ลูกนายก แพทองธาร
ส่วนอันนี้เป็นกฏระเบียบข้อบังคับของนิสิตเกษตร มีหลายเรื่องเลย ตั้งกะเรื่องก่อนเข้าเป็นนิสิต จนถึงเรื่องขอจบการศึกษา
http://www.registrar.ku.ac.th/download/rules®ulations.pdf
สะดวกดีมากเลย นิสิตเกษตรหรือผู้สนใจคนไหนสงสัยกฏข้อไหนอะไรก็สามารถกดดูได้ทันใจ
ไม่ต้องเสียเวลาถ่อไปถึงแผนกทะเบียนที่มหาวิทยาลัย หรือน้องๆท่านใดอยากไปเป็นนิสิตเกษตร
ก็สามารถโหลดมาศึกษาดูก่อนได้
ขอยกให้เป็นมหาวิทยาลัยตัวอย่าง ด้านการนำสารสนเทศมาใช้ในการบริการการศึกษา
ไปที่ url https://student.cpc.ku.ac.th/grade/query_top_u.php
ปีการศึกษาเลือก 2542
ภาคการศึกษาเลือก ภาคปลาย
สูงสุด/ต่ำสุด เลือก ต่ำสุด
จำนวนอันดับ เลือก 30
แล้วช่วยดูว่าอันดับที่ 28 เขาระบุไว้ว่ายังไง
แล้วไปที่ url http://www.registrar.ku.ac.th/home_link/downloadable.htm คลิ๊ก หมวด 2 ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี คลิ๊ก download ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พ.ศ. 2521 อ่านข้อ 15.1.2
นิสิตที่มีแต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม ของรายวิชาที่เรียนมาแล้วในคณะเดิมต่ำกว่า 2.00 ไม่มีสิทธิขอย้ายคณะ
แล้วคิดกันเอาเองนะครับว่า หมายเลข 28 ข้างบนเขาย้ายคณะได้ยังไง ยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่เขาเรียนอยู่ภาคพิเศษ คณะอุตสาหกรรมเกษตร แล้วย้ายไปภาคปกติที่คนเขาเอ็นท์กัน ดูแค่ประเด็นนี้ก่อน
28 4215088x พิณทองทา (นิสิตโอนไปคณะสังคม) ชินวัตร (id: 42082818) อก. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร บางเขน 1.58 K4007
คราวนี้หลักฐานมัดตัว ว่า ทางข้อมูลจากทางมหาวิทยาลัย บอกเองว่าโอนมาไม่ได้สอบเข้าใหม่ นอกจากจะโอนคณะมาแบบผิดกฏระเบียบเล้ว ยังมีการจะเตรียมมอบ เกียรตินิยม โดยผิดกฏระเบียบอีกด้วย
ไปที่ url https://student.cpc.ku.ac.th/grade/query_top_u.php
ปีการศึกษาเลือก 2546
ภาคการศึกษาเลือก ภาคปลาย
สูงสุด/ต่ำสุด เลือก สูงสุด/
จำนวนอันดับ เลือก 100
แล้วคุณจะพบ 82 4208281x พิณทองทา ชินวัตร สศ. รัฐศาสตร์ บางเขน 3.78 H3007
เรื่องนี้ หากท่าน นายกฯ ทักษิณ และทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ผมในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ขอฝากความหวัง ไว้กับ สมาชิกรัฐสภา ผู้เกี่ยวข้องที่มีอำนาจในการยื่นเรื่องเพื่อตรวจสอบนายกฯ ในเริ่องนี้ และองค์กรตรวจสอบอิสระ ทั้ง ปปช และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขอให้ช่วยกันตรวจสอบ และเอาผิด กับข้าราชการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่รู้เห็นเป็นใจ ทำให้เรื่องเลวๆ แบบนี้เกิดขึ้น ในสังคมไทยของเรา ด้วยครับ
จากคุณ ช่วยกันตรวจสอบ (Manager online)
หมายเหตุ (ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมจะลบความเห็นนี้ก็ได้ แต่นี่เป็นข้อมูลที่รวบรวมจากระบบ ไม่ได้มีการแก้ไขตัวเลขใดๆ ทั้งสิ้นและเป็นข้อมูลที่ "เปิดเผย")
- xx เป็นตัวเลขคนละตัวกับ yy
- อันแรกเป็นของภาคต้น
- อันต่อมาเป็นของภาคปลาย
- อันที่สามเป็นของ "ปลาย 46"
- อันสุดท้ายเป็นของ "ต้น 46"
ที่ | รหัส | ชื่อ | สกุล | คณะ | สาขาวิชา | วิทยาเขต | เกรดเฉลี่ยสะสม | รหัส อ.ที่ปรึกษา
75 | 421508xx | ??????? (นิสิตโอนไปคณะสังคม) | ????? (id: 420828yy) | อก. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร | บางเขน | 1.50 | -----
-------------------------------------------------------
28 | 421508xx | ??????? (นิสิตโอนไปคณะสังคม) | ????? (id: 420828yy) | อก. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร | บางเขน | 1.58 | -----
-------------------------------------------------------
82 | 420828yy | ??????? | ????? | สศ. รัฐศาสตร์ | บางเขน | 3.78 | *****
-------------------------------------------------------
160 | 420828yy | ??????? | ????? | สศ. รัฐศาสตร์ | บางเขน | 3.77 | *****
-------------------------------------------------------
จะเห็นว่าถ้าไม่ยึดเกี่ยวกับว่าเกรดต้องถึงเกณฑ์ 2.00 (ขออภัยผมยังไม่ได้อ่านระเบียบ) จะเห็นว่าต้องเรียนได้เกรดเกือบ 4.00 อย่างน้อย 2 เทอมแน่ๆ เพราะว่า gap ระหว่าง 1 กลางๆ มาถึง 3 ปลายๆ จะเห็นว่า 1 เป็นตัวฉุดลงเพราะฉะนั้นต้องหา 4 มาช่วยพะยุงเกรดขึ้นไป แน่นอนคนที่จะทำอย่างนี้จะว่ายากก็ไม่ใช่ (เพื่อนผมก็ 4.00 ทุกเทอม แม้จะพยายามเบียดแล้วเบียดอีก เนื่องจากกฎ A 10% ของที่ที่ผมเรียนก็ตาม แต่เธอก็มี A ปรากฎท้ายผลสอบทุกวิชามาตลอด) ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีครับในการเรียน แต่สงสัยว่าถ้าได้ 1 เนี่ยก็แปลว่าต้องมีเกรดต่ำกว่า C แน่ๆ แล้วจะได้เกียรตินิยมเหรอ ระเบียบเรื่องเกรดประจำวิชามีรึเปล่า?
ถามว่าทำไมเอามาแค่นี้เพราะคาดว่าถ้าค้นต่อไปจะหาไม่เจอ 250 ที่ผมตั้งไว้แน่ๆ ควานหาแบบนั้นยากครับ เลยหามาให้ดูแค่นี้ ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวมองจากข้อมูลที่ได้มาเท่านั้นครับ
ในการสอบเอ็นทรานซ์ปี 2542
มีเด็กคนหนึ่งที่เรียนจบชั้นม.5 จากโรงเรียนสตรีชื่อดังใกล้สถานีรถไฟฟ้าชิดลม
***เด็กคนนี้ คือใคร สงสัยจัง ***
และเข้ามาเป็นนิสิตคณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาคพิเศษ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
การเข้ามาของเด็กคนนี้มีสิ่งที่น่าสงสัยคือ เขาเรียนในสายศิลป์คำนวณที่โรงเรียน แต่ทำไมเลือกมาสอบเข้าในคณะอุตสาหกรรมเกษตร ที่กำหนดคุณสมบัติผู้สอบเข้าว่า จบม.6 หรือเทียบเท่าในสาขาวิทยาศาสตร์ ในหลักสูตรภาคพิเศษดังกล่าว ทางคณะทำการรับนิสิตเอง โดยทำการสอบข้อเขียนที่จัดขึ้นต่างหาก
ประเด็นข้อสงสัยคุณสมบัติของเด็กคนนี้ที่ว่าไม่ได้เรียนทางสายวิทย์ทำไมถึงมีคุณสมบัติสอบเข้าในหลักสูตรนี้ได้ ถูกโต้แย้งว่า
เด็กคนนี้อาจจะสอบเทียบในสายวิทย์ก็ได้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะเรียนในโรงเรียนในแผนศิลป์คำนวณ สมเหตุสมผลหรือไม่ นี่เป็นประเด็นแรกที่อยากทิ้งไว้ให้พิจารณา
มาดูถึงประเด็นข้อสงสัยประเด็นถัดมา คือเด็กคนนี้เข้ามาเรียนในคณะอก.ภาคพิเศษ โดยมีรหัสประจำตัวนิสิตคือ 4215088X
ใคร คือ 4215088*
และได้ศึกษาในภาควิชาดังกล่าวเป็นเวลาหนึ่งปี โดยมีเกรดเฉลี่ยสะสมในภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 เป็น 1.50 และ 1.58 ตามลำดับ
เข้าสู่ประเด็นข้อสงสัยคือ เมื่อขึ้นปี 2543 ภาคเรียนที่ 1 ข้อมูลของเด็กคนนี้กลับถูกระบุในฝ่ายทะเบียนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า "นิสิตโอนไปคณะสังคม" โดยมีการเปลี่ยนแปลงรหัสประจำตัวนิสิตให้เด็กคนนี้เสร็จสรรพ แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือปี พ.ศ. ที่เข้าที่ยังเป็นปี 2542 อยู่โดยรหัสประจำตัวนิสิตใหม่ของเด็กคนนี้คือ
4208281X
ที่บอกว่ามีประเด็นข้อสงสัยคือ ทำไมการโอนย้ายคณะของเด็กคนนี้ (ซึ่งก็มีประเด็นข้อสงสัยที่จะต้องมาพูดกันภายหลัง) ต้องมีการเปลี่ยนรหัสประจำตัวนิสิตให้ด้วย ต่างกับนิสิตคนอื่นที่ทำเรื่องย้ายคณะที่ยังคงรหัสประจำตัวนิสิตเดิมที่ทางมหาวิทยาลัยออกให้เมื่อแรกเข้าผ่านเข้ามาเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การย้ายคณะของนิสิตคณะเกษตรศาสตร์ ที่จะมีการย้ายไปเรียนในคณะอุตสาหกรรมเกษตรแทบทุกปี แต่รหัสประจำตัวนิสิตก็ยังคงเดิม ประเด็นข้อสงสัยที่ตามมาคือ ในปี 2543
เด็กคนนี้ย้ายไปเรียนในคณะสังคมศาสตร์ ประเภทวิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ (บริหารรัฐกิจ) ได้อย่างไร คุณสมบัติเข้าเกณฑ์การย้ายของมหาวิทยาลัยหรือไม่
ลองมาดูในคณะสังคมศาสตร์ ประเภทวิชาดังกล่าว จากข้อมูลในการสอบเอ็นทรานซ์ปี 2542 แสดงคะแนนรวมต่ำสุดไว้ที่ 57.60% โ
ดยมีรายวิชาที่ต้องสอบคือ 01 02 03 08 และ 09 กล่าวคือ วิชาภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์กายภายชีวภาพ และคณิตศาสตร์ 2 ตามลำดับ จัดว่าเป็นคณะที่คะแนนไม่ต่ำคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สำหรับนักเรียนที่จบการเรียนในแผ่นศิลป์ที่สนใจจะเข้าเรียน
ประเด็นที่น่าสงสัยคือ เด็กคนนี้มีคุณสมบัติอะไรถึงสามารถย้ายคณะได้ ทั้งที่สอบเข้ามาในระบบภาคพิเศษที่รับต่างหาก เพราะทราบกันดีว่าการสอบเข้าย่อมง่ายกว่าการที่จะไปสอบแข่งขันกับเด็กทั่วประเทศในการสอบเอ็นทรานซ์ ก่อนที่จะมาถึงประเด็นนี้ลองมาดูในส่วนของหลักเกณฑ์ในการย้ายคณะที่ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุไว้ ในข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พุทธศักราช 2521 ฉบับแก้ไขปรับปรุง
เมื่อพิจารณาถึงเกณฑ์ในการย้ายคณะข้อ 15.1.2 ที่ระบุว่านิสิตที่เรียนมาในคณะเดิมแต่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 2.00 ไม่มีสิทธิย้ายคณะ ประเด็นนี้ชัดเจนว่า เด็กคนนี้ย้ายคณะได้อย่างไร ในเมื่อผลการเรียนเฉลี่ยสะสมสิ้นสุดภาคเรียนที่สอง ปีการศึกษา 2542 อยู่ที่ 1.58 อันนี้เป็นประเด็นข้อน่าสงสัยอีกประเด็นต่อจากคุณสมบัติการเข้ามาเรียนที่ไม่ได้จบสายวิทย์ การเปลี่ยนรหัสประจำตัวนิสิตให้เด็กคนนี้ใหม่ทั้งหมด
ที่พูดถึงนั้นอ้างอิงตามกฎของมหาวิทยาลัย แต่ถ้ามาลองพิจารณาเหตุผลที่เด็กที่สอบเอ็นทรานซ์เข้าใจกันในความแตกต่างระหว่างภาคพิเศษกับภาคปกติ ภาคพิเศษนั้นเป็นโครงการเลี้ยงตัวเอง ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐเหมือนภาคปกติ ทำให้คณะต้องเก็บค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้นกว่าปกติ คำถามคือว่า ถ้ามหาวิทยาลัยเปิดช่องให้ภาคพิเศษย้ายมาภาคปกติเหมือนที่เด็กคนนี้ทำ โดยไม่ต้องคิดถึงว่าคุณสมบัตถูกต้องหรือไม่ ถามว่ามหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้เด็กคนอื่น ๆ ทำอย่างนี้ได้หรือไม่ ในมหาวิทยาลัยดังกล่าวมีคณะที่เปิดภาคพิเศษอยู่หลายคณะ เช่นคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ถ้ามหาวิทยาลัยสามารถให้เด็กย้ายจากภาคพิเศษมาภาคปกติได้ ถามว่า ในอนาคต จะมีเด็กที่ใช้ช่องทางสอบเข้าภาคพิเศษที่คะแนนต่ำกว่ามากแทน แล้วค่อยเล่นแร่แปรธาตุย้ายเข้าภาคปกติ ย่อมง่ายกว่าที่จะไปแข่งขันกับเด็กที่ต้องการเรียนในภาคปกติซึ่งสอบผ่านการสอบเอ็นทรานซ์
อาจจะมีประเด็นโต้แย้งว่า กรณีของเด็กคนนี้ผู้ปกครองไม่น่าจะเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ในคณะหรือในมหาวิทยาลัยจัดให้เพื่อต้องการเอาใจ แต่การขึ้นทะเบียนนิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น ผู้ปกครองไม่รับรู้ไม่ได้เพราะเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะทางกฎหมายคือ 20 ปี และเด็กคนนี้ก็อยู่ด้วยกันกับผู้ปกครอง การที่ลูกจบชั้นมัธยมปลายจะเข้ารั้วมหาวิทยาลัย เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ปกครองจะไม่รู้ความเป็นไปทางด้านการศึกษาของลูก อย่างลูกเรียนสายศิลป์คำนวณ แต่ทำไมไปสอบเข้าคณะอุตสาหกรรมเกษตรซึ่งเป็นคณะสายวิทย์ ซึ่งดูจากผลการเรียนที่ปรากฎออกมาในปีหนึ่งประมาณ 1.5 กว่า ๆ ก็แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้ประสบปัญหาในการเรียนหลักสูตรดังกล่าว แต่ประเด็นที่น่าสงสัยคือ เป็นการเข้ามาเรียนเพื่อต้องการสภาพนิสิตเพื่อทำการย้ายคณะในปีถัดมาหรือไม่ เพราะผู้ปกครองปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่รับรู้ เพราะกฎก็ระบุว่าผู้ปกครองต้องยินยอมต่อการย้ายคณะของนิสิต ดังนั้นปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ปกครองจะไม่รับรู้เรื่องการเรียนของลูก
สิ่งที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องตอบสังคมคือ ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐได้อย่างไร และมันยุติธรรมหรือไม่สำหรับเด็กคนอื่นที่ต้องสอบเอ็นทรานซ์แข่งขันกัน แต่มีเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกนักการเมืองคนดัง กลับเข้ามาเรียนและย้ายคณะด้วยวิธีพิสดารเช่นนี้ และถ้าจะให้ยุติธรรมกับเด็กคนอื่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดโอกาสให้เด็กที่เรียนในภาคพิเศษย้ายคณะมาเข้าภาคปกติเช่นในกรณีนี้หรือไม่ เพราะถ้าทำได้เด็กที่เขาไม่มีความพร้อมที่จะไปแข่งขันในการสอบเอ็นทรานซ์ก็จะมีช่องทางในการสอบโดยเลือกสอบเข้าภาคพิเศษที่การแข่งขันไม่สูงนักแทน แล้วค่อยไปย้ายคณะในทีหลัง
สิ่งที่อยากจะฝากถึงนักการเมือง คือ พฤติกรรมเช่นนี้ในอดีตของคุณ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คุณมีทัศนคติอย่างไรต่อระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเมืองไทย ถ้าคุณคิดว่าการใช้เส้นสายฝากลูกเข้าเรียนทำได้เหมือนเวลาฝากลูกเข้าเรียนชั้นประถม มัธยม และมองว่าเป็นเรื่องปกติถ้าจะทำเช่นนี้อีกในระดับมหาวิทยาลัย คุณมีความคิดสวนทางกับเด็กและผู้ปกครองคนอื่น ๆ ที่มองว่าระบบการสอบเอ็นทรานซ์ของเมืองไทยเป็นระบบที่มีมานาน และได้รับการยอมรับในเรื่องของความยุติธรรม ดังนั้น ถ้าคุณไม่คิดจะพัฒนาระบบการศึกษาของเมืองไทย ก็อย่ามาทำลายระบบให้เสียหายมากไปกว่านี้เลย
พฤติกรรมการใช้เส้นสายให้ลูกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะมีความชัดเจนอย่างไร ถึงเวลาที่มหาวิทยาลัย และนักการเมืองที่เป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ ต้องตอบข้อสงสัยให้กับสังคม ก่อนที่ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะ
เด็กคนนี้ คือใคร.....??????
Posted by : oh , Date : 2004-05-03 , Time : 15:36:31 , From IP : ppp-210.86.223.221.r
|