ความคิดเห็นทั้งหมด : 20

ทำแบบเนี้ยเด็กเสียความรู้สึก


   ให้เด็เดินทางข้ามนำ้ข้ามทะเลมาเป็นพันๆโล เสียค่ใช้จ่ายหลายหมื่นบาท กลับมาคัดออกอีก เด็กไม่ได้ก็เสียความรู้สึกและ ผิดหวังมาก บางคนร้องไห้ เลย ทั้งๆที่เด็เหล่านี้คะแนนที่สอบเข้ามารอบแรกติด 1 ใน 30 คนด้วยซำ้

Posted by : ผู้ปกครอง , Date : 2004-05-12 , Time : 12:12:54 , From IP : 203.156.40.21

ความคิดเห็นที่ : 1


   แล้วถ้าลูกของคุณได้เรียน คุ้มมั้ยที่เสียเงินหลายหมื่นเพื่อลงมาสัมภาษณ์ การผิดหวัง คือ ก้าวแรกที่ทำให้ลูกๆ เด็กๆอย่างเราเติบโตขึ้นนะ

Posted by : มองโลกในแง่ดีบ้าง , Date : 2004-05-12 , Time : 13:51:22 , From IP : 203.113.80.142

ความคิดเห็นที่ : 2


   แล้วถ้าลูกของคุณได้เรียน คุ้มมั้ยที่เสียเงินหลายหมื่นเพื่อลงมาสัมภาษณ์ การผิดหวัง คือ ก้าวแรกที่ทำให้ลูกๆ เด็กๆอย่างเราเติบโตขึ้นนะ

Posted by : มองโลกในแง่ดีบ้าง , Date : 2004-05-12 , Time : 13:51:39 , From IP : 203.113.80.142

ความคิดเห็นที่ : 3


   ไม่ทราบว่าท่านผู้ปกครองหรือไม่ว่า อาจารย์ทุกท่านที่เป็นผู้ทำการสัมภาษเด็กนักเรียนนั้นท่านไม่เคยมีอคติกับผู้ปกครองหรือตัวเด็กเองมาก่อนหรอกครับ แต่การทำการสัมภาษเด็กก่อนที่จะได้เข้าเรียนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ ไม่ต่างไปจากจำนวนคะแนนเอ็นท์หรอกครับ เพราะการที่เด็กสอบสัมภาษไม่ผ่านนั้นท่านผู้ปกครองเองเคยได้คุยกับลูกของคุณบ้างหรือเปล่าว่าที่เขาเลือกลงคณะแพทย์นั้นเขาพร้อมหรือยังทั้งกายและใจ (ขอย้ำนะครับโดยเฉพาะความพร้อมทางใจ) หรือว่าตอนเลือกลงเป็นเพราะเลือกตามความชอบของผู้ปกครองเท่านั้น....ต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับหากว่าการตอบกระทู้ในครั้งนี้มีบางคำหรือบางประโยคไปกระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่านบางท่าน..ขอบคุณครับ.

Posted by : mexjudaj , Date : 2004-05-12 , Time : 14:12:41 , From IP : 172.29.2.98

ความคิดเห็นที่ : 4


   เอ่อ..
เกิดอะไรขึ้นคะ
เล่าให้ฟังอย่างละเอียดได้ไหม
เพราะรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้ว


Posted by : DA-REน้องใหม่ , Date : 2004-05-12 , Time : 15:27:07 , From IP : 203.150.209.231

ความคิดเห็นที่ : 5


    เขาก็ตั้งกติกาแบบนั้นไว้แล้วนี่ ไม่อ่านระเบียบการหรือยังงัย

Posted by : พพพ , E-mail : (ดดดด) ,
Date : 2004-05-12 , Time : 16:30:26 , From IP : 172.29.2.153


ความคิดเห็นที่ : 6


   ค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาทเลยเหรอ
แพงจัง


(ไม่ได้มากวนนะ แค่สงสัยจริงๆ)


Posted by : ArLim , Date : 2004-05-12 , Time : 18:28:27 , From IP : ppp-210.86.223.221.r

ความคิดเห็นที่ : 7


   อ่านมาหลายกระทู้แล้วเกี่ยวกับเรื่องการสอบสัมภาษณ์ที่ผ่านมา แม้ว่าอาจไม่ใช่คนหนึ่งที่ได้สัมผัสกับการสอบตกสัมภาษณ์ แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยสอบสัมภาษณ์เข้าแพทย์มอ.เหมือนกัน แล้วก็เสียเงินจำนวนมากเดินทางไปถึงหาดใหญ่ เฉพาะค่าเดินทางของตัวเองก็แปดพันกว่าบาทแล้ว ของผู้ปกครองก็อีกเท่าตัว (ถามว่าถ้าเป็นค่าเครื่องบินก็เท่านี้แหละ ถ้าเป็นวิธีอื่นก็คงถูกกว่านี้ แต่เป็นวิธีเดินทางที่เร็วที่สุดแล้ว สำหรับผู้ปกครองที่มีเวลาน้อย ไม่สามารถลางานได้หลายวัน) แล้วมาถึงก็ต้องมาเสียค่าที่พักอีก 2-3 คืน ก็อีกหลายพัน ไหนจะค่าตรวจร่างกายอีกจริงไหม ตอนนั้นมอ.ก็เป็นเหมือนความหวังที่จะได้เรียน ได้เข้ามหาลัย ได้เป็นหมออย่างที่แม่ (และใจตัวเองลึกๆ) หวังไว้ คิดว่าถ้าได้ก็จะดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้กลับบ้าน อาจได้เรียนที่มหาลัยใกล้บ้าน แม้ว่าจะต้องสอบใหม่ในปีหน้าก็ตาม แล้วก็คิดว่าการสอบสัมภาษณ์ที่มอ.ทำนั้นก็ดีอยู่แล้ว ใครหลายคนอาจมองดูว่าไม่ยุติธรรม ไม่โปร่งใส จริงอยู่ที่บางคนพูดเก่ง บางคนพูดไม่เก่ง บางคนตอแหลเก่ง บางคนตอแหลไม่เก่ง ถ้าคิดว่าไม่พอใจตรงจุดนี้ก็คิดเสียว่าตนนั้นมีทรรศนะคติไม่ตรงกับที่นี่ ไม่ควรจะเที่ยวกล่าวหาว่าคณาจารย์หรือคณะกรรมการนั้นไม่ดี หรือไร้คุณธรรมอย่างที่คุณคิด

Posted by : คนไกล , E-mail : (----) ,
Date : 2004-05-12 , Time : 19:12:47 , From IP : 61.19.199.142


ความคิดเห็นที่ : 8


   ผู้ปกครองของลูกคุณที่ไม่ได้ผมว่าน่าคิดนะครับเเน่นอนการเสียใจย่อมเป็นธรรมดาที่ไม่ได้ผมว่าสิ่งเเรกนะครับที่ต้องดูเป็นอันดับเเรกก้อคือไม่ได้เพราะอะไรถ้าเป็นเพราะการสัมภาษนะครับก้อต้องถามลูกของคุณเเล้วว่าเป็นเพราะอะไรอย่างปีของผมมีคนที่ถูกพ่อเเม่บังคับมาเรียนเเล้วปรากฏว่าตกสัมภาษนะครับเพราะไม่มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนเเพทย์สิ่งเหล่านี้ผมว่าสําคัญนะครับมันไม่ได้เกี่ยวกับเงินของท่านที่ต้องเสียหรอกนะครับผมว่ามันเป็นสิ่งจําเป็นไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอกใช่ไหมครับในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างผมตอนมัธยมนะครับสอบที่ไหนก้อไม่ติดมาติดตอนเอ็นเนี้ยเเหละครับทีนี้ลักษณะที่เป็นเเพทย์ที่ดีก้อต้องมีหลายอย่างไม่ว่าการใจเย็น การอดทน เวลาสัมภาษของผมเนี้ยอาจารถามคําถามเดิมตั้ง20รอบนะครับลองถ้าคนโรคจิตก้อต้องหงุดหงิดเป็นเเน่ผมว่าถ้าเป็นการสอบไม่ติดเพราะสิ่งเหล่านี้หรือเเม้กระทั้งมารยาทเนี้ยสิ่งเหล่านี้ผมว่าจําเป็นสําหรับหมอในปัจจุบันนะครับเพราะคนสมัยนี้ไม่ได้ต้องการมารักษาเเค่กายเท่านั้นเเต่ต้องการเอาใจใส่ในสิ่งที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มาก
ผมเห็นใจน้องคนนี้มากครับเเต่ถ้ายังไงถ้าอย่างเข้าเเพทย์จริงๆละก้อผมว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ว่า ความรัก อดทน ใจเย็น มารยาทต่าง อื่นๆๆควรมีเเล้วถ้าไงก้อขอให้น้องคนนนี้สมหวังได้เป็นหมอเพื่อปวงชนต่อไป
anticubical


Posted by : คนที่มีเหตุผล , Date : 2004-05-12 , Time : 20:12:45 , From IP : 203.107.214.34

ความคิดเห็นที่ : 9


   โอ้ คุณผู้ปกครองคนนี้คงมีความแค้นมาก post มาหลายกระทู้ติดต่อกันเลย
*โปรดสังเกต203.156.40.21 แล้วดันบอกว่า เป็นผู้ปกครองอีกคน


Posted by : เย็นไว้โยม... , Date : 2004-05-12 , Time : 20:52:05 , From IP : 172.29.2.95

ความคิดเห็นที่ : 10


   เฮ้ยๆ ดูๆแล้ว ผู้ปกครองต้องการ มากกว่า อย่ายัดเยียดความต้องการของตนเอง ใส่หัวเด็กเลย น่าสงสาร

Posted by : man , Date : 2004-05-12 , Time : 22:35:03 , From IP : 172.29.3.241

ความคิดเห็นที่ : 11


   ถ้าจะคิดตามคะแนนเอ็นแล้ว จะต้องมาสอบทำไมอีกล่ะครับ ก็ให้มันเข้ามาตามลำดับทั้งหมดเลยซิ คิดแค่นี้คุณผู้ปกครองก็น่าทราบแล้วว่าเค้าไม่เอาคะแนนเอ็นมาคิดครับ แล้วที่เรียงลำดับคะแนนเอ็นน่ะ บางครั้งมันแทบไม่ต่างกันหรือต่างกันแค่ 1-2คะแนนเองนะครับ ไม่ได้แปลว่าลูกคุณจะเก่งกว่าคนอื่นนี่ครับ คนเป็นหมอเค้าไม่ได้เอาแค่ท่องหนังสือเก่งนะครับ คุณทราบความหมายของข้อสอบ หรือการสอบสัมภาษณ์ดีแล้วหรือยังว่าเขาวัดอะไรที่คะแนนเอ็นทรานซ์วัดไม่ได้ ถ้ายังไม่ทราบก็ไปดูมาก่อนครับแล้วคุณอาจจะทราบว่าทำไมลูกคุณไม่ติด

Posted by : เบื่อ , Date : 2004-05-13 , Time : 11:58:19 , From IP : 172.29.3.90

ความคิดเห็นที่ : 12


   แล้วคนที่ได้คะแนนน้อยๆ เวลาที่เค้าสอบสุขภาพจิตหรือว่าสอบสัมภาษณ์ เค้าก็เข้าข้างตัวเองก็เยอะ แบบว่าตบตากรรมการที่เพิ่งเจอได้ ไม่รู้นิสัยเค้า เจอกับกรรมการก็ไม่นาน ทำไมกรรมการถึงรู้ว่าได้ไมได้ยังไง บางคนอาจมีความผิดปกติทางด้านจิตใจก็มี หรือแย่ไปกว่านั้นก็เยอะ ก็เป็นธรรมดาแหละที่คนไม่ได้จะเสียใจ
เพราะเรารู้ว่าบางคนที่ได้คะแนนก็ไม่ได้เยอะเลย


Posted by : เด็กรุงเทพ , Date : 2004-05-13 , Time : 14:58:18 , From IP : 202.129.53.250

ความคิดเห็นที่ : 13


   อ่า...
ค่อยๆคิด ใช้สติ มีเหตุผล แล้วจาเข้าใจทุกอย่างเอง


Posted by : P|atino` , Date : 2004-05-13 , Time : 21:08:29 , From IP : 203.150.209.232

ความคิดเห็นที่ : 14


   การสอบสัมภาษณ์ ก่อนเข้าเรียนเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ นะครับ ช่วยให้เราได้รู้ทัศนคติของนักศึกษาต่อวิชาชีพนี้ ( อาจไม่จริงก็ได้ ) แต่อย่างน้อยหากลูกคุณมีทัศนคติที่ไม่เข้าตากรรมการ ก็ต้องแล้วแต่ทางคณะกรรมการเขาน่ะ ผลออกมาเป็นยังไง ก็น่าจะยอมรับได้ ตอนนี้ผมทำงานเป็นแพทย์จริงๆ แล้ว ครับชีวิตการเป็นแพทย์ไม่ได้เหมือนที่คิดเอาไว้ ตอนปี 1 เลย เพื่อนๆ ผมหลายคน ก็บ่นกันโดยเฉพาะพวกอยู่ รพ. มหาราชนครฯ คนไข้เยอะมาก อยู่เวรกัน ก็ไม่ต้องนอนครับ(เอ็ม150 ขวดบ้าง กระทิงแดงยังไม่เคยลอง ) บางครั้งยังคิดอยู่เลยว่า ทำไม่เราต้องมาทำอะไรที่หนักแบบนี้ด้วย ถ้าเราเลือกสอบเข้า หมอฟัน , เภสัชฯ งานคงสบายกว่านี้เยอะเพราะไม่ต้องอยู่เวร เงินเดือนก็ได้น้อยกว่าไม่มากนัก ถ้าคิดว่าการเข้าเรียนคณะแพทย์ เป็นสิ่งที่โก้ ดี มีชื่อเสียง ก็ใช่ครับสำหรับผู้ปกครอง แต่ลูกคุณคงต้องแบกรับภาระที่หนักมาก ในช่วงเป็นแพทย์ทำงานในรพ. ถ้าไม่มีใจชอบจริงผมคิดว่าคงทำงานได้ไม่นานก็ลาออก เหมือนหมอหลายๆ คนที่ลาออกกันใหญ่ ไปทำงานเอกชน ได้เงินเยอะกว่า รวยกว่า งานสบายกว่า แต่เชื่อไหมครับ ไม่ใช่แพทย์ทุกคนที่จะทำแบบนั้น อย่างน้อยผมคิดว่ามีแพทย์ส่วนหนึ่งที่ ทนทำงานในรพ.รัฐ (ออกไปรับ job บ้าง) ก็อยู่กันได้ มีความสุขดี ถึงจะไม่รวยนัก งานหนักก็พักบ้าง พอมีแรงก็สู้กันต่อครับ ชีวิตก็มีรสชาติไปอีกแบบ

Posted by : นายแพทย์จบใหม่ , Date : 2004-05-13 , Time : 22:24:49 , From IP : 203.150.209.232

ความคิดเห็นที่ : 15


   ความเสียใจ
ของพ่อแม่หรือของเด็กกันแน่

ใครอยากให้ลูกเรียนหมอ
เด็กเอง
หรือพ่อแม่

ทุกคนในโลกเกิดมาต้องผิดหวัง
ไม่มีใครสมหวังไปทุกเรื่อง

ถ้ารักลูก
ก็ต้องทำให้เค้าเข้มแข็งและแข็งแกร่ง
พร้อมจะลุกขึ้นสู้เวลาแพ้

คุณไม่อาจอยู่กับลูกได้ตลอดชีวิต

อย่าฆ่าเขาให้ตาย
ทางอ้อม
หลังจากคุณตายไปแล้ว


Posted by : ? , Date : 2004-05-13 , Time : 23:39:53 , From IP : 202.5.82.182

ความคิดเห็นที่ : 16


   ขอแจมด้วยคนนะคะ ในฐานะที่เป็นพยาบาลมา 17 ปี และทำงานร่วมกับคุณหมอมาตลอด ขอบอกว่าแพทย์เป็นงานที่หนักและเหนื่อยมากค่ะ เช้าทำงานถึงเย็นและถ้าอยู่เวรก็ต้องอยู่ต่อตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า อยู่เวรเสร็จอย่าคิดว่าจะได้พักนะคะ ต้องอยู่ทำงานตั้งแต่เช้าถึงเย็นอีกค่ะ ท่านผู้ปกครองที่ผิดหวังจากการที่ลูกสอบเข้าหมอไม่ได้ ท่านลองคิดดูสิคะว่า ท่านผิดหวังหรือลูกท่านผิดหวังกันแน่ลองคุยกับลูกคุณว่าเขาต้องการที่จะเรียนอะไร อย่าปั้นเขาตามใจเรา แต่ปั้นเขาตามใจเขาค่ะ(ดิฉันมีลูกแล้ว และตั้งใจว่าจะให้อิสระลูกเต็มที่ แต่อยู่ในสายตาของเรา) แต่ถ้าความคิดของคุณกับ ลูกเหมือนกัน ในการมุ่งมั่นที่จะเป็นคุณหมอ คุณก็ต้องให้กำลังใจลูกให้พยายามใหม่ เสียเวลาหน่อยแต่ก็ไม่สายหรอกค่ะ คนทุกคนจะมีความสำเร็จในอาชีพได้ถ้าทำด้วยใจ และก็มีความสุขในงานที่ทำด้วยค่ะ

Posted by : พยาบาล , Date : 2004-05-14 , Time : 02:53:18 , From IP : 172.29.1.231

ความคิดเห็นที่ : 17


   ถ้าใครยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้จะอธิบายให้ฟัง.......
หลังจากการสอบเอ็นและได้ประกาศเอ็นรวมไปแล้ว ทางมอ.ก้อประกาศรับสมัครโครงการแพทย์เพิ่มเติม อีก 30 คน (เรียนเหมือนแพทย์ทั่วไป ) รับอีก 10 คน ( เป็นแพทย์ชนบท )และหนูคิดว่าที่เป็นเรื่องนี้คงจะเป็นแพทย์ 30 คนแน่นอน ในตอนแรกก็คัดตัวจริง45คน ตัวสำรอง 45คน แต่บังเอิญว่าตัวจริงเอ็นติดเขาก้อเลยไม่เอา ทำให้ได้ดันตัวสำรองขึ้นไป แต่รู้มั้ยว่าคะแนนของแต่ละคนห่างกันแค่ 0.5เอง (ถ้าใครไม่รู้ก้อรู้ไว้ซะด้วย ) เค้าก้อเลยต้องวัดกันใหม่ ซึ่งตอนแรกเขาก้อแจ้งแล้วว่าจะสอบแบบบูรณาการ และด้านจิตใจ ผู้ปกครองก้อรับทราบ วันแรกก้อให้สอบความรู้แต่เป็นการคิดไม่ใช่แบบท่องจำ ตอนบ่ายก้อสอบ ให้เขียนเกี่ยวกับตัวเอง ให้เวลาน้อยมาก เพราะต้องการให้เขียนแต่ความเป็นจริง อีกวัน ให้สอบสัมภาษณ์แต่ก้อมีการจัดเวลาให้พวกที่ติดธุระได้สอบก่อน อะไรๆ ก้อสะดวกสบายไปหมด จนบางครั้งเราคนหาดใหญ่ยังอิจฉาเลย ตอนสอบสัมภาษณ์เราก้อจะได้มีโอกาสพูดคุยกันจนรู้นิสัยของบางคน ก้ออาจจะบอกได้เลยว่า ใครได้ใครไม่ได้ ขอสรุปง่ายๆ แล้วกันว่า การสอบครั้งนี้เขาเอาทั้งความรู้และจิตใจ ถ้าคิดอย่างเป็นกลางว่า ถ้าลูกของคุณได้ คุณก้อคงไม่ออกมาโวยวายใช่ไหม และลูกของคุณก้อคงแก้สถานการณ์ไม่เก่ง เพราะที่เขาถามส่วนใหญ่ก้อเป็นคำถามง่ายๆ แต่ต้องใช้ความคิดนิดหน่อย ..... ขอบคุณนะคะที่อ่าน


Posted by : ติด1ใน30 , Date : 2004-05-14 , Time : 11:58:10 , From IP : 203.150.209.232

ความคิดเห็นที่ : 18


   จากที่อ่านมาทั้งหมดนะคับ ผมอยากให้ผู้ปกครองลองย้อนกลับ
ไปดูตัวของตัวเองนะคับ สมมุติว่าท่านเป็นเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งนะคับ
แล้ววันนี้ท่านจำเป็นต้องรับลูกจ้างเพิ่มมากขึ้น ผมอยากถามท่านว่า
1. ท่านอยากรับลูกจ้างได้วิธีใด
1.1 สอบข้อสอบ ปรนัย
1.2 สอบอัตนัย
1.3 สอบสัมภาษณ์
หรือท่านอยากได้ทุกอย่างทั้ง สามข้อ
ถ้าท่านตอบอยากได้ทุกอย่าง ท่านคงจะคงพอเห็นหนทางบ้างนะคับ
ว่าทำไมคณะจึงต้องทำหลายๆวิธีเพื่อคัดเลือกเด็กที่เหมาะสมที่สุด
คงเหมือนกับที่ทุกคนต้องการคนที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะให้มาทำงานกับ
ท่านเอง ..... จริงไหม?????
และจากที่ผมก็เป็นคนหนึ่งที่สอบสัมภาษณ์ผ่านมาได้นะคับ ผมคงไม่อยากบอกว่า
ตัวเองเป็นคนโง่ แค่ไหนนะคับ หน้าตาคงไม่ดีมาก(อิอิ) พูดจาคงไม่เก่งมาก คะแนนตอนสอบก็นิดหน่อยคับ แต่สอบสัมภาษณ์ รู้สึกเครียดมาก(มีปัญหาใน
อดีตนิดหน่อย ...... เลยโดนกดดันมากหน่อย) แต่ผมว่าทางคณะคงมีวิธีที่จะกำจัด
ข้อมูลที่ให้คะแนนมากที่สุด และคะแนนน้อยที่สุด ออกไปก่อนที่จะนำคะแนนออก
มาใช้เป็นคะแนนจริง สำหรับนักเรียนคนนั้นนะคับ นอกจากนี้ถ้ายังสงสัยว่าถ้า
หน้าตาไม่ให้จะสัมภาษณ์ไม่ผ่านนะคับ อยากลองให้ผู้ปกครองไปเดินดูตามโรงพยาบาล มอ. นะคับ แล้วท่านจะรู้สึกว่าลูกของท่านยังหน้าตาให้กับการเป็นแพทย์
มากกว่าบางคนอีกนะคับ(หมายถึง นักศีกษาแพทย์นะคับ ผมว่าแยกไม่ออกกับ
บุรษพยาบาล ....ผมด้วยคนนึง)
สุดท้ายผมอยากให้ผู้ปกครองกลับมาดูตัวเองก่อนที่จะให้ความโมโหเข้า
ครอบงำจิตใจของคุณมากกว่านี้นะคับ
ปล... ขอโทษนะคับถ้าดูเหมือนเข้าข้าง มอ. หรือทำให้เสียใจมากขึ้นนะคับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคับที่ลูกไม่สามารถผ่านสอบสัมภาษณ์ได้


Posted by : คนไม่เห็นด้วย , Date : 2004-05-14 , Time : 15:42:34 , From IP : 202.5.88.150

ความคิดเห็นที่ : 19


   น่าสงสารคนที่เป็นผู้ปกครองคนนั้นจริงๆครับ แต่ไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ ตัวผมเองเมื่อก่อนก็เคยเข้ามาโดยวิธีการสอบตรงเช่นกัน ได้มาเป็นคนสุดท้ายด้วย แต่พอผมเข้ามาแล้วก็ไม่เห็นว่าผมจะเรียนได้เลวร้ายเหมือนอย่างคะแนนเอนท์นี่ครับ เพราะฉะนั้นจงรู้ไว้ว่า บางทีคะแนนมันก็ไม่ได้วัดว่าลูกคุณจะเก่งกว่าคนอื่นจริงๆหรอกนะครับ อย่ายึดติดกับมันมากไป เดี๋ยวนี้เค้าเอาทั้ง IQ & EQ แล้วนะครับ ยุคใหม่แล้ว ต้องตามยุคให้ทันนะครับ

Posted by : Empathy , Date : 2004-05-14 , Time : 15:49:39 , From IP : 172.29.3.94

ความคิดเห็นที่ : 20


   คุณผู้ปกครองที่เคารพคะ หนูก็เคยสอบแบบนี้มาก่อน เมื่อปีที่แล้วนี่เองค่ะ หนูเข้าใจว่าท่านคงเห็นลูกเครียดตลอดเวลาที่คัดเลือก แล้วผลก็ออกมาตรงข้ามกะที่คาดไว้....คนเราไม่ได้ได้ในสิ่งที่เราอยากได้เสมอไปหรอกค่ะ คุณลองคิดดู ลูกคุณพลาดในครั้งนี้ยังมีโอกาสอีกเยอะ..นะคะ แทนที่จะหาว่าใครผิดคุณควรให้กำลังใจลูกมากกว่า ไม่ใช่ตอกย้ำ อยู่อย่างนี้ หนูเป็นเด็กเหมือนกัน หนูรู้ดีว่าลูกคูรเครียดมาก ไหนจะเสียใจ ไหนจะโกณธ (ถ้าลูกคุณโกรธนะคะ) เวลานี้เป็นเวลาที่เค้าอ่อนแอมาก แทนที่คุณจะเอาเวลามานั่งโพสต์ เอาเวลาไปช่วยลูกคุณดีกว่านะคะ....ความผิดหวงังน่ะ มันเจ็บปวดนะคะ...หนูจะไม่ขอออกความคิดหรอกนะคะว่าใครผิดถูกประการใด คุณคงพอรู้แล้ว ขอบคุณค่ะ

Posted by : คนผ่านมา , Date : 2004-05-15 , Time : 01:13:44 , From IP : 203.150.209.231

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<