ความคิดเห็นทั้งหมด : 9

แด่...รุ่นน้อง


   
บายศรี ...ซึ้งจัง

การเรียนในชั้นอุดมศึกษายุคปัจจุบันนั้น ฉันว่ามันเหมือนเส้นทางหนึ่งของการดำเนินชีวิตที่มีความงดงามของการคบหาอยู่ในนั้น ไม่เว้นแม้แต่รุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเดียวกันก็ตาม ช่วงเวลา 4ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้คุณเห็นความรักในรูปแบบไหนบ้างเล่า….



กับฉัน คนธรรมดาที่ชอบอะไรง่ายๆ ชอบเพื่อนที่คุยกันง่าย ชอบรุ่นพี่ ที่ไม่ต้องวางท่า ไม่ต้องหาคำพูดดิบดี หรือหาสวรรค์วิมานมาเสแสร้งหลอกลวง ให้รู้สึกดีด้วยแล้วจากกันไปหรือหวังจะได้อะไรตอบแทนกลับไป



เมื่อรับน้องปีที่แล้ว ฉันเป็น “น้อง” ที่ต้องโดนพี่ๆ รับ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันว่าไอ้อารมณ์ฝืนใจแล้วต้องไปรับน้องเนี่ย คงไม่มีความสุขเลย เพื่อนบางคนดูจากสีหน้าก็รู้ว่า คงทรมานน่าดู คงคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ เกลียดพี่ที่ชอบว๊าก พี่ที่คอยกลั่นแกล้ง แต่ฉันว่า “โดนเล่น โดนแกล้งบ้าง ชีวิตมันก็น่าเรียนรู้ดี” และเพื่อศึกษาไว้ทำกับรุ่นน้องต่อมาได้

ซึ่งการกระทำในสิ่งที่กล่าวข้างต้น ไม่ใช่การทำ หรือแกล้งเพื่อทำลายความรู้สึกของการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เราต้องใช้จิตวิทยาในการทำให้รุ่นน้องรักกัน และเพื่อรุ่นพี่ก็เป็นที่รักของรุ่นน้องด้วย ทำเพื่อสัมพันธ์ภาพอันดีงาม เพื่อให้น้องกล้าที่จะแสดงออก และทำให้รุ่นพี่มีคุณค่ากับน้องมากขึ้น มีอะไรสามารถปรึกษากันได้ ถามได้ คุยได้ แต่ยืมตังค์ไม่ได้………..อิๆ



ฉันจำได้ว่า เราๆ (น้องที่เป็นเพศหญิง) ก็มักจะแอบปิ๊งรุ่นพี่ผู้ชายที่น่ารัก ขี้เอาใจ และสามารถแสดงความเป็นตัวเองออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ดัดจริต สร้างภาพว่ารู้ดีและอวดฉลาดเกินตัว



และเพื่อนของฉันอยู่คนหนึ่ง ก็เป็นแบบนี้ มันหลงใหลได้ปลื้มกับรุ่นพี่คนนี้มาก เขาน่ารัก ถึงขนาดติดตามจนได้เบอร์พี่เขามา แล้วมันก็โทรคุยกับเขา นับเป็นเวลา 1 ปี แต่แล้วก็ถึงเวลาพี่คนนั้นเรียนจบ และมิหนำซ้ำยังถูกจับใบแดงได้เป็นทหารอีกด้วย ความสัมพันธ์จึงต้องหยุดชงักลง รุ่นน้องก็ไปมีแฟนใหม่ ส่วนรุ่นพี่ก็หันหน้าเข้ากรมไปทำหน้าที่รั้วของชาติ ต่างคนต่างไปคนละครึ่งทาง แต่มิตรภาพที่สวยงามระหว่างรุ่นพี่ –รุ่นน้องคู่นี้ก็ยังคงอยู่



แต่สำหรับรุ่นพี่บางคน ก็เป็นที่กล่าวขวัญถึงในหมู่ขาสุราเมรัย พี่มักจะโทรชวนรุ่นน้อง ไปสังสรรค์เฮฮาชนิดว่า ถึงไหนถึงกัน ชนแก้วร้องเพลงเสียงดัง เมาแอ๋ ตามๆ กันไปเลย เรียกได้ว่าอารมณ์ไหนที่พี่รู้สึกเหงา เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกันไปงานกันหมด รุ่นน้องเนี่ยแหละเป็นที่พึ่งสุดท้ายยามยาก...(ยามอยากเหล้า) ได้เหมือนกัน



ไม่ว่าความสัมพันธ์ของรุ่นพี่ รุ่นน้องจะจบลงที่ช่วงไหนของชีวิต ฉันยังเชื่อมั่นในเสน่ห์ของการ “รับน้อง” คืนวันอันงดงามของการโดนว๊ากจนร้องไห้ หรือคืนที่บายขวัญรุ่นน้อง ต้อนรับชีวิตใหม่ ฉันว่ามันคือ ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก และบางทีเราก็ไปขวนขวายเอาจากที่อื่นไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ อยากให้รุ่นน้องจงรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นรุ่นพี่-รุ่นน้องกัน ความรักคราวนี้ที่ฉันว่า จึงเป็นเรื่องที่งดงามในด้านความรู้สึก จงใช้ความเป็นรุ่นพี่อย่างพอดี และจงใช้ความเป็นรุ่นน้องที่น่ารักใคร่ ตอบแทน “คุณค่าของชีวิต”กลับมา



แล้วคุณจะรู้สึกว่า ได้ใช้ชีวิตในช่วงนี้คุ้มแล้ว…
ie ie


Posted by : ผู้จัดการออนไลน์ , Date : 2004-05-15 , Time : 19:47:12 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 1


   อ่านแล้วเหมือนๆกะที่เคยได้เจอ
ชอบระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง
ชอบกิจกรรมรับน้อง
ว้า....
มันผ่านมานานแร้ว


Posted by : ขอให้น้องโชคดี , Date : 2004-05-15 , Time : 19:51:09 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 2


   ขอบคุงสำหรับบทความดีๆคับ :D

/me นึกถึงอดีต ตอนที่ยังเป็นรุ่นน้องจังเลย >< ผ่านมาจา 6 ปีแล้วเร็วจริงๆ
เป็นความทรงจำที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตผมช่วงหนึ่งเลย :D


Posted by : Mr.Mac7 <ไผ่> , E-mail : (raynus4@hotmail.com) ,
Date : 2004-05-15 , Time : 19:51:17 , From IP : ppp-210.86.188.7.rev


ความคิดเห็นที่ : 3


   ที่นี่รับน้องโหดมั้ยคะ กลัวจัง

Posted by : นู๋ปี1 , Date : 2004-05-15 , Time : 20:13:32 , From IP : 203.209.122.20

ความคิดเห็นที่ : 4


   ปีนี้คงไม่เข้มแน่นอน
เพราะมีบัญชาจากเบื้องบน
และบางทีอาจจะรับน้องเป็นปีสุดท้าย
ถ้า......
ดีใจด้วยกะน้องบางคน............
เสียใจด้วยกะอีกหลายคนที่พลาดโอกาสสัมผัสอะไรบางสิ่ง
ที่บอกเป็นคำพูดมิพอ


Posted by : อิ อิ , Date : 2004-05-16 , Time : 12:40:09 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 5


   รับน้องที่นี่ไม่โหดหรอก พี่ยังไม่เคยโดนรับน้องเลย พอดีปีพี่ไม่รุ้ทำไมเขาไม่จั
จัดให้ แต่ก็ดีสบาย ที่เห็นๆ มาก็รับกันธรรมดา ไม่ได้ให้น้องไปลุยหญ้า ลุยน้ำ ลุยโคลนอะไร เล้นแป้งเป็นส่วนใหญ่


Posted by : Dr.k , Date : 2004-05-17 , Time : 21:37:14 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 6


    ต่อๆไปจาไม่มีรับน้องแล้วเหรอคะ น่าเสียดเสียดายจนะคะ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการรับน้องเป็นกิจกรรมที่ดีเป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตนักศึกษา ถึงแม้ว่าขณะที่รับน้องจะรู้สึกเหนื่อย กดดัน แต่เมื่อกิจกรรมเสร็จสิ้นลงคงเหลือเป็นความประทับใจและความรู้สึกดีๆไว้ให้นึกถึง ทำให้เราสามารถรับความกดดันในชีวิตจิงได้มากขึ้น โตขึ้นมีวุฒิภาวะทางอารมณืดีขึ้นค่ะ ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆพี่ๆและสิ่งแวดล้อมในสังคมใหม่ๆที่ต่างกับชีวิตนีกศึกษามัธยมปลายได้เร็วขึ้น เพราะหลังจากประชุมเชียร์แล้วโอกาสที่จะได้เจอเพื่อนๆพร้อมกันทีเดียวทั้งชั้นปีนั้นหาได้ค่อนข้างยาก การที่จะได้เรียนรู้นิสัยซึ่งกันละกันก็เป็นไปได้ยากด้วยค่ะ
และการรับน้องของคณะเราก็ไม่ได้โหดร้ายทารุณ เพียงแต่เป็นการสอนให้มีความอดทน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออาชีพของเราในอนาคตเพราะการจะเป็นหมอที่ดีควรมีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ด้วยนอกจากความรู้ทางด้านวิชาการแล้ว จึงอยากให้มีกิจกรรมนี้ต่อไปค่ะ


Posted by : Hongs , Date : 2004-05-17 , Time : 23:39:58 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 7


   เข้าเทศกาลรับน้องอีกแล้ว จริงๆบนกระดานข่าวนี่ก็มีฤดูกาลเหมือนกัน Theme ของกระทู้แต่ละช่วงของปีหมุนเวียนเป็นวัฏจักร เหมือนผลไม้ที่ออกตามหน้า

ผมเห็นด้วยกับประเพณีรับน้อง เป็นพิธีแนะนำตัวและแนะนำสถาบันที่สามารถทำให้เกิดความประทับใจได้อย่างมาก การเกรงว่าจัดแล้วเกิดผลเสียนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เราต้อง ban แต่เป็นการเลี่ยงการแก้ไขปัญหา ตรงนี้ผมว่าเราอาจจะสามารถ introduce ค่านิยมการแก้ไขปัญหารูปแบบหนึ่งที่ดูจะเป็นการเผชิญหน้าสู้ปัญหาในทางบวกได้

ผมมองประเพณีรับน้องเป็นการที่พี่แนะนำตัวแก่น้อง และแนะนำ สถาบัน ว่าเรากำลังจะมาร่วมสังคายนากับสังคมประเภทไหน สำหรับคนที่กำลังการมาเป้นบัณฑิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัณฑิตแพทย์ ผมว่าเป็นการฉวยโอกาสที่งดงามได้ครั้งหนึ่งที่เรา (รุ่นพี่และอาจารย์) สามารถแสดงให้น้องเห็นว่าเราภาคภูมิใจกับงานของเรา กับวิถีชีวิตของเรา กับ codes of conduct ของเราอย่างไร โดยความเห็นส่วนตัวของผมนี่คือ theme ของการรับน้องเข้ามหาวิทยาลัย

ผมไม่คิดหรอกนะครับว่าการมาเข้าค่าย 3-4 วันนี่จะถือเป็นการเปลี่ยน EQ อะไรกันได้ แต่ประสบการณ์การเรียนการสอนของวิชาชีพของเราตลอดหลักสูตรต่างหากที่จะเป็นโรงโม่โรงกลึงสำหรับเรื่องพวกนั้น และยังต้องพึ่งพื้นฐานของน้องๆทุกคนที่มีมาแล้วอย่างมากด้วย ความกดดัน ความซึมเศร้า เจ็บตัว เจ็บแค้นอะไรในช่วงสองสามวันของรับน้องไม่ได้เพียงพอที่จะเป็น main theme ของ motivation ของคน แต่เพียงพอที่เราสามารถจะรู้สึกได้ถึงการ degrade self หรือ disrespect of autonomy จากพฤติกรรมบางอย่างได้เพียงเพื่อความสนุกสนาน (ส่วนบุคคล)

ผมคิดว่าการปลูกฝังให้มีความเคารพ autonomy หรือความเป็นปัจเจกบุคคลเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการเรียนเป็นแพทย์ เราต้องเห็นคุณค่าของความเป็นบุคคลเราจึงเห็นว่ามีความหมายในการที่จะ save life เราจึงเห็นว่าเป็นการสมควรที่จะบรรเทาความทุกข์ และสามารถพิจารณาได้ว่านั่นเป็น "หน้าที่" ที่เรากำลังจะยึดถือทำไปตลอดชีวิต สายวิชาชีพอื่นเป็นอย่างไรผมไม่ทราบ แต่นี่คือมุมมองของผมสำหรับสายวิชาชีพแพทยนี้



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-18 , Time : 22:08:14 , From IP : 203.155.183.170

ความคิดเห็นที่ : 8


   เดี๋ยวก้อรู้ว่ามันจะเป็นยังงัย


Posted by : TaRzAn , Date : 2004-05-19 , Time : 10:00:58 , From IP : 172.29.2.185

ความคิดเห็นที่ : 9


   ไม่มีข้อมูลเพลงบายศรีเลย ห่วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอโทษไม่ได้ด่าแต่เป็นความจริง ยอมรับซะและไปปรับปรุง นะ


Posted by : 123 , E-mail : (123) ,
Date : 2004-08-10 , Time : 17:58:01 , From IP : 203.172.72.136


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<