ความคิดเห็นทั้งหมด : 2

Forward mail : อ่านแล้วจะไม่ลังเลที่จะส่งต่อเลย


    Subject: Fw: อ่านแล้วจะไม่ลังเลที่จะส่งต่อเลย
อ่านแล้วจะไม่ลังเลที่จะส่งต่อเลย


น้องใหม่
" คือลูกสาวของผมครับ แต่แกโชคร้าย
แกมีโรคประจำตัวคือ “ โรคลมชัก ”
ไม่ทราบว่ามีใครรู้จักหรือเคยพบคนเป็นโรคนี้หรือเปล่าครับ
เมื่อก่อนผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักโรคนี้ เคยได้ยินแต่ “ลมบ้าหมู ”
หรืออาการชักของเด็กที่มีไข้สูงเท่านั้น
แต่มันยังมีอีกหลายลักษณะของการชัก
ซึ่งผมก็ได้มาพบอาการเหล่านี้ที่ลูกของผมทั้ง
หมดน้องใหม่เริ่มเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนตอนนั้นยังไม่มีใครสังเกต
จะมีแต่อาการผงกหัวตอนคลาน
ที่แรกนึกว่าคอแกคงยังไม่แข็งก็เลยไม่เอะใจจนอายุได้ 1 ปี
แกเริ่มมีอาการกระตุกทั้งตัว
แต่เป็นช่วงเวลา5-10วินาทีแต่แกเป็นบ่อยถึงวันละ 30-40
ครั้งจึงได้นำมารักษาที่โรงพยาบาลเด็กจึงรู้ว่าแกเป็นโรคลมชัก
เพราะได้ทำการตรวจคลื่นสมอง
พบว่าเส้นสมองแกยุ่งเหยิงมากไม่เป็นจังหวะเหมือนคนปกติ
จึงได้ทำการรักษาที่โรงพยาบาลเด็ก
โดยการปรับยาทุกเดือน่าจนอาการลดลงเหลือการผงกวันละ10 กว่าครั้ง
ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาและการซื้อยาในแต่ละเดือนร่วม 5,000-6,000กว่าบาทต่อเดือน
ซึ่งค่อนข้างสูงทำให้ภายในครอบครัวเริ่มขัดสนทางด้านการเงิน
ต่อมาได้ย้ายมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช
เพราะได้รับการแนะนำให้มารักษาที่คลีนิคพิเศษที่โรงพยาบาลศิริราชเพราะมีแพทย์เฉพาะทางรักษาอยู่
จนถึงปัจจุบันอาการผงกหรือชักก็ยังไม่ดีขึ้นมาก
เพราะอาการของน้องใหม่อยู่ในลักษณะอาการที่ยาไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ปัจจุบันรักษามาแล้วถึง 5 ปีกว่าแล้วคุณหมอจึงได้แนะนำให้ใช้วิธีผ่าตัดสมอง
ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผล 100%
เพราะถ้าเกิดโชคร้ายขึ้นมาอาการแย่ลงกว่าเดิม
ผมและครอบครัวคงทำใจไม่ได้
แต่เมื่อได้ดูรายการการผ่าตัดสมองและโรคลมชักทางช่อง9 เมื่อวันที่ 21และ 28 กันยายนเวลา 21.00 น.
โดยมีการอธิบายและแสดงเทคนิคในการใช้อุปกรณ์ในการแพทย์
ทำให้ครอบครัวผมมีกำลังใจขึ้นมาก
เห็นหนทางในทางรักษามากขึ้น
จึงได้ปรึกษาคุณหมอที่รักษาน้องใหม่อยู่
ซึ่งก็เป็นคณะแพทย์ที่ได้ออกรายการในวันนั้น
จึงเห็นสมควรให้ผ่าตัดสมองน้องใหม่ วันที่ 4 ธันวาคม 2546ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
สาเหตุที่ไม่สามารถผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช
เพราะปัจจุบันไม่มีแพทย์ที่ชำนาญทางด้านนี้ประจำอยู่
และคุณหมอท่านนี้ก็ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯอยู่ซึ่งการผ่าตัดในการรักษาครั้งนี้จะต้องใช้ค่ารักษาค่อนข้างสูงระมาณ 40,000-50,000 บาท
เพราะฉะนั้นผมยังมีเวลาอีกเพียง 2เดือนเท่านั้นในการหาเงินมารักษาลูก
สภาพน้องใหม่ปัจจุบันนี้ีกภายนอกก็ดูเหมือนเด็กทั่วไป
แต่อาจจะเห็นบาดแผลตามร่างกายโดยเฉพาะที่หัวและใบหน้า บริเวณคางอนจะมีบาดแผลเย็บ บวม ช้ำ โน อยู่ตลอดเวลา
เมื่อล่าสุดเย็บที่คาง 5 เข็มั้ที่มุมปากฉีกเย็บอีก 2 เข็ม
และที่หัวอีกนับครั้งไม่ถ้วนี่คแถมฟันหน้าหักไปแล้ว 3 ซีก
สาเหตุเกิดจากการล้ม และชักของแก
บางครั้งยืนอยู่ดีๆ หัวทิ่มพื้นไปแล้วครับ
อาการจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้
แม้ว่าคนในครอบครัวจะระมัดระวังทุกฝีก้าวไม่ให้คลาดสายตา
แม้เพียงแค่ หันหลังแล้วหันกลับมาอีกที
อาจจะเห็นแกนอนชักอยู่ก็ได้ทุกเมื่อ
ทุกวันนี้สภาพจิตใจของคนในครอบครัวแย่มาก
เพราะต้องทำทุกวิถีทางให้แกเจ็บตัวให้น้อยที่สุดและเบาที่สุด
คุณยายที่เลี้ยงน้องใหม่ก็ทำหมวกผ้าหุ้มฟองน้ำใส่ที่หัวน้องใหม่ตลอดเวลา
เผื่อเวลาหน้ากระแทกจะได้ผ่อน หนักเป็นเบาได้
ทุกวันนี้น้องใหม่ยังไม่พูดอายุจะครบ 6 ขวบแล้ววันที่ 12 ธันวาคมนี้
พัฒนาการแกเหมือนเด็กอายุไม่ถึงขวบยังเล่นอะไรไม่เป็นเรื่องเป็นราว
การเดินจะเดินแบบเซเซทรงตัวไม่ค่อยได้
เดินแบบวิ่งแล้วก็ล้มลงอยู่เฉยๆไม่เป็น
จะต้องเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา
ทำให้คนเลี้ยงค่อนข้างเหนื่อยมาก
แม้แต่ผมเองยอมรับว่า อยู่เลี้ยงแค่2-3ชั่วโมง
ก็ยังเหนื่อยไม่ต้องทำอย่างอื่นเลยต้องคอยระวังตลอดเวลา
ผมและครอบครัวหวังว่าการผ่าตัดในครั้งจะประสบความสำเร็จให้แกมีอาการดีขึ้น
ผมและครอบครัวหวังเพียงแค่ให้แกอาการชักลดลงให้พัฒนาการแกดีขึ้น
รู้จักช่วยเหลือตัวเองได้ พูดได้ว่าต้องการอะไรีไม่ต้องการอะไร
สื่อสารเข้าใจไม่หวังว่าแกจะเป็นเด็กฉลาดเหมือนเด็กทั่วไป
สิ่งที่ผมอยากได้ยินตอนนี้ คือให้น้องใหม่เรียกพ่อ เรียกแม่ได้
เพราะเป็นคำที่คนเป็นพ่ออย่างผมอยากได้ยินมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว
และผมก็มีลูกอยู่เพียงคนเดียวคือน้องใหม่เท่านั้น
ผมหวังว่าการผ่าตัดในครั้งนี้
จะเป็นของขวัญวันเกิดของลูกสาวผมได้หรือไม่....
ผมขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์้
ขอให้ช่วยลูกสาวผมอีกแรงครับ

........สิ่งที่ผมกล่าวมานี้เพียงจะขอความเมตตาจากทุกท่านช่วยเหลือในการหางานหรือแนะนำงานให้ผมเป็นรายได้พิเศษภายในช่วง2 เดือนนี้(ด่วนมาก)
ผมมีความสามารถในการเขียนแบบ AutoCAD เครื่องจักรต่าง และออกแบบ
Artwork , Logo , สิ่งบรรจุ , ฉลากสติกเกอร์ , โบว์ชัวร์ ต่างๆ
ซึ่งเงินที่ได้เหล่านี้ก็จะไปสมทบทุนเป็นค่ารักษาลูกของผมทั้งหมด

โดยติดต่อที่ เอกพล สหัสสเนตร (01) 944-3278 E-mail
comart2003@hotmail.com
การช่วยเหลือผมและครอบครัวในครั้งนี้
เหมือนเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้เด็กน้อย คนหนึ่ง
ให้มีโอกาสอยู่รอดในโลกใบนี้ต่อไปอย่างมีปกติสุข
ผมและครอบครัวขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวมีความสุข ความเจริญในทุก ๆด้านตลอดไปครับ.............ขอขอบพระคุณอย่างสูงป
หมายเหตุ : อยากให้ผู้ที่ได้รับ mail นี้ช่วย
forwardต่อให้เพื่อนๆ่า หรือคนรู้จักด้วยครับ


Posted by : No name No.1 , E-mail : (warit74@hotmail.com) ,
Date : 2004-04-17 , Time : 01:45:11 , From IP : 203.113.71.169


ความคิดเห็นที่ : 1


    ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะไม่มีคนรู้จักที่ทำงานด้านที่คุณต้องการ แต่ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยให้คุณได้หาเงินให้ครบ และให้การผ่าตัดน้องใหม่ ผ่านลุล่วงไปด้วยดีและจงประสบผลสำเร็จด้วยน่ะค่ะ

Posted by : kigๆ , Date : 2004-04-18 , Time : 20:26:32 , From IP : 172.29.1.199

ความคิดเห็นที่ : 2


   ขอเป็นกำลังใจ ให้ด้วย ไม่รู้จะช่วยไงเหมือนกัน
ดูนะครับ เงิน 40000-50000 สามารถช่วยชีวิต เด็กคนหนึ่งได้ ให้เค้ามี อะไรในชีวติ ที่ดีขึ้น แต่คนบางคน เลือก ที่จะเอาเงิน จำนวนนี้ไปซื้อกระเป๋า รองเท้า หรือเสื้อ ผ้า ไม่น่าเชือ่ ว่าเมืองไทย ทำไมถึงต่างกันได้มากขนาดนี้


Posted by : Dr K , Date : 2004-04-20 , Time : 22:48:27 , From IP : 202.28.179.1

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<