั๊นพวกเธอก็ไปนอนได้แล้วล่ะ ไปเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ" นายวีสลีย์บอก แฮร์รี่กลับไปที่เตียง รอนยังคงหลับสนิทอยู่เช่นเดิม เขาคิดที่จะปลุกรอนมาเพื่อเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แต่คิดอีกที เรื่องนี้ก็ดูไม่มีอะไรสำคัญนัก ที่จริงมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ เขาจึงล้มตัวลงนอน และค่อยๆหลับไปในที่สุด

รุ่งเช้า ครอบครัววีสลีย์ แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ ต่างก็วุ่นวายและเสียเวลาไปกับการขนข้าวของใส่รถคาดิแล็กมือสอง แต่ก็นับว่าพวกเขาทำเวลาได้ดีมาก เพราะเมื่อทั้งหมดมาถึงสถานีคิงส์ครอสนั้น เหลือเวลาอีก 25 นาที ก่อนที่รถไฟจะออกเดินทาง พวกเขาค่อยๆ ทยอยกันทะลุผ่านแผงกั้นระหว่างชานชาลาที่เก้าและสิบ เพื่อเข้าไปยังชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ และช่วยกันขน*บใส่ของทั้งหกใบขึ้นรถไฟไป แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ เดินหาตู้โดยสารที่ว่าง จนมาพบตู้หนึ่งที่เกือบๆ ท้ายขบวน ทั้งสามจึงตกลงเลือกนั่งที่นี่
"เอาล่ะ ทีนี้ก็เรียบร้อย" รอนพูดขึ้นเมื่อเขาจัดการเอา*บใส่ของของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปวางบนชั้นเรียบร้อยแล้ว
"ฉันอยากรู้จังว่าปีนี้เราจะมีอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแบบไหน" เฮอร์ไมโอนี่เริ่มหัวข้อสนทนา เมื่อรถไฟเริ่มแล่นออกจากชานชาลา
"ยังไงก็ได้" รอนยักไหล่
"แต่อย่าให้เหมือนล็อกฮาร์ตเป็นใช้ได้" รอนพูดพลางชำเลืองดูเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งทำเป็นไม่ได้ยินที่รอนพูด
"เออ! นี่ ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟัง" แฮร์รี่นึกขึ้นได้ และเล่าเรื่องเมื่อคืนและเมื่อคืนก่อน ให้รอนและเฮอร์ไมโอนี่ฟัง
"นายว่าใช่ฟอกซ์ รึเปล่า" รอนถาม
"ฉันว่าน่าจะใช่นะ" แฮร์รี่ตอบ
"ก็ไม่แน่นะ ฉันไม่คิดว่าจะมีนกฟินิกซ์แค่ตัวเดียวหรอกในโลกนี้น่ะ จากที่ฉันอ่านในหนังสือมา ฉันว่า.." เฮอร์ไมโอนี่ออกความเห็นและกำลังจะบรรยายต่อ แต่ถูกรอนขัดขึ้นเสียก่อน
"โอเคๆ ฉันเข้าใจล่ะ นั่นอาจจะใช่ฟอกซ์ หรือไม่ใช่ก็ได้" รอนพูด
"ไม่เห็นนายต้องกังวลอะไรเลยนี่ แฮรี่ ไม่เห็นมีอะไรที่น่าจะกวนใจนายเลยนะ"
"ไม่รู้ซิ ฉันแค่สงสัยว่านั่นใช่ฟอกซ์รึเปล่า เท่านั้นแหละ" แฮร์รี่หยุดคิด
"...ถ้าใช่ มันจะมาทำอะไรแถวบ้านนายตอนดึกๆ นะ.." แฮร์รี่ถามความเห็น
"อืม...บางที ดัมเบิลดอร์อาจจะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้นะ" รอนพูด
"ใช่ บางทีอาจจะเป็นแผนยับยั้งโวลเดอมอร์...โทษทีรอน" แฮร์รี่รีบเสริมเมื่อเห็นสายตาของรอน
"ฉันว่าพวกเราคิดมากเกินไปแล้วล่ะ แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็มั่นใจว่าดัมเบิลดอร์ต้องหาทางหยุดยั้งคนที่เธอก็รู้ว่าใครจนได้นั่นแหละ" เฮอร์ไมโอนี่พูดบ้าง
"พวกเราน่าจะทำอะไรได้บ้างนะ พวกเราก็โตแล้ว รู้คาถาอะไรๆ ตั้งเยอะ" รอนว่า
"อย่างนายน่ะเหรอ จะทำอะไรได้ วีสลีย์....." เสียงยานคางเย้ยหยันที่คุ้นหูดังขึ้น เดรโก มัลฟอยนั่นเอง เขาก้าวเข้ามาในตู้รถไฟพร้อมด้วยลูกสมุนตัวโตแต่สมองลีบ แครบและกอยล์ ขนาบข้างอยู่เช่นเคย
"ทำไมพวกเธอจะต้องเข้ามาหาเรื่องพวกเราทุกครั้งเลยนะ!" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหงุดหงิด
"จะให้พวกเราเดินทางไปฮอกวอตส์อย่างสงบสุขบ้างไม่ได้หรือยังไง!"
"เธอน่ะ เงียบๆ ไปเลยนะ ยายเลือดสีโคลน!" มัลฟอยตวาด และแฮร์รี่ต้องดึงตัวรอนเอาไว้เพราะเขาตั้งท่าจะกระโจนใส่มัลฟอย
"ปล่อยฉัน!" รอนร้อง
"ให้ฉันจัดการมันเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้วคราวนี้!"
"เอาเลยซิ วีสลีย์" มัลฟอยท้า
"ใช่แล้ว..ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกนายเลย ที่ทำเอาไว้เมื่อตอนขากลับเทอมที่แล้วน่ะ.." มันฟอยพูดเสียงอาฆาต แครบและกอยล์ย่างสามขุมเข้ามาพร้อมกับบีบมือดังกรอบแกรบ
เมื่อคราวนั่งรถไฟกลับจากฮอกวอตส์เมื่อเทอมที่แล้วนั้น แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ร่วมด้วยฝาแฝดวีสลีย์ เสกคาถาใส่มัลฟอย แครบ และกอยล์ ตอนที่พวกเขาเข้ามาหาเรื่อง จนทำให้พวกเขาสลบไปตลอดทาง และมีหนวดปลาหมึกงอกออกมาจากหน้า
"จะเอาอย่างนั้นก็ได้ มัลฟอย" เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง เฟร็ดนั่นเอง เขาก้าวเข้ามาในตู้
"จะลองดูก็ได้นะ ฉันพนันว่าสารรูปพวกนายคงดูไม่จืดยิ่งกว่าตอนนั้นซะอีก" จอร์จพูด และก้าวเข้ามาข้างในบ้าง มัลฟอยมีท่าทีลังเลเมื่อเห็นว่าพวกของตัวเองมีน้อยกว่า
"ไปกันเถอะ ฉันไม่อยากจะแปดเปื้อนกับพวกงี่เง่านี่หรอก" มัลฟอยพูดเสียงเย็นๆ ยานคาง และเดินนำลูกน้องของเขาออกจากตู้โดยสารไป
"เธ่อ! นึกว่าจะแน่" รอนตะโกนตามหลังไป
"นี่ถ้านายไม่ห้ามไว้นะ ฉันจัดการมันไปแล้ว!" รอนหันมาบ่นกับแฮร์รี่
"เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราไปล่ะนะ" จอร์จพูดขึ้น
"แต่ถ้ามันกลับมาอีกล่ะก็ เรียกพวกเราได้ทันทีเลยนะ เราอยู่ตู้ถัดไปข้างหลังนายนี่เอง" เฟร็ดเสริม แล้วฝาแฝดก็ออกจากตู้ที่แฮร์รี่อยู่ไป
"ทำไมมัลฟอยจะต้องมาหาเรื่องพวกเราทุกครั้งที่นั่งรถไฟไปฮอกวอตส์ด้วยนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นอย่างหงุดหงิดกว่าเดิม
"พวกชอบหาเรื่องไง ถ้าไม่ได้ถากถางใครสักหนสองหนต่อวันแล้วจะนอนไม่หลับ" รอนพูดอย่างหงุดหงิดยิ่งกว่า
"แต่ทำไมมัลฟอยถึงยังมาเรียนอยู่ได้อีกนะ ดัมเบิลดอร์น่าจะจัดการไล่มันออกไปได้แล้ว ก็รู้อยู่ว่าพ่อมันเป็นพวกศาสตร์มืด เป็นผู้เสพความตาย!" รอนสงสัย
"ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรนี่ นอกจากคำพูดของฉัน นายมัลฟอยก็คงยังตบตาคนอื่นๆ ได้อยู่แหละ ฉันกลัวแค่ว่าเขาอาจจะมีแผนร้ายอะไรหรือเปล่า" แฮร์รี่ออกความเห็น
"อย่าให้พวกนั้นทำให้เสียบรรยากาศมากไปกว่านี้เลย" เฮอร์ไมโอนี่บอกเพื่อนทั้งสอง
"อ่ะ! นั่น ฉันว่าเสียงรถขายอาหารล่ะ ไปดูดีกว่า ฉันหิวจะแย่แล้ว" แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่จึงออกไปที่ทางเดิน พวกเขาซื้อเค้กหม้อใหญ่และขนมต่างๆ มากมาย และกินกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ลืมเรื่องมัลฟอยไปได้
"นี่แฮร์รี่ นายยังไม่ได้ลองช็อกโกแลตที่ฉันให้นายเลยนี่ เอามาลองกันดีกว่า" รอนเสนอ แฮร์รี่เห็นด้วย และหยิบช็อกโกแลตออกมาจาก*บ มีเฮอร์ไมโอนี่ที่มีสีหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
"ไม่เป็นไรหรอกน่า แปลงเป็นสัตว์เล็กๆ ก็ได้นี่ อย่างหนูหรือกบ อะไรแบบนี้ ไม่มีใครรู้หรอก" รอนบอก
"มีซิรอน ฉันเป็นพรีเฟ็คนะ อย่าลืม" เฮอร์ไมโอนี่เตือนความจำ
"เออใช่! นั่นซิ แล้วทำไมเธอไม่ไปนั่งที่ตู้ของพรีเฟ็คล่ะ" รอนแหย่ ทำหน้าตาล้อเลียน
"ไม่จำเป็นซะหน่อย" เฮอร์ไมโอนี่เถียง
"อยากทดลองหน่อยมั๊ยเฮอร์ไมโอนี่" แฮร์รี่เสนอ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าทันที
แฮร์รี่เปิดกล่องช็อกโกแลตดู รอนกระตือรือร้นเข้ามาและหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาอันหนึ่ง
"ลองดูน่าเฮอร์ไมโออนี่ นี่ไง! รูปกระต่าย เธอจะกลายเป็นกระต่ายน่ารักขนปุยนะ ลองดูเถอะ" รอนพยายามชักชวน แฮร์รี่และรอนพยายามเกลี้ยกล่อมเฮอร์ไมโอนี่อยู่นาน
ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็ใจอ่อน
"ถ้าเป็นกระต่ายก็ยังโอเคล่ะนะ" เฮอร์ไมโอนี่ว่า และเอาช็อกโกแลตใส่ปากอย่างหวาดๆ เล็กน้อย เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลืนช็อกโกแลตเข้าไปแล้ว เด็กทั้งสามรอคอยผลอย่างใจจดใจจ่อ รอนบอกว่า มันต้องใช้เวลานิดหน่อย และแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลง ร่างกายของเธอเริ่มหดเล็กลง ขนสีน้ำตาล(เหมือนสีผมของเธอ) เริ่มขึ้นตามแขน ขา และใบหน้า ใบหูงอกยาวขึ้น ภาพแบบนี้แฮร์รี่เคยเห็นมาแล้ว ตอนที่เพ็ตติกรูว์ถูกบังคับให้แสดงตัว(เพียงแต่ตอนนี้กลับกัน)
ในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ก็กลายเป็นกระต่ายโดยสมบูรณ์ แต่เธอเป็นกระต่ายที่ดูประหลาดมาก เพราะขนของเธอฟองฟูเกินเหตุ ไม่ต่างไปจากผมของเธอตอนเป็นมนุษย์ รอนหัวเราะกับกระต่ายขนฟูเกินพอดีตัวนี้ และแฮร์รี่ก็สังเกตเห็นว่ากระต่ายมองดูรอนด้วยสายตาขุ่นเขียว ไม่ผิดจากสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ตอนเป็นมนุษย์เช่นกัน รอนเอื้อมมือไปอุ้มกระต่ายขึ้นมาวางบนตักและลูบขนนุ่มฟูเล่น
"ตอนเป็นกระต่ายนี่ก็น่ารักดีนะ อย่างน้อยก็พูดมากเหมือนตอนเป็นคนไม่ได้" รอนว่า แฮร์รี่และรอนหัวเราะ วินาทีต่อมา รอนก็ต้องร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อกระต่ายกัดนิ้วของเขา
"โอ๊ย! ขอโทษ ฉันล้อเล่นน่ะ" รอนรีบแก้ตัวกับกระต่าย
"รอน ฉันว่านายวางเฮอร์ไมโอนี่บนที่นั่งดีกว่า อีกเดี๋ยวเขาก็จะกลับเป็นคนแล้ว คงจะแปลกๆนะ ถ้าเขากลายเป็นคนแล้วมานั่งอยู่บนตักนาย" แฮร์รี่เสนอ
"อ้อ...จริงด้วย" รอนพูด ใบหน้าเริ่มมีสีออกชมพู
"ใช่ๆ ฉันลืมไป" ว่าแล้วเขาก็วางกระต่ายลงบนที่นั่งข้างๆ ตัว และถ้าแฮร์รี่ดูไม่ผิด เขารู้สึกว่าหน้าของกระต่ายก็มีสีเลือดมากขึ้นกว่าปกติด้วย
ไม่กี่วินาทีต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ก็กลับเป็นคนตามเดิม แฮร์รี่รู้สึกว่ารอนกับเฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีเงอะงะยังไงบอกไม่ถูก
"ฉันว่าเรามาลองแบบอื่นกันบ้างดีกว่า" แฮร์รี่เสนอ เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองไม่ยอมพูดจา รอนและเฮอร์ไมโอนี่(ซึ่งรู้สึกสนุกกับการแปลงร่างแล้ว) เห็นด้วย ทั้งสามคนจึงสนุกสนานกับการกินขนมและทดลองช็อกโกแลตกันอีกคนละอันสองอัน พวกเขาเลือกสัตว์ตัวเล็กๆ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สังเกตเห็น
"เพิ่งรู้นะว่าเป็นกบแล้วรู้สึกยังไง" รอนบอก หลังจากที่เขาแปลงร่างเป็นกบไปเมื่อนาทีก่อน
"ถ้าฉันต้องไปไหนมาไหนด้วยการกระโดดแบบนี้ไปตลอดล่ะก็ ฉันไม่ขอเกิดเป็นกบเด็ดขาดเลย…."

บทที่ 4 อาจารย์ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่



รถไฟด่วนฮอกวอตส์ค่อยๆ แล่นเข้าเทียบชานชาลาสถานีฮอกมี้ดส์ เด็กๆ ทยอยลงจากรถไฟ แฮร์รี่มองดูพวกเด็กๆ ปีหนึ่งท่าทางตื่นๆ ที่มองไปรอบๆ และพวกเด็กๆปีสองปีสามที่หัวเราะหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เขารู้สึกว่าพวกนั้นช่างดูเด็กเหลือเกิน และแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตอนที่เขาอายุเท่านั้น เขาผ่านเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อเหล่านั้นมาได้อย่างไร
"เจอกันที่งานเลี้ยงนะ แฮร์รี่!" แฮกริดส่งเสียงผ่านกลุ่มเด็กปีหนึ่งที่เขากำลังต้อนให้มารวมกลุ่มกันเพื่อนั่งเรือบดไปยังปราสาทฮอกวอตส์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่เด็กปีหนึ่งต้องทำทุกๆ ปี
"ครับ!" แฮร์รี่ตะโกนกลับไป และเดินไปนั่งบนรถม้าที่ไร้ม้าและคนขับคันเดียวกับ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และเนวิลล์ มุ่งสู่ปราสาท
ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินขึ้นบันไดหินไปยังปราสาท ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เดินก้าวยาวๆ ตรงมาหาพวกเขา สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างเคย บ่งบอกว่ามีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่าง
"พอตเตอร์ เกรนเจอร์ เธอสองคนตามฉันไปที่ห้องทำงานก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องพูดกับพวกเธอ"
"ครับ/ค่ะ" เด็กทั้งสองรับคำและเดินตามศาสตราจารย์มักกอนนากัลไป
"งั๊นฉันไปรอที่งานเลี้ยงนะ!" รอนตะโกนบอกกับเพื่อนทั้งสอง และโดนสายตาดุของศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบกลับมา เขาจึงเดินจ๋อยๆ ไปสู่ห้องโถงกลางกับเนวิลล์
แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เดินตามศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาเงียบๆ จนถึงห้องทำงานของเธอ แฮร์รี่ต้องประหลาดใจที่พบว่านักกีฬาควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์อยู่กันครบทีม พร้อมด้วยมาดามฮูซ
"เอาล่ะ มากันครบแล้วนะ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดขึ้นหลังจากปิดประตูห้องทำงานของเธอเรียบร้อยแล้ว
"ทีนี้เราจะได้จัดการให้เสร็จกันไปเสียที"
"อะไรเหรอครับอาจารย์" แฮร์รี่ถามขึ้นด้วยความงุนงงสงสัย
"ก็เรื่องกัปตันทีมควิดดิชคนใหม่ไงพอตเตอร์" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบด้วยเสียงจริงจัง
"เอาล่ะ พวกเธอทุกคนในทีมมีความเห็นยังไงบ้าง" ศาสตราจารย์หันไปพูดกับทุกคน
"พวกเราตกลงกันแล้วว่าน่าจะให้แฮร์รี่เป็นกัปตันทีมคนใหม่ค่ะ" แองเจลิน่า จอห์นสัน นักเรียนหญิงชั้นปีที่เจ็ด ซึ่งเล่นในตำแหน่งเชสเซอร์พูดขึ้น
"พวกเราตกลงกันแล้วระหว่างที่อาจารย์ไปตามแฮร์รี่มา"
"คุณคิดว่ายังไงมาดามฮูซ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันไปถามมาดามฮูซ
"ดิฉันเห็นด้วยค่ะ พอตเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับตำแหน่งนี้" มาดามฮูซตอบ
"เอาล่ะ เป็นอันจบเรื่องล่ะนะ พอตเตอร์ ต่อไปนี้เธอเป็นกัปตันทีมของกริฟฟินดอร์แล้วนะ เธอต้องนำทีมเราสู่ถ้วยควิดดิชในปีนี้ให้ได้ล่ะ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับแฮร์รี่
"พอตเตอร์! นี่เธอฟังอยู่หรือเปล่า!" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลดุ
แฮร์รี่กำลังมึนงง อยู่ๆ เขาก็ได้เป็นกัปตันทีมโดยที่เขายังไม่ทันได้อ้าปากพูดเลยสักคำเดียว
"เอ่อ...ครับ" แฮร์รี่รับอย่างงงๆ
"ดีแล้ว เอาล่ะ ฉันต้องขอให้พวกเธอออกไปก่อน มาดามฮูซต้องพูดกับพวกเธอเรื่องการคัดตัวคีปเปอร์คนใหม่ด้วย และฉันมีเรื่องต้องพูดกับเกรนเจอร์" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอก และแฮรี่ก็เดินตามคนอื่นๆ ออกไป
"พอตเตอร์ สำหรับเรื่องการคัดตัวคีปเปอร์คนใหม่" มาดามฮูซบอกกับแฮร์รี่เมื่อออกจากห้องทำงานของศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาแล้ว พร้อมกับดึงม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและคลี่มันออกให้แฮร์รี่ดู
"นี่เป็นใบประกาศเรื่องการคัดตัว ฉันอยากให้เธอเอาไปติดที่ห้องนั่งเล่นรวมบ้านของเธอ วันเวลาการคัดตัวระบุไว้หมดแล้ว ฉันจองสนามไว้สำหรับการคัดตัวนักกีฬาของแต่ละบ้านไว้คนละวันกัน เพื่อไม่ให้ทีมของบ้านอื่นๆ เข้ามาดูการคัดตัวได้ เพื่อความยุติธรรมน่ะ จริงมั๊ย"
"ครับ แล้ว...เอ่อ...ผมต้องทำอะไรอีกครับ" แฮร์รี่ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
"เธอก็ต้องทำการคัดเลือกน่ะซิ" มาดามฮูซขมวดคิ้วใส่แฮร์รี่ราวกับว่าเขาถามอะไรไม่เข้าท่า
"เธอต้องเป็นคนกำหนดวิธีการคัดเลือกเอง แล้วเธอก็ต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เธอเข้าใจนะ พอตเตอร์"
"ผมต้อง...ทำคนเดียวเลยเหรอครับ" แฮร์รี่รู้สึกว่าเขาเริ่มมีภาระหน้าที่หนักซะแล้ว
"ความจริงแล้วมันเป็นหน้าที่ของกัปตันทีมโดยตรงนะ แต่ถ้าเธอจะให้เพื่อนๆ ในทีมช่วยกัน มันก็ไม่ผิดอะไรหรอก" มาดามฮูซตอบ
"ไม่ล่ะแฮร์รี่ เรายกหน้าที่ให้นายนะ" เฟร็ดรีบพูดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตบบ่าแฮร์รี่เบาๆ และส่งยิ้มให้ "อะไรกันเฟร็ด!" อลิเซีย สพินเน็ต เชสเซอร์อีกคนพูดกับเฟร็ด
"เราทุกคนจะช่วยแฮร์รี่ ใช่มั๊ย?" เธอทำตาดุใส่เฟร็ด
"ไม่เป็นไร อลิเซีย ฉันจะลองคิดดูก่อน แล้วฉันค่อยมาถามความเห็นพวกเธอ โอเคมั๊ย" แฮร์รี่รีบบอก
"เป็นอันตกลงเรียบร้อยนะ" มาดามฮูซพูดขึ้น แล้วส่งม้วนกระดาษให้แฮร์รี่
"แล้วฉันจะไปดูการคัดตัวด้วย ทำให้ดีๆ นะพวกเธอ" พูดจบ มาดามฮูซก็เดินแยกไปยังห้องโถงกลาง
"ไปกันเถอะแฮร์รี่ งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว" จอร์จบอกแฮร์รี่
"พวกนายไปกันก่อนเถอะ ฉันคิดว่าจะรอเฮอร์ไมโอนี่นะ" แฮร์รี่ตอบ คนอื่นๆ ในทีมจึงเดินกลับไปที่ห้องโถงกลาง แฮร์รี่จึงยืนอยู่คนเดียวหน้าห้องทำงานของศาสตราจารย์มักกอนนากัล
ครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินออกมาพร้อมกับศาสตราจารย์มักกอลนากัล
"อ้าว! พอตเตอร์ ยังไม่ไปร่วมงานเลี้ยงอีกเหรอ" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
"ผมรอเฮอร์ไมโอนี่น่ะครับ" แฮร์รี่ตอบ
"งั๊นหรือ เอาล่ะ เราควรไปที่ห้องโถงกันได้แล้วนะ งานเลี้ยงคงเริ่มแล้ว" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด และเดินนำเด็กทั้งสองไป
เมื่อถึงห้องโถงกลาง แฮร์รี่พบว่าการคัดสรรได้จบไปแล้ว และงานเลี้ยงได้เริ่มไปแล้วครู่หนึ่ง ทุกโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศที่ถูกส่งขึ้นมา ศาสตราจารย์มักกอนนากัลแยกไปนั่งที่โต๊ะอาจารย์ แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ข้างๆ รอน
"มีเรื่องอะไรหรือ?" รอนถามเมื่อพวกเขานั่งลงแล้ว
"อาจารย์ให้ฉันเป็นกัปตันทีมคนใหม่น่ะ" แฮร์รี่ตอบ รอนไม่ประหลาดใจเท่าใดนัก
"แล้วเธอล่ะ?" รอนหันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ "อ๋อ เรื่องหน้าที่ของพรีเฟ็คน่ะ แล้วก็รหัสเข้าบ้านใหม่ของเทอมนี้" เฮอร์ไมโอนี่ตอบและหันไปตักสเต็กเนื้อแกะใส่จานของเธอ
"แล้วรหัสใหม่คืออะไรล่ะ" รอนถาม
"ไม่บอกหรอก" เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
"ไว้รู้พร้อมทุกคนที่หน้ารูปภาพซิ" พูดจบเธอก็หันไปจัดการกับมันฝรั่งทอด
"เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องเคร่งเลย" รอนหันมาบ่นกับแฮร์รี่
"บอกหน่อยก็ไม่ได้ เออ! แฮร์รี่ ดูที่โต๊ะอาจารย์ซิ อาจารย์คนใหม่ล่ะ" รอนพยักเพยิดไปทางโต๊ะอาจารย์ แฮร์รี่ไล่สายตาไปตามโต๊ะอาจารย์ และเห็นอาจารย์คนใหม่ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตายุ่งอยู่กับอาหารในจานของเธอ เธอเป็นหญิงชราที่ดูแล้วคงอายุไม่*งจากดัมเบิลดอร์สักเท่าไหร่
"อาจารย์ชื่ออะไรน่ะ" เฮอร์ไมโอนี่หันมาถาม
"ศาสตราจารย์ฟิกก์" รอนตอบ
"อาราเบลล่า ฟิกก์..." แฮร์รี่หันไปมองที่โต๊ะอาจารย์อีกครั้ง แล้วเขาก็ต้องสำลักซุปที่เขาเพิ่งตักเข้าปากเมื่อเขาเห็นใบหน้าของศาสตราจารย์ฟิกก์ที่เงยหน้าขึ้นมาอย่างชัดๆ เขาว่าแล้วเชียวว่าเธอดูคุ้นตาอย่างประหลาด
"นั่นมันมิสซิสฟิกก์นี่!" แฮร์รี่บอกเพื่อนทั้งสองอย่างตื่นเต้น
"เธอรู้จักหรือแฮร์รี่?" เฮอร์ไมโอนี่ถาม
"ใช่น่ะซิ!" แฮร์รี่ตอบ
"เธอคือคนที่ฉันไปอยู่ด้วยตอนที่พวกเดอสลีย์ไม่อยู่บ้านไงล่ะ!"
"จริงหรือแฮร์รี่!" รอนร้องขึ้น
"นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้วนะ"
"ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอเป็นแม่มด!" แฮร์รี่พูดต่อ
"ฉันคิดมาตลอดว่าเธอเป็นแค่หญิงชราสติไม่ค่อยดีคนนึงเท่านั้น"
"มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะแฮร์รี่ ดัมเบิลดอร์ต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้แน่ๆ ตอนที่ให้นายไปอยู่ที่บ้านเดอสลีย์น่ะ" รอนออกความเห็น
"พวกเธอจะสงสัยไปทำไมกันนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเบื่อหน่าย
"ยังไงตอนนี้เขาก็มาเป็นอาจารย์ของพวกเราแล้ว อยากรู้ก็ไว้ถามเขาซิ ไม่เห็นจะยาก"
"จริงของเธอ หลังงานเลี้ยงฉันจะไปถามเขาล่ะ" แฮร์รี่บอก เขายังคงมองอยู่ที่โต๊ะอาจารย์สักครู่ ก่อนที่จะหันมาสนใจกับอาหารชั้นเลิศที่อยู่ตรงหน้าแทน

หลังงานเลี้ยง แฮร์รี่และรอนรีบตรงไปที่โต๊ะอาจารย์ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เรียกเด็กปีหนึ่งของบ้านกริฟฟินดอร์ให้มารวมกัน เพื่อพาไปยังหอคอยบ้านกริฟฟินดอร์
"มิสซิสฟิกก์ครับ เอ่อ..ไม่ใช่ซิ ขอโทษครับ ศาสตราจารย์ฟิกก์" แฮร์รี่ตรงเข้าไปหาศาสตราจารย์ฟิกก์ ศาสตราจารย์ฟิกก์หันหน้ามายิ้มให้เด็กทั้งสองอย่างช้าๆ แฮร์รี่รู้สึกเธอช่างดูแตกต่างจากมิสซิสฟิกก์ที่เขาเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง ศาสตราจารย์ฟิกก์ให้บรรยากาศที่ดูจริงจังเคร่งขรึมคล้ายศาสตราจารย์มักกอนนากัล แต่ก็มีความใจดีและแววตาที่ดูสนุกสนานอ่อนโยนอย่างศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
"ว่าไงจ๊ะ?" ศาสตราจารย์ฟิกก์ถาม
"คือว่า ผม...เอ่อ...ผมตกใจมากเลยครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณเป็นแม่มด ตลอดเวลาที่ผม...." แฮร์รี่ละล่ำละลัก
"ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ" เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มใจดีมาให้
"ฉันแค่ทำตามหน้าที่.." ยังไม่ทันที่ศาสตราจารย์ฟิกก์จะพูดอะไรต่อไป เฮอร์ไมโอนี่ก็เข้ามาขัดเสียก่อน "ขอโทษค่ะศาสตราจารย์" เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น
"แฮร์รี่ รอน! พวกเราจะไปกันแล้วนะ!" แฮร์รี่หันไปมอง และเห็นเด็กนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์กำลังทยอยเดินออกจากห้องโถงกันไปกลุ่มใหญ่
"เอาไว้คุยเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้จ๊ะ เรามีเวลาเจอกันอีกหลายเทอม" ศาสตราจารย์ฟิกก์บอกอย่างใจดี
"พวกเธอควรจะไปพักผ่อนกันได้แล้วนะคืนนี้ เดินทางมาคงจะเหนื่อย"
"ครับ" แฮร์รี่รับคำ แล้วแฮร์รี่กับรอนก็เดินไปรวมกลุ่มกับเด็กกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ ขึ้นบันไดมุ่งสู่หอบ้านกริฟฟินดอร์ โดยมีเฮอร์ไมโอนี่เดินนำพวกเด็กนักเรียนไปจนถึงรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน
"รหัสเข้าบ้านคือ เอลฟ์ประจำบ้าน" เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนบอกให้ทุกๆ คนได้ยิน และรูปภาพก็เหวี่ยงออก เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ข้างรูปภาพ รอให้พวกเด็กๆ ปีหนึ่งเข้าไปยังห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ก่อน
"เธอยังไม่เลิกเรื่อง สรรสอ นี่อีกหรือ" รอนถามเมื่อเขาเดินมาถึงเฮอร์ไมโอนี่
"ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเป็นคนตั้งย่ะ! ไม่ใช่ฉัน" เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างหงุดหงิด และรอนก็หัวเราะขำไปตลอดทางจนเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่นรวม เด็กทุกคนเหนื่อยอ่อนเต็มที พวกเดินขึ้นหอนอนของตนเอง แฮร์รี่และรอนเข้าไปยังหอนอนที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ปีห้า และล้มตัวลงนอนหลับสนิทอย่างรวดเร็วบนเตียงของพวกเขาในคืนแรกของเทอมนี้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าวัตถุที่ส่องแสงสีทองบินผ่านปราสาท

เช้าวันแรกของเทอม แฮร์รี่ตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อเอาประกาศการคัดเลือกนักกีฬาควิดดิชมาติดบริเวณห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์
"นายตื่นมาทำอะไรแต่เช้าน่ะ แฮร์รี่" รอน ซึ่งเดินงัวเงียลงมาจากหอนอนถาม
"ก็นี่ยังไงล่ะ" แฮร์รี่ตอบ พลางใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ไปยังประกาศที่เพิ่งติดไป
"ไหน?" รอนขยี้ตาเพื่อให้สามารถอ่านประกาศได้ชัดๆ
"ว้าว! แฮร์รี่ นายคิดว่ายังไงถ้าฉันจะสมัครน่ะ!"
"ก็ดีซิ นายจะได้มาเล่นกับฉันไง" แฮร์รี่ตอบอย่างกระตือรือร้น
"ฉันว่ามันไม่ค่อยดีนะแฮร์รี่ รอน..." เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นด้านหลังของพวกเขา
"ทำไมล่ะ?" แฮร์รี่ขมวดคิ้วถาม รอนมีสีหน้าออกจะเคืองๆ
"ก็ถ้ารอนได้เป็นคีปเปอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะฝีมือของเขาก็เถอะ แต่คนอื่นๆ จะคิดยังไงล่ะแฮร์รี่ ฉันเข้าใจว่าเธอต้องเป็นคนตัดสินใช่มั๊ย?" เฮอร์ไมโอนี่ถาม
"ก็...ก็ใช่น่ะ..." แฮร์รี่รับ รอนมีสีหน้าสลดลง
"จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ว่าล่ะ แฮร์รี่..." รอนพูดเสียงเนือยๆ อย่างยอมรับความจริง
"ใครๆ ก็คงคิดว่านายเข้าข้างฉัน คิดว่าฉันใช้เส้นสาย อะไรทำนองนั้น นี่ยังไม่นับว่าฉันมีพี่ชายอีกสองคนอยู่ในทีมด้วยอีกนะ"
"แต่...ถ้านายมีฝีมือจริงๆ ใครจะว่าก็ช่างเขาซิ" แฮร์รี่บอก
"ฉันว่าอย่าดีกว่า.." รอนพูดอย่างจนปัญญา
"แค่นี้ฉันก็โดนมัลฟอยดูถูกเรื่องครอบครัวฉันจะแย่แล้ว ถ้าฉันต้องทนฟังหมอนั่นถากถางเรื่องใช้เส้นสายเข้าทีมควิดดิชอีก ฉันคงต้องมีเรื่องกับมันแน่ๆ แล้วฉันก็ไม่อยากให้คนในบ้านกริฟฟินดอร์มองฉันแปลกๆด้วย...เอาเถอะน่า แฮร์รี่..." รอนพูดเมื่อเห็นแฮร์รี่มีท่าทีรู้สึกผิด
"ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย นายเล่นควิดดิชได้เยี่ยมมาก และนายก็เหมาะสมกับตำแหน่งกัปตันทีมมาก ยังไงฉันก็ชอบดูนายเล่นในสนามมากกว่าอยู่ดีล่ะ" แฮร์รี่รู้ว่ารอนพยายามพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น นั่นคงเพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องผิดใจกันเหมือนเมื่อปีที่แล้วอีก แต่ยังไงแฮร์รี่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีที่การที่เขาเป็นเพื่อนสนิทกับรอน ทำให้รอนหมดโอกาส
"ลงไปกินข้าวกันดีกว่า ฉันหิวจะแย่แล้ว" เฮอร์ไมโอนี่ชวนเพื่อนทั้งสอง และทั้งหมดก็เดินไปยังห้องโถงกลางด้วยกัน
"ชั่วโมงแรกเรียนอะไรน่ะ" รอนถามเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เธอไปรับตารางสอนมาจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่โต๊ะอาหารเช้า
"วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด" เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
"เยี่ยมเลย!" รอนร้องขึ้น
"นายจะได้ถามอาจารย์ไง เรื่องที่เขาไปอยู่ที่ซอยพรีเว็ตได้ยังไง"
"ไม่ใช่ซะหน่อย เธออยู่*งไปสองซอยต่างหาก" แฮร์รี่แก้
"นั่นล่ะๆ ก็คล้ายๆกันนั่นแหละ ปัญหาคือ ทำไมเธอถึงไปอยู่แถวนั้น" รอนเปิดประเด็น
"บางทีอาจจะแค่บังเอิญก็ได้" แฮร์รี่ออกความเห็น
"ไม่หรอก...ฉันว่า...เธอต้องไปคุ้มกันนายแน่ๆ แฮร์รี่ คอยเฝ้าดูอยู่*งๆ ดัมเบิลดอร์ต้องเป็นคนบอก....." รอนเสนอความคิด
"จะยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้เขาก็มาเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่แล้ว และดัมเบิลดอร์ก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาคงไม่ได้ตามมาคุ้มกันเธอถึงที่นี่หรอกนะ จริงมั๊ย?" เฮอร์ไมโอนี่ว่า
"ช่างเถอะ ยังไงฉันก็จะถามเขาแน่ หลังเลิกเรียน..." แฮร์รี่บอก และจัดการกับอาหารเช้าของเขาต่อไป

"สวัสดี จ๊ะเด็กๆ" ศาสตราจารย์ฟิกก์เอ่ยทักทายชั้นเรียนทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้อง ศาสตราจารย์ฟิกก์กวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ เด็กนักเรียนทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดจากอาจารย์คนใหม่ พวกเขาออกจะตื่นเต้น เพราะทุกๆ ปี อาจารย์แต่ละคนมีวิธีการสอนที่ไม่ซ้ำกันเลย และอาจารย์ที่สอนวิชานี้ที่พวกเขาชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นศาสตราจารย์ลูปิน
"ฉันคิดว่าเราควรจะทำความรู้จักกันก่อน" ศาสตราจารย์ฟิกก์พูดอย่างนุ่มนวล พลางหยิบรายชื่อนักเรียนออกมา และเริ่มขานชื่อทีละคน
"เอาล่ะ ทีนี้ฉันก็รู้จักพวกเธอแล้ว" เธอพูดเมื่อขานชื่อจบ
"ทีนี้พวกเธอก็ควรจะรู้จักฉันบ้าง อย่างที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ได้แนะนำไปแล้วที่งานเลี้ยงเมื่อคืน ฉัน..ศาสตราจารย์อาราเบลล่า ฟิกก์" เธอหยุดเว้นจังหวะนิดหนึ่ง เด็กๆ รอฟัง
"หลายปีมาแล้วที่ฉันหายไปจากชุมชนพ่อมดแม่มด หลายๆ คนคิดว่าฉันตายไปแล้วด้วยซ้ำ บางคนก็ว่าว่าฉันถูกพวกพ่อมดศาสตร์มืดฆ่าตายไปแล้ว..." เด็กหลายคนดูจะงุนงงและตกใจกับการแนะนำตัวเองที่เปิดเผยและน่าตระหนกอย่างนี้
"ฉันเคยสอนอยู่ที่นี่มาก่อน แต่นั่นก็หลายสิบปีมาแล้ว และเมื่อเกิดพ่อมดศาสตร์มืดขึ้นมากมาย กระทรวงจึงขอให้ฉันไปปฏิบัติหน้าที่อื่นแทน ทำให้ฉันต้องไปเป็นมือปราบมารอยู่หลายปีทีเดียว..." แฮร์รี่ออกจะทึ่ง เขาได้เรียนรู้วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่น่าตื่นเต้นเมื่อปีที่แล้วจากศาสตราจารย์มูดดี้ ซึ่งเคยเป็นมือปราบมารมาก่อน แม้ว่านั่นจะไม่ใช่มูดดี้ตัวจริงก็เถอะ
"จากนั้นฉันก็ออกไปใช้ชีวิตโดดเดี่ยวระยะหนึ่ง จนเมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ขอให้ฉันกลับมาสอน เพราะว่าตำแหน่งนี้ว่างอยู่ และหาคนที่อยากจะมาสอนได้ยาก เพราะเหตุนี้ ฉันจึงมาที่นี่ และจะมาสอนพวกเธอถึงวิธีการรับมือกับศาสตร์มืดทั้งหลาย และฉันหวังว่าพวกเธอจะทำได้ดีนะ" ศาสตราจารย์ฟิกก์จบการแนะนำตัวของเธอ และเริ่มเปิดหนังสือ
"เอาล่ะ เริ่มเรียนกันดีกว่า ฉันพบว่าพวกเธอได้เรียนรู้เรื่องสัตว์ร้ายที่มีภัยมาพอสมควรแล้ว และก็ได้เรียนคาถาที่ร้ายแรงมาบ้าง แม้ว่าจะไม่สมควรก็เถอะ ดังนั้นฉันคิดว่า เราควรจะมาเรียนในส่วนที่ขาดหายไปนะ ในเทอมแรกนี้เราจะมาเรียนเรื่องสัตว์มีภัยที่อันตรายมากยิ่งขึ้นกันก่อน เอาล่ะเปิดหนังสือไปที่หน้า 53..."

ชั้นเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดในปีนี้ค่อนข้างดีทีเดียว พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์อันตรายที่กระทรวงเวทมนตร์จัดไว้ในประเภท XXXXX และวิธีรับมือกับมัน หรืออย่างน้อยก็เอาตัวรอดจากสัตว์เหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้ทดลองปฏิบัติจริง เพราะมันอันตรายมากเกินไป เมื่อกริ่งหมดชั่วโมงดังขึ้น เด็กๆ ต่างเก็บกระเป๋าของตัว ("โชคดีจริงๆ! อาจารย์ไม่สั่งการบ้าน" รอนกระซิบอย่างยินดีกับแฮร์รี่) แฮร์รี่รีบเก็บกระเป๋าและเดินไปหาอาจารย์ที่โต๊ะ
"อาจารย์ครับ..." แฮร์รี่พูดขึ้น
"ว่าไงจ๊ะ" ศาสตราจารย์ฟิกก์ตอบเสียงเอ็นดู
"ผมมีเรื่องอยากจะถามครับ" แฮร์รี่บอก
"ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าเธออยากจะถามเรื่องอะไร..." ศาสตราจารย์ตอบ
"หรือครับ? ถ้าอย่างนั้น..." แฮร์รี่พูดต่อ
"แล้วฉันก็รู้ว่าเธอต้องอกแตกตายแน่ถ้าฉันไม่ตอบเธอ แต่...แฮร์รี่..." ศาสตราจารย์ฟิกก์บอกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับเอื้อมมือมาจับไหล่ของเขา
"เรื่องมันยาวมากเลยจ๊ะ เด็กน้อย... ฉันไม่คิดว่าพูดที่นี่จะสะดวกหรอกนะ เอาอย่างนี้เป็นไง บ่ายวันศุกร์เธอว่างไม่ใช่หรือ? ฉันเองก็ไม่มีสอนพอดี เธอไปหาฉันที่ห้องทำงานแล้วกัน แล้วฉันจะตอบทุกอย่างที่เธออยากรู้ เท่าที่ฉันจะตอบได้ โอเคมั๊ยจ๊ะ"
"ได้ครับ..." แฮร์รี่รับคำ
"เอ่อ...แต่ผมขอถามอะไรสั้นๆ... ได้มั๊ยครับ?" แฮร์รี่ถาม
"อะไรจ๊ะ?"
"เจ้า...สโนว์อี้ ทิปเปิ้ล และทัฟฟี เป็นยังไงบ้างครับ..." แฮร์รี่ยิ้ม ศาสตาจารย์ฟิกก์ก็ยิ้มกว้างให้แฮร์รี่เช่นกัน

บทที่ 5 การคัดเลือก



เมื่อถึงบ่ายวันศุกร์ที่แฮร์รี่นัดกับศาสตราจารย์ฟิกก์ไว้ว่าจะคุยกันถึงเรื่องที่ค้างขาในใจของเขา เขาตกลงที่จะไปคนเดียว เพื่อที่อาจารย์จะได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังได้อย่างไม่ลำบากใจ เขาตรงไปที่ห้องทำงานของเธอ และเคาะประตู
"เข้ามาได้จ๊ะ" เสียงศาสตราจารย์ฟิกก์ตอบกลับมา แฮร์รี่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของอาจารย์ เขาพบว่ามันได้รับการตกแต่งในสไตล์ที่เรียบง่าย ทว่า ดูน่าเกรงขามราวกับว่ามีพ่อมอแม่มดนับสิบคนยืนจ้องมองเขาอยู่
"นั่งสิจ๊ะ..." ศาสตราจารย์บอกเขาอย่างนุ่มนวล แฮร์รี่นั่งลงพลางมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง ศาสจารย์ฟิกก์คงจะรู้สึกถึงความประหลาดใจของแฮร์รี่ได้
"บรรยากาศไม่ค่อยเหมือนบ้านเก่าของฉันใช่มั๊ยจ๊ะ"
"ครับ.." แฮร์รี่รับคำ
"ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหรือครับ ทำไมอาจารย์ถึงไปอยู่ที่นั่นล่ะครับ?" แฮร์รี่ถามสิ่งที่เขาคาใจในทันที
"ฉันทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำเท่านั้นจ๊ะ" เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา
"จริงๆ แล้วศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ตั้งใจจะทำเอง แต่ฉันขอร้องเขา ฉันคิดว่าเขาจำเป็นสำหรับฮอกวอตส์มากกว่า.."
"ทำอะไรหรือครับ?" แฮร์รี่ถามด้วยความสงสัย
"เธอเคยนึกสงสัยบ้างมั๊ยว่าทำไมเธอถึงสามารถอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกมักเกิ้ลได้นานเป็นสิบปี โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มคนที่สนับสนุนโวลเดอมอร์น่าจะโกรธแค้น และพยายามตาม หาและทำร้ายเธอ เคยสงสัยบ้างมั๊ยจ๊ะ" เธอเริ่มต้นอธิบายให้เขาฟัง แฮร์รี่คิด จริงอย่างที่อาจารย์ว่า นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่เขาสามารถอยู่รอดปลอดภัยมาได้ตลอด(ถ้าไม่นับการถูกข่มเหงรังแกจากพวกเดอสลีย์) ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...
"อาจารย์ไปอยู่คอยคุ้มครองผม อย่างนั้นหรือครับ?" แฮร์รี่ตอบและจ้องมองดูเธอ
"ถูกแค่ครึ่งเดียวจ๊ะ" เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เขา
"เธอคิดว่าทำไมดัมเบิลดอร์ถึงให้เธอไปอยู่กับพวกมักเกิ้ล ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าพวกนั้นต่างกับพวกเราสุดขั้วมากขนาดไหน"
"การที่ผมต้องอยู่กับพวกเดอสลีย์....มันมีเหตุผลด้วยหรือครับ?" แฮร์รี่ถามด้วยความงุนงง นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
"มีเวทมนตร์โบราณที่เก่าแก่มากอยู่บทหนึ่ง...." ศาสตราจารย์ฟิกก์อธิบาย
"มันสามารถปกป้องคุ้มครองเราจากศาสตร์มืดใดๆ ทั้งปวงได้ ไม่มีอำนาจเวทมนตร์ใดๆ จะสามารถแตะต้องเธอได้ ถ้าใช้เวทมนตร์บทนี้ เพียงแต่ว่า มันมีข้อจำกัดหลายประการ จึงจะทำให้เวทมนตร์บทนี้ใช้ได้ผลโดยสมบูรณ์..." เธอหยุดนิดหนึ่ง
แฮร์รี่ตั้งใจรอฟังต่อไป เขาต้องการรู้ว่าพวกเดอสลีย์มีส่วนเกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องนี้ และเขาก็สงสัยยิ่งนักว่าพวกนั้นจะรู้เรื่องนี้บ้างหรือเปล่า
"มันจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อเราอยู่ในอาณาบริเวณที่มีคนที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ร่วมด้วย - - แม้ว่าจะมีความเกี่ยวดองทางสายเลือดดน้อยนิดเพียงใด - - ไม่เช่นนั้นเวทมนตร์บทนี้จะไม่ได้ผลเลย และนอกจากนี้..."
"อะไรหรือครับ?" แฮร์รี่อยากรู้ต่อไปอีก จากที่อาจารย์บอก เขาแน่ใจว่าพวกเดอสลีย์ต้องไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงส่งแฮร์รี่ไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเสียตั้งแต่วันแรกที่เห็นแฮร์รี่ที่หน้าประตูบ้านเป็นแน่
"นอกจากนี้ เวทมนตร์บทนี้จำเป็นต้องมีการใช้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเวทมนตร์จะค่อยๆ เสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไปสักสองสามเดือน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีคนคอยทำหน้าที่นี้ คอยร่ายเวทมนตร์เมื่อมันเสื่อมลง และอย่างที่ฉันบอกเธอ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ตั้งใจจะทำหน้าที่นี้เอง แต่ฉันเสนอตัวเข้ามาแทน เพราะฉันเชื่อว่าเขามีหน้าที่อีกมากที่ต้องทำ และเวทมนตร์บทนี้ก็มีพ่อมดแม่มดจำนวนไม่มากที่ใช้มันได้ โชคดีที่ฉันเป็นหนึ่งในนั้น อ้อ...แล้วอีกอย่างหนึ่ง ฉันก็รู้จักพ่อกับแม่ของเธอด้วย พวกเขาน่ารักมากตอนที่เรียนกับฉัน ถึงจบออกไปแล้วก็ยังไม่เปลี่ยน ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่คอยปกป้องลูกของพวกเขา แม้ว่าฉันจะต้องเสียสละวิถีชีวิตแบบแม่มดของฉันไปบ้างก็ตาม..." เธอเล่าเรื่องทั้งหมดในคราวเดียวด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู แฮร์รี่พูดไม่ออก เขารู้สึกตื้อไปหมด หรือบางทีอาจจะเรียกได้ว่าตื้นตันที่ได้รู้ว่ามีคนคอยปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา โดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวเลย
"ในบางเวลาที่เธออาจจะไม่ได้อยู่กับพวกมักเกิ้ล เวลาที่พวกเขาไปที่อื่นโดยที่ไม่ต้องการเอาเธอไปด้วยนั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อเธอที่สุด" เธอเล่าต่อเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ไม่พูดอะไร
"เธอยังปลอดภัยเมื่ออยู่ที่โรงเรียน เพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอก็เรียนอยู่ที่นั่น แต่ยามที่ไม่มีใครอยู่เลยนี่สิ นี่เป็นปัญหาที่ฉันกับดัมเบิลดอร์ช่วยกันคิด..."
"แล้วเราก็ตัดสินใจได้ ฉันตั้งใจแสดงตัวว่าเป็นแค่คนแก่สติไม่ค่อยดีที่อยู่ตัวคนเดียว - - หรือจริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเป็นแม่มดที่ไปอาศัยอยู่ในถิ่นของพวกมักเกิ้ลก็ได้ ถึงทำให้ฉันดูเป็นคนสติไม่ค่อยดีไป - - และทำให้เพื่อนบ้านอื่นๆใน บริเวณนั้นดูยุ่ง และไม่มีเวลารับดูแลเธอได้ บางทีฉันก็ต้องเสกคาถาทำให้พวกนั้นหลงคิดว่าวันนั้นมีนัดหรือมีธุระด่วน เพื่อที่พวกมักเกิ้ลที่เธออยู่ด้วยจะได้พาเธอมาฝากไว้กับฉัน ฉันสามารถคุ้มครองเธอในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ต้องไม่ให้เธอรู้ว่าฉันเป็นแม่มดด้วยเหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่ดัมเบิลดอร์ย้ำกับฉัน เธอไม่ควรรู้จนกว่าจะถึงเวลา.." แฮร์รี่ยังคงนิ่งฟัง
"เธอจำได้มั๊ย วันที่เธอมาอยู่กับฉัน และพบว่าฉันขาหักน่ะ เธอคงเข้าใจว่าฉันสะดุดแมวเข้า หรืออะไรทำนองนั้นใช่มั๊ย?" เธอถามแฮร์รี่
"ครับ" แฮร์รี่ตอบ
"ที่จริงแล้ว คืนก่อนนั้นน่ะ มีพวกพ่อมดศาสตร์มืดบางคนที่รู้เรื่องที่อยู่ของเธอ และรู้ว่าว่าฉันใช้เวทมนตร์ปกป้องเธออยู่ พวกนั้นลอบเข้ามาทำร้ายฉัน หวังว่าจะทำลายเวทมนตร์ลงได้ เกิดการต่อสู้ขึ้น ฉันพลาดท่าจนขาหัก คิดว่าจะแย่เสียแล้ว พอดีมือปราบมารคนหนึ่งตามกลิ่นมันมาได้ทัน และจับมันไป นี่ยังส่งผลให้ตามจับพวกนี้ได้อีกหลายคน ตอนนี้ยังอยู่ในอัซคาบันอยู่เลย..." ศาสตราจารย์เล่าต่อ
ในที่สุด แฮร์รี่ก็รู้สึกจะมีคำพูดมาพูดบ้างแล้ว
"เรื่องทั้งหมดนี่มัน....เหลือเชื่อมากเลยครับ"
"ก็นั่นสินะ.." เธอเห็นด้วยกันกับเขา
"แต่ทั้งหมดนี่คือความจริง ดัมเบิลดอร์ไม่ต้องการให้เธอรู้หรอก แต่ตั้งแต่ที่ฉันตกลงมารับตำแหน่งที่นี่ ดัมเบิลดอร์ก็บอกกับฉันไว้แล้วว่าเธอต้องถามเรื่องนี้แน่"
"แต่นั่นก็ไขปริศนาทุกอย่าง เรื่องทุกอย่างลงตัวกันพอดี ผมไม่คิดว่าจะมีความลับอะไรทำให้ผมประหลาดใจได้อีกแล้วล่ะครับ" แฮร์รี่บอก
"มันก็ไม่แน่หรอกจ๊ะ...." ศาสตราจารย์บอกเขา
"ยังมีเรื่องอีกมากมายในโลกนี้ที่รอคอยการค้นหาคำตอบ"
"ครับ..." แฮร์รี่พูด
"ฉันคิดว่าเธอคงจะกระจ่างทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉันแล้วนะ"
"ครับ..." แฮร์รี่ตอบทั้งๆ ที่รู้สึกเหมือนมีคำถามอีกมากมายที่เขาต้องการคำตอบ แต่ตอนนี้เขานึกไม่ออกว่ามันคือเรื่องอะไร ในหัวของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด
"ถ้าอย่างนั้น ฉันคิดว่าเธอน่าจะไปร่วมกับเพื่อนๆ ที่ห้องนั่งเล่นรวมได้แล้วนะ หรือบางทีอาจจะไปเตรียมตัวเรื่องการคัดตัวนักกีฬาควิดดิช สุดสัปดาห์นี้แล้วนี่ ใช่มัยจ๊ะ?" ศาสตราจารย์ถาม
"ครับ แต่ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยครับ" แฮร์รี่ตอบ
และในทันทีเขาก็รู้สึกว่าควรจะเริ่มคิดทำอะไรได้แล้ว วันอาทิตย์ดูใกล้เข้ามาทุกวินาที
"งั๊นก็ไปเถอะจ๊ะ ขอให้โชคดีนะจ๊ะ" ศาสตรจารย์อวยพร
"ขอบคุณครับ" แฮร์รี่ตอบรับ และลาออกมาจากห้องทำงานของศาสตราจารย์ฟิกก์ และมุ่งหน้ากลับไปยังหอบ้านกริฟฟินดอร์เพื่อเล่าให้รอนและเฮอร์ไมโอนี่ฟัง
"โอ้โห! แฮร์รี่ ฉันรู้มาตลอดว่านายมีแต่คนคอยดูแลนะ แต่ไม่คิดว่าจะมีการเตรียมพร้อมขนาดนี้" รอนพูดขึ้นทันทีที่แฮร์รี่เล่าจบ "ฉันเคยอ่านเกี่ยวกับเวทมนตร์โบราณมาบ้างนะ.." เฮอร์ไมโอนี่ให้ความเห็น
"แต่เวทมนตร์แบบนี้ฉันไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย นี่ต้องเป็นเวทมนตร์ที่พิเศษมากๆ แล้วก็เก่าแก่มากๆ ด้วย" "เอาล่ะ นั่นก็เป็นที่เข้าใจได้ทั้งหมดล่ะนะ แต่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นอีกในตอนนี้" แฮร์รี่บอก
"อะไร?" รอนถาม
"การคัดเลือกนักกีฬาควิดดิชไง ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย" แฮร์รี่ตอบ
"ไม่เห็นจะยาก ก็แค่ดูว่าใครเล่นได้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง" รอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
"ไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่นๆ ได้นะ เธอก็รู้ ใครๆ ก็อยากเล่นเป็นตัวแทนของบ้านทั้งนั้น ถ้าเราไม่ทำให้ดี ก็จะมีคนมาว่าทีหลังได้" เฮอร์ไมโอนี่ดุรอน
"ก็ได้ๆ งั๊นมาช่วยแฮร์รี่คิดกันดีกว่า" รอนบอก
"ฉันต้องขอตัวก่อนนะ" เฮอร์ไมโอนี่บอกแฮร์รี่กับรอน พลางลุกขึ้นยืน
"ขอโทษจริงๆ แฮร์รี่ที่ฉันอยู่ช่วยเธอไม่ได้ ฉันนัดกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอาไว้"
"อะไรกัน! จะขอการบ้านเพิ่มหรือยังไง" รอนร้องขึ้น
"บ้าน่า!" เธอตวาดรอน
"อาจารย์ต้องการคุยกับฉันเกี่ยวกับ..." เฮอร์ไมโอนี่ชะงักเล็กน้อย
"เรื่องของพรีเฟ็คน่ะ"
"โอ๊ย! สำคัญจะแย่แล้ว" รอนพูดกับแฮร์รี่ หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ปีนออกจากช่องรูปภาพไปแล้ว
"ก็แค่เดินไปเดินมา พยายามจับผิดว่ามีใครที่ทำผิดกฎบ้างก็เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่เพอร์ซี่เคยทำล่ะ"
และแล้วเช้าวันอาทิตย์ก็มาถึง จะมีการคัดเลือกคีปเปอร์ของกริฟฟินดอร์ในตอนเก้าโมงของวันนี้ แฮร์รี่กับรอนลงมารับประทานอาหารเช้าที่โต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้อยู่ด้วย ปาราวตี พาติล บอกกับทั้งสองว่าเห็นเฮอร์ไมโอนี่ตื่นตั้งแต่เช้า และออกไปจากหอบ้านกริฟฟินดอร์ โดยไม่ได้บอกใครว่าไปที่ไหน แฮร์รี่และรอนคิดว่าเธอคงไปปฏิบัติหน้าที่พรีเฟ็คของเธออยู่กระมัง
"แฮร์รี่! พร้อมมั๊ยกับการคัดเลือกวันนี้น่ะ" เฟร็ดเดินเข้ามาสมทบและถามเขา
"อืม.." แฮร์รี่ตอบรับในลำคอ
"นายจะทำยังไงหรือ บอกพวกเราบ้างซิ " จอร์จถามด้วยความอยากรู้ แฮร์รี่มองหน้ารอนและยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กันโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร
เกือบเก้าโมงเช้า ที่สนามควิดดิช มีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งยืนรอกันอยู่แล้ว ครู่หนึ่ง ทีมนักกีฬาควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ก็เดินเข้ามา พร้อมด้วยมาดามฮูซและศาสตราจารย์มักกอนนากัล รอนไปนั่งดูอยู่ที่อัฒจันทร์พร้อมด้วยเฮอร์ไมโอนี่ที่ตามมาทีหลัง
"เธอไปอยู่ไหนมา?" รอนถามทันทีที่เธอนั่งลงข้างๆ เขา
"อ๋อ ก็ไปเดินตรวจดูรอบๆ น่ะ ตามหน้าที่ ไม่มีอะไรหรอก" เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจและชักชวนให้รอนรอดูการคัดเลือกจะดีกว่า
"เรียบร้อยดีใช่มั๊ย พอตเตอร์" มาดามฮูซถามเขา
"ครับ ผมจัดการได้ครับ" แฮร์รี่ตอบ
"ถ้าอย่างนั้นฉันกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลจะไปนั่งดูอยู่ที่อัฒจันทร์" มาดามฮูซบอก และเธอกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เดินไป
"งั๊นพวกเราก็จะไปรอดูอยู่ที่โน่นด้วยนะ" จอร์จบอกแฮร์รี่
"ไม่ได้หรอก" แฮร์รี่บอก
"พวกนายต้องช่วยฉันด้วย"
"นายจะให้เราทำอะไรหรือแฮร์รี่" เ ฟร็ดถาม นักกีฬาในทีมคนอื่นๆ ต่างก็อยากรู้เช่นกัน
"คืออย่างนี้..." แฮร์รี่ทำท่าให้ทุกคนเข้ามาใกล้ๆ และซุบซิบบอกพวกเขาถึงแผนการคัดเลือกของเขาในวันนี้
"เจ๋งดีนี่แฮร์รี่!" แอนเจลิน่า เชสเซอร์ของกริฟฟินดอร์เอ่ยขึ้น
"งั๊นฉันขอตัวไปวางแผนกับเฟร็ดก่อนนะ" จอร์จบอก
"พวกเราด้วย" แคตี้ เบลล์ เชสเซอร์อีกคนพูดขึ้น
และทั้งห้าคนก็เดินไปพูดคุยกันเงียบๆ ที่ริมสนาม แฮร์รี่เดินเข้าไปในกลุ่มคนที่ส่งเสียงกระซิบกระซาบที่รออยู่ พวกเขาคือคนที่สนใจสมัครเข้าคัดเลือกในวันนี้ เมื่อแฮร์รี่เดินเข้าไป ทุกคนก็เงียบเสียงลง รอคอยให้แฮร์รี่พูด
"เอาล่ะ พวกนายทุกคนคงจะพร้อมสำหรับการคัดเลือกในวันนี้แล้วนะ" แฮร์รี่พูด เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็เตรียมแผนที่คิดมาอย่างดีเรียบร้อยแล้ว
"ตอนนี้ฉันขอดูว่าอยู่กันครบหรือเปล่า ฉันจะเรียกชื่อ จากรายชื่อที่เขียนสมัครไว้บนประกาศอันนี้นะ" แฮร์รี่อ่านชื่อไปเรื่อยๆ มีผู้หญิงเข้าสมัครด้วยสองคน คนหนึ่งเป็นเด็กปีสอง ส่วนอีกคนเป็นเด็กปีสาม ที่เหลืออีกเกือบสิบคนเป็นเด็กผู้ชายที่อยู่ไม่เกินปีสี่
แต่แล้วแฮร์รี่ก็ต้องมาสะดุดกับชื่อสุดท้าย
"คอลิน ครีฟวีย์!" แฮร์รี่ร้องขึ้น คอลินซึ่งเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กมาก แม้ว่าจะอยู่ชั้นปีที่สี่แล้ว แฮร์รี่จึงมองไม่เห็นเขาในกลุ่มคนในตอนแรก เขาชูมือขึ้นจากด้านหลังของกลุ่มคนที่ยืนอยู่
"หวัดดีฮะ แฮร์รี่" คอลินทักทายเขาด้วยเสียงอ่อยๆ ไม่เหมือนปกติที่เขามักจะทักทายแฮร์รี่ด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ตอนนี้เขาดูตื่นตกใจและประหม่ามากๆ อย่างเห็นได้ชัด
"เอาล่ะ ทีนี้ก็เป็นเรื่องของวิธีการคัดเลือกล่ะ" แฮร์รี่บอกกับทุกคนหลังจากที่เขาหายงงแล้ว
"ฉันใช้เวลาคิดอยู่นานทีเดียวว่าจะทำยังไง ถึงจะเกิดความยุติธรรมที่สุด และให้ทุกคนได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่"
"จากการที่ฉันได้เข้าประลองเวทไตรภาคีเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ฉันได้ความคิดนี้ขึ้นมา ดังนั้น พวกนายจะต้องผ่านการทดสอบสามอย่าง และจะได้คะแนนตามความสามารถที่ทำได้ ใครได้คะแนนมากที่สุดก็จะได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมทีม ยุติธรรมดีใช่มั๊ย?" กลุ่มคนเริ่มหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านใดๆ นอกจากมีสีหน้าหวาดหวั่นเข้าแทนที่
"คีปเปอร์" แฮรืรี่พูดต่อหลังจากที่เสียงกระซิบเบาลง
"อย่างที่เรารู้กัน มีหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู่ทำคะแนนได้ แต่ก็ใช่ว่าคุณสมบัติแค่นั้นจะเพียงพอต่อการเป็นคีปเปอร์"
"อย่างที่พวกนายบางคนคงจะได้เห็นมาบ้าง โอลิเวอร์ วู้ด คีปเปอร์คนก่อนของเรามีความสามารถและความกระตือรือร้นสูงแค่ไหน ฉันต้องการคนแบบนี้ หรือจะให้ดีก็เก่งกว่านี้อีก" แฮร์รี่พูดต่อ
แต่แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะพูดพล่ามยืดยาวเหมือนวู้ดเข้าไปทุกทีแล้วเช่นกัน จึงเริ่มเข้าเรื่อง
"การทดสอบแรก คือ การทดสอบความเร็วและความสามารถในการใช้ไม้กวาด ฉันจะให้พวกนายบินโดยใช้ความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ และจากนั้นก็เป็นเรื่องของการบังคับทิศทาง ฉันจะเสกให้ไม้กวาดของโรงเรียนพวกนั้น..." แฮร์รี่ชี้ไปที่ไม้กวาดของโรงเรียนซึ่งพิงอยู่บนกำแพงปราสาทด้านหลัง
"ลอยอยู่กลางอากาศ เพื่อกำหนดตำแหน่งให้พวกนายบินซิกแซก ไปตามที่ฉันกำหนด หากพวกนายบินโดนไม้กวาดเหล่านี้ นายจะถูกหักคะแนน มีคะแนนเต็ม 50 คะแนน ซึ่งฉันจะขอให้มาดามฮูซเป็นคนพิจารณาให้คะแนนแต่ละคน เพื่อความยุติธรรม"
"การทดสอบที่สอง..." แฮร์รี่อธิบายต่อ
"แม้ว่าจะเป็นคีปเปอร์ แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกลูกบลัดเจอร์ทำให้บาดเจ็บและตกจากไม้กวาดได้ พวกนายคงไม่อยากโดนแบบนั้นแน่ - - ฉันเคยเจอมาแล้ว ยืนยันได้ - - ดังนั


Posted by : JK , Date : 2003-04-23 , Time : 20:12:16 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 19


   เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเวปบอดของเราโพสได้ยาวไร้ขีดจำกัดจิงๆ (*.*)

Posted by : Epoo , Date : 2003-04-23 , Time : 20:32:23 , From IP : 203.157.14.247

ความคิดเห็นที่ : 20


   ดู ยู ว้อน ม้อ?

Posted by : JK , Date : 2003-04-23 , Time : 22:51:13 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 21


   เอาอีก เอาอีก
อย่าหยุดไปเฉยๆสิคะ กำลังสนุกเลย ว้า!!!!!!!!!!!!


Posted by : สาวน้อยร้อยชั่ง , Date : 2003-04-25 , Time : 02:04:55 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 22


   คุณความเห็นข้างบน
โพสแบบนี้
ผมเสี้ยว เสียว
oh....yes....yes.!


Posted by : อยาก , Date : 2003-04-25 , Time : 06:00:52 , From IP : 172.29.3.202

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.015 seconds. <<<<<