ความคิดเห็นทั้งหมด : 4

เก็บมาฝาก เรื่อง ชาเขียว


   เก็บมาจากเด็กดีคร้าบ

เรื่องน่าคิดสำหรับคนชอบดื่ม < ชาเขียว >
จากมีผู้ส่ง เมล์มาหาผม แล้วบอกสรรพคุณ
> > > > > ของชาเขียว
ซึ่งผมก็อยากเสนอความคิดเห็นเนื่องจาก
> > > > > > ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น
และก็พอจะทราบเรื่องชาเขียวพอสมควร
> > > > >ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เรียนแพทย์หรือเภสัชนะครับ
> > > > > > > > > > > > > > > > >อาจจะได้ข้อมูลผิดๆจากผมไปนะครับ
ทราบมาว่าคนญี่ปุ่น ดื่มชาเขียวมาเป็นเวลานานแล้ว
ตั้งแต่พวกเขายังเป็นคนแคระแกน หรือตัวเตี้ย หรือที่เราเรียกว่า ยุ่น
คือคนตัวเตี้ยๆ
> > >
> >
> >ทุกวันนี้ก็ยังดื่มกันอยู่แต่น้อยลงเมื่อเทียบกับสิบปีที่แล้วที่ผมไปอยู่ใหม่ๆ
ผมเห็นแม้แต่เด็กแบเบาะเด็กทารก
แต่สิ่งที่ผมสังเกตุอย่างนึงว่า
และเป็นสิ่งที่ผมโดนถามมาตลอด คือ
ฃฃคนญี่ปุ่นผมหงอกเกือบทุกคน เป็นกันตั้งแต่
> > > > > > > อายุน้อยๆกันเลยหละ
> > > > > > > > > > > > > > > >
> > > > > > > > > >
> > > > >ถ้าคุณลองค้นหาประเทศที่ใช้ยาย้อมผมมากที่สุดก็น่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น
เพราะทุกทีที่ผมบอกว่าผมอายุ สามสิบหก
ไม่ค่อยไม่ใครเชื่อ
เพราะเขาจะสังเกตุที่สีผมของผม
> > > > > > > > > > > และเพื่อนที่ทำงานร่วมกันที่เป็นคนไทย
>>ก็อายุมากกว่าผม เขาก็ไม่มีผมหงอกเหมือนกัน
> > > >นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมโดนถาม หลังจากบอกอายุ
> > > > > > > > > แล้วการที่ผมหงอกนี้
>เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงเป็นกันตั้งแต่อายุสิบแปดปีซะส่วนใหญ่
>>หงอกเกือบหมดทั้งหัวเมื่ออายุเกิน ยี่เจ็ด
> > > > > > ยี่สิบแปดไปแล้ว
> > > > > > > > > > > > > > > > >นี่ก็คื่อเรื่องที่หนึ่งที่ผมสงสัย จากนั้น
> > > > > เรื่องที่สอง
> > > > > > > > > > > > > > > > >ที่น่าสังเกตุอีก และก็น่าจะมีสถิตบันทึกไว้
> > > > > > > > > > > หรือมีการบันทึกไว้ก็คือ
> > > > > > > > > > > > > > > > >คนญี่ปุ่น เท่าที่ผมเจอ ไม่ใส่แว่น
> > > ก็ใส่คอนแทคเลนส์
> > > > > > > > > ในที่ทำงานผม
> > > > > > > > > > > > > > > > >ก็มีคนทำงานในออฟฟิตเป็นร้อยกว่าคน
> > > > > > > > > > และในส่วนของผมที่ทำงานใกล้ๆกัน
> > > > > > > > > > > > > > > > >ก็มีประมาณสี่สิบกว่าคน ไม่มีใครไม่ใส่แว่นเลย
> > หรือ
> > > > > > > > คอนแทคเลนส์
> > > > > > > > > > > > > > > > >ผมถามว่าส่วนใหญ่ใส่กันเมื่อไร ก็บอกว่า
> > ประมาณอายุ
> ยี่สิบ ก็จะต้องเริ่มใส่แล้ว
> > > > > > > นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเก็บมาคิด
> > >ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ คนญี่ปุ่น แก่เร็วมาก
> > > > > > > > > > > > > > > > >ไม่ได้มาจากผมที่หงอกอย่างเดียวเท่านั้น
>ผิวหนัง
> > > > > > > ของคนญี่ปุ่น
> > > > > > > > > > > > > > > > >โดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว
> > > > > > > > ขาวซีดและก็หยาบและก็เ่ยวเป็นเกือบทุกคน
> > > > > > > > > > > > > > > > >เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ต้องพอกโลชั่นกันสามเวลา
> > > > > > > > > และไม่ต้องถามเลย
> > > > > > > > > > > > > > > > >คนที่อายุมากกว่า สามสิบไปแล้ว เ่ยวทั้งตัว
> > > > > > > > > > > > > > > > >นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเฝ้ามองอยู่ทุกวัน
>>และเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ
> >ผมสอบถามกับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ด้วยกัน
>ถามกันแบบภาษาผู้ชายเวลาที่ดื่มเหล้าก็คงไม่พ้นเรื่องลามก
>แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเก็บมาได้
> > > > > > > > > และก็คิดว่าถ้าเล่าให้ดีๆก็จะไม่ลามก
> > > > > > > > > > > > > > > > >แต่จะเป็นประโยนช์มากกว่า
>มีอยู่สองเรื่องด้วยกัน
> > > คือ >หนึ่งเรื่องขนาดของผู้ชาย
> >และรวมที่ตัวผมได้อาบน้ำร้อนรวมกับคนญี่ปุ่นด้วย
> >ซึ่งมีขนาดเล็กมากโดยเฉลี่ยแล้วจะเล็กเท่าๆกันหมด
และเมื่อสำรวจตลาดถุงยางอนามัยแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
>
> >เพราะที่นั่นขายในขนาดเล็กสุดเพื่อป้องกันการหลุด
ผมได้สอบถามกับทางผู้ขายว่ามีขนาดนี้ขนาดเดียวหรือเขาก็บอกว่า
>มีอีกแยกไว้ต่างหาก ก็คือ BIG size
ผมก็เลยแกล้งถามโง่ๆว่า > >เอาไว้ขายใคร
> > > เขาก็บอกว่าเอาไว้ขายคนต่างชาติเท่านั้น
> >ในฐานะที่เป็นผู้ชายและก็อยากทราบจริง
> > > > จึงลองด้วยตัวเอง
> > >เพราะผมก็มีของที่เมืองไทยขายติดตัวไว้ตลอดเวลาด้วยความไม่ประมาท
> > >ปรากฎว่า size ของคนไทยใหญ่กว่ากันมาก
> > > > > >เพราะถุงของคนไทยมีขนาดนี้เท่านั้น
> > แต่ในทางกลับกัน
> > > > > > > ถุงของเขา
> > > > >ก็ประมาณได้ว่าเพื่อไม่เป็นการอนาจาร
> และเพื่อให้ได้ประโยชน์จริง
> > > >ผมจะเปรียบเทียบอย่างนี้ เหมือนคุณมีเอว 38
จะไปให้ใส่ > > > > > > กางเกงเอว
> > > 28 >มันก็ใส่ไม่เข้า หรือเข้าก็บีบรัดจนทนไม่ไหว
และเรื่องที่สอง > > ก็คือ
> >จากวงเหล้าเหมือนกัน
> คนญี่ปุ่นมีความสัมพันธุ์กับภรรยาน้อยมากๆ
> > > > > > >บางคนหกเดือนหนึ่งครั้ง และมีบางคนไม่ยุ่งเลย
> > > > > หลังจากมีลูกได้หนึ่งคน
> > >นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น
> > > > > > มีหนังสือหรือวีดีโอ
> หรือ > >สื่อลามกต่างๆมากมาย ก็คงเป็นเพราะเพื่อกระตุ้น
> แต่ผิดกันคนไทย > >ซึ่งไม่ต้องกระตุ้น
> > > > > > แต่ในทางตรงกันข้ามต้องหายาลดอีกต่างหาก
>>ผมเคยไปอยู่ญี่ปุ่นเมื่อสิบปีที่แล้ว
>ก็บริโภคอาหารญี่ปุ่นทุกวันพร้อมกับดื่มชาเขียวแทนน้ำทุกวัน
>ปรากฎว่า มีอาการหงอย จนกลับกระทั่งกลับเมืองไทย
ก็คิดว่าตัวเองมีความผิดปกติ
>แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยก็กินแต่อาหารไทยพบว่า
> กลับมาสู้ซ่า เหมือนเดิม
อาจจะจริงอยู่ว่าคนญี่ปุ่น
> > > > > > อายุเฉลี่ยแล้ว
>> >มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
> >
> >แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารการกินอย่างเดียว
> >สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุก็คือ
> > > > > > > ประเทศเขามีแผ่นดินไหวเกือบทุกวัน
> > > >ในเมืองที่ผมอยู่ เมือง อันโจ
> ใกล้กันกับเมืองนาโกย่าที่ทุกคนรู้จัก
> > > > > > > > > >สาเหตุที่มีแผ่นดินไหวบ่อยๆก็เพราะ
> > > > ประเทศเขาตั้งอยู่บน เส้นทางของลาวาทำให้แผ่นดินเคลื่อนตัวตลอด
>> >และถ้าขุดลงไปตรงไหนก็ได้ของประเทศ
> > ไม่เกินสิบเมตร คุณจะพบ น้ำร้อน
> >หรือ บ้านเราเรียกน้ำพุ่ร้อน
> > > > > > > > > > > > อันนี้ผมดูสาระคดีจากโทรทัศน์ของประเทศเขา
>คนญี่ปุ่น ชอบอาบร้อนร้อนกันมาก ชอบแช่กันสัก
สามสิบนาที > >ซึ่งนั้นก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
> > > > > > ที่น่าจะเกี่ยวกับสุขภาพ
> > > > > >และที่ทราบมาจากการพูดคุยนอกจากการสังเกตุด้วยตัวเองแล้ว
ยังพบว่า คนญี่ปุ่นมีเด็กปัญญาอ่อนจำนวนมาก
> > > > > > > > หากคุณพูดคุยกับคนญี่ปุ่นสัก
> >ห้าถึงหกคน หนึ่งในนั้น จะมีปัญหาเรื่อง
> ความดันต่ำหรือไม่ก็โลหิตจาง
>>ซึ่งก็น่าจะเป็นต้นเหตุของการทำให้เด็กเกิดมามีปัญญาอ่อนกันเยอะ
>
> > > สรุปจากผมซึ่งไม่ควรเชื่อเพราะผมไม่ใช้หมอ
>แต่ลองพิจารณาดูเองชาเขียวนั้น
สามารถทำให้อายุยืนได้จริง เพราะช่วยในการลดไขมัน
> > ทั้งการดูดซึมและในเส้นเลือด
> > > >ประกอบกับการอาบน้ำร้อนบ่อยๆทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี
แต่มีขอเตือนที่ติดไว้กับบ่อน้ำร้อนที่เป็นห้องส่วนตัวคือ
>ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในบ่อน้ำร้อนเป็นอันขาด
>เนื่องจากการที่โลหิตไหลเวียนในอัตราที่สูง
> > > > > > > > > > หากหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ
>คุณจะหน้ามืด ล้มลงและจมในอ่าง ตาย
อันนี้เป็นเรื่องจริง
> > >ที่ผมสอบถามมากับตัวเองจากเพื่อนคนญี่ปุ่นไม่ใช่ตลก
> >
> >อย่าได้คิดลองเป็นอันขาดถ้าคุณผู้ชายที่ได้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสองในบ่อน้ำร้อ
> > > > > > > > > > > > > > >
> > > > > > นนี่ผมไม่ได้ลามกนะแต่เห็นว่าเป็นคำเตือนที่มีประโยชน์เท่านั้น
>> >นั้นก็เป็นสาเหตุที่
>
> > > > > >คนญี่ปุ่นมีอายุยืนแต่สิ่งที่ผมทราบมาในส่วนเพิ่มเติมอีก
> > > > > > > > > ชาเขียว
>มีวิตามินซีสูงและก็แคลเซียมสูง แต่สิ่งที่
ชาเขียวเป็นโทษก็คือ
> >ชาเขียว หากดื่มหลังอาหารสองชั่วโมง
> >ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของโลหิตจาง
> >สำหรับเรื่อง ความดันต่ำ ผมหงอก และ
> > > > ผิวหนังเ่ยวเร็ว
> > > > > > > > > > > > > > > >
> >ไม่สรุปไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าน่าจะเกิดจากอะไร
> > > > > > > > > แต่การอธิบายทาง
>>อินเตอร์เน็ต อาจทำให้เรื่องเหล่านี้
> > > > > > > > > > ซึ้งผมก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า
> >ทำให้ธุรกิจ ของชาเขียวเจ๊งไปหรือเปล่า
> > > > > > > > > > นั้นผมของไม่ออกความคิดเห็น
> > > > > > >แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือ
>> > >ชาเขียวจะกำจัดไขมันทุกชนิดออกจากร่างกายออกหมด
> > > > > > > > > > > > > > > > >ก็น่าจะรวมไขมันที่ผิวหนังต้องการออกไปด้วย
> > >ดังนั้นร่างกายจึงขาดไขมันส่วนที่จำเป็นต่อผิวหนัง
ทำให้หนังเ่ยวและไม่ทนต่อแสงแดดเพราะสาวญี่ปุ่นจะใช้
Sun > block
> > >ที่มีค่าความต้านทานแสงแดดสูงๆขายทุกที่
>สำหรับผมหงอกก็น่าจะมาจากโลหิตจางก็อาจเป็นได้
> > >เพราะชาเขียวคงไปขับสารที่สำคัญของร่างกายออกไปด้วย
แต่ที่น่าสังเกตุอีกอย่างคือ คนญี่ปุ่นมีเลือด
กรุ๊ป ABเป็นจำนวนมาก >นั้น อาจจะมาจาเหตุผมของการบริโภค
> > > > > > > > > > อะไรบางอย่างติดต่อกันเป็นเวลานาน
> > >จนทำให้เลือดมีการเปลี่ยนไป ผมไม่ได้บอกว่า AB
> > > > > > ไม่ดีนะครับ
>แต่มันเกิดการเปลี่ยนโครงสร้างไปเท่านั้น
>สุดท้าย ผมขอ ให้คนไทย
> > > > > > ที่กำลังดื่มหรือบริโภคอาหารญี่ปุ่น
> > > > > > > > > > > > > > > >
> >ก็ขอให้สังเกตุการเปลี่ยนแปลงในตัวเองด้วยนะครับ
> > > > > > > > เพราะผมทุกวัน
>ต้องทำอาหารไทยกินเอง
> > > > > ผมเป็นคนหนึ่งที่ทดสอบอาหารญี่ปุ่น
> >มาเป็นเวลานานมาก และก็ทราบผลแล้ว
> > มันไม่เหมาะกับผม
> > >แต่มันจะไม่เหมาะกับคนไทยหรือเปล่า
> > ผมเองก็ไม่ทราบ
> > > > > > > > > > > > > > > >
> > >และที่ทำงานที่เมืองไทยของผมก็มีคนญี่ปุ่นทำงานด้วย
> > > > > > > > > > > > > > > > >เคยบอกผมว่าอาหารไทยเหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก
> >ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้พิจารณากันเอาเอง
แต่ขอให้ดูแลตัวเองด้วย
> >เพราะคุณอาจกำลังดื่มเครื่องดื่มที่ล้างไขมันพร้อมกับล้างสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกจากร่างกายไปด้วยหรือเปล่า

คุณมีความคิดเหงอย่างไรก้อช่วยเม้นหน่อยละกาน

วันหลังมีรายจาเอามาให้อ่านกานอีกนะ


Posted by : Mr.Mac7<ไผ่> , E-mail : (raynus4@hotmail.com) ,
Date : 2004-05-09 , Time : 10:15:47 , From IP : ppp-210.86.188.8.rev


ความคิดเห็นที่ : 1


   คุณ Mr Mac7 (ไผ่) เป็นนักศึกษาแพทย์ไหมครับ ช่วยลองวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับหลังจากอ่านเรียบร้อยแล้ว



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-09 , Time : 10:45:40 , From IP : 172.29.3.253

ความคิดเห็นที่ : 2


   อืม... ผมก็ยังไม่ใช่นักศึกษาแพทย์หรอกนะครับ (กำลังจะเข้าปี 1 อ่า)
ขอย้ำว่าเก็บมาฝาก จากเว็บ เด็กดีครับผม ไม่ได้เขียนเอง =)
ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมส่วนใดช่วยชี้แจงด้วยครับ จะได้เอาไป แก้ไขและเผยแพร่ต่าอไปครับ

แหะๆอ่านเพลินจนลืมไปว่า หัวข้อมัีนเป้นเรื่องชาเขียว :P

> ชาเขียว
>มีวิตามินซีสูงและก็แคลเซียมสูง แต่สิ่งที่
ชาเขียวเป็นโทษก็คือ
> >ชาเขียว หากดื่มหลังอาหารสองชั่วโมง
> >ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของโลหิตจาง
> >สำหรับเรื่อง ความดันต่ำ ผมหงอก และ
> > > > ผิวหนังเ่ยวเร็ว
>
> > > > > > >แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือ
>> > >ชาเขียวจะกำจัดไขมันทุกชนิดออกจากร่างกายออกหมด
> > > > > > > > > > > > > > > > >ก็น่าจะรวมไขมันที่ผิวหนังต้องการออกไปด้วย
> > >ดังนั้นร่างกายจึงขาดไขมันส่วนที่จำเป็นต่อผิวหนัง
ทำให้หนังเ่ยวและไม่ทนต่อแสงแดด

เนื้อหาจริงๆน่าจะอยู่แค่นี้ครับ :P
ขออภัยมา ณ ที่นี้ ><


Posted by : Mr.Mac7 , E-mail : (raynus4@se-ed.net) ,
Date : 2004-05-13 , Time : 12:41:00 , From IP : 172.29.2.116


ความคิดเห็นที่ : 3


   แปลกดีค่ะ และก็กำลังสนใจอยู่พอดี ไม่ได้เป็นคนที่ชอบดื่มชาเขียวหรอกแต่ว่าเห็นชาวบ้านเขาดื่มกันเยอะแยะก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู อืม จะว่าไปแล้วก็หนีไม่พ้นอะไรที่มีประโยชน์ก็มักจะมีโทษด้วยนั่นเองหากได้รับในปริมาณไม่พอเหมาะ ความจริงถ้ามีเอกสารหรืองานวิจัยที่สนับสนุนก็ดีสิ...และก็ขอบคุณมากค่ะที่มีข้อความดี ๆ มาให้อ่าน

Posted by : หน่อย , Date : 2004-05-26 , Time : 19:51:16 , From IP : 202.5.86.18

ความคิดเห็นที่ : 4


   เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมาเหมือนกัน เท่าที่เห็นคน ญี่ปุ่นเนี่ย ผิวเขาสวยมากเลยนะ เนียนเรียบเหมือนไม่มีรูขุมขนเลยแล้วจะเหี่ยวเร็วได้ไง หน้าออกจะใส เคยเข้าอนเซนเหมือนกัน (ผู้หญิง...แต่ก็น่าเป็นไปได้นะ...อืม) แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะช่วงนี้เขากำลังฮิตอะไรที่เป็นญี่ปุ่น อยากรู้ว่าคนญี่ปุ่น (ผู้ชาย)คิดยังไงกับผู้หญิงที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเหรอ เพราะตอนเข้าโอนเซนกับเพื่อน เพื่อนคนญี่ปุ่นเขาถามเรา เราบอกไม่เคยหรอก เพื่อนคนญี่ปุ่นเลยถามเราว่าที่เมืองไทยมีเพื่อนสนิทรึเปล่า เราก็เลยงง เหมือนกันว่าเกี่ยวกันไหมเนี่ย ในฐานะผู้ชายช่วยตอบทีสิ

Posted by : ชาเขียว , Date : 2004-06-14 , Time : 15:16:02 , From IP : 203.172.66.99

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<