การเปรียบเทียบกระดานข่าวกับ "ร้านกาแฟ" (หรือผมชอบ "สภากาแฟ" มากกว่า) นั้น ค่อนข้างตรง และเราน่าจะสามารถคาดได้ว่าการสนทนาในร้านกาแฟอย่างที่ว่านั้นก็จะมี "ขอบเขต" ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นคล้ายๆกัน
ถ้าร้านกาแฟนั้นๆมีสมาชิกเป็นคนในซอย หรือคนในหมู่บ้านจัดสรรเดียวกัน ผองเพื่อนคงจะไม่คิดใช่ไหมครับว่าสิ่งสรุปหรือข้อมูลต่างๆที่ว่ากันนั้นจะไปลงเอยที่กฤษฎีกาหรือพระราชบัญญัติ เราคงจะไม่คิดใช่ไหมครับว่าเวลาพูด "คนส่วนใหญ่คิดว่า..." นั้นหมายถึง randomized-controlled trial แต่มักจะเป็นที่คนพูดคิดเองว่าคนส่วนใหญ่คิดยังไง ยิ่งเป็นร้านกาแฟแบบข้าง superhighway ข้อมูลยิ่งหลากหลาย และเราอาจจะต้องใช้วิจารณญานกลั่นกรองหลายชั้น แหวก evidence base level ต่างๆตั้งแต่ rumour taboo legend gossip, etc ก่อนที่จะรับไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนความคิดของตน
ถามว่าสภากาแฟจะสามารถทำให้เรื่องราวที่คุยกันมีน้ำหนัก หรือมีนัยสำคัญเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ อย่างไร คำตอบคือใช่แน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับ "วิธี" การที่สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ขึ้นอยู่กับที่มาของ "ข้อมูล" ที่เป็นพื้นฐานการวิเคราะห์ สิ่งเหล่านี้มีส่วนต่อ "ความน่าเชื่อถือ" ของประเด็นที่กำลังถกกันอยู่ ถ้าเรื่องที่ถก เป็นเรื่องนมคุณลูกเกด (หรือถ้าจะให้ทันสมัย เดี๋ยวนี้เธอเปลี่ยนไปโชว์ "ก้น" แทนแล้วนะครับ คุณ Shinigega) เรื่องคุณปุ๊กกี้ถูกทุบ ระดับความจริงจังและความมีนัยสำคัญของสภานั้นๆก็จะ reflect ตามสิ่งที่ดำเนินอยู่ในขณะนั้น
ในยุคสมัยที่ที่บางที่ระบบประชาธิปไตยได้ "พัฒนาแล้ว" ระดับหนึ่ง เสียงจากสภากาแฟก็สามารถมีน้ำหนักมากอย่างมีนัยสำคัญ สภากาแฟเหล่านี้จะถูกเรียกใหม่โดย political party ว่าเป็น "focus group" ที่ถือว่าเป็นการหยั่งเสียงที่แม่นยำว่า "voters" ต้องการอะไร นักการเมืองจะได้ช่วย (หรือว่าสัญญาว่าจะช่วย) ได้ตรงตามความต้องการ focus group ที่มีอำนาจทางการเมืองชัดเจนและเติบโตมาโดยวิธีนี้ได้แก่ animal-right activists, gay-right activists, anti-smoking lobbyists, anti-GM food lobbyists เป็นต้น แต่ที่ทำได้นั้นเป็นเพราะพวกนี้สามารถแยกตัวเองออกมาจากกลุ่มวางระเบิดบ้านนักวิทยาศาสตร์ กลุ่มมาดีกราส์ที่แต่งตัวประหลาดจนคนไม่แน่ใจในความสามารถการตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ จากกลุ่มที่แต่งตัวแบบมนุษย์อากาศเพื่อเดินเข้าไปในฟาร์ม GM ซะก่อนนะครับ มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นปาหี่ ไม่ใช่ focus group และกลุ่มปาหี่นั้นอย่างมากที่จะดึงดูดคนมาร่วมก็จะไม่ได้พวกที่เป็นผู้บริหาร แต่จะเป็นพวกที่ชอบปาหี่ ชอบตลกตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก สิ่งเหล่านี้จะลดความน่าเชื่อถือลง ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด หากวัตถุประสงค์ของเราไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่เป้นแค่ต้องการมาฝึกสำนวนสวิงสวาย ใครจะประชดประชัน กระแนะกระแหน อุปมาอุปมัยได้เลอเลิศถึงใจ ถึงถุงน้ำดี ตับอ่อน ได้มากกว่ากัน ก็สนุกดี
Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-28 , Time : 18:10:09 , From IP : 172.29.3.247
|