ความคิดเห็นทั้งหมด : 50

คุณเรียนหมอเพื่ออะไร....


   วันนี้ผมดูรายการทีวี...เขาได้ถามคนไทยเชื้อสายเวียดนามว่า คุณเรียนหมอเพื่ออะไร... มันกระตุ้นให้"นะครับ" อยากรู้ว่าเป้าหมายที่จริงแล้วที่อยากเรียน..หมอเพราะอะไร.....

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-05-19 , Time : 00:51:27 , From IP : i10-nmaLF1.NE.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 1


   เริ่มได้เลยครับ อยากฟัง



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-19 , Time : 00:57:43 , From IP : 203.155.172.85

ความคิดเห็นที่ : 2


   เรียนหมอ เพื่อ จะ จบ แพทยศาสตร์บัณฑิต และได้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม จาก แพทยสภา ..หลังจากนั้นก็ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ...กันต่อไป ...

สรุปคือ เรียนหมอ เพื่อ จะได้ประกอบวิชาชีพ หมอ ไง ครับ ...

ที่ผม เรียกว่าวิชาชีพ ...เพราะ มันคือ อาชีพหนึ่งครับ ...ทำแล้วมีรายได้ เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ต่อไป ...


Posted by : The Gunner , Date : 2004-05-19 , Time : 02:29:53 , From IP : 172.29.1.139

ความคิดเห็นที่ : 3


   เรียนหมอ เพื่อ จะ จบ แพทยศาสตร์บัณฑิต และได้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม จาก แพทยสภา ..หลังจากนั้นก็ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ...กันต่อไป ...

สรุปคือ เรียนหมอ เพื่อ จะได้ประกอบวิชาชีพ หมอ ไง ครับ ...

ที่ผม เรียกว่าวิชาชีพ ...เพราะ มันคือ อาชีพหนึ่งครับ ...ทำแล้วมีรายได้ เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ต่อไป ...


Posted by : The Gunner , Date : 2004-05-19 , Time : 02:30:08 , From IP : 172.29.1.139

ความคิดเห็นที่ : 4


   เมื่อคืนผมดูเหมือนกันครับ คำตอบที่น้องไทยเชื้อสาาายเวียดนามตอบมานะครับ รู้สึกว่าไม่ไม่ได้ออกมาจากแก่นแท้ของความรู้สึกของคนที่อยากเรียนแพทย์จริง สมมตินะครับสมมติว่าน้องเค้าคือคนที่เข้ามาสอบโครงการแพทย์ 5 ปี ของ มอ เรานะคับแล้วได้ผ่านมาสอบสัมภาษณ์กะผม ถ้าผมเป็นคนที่สัมภาษณ์ ผมอาจจะไม่ไห้ผ่านก้ได้ครับ เพราะผมไม่สามารถจำแนกได้ว่าคุณอยากเรียนแพทย์เพราะคุณอยากเรียนแพทย์จริงๆ หรือว่าเพราะคุณอยากเรียนแพทย์เพราะสภาพแวดล้อมในโรงเรียนพาไป เลือกเรียนแพทย์เพราะว่าคณะแนนสูงเลยต้องเรียนแพทย์ อย่างไรก็ตามต้องแสดงความยินดีกะน้องเค้าด้วยครับ
( The Gunner พูดไว้ว่า สรุปคือ เรียนหมอ เพื่อ จะได้ประกอบวิชาชีพ หมอ ไง ครับ ...
ที่ผม เรียกว่าวิชาชีพ ...เพราะ มันคือ อาชีพหนึ่งครับ ...ทำแล้วมีรายได้ เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ต่อไป ..)
ผมไม่รูั้้ว่าThe Gunner คือ นศพ/แพทย์ รึป่าว ขอให้ไม่ใช่ด้วยเถอะครับ เพราะได้ให้ความหายของคำว่าวิชาชีพได้ไม่สมความหมายและคุณค่าของ "วิชาชีพ"เลยครับ ใช่ครับ วิชาชีพคือ อาชีพๆ หนึ่ง แต่ทุกอาชีพไม่ใช่วิชาชีพครับ เพราะว่าวิชาชีพต้องประกอบด้วย องค์ประกอบทั้ง 4 อันได้แก่ องค์กรวิชาชีพ ศาสตร์เป็นของตนเอง สมาชิกในองค์กร ..............?(เอ๊!!!อะไรอีกอย่างน๊า) เขาจึงเรียกว่า วิชาชีพแพทย์ วิชาชีพพยาบาล เป็นต้น เพราะเหล่านี่มี แพทยสภา ความรู้ทางการแพทย์ ตัวแพทย์เอง.........? แต่ไม่มีใครเรียกว่า วิชาชีพแม่ค้า หรือวิชาชีพกรรมกร ครับ


Posted by : scoter , Date : 2004-05-19 , Time : 17:37:49 , From IP : ppp-210.86.188.69.re

ความคิดเห็นที่ : 5


   

Posted by : Harry , Date : 2004-05-19 , Time : 18:20:00 , From IP : 172.29.3.193

ความคิดเห็นที่ : 6


   เป้าหมายของผมคือเมื่อเรียนจบแล้ว(จะพยายาม)จะไปเปิดคลินิกใกล้ ๆ บ้าน โดยไม่คิดค่ารักษา คิดแค่ค่ายาแต่เอากำไรน้อยมาก จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้

Posted by : DogTor , Date : 2004-05-19 , Time : 20:06:18 , From IP : 172.29.2.141

ความคิดเห็นที่ : 7


   ที่เรียกว่าวิชาชีพ ก็เพราะว่าต้องมีการปฏิญานตนน่ะสิ

Posted by : setsuna , Date : 2004-05-19 , Time : 21:29:56 , From IP : 172.29.2.173

ความคิดเห็นที่ : 8


   เป้าหมายของผมคือกระจายความเท่าเทียมในการให้บริการและการเข้าถึงกระบวนการทางสาธารณสุข แต่เรื่องของกระบวนการคงต้องว่ากันอีกยาว

Posted by : manager , Date : 2004-05-19 , Time : 22:29:20 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 9


   การที่ตัวผมเองเลือกเข้ามาเรียนแพทย์ในตอนแรกนั้นยังไม่เคยคิดหาคำตอบให้ตัวเองได้เลยว่าทำไมถึงต้องเลือกเรียนวิชานี้ ตอนนั้นอาจจะเป็นเพราะสภาพทางสังคมที่ต้องแข่งขันกันบีบบังคับให้ต้องหาอาชีพการงานที่มีเกียรติและมีรายได้ที่ดีเลี้ยงปากท้องตัวเอง พ่อแม่ และครอบครัวได้ มีความคิดนี้เพียงอย่างเดียวตลอดมาจนถึงปี 3
พอเข้าปี 4 เริ่มรู้สึกว่าเป็นวิชาชีพที่เราไม่ชอบเอาเสียเลยทั้งเรียนทั้งปฏิบัติงานรู้สึกเบื่อและเหนื่อยอยากจะไปทำในสิ่งที่ตนเองชอบมากกว่า แต่ทำไงได้ครอบครัวเราก็ไม่ใช่มีจะกิน ที่จะสามารถเสียเงินให้ลูกคนหนึ่งเรียนมาเป็นแสน(ทั้งค่าอยู่ค่ากิน ค่าเทอม)เพื่อลองเรียนเล่นๆ ผมก็ต้องจำทนทำให้ดีที่สุดพยายามเดินไปไห้มันสุดทางคิดอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งเมื่อเราจบแล้วสามารถดูแลพ่อแม่และครอบครัวได้ก็จะหาสิ่งที่ตนเองชอบทำต่อไปไม่คิดจะเป็นหมอไปชั่วชีวิต
แต่ถึงอย่างไรการที่ผมได้พบผู้ป่วยรับรู้ถึงความทุกข์ ความทรมารของเขา ผมก็ได้ตั้งปฏิญานตนเอาไว้ว่า วิชาชีพแพทย์คือการให้ผมจะไม่หากำไรกับอาชีพนี้เป็นอันขาด (ถ้าอยากจะรวยผมไปทำอาชีพอื่นดีกว่า มันรู้สึกบาป)


Posted by : ไม้บรรทัดเหล็กไหล , Date : 2004-05-19 , Time : 22:30:04 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 10


   เป็นหมอ ก็เพราะมีแต่คนยกย่อง ให้เกียรติ ไปไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้ พ่อแม่ก็ได้ภูมิใจ มีคำนำหน้านามที่ประกาศให้ใครๆได้รู้ว่าเป็นคนในชนชั้นที่มีระดับ แถมเรื่องเงินเรื่องทองก็เป็นของแน่อยู่แล้ว ต่อให้ไม่ร่ำรวยก็ไม่มีวันอดตาย ส่วนที่เหลือก็แบ่งเอาไว้ทำให้ภูมิใจเล่นๆว่าตัวเองก็เป็นคนดีมีคุณธรรมนะที่อุตส่าห์ทำอาชีพช่วยเหลือผู้อื่นนี้ไปแต่ละวัน

Posted by : จากก้นบึ้งของหัวใจ , Date : 2004-05-19 , Time : 23:22:37 , From IP : 203.156.15.170

ความคิดเห็นที่ : 11


    หลายคนมีเหตุผลส่วนตัวครับ ซึ่งคงไม่มีใครผิดหรือถูก ... ครั้งแรกที่ผมเข้ามาเรียนเป็นเพราะแรงกดดันจากทางบ้านครับ..พี่ชายของผมเรียนหมอที่เชียงใหม่ พี่ผมอีกคนเป็นวิศวกร อ้าวผมถ้าไม่ได้หมอหรือวิศวะ...โดนเปรียบเทียบแย่เลยครับ..ดังนั้นผมเลยต้องเลือกเรียนหมอ..แต่ผมยังโชคดีครับ...เรียนไปเรียนมาดันรู้สึกสนุกและรักที่จะเจอ พูดคุยและได้ช่วยเหลือคนไข้... ถ้าผมไม่ชอบตอนนี้ผมคงไม่รู้จะไปทำอะไรเหมือนกัน..

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-05-19 , Time : 23:26:06 , From IP : 203.113.56.14

ความคิดเห็นที่ : 12


   อยากฟังเหตุผลของลุงนกบ้าง..นะครับ.. ว่าลุงนกคิดอย่างไร...

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-05-19 , Time : 23:31:18 , From IP : 203.113.56.14

ความคิดเห็นที่ : 13


    เป้าหมายในการเรียนหมออันดับแรก หรืออาจเรียกว่าเป็นแรงบันดาลใจจริงๆก็คงเพื่อพ่อของตนเอง เพราะเมื่อก่อนคุณพ่อไม่มีโอกาสได้เรียน พอมาถึงตนเองก็เลยตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้าคณะนี้ให้ได้ ส่วนเป้าหมายต่อไปคือการที่จบออกมาแล้วสามารถรักษาคนไข้ได้ เห็นคนไข้หรือญาติมีใบหน้าที่มีความสุขที่พ้นจากโรคร้ายต่างๆ มีเป้าหมายในใจว่าอยากเป็น พอสว เพื่อรักษาคนไข้ในชนบทที่ยังขาดแคลนหมออีกเป็นจำนวนมาก

Posted by : Hongs , Date : 2004-05-20 , Time : 00:25:20 , From IP : 203.150.209.232

ความคิดเห็นที่ : 14


   ความคิดเรื่องนี้ผมเปลี่ยนมามากมายหลายครั้งแล้ว (จริงๆเคยตอบไปแล้วอย่างน้อยสองครั้ง ดูเหมือนเราจะทำอะไรซ้ำๆเป็นฤดูกาล) ตามบริบท ตามตัวตนที่ ever changing (Impermanence) หรือ อนิจจา

รุ่นพ่อแม่ผมนั้นมีหมอหลายคน เป็นอาจารย์อยู่ทั้งศิริราช จุฬา รามา แต่แปลกที่พอมารุ่นผมเอง พี่น้องเกือบทั้งหมดเรียนสายศิลป์ (นิติ บัญชี อักษร โรงแรม ฯลฯ) แทบจะเรียกว่ามีคนที่ตอน มศ.ปลายเรียนสายวิทย์คนเดียวคือผม และจากผลสอบตอนนั้น บวกกับอยู่เตรียมอุดมฯ แทบจะไม่มีปัญหาว่าจะเลือกอะไร ครูแนะแนวไม่ต้องคุยก็ได้ ห้องผมและเพื่อนติดหมอเข้ามา 35 คน (ไม่ใช่ห้อง King หรอกนะครับ ห้องนั้น preserved เอาไว้ที่หนึ่งคณะต่างๆ) พวกเราพร้อมในการสอบทั้งแต่ มศ.๔ (สมัยนั้นเรียนถึง มศ. ๕) คนที่ติดทันตะฯ ก็มาติดหมออีกปีจนได้

ศิริราชเรียนแบบโบราณ classic และเราได้สัมผัส (และถูกสัมผัส!!!) โดยอาจารย์ในตำนานแพทย์ไทยสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่จน.มาก สมัยนั้นรู้สึกจะไม่มีคำว่า young staff และไม่เห็นเยอะแบบปัจจุบัน แค่ residents เราก็รู้สึกว่าแก่งั่กแล้ว ยังถูกปรมาจารย์เหล่านี้อัดกันน้ำตานองหน้า มือไม้สั่น (ใครเคยเห็น chief residents เข้า case กับอาจารย์กิจจา หรืออาจารย์ดรินทร์ หรือพวก neurosurgery คงพอเข้าใจ) Professionalism สมัยนั้นเราได้เรียนจาก bed-side จริงๆ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้เราอาจจะ classify แบบนี้ว่าเป็น opportunistic learning แต่ด้วยความที่มีอาจารย์รุ่นอาวุโสเยอะมาก สมัยนั้นผมนึกย้อนกลับน่าจะเป้น norm

เราได้เห้นการราวน์เรื่องการใช้ steroid ในผู้ป้วย Rheumatoid โดยอ.เล็ก ปริวิสุทธ์ ท่านแทบจะบรรยายให้เราเห็นภาพของคนไข้ที่ปวดประดูก เพราะกระดูกผุจาก side effects ของยาให้เห็นได้เลยทีเดียว ด้วยตัวอย่างอย่างมากมากนั้น ผมว่าพวกเรานักเรียนแพทย์เข้าใจแล้วว่าทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยนั้นมันแย่จริงๆ และเรานี่แหละมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ดีขึ้น นั่นเป้นข้อสรุปตอนนักเรียนแพทย์ ไม่มีสีเทาครับ มีแต่ขาวดำ

พอมาใช้ทุนที่นี่ (มอ.) เราเห็นชีวิตแพทย์ on action จริงๆ พบเห็น life saving and dying and deads ข้อจำกัดต่างๆเริ่มมากขึ้น ตรงนี้อารมณืจะผันผวน ตอนนั้นคนส่วนใหญ่จะคิดว่าเรานี่แหละฉลาดที่สุดในโลก ผู้ใหญ่แปลว่า Obsolete เพื่อนบอกว่า cool แปลว่าดี ระบบจะเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อถือ เราเริ่มมองเห็นความไม่สมบุรณ์ในทางปฏิบัติสำหรับสิ่งที่เราคิดว่าอุดมคติคืออะไร จุดก้าวกระดดคลงจะเป็นตอนศึกษาต่อ แต่งงาน และมีลูก realism มันเข้ามาจริงจังมากขึ้น เราเริ่ม adjust ideology versus reality ได้มากขึ้น

Self-Values นั้นถูก set แล้วเปลี่ยน set แล้วเปลี่ยนหลายต่อหลายครั้ง ตัวที่เป็นปัจจัยต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเห็นจะเป็นการที่เราทำความรู้จัก ตนเอง ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ self value ของคนที่โตแล้วเท่าที่ผมสังเกตดู หลายๆคนจะตั้งไว้ว่าจะทำอะไรตามศักยภาพของตนให้เต็มที่ เท่านั้นก็ฟังดูไม่เป้นการทรยศต่อความรู้ ความสามารถที่มีจริงๆ ส่วนบริบทที่ว่า ความสามารถที่แท้จริง และ "เต็มที่" นั้น คงไม่อธิบาย เพราะเป็นบริบทที่กรองมาจาก self experience ยากที่จะ share ให้เข้าใจหรือคล้อยตาม (ซึ่งไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย)

ปัญหาคือ self recognition นั้น เราพบง่ายๆที่ T lymphocytes ของเราเองทุกคน แต่ไม่ค่อยพบที่ระดับสมอง ผมว่ามันเป็น genetic timing กระมัง บางคนก็ถูกล็อคไว้นานหน่อย บางคนก็อาจจะถูกทุบทำลายไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือไม่ต้องตกใจหรือกลัวที่จะเปลี่ยนผลสรุปของ self recognition ถ้าเราไม่ได้แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-20 , Time : 00:29:01 , From IP : 203.155.183.173

ความคิดเห็นที่ : 15


   ผมอ่าน สองย่อหน้าสุดท้ายไม่รู้เรื่องเลยครับ อาจารย์... ศัพย์ยากครับ

ตัวผมเอง เลือกเรียนหมอเพราะเหตุผลหลายประการ
1. คือ คิดว่าตัวเองน่าจะทำประโยชน์ให้สังคมได้บ้าง (ตอนนั้นอารมณ์ Depress หน่อยๆ รู้สึกตัวเองไร้ค่า)
2. ผมคิดว่าคนที่เรียนหมอได้ต้องเก่ง (มากๆๆๆๆๆ) และรอบๆตัวผมก็คิดว่าคนเก่งน่าจะเรียนหมอ -> ผมอยากเก่ง เลยเรียนด้วยคน และคะแนนก็คิดว่าถึง..
3. ตอนนั้นวิกฤติเศรษฐกิจ ทางเลือกไม่มาก กลัวเรียนอื่นแล้วไม่มีงานทำ เช่น วิศวกร... (ไม่ได้เห็นแก่เงินนะ แต่ว่าเรียนจบแล้ว ไม่คิดว่าจะขอเงินพ่อแม่ใช้อีก ตอนตกงาน)
4. ผมคิดว่าผมไม่อาจเอาตัวรอดได้ จากภาคธุรกิจ กำไร-ขาดทุน คิดไม่เป็น ผมเกิดในครอบครัวข้าราชการ ดังนั้นขอเลือกทางเดียวกับพ่อแม่..

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก เลือก มอ. เพราะคิดว่าหมอที่ไหนก็เหมือนกัน
คราวนี้พอเริ่มมาเรียนแล้ว..ถามว่าถ้าย้อนเวลาไปอยากเปลี่ยนไหม ตอบว่า ไม่เปลี่ยนยังคงเลือกหมอ เพราะเมื่อผมเรียนแล้ว เริ่มไม่ไว้ใจหมอ ผมดีใจที่ได้รู้ว่าร่างกายเราเป็นอย่างไร ต้องรักษาอย่างไร และหมอคนไหนที่เก่ง (และรักคนไข้) ถ้าผมไม่เลือกเรียนเท่ากับผมเสียโอกาส อาจต้องเจอหมอหลายๆคน ที่คิดอยู่แค่ subboard ต่อยอด เอกชน และเงิน...


Posted by : Dr.Inter , Date : 2004-05-20 , Time : 18:14:39 , From IP : 172.29.4.103

ความคิดเห็นที่ : 16


    socail และ expection ไม่ว่าของตนเองหรือใครก็ตามรวมทั้งpast experience ย่อมมีผลต่อกระบวนการคิด ควมหวัง ความฝัน self และการสร้างภาพของตนเองในอนาคตของทุกคน ภาพจะเป็นอย่างไร ขึ้นกับเราจะให้น้ำหนักเรื่องใดมากกว่ากัน แต่ความหวัง ความฝันหรือภ่าพของเรานั้น ควรต้องอยู่ให้ใกล้กับ reality ของเรื่องนั้นให้มากที่สุด ซึ่งอาจยากต่อการตระหนักรู้ของเราว่าอะไรคือ realityของเรา นั่นคือเราต้องมี insight ฟังเสียงสะท้อนจากรอบข้าง เราจะได้มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรามากขึ้น
สิ่งสำคัญภาพตัวตนของเราอาจ dynamic เหมือนลุงนก ที่เปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา และอาจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะการสะท้อนของสังคมต่อ self ของเราที่เปลี่ยนไป แต่แกนกลางแก่นสารสำคัญอาจไม่เปลี่ยนมากนัก และต้องไม่มีใครเหมือนใครโดย absolute ไม่อยากให้คนในกระทู้นี้ รู้สึกสับสนถ้าเราจะไม่เหมือนใครสักคน แต่ยังคงคำว่า ดี ดีของสังคมนะ ก็ไม่น่าจะเป็นไร


Posted by : pisces , Date : 2004-05-21 , Time : 13:57:48 , From IP : 172.29.3.123

ความคิดเห็นที่ : 17


   ภูมิใจที่ได้เรียนหมอ และภูมิใจที่ได้รักษาคนไข้
แต่รู้ไหม ว่าเสียใจที่สุด เมื่อที่ผ่านมาไม่ตั้งใจเรียนเท่าที่ควร จึงไม่สามารถ
รักษาคนไข้ได้ดั่งใจ ตอนนี้รู้แล้วว่า อาชีพนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการแม้ว่าจะเหนื่อย
เพียงใด แต่ขอให้เรารักษาคนไข้ให้หายได้ คุณครับ จากคนที่กำลังจะตายและหายมานั่งคุยกับเราได้ ผมว่านะ ผมเกิดมา และได้ประกอบวิชาชีพนี้ ผมถือว่าผมไม่เสียชาติเกิดแล้วหล่ะ


Posted by : extern , Date : 2004-05-22 , Time : 00:50:48 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 18


   ฉันไม่ทราบว่าฉันเลือกเรียนหมอเพราะอะไร เพราะนั่นมันนานมาแล้ว และมันมีเหตุผลที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ฉันเริ่มชอบมัน ตั้งแต่ตอนที่ได้เริ่มทำงาน เป็น Intern วันแรกได้ช่วยชีวิตคนไข้ได้สำเร็จ ได้เห็นรอยยิ้มของเขาและญาติ ตอนหายทนทุกข์ทรมาน หรือแม้กระทั่งเขามาทักฉันโดยที่ฉันจำไม่ได้เพราะเขาเติบโตขึ้น
มันเป็นรางวัลที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองพอมีประโยชน์บ้าง (เพราะตอนเรียนอยู่มันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ชอบเที่ยว ชอบสนุก) หลังจากนั้นฉันก็ทำเรื่อยมา สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ถ้าไม่สำเร็จก็เสียใจและมองหาข้อบกพร่อง ถ้าสำเร็จก็รู้สึกดีใจ เป็นอย่างนี้มา20กว่าปีแล้ว

มาตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่านี่แหละคืออาชีพที่ฉันชอบ เพราะมันทำให้ฉันชอบจนติดและไม่อาจทิ้งมันไปได้


Posted by : ติดหมอซะแล้ว , Date : 2004-05-22 , Time : 01:50:50 , From IP : r28-skaHS1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 19


   -อยากรู้สึกว่าตัวเองมีค่า
http://www.thai.net/psu-sx4/images.jpg


Posted by : ... , Date : 2004-05-22 , Time : 23:16:18 , From IP : 172.29.3.96

ความคิดเห็นที่ : 20


   สำหรับผม เรียนหมอก็เพื่อจบมาประกอบวิชาชีพแพทย์ครับ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาชีพที่วิเศษกว่าอาชีพอื่นหรอกครับ ผมว่ามันหมดสมัยที่ชาวบ้านจะให้เกียรติหมอเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ ตอนนี้มันก็เหมือนงานบริการอย่างหนึ่ง
[สวัสดีครับ คุณนะครับ สบายดีหรือเปล่า ]


Posted by : Midas , Date : 2004-05-23 , Time : 00:09:17 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 21


   ต่างคนก็ต่างความคิดนะครับผมว่าทุกคนย่อมมีเหตุผลส่วนตัวของใครของมัน
คงจะให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือแม้แต่บรรทัดฐานอันใดอันหนึ่งมาตัดสินว่าผิดหรือถูกคงเป็นไม่ได้ ตัวผมเองตอนเลือกเรียนหมอก็คงเพราะเห็นว่าคะแนนสูงดี
อืม.. น่าจะท้าทายดี บวกกับไม่เก่งวิชาคำนวณน่ะครับ พอเรียนๆไปก็สนุกดีเพื่อนเยอะดีส่วนความชอบในตัววิชาน่ะเหรอ ไม่มีเลยครับเรียนแค่ให้จบ เรียนๆไปทำกิจกรรมไป ขอแค่จบทำงานก็พอแล้ว อีกอย่างตอนเลือก ent ก็ไม่ได้เคยรู้มาก่อนเลยว่าไอ้การที่เป็นหมอเนี่มันจะลำบากขนาดนี้ แต่ถ้าถามว่าถ้าให้เลือกใหม่จะเลือกเรียนหมอหรือเปล่า ....ผมก็ขอตอบได้เต็มปากเลยครับว่า อยากแน่นอน เพราะอะไรเหรอครับ เพราะว่าพอผมออกมาทำงาน
( สมัคร พชท แล้วเค้าไม่เอา แหะๆ)
รู้สึกได้เลยว่าเรามีค่าแค่ไหน ป้าๆลุงๆยายแก่ๆเค้าต้องการเราแค่ไหน การที่เราได้ออก opd แล้วทำให้เค้าหายไดทำให้คนที่ไม่สบายเค้าดีขึ้นมันเหมือนกับ เราได้ของขวัญสำหรับชีวิต ตอบแทนกลับมาซึ่งมัน...ไม่รู้สิผมว่า ผมโชคดีกระมังครับที่ไม่เคยมีปัญหากับคนไข้หรือญาติเลย ................
แต่พอมาตอนนี้ ผมเริ่มรู้สึกว่า ชีวิตผมเองยังต้องการทำอะไรอีกหลายอย่าง (ผมอาจจะเห็นแก่ตัวสักหน่อย) ผมไม่อยากเป็นหมอแก่ๆที่เช้ามานั่งเปิดร้าน -ไป โรงพยาบาล-เย็นมาเปิดร้านต่อ มันเบื่อแล้วครับ .....
ตอนนี้ผมลาออกแล้ว และคิดว่างานที่ทำตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมานาน ผมมีเวลาที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมากมาย มีเวลาที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง โดยที่ถ้าหากผมยังเป็น หมอบ้านนอก หรือแม้แต่เป็น specialist มาแล้วก็คงจะทำได้ลำบาก ผมจึงตัดสินใจเลือกเดินทางนี้ ทั้งๆที่ลึกแล้วยังอยากจะกลับไปนั่งออก opd ตอนเช้า ได้คุยกับคนไข้ ได้เดิน ราวน์ ได้ทำอะไรๆที่เคยทำ แต่ทำไงได้ครับผมเลือกเองนี่นาแล้วผมก็คงไม่เดินกลับไปทางเดิมแน่นอน
เป็นงัยครับ ชีวิตผม นิยายป่ะ


Posted by : vecchio , Date : 2004-05-23 , Time : 14:29:40 , From IP : 202.129.48.226

ความคิดเห็นที่ : 22


   ตอนนี้คุณ Vechio ทำอะไรอยู่ครับ

Posted by : Dr.K , Date : 2004-05-25 , Time : 00:55:12 , From IP : 172.29.4.248

ความคิดเห็นที่ : 23


   ม่ายบอกหรอกคร้าบ...... Dr K.

Posted by : vecchio , Date : 2004-05-25 , Time : 13:07:57 , From IP : 202.129.48.226

ความคิดเห็นที่ : 24


   http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=pp_morr&topic=179

Posted by : ArLim , Date : 2004-05-27 , Time : 00:54:24 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 25


   คำถามน่าตอบดีชอบๆ
ทำไมถึงอยากเป็นหมอน่ะเหรอ.......เวลาเราดูวงเวียนชีวิต หรือเห็นอะไรเศร้าๆ น่าสงสารๆน่ะ เราทนดูไม่เคยได้เลย แบบว่าดูแล้วไม่อยากนั่งเฉย อยากที่จะช่วยอะไรเค้าซักอย่างถ้าทำได้อ่ะนะ แต่มันยังเด็กทำอะไรไม่ได้เลย ให้ตายดิ ดูแล้วก้อเศร้าแล้วร้องไห้ เราว่ามันคงเป็นความเก็บกดลึกๆ มั้ง ที่อยากช่วยคนอื่น อันนี้ที่เล่ามาไม่ได้น้ำเน่านะ แต่มันรู้สึกงี้จริงๆ และคิดว่าถ้าเรามีความรู้ความสามารถน่ะ เราก็น่าจะเข้ามาช่วยเค้าไม่ใช่เหรอ...เราเลยเลือกที่จะมาเรียนหมอเพราะคิดว่า ช่วยคนได้เยอะดี ไม่ชอบเห็นหน้าเศร้าๆของใคร และถ้ามีเงินเยอะๆ เราก้อจะเอาไปตั้งกองทุน ช่วยเหลือคนจน ทำบ้านพักคนชรา บ้านเด็ก หรืออะไรก้อแล้วแต่ที่อยากทำ....อีกอย่างเราอยากเป็นแพทย์ในที่ที่เค้าขาดแคลนไม่มีใครน่ะ...ไม่ชอบอยู่ในเมือง..อยากเป็น พอสว. แหละ เคยรับเสด็จพระเทพฯด้วยตอนไป immersion ปี 2 ที่นราฯ อยู่ในหุบเขา โน่นนนนนนนที่นั่นอ่ะนะ นานๆทีจะมีหมอเข้าไป เวลาไม่สบายก้อจะทนไว้ รอให้หนักจริงๆ แล้วค่อยมาหาหมอ เพราะทางไกลน่าสงสารมากกกกกกก ตอนนั้นอ่ะ รู้ตัวเลยว่าเลือกทางนี้อ่ะ มาถูกทืงแล้วจริงๆ.......แต่ก้อไม่รู้นะว่าอนาคตจะเป็น หมอที่เก่ง และดีได้ป่าว มะรับปากัน ไงก้อรอดูต่อไปละกานเนอะ....


Posted by : ascha_t , Date : 2004-05-28 , Time : 15:59:17 , From IP : 172.29.2.103

ความคิดเห็นที่ : 26


   a chance to make differences
a chance to make life worth living
pride of being another good fellow human being
a good doctor-patient relationship can never
be explained or felt if not self-experienced
and is always worth the lack of sleep, being
the last to eat, the first to arrive at the ward
and the last to leave. devotion is essential
in this profession unless you want to commit
sin rather than merit.


Posted by : vaio , E-mail : (fidicen@hotmail.com) ,
Date : 2004-05-29 , Time : 13:06:40 , From IP : 172.29.3.201


ความคิดเห็นที่ : 27


   พวกคุณจงจำเอาไว้นะครับ กับข้อความที่พวกคุณได้แสดงไว้ในนี้
และวันหนึ่งเมื่อพวกคุณเป็นหมอและคิดที่จะเปิดคลินิค
เก็บเงินค่ารักษาผู้ป่วยครั้งละ 500-1000 บาท กับต้นทุนที่แสนจะน้อย
(ถือตนว่าข้าเรียนมาสูง+ค่าวิชาไปเสียหลายเปอร์เซนต์)
....โกหก.......บาปนะครับ.......คุณหมอ........................


Posted by : คนขวางโลก , Date : 2004-06-11 , Time : 16:51:07 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 28


   บางครั้งการเป็นหมอก้อไม่ได้ช่วยให้สันดานเดิมของแต่ละคนสูงขึ้น ลองสังเกตพฤติกรรมของหมอแต่ละคนดูสิว่าเป็นยังไงบ้าง บางคนเดินเกือบมองไม่เห็นหัวคนอื่นด้วยซ้ำไป จริงอยู่ที่หมอมีหน้าที่รักษาคนไข้ แต่บางครั้งถ้าเราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนที่เราเดินเข้าไปหาแล้วเราจะไม่รู้สึกศัทธาในความเป็นหมอของเค้าด้วยซ้ำ ความจริงหมอก็คนเหมือนเราๆนี่แหละ อย่าไปหวังว่าเค้าจะดีกว่า สูงกว่า สะอาดซะทุกอย่าง เพราะในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ ยิ่งเราหวังว่าหมอต้องดีไปซะทุกอย่าง ถ้าเรารู้ว่าจริงๆแล้วตัวตนจริงๆของเค้าเป็นยังไง เรานี๋แหละจะผิดหวัง และหมดศัทธาในความเป็นหมอของคนๆนั้นไป
ดังนั้นคนที่มีอาชีพเป็นหมอและมักจะพูดว่ามีจรรยาบรรณของหมอ ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ อยากให้เป็นหมอที่มีหัวใจ มีจิตวิญญาณจริงๆ ไม่ใช่เพราะ เงิน ชื่อเสียง ครอบครัว
แต่หมอที่ดีก็มีนะ บางคนน่ารักมากๆทั้งตอนที่ไปนั่งให้เค้าตรวจและตอนที่เจอกันโดยไม่ได้ใส่ชุดหมอ
ที่กล่าวมาทั้งหมดก็แค่เอาประสบการณ์ที่เจอมาจริงๆ เล่าให้คนที่มีอาชีพเป็นหมออ่านดูเท่านั้นเอง ว่าจริงๆ แล้วพวกคุณเป็นยังไงกัน ในสายตาของคนที่ไม่ได้มีอาชีพเป็นหมอแต่เคยรู้จักหมอ



Posted by : คนเคยศัทธาหมอ , E-mail : (Kri) ,
Date : 2004-08-12 , Time : 11:33:14 , From IP : 202.47.247.130


ความคิดเห็นที่ : 29


   เรียนแพทย์เพราะอยากเรียน ฉันรู้ว่าทุกคนที่เรียนแพทย์เพราะอยากเรียนกันทั้งนั้นไม่มีฬครบังคับกันง่าย ๆเหรอเพราะทุกคนรู้ว่าการเรียนแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสบายๆแต่เป็นเรื่องที่เอาใจใส่ ขยัน ตั้งใจจริง อดทน คือใช้ความพยายามสูงแต่ผลพลอยได้ก็คือ งานเดือน ที่มีเรื่องปากเรื่องท้องและที่เป็นกุศลที่สุดคือได้ช่วยคนที่ได้รับทุกข์ในด้านสุขภาพ เชื่อเถอะค่ะว่าคุณเรียนแพทย์เพื่อตัวของคุณเองแต่จะแพร่ไปถึงทุกคนคือผลพลอยได้ที่เป็นประโยชน์


Posted by : ความฝันสูงสุด , Date : 2005-12-31 , Time : 17:47:30 , From IP : 203-151-140-117.inte

ความคิดเห็นที่ : 30


   เรียนแพทย์เพราะอยากเรียน ฉันรู้ว่าทุกคนที่เรียนแพทย์เพราะอยากเรียนกันทั้งนั้นไม่มีฬครบังคับกันง่าย ๆเหรอเพราะทุกคนรู้ว่าการเรียนแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสบายๆแต่เป็นเรื่องที่เอาใจใส่ ขยัน ตั้งใจจริง อดทน คือใช้ความพยายามสูงแต่ผลพลอยได้ก็คือ งานเดือน ที่มีเรื่องปากเรื่องท้องและที่เป็นกุศลที่สุดคือได้ช่วยคนที่ได้รับทุกข์ในด้านสุขภาพ เชื่อเถอะค่ะว่าคุณเรียนแพทย์เพื่อตัวของคุณเองแต่จะแพร่ไปถึงทุกคนคือผลพลอยได้ที่เป็นประโยชน์


Posted by : ความฝันสูงสุด , Date : 2005-12-31 , Time : 17:47:45 , From IP : 203-151-140-117.inte

ความคิดเห็นที่ : 31


   หนูอยากเป็นเเพทย์มากๆค่ะ ความจริงอาชีพหมอไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเราเลย เเละเมื่อวันนึงที่โรงเรียนก็มีเเนะเเนวเรียนต่อ ม.4 วันนี้มันทำให้หนูรู้ว่าอนาคตที่เราต้องการ คือ เเพทย์ สิ่งที่ทำให้อยากเป็นเเพทย์คือ 1 หนูเป็นคนที่อยากบริการ ช่วยเหลือ อะไรก็ได้ที่พอจะทำได้ เเละวันนึงหนูต้องทำวันนั้นให้มาถึงให้ได้ค่ะ

Posted by : เมย์ , Date : 2006-01-20 , Time : 18:33:13 , From IP : 158.108.209.82

ความคิดเห็นที่ : 32


   ตอนนี้หนูเรียนอยู่ ม.3 หนูจาเรียนสายวิทย์ค่ะ หนูอยากเป็นหมอ หนูเรียนพอใช้ได้
แตไม่ถึงกับเก่งค่ะ พวกพี่ๆช่วยให้คำแนะนำแก่หนูหน่อยซิค่ะ หนูอยากเรียนหมอจิงๆๆๆๆ ช่วยหน่อยนะค่ะ ........... *-*


Posted by : เด็กใต้ (ปัตตานี) , E-mail : (dream_deenee@hotmail.com) ,
Date : 2006-02-25 , Time : 16:16:43 , From IP : 203.113.76.7


ความคิดเห็นที่ : 33


    เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นหมอ ความคิดนี้มีมาตั้งเเต่เริ่มจำความได้
ตอนนั้นด้วยเหตุผลที่ผู้ใหญ่มักจะบอกว่า หมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ พอจบออก
มาเเล้วทำงานได้ทันที และที่สำคัญนั้นอาชีพนี้ได้เงินเดือนเยอะ นี่คือเหตุผลที่
ผู้ใหญ่ปลูกฝังให้เราอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีอาชีพไหนที่เราอยากเป็นเท่ากับหมออีกเลย พอตอนเราโต เราก็มานั่งถามตัวเองว่า นี่หน่ะหรือ เหตุผลที่แท้จริงของเรา มันไม่ใช่หรอก !!! นี่มันเป็นเหตุผลที่เห็นแก่ตัวชัดๆ เราไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวนี่หน่า !!! จากนั้นเราก็เริ่มคิดได้และก็เริ่มหาเหตุผล
ที่แท้จริงให้กับตัวเอง จนพบว่าเป้าหมายของเราคือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
พี่เราเคยบอกว่าปัจจุบันนี้มีเเต่หมอเก่งๆ แต่หาหมอดีๆนั้นยากเหลือเกิน

เราเลยสัญญากับตัวเองว่า ถ้าเราได้เป็นหมอจริงๆ เราจะเป็นให้ได้ทั้งหมอที่ดี และหมอที่เก่งควบคู่กันไป.........


Posted by : เจน , Date : 2006-05-07 , Time : 13:18:23 , From IP : 203.114.117.194

ความคิดเห็นที่ : 34


   เห็นด้วยกับ คห.33 นะ เราจบคณะสถาปัตย์ซึ่งก็เป็นวิชาชีพที่ชอบ ถนัดพอสมควร
และเราก็มีเพื่อนสนิทอยู่คณะแพทย์ ซึ่งแต่ก่อนเป็นคนที่น่ารัก ร่าเริง อ่อนโยน แต่หลังๆมา ก็เริ่มข่มคนอื่น ชอบเปรียบเทียบ ทำให้เราเสียใจมาก จนวันนี้เราตั้งปณิฑานไว้ว่า เราจะสอบเข้าหมอ และจะเป็นหมอที่ไม่ข่มคนอื่น เห็นคุณค่าของวิชาชีพอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อหวังว่าสักวัน เพื่อนคนนี้ จะกลับมาเหมือนเดิม


Posted by : bravo , Date : 2006-07-04 , Time : 15:18:03 , From IP : proxy1.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 35


   เรียนเพื่อรักษาคนไข้ที่เจ็บป่วย

Posted by : matoom , Date : 2006-09-11 , Time : 18:32:16 , From IP : ppp-124.121.94.176.r

ความคิดเห็นที่ : 36


   หยากเรียนหมอเพราะว่าอยากช่วยคนที่เจ็บป่วยเพราะเวลาป่วยมันรู้สึกไม่ค่อยดีคะ

Posted by : กรรย์ติญารัตน์ , E-mail : (Peangoa@hotmail.) ,
Date : 2006-12-14 , Time : 12:19:58 , From IP : 203-113-17-142.totbb


ความคิดเห็นที่ : 37


   อยากรู้คำตอบต้องทำยังไงคะ อยากเรียนหมออะ อยากรู้จิงๆ มีแต่คนอยากรู้แต่ไม่ให้คำตอบแล้วให้แสดงความคิดเห็นทำไมเนี่ย...คะ

Posted by : รู้คำตอบยังไง , E-mail : (nongnoon@hotmail.com) ,
Date : 2006-12-27 , Time : 22:31:56 , From IP : ppp-58.9.83.106.revi


ความคิดเห็นที่ : 38


   อยากรู้คำตอบต้องทำยังไงคะ อยากเรียนหมออะ อยากรู้จิงๆ มีแต่คนอยากรู้แต่ไม่ให้คำตอบแล้วให้แสดงความคิดเห็นทำไมเนี่ย...คะ

Posted by : รู้คำตอบยังไง , E-mail : (nongnoon@hotmail.com) ,
Date : 2006-12-27 , Time : 22:32:19 , From IP : ppp-58.9.83.106.revi


ความคิดเห็นที่ : 39


   ผมว่าคุณเข้าใจคำถามผิดไปไกลมากเลยครับ เราไม่ได้มี "คำเฉลย" สำหรับคำถามนี้ หรือแบบนี้ แต่เราต้องการจะถามคนที่จะเข้ามาเรียนแพทย์ว่าเขาเข้ามา "เพราะ หรือ เพื่ออะไร"

การเรียนแพทย์นั้นใช้เวลา และการทุ่มเท รวมทั้ง subsidization จากรัฐมาก คงจะไม่ใช่ที่ทดลองเรียนสำหรับคนที่ยังไม่ได้ถามตนเอง และได้คำตอบเรี่องนี้มาพอสมควรก่อนตัดสินใจครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2006-12-27 , Time : 22:39:46 , From IP : 222.123.42.190

ความคิดเห็นที่ : 40


   เรียนหมอยากไหมจบมาหางานอย่างไรมีหมออะไรบ้างสาขาไรบ้างต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงไหมตอบโด้ยคับ

Posted by : น้องแร็พ , E-mail : (rapterboy_174@hotmail.com) ,
Date : 2007-01-12 , Time : 16:22:24 , From IP : 124.157.133.23


ความคิดเห็นที่ : 41


   การเรียนหมอมีหลายกรณี แล้วแต่ปัจจัยของแต่ละบุคคล แต่กับตัวฉันคิดว่า สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจก็คือความมั่นคงในหน้าที่การงาน และการที่สามารถทำในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบให้ดีที่สุด และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับพื้นฐานจิตใจของคนที่จะมาเรียนหมอ คือ การที่มีความเสียสละเป็นอย่างมาก การเสียสละของหมอนั้นยิ่งใหญ่ คือ ต้องเห็นความสุขของคนไข้มาเป็นอันดับหนึ่ง การที่ฉ้นจะเรียนหมอนั้นมันเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเด็กที่มีมันสมองปานกลางอย่างฉัน แต่สิ่งดีดีที่ฉันตั้งใจจะทำคงจะส่งผลให้ฉันได้เป็นหมอที่ดีได้แน่แน่

Posted by : ปุ้มปุ้ย , E-mail : (tukka_duai@hotmail.com) ,
Date : 2007-01-22 , Time : 20:26:49 , From IP : 124.157.215.11


ความคิดเห็นที่ : 42


   การเรียนหมอมีหลายกรณี แล้วแต่ปัจจัยของแต่ละบุคคล แต่กับตัวฉันคิดว่า สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจก็คือความมั่นคงในหน้าที่การงาน และการที่สามารถทำในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบให้ดีที่สุด และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับพื้นฐานจิตใจของคนที่จะมาเรียนหมอ คือ การที่มีความเสียสละเป็นอย่างมาก การเสียสละของหมอนั้นยิ่งใหญ่ คือ ต้องเห็นความสุขของคนไข้มาเป็นอันดับหนึ่ง การที่ฉ้นจะเรียนหมอนั้นมันเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเด็กที่มีมันสมองปานกลางอย่างฉัน แต่สิ่งดีดีที่ฉันตั้งใจจะทำคงจะส่งผลให้ฉันได้เป็นหมอที่ดีได้แน่แน่

Posted by : ปุ้มปุ้ย , E-mail : (tukka_duai@hotmail.com) ,
Date : 2007-01-22 , Time : 20:26:50 , From IP : 124.157.215.11


ความคิดเห็นที่ : 43


   ถ้าอยากช่วยคนกันจริงๆ ทำไมไม่ไปเรียนวิทยาศาสตร์
เป็นนักวิจัย ช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย

( หรือ ว่า คิดว่าผลตอบแทนที่ได้มันน้อย )
อีกทั้งยังช่วยพัฒนาประเทศได้อีกด้วย


Posted by : *** , E-mail : (---) ,
Date : 2007-01-23 , Time : 08:52:35 , From IP : 203.113.40.10


ความคิดเห็นที่ : 44


   เราจะเรียนอะไรไม่สำคัญขอเพียงใจรักต้องการทำในสิ่งนั้น
คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่สามารถอยู่กับลูกไปได้ตลอดแต่สิ่งที่สามารถอยู่กับลูก
และติดตัวเขาไปตลอดคือสิ่งที่เขารักและสิ่งที่เขาชอบ


Posted by : เอิร์ท , E-mail : (grandtheftauto_18@hotmail.com) ,
Date : 2007-01-27 , Time : 12:02:57 , From IP : 58.181.183.156


ความคิดเห็นที่ : 45


   สำหรับหนูนะค่ะหนูชอบที่จะเปงหมอหนูก้อยังไม่ได้โตอารายมากมายแต่หนูเลือกที่จะเรียนหมอเพราะรักที่จะเปงหมอแต่หนูก้อไม่ได้เรียนเก่วอารายมากเลยม่ายรู้ว่าจะเปงที่ตัวเองฝันได้อ่ะป่าวแต่คนเราก้อต้องมาความพยายามใช่ไหมเพราะฉะนั้นเราก้อต้องสู้และสร้างฝันของตังเองให่สำเร็จ


Posted by : *-* , E-mail : (--) ,
Date : 2007-02-15 , Time : 20:03:24 , From IP : 61.7.160.50


ความคิดเห็นที่ : 46


   อยากช่วยเหลือคนอื่น

Posted by : จิ้ว , E-mail : (jirapat_khonman@hotmail.com) ,
Date : 2007-02-18 , Time : 11:17:10 , From IP : 61.7.158.223


ความคิดเห็นที่ : 47


   ก้อผมสอบติดอ่าคับ ก้อเลยลองเรียนดูตอนนี้ก้อจบปี 1 ละครับ ปีหน้า ผมคงได้เริ่มเรียนหมอเต็มที่ละไม่รุ้จาเปนยังไง -*-

Posted by : insomnia cm , Date : 2007-02-26 , Time : 23:44:30 , From IP : p36-raslpnCS1.N.cslo

ความคิดเห็นที่ : 48


   คุณ insomnia cm ครับ คุณ "ได้เรียน" หมอแล้ว ตลอดทั้งปีหนึ่งนะครับ คุณคิดว่าที่ผ่านมาเป็นอะไรหรือครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2007-02-27 , Time : 02:08:21 , From IP : 222.123.97.24

ความคิดเห็นที่ : 49


   อยากได้ทุนเรียนหมอฟรีมีบ้างมั้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


Posted by : [M][O][D] , E-mail : (Rat_jung_5555@hotmail.com) ,
Date : 2007-03-09 , Time : 12:00:48 , From IP : 124.157.226.238


ความคิดเห็นที่ : 50


   ผมเปนโรคจิตพอรู้สึกว่าช่วยคนอื่นได้แล้วมีความสุข

Posted by : ใครมะรุ , E-mail : (tanatat@hotmail.com) ,
Date : 2007-04-01 , Time : 23:46:50 , From IP : 125.26.33.58


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.017 seconds. <<<<<