ส่วนผมเรียน ศัลย์ก่อน น่ะจะมันดีน่ะ แต่ว่าเราอ่านการ์ตูนอยู่เลยง่ะ คิดว่า......กำไรไว้ก่อนน่ะ Posted by : เด็กจุดจุด med29 , Date : 2004-04-03 , Time : 11:43:28 , From IP : 172.29.2.163 |
Med ก่อนเหมือนกันครับ Posted by : ลิงน้อยก้นแดง , Date : 2004-04-03 , Time : 14:10:29 , From IP : 202.44.8.114 |
ไม่ต้องคิดมากหรอก เครียดเปล่า ๆ เด๋วก้อปรับตัวได้เองแหละครับ Posted by : F#m , Date : 2004-04-04 , Time : 20:43:42 , From IP : 172.29.2.127 |
ขอใช้สิทธิ์พาดพิง (ก็เราอยู่ชั้น clinic นี่น้า) ตอบคำถามน้องนะคะ เอาเรื่องหนังสือก่อนละกัน อันนี้พี่ก็แนะนำได้เท่าที่พี่เคยอ่านนะคะ (คือว่าพี่เป็นคนที่อ่านหนังสือไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ค่ะ) ก็น้องๆก็ไปเปิดดูหลายๆเล่มที่เค้าขายแล้วกันนะคะ บางทีเล่มที่พี่แนะนำอาจจะไม่ถูกใจน้อง หรือว่ามีเล่มอื่นที่พี่ไม่ได้อ่านเขียนดีกว่าเล่มที่พี่แนะนำก็ได้นะ ^_^ ศัลย์ - เล่ม basic ก็ชาญวิทย์เล่มเขียวใหญ่ๆน่ะค่ะ ของจุฬาฯ อ่านง่ายดีค่ะ ภาษาไทย เนื้อหาครอบคลุมใช้ได้ค่ะ, ส่วน standard textbook (ขอสารภาพว่าพี่สะกดชื่อมันไม่ถูกค่ะ :-p) ก็คิดว่ายืมเอาจากห้องสมุดก็ได้ค่ะ, Washington Surgery Handbook เล่มเขียวๆ ก็ดีเหมือนกันนะคะ อ่านง่ายดีค่ะ เป็นภาษาอังกฤษ แต่คิดว่าเข้าใจง่ายดี สรุปเนื้อหาได้ดีค่ะ, Surgical recall อันนี้พี่ก็ว่าดีเหมือนกัน อ่านง่าย เปิดง่าย ลักษณะเป็นคำถาม - คำตอบค่ะ Med - basic ก็คงเป็นตำราอายุฯ จุฬาฯ 4 เล่มค่ะ เนื้อหาครอบคลุมใช้ได้ และที่สำคัญ เป็นภาษาไทย อิอิ :-), standard textbook ก็ Harrison ถ้าน้องเป็นคนที่ชอบอ่าน textbook พี่ก็ว่าเล่มนี้ดีนะคะ มีเอาไว้ได้ประโยชน์แน่นอน ราคาก็ 2000+ นะคะ ไม่แน่ใจว่าบวกกี่ร้อย ถึงน้องเป็นคนที่ไม่ชอบอ่าน textbook เล่มนี้ก็ดีอยู่ดีล่ะค่ะ :-) แต่ในห้องสมุดก็มีให้ยืมค่ะ ถ้าเราอ่านไม่บ่อยเท่าไหร่ อาจไม่คุ้มที่จะซื้อไว้เป็นของตัวเอง, Cardio Lecture ของมอ.เราเองก็ดีนะคะ ราคาก็ไม่แพง รู้สึกจะ 150 บาทมั้ง เนื้อหาครอบคลุม cardiovascular system ได้เยอะค่ะ, Evidence-based Clinical Practice Guideline 2546 ของจุฬาฯ (มันชื่อเต็มๆว่างี้รึป่าวพี่ก็ไม่แน่ใจ) เอาเป็นว่าเล่มม่วงๆละกัน เล่มนี้ก็ดีค่ะ update ดีค่ะ มีแนวทางการรักษาโรคที่พบได้บ่อยหลายโรคเหมือนกัน, Washington Handbook ของ Med ก็ดีค่ะ แต่สำหรับปี 4 อาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะว่าเล่มนี้จะเน้นการรักษาซะเยอะมากกว่า เรื่อง Natural History ของโรค หรือการ Diagnosis ไม่ค่อยละเอียดค่ะ, เฮ้อ ... เริ่มเหนื่อยละ หนังสือ Med มันมีเยอะจริงๆค่ะ ที่ spec ลงไปในแต่ละหน่วยเนี่ยน้องก็ลองเลือกๆดูเอาเองละกันนะคะ อย่าลืมแวะไปดูหนังสือที่ภาควิชาฯ ชั้น 12 ด้วยนะคะ มีหลายเล่มที่น่าสนใจค่ะ ของอาจารย์เราเองด้วย ราคาก็ไม่แพงค่ะ เอาเป็นว่าพี่แนะนำน้องเรื่องหนังสือแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ ^_^ Posted by : .. , E-mail : (AvaRi) , Date : 2004-04-06 , Time : 10:42:41 , From IP : 172.29.4.178 |
ส่วนเรื่องการเรียนในชั้น clinic เนี่ย พี่ว่าแตกต่างจากการเรียนชั้น Pre-clinic เยอะเหมือนกันค่ะ ที่แน่ๆคือ ต้องใช้ "ความรับผิดชอบของตัวเอง" สูงมาก เราจะต้องรับผิดชอบตัวเองให้ตื่นเช้าทุกวัน เพื่อที่จะได้ไป round คนไข้ที่เรารับผิดชอบก่อน เรื่องของการอ่านหนังสือ ก็ต้องอ่านสะสมเรื่อยๆ จะมาโหมอ่านเอาแค่ไม่กี่วันก่อนสอบ (เหมือนตอนพี่ทำตอน Pre-clinic) ไม่มีทางทันแน่นอนค่ะ แล้วอีกอย่างเวลาเราเจอคนไข้ของเรา เค้าเป็นโรคอะไร ก็ควรจะกลับมาอ่านหนังสือในเรื่องนั้นๆด้วย จะทำให้เราดูคนไข้ของเรารู้เรื่องขึ้นเยอะค่ะ อย่างพี่เนี่ย มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ค่อยอ่าน ค่อยอ่าน จนสุดท้ายก็ไม่ได้อ่านประจำ เสียดายค่ะ เรื่องขึ้น ward ไหนก่อนกันเนี่ย พี่ว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขึ้นอะไรก่อนก็ได้ทั้งนั้น พี่เองยังออก selective ก่อนเพื่อนเลย ไปหัวเปล่ามากๆ ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่ว่าขึ้น Med หรือ ศัลย์ หรือ commed หรือ selective ก่อน สุดท้ายแล้วจบปลายปี 4 ก็มีความรู้เท่าๆกันค่ะ ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ถ้าน้องตั้งใจเรียนนะ ส่วนเรื่องว่าจะต้องปฏิบัติตัวยังงัยเนี่ยก็รวมๆคือ น้องต้องตั้งใจและรับผิดชอบค่ะ ที่พี่คิดว่าสำคัญมากๆกับการเรียนชั้น clinic ส่วนเรื่องพี่ๆบน ward หรือเรื่องอาจารย์ ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ คนแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ อาจจะไม่มีใครถูกใจเราทั้งหมด เราเองก็ไม่มีทางถูกใจทุกคนได้ทั้งหมด คนที่เราชอบ คนอื่นอาจไม่ชอบ ส่วนเราเองก็ต้องมีทั้งคนที่ชอบเรา และคนที่ไม่ชอบเราใช่มั้ยคะ พี่ว่าก็อย่าไป serious กับเรื่องนี้เลยค่ะ แต่โดยรวมแล้ว พี่ๆบน ward ทุกคน รวมทั้งอาจารย์ก็หวังดีกับเราทั้งนั้นค่ะ วิธีการสอนของแต่ละคนอาจจะมี style ที่ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนก็อยากให้เราดูแลรักษาคนไข้ให้ได้ เพื่อให้จบไปเป็นหมอที่มีคุณภาพในอนาคตทั้งนั้นล่ะค่ะ อ้อ แอบขู่ไว้หน่อย เรียนชั้น clinic หนักและเหนื่อยนะคะ น้องๆเตรียมใจรับการเปลี่ยนแปลงไว้หน่อยก็ดีนะคะ เวลาเจอเข้าจริงๆจะได้ไม่ตกใจว่า ทำไมมันช่างแตกต่างกับที่เราเรียนตอน Pre-clinic ซะเหลือเกิน พอตกใจมากๆเข้า เดี๋ยวจะพาลท้อไปซะอีก เนอะ สรุปก็ ยินดีต้อนรับน้องๆขึ้นชั้น clinic นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ปี 5 เค้าคงจัดงานช่วยแนะนำให้น้องๆอีกทีละมั้ง สู้เค้าน้า Posted by : .. , E-mail : (AvaRi) , Date : 2004-04-06 , Time : 11:17:13 , From IP : 172.29.4.178 |
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำที่ดีๆ ขอให้ความดีที่พี่มอบให้จงตอบแทนแด่พี่ด้วยนะคะ Posted by : a_natomy , Date : 2004-04-06 , Time : 23:08:42 , From IP : 202.129.48.162 |
มีคนออกความเห็นเรื่องหนังสือกับการเรียนในชั้นคลินิคกันเยอะแล้ว พี่เป็นคนหนึ่งที่กำลังเรียนชั้นคลินิคอยู่ ขอแนะนำน้อง ๆ เรื่องการวางตัวที่ดีใน ward ก็แล้วกันค่ะ อันดับแรกคืออาจารย์ ก็ไม่ต่างจากชั้นพรีคลินิคนัก...น้องก็ยังต้องให้ความเคารพเหมือนเดิม จะต่างจากเดิมก็คือน้องจะcontactกับอาจารย์มากขึ้น โดนอาจารย์ถามมากขึ้น แต่ถ้าน้องขยันอ่านหนังสือกับดูแลผู้ป่วยก็คงไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาก็พี่หมอกับรุ่นพี่ที่อยู่ชั้นคลินิค...น้องก็ควรให้ความเคารพบ้างแม้ความอาวุโสจะต่างกันไม่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นทางการมากเหมือนอาจารย์ น้องควรจะทำตัวเป็นน้องที่น่ารักให้มาก ๆ เพราะพี่ ๆ คือคนที่จะสอนน้องในหลาย ๆ เรื่อง ถ้าน้องทำตัวไม่น่ารัก น้องก็จะแย่เองเพราะพี่ ๆ อาจจะไม่สอนอะไรเลยก็ได้ สำหรับพยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ก็ควรจะพูดคุยกับเค้าดี ๆ เพราะเค้าคือบุคคลที่ช่วยทำให้งานของเราราบรื่นขึ้นมาก ที่สำคัญที่สุดคือผู้ป่วย น้องควรพูดจากับเค้าดี ๆ ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ ไม่ใช่ว่าอาจารย์ให้ซักประวัติหรือตรวจร่างกาย เราก็มุ่งแต่จะเอาข้อมูลโดยไม่รู้สึกเลยว่าเค้าเหนื่อยแล้วหรือเค้าไม่สะดวก ถ้าน้อง ๆ ทำได้ก็คงไม่มีปัญหาในการอยู่wardและทุก ๆ คนที่wardก็จะรักและช่วยเหลือน้องทุกอย่างเอง ขอให้น้อง ๆ มีความสุขกับการอยู่wardนะ Posted by : apricot , E-mail : (-) , Date : 2004-04-23 , Time : 17:19:34 , From IP : 172.29.2.193 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<< |