ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

อย่าปล่อยให้ทักษิณทำเยี่ยงนี้!!!!!!!!!


   
> > อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกปิดหูปิดตาอีกต่อไป!!!!!!!!!!!!!!
> > *******************
> > ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ นักวิชาการ
> > คัดค้านนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล
> > --เดิมพันด้วยชะตากรรมของประชาชนไทยทั้งประเทศ--
> > (บรรยายที่ สำนักงานกลาง กฟผ. วันที่ 25 ก.พ. 2547)
> > วันนี้รัฐบาลไม่ได้ขายชาติ เพราะเมื่อก่อนเวลาที่ต้องการจะขายรัฐวิสาหกิจ
> > หรือธนาคาร รัฐบาลจะดึงต่างชาติเข้ามา อยากขายธนาคารก็ดึง DBS เข้ามา ดึง UOB
> > Standard สแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์เข้ามา อยากจะขายโทรศัพท์
> > ก็ดึงเทเลคอมหรือออเร็จน์ ถ้าอยากขายน้ำมันก็ดึงเอา Mobil หรือ Q8 หรือ
> > ยูโนแคล วันนี้รัฐบาลไม่ได้ดึงใครมาทั้งสิ้น คำขวัญของรัฐบาลก็คือ “เนื้อดีๆ
> > ของคนไทยควรเก็บเอาไว้ในประเทศ ให้เจ้าสัวบริโภคดีกว่า”
> > หมายถึงกลุ่มธุรกิจพิเศษ กลุ่มทุนผูกขาดของประเทศ ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแค่เงิน
> > แต่มีอำนาจทางการเมืองครอบครอง เป็นกลุ่มทุนธุรกิจผูกขาด
> > และเป็นกลุ่มธุรกิจการเมืองทั้งหมดทั้งสิ้นไม่เกิน 10 ตระกูลเท่านั้น
> > สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นในเนื้อหาสาระแล้ว คือ การเอาธุรกิจผูกขาดทั้งหลาย
> > ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ สนามบิน ท่าเรือ การรถไฟ
> > ซึ่งเป็นธุรกิจสาธารณูปโภคมาแปรรูป
> > ซึ่งธุรกิจเหล่านี้เป็นหัวใจและเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ
> > เป็นธุรกิจพิเศษเพราะสามารถเอารัดเอาเปรียบขูดรีดผู้บริโภคและประชาชนได้
> > วันนี้หลังจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้ว
> > จะอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจการเมืองเพียงไม่กี่ 10 ตระกูล
> > เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ระบบเศรษฐกิจหุ่นกระบอก” หมายถึง
> > มีคนๆ เดียวแค่ชักหุ่นกระบอกหลายๆ ตัว ด้านหนึ่งในฐานะรัฐบาล เอามือซ้ายชัก
> > ทศท โทรคมนาคม อีกด้านหนึ่งเป็นเจ้าของชินคอร์ป เอไอเอส
> > เทเลคอมเอเชียและออเร็นจ์ มือซ้ายคุมทีวีช่อง 9 อสมท. ขณะเดียวกันก็มีช่อง 11
> > ของกรมประชาสัมพันธ์ และมือขวายังเป็นเจ้าของ ITV
> > มือขวาอีกด้านหนึ่งก็คุมช่อง 3 ของตระกูล ”มาลีนนท์“ ลองดูสายการบิน
> > มือซ้ายคุมการบินไทย ส่วนมือขวาก็ Local Airline
> > มือซ้ายคุมธนาคารโดยผ่านกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
> > ส่วนมือขวาก็เอาธนาคารบุตรชาย (ธนาคารทหารไทย) ไปรวมกับ IFCT และ DBS ไทยทนุ
> > นอกจากนี้ DBS ยังลงทุนร่วมกับชินคอร์ป สร้าง Capital OK
> > เพื่อปล่อยสินเชื่อรายย่อยแข่งกับบัตรเครดิตและอิออน Capital OK
> > ไม่มีเครือข่ายในการขายสินค้าของตนเอง ซึ่งมีเพียง 92 สาขา
> > จึงต้องดึงธนาคารทหารไทยของบุตรชายมาร่วม เนื่องจากมีเครือข่าย 300-400 สาขา
> > เป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้สถาบันการเงินให้กับญาติโกโหติกาตัวเอง
> > รวมเบ็ดเสร็จแล้วคือ “ชินแบงค์”
> > แต่จะไม่เห็นชื่อชินแบงค์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
> > เพราะเจ้าของเหนียมอายเกินกว่าจะใช้ชื่อชินแบงค์
> > วิธีการยึดประเทศ โดยการยึดธุรกิจอย่างธนาคาร ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ สนามบิน
> > ท่าเรือ ขนส่งมวลชน รถไฟ และอื่นๆ คือการรวมอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์แบบ
> > นี่ยังไม่ได้พูดถึง การส่งลูกของลุงไปคุมทหาร ส่งพี่ภรรยาไปคุมตำรวจ
> > พร้อมทั้งส่งน้องเขยไปคุมระบบยุติธรรมและศาล นี้ยังไม่รวมถึง สส. ในกำมือกว่า
> > 300 ชีวิต และองค์กรอิสระแบบ สว. ซึ่งก็เสร็จไปแล้ว
> > ท้ายที่สุดนี่คือการยึดแบบเบ็ดเสร็จที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
> > เป็นทั้งการยึดอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองพร้อมๆ กัน นี่คือมหันตภัยของชาติ
> > เรื่องการต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจไม่ใช่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพนักง
> > านรัฐวิสาหกิจกับรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
> > เขาจะขายรัฐวิสาหกิจที่สำคัญเหล่านี้ให้กับประชาชนคนไทย
> > โดยนำเข้าไปกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
> > ซึ่งผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีประมาณ 2 แสนกว่าคน ไม่ใช่ 63
> > ล้านคน คิดเป็น 0.3% ของประชากร
> > แต่นั่นก็ยังไม่อัปลักษณ์เท่ากับเจ้าของหุ้นที่รวยแสนรวยเป็นคนจำนวนเพียงไม่ก
> > ี่% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมดมีเพียงแค่ 10 ตระกูลเท่านั้น
> > จึงไม่น่าแปลกใจที่รายงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานว่า
> > บริษัทในตระกูลชินคอร์ป เอสซีแอสเซส
> > และอะไรต่ออะไรที่เป็นแกนของตระกูลชินวัตรและดามาพงษ์
> > มีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 4 แสนกว่าล้านบาท
> > เมื่อตอนเอาไฟฟ้าไปขายในตลาดหลักทรัพย์ คนไทยตาดำๆ ได้แอ้มหุ้นกันบ้างไหม?
> > เมื่อ 2 ปีก่อนมีการขายหุ้น ปตท. ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 1 นาที 17 วินาที
> > ในการขาย ประชาชนที่อยากเป็นเจ้าของหุ้น ปตท. ตื่นตั้งแต่ตี 4
> > เพื่อไปธนาคารแล้วเข้าแถวเป็นคนแรก แค่กรอกชื่อที่อยู่เพื่อให้เทลเลอร์ key
> > ลงคอมพิวเตอร์ก็เกิน 1 นาที 17 วินาที คนที่ได้หุ้น ปตท. คือคนที่ไม่ได้จอง
> > ส่วนคนที่จองคือคนที่ไม่ได้หุ้น ปตท. เจ็บปวดพอหรือยังครับ?
> > และการยึดทั้งหมดนี่ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว
> > เพราะถ้าสามารถควบคุมกลไกในการปั่นหุ้นตลาดหลักทรัพย์ได้
> > ก็ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว เวลาขายหุ้น ปตท. รัฐบาลก็บีบให้ ปตท.
> > ขายหุ้นออกมา 30% (เหมือนที่ทำกับ กฟผ.) คิดเป็น 800 ล้านหุ้น ราคาเก๋ๆ
> > ที่เรียกว่า IPO คือ 35 บาท เป็นมูลค่าทั้งหมด 28,000 ล้านบาท
> > หลังจากนั้นก็ป้อนข่าวดีๆ เรื่อง ปตท. ว่าเมืองไทยจะเป็นศูนย์กลางของพลังงาน
> > เป็น HUB ไฟฟ้าและพลังงาน ราคาหุ้น ปตท. ก็พุ่งจาก 35 บาท เป็นเกือบ 200 บาท
> > คิดง่ายๆ ที่ 160 บาท เอา 800 ล้านหุ้นคูณ เท่ากับ 128,000 ล้านบาท ลงทุนแค่
> > 28,000 ล้านบาท ได้มา 100,000 ล้านบาท แล้วเก็บ 100,000 ล้านบาท มาซื้อหุ้น
> > ปตท. อีก โดยต้องทุบหุ้น ปตท. ให้ลงมาเหลือเพียง 30 กว่าบาท
> > ก่อนจะซื้อใหม่อีกรอบ ซึ่งถ้าหุ้นเหลือ 30 กว่าบาท เงิน 100,000 ล้านบาท
> > ที่มีอยู่ในมือไม่ได้ซื้อ ปตท. 30% แต่สามารถซื้อ ปตท. ได้ทั้ง 100%
> > อันนี้คือการยึด ปตท. โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองแม้แต่สตางค์แดงเดียว
> > การไฟฟ้า 3 แห่ง คือเหยื่อรายต่อไปของธุรกิจผูกขาด
> > ท่านเคยเห็นชินคอร์ปทำธุรกิจอะไรที่ไม่ผูกขาดชาวบ้านเป็นไหม?
> > ท่านเคยเห็นชินคอร์ปเย็บเสื้อโหลส่งไปยุโรปแข่งกับอเมริการใต้ไหม?
> > ท่านเคยเห็นชินคอร์ปทำบะหมี่มาม่า ไวไว
> > เพื่อแข่งกับไต้หวันไปขายในอเมริกาไหม?
> > ชินคอร์ปเติบโตมาได้ทั้งชีวิตด้วยการผูกขาดสัมปทานที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดในเม
> > ืองไทย ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยแต่ของทั้งโลก นั่นคือ โทรคมนาคม และการไฟฟ้า
> > ซึ่งไม่มีธุรกิจอะไรจะแนบแน่นและสร้างผลประโยชน์ให้โทรคมนาคมได้อีกแล้วนอกจาก
> > การไฟฟ้า
> > ทุกวันนี้คนไทยใช้ไฟฟ้าทั้งหมดปีละ 100,000 ล้านหน่วย หน่วยละ 2.50 บาท
> > คิดเป็นเงิน 250,000 ล้านบาท ถ้าใครสามารถเข้าไปยึดครองการไฟฟ้า 3 แห่งได้
> > อำนาจการผูกขาดก็จะอยู่ในมือคนนั้น ท่านคิดว่าถ้าราคาค่าไฟฟ้าเปลี่ยนจาก 2.50
> > บาท เป็น 3.50 บาทได้ไหม? เป็น 4 หรือ 5 บาทจะได้ไหม? ถ้าเป็นหน่วยละ 5 บาท
> > ก็จะมีเงินสดเข้ากระเป๋าถึง 500,000 ล้านบาทต่อปี
> > แน่นอนเราจะต้องสู้ แต่การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องง่าย
> > เพราะเราต้องต่อสู้กับคนที่กุมเศรษฐกิจและการเมืองทั้งหมด กุมทหารทั้งหมด
> > กุมสื่อทั้งหมด โอกาสที่จะชนะมีไม่มาก แต่ก็ต้องสู้
> > เพราะเดิมพันมันสูงเหลือเกิน เดิมพันด้วยชะตากรรมของคนไทยทั้งประเทศ
> > *******************
> > ปล. ประเทศอาร์เจนติน่าล่มสลาย เพราะรัฐบาลแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด
> > ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรทัศน์ โทรศัพท์ รถไฟ ถนนหนทาง และทุกๆ อย่าง
> > จนไม่เหลืออะไรเป็นของรัฐบาลและประชาชน ในประเทศไม่มีเงินเหลืออยู่เลย
> > ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการ มีคนตายเพราะกระหายน้ำ
> > เนื่องจากราคาน้ำแพงมาก วันนี้อาร์เจนติน่าไม่เหลืออะไรเลย download ดูได้ที่
> > www.nitipoom.com
> > > > 2909818c&lat=1079504184&hm___action=http%3a%2f%2fwww%2enitipoom%2ecom%2f>
> > ตอนอาเจติน่า
> > ส่ง mail นี้ต่อถ้าท่านรักชาติ....
> > และไม่ต้องการเห็นความล่มสลายของประเทศ


Posted by : I COME , Date : 2004-04-10 , Time : 09:42:23 , From IP : 172.29.3.71

ความคิดเห็นที่ : 1


   ไม่มีความเห็น อยากเป็นประชาธิปไตยเอง

Posted by : ccc , Date : 2004-04-12 , Time : 15:10:28 , From IP : 172.29.1.164

ความคิดเห็นที่ : 2


   ผมเห็นด้วยในแง่ที่เราต้องมีการตรวจสอบผู้มีอำนาจปกครองประเทศไม่ให้มีการ "แอบ" เอาเปรียบประชาชน หากคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่สนใจเรื่องนี้ นานวันเข้า เราอาจ "สุก" โดยไม่รู้ตัว หากปล่อยให้ถึงวันนั้นมันอาจจะสายเกินแก้ก็เป็นได้
ป.ล.แต่เราต้องฟังความจากหลายๆฝ่าย มิเช่นนั้นหากเราไปตัดสินเขาผิดๆ ต่อไปคนเก่งที่ไหนเค้าอยากจะอาสามาบริหารประเทศล่ะครับ


Posted by : รู้ทัน ทักษิณ , Date : 2004-04-12 , Time : 15:27:28 , From IP : 202.41.165.234

ความคิดเห็นที่ : 3


   ทำไมเราถึงถูกพวกคนรวยคดโกงบ้านเมืองอยู่ได้ทุกวันนี้มีอะไรในประเทศบ้างที่ไม่ใช่ของมันและยังมีระบบระยำที่มันสร้างไว้ให้กับวงการแพทย์เราไม่ได้ต้องการคนเก่งอย่างเดียวเราต้องการคนดีบริหารบ้านเมืองด้วยแค่ลูกมันจะสอบยังหน้าด้านเปิดข้อสอบก่อนเลย ความซื่อสัตย์ยังไม่มีไม่ต้องคิดถึงคุณธรรมข้ออื่น ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีช่วยดลบันดาลให้ผลกรรมที่มันก่อไว้ทันตาเห็นด้วยเถิด

Posted by : เกลียด , Date : 2004-04-12 , Time : 16:42:26 , From IP : mugwback.mahidol.ac.

ความคิดเห็นที่ : 4


   หนังสือที่ขายดีที่สุดในเมืองไทยปี 2547 " รู้ทันทักษิณ "!

ปกติแล้วหนังสือในเมืองไทย จะพิมพ์กันเพียง 2-3 พันเล่มในการพิมพ์แต่ละครั้ง
เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ หนังสือที่ขายดีที่สุดในเมืองไทย คือแฮรรี่ พอตเตอร์ ( เด็กเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ก็ยังอ่านเล่มนี้? ) กับ หนังสือ " สืบจากศพ " ของ พญ.คุณหญิง พรทิพย์

ในปีนี้ ผมฟันธงไว้ก่อนเลยว่า หนังสือชื่อ " รู้ทันทักษิณ " ซึ่งนักวิชาการ 14 คน ออกมาวิเคราะห์วิจารณ์การทำงานของคุณทักษิณและรัฐบาลในแต่ละด้าน จะเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดในเมืองไทยในปี 2547 นี้ ( ถ้าไม่ถูกxxxหน้าเหลี่ยมใช้วิธีสกปรกขัดขวางการเผยแพร่ไปก่อน )

ข่าวล่าสุด พิมพ์ครั้งแรก 5 พันเล่ม ยอดจองอย่างเดียวก็หมดแล้วครับ กำลังเร่งพิมพ์ครั้งที่สองอยู่


2 วันก่อน ผมได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง หัวหนังสือ ชื่อ " ฟ้าเดียวกัน " ตอน " ระบอบทักษิณ " ( ตัว ท. ใช้สัญญลักษณ์เดียวกับ ทรท. ) มีนักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายท่านได้เขียนบทวิเคราะห์ไว้ ทั้ง อจ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อจ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์

Alex (203.156.20.7)
29 มี.ค. 2547 10:19:42


Posted by Alex() 2004-04-12 , 16:42:28 , 202.41.165.234


Posted by : dotdot , Date : 2004-04-12 , Time : 18:37:22 , From IP : 172.29.3.178

ความคิดเห็นที่ : 5


   ก็ตัดตอน..อย่าเลือกสิ

Posted by : jj , Date : 2004-04-13 , Time : 02:34:43 , From IP : 172.29.3.74

ความคิดเห็นที่ : 6


   ถ้าคนไทยไม่เห็นเงินเป็นพระเจ้า ประเทศไทยก็คงจะสงบสุข

Posted by : รักชาติเหมือนกันนะ , Date : 2004-04-17 , Time : 10:37:14 , From IP : 172.29.2.196

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<