เก็บมาฝาก เรื่อง ชาเขียวเก็บมาจากเด็กดีคร้าบ เรื่องน่าคิดสำหรับคนชอบดื่ม < ชาเขียว > จากมีผู้ส่ง เมล์มาหาผม แล้วบอกสรรพคุณ > > > > > ของชาเขียว ซึ่งผมก็อยากเสนอความคิดเห็นเนื่องจาก > > > > > > ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น และก็พอจะทราบเรื่องชาเขียวพอสมควร > > > > >ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เรียนแพทย์หรือเภสัชนะครับ > > > > > > > > > > > > > > > > >อาจจะได้ข้อมูลผิดๆจากผมไปนะครับ ทราบมาว่าคนญี่ปุ่น ดื่มชาเขียวมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่พวกเขายังเป็นคนแคระแกน หรือตัวเตี้ย หรือที่เราเรียกว่า ยุ่น คือคนตัวเตี้ยๆ > > > > > > >ทุกวันนี้ก็ยังดื่มกันอยู่แต่น้อยลงเมื่อเทียบกับสิบปีที่แล้วที่ผมไปอยู่ใหม่ๆ ผมเห็นแม้แต่เด็กแบเบาะเด็กทารก แต่สิ่งที่ผมสังเกตุอย่างนึงว่า และเป็นสิ่งที่ผมโดนถามมาตลอด คือ ฃฃคนญี่ปุ่นผมหงอกเกือบทุกคน เป็นกันตั้งแต่ > > > > > > > อายุน้อยๆกันเลยหละ > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > >ถ้าคุณลองค้นหาประเทศที่ใช้ยาย้อมผมมากที่สุดก็น่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น เพราะทุกทีที่ผมบอกว่าผมอายุ สามสิบหก ไม่ค่อยไม่ใครเชื่อ เพราะเขาจะสังเกตุที่สีผมของผม > > > > > > > > > > > และเพื่อนที่ทำงานร่วมกันที่เป็นคนไทย >>ก็อายุมากกว่าผม เขาก็ไม่มีผมหงอกเหมือนกัน > > > >นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมโดนถาม หลังจากบอกอายุ > > > > > > > > > แล้วการที่ผมหงอกนี้ >เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงเป็นกันตั้งแต่อายุสิบแปดปีซะส่วนใหญ่ >>หงอกเกือบหมดทั้งหัวเมื่ออายุเกิน ยี่เจ็ด > > > > > > ยี่สิบแปดไปแล้ว > > > > > > > > > > > > > > > > >นี่ก็คื่อเรื่องที่หนึ่งที่ผมสงสัย จากนั้น > > > > > เรื่องที่สอง > > > > > > > > > > > > > > > > >ที่น่าสังเกตุอีก และก็น่าจะมีสถิตบันทึกไว้ > > > > > > > > > > > หรือมีการบันทึกไว้ก็คือ > > > > > > > > > > > > > > > > >คนญี่ปุ่น เท่าที่ผมเจอ ไม่ใส่แว่น > > > ก็ใส่คอนแทคเลนส์ > > > > > > > > > ในที่ทำงานผม > > > > > > > > > > > > > > > > >ก็มีคนทำงานในออฟฟิตเป็นร้อยกว่าคน > > > > > > > > > > และในส่วนของผมที่ทำงานใกล้ๆกัน > > > > > > > > > > > > > > > > >ก็มีประมาณสี่สิบกว่าคน ไม่มีใครไม่ใส่แว่นเลย > > หรือ > > > > > > > > คอนแทคเลนส์ > > > > > > > > > > > > > > > > >ผมถามว่าส่วนใหญ่ใส่กันเมื่อไร ก็บอกว่า > > ประมาณอายุ > ยี่สิบ ก็จะต้องเริ่มใส่แล้ว > > > > > > > นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเก็บมาคิด > > >ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ คนญี่ปุ่น แก่เร็วมาก > > > > > > > > > > > > > > > > >ไม่ได้มาจากผมที่หงอกอย่างเดียวเท่านั้น >ผิวหนัง > > > > > > > ของคนญี่ปุ่น > > > > > > > > > > > > > > > > >โดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว > > > > > > > > ขาวซีดและก็หยาบและก็เ่ยวเป็นเกือบทุกคน > > > > > > > > > > > > > > > > >เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ต้องพอกโลชั่นกันสามเวลา > > > > > > > > > และไม่ต้องถามเลย > > > > > > > > > > > > > > > > >คนที่อายุมากกว่า สามสิบไปแล้ว เ่ยวทั้งตัว > > > > > > > > > > > > > > > > >นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเฝ้ามองอยู่ทุกวัน >>และเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ > >ผมสอบถามกับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ด้วยกัน >ถามกันแบบภาษาผู้ชายเวลาที่ดื่มเหล้าก็คงไม่พ้นเรื่องลามก >แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเก็บมาได้ > > > > > > > > > และก็คิดว่าถ้าเล่าให้ดีๆก็จะไม่ลามก > > > > > > > > > > > > > > > > >แต่จะเป็นประโยนช์มากกว่า >มีอยู่สองเรื่องด้วยกัน > > > คือ >หนึ่งเรื่องขนาดของผู้ชาย > >และรวมที่ตัวผมได้อาบน้ำร้อนรวมกับคนญี่ปุ่นด้วย > >ซึ่งมีขนาดเล็กมากโดยเฉลี่ยแล้วจะเล็กเท่าๆกันหมด และเมื่อสำรวจตลาดถุงยางอนามัยแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ > > >เพราะที่นั่นขายในขนาดเล็กสุดเพื่อป้องกันการหลุด ผมได้สอบถามกับทางผู้ขายว่ามีขนาดนี้ขนาดเดียวหรือเขาก็บอกว่า >มีอีกแยกไว้ต่างหาก ก็คือ BIG size ผมก็เลยแกล้งถามโง่ๆว่า > >เอาไว้ขายใคร > > > เขาก็บอกว่าเอาไว้ขายคนต่างชาติเท่านั้น > >ในฐานะที่เป็นผู้ชายและก็อยากทราบจริง > > > > จึงลองด้วยตัวเอง > > >เพราะผมก็มีของที่เมืองไทยขายติดตัวไว้ตลอดเวลาด้วยความไม่ประมาท > > >ปรากฎว่า size ของคนไทยใหญ่กว่ากันมาก > > > > > >เพราะถุงของคนไทยมีขนาดนี้เท่านั้น > > แต่ในทางกลับกัน > > > > > > > ถุงของเขา > > > > >ก็ประมาณได้ว่าเพื่อไม่เป็นการอนาจาร > และเพื่อให้ได้ประโยชน์จริง > > > >ผมจะเปรียบเทียบอย่างนี้ เหมือนคุณมีเอว 38 จะไปให้ใส่ > > > > > > กางเกงเอว > > > 28 >มันก็ใส่ไม่เข้า หรือเข้าก็บีบรัดจนทนไม่ไหว และเรื่องที่สอง > > ก็คือ > >จากวงเหล้าเหมือนกัน > คนญี่ปุ่นมีความสัมพันธุ์กับภรรยาน้อยมากๆ > > > > > > >บางคนหกเดือนหนึ่งครั้ง และมีบางคนไม่ยุ่งเลย > > > > > หลังจากมีลูกได้หนึ่งคน > > >นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น > > > > > > มีหนังสือหรือวีดีโอ > หรือ > >สื่อลามกต่างๆมากมาย ก็คงเป็นเพราะเพื่อกระตุ้น > แต่ผิดกันคนไทย > >ซึ่งไม่ต้องกระตุ้น > > > > > > แต่ในทางตรงกันข้ามต้องหายาลดอีกต่างหาก >>ผมเคยไปอยู่ญี่ปุ่นเมื่อสิบปีที่แล้ว >ก็บริโภคอาหารญี่ปุ่นทุกวันพร้อมกับดื่มชาเขียวแทนน้ำทุกวัน >ปรากฎว่า มีอาการหงอย จนกลับกระทั่งกลับเมืองไทย ก็คิดว่าตัวเองมีความผิดปกติ >แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยก็กินแต่อาหารไทยพบว่า > กลับมาสู้ซ่า เหมือนเดิม อาจจะจริงอยู่ว่าคนญี่ปุ่น > > > > > > อายุเฉลี่ยแล้ว >> >มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก > > > >แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารการกินอย่างเดียว > >สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุก็คือ > > > > > > > ประเทศเขามีแผ่นดินไหวเกือบทุกวัน > > > >ในเมืองที่ผมอยู่ เมือง อันโจ > ใกล้กันกับเมืองนาโกย่าที่ทุกคนรู้จัก > > > > > > > > > >สาเหตุที่มีแผ่นดินไหวบ่อยๆก็เพราะ > > > > ประเทศเขาตั้งอยู่บน เส้นทางของลาวาทำให้แผ่นดินเคลื่อนตัวตลอด >> >และถ้าขุดลงไปตรงไหนก็ได้ของประเทศ > > ไม่เกินสิบเมตร คุณจะพบ น้ำร้อน > >หรือ บ้านเราเรียกน้ำพุ่ร้อน > > > > > > > > > > > > อันนี้ผมดูสาระคดีจากโทรทัศน์ของประเทศเขา >คนญี่ปุ่น ชอบอาบร้อนร้อนกันมาก ชอบแช่กันสัก สามสิบนาที > >ซึ่งนั้นก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง > > > > > > ที่น่าจะเกี่ยวกับสุขภาพ > > > > > >และที่ทราบมาจากการพูดคุยนอกจากการสังเกตุด้วยตัวเองแล้ว ยังพบว่า คนญี่ปุ่นมีเด็กปัญญาอ่อนจำนวนมาก > > > > > > > > หากคุณพูดคุยกับคนญี่ปุ่นสัก > >ห้าถึงหกคน หนึ่งในนั้น จะมีปัญหาเรื่อง > ความดันต่ำหรือไม่ก็โลหิตจาง >>ซึ่งก็น่าจะเป็นต้นเหตุของการทำให้เด็กเกิดมามีปัญญาอ่อนกันเยอะ > > > > สรุปจากผมซึ่งไม่ควรเชื่อเพราะผมไม่ใช้หมอ >แต่ลองพิจารณาดูเองชาเขียวนั้น สามารถทำให้อายุยืนได้จริง เพราะช่วยในการลดไขมัน > > ทั้งการดูดซึมและในเส้นเลือด > > > >ประกอบกับการอาบน้ำร้อนบ่อยๆทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี แต่มีขอเตือนที่ติดไว้กับบ่อน้ำร้อนที่เป็นห้องส่วนตัวคือ >ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในบ่อน้ำร้อนเป็นอันขาด >เนื่องจากการที่โลหิตไหลเวียนในอัตราที่สูง > > > > > > > > > > หากหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ >คุณจะหน้ามืด ล้มลงและจมในอ่าง ตาย อันนี้เป็นเรื่องจริง > > >ที่ผมสอบถามมากับตัวเองจากเพื่อนคนญี่ปุ่นไม่ใช่ตลก > > > >อย่าได้คิดลองเป็นอันขาดถ้าคุณผู้ชายที่ได้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสองในบ่อน้ำร้อ > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > > นนี่ผมไม่ได้ลามกนะแต่เห็นว่าเป็นคำเตือนที่มีประโยชน์เท่านั้น >> >นั้นก็เป็นสาเหตุที่ > > > > > > >คนญี่ปุ่นมีอายุยืนแต่สิ่งที่ผมทราบมาในส่วนเพิ่มเติมอีก > > > > > > > > > ชาเขียว >มีวิตามินซีสูงและก็แคลเซียมสูง แต่สิ่งที่ ชาเขียวเป็นโทษก็คือ > >ชาเขียว หากดื่มหลังอาหารสองชั่วโมง > >ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของโลหิตจาง > >สำหรับเรื่อง ความดันต่ำ ผมหงอก และ > > > > ผิวหนังเ่ยวเร็ว > > > > > > > > > > > > > > > > > >ไม่สรุปไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าน่าจะเกิดจากอะไร > > > > > > > > > แต่การอธิบายทาง >>อินเตอร์เน็ต อาจทำให้เรื่องเหล่านี้ > > > > > > > > > > ซึ้งผมก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า > >ทำให้ธุรกิจ ของชาเขียวเจ๊งไปหรือเปล่า > > > > > > > > > > นั้นผมของไม่ออกความคิดเห็น > > > > > > >แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือ >> > >ชาเขียวจะกำจัดไขมันทุกชนิดออกจากร่างกายออกหมด > > > > > > > > > > > > > > > > >ก็น่าจะรวมไขมันที่ผิวหนังต้องการออกไปด้วย > > >ดังนั้นร่างกายจึงขาดไขมันส่วนที่จำเป็นต่อผิวหนัง ทำให้หนังเ่ยวและไม่ทนต่อแสงแดดเพราะสาวญี่ปุ่นจะใช้ Sun > block > > >ที่มีค่าความต้านทานแสงแดดสูงๆขายทุกที่ >สำหรับผมหงอกก็น่าจะมาจากโลหิตจางก็อาจเป็นได้ > > >เพราะชาเขียวคงไปขับสารที่สำคัญของร่างกายออกไปด้วย แต่ที่น่าสังเกตุอีกอย่างคือ คนญี่ปุ่นมีเลือด กรุ๊ป ABเป็นจำนวนมาก >นั้น อาจจะมาจาเหตุผมของการบริโภค > > > > > > > > > > อะไรบางอย่างติดต่อกันเป็นเวลานาน > > >จนทำให้เลือดมีการเปลี่ยนไป ผมไม่ได้บอกว่า AB > > > > > > ไม่ดีนะครับ >แต่มันเกิดการเปลี่ยนโครงสร้างไปเท่านั้น >สุดท้าย ผมขอ ให้คนไทย > > > > > > ที่กำลังดื่มหรือบริโภคอาหารญี่ปุ่น > > > > > > > > > > > > > > > > > >ก็ขอให้สังเกตุการเปลี่ยนแปลงในตัวเองด้วยนะครับ > > > > > > > > เพราะผมทุกวัน >ต้องทำอาหารไทยกินเอง > > > > > ผมเป็นคนหนึ่งที่ทดสอบอาหารญี่ปุ่น > >มาเป็นเวลานานมาก และก็ทราบผลแล้ว > > มันไม่เหมาะกับผม > > >แต่มันจะไม่เหมาะกับคนไทยหรือเปล่า > > ผมเองก็ไม่ทราบ > > > > > > > > > > > > > > > > > > >และที่ทำงานที่เมืองไทยของผมก็มีคนญี่ปุ่นทำงานด้วย > > > > > > > > > > > > > > > > >เคยบอกผมว่าอาหารไทยเหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก > >ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้พิจารณากันเอาเอง แต่ขอให้ดูแลตัวเองด้วย > >เพราะคุณอาจกำลังดื่มเครื่องดื่มที่ล้างไขมันพร้อมกับล้างสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกจากร่างกายไปด้วยหรือเปล่า คุณมีความคิดเหงอย่างไรก้อช่วยเม้นหน่อยละกาน วันหลังมีรายจาเอามาให้อ่านกานอีกนะ Posted by : Mr.Mac7<ไผ่> , E-mail : (raynus4@hotmail.com) , Date : 2004-05-09 , Time : 10:15:47 , From IP : ppp-210.86.188.8.rev |
คุณ Mr Mac7 (ไผ่) เป็นนักศึกษาแพทย์ไหมครับ ช่วยลองวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับหลังจากอ่านเรียบร้อยแล้ว Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-09 , Time : 10:45:40 , From IP : 172.29.3.253 |
อืม... ผมก็ยังไม่ใช่นักศึกษาแพทย์หรอกนะครับ (กำลังจะเข้าปี 1 อ่า) ขอย้ำว่าเก็บมาฝาก จากเว็บ เด็กดีครับผม ไม่ได้เขียนเอง =) ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมส่วนใดช่วยชี้แจงด้วยครับ จะได้เอาไป แก้ไขและเผยแพร่ต่าอไปครับ แหะๆอ่านเพลินจนลืมไปว่า หัวข้อมัีนเป้นเรื่องชาเขียว :P > ชาเขียว >มีวิตามินซีสูงและก็แคลเซียมสูง แต่สิ่งที่ ชาเขียวเป็นโทษก็คือ > >ชาเขียว หากดื่มหลังอาหารสองชั่วโมง > >ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของโลหิตจาง > >สำหรับเรื่อง ความดันต่ำ ผมหงอก และ > > > > ผิวหนังเ่ยวเร็ว > > > > > > > >แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือ >> > >ชาเขียวจะกำจัดไขมันทุกชนิดออกจากร่างกายออกหมด > > > > > > > > > > > > > > > > >ก็น่าจะรวมไขมันที่ผิวหนังต้องการออกไปด้วย > > >ดังนั้นร่างกายจึงขาดไขมันส่วนที่จำเป็นต่อผิวหนัง ทำให้หนังเ่ยวและไม่ทนต่อแสงแดด เนื้อหาจริงๆน่าจะอยู่แค่นี้ครับ :P ขออภัยมา ณ ที่นี้ >< Posted by : Mr.Mac7 , E-mail : (raynus4@se-ed.net) , Date : 2004-05-13 , Time : 12:41:00 , From IP : 172.29.2.116 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.014 seconds. <<<<< |