ความคิดเห็นทั้งหมด : 23

กางเกง


   หนังสือเวียนเรื่องอนุญาตให้แพทย์หญิงสวมกางเกงมาทำงานได้ออกมาได้สักพักแล้ว เห็นอยู่รายเดียว เป็นเพราะไม่คุ้นหรือว่าอย่างไรครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-06 , Time : 20:03:19 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 1


   หนูคิดว่าใส่กระโปรงก็สะดวกและเหมาะสมดีอยู่แล้วค่ะ ใส่กางเกง เสียเวลาต้องไปซื้ออีก..เปลืองตังค์ค่ะ ถ้าแบบที่ซื้อผิดระเบียบก็เสียดายตังค์ค่ะ หนูว่าจริงๆแล้วไม่เห็นจำเป็นเลยเพราะเท่าที่ผ่านมาหนูก็ไม่มีอุปสรรคในการทำงานบนวอร์ดเลย...ม่ายใส่คงไม่ว่าไรกันนะคะ

Posted by : หนุงหนิง , Date : 2004-05-06 , Time : 20:24:19 , From IP : 172.29.2.122

ความคิดเห็นที่ : 2


   ใส่มาสองวันแล้วชอบมากเลย ทำงานคล่องตัวดีมาก แต่สองวันที่ผ่านมามีแต่คนถามเหมือนกัน เหตุเพราะบางคนยังไม่ได้เห็นหนังสือเวียน และบางคนอ่านหนังสือเวียนแบบผ่านๆคิดว่าอนุญาติให้ใส่ได้เฉพาะ extern เลยเอ๋อไปเหมือนกันจนต้องกลับไปอ่านหนังสือเวียนใหม่ที่ออกโดยกิจการนักศึกษาอีกครั้ง แสดงว่าในความคิดของคนบางคนยังคิดว่าน่าจะอนุญาติให้ใส่ได้แต่เฉพาะextern แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่กระโปรงอีกต่อไปนะ คิดว่าคงจะเลือกใส่ให้สัมพันธ์กับactivityในแต่ละวันมากกว่า
กระทู้ของ phoenix ครั้งนี้เบาดีนะ แต่ขอเปิดประเด็นเพียงเท่านี้ก่อนก็แล้วกันก่อน


Posted by : pisces , Date : 2004-05-06 , Time : 20:37:43 , From IP : 172.29.3.251

ความคิดเห็นที่ : 3


   ที่ รพ รามา เค้าก้อ ให้เด้นผู้หญิง ใส่กางเกงมาทำงานได้นะครับ แต่เป็น กางเกงสีดำสุภาพ
ยิ่ง ext. ไม่ต้องพูดถึง กระโปรงสารพัดสี หน้าก็แต่งได้ นศพ เนี่ย ใส่กระโปรงสั้นและผ่า ชาย ก็ใส่ กางเกงยีนส์ ประมาณว่าเรียนเสร็จ ก็ไปเดินสยามได้เลย


Posted by : Dr K , Date : 2004-05-06 , Time : 21:33:46 , From IP : 202.28.179.1

ความคิดเห็นที่ : 4


   ทำไมต่องใส่กางเกงด้วย เหมือนไม่ใช่หมอยังไงไม่รู้ บางคนเหมือนพนักงานส่ง lab ดูไม่จืด ได้ข่าวว่ามีลูกรักอาจารย์ ก อยากใส่เลยได้ออกหนังสืออย่างนี้

Posted by : ...... , Date : 2004-05-07 , Time : 00:08:30 , From IP : 172.29.4.254

ความคิดเห็นที่ : 5


   อืม.. ไม่มองโลกในแง่ร้ายเกินไปซักนิดหรือครับ พอแพทย์หญิงใส่กางเกงกลายเป็นไม่ใช่หมอไปแล้ว แล้วที่ว่าเหมือนพนักงานส่ง lab นี่ พวกเขาเป็นคนอย่างไรหรือครับ? ช่วยขยายความสักนิด



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-07 , Time : 02:48:18 , From IP : 203.155.183.221

ความคิดเห็นที่ : 6


   ถึงคุณ.........ที่postเข้ามา
มาทำไม self ของคุณถึงเปราะบางนักหล่ะ และคิดว่าเราไม่ควรปล่อยให้เสื้อผ้าอาภรณ์หรือรูปลักษณ์ภายนอกไปมีผลกระทบต่อความเป็นตัวตนของเรานะ การใส่อะไรก็ตามถ้าเรารู้ว่าเราคือใคร มีself awareness และไม่มี identity confusionมั่นใจในสิ่งที่ทำ ไม่สั่นคลอนง่าย เราก็เป็นสุขแล้ว
อีกเรื่องเป็นห่วงจัง การมองคนในสายงานอื่นที่ต้องอยู่ร่วมทำงานเป็นทีมกับเราไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามในแง่ลบ อาจจะทำให้คุณลำบากได้นะ คนทุกคนและงานทุกงานล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน และร่วมสอดประสานกันเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่สร้างสรรค์ และทุกคนก็รักและภูมิใจในอาชีพที่ตนเองพึงจะมีได้


Posted by : pisces , Date : 2004-05-07 , Time : 14:59:00 , From IP : 172.29.3.203

ความคิดเห็นที่ : 7


   ความจริงก่อนที่จะมีการอนุมัติผมเชื่อว่ามีการอภิปรายกันมามากพอสมควรระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง คงไม่ใช่เรื่องที่ใครจะดันแลอนุมัติได้ตาม whim แต่เพื่อให้เป็นกระทู้ที่ดูมีประโยชน์ เราลองมาอภิปรายข้อดีข้อเสียของกางเกง (หรือจะลามไปของกระโปรงด้วยก็ได้) สำหรับแพทย์หญิงดูดีไหมครับ ส่งนข้อดีของการใส่กระโปรงในผู้ชายขอยกไว้ก่อนจนกว่าจะมีการเรียกร้องขอใส่บ้างเพื่อความเท่าเทียม



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-08 , Time : 02:54:10 , From IP : 172.29.3.233

ความคิดเห็นที่ : 8


   ข้อดีของการใส่กางเกงน่าจะมีตามนี้ไหม
1ทำหัตถการคล่องตัวขึ้น
2 CPRไมต้องกลัวโป๊ เพราะเคยเจอมาแล้ว CPR emergencyแล้วญาติคนไข้นอนเฝ้าไข้ผู้ป่วยอยู่ใต้เตียงแล้วเราไม่ทันดู ยิ่งใส่กระโปรงสั้นด้วยแล้วดูไม่จืดเลย
3 นั่งตรวจคนไข้ได้สบายขึ้นโดยเฉพาะการตรวจแบบ ENTก็ไม่โป๊อีกนั่นแหละ
4 ดูว่าสมาร์ทขึ้นก็ได้นะ
5 เข้าเวร กับเพื่อนต่างเพศที่ต้องอยู่ห้องรวมกันก็สบายใจดี
อื่นๆ.........ขอไว้ก่อน
ข้อเสีย คิดเอาเล่นๆว่า
อาจเกิดการล่วงล้ำทางเพศไปหรือเปล่า เพราะแย่งฟอร์มของเพศชายมาใช้ แต่จริงแล้วเราก็คงความเป็นหญิงอยู่หรอกนะ
หรืออาจดูเราเป็นหญิงแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า
ที่สำคัญตอนนี้มีเพศชายมาเรียกร้องขอใส่กระโปรงบ้างจริงๆแล้วหล่ะสิทำงัยดีหล่ะทีนี้


Posted by : pisces , Date : 2004-05-08 , Time : 18:24:03 , From IP : 172.29.3.205

ความคิดเห็นที่ : 9


   คิดว่าการใส่กางเกงมาทำงานสะดวกดีสามารถทำงานได้สะดวกแต่จะขอบอกอีกอย่างว่าที่น่ากลัวมากกว่าสำหรับextern ผุ้หญิงคือเสื้อ ground เวลาก้มจะโป๋มากๆเลยโดยเฉพาะเวลาไปอยู่ข้างนอกบางรพไม่มีม่าน และมีญาติเฝ้าเต็มไปหมด พอก้มก็จะเห็น.... อย่างชัดเจนคิดว่าเวลาอยู่เวรให้ใส่ชุดแบบ intern เลยจะดีกว่า คือใส่เป็นเสื้อยืดมีเสื้อground ทับ
ความจริงใส่กางเกงไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่เพราะถ้าใส่กระโปรงยาว ไม่พอดีตัวจนเกินไป สารมารถ CPR ได้อย่างปลอดภัย


Posted by : polku , Date : 2004-05-09 , Time : 17:23:42 , From IP : 172.29.3.236

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมคิดว่าเราไม่ต้องหา consensus มาบอกว่าอะไรสะดวกหรือไม่สะดวก เพราะความสะดวกเป้น experience และ feeling ส่วนตัว ถ้ามีคนหนึ่งบอกว่ามันสะดวกกว่าก็ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงว่ามันเป็นยังไงหรือไม่ต้องหา evidence-based มาหักล้างว่ามันไม่สะดวก

เสื้อนั้นถ้าปกปิดตามปกติ มันคงจะมีบาง position เท่านั้นที่อาจจะ expose (เสื่อธรรมดานะครับ ไม่ใช่คอลึก คอผ่า คอแหวก หรือสายเดี่ยว) ถึงตอนนั้นจริงๆ (ตอนปั๊มคนไข้ CPR) ถ้ายังมีคนโรคจิตแอบดูนมหมอก็ปลงๆให้ทานเปรตไปเถอะครับ ไม่ต้องไปออกแบบเสื้อใหม่หรือใส่เสื้อคอเต่าปิดถึงคางเลย

จริงแฟชั่นกางเกงผู้หญิงเยอะมาก และผมว่าสมาร์ทดีก็เยอะ เลือกๆดูรับรองว่าไม่เสียบุคลิกหรอกครับ (เลือกไม่ดี หรือเลือกไม่เป็น คุณจะใส่กระโปรงหรือกางเกงมันก็ไม่ดีไปได้หรอกครับ) วิ่งไปไหนมาไหนสะดวกกว่าแน่นอน (อาจจะมีแค่หมอศัลย์ กะ Med ที่ต้องวิ่งบ่อยหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่แน่นะครับ วางบอมบ์กันบ่อยๆ หมออะไรก็มีสิทธิ์วิ่งเหมือนกัน น่าจะ ban ส้นสูงเพื่อความปลอดภัยก็ดี)




Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-09 , Time : 20:18:09 , From IP : 172.29.3.238

ความคิดเห็นที่ : 11


   โดยส่วนตัวง ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรื่องนี้แต่อยากจะเล่าประสบการณ์ตรงให้Extern ผู้หญิงฟังเพราะส่วนตัวเองตอนนี้เรียนจบแล้ว สามารถเลือกแต่งตัวให้สวยและปลอดภัยได้ และถูกกาละเทศะเวลาอยู่รพ ข้างนอก ขณะ CPR ไม่มีม่านหรือมีก็ไม่สามารถใช้ได้ และเมื่อ CPR ญาติจะมามุงดูเหมือนดูหนังดูละคร ญาติตัวเองก็ไม่ใช่ ไม่รู้จะดูทำไม เพราะฉะนั้นถ้าทางอาจารย์ของรพ สมทบไม่ว่าเรื่องการแต่งตัวเวลาไปอยู่เวรแนะนำว่าแต่งตัวเหมือน intern ไปเลยคือใส่เสื้อยืดและใส่เสื้อground ทับ เพราะเคยทำมาแล้ว ไม่ควรคิดว่าการเห็นนิดๆ หน่อยๆ เป็นของสมนาคุณแก่ญาตินั้นไม่เป็นไร ของๆ เราจะให้คนอื่นดูทำไม

Posted by : pulko , Date : 2004-05-10 , Time : 23:27:52 , From IP : 172.29.3.205

ความคิดเห็นที่ : 12


   แต่ถ้าน้องอยู่รพ มอ ก็แต่งตามที่ขณะกำหนดก็ได้เพราะ มอ ญาติไม่เยอะมากและมักจะแนะนำให้ญาติรอข้างนอกมีม่านทุกเตียง มิดชิดพอสมควร

Posted by : pulko , Date : 2004-05-10 , Time : 23:30:48 , From IP : 172.29.3.205

ความคิดเห็นที่ : 13


   ยังไม่ทราบถึงประโยชน์การใช้งานจริงของกางเกงซักเท่าไหร่ แต่จากการดูภายนอกนะคะ พี่ๆ ที่ใส่ก็ดูแปลกตาดี (ยังไม่คุ้น กระโปรงจะดูดีกว่า) แต่ส่วนตัวชอบกางเกงมากกว่า เพราะสะดวกกว่ากระโปรงมาก ไม่แน่ใจว่าเค้าบังคับให้เป็นฟอร์ม ต้องสีดำ ใช่ไม๊คะ อันนี้ว่าดีมาก ไม่งั้นคงเป็นแฟชั่นกางเกงหลากสีแน่เลย ส่วนนายแพทย์ใส่กระโปรงเนี้ย ...อันนี้น่ารักดี แหะๆ ล้อเล่นค่ะ!!!!

Posted by : preclinic , Date : 2004-05-12 , Time : 16:18:25 , From IP : 172.29.2.73

ความคิดเห็นที่ : 14


   ยังไม่เห็นหนังสือเวียนเลยค่ะ
เข้าเวียนกันมาว่าให้ใส่กางเกงแบบไหนได้นะคะ ใครทราบช่วยแจ้งให้หน่อยสิคะ ขอบคุณล่วงหน้า


Posted by : แพทย์หญิง , Date : 2004-05-13 , Time : 16:24:57 , From IP : 172.29.2.160

ความคิดเห็นที่ : 15


   อืม...ไม่ได้เก็บหนังสือเวียนเพราะไม่เกี่ยวกับตัวผมเอง ลองถามหมอสุภาพสตรีข้างๆที่ทำงานว่ากฏเขาว่ายังไงน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด รู้สึกตอนนี้มีใส่กันหนาตาขึ้นชัดเจน



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-14 , Time : 01:43:52 , From IP : 172.29.3.252

ความคิดเห็นที่ : 16


   ที่เห็นว่ารายเดียวใส่ เป็นเพราะคนหมู่มาก มองไม่เห็นปัญหานี้ หรือ ปัญหานี้ไม่สำคัญเพราะการใส่กระโปรงให้ไม่โป๊ แพทย์ท่านอื่นๆก็ทำกันได้...แล้วทำไมถึงยอมออกมาเป็นกฏใหม่ได้...งง แล้วทำไมเพิ่งยอมอนุญาต...ไม่กระจ่างเลย..ถ้าอ้างว่า CPR โป๊ละก้อ...ปัญญามีตั้งเยอะทำไมไม่มีปัญญาดูแลกระโปรงที่สวมใส่ ถ้ามันไม่สั้นเกินปัญหาก็ไม่เกิด....ไม่เห็นด้วยเลยจ่ะ...ตอนนี้อนุญาต กางเกง ต่อไปก็เป็น ยีนส์ เสื้อยืด ดิ ถ้าจะเอาความสะดวกกันน่ะนะ มันก็อ้างได้ตลอดแหละ

Posted by : ascha_t , Date : 2004-05-15 , Time : 02:02:17 , From IP : r240-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 17


   Update ตอนนี้ผมว่าเริ่มใส่กันเยอะมากพอสมควรแล้วล่ะครับ ทั้งอาจารย์แพทย์ แพทย์ และนักศึกษาแพทย์

เรื่องนี้ผมสงสัยว่า "คนหมู่มาก" ทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญ? และทำไม "คนหมู่น้อย" จึงผิด? ครั้งหนึ่งในอเมริกาผิวดำเป็นยิ่งกว่าบาป จนกระทั่งแทบจะมีสงครามกลางเมืองในการฟื้นฟูสิทธิของคนส่วนน้อย ประเทศเราก่อนเลิกทาสก็เห็นว่าทาสเป็นความปกติ พอสมเด็จพระปิยมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าเลิกทาส คนก็ค่อยๆยอมรับว่าคนเหมือนกัน คนเท่ากัน ("ค่อยๆ" จนปัจจุบัน)

น่าจะเริ่มตรงใส่กางเกงมันผิดตรงไหนจะดีไหมครับ? จริงๆคำว่า "เสื้อ" เราก็ไม่ได้อนุญาตทุกแบบ และเราอนุญาตให้คนใส่เสื้อมานานมากแล้ว ไม่เห็นจะกลายเป็นเสื้อยืดอย่างที่กลัวกัน คำว่า "กระโปรง" เราก็ไม่ได้อนุญาตกระโปรงทุกชนิด ดูนักศึกษาแพทย หรือแพทย์ของเราก็มี common sense ที่จะใส่ให้มันพอดีๆ

การ ban อะไรๆนั้น มันชักจะหมดที่ใช้ลงไปเรื่อยๆ เพราะจะต้องมีเหตุผลมากขึ้น และมากกว่าการที่ใช้ "ความเห็นคนส่วนมาก" และที่แน่ๆคือมากกว่าความเห็นที่ "คิดว่าเป็นความเห็นของคนส่วนมาก"

ถ้าจะพูดถึงความงงกันแล้ว ผมยอมรับว่าเป็นคำ comment ที่ make sense ครับ เพราะเราน่าจะอนุญาตมาตั้งแต่เราตระหนักว่าความสามารถหรือความเป็นแพทย์นั้นไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิงใส่กระโปรงผู้ชายใส่กางเกง ฉะนั้นเราพึ่งออกกฏตอนนี้นับว่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นไปหลายสิบปี แต่อย่างน้อยก็เป้นจุดเริ่มต้น



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-15 , Time : 22:00:37 , From IP : 172.29.3.232

ความคิดเห็นที่ : 18


    คุณ phoenix ตามกฏธรรมชาติของการอยู่ร่วมกัน เป็นธรรมดาที่คนหมู่น้อยจะดูแปลกแยกและถูก comment จากคนหมู่มาก และเป็นธรรมดาที่ในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามย่อมมีความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นมา เป็นความขัดแย้งที่มีคุณค่านะเพื่อ debate สิ่งที่เหมาะที่สุด ซึ่งคงไม่มีสิ่งใดที่จะเหมาะสมหรือดีที่สุดแบบถาวร มัน dynamic หน่ะตามกาลเวลา
แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรและไม่ยอมมองทางที่แตกต่างว่ามีคุณค่า คงต้องรอนานสักพักมั้งจนกว่าชนกลุ่มน้อยเหล่านี้จะใหญ่ขึ้น หรือเกิดภาวะเมื่อเห็นทุกวันก็จะเกิดความคุ้นชินทุกอย่างก็จะดูเหมือนไม่มีอะไร ถึงตอนนั้นเราอาจเริ่มเห็นความไม่เหมาะสมก็ได้ ซึ่งก็น่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก ฝึกคิดให้นอกกรอบจากเดิมบ้างจะเป็นไรไป
แต่ที่สำคัญอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ตนกระทำ ไม่ว่าจะใส่กางเกงหรือกระโปรงนะจ๊ะ


Posted by : pisces , Date : 2004-05-16 , Time : 19:49:00 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 19


   เป็นธรรมดาที่คนหมู่น้อยจะดูแปลกแยกและถูก comment จากคนหมู่มาก

จริงหรือครับ ผมว่าที่ "ควร" จะเป็นคือเป็นเรื่องธรรมดาที่คนหมู่น้อยจะดูปกติและไม่จำเป็นต้องถูก comment จากคนหมู่มาก

คนเรามีความรู้สึก "เราเป็นคนหมู่มาก" ได้โดยไม่ต้องมีการวิจัย หรือหลักฐานรับรอง ผมคิดว่านั่นเป้น psychology ที่แปลกแต่จริง มีกี่ครั้งต่อวันที่เราได้ยินคำ "ส่วนใหญ่แล้ว..." หรือ "ความจริงคือ..." หรือ "คนส่วนใหญ่คิดว่า..." ที่ออกมาในลักษณะ anecdotal ?

ยกตัวอย่าง ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เราลองมาคาดการณ์ดูไหมครับว่าเป็นส่วนใหญ่หรือเป็นส่วนน้อยที่คิดว่าการสวมกระโปรงเป็นความจำเป็นพื้นฐานของความเป็นแพทย์หญิง? ผมคิดว่ามีคนที่จะ comment อย่าง casual ได้อย่างเต็มปากเต็มคำทั้งสองฝั่ง ฉะนั้นประเด็นที่ว่าส่วนน้อยส่วนมากนั่นไม่ใช่ FACTS แต่เป็นการสรุปเข้าข้างตนเองว่าอย่างนี้แหะละที่คนส่วนใหญ่คิด และจากเหตุผลนั้นจึงถูกต้อง ซะด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ มีการอภิปรายเรื่องการทักท้วงนักศึกษาบางคนที่อาจจะโกงระบบการรับทุนการศึกษาทั้งๆที่มีฐานะดี มีการ comment ว่าการทักท้วงนั้นจะทำให้คนท้วงถูกเพื่อนส่วนใหญ่เกลียด เพราะเป็นการทำให้คนเดือดร้อน ผมก็รับรองได้เหมือนกันว่า "ส่วนใหญ่" ที่ quoted มานั้นเป็น anecdotal ที่ "คิดว่า" เป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ส่วนใหญ่จริงๆ

ดังนั้นถ้าจะดัดแปลงกฏธรรมชาติของคุณ Pisces สักนิด ผมว่าน่าจะเป็น "มีคนคิดว่าความคิดของตนเองเหมือนคนหมู่มาก จึงมักจะคิดว่าคนที่ต่างออกไปจากตนเองนั้นแปลกและทำให้มีปฏิกิริยา comment ในส่วนที่ต่าง" ฟังดูอาจจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเราต้องการจะ manipulate หรือทำ psychological therapy มันจะมีรากฐานบนมสมมิฐานที่ต่างกันคนละจุด อันหนึ่งจะเป็นต้องแก้ที่ social structure (ซึ่งยากมากถ้าอันนี้เป้น "กฏ" ธรรมชาติจริงๆ เพราะเราต้องมีส่วนใหญ่ ส่วนน้อยแน่นอนตามทฤษฎี statistical variation) แต่อีกอันหนึ่งเป็นการแก้ที่บุคคลในเรื่องพื้นฐานความคิดที่ respect autonomy และเข้าใจ "ความต่าง" ของปัจเจกบุคคลว่ามันจารึกอยู่ใน DNA เป็น default ของ beings



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-16 , Time : 22:02:30 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 20


   คำว่าส่วนใหญ่หรือส่วนน้อยที่กล่าวถึงนั้นหมายถึง การเทียบอิงตัวเองเป็นหลัก เมื่อเราคิดอะไร เรามักคิดว่าคนอื่นก็คิดเช่นเดียวกับเรา จะเข้าข้างตนเองไว้ก่อน เสริมself,เพื่อself ตนเองจะได้ไม่บาดเจ็บงัยจากความกลัวว่า คนอื่นจะไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนของการเทียบเคียงกฏการอิงคนหมู่มาก ตัดสินคนหมู่น้อยน่าจะมีให้เห็นได้ อย่างเช่น การที่เราวินิจฉัยคนไข้สักคนว่าเป็น schizoprenia ก็เพราะเราคิดว่าเขามีระบบความคิดที่ผิดปกติไป คิดไม่เหมือนกับเราหรือไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่เรากล่าวอ้างเอาเอง เราก็ว่าเขาเพี้ยน นั่นคือเราก็ต้องให้คำ definition ตีตราเขาไว้เสียก่อน เพราะเราเองคงไม่อยากบอกว่า ความคิดของเราที่ไม่เหมือนกับ schizoprenia นั้นเป็นของแปลกประหลาด คิดเล่นๆนะว่าอาจเป็นไปได้ว่าถ้าในอนาคตมีคนคิดแบบพวก shizoprenia มากขึ้นจนเรียกได้ว่าเป็นคนส่วนใหญ่ ก็คงถึงเวลามั้งที่พวก schizoprenia นั่นแหล่ะจะได้รวมตัวกัน แล้วมานั่งวินิจฉัยว่าความคิดแบบพวกเราๆนี่แหล่ะที่แปลกประหลาดสุดๆ


Posted by : pisces , Date : 2004-05-17 , Time : 01:27:43 , From IP : 172.29.3.199

ความคิดเห็นที่ : 21


   ถูกแล้วครับ นั่นคือประเด็นที่ต้องการจะเน้น

ว่าที่ว่า"ส่วนมาก" นั้นเป็น psychology-based มากกว่า social fact-based เพราะในกรณีที่เราจะ address problems and approach มันคนละเรื่องกัน ถ้าเป็น rule ของคนส่วนมากส่วนน้อยจริง เราไม่มีทางเลือกยกเว้นจะปล่อยให้คนส่วนน้อยนั้นหันหน้าเข้าหาคนส่วนใหญ่ ที่สุดเราจะมีระบบ raping democracy คือกฏหมายที่ไม่ได้คุ้มครองคนส่วนน้อย กฏหมายที่จะมีลักษณะเป้น social engineering ซึ่งประเทศ dictatorship ชอบใช้

ตรงกันข้ามหากเป็น psychology-based ปัญหานี้ไม่ใช่ endemic เป็นแค่ value ซึ่งมี shift ได้ มีการเรียนรู้ได้ เป็นพฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนได้ "ตามความเหมาะสม"



Posted by : Phoenix , Date : 2004-05-19 , Time : 01:33:18 , From IP : 203.155.172.85

ความคิดเห็นที่ : 22


   กังวลทำไมว่าจะใส่อะไร ใส่อะไรก็ได้ให้ดูดีที่สำคัญน่าจะดูที่ผลงานมัวเถียงกันทำไมนั่นคนไข้กำลังจะตายอยู่แล้ว รีบไปCPRถ้าหวอมันออกก็ให้ทานกับคนที่เขาดูไปเราเป็นหมอเป็นผู้ที่เสียสละอยู่แล้วได้บุญด้วยความเป็นหญิงเป็นชายไม่ได้วัดกันที่กางเกงหรือกระโปงแล้วก็ไม่รู้จะเปรียบเทียบเป็นชายเป็นหญิงทำไมเปรียบเทียบความเป็นคนที่รับผิดชอบดีกว่า ใครถนัดใส่กระโปงก็ใสใครอยากใส่กางเกงก็ใส่มันอยู่ที่ใจหรอครับ

Posted by : หมอตี๋ , Date : 2004-06-06 , Time : 12:48:06 , From IP : 203.113.57.174

ความคิดเห็นที่ : 23


   to คุณPhenix คุณอยู่คณะแพทย์จริงรึเปล่าทำไม่ว่างมา post บ่อยๆจัง แค่สงสัยหง่ะ

Posted by : whirlwhizz , Date : 2004-07-05 , Time : 19:36:51 , From IP : 172.29.2.160

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.01 seconds. <<<<<