ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

จริงหรือที่สิงคโปร์ .....


    > ตื่นภัยสิงคโปร์กันบ้างเถิด!Friday, March 19, 2004
> > By สิริอัญญา : ข้างประชาราษฎร์
> >
> > ปัญหาไฟใต้แท้จริงเกิดจากอะไร ?
> >
> > บทความวันนี้มุ่งหมายจะสื่อความถึงเพื่อนสื่อมวลชนไทยทั่วทั้งประเทศ
>และพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งปวง
> > ว่า นอกจากบ้านเมืองของเราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ
>เหมือนกับชาวโลกทั่วไปแล้ว เรายัง
> >
>ต้องเผชิญกับภัยที่ประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศสิงคโปร์ได้สร้างกรรมทำเข็ญไว้กับบ
>้านเมืองของเราอย่าง
> > ต่อเนื่อง
> >
> >
>ความจริงนั้นพฤติกรรมทั้งหลายที่สิงคโปร์ได้ทำกับประเทศไทยแทบจะหาพฤติกรรมที่เป
>็นมิตรไม่มีเลย
> >
>พฤติกรรมทั่วไปที่เกิดขึ้นและตลอดระยะเวลายาวนานเป็นพฤติกรรมที่บ่อนทำลายประเทศ
>ไทยในทุกทางแล
> > ะในทุกโอกาสที่สามารถทำได้
> >
> >
>บัดนี้ถึงเวลาที่เพื่อนสื่อมวลชนชาวไทยและพี่น้องประชาชนชาวไทยจะได้ตระหนักถึงภ
>ัยดังกล่าวกันได้แล้ว
> >
>ตัวอย่างซึ่งบทความนี้จะนำเสนอเป็นเพียงข้อเท็จจริงน้อยนิดในกิจกรรมบ่อนทำลายปร
>ะเทศไทย และเป็น
> > ตัวอย่างที่ควรสนใจยิ่ง เพราะหากเรายังไม่เข้าใจ ยังทำเป็นเมินเฉยอยู่ต่อไป
>ไม่เพียงแต่ประเทศชาติ
> > จะต้องรับความเสียหายเท่านั้น
>เราอาจกลายเป็นเครื่องมือแล้วทำลายชาติบ้านเมืองของเราเองโดยไม่
> > รู้สึกตัวก็เป็นได้
> >
> > แต่บทความวันนี้ก็จะยังคงจำกัดอยู่ที่มหันตภัยที่สิงคโปร์ได้ก่อขึ้น
>จะยังไม่กล่าวถึงบรรดาคนไทยบางพวกที่สุ
> > มหัวคบคิดบ่อนทำลายบ้านเมืองของตนเอง ทั้ง ๆ ที่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว
>และทั้งที่ได้รับผลประโยชน์
> > โดยตรง หรือโดยอ้อมก็ตาม
> >
> > คนไทยคงจะจำความหลังแต่ครั้งก่อนได้ว่า
>เมื่อครั้งที่โลกกำลังต้องการธาตุสำคัญคือแทนทาลัมนั้น มีการ
> >
>ดำริตั้งโรงงานแทนทาลั่มขึ้นในประเทศไทยเพื่อที่จะไม่ต้องส่งไปแปรรูปในสิงคโปร์
>หรือเพื่อไม่ต้องมีนาย
> > หน้าคนกลางจากสิงคโปร์คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่อไป
> >
> > ในครั้งนั้นก็มีคนไทยจำนวนหนึ่งรวมกลุ่มกันคัดค้าน
>และในที่สุดก็นำไปสู่เหตุการณ์เผาโรงงานแทนทาลั่ม
> > ซึ่งแม้ดูเพียงผิวเผินแล้วผู้ลงทุนจะเสียหาย
>แต่ความเสียหายจริงนั้นเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองของเราอย่างเต็ม
> > เปี่ยม
> >
> >
>ต่อมาก็มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนว่าผู้บงการและอยู่เบื้องหลังการเผาโรงงาน
>แทนทาลัมคือสิงคโปร์
> >
> > สิงคโปร์ไม่มีผลิตผลทางการเกษตรในประเทศแม้แต่อย่างเดียว
>ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้นำเข้าสินค้าเกษต
> > รจากประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่
>แต่แทนที่จะเปิดเผยต่อชาวโลกถึงแหล่งผลิตของสินค้าเกษตรเหล่านั้น
> > กลับตีตราอย่างหน้าตาเฉยว่าเป็นผลิตผลของสิงคโปร์
>ซึ่งทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าของผลิตผลไม่เป็น
> > ที่รู้จักต่อผู้บริโภค
>และเป็นการตัดสิทธิ์ตัดโอกาสในการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรเหล่านั้น
> >
> > ราคาผลิตผลของไทยถูกกดราคาและถูกบีบคั้นเพื่อให้ได้ราคาต่ำที่สุด
>ในขณะที่สิงคโปร์คนกลางแสวงหากำ
> > ไรสูงสุด ทั้งนี้เพราะเขาคุมตลาด คุมการขนส่ง คุมการเงิน
>และเป็นที่น่าเสียดายว่าหลายรัฐบาลที่ผ่านม
> > าหน้าโง่ ไม่ยอมทำความรู้ ไม่ยอมทำความเข้าใจ และไม่ยอมแก้ไขปัญหา
>ปล่อยให้ชาติบ้านเมืองถูกย่ำยี
> > ปล่อยให้เกษตรกรถูกกดขี่ข่มเหงธ
> >
> > เอาเฉพาะยางพาราเป็นตัวอย่างก็ได้ ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตยางพารามากที่สุด 1
>ใน 5 แห่งของ
> > โลก ควรที่จะกุมฐานะที่เป็นผู้กำหนดราคา
>แต่ที่ไหนได้เรากลับปล่อยให้เกษตรกรไทยถูกกดขี่ข่มเหงและข
> > ายผลิตผลได้ในราคาต่ำ
>ในขณะที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นคนกลางแสวงหาประโยชน์และกำไรมหาศาล จากหยาด
> > เหงื่อแรงงานของคนไทย
> >
> > ก็พึ่งได้รัฐบาลนี้นี่แหละที่แก้ไขปัญหานี้ตกไปอย่างถึงราก
>ตัดคนกลางที่เป็นพวกนักการเมืองที่เป็นนายทุน
> > นายหน้า และสิงคโปร์ออกไป
>ทำให้ชาวสวนยางไทยสามารถขายยางได้ในราคาสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
> > ราคายางที่เคยตกต่ำถึงกิโลกรัมละ 12 บาท และอย่างมากที่สุดก็ 29 บาท
>ได้มีราคาที่เป็นธรรมและ
> > เป็นราคาที่สูงสำหรับเกษตรกรชาวสวนยาง คือมีราคากว่า 40 บาท
>และปัจจุบันนี้ก็ร่วม 50 บาทแล้ว
> > ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางไทยค่อยเงยหน้าอ้าปากได้
> >
> > ประเทศชาติก็ไม่ต้องฉิบหายวายวอดไปกับระบบการรับจำนำยาง
>หรืออะไรต่อมิอะไรที่จะพยุงราคายาง
> > ซึ่งมีการทำมาหากินกันเป็นล่ำเป็นสันทุกยุคทุกสมัย
> >
> > ในด้านการท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกัน
>ประเทศไทยเป็นแหล่งอารยธรรมและวัฒนธรรมที่สำคัญแหล่งหนึ่งของ
> > เอเชีย
>ในขณะที่สิงคโปร์ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจของชาวต่างประเทศ
> >
> > แต่สิงคโปร์ก็ยังคงเหยียบหัวประเทศไทยและคนไทย
>ทำมาหากินในด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
> > ทุกแพกเกจทัวร์ที่เสนอต่อชาวโลกล้วนถือเอาสิงคโปร์เป็นศูนย์กลาง
>และถือดินแดนไทยราวกับว่าเป็นส่วน
> > หนึ่งของสิงคโปร์ โดยผนวกแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
>ของประเทศไทยเข้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของสิงคโปร์
> >
> > ก็ควรที่กระทรวงการต่างประเทศและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
>จะได้ติดตามพฤติกรรมและการกระ
> > ทำในลักษณะนี้เสียทีหนึ่ง
>เพื่อปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศไทยไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือใน
> > การทำมาหากินแบบนี้อีกต่อไป
> >
> >
>นอกจากนั้นสิงคโปร์ได้ใช้สื่อมวลชนของตนเองทั้งในประเทศและเครือข่ายที่อยู่ในปร
>ะเทศไทย คอยหยิบ
> > ฉวยเอาสิ่งที่ไม่ดีไม่งามของประเทศไทยเผยแพร่ต่อชาวโลกอย่างไม่ขาดสาย
>โดยมีเป้าหมายเพียงเพื่อ
> > ไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
>และให้นักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวแต่ในสิงคโปร์เท่า
> > นั้น
> >
> > พฤติกรรมการเสนอข่าวถูกจัดเป็นระบบและกลายเป็นเครื่องมือทำลายความน่าเชื่อถือ
>ความเจริญรุ่ง
> > เรือง และความอบอุ่นเบิกบานใจที่นักท่องเที่ยวจะพึงได้รับจากประเทศไทย
> >
> >
>ทุกข่าวคราวอาชญากรรมที่สื่อมวลชนไทยเสนอข่าวทั้งที่โดยรู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการ
>ณ์ก็จะถูกเครือข่ายสื่อมวล
> > ชนของสิงคโปร์ในประเทศไทย
>และสื่อมวลชนของสิงคโปร์ขยายข่าวนั้นออกไปสู่โลกกว้างอย่างรวดเร็ว
> >
> > มีการเสนอข่าวแบบนี้อย่างต่อเนื่องเป็นระบบและเป็นขบวนการ
>จนทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนป่าเถื่อน
> > โหดร้ายทารุณและเต็มไปด้วยอาชญากรรม
> >
> > ไฟไหม้ที่ไหนมีคนตาย
>เกิดอุบัติภัยที่ไหนมีคนเจ็บตายก็จะถูกขยายข่าวให้น่าตื่นตระหนกตกใจ
>ทำให้นักท่อง
> > เที่ยวเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นดินแดนที่ไม่มีความปลอดภัยเหลืออยู่เลย
> >
> > เกิดโรคร้ายอะไรขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นโรคฉี่หนู โรคเท้าเปื่อย
>หรือแม้ล่าสุดโรคไข้หวัดนก
> > สิงคโปร์ก็ได้ขยายข่าวความเสียหายของประเทศไทยอย่างเป็นระบบและเป็นขบวนการ
> >
> > เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
>เครือข่ายสื่อมวลชนของสิงคโปร์ก็แพร่ภาพและขย
> > ายข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง ราวกับว่าประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการก่อการร้าย
>ทำกันจนคล้ายกับ
> > ว่าประเทศไทยเหมือนกับเหตุการณ์ในเลบานอน
>สื่อมวลชนบางฉบับของสิงคโปร์ได้เสนอข่าวถึงขนาดว่าป
> > ระเทศไทยคือเลบานอนแห่งเอเชีย
> >
> > เช้าวันที่ 14 มีนาคม 2547
>สื่อมวลชนสิงคโปร์ก็เผยแพร่ข่าวไปทั่วโลกว่าท่าเรือแหลมฉบังของประเทศไ
> > ทยคือเป้าหมายการก่อวินาศกรรมของขบวนการก่อการร้ายสากล
>และได้มีการขยายข่าวนี้อย่างกว้างขวา
> > ง อย่างน่าจับตายิ่ง
> >
> > ผลก็คือในวันที่ 15 มีนาคม 2547 ตลาดหุ้นไทยร่วงกราวถึง 16 จุด
>และมีการเทขายหุ้นของต่างชาติใน
> > ประเทศไทยอย่างหนัก รวมทั้งมีการถอนการลงทุนบางส่วนออกไป
> >
> >
>มันเป็นพฤติกรรมอย่างเดียวกันกับที่สิงคโปร์ได้เป็นฐานในการโจมตีค่าเงินของประเ
>ทศไทยในปี 2540
> >
>และหลังจากนั้นก็ได้ร่วมกับนักการเมืองบางพรรคบางกลุ่มเข้ามาปล้นสะดมรุมทึ้งประ
>เทศไทยด้วยการซื้อกิ
> > จการธนาคารแบบแถมเงิน
>และซื้อรัฐวิสาหกิจตลอดจนกิจการขนาดใหญ่ของประเทศไทยในราคาที่ถูกกดจ
> > นต่ำถึงที่สุด
> >
> >
>การเปิดเผยข่าวต่อชาวโลกว่าประเทศไทยเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายได้กระทำอย่าง
>ต่อเนื่องมา
> > 2 เดือนแล้ว
>ซึ่งใครที่ไม่รู้ความจริงก็อาจเข้าใจไปได้ว่าสิงคโปร์มีความวิเศษวิโสในด้านการข
>่าว
> >
> >
>ก็อยากจะบอกไว้ด้วยว่าผู้รับผิดชอบความมั่นคงของสิงคโปร์โดยทั่วไปนั้นผ่านการศึ
>กษาอบรมจากประเทศไ
> > ทย
>ไม่ได้มีความวิเศษวิโสอะไรโดยเฉพาะด้านการข่าวก็ไม่ได้มีความรู้พิเศษหรือมีแหล่
>งพิเศษ หรือมี
> > เครือข่ายพิเศษแต่ประการใด
>แต่กลับตั้งสถาบันหนึ่งขึ้นมาชื่อว่าสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา หรือ ไอซี
> > ทำตัวเป็นนักพยากรณ์ผู้วิเศษ
> >
> >
>แล้วเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องว่าผลจากการวิจัยปรากฏว่าประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายของ
>การก่อการร้าย
> > เป็นการวิจัยแบบบ้าบอคอแตกที่สุดในโลก
>เพราะการจะเกิดการก่อการร้ายขึ้นหรือไม่ ต้องอาศัยการข่าว
> > ไม่ใช่อาศัยการวิจัยหรือการเดาแบบส่งเดช
> >
> > แต่สิงคโปร์ก็ถือเอาการวิจัยแบบบ้า ๆ
>นี้บ่อนทำลายประเทศไทยด้วยการระบุว่าขบวนการอัลกออิดะห์อาจ
> > โจมตีแหลมฉบังของประเทศไทย
>โดยการใช้เดอร์ตี้บอมบ์หรือใช้ระเบิดพ่วงอุปกรณ์กัมมันตภาพรังสี
> >
> > จะรู้ดีไปกว่าอเมริกาหรือ?
>เพราะเจ้านายของสิงคโปร์ประเทศนั้นก็ยังไม่มีขีดความสามารถที่จะกระทำไ
> > ด้ นี่ก็คือการบ่อนทำลายประเทศไทยอย่างหนึ่ง
> >
> > และไม่ใช่เพียงกระทำต่อประเทศไทยเท่านั้น ยังจงใจบ่อนทำลายประเทศมาเลเซีย
>อินโดนีเซีย
> > ฟิลิปปินส์ ในลักษณะเดียวกัน เช่น เมื่อเร็ว ๆ
>นี้ก็ได้ขยายข่าวเรื่องหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ของมาเลเซียและอิ
> > นโดนีเซียได้จับกุมผู้ก่อการร้ายได้
>และยอมรับว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ได้รับการฝึกจากกลุ่มโมโรในตอนใต้ข
> > องฟิลิปปินส์ เพื่อวางแผนจะทำระเบิดพลีชีพในอินโดนีเซีย
>และเดินทางเข้าไปซ่อนตัวในมาเลเซีย
> >
> >
>ว่าแล้วก็ตบท้ายเสียหน่อยหนึ่งเพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภ
>าคใต้ว่าขบวนการก่อก
> > ารร้ายดังกล่าวนี้มีชื่อว่ากลุ่มรีพลับลิกเบอร์ซาตูอินโดนีเซีย
> >
> > เป็นกระบวนท่าเดียวบ่อนทำลายถึง 4 ประเทศ
>และช่างสอดคล้องกันเหลือเกินกับการยัดเยียดนามเบอร์
> > ซาตูให้กับคนไทยเพื่อให้พี่น้องมุสลิมไทยต่อสู้ต่อต้านรัฐบาลไทย
>และทำให้รัฐบาลไทยปราบปรามพี่น้องมุสลิ
> > ม
> >
> >
>จึงถึงเวลาที่สื่อมวลชนไทยทั้งประเทศและคนไทยทั้งประเทศจะได้ตระหนักว่าเรากำลัง
>เผชิญภัยที่กำลังทำ
> > ลายบ้านเมืองของเราอย่างเลือดเย็นและอำมหิต
>และช่วยกันคิดอ่านเถิดว่าจะทำประการใดกับนักบ่อนทำ
> > ลายชาติของเรารายนี้
> >
> > สิงค์โปร์ กลัวที่สุดก็คือกลัวว่าไทยจักขุดคอคอดกระ เพราะว่าขุดเมื่อไหร่
>สิงค์โปร์ ก็แจ๊งซิครับ ดังนั้นทุก
> > ๆ รัฐบาลของไทยเท่าที่ผ่านมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
>เมื่อพูดถึงการขุดคอคอดกระทีไร ไม่นานนักเรื่อง
> > ก็จักเงียบซาลง โครงการถูกเก็บเข้าซุกลิ้นชักมานานนับเป็นศตวรรษ
>ผมไม่รู้ว่าคนไทยอยู่ใต้อิทธิพลอะไร
> > ของ สิงค์โปร์ มีนักการเมืองบางคนไปงาบเงินถูกเขาอุดปากหรือเปล่า
> > เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประเทศจีนอยากให้ประเทศไทยขุดคอคอดกระ
>เพื่อลดต้นทุนและความแออัดยัดเยียดของช่
> > งแคบ มะละกา หากไทยคิดขุดคอคอดกระ ไปขอ จีนมาขุดให้ฟรี ๆ เขาก็ยอม
>ทั้งนี้เพราะเขาศึกษา
> > มานานแล้วว่า ถ้าหากช่องแคบ มะละกา
>ถูกลัทธิก่อการร้ายบอมม์เรือเดิยสมุทรเพียงลำสองลำ ช่องแคบ
> > มะละกา ก็จักใช้ไม่ได้ จึ่งสร้างความเสียหายให้แก่การเศรษฐกิจของ จีน
>อย่างมหาศาล ไม่ว่าการขน
> > ส่งน้ำมันหรือการค้าส่งสินค้าไปยัง จีนอย
> > ดั่งนั้น ผมไม่อยากกล่าวหา สิงค์โปร์ เท่าไหร่ว่า เหตุการณ์ทางภาคใต้ 3
>จังหวัดของไทย สิงค์โปร์ มี
> > ส่วนอย่างลับ ๆ ด้วยหรือไม่ เพราะถ้าทำให้รัฐบาลไทยปั่นป่วนเมื่อไหร่
>การร่วมมือกับ จีน ในการขุดคอ
> > คอดกระก็จัดเลื่อนช้าไป
> > อนึ่ง ไม่ว่าสินค้าการเกษตร สินค้าน้ำมัน ทำไมต้องไปตกอยู่ในกำมือของเขาหมด
>ตลาดคอมมอร์ลิตี้ ซื้อ
> > ขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าต้องตกอยู่ในอิทธิพลของ สิงค์โปร์
>ผมอยากภาวนาให้รัฐบาล ทักษิน เห็นความ
> > จริงข้อนี้ ทำไมประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศราช มีอาณาประชาธิปไตรของตนเอง
>แต่กลับต้องทำตัวดั่ง
> > เป็นเมืองขึ้นของ สิงค์โปร์ม
> > พัชรัตน์
> >
> >
>ความเป็นจริงชาวสิงค์โปร์เขาก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมและโอกาสในการฉกฉวยผลประโยชน์กับป
>ระเทศเพื่อนบ้าน
> >
>มาตลอดเพื่อความอยู่รอดสำหรับเขาประเทศที่มีพื้นที่ได้เปรียบทางภูมิศาสตร์การขน
>ส่ง จนประสบความ
> > สำเร็จในการทำให้เป็นชาติที่มีความเจริญสูง และค่าครองชีพสูง
>คนในชาติจึงหยิ่งผยองและดูถูก คน
> > เอเซียด้วยกัน อย่างร้ายกาจ ทั้งคนไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ที่ไปทำงานที่นั่น
>หรือต่างชาติในเอเซียมัก
> > จะถูกเหยียดหยามว่าเป็นชาติด้อยพัฒนาทั้งความคิดความเจริญ
>และน้อยนักที่จะยอมรับความคิดเห็นจากชา
> > วไทย และชอบกดขี่หญิงไทย ที่มองว่ามักเป็นสิ่งที่ซื้อขายได
> > ้ไม่จำกัดว่าเป็น นักศึกษา คนทำงาน หรือระดับใด
>หากคนไทยไม่รักชาติไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวแต่แสดง
> > ความสามารถในการรักษาผลประโยชน์ของคนในชาติ ให้มากกว่านี้
>เขาก็คงจะให้เกียรติเรามากขึ้นและ
> >
>ให้ความสำคัญต่อประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นการก่อประโยชน์กับเขาต่อและเราไปในอนาคต
> > พูดจริงัด
> >
> >


Posted by : คนไทย , Date : 2004-04-09 , Time : 21:01:46 , From IP : 172.29.2.185

ความคิดเห็นที่ : 1


   ใช่แล้ว

Posted by : ...กำ , Date : 2004-04-12 , Time : 01:42:06 , From IP : 203.113.76.12

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<