ความคิดเห็นทั้งหมด : 79

เบื้องบน(ฝ่ายบริการ)โปรดเห็นใจน้องๆระดับปฎิบัติการ


   ทุกวันนี้การทำงานก็เหนื่อยกายแต่ยังรับไหวแต่เหนื่อยใจกับเบื้องบนรู้สึกท้อแท้ไม่มีขวัญและกำลังใจในการทำงานเนื่องจากระดับบนมัวสนใจแต่ผลงานของตัวเองไม่สนใจความรู้สึกของน้องๆที่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว ลดอัตรากำลังแต่ต้องการให้เกิดการบริการที่เป็นเลิศแล้วหนูจะเอาแรงที่ไหนสู้ได้ค่ะเวรๆก็วิ่งกันหัวฟูหน้าตาก็จะให้ประทินโฉมแล้วหนูจะเอาเวลาที่ไหนมาแต่งแต้มให้หน้าแฉล้มคนไข้ใส่TUBEกันเป็นว่าเล่นคนก็ไม่มีหมอก็จะเอาโน่นเอานี่เสิรฟกันไม่ทันแล้วจะเอาคุณภาพมาจากไหนค่ะถ้าอยากจะมีการพัฒนาจริงๆก็น่าจะลองเปลี่ยนทีมบริงานของฝ่ายบริการกันบ้างเช่น ให้มีการเลือกตั้งทีมบริหารเป็นวาระ4ปีเพื่อมีการพัฒนา มีนโยบายที่ชัดเจนและน้องๆสมาชิกพยาบาลได้มีส่วนร่วมในการเลือกผู้นำที่มีศักยภาพที่ดีเข้าใจจิตใจในวิชาชีพเดียวกันมากขึ้น

Posted by : zolo , E-mail : (zolo9@hotmail.com) ,
Date : 2004-03-21 , Time : 23:27:53 , From IP : 172.29.1.176


ความคิดเห็นที่ : 1


   เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องการปลดอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ ค่าเวรก็ไม่ขึ้นให้มาเป็นปีๆ งานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่างานราษฎร์ งานหลวง เห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารของฝ่ายบริการพยาบาล


Posted by : swing , E-mail : (swing@sanook.com) ,
Date : 2004-03-21 , Time : 23:47:32 , From IP : 172.29.1.176


ความคิดเห็นที่ : 2


   ทั้งงานคุณภาพ(วิชาการ เอกสาร) งานบริการ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี หรือทำให้ดีได้อย่างไร ทำหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งระดับปฏิบัติการและบริหาร งานคุณภาพโดยเฉพาะพวกเอกสาร ...วิชาการต่างๆ ...ฝ่ายส่งพยาบาลศึกษาระดับป.โท ตั้งมากมาย รวมทั้งพวกที่จบป.โทมาทั้งหลาย ทำไมฝ่ายไม่คิดจะใช้งานทางด้านนี้แทนทำให้เต็มที่ไปเลย ลดงานปฏิบัติการลงก็ได้ วิจงวิจัย อุตส่าห์ไปเรียนมา...ไม่ใช่จบมาก็อยู่ward ที่สำคัญอยู่ward พิเศษ อีก ถามว่าความรู้ที่ได้เรียนรู้มา เอามาใช้มัย???? รองระดมกลุ่มคนพวกนี้ทำงานคุณภาพดูซิน่าจะwork นะ(Put the right man in the right job) แต่ในความเป็นจริง งานเหล่านี้ ฝ่ายส่งมาให้พวกเรา พวกอยู่เวร เช้า-บ่าย-ดึก นี่แหละ บางward ประชุม 2-3 ครั้ง/เดือน แต่งานไม่เดินเลย ฝ่ายการฯและหัวหน้าก็ตามงานอยู่นั้นแหละ ยิ่งถ้าเป็นward ที่หนัก ลงเวรมาก็เหนื่อย จะเอาเวลาไหนมานั่งทำงานเอกสาร แต่ถ้าที่ไหนทำได้ก็ยินดี และชื่นชมด้วย


Posted by : ขอบ่นด้วยคน , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-22 , Time : 00:42:40 , From IP : 172.29.1.196


ความคิดเห็นที่ : 3


   เห็นด้วยคน....ฝ่ายทำแล้วส่งมาให้พวดเราใช้น่าจะดีกว่านะคะ

Posted by : nurse , E-mail : (123@hotmail.com) ,
Date : 2004-03-22 , Time : 00:53:25 , From IP : 172.29.1.196


ความคิดเห็นที่ : 4


   เห็นด้วยกับการปรับระบบฝ่ายบริหาร เบื้องต้นคงไม่ต้องถึงกับให้มีการเลือกตั้งหรอก ขอแค่ให้มีวาระคราวละ 3ปี อยู่ได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน

Posted by : คนร่วมคิด , Date : 2004-03-22 , Time : 08:03:47 , From IP : 172.29.3.135

ความคิดเห็นที่ : 5


    เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเลือกฝ่ายบริหาร ผ.ต.ก ทุกๆท่านควรจะมาจากการเลือก
ตั้งโดยเจ้าหน้าที่ทุกระดับของฝ่ายการทุกๆ4ปี เพื่อหาผู้บริหารที่เข้าใจ เห็นใจผู้
ปฏิบัติงาน ไม่ใช่สักแต่บอกว่าพี่เข้าใจน้องๆ แต่การกระทำตรงกันข้าม เห็นระดับ
ปฏิบัติงานวิ่งกันหัวฟู เดี๋ยวใส่tubeเดี๋ยงpumpคนก็ถูกปลดไปแล้วเพราะผู้ใหญ่
เค้าบอกว่าคนไข้มีไม่ถึงเกณฑ์ ทั้งๆที่ขณะช่วงนั้นอาจadmitเมื่อไหร่ก็ได้ งานก็
ต้องคุณภาพ คนไข้เรียกต้องรีบไปให้ถึงเร็วๆ คนก็น้อย แล้วจะให้คนทำงานมีกำลัง
ใจอย่างไรได้ไม่เข้าใจผู้บริหารของเราเลย ปากอย่างใจอย่าง
คนไข้ก็หนัก ทำงานก็หนัก หนักใจทั้งคนไข้ ทั้งญาติที่อยากได้บริการที่เป็นเลิศ
ทันใจ แต่เราทำให้ไม่ทันใจ (ก็เรียกพร้อมๆกันแล้วจะให้ทันได้อย่างไร)ผู้บริหารก็
ไม่เข้าใจ สั่งแต่ให้เราทำให้ได้ เราต้องเป็นเลิศ เราต้องมีคุณภาพ ต้องสวย ต้อง
แต่งหน้าให้งามเข้าไว้ เวลาจะเดินจะยืนก็ต้องเอียงองศาให้สวย ทั้งๆความจริงในเวรวิ่งกันเหงื่อไหลไคลย้อย ไม่มีเวลามานั่งซับเหงื่อ ! วันไหนพอจะได้นั่งมั่ง คำสั่งมาแล้ว "น้องไปช่วยwardโน้นหน่อย พี่ปลดคนไปแล้ว พอดีเค้ายุ่งขึ้นมา"
และอีกหลายๆอย่างที่อยากจะบอกความในใจ...อย่างจริงใจ...


Posted by : จริงใจ , Date : 2004-03-22 , Time : 16:49:57 , From IP : 172.29.3.248

ความคิดเห็นที่ : 6


   ขอบ่นหน่อยค่ะอึดอัดใจมากกับพี่ผตก ทั้งหลาย โดยเฉพาะ จุดๆๆๆๆๆ.....
ปากว่าเข้าใจน้องๆแต่ความจริงตรงกันข้าม ทำร้ายจิตใจน้องๆให้แต่งหน้าทาปาก
ใส่ส้นสูง เอาใจคนไข้ ยิ้มเข้าไว้(ในใจอยากจะตับคนไข้) อบรมบุคลิกภาพแน่ใจเหรอค่ะว่าคิดก่อนทำแล้ว


Posted by : น้อง(ลาย)จุด , Date : 2004-03-22 , Time : 20:04:13 , From IP : 172.29.1.176

ความคิดเห็นที่ : 7


   เห็นด้วยกับการเลือกตั้งทีมบริหารของฝ่าย เผื่อบางทีจะได้มีแนวคิดใหม่ๆเกิดขึ้นบ้าง การมุ่งเน้นให้การบริการและวิชาการเป็นเลิศเป็นสิ่งที่ดีคะ แต่ฝ่ายระดับเบื้องบนก็น่าจะดูภาระงานของพวกน้องๆมดงานอย่างพวกหนูบ้าง สองแขนทำงาน สองขาก็ต้องวิ่ง(ทำงาน) สมองก็ต้องคิด พวกมดงานอย่างหนูต้องทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน เหนื่อยคะ. อยากให้ทีมบริหารลองมาขึ้นเวร เช้า-บ่าย-ดึกอย่างพวกหนู แล้วทำงานวิชาการไปด้วยพร้อมๆกันด้วย น่าจะลองดูนะคะ เผื่อมดงานอย่างหนูจะได้เห็นแนวทางจากพี่ๆ ที่จะนำไปเป็นแบบอย่างในการทำงานให้เป็นเลิศทุกทางได้.


Posted by : มดงาน , Date : 2004-03-23 , Time : 02:25:08 , From IP : 172.29.1.196

ความคิดเห็นที่ : 8


    เห็นด้วยกับทุกท่าน คนทุุ่มเทอย่างเราๆเป็นพวกปิดทองหลังพระ พยาบาลแบ่งเป็น 3กลุ่ม 1.ดูแลคนไข้30%ทำเอกสาร70%พวกท่านชอบมีผลงานชัดเจนเเต่ดูแลคนไข้ดีนิดหนอ่ย ขั้นได้เกือบทุกปีเพราะผลงานชัด 2.ดูคนไข้ 70% ทำเอกสาร30%พวกท่านไม่ชอบไม่มีผลงานแต่คนไข้รัก นานๆได้ขั้นน่าสงสารจิตใจกำลังห่อเหี่ยว 3.ขออยู่ไปวันๆใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างพวกนี้จากกลุ่ม2เปลี่ยนเป็นกลุ่ม3 ปลงกับชีวิต เมื่อท่านอ่านเจอกะทู้นี้ท่านต้องใจกว้างรับฟังเสียงข้างในของพวกเรา มันอาจไม่มีอะไรดีขึ้นแค่วิสัยทัศน์ต่างกันแต่ลดลดความเครียดความอึดอัดลง เมื่อได้ระบาย มีอะไรอีกมากมายที่ท่านกับพวกเรามองคนละมุมจนทำให้ทำงานอย่างหุ่นยนต์

Posted by : ทุ่มเท , Date : 2004-03-23 , Time : 16:00:24 , From IP : 172.29.3.241

ความคิดเห็นที่ : 9


   เห็นใจน้องๆพยาบาลระดับปฏิบัติการโดยเฉพาะคนที่ตั้งใจทำงานบริการ (ซึ่งเราคิดว่าส่วนใหญ่ยังเป็นแบบนั้น) เราก็รู้สึกว่าผู้บริหารฝ่ายของคุณเห็นแก่ตังเองและพวกพ้องมากไป การที่คุณออกมาส่งเสียงกันบ้างก็คงเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงกว่าเห็นปัญหา burn out ในกลุ่มพยาบาลบ้าง เพราะเราคิดว่าผู้บริหารระดับสูงกว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ใจร้ายกับพวกคุณเลย คนที่ทำร้ายพวกคุณคือพวกคุณกันเองในเกือบทุกเรื่อง ใช่..พวกคุณคือมดงาน..มีความสำคัญไม่แพ้ นางพญามดนะ ถ้าคุณไม่ช่วย นางพญามดก็ตายได้เหมือนกัน แล้สคุณจะกลัวอะไรอยู่ล่ะ...สู้ สู้หน่อย
เห็นด้วยว่าการตั้งผู้บริหาร เช่นหัวหน้าฝ่ายฯ ผู้ตรวจการฯ หัวหน้าตึก น่าจะต้องมีการเลือกตั้ง ให้ดูจากผลงาน แสดงวิสัยทัศน์เลย และมีอายุในตำแหน่ง เช่นถ้าเก่งวิจัยก็จะได้มาเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำน้องในการทำวิจัย ถ้าเก่งการจัดการก็จะได้เป็นที่ปรึกษาในปัญหาที่น้องๆจัดการไม่ได้แล้ว ฯลฯ จริงมั้ย ไม่ใช่มาสั่งๆแต่ทำเองไม่เป็นอะไรทำนองนั้น

ขอเอาใจช่วยให้สิ่งที่ระดับปฏิบัติการหวังเป็นจริงเร็วๆนะ


Posted by : คนใกล้พยาบาลฝ่ายบริการฯ , Date : 2004-03-23 , Time : 16:41:03 , From IP : 172.29.3.161

ความคิดเห็นที่ : 10


   เห็นด้วยกับทุกๆคน ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน ผู้บริหารไม่เคยสนใจ สักแต่ว่าขอให้ตัวเองเอาผลงานของระดับปฏิบัติมาเป็นผลงานของตนเองแล้วเสนอเบื้องบน ได้เลื่อนขั้น ขอแค่นี้ก็พอใจแล้ว ส่วนพวกเราทั้งหลายทำงานเหนื่อยแค่ไหนก้ช่าง..
แล้วทุกคนรู้หรือปล่าวว่า การที่มี นศ.พยาบาลขึ้นWard นั้น หัวหน้าward ทั้งหลายได้ Credit ในการต่อใบประกอบฯด้วยในฐานะเป็นอาจารย์พี่เลี้ยง ซึ่งใความเป็นจริงแล้ว ท่านหัวหน้าทั้งหลายอยู่ที่ไหน( ไม่บอกก็คงจะรู้ 1.ห้องประชุมฝ่าย 2. ห้องของตนเองทำผลงานของตัวเอง 3. มัวแต่ด่าคนอื่นว่าทำงานไม่ดีไม่ได้มาตรฐาน) คนที่สอนจริงๆก็คือพวกเราทั้งหลาย นี่ก็คือความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดมากกกกกกก.....
สุดท้าบขอให้กำลังใจกับระดับปฏิบัติการทุกคนด้วยค่ะ


Posted by : think , Date : 2004-03-23 , Time : 18:10:12 , From IP : 172.29.1.133

ความคิดเห็นที่ : 11


   ให้คิดดูให้ดี พี่ๆเขาสู้มาเพื่อพวกเรามามาก เราอาจจะมองไม่เห็น

Posted by : เดินสายกลาง , E-mail : (กด) ,
Date : 2004-03-23 , Time : 22:09:00 , From IP : 172.29.3.249


ความคิดเห็นที่ : 12


   ให้คิดดูให้ดี พี่ๆเขาสู้มาเพื่อพวกเรามามาก เราอาจจะมองไม่เห็น

Posted by : เดินสายกลาง , E-mail : (nurse psu) ,
Date : 2004-03-23 , Time : 22:10:14 , From IP : 172.29.3.249


ความคิดเห็นที่ : 13


   มื้อเที่ยงทานข้าวที่ไหนดี อย่างๆเราๆก็คงไม่พ้นป้านุ้ย มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น ก็ตามสั่งใต้โรงบาลที่กินไม่ค่อยรู้รสเลย ไม่แน่ใจตั้งใจทำขายไหมอยากให้พี่ๆลองได้ชิมกันมั่งโครตอร่อยค่ะ(แต่พี่คงไม่มีโอกาดได้ทานหรอกเพราะไม่ต้องอยู่เวรบ่ายพี่ๆยังเเทงนำเกลือ ใส่กันเป็นไหม หรือป็นแค่จับผิดน้องๆ จ้องว่าคนนี้อยุ่)จะไปซื้อที่โวค พี่คนงานก็บอกกลัวไม่ทัน ต้องรีบก่อน 2 ทุ่มนโยบายลดคนงานของใครล่ะ หากใครมีบุญก็ได้กิน แต่.....พี่ๆล่ะถอดหมวกสบัดก้นไปกินกันข้างนอก อาจถึงหาดหญ่ในด้วยซะอีก นี่ล่ะความแตกต่างของคนใช้สมอง กับคนใช้แรงงาน

Posted by : .....แมว้ , Date : 2004-03-23 , Time : 22:59:57 , From IP : 172.29.1.176

ความคิดเห็นที่ : 14


   ขอระบายด้วยคน
อึดอัด อัดอั้นใจมานาน กับการเอารัดเอาปรียบน้องระดับปฎิบัติการ
คนสั่งก็เคยทำ แต่เป็นผู้บริหารแล้ว ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากระดับปฎิบัติการเลย ขอย้ำ!! แปลกจริงหนอ ..มอ.เรา..
ทุกครั้งจะลำเลิกว่าตนมีบุญคุณ ทำเพื่อน้องๆมาตลอด ที่แท้ทำเพื่อตนเองทั้งสิ้น
การปลดอัตรากำลังใครลำบากแทบตาย (ไม่ใช่คนไข้) แต่เป็นน้องๆระดับปฎิบัติการ ทำงานผิดพลาดก็โดนเหยียบย่ำ ทำดีก็งั้นๆ
ใครได้ผลงาน? เพื่อวิชาชีพ ???? เพื่อตนเองต่างหาก
ผู้บริหารฝ่ายการพยาบาลทำอะไรเพื่อคนไข้บ้าง? ทำอะไรเพื่อน้องบ้าง?
ทำอะไรเพื่อวิชาชีพบ้าง?
ทำงานทั้งคืน ได้ 120 (บาท) นั่งโต๊ะครึ่งวัน (นั่งมากไป) ได้ 25000 +5000 บาท
เห็นควรเปลี่ยนผู้บริหารฝ่ายการพยาบาลทั้งชุดค่ะ
กรุณาอย่าเตรียมคนของตน เป็นประชาธิปไตยด้วย.


Posted by : กระดูกสันหลังของชาติ , E-mail : (007@hotmail.com) ,
Date : 2004-03-24 , Time : 01:02:59 , From IP : 172.29.1.140


ความคิดเห็นที่ : 15


   เห็นด้วยอีกคน กับการปลดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่พยาบาล ปลดทำไม? เจ้าหน้าที่
ระดับปฏิบัติการ ไม่เคยละที้งงาน ไม่เคยออกไปชีอปปิ้งขณะทำงาน ตั้งแต่ 7.30น
-16.30นเป็นอย่างเร็ว หน่วยงานอื่นเมื่อไม่มีงานแล้วปลดไหม? เสาร์-อาทิตย์
พยาบาลเคยหยุด? ทุกอย่างรับสภาพได้ แต่การปลดอัตรากำลังรับไม่ได้(รับไม่ก็ลาออกไปชิ ฮิๆๆๆๆๆๆๆ) ผู้ตรวจการทำอะไรบ้าง?(บางคน)ไปbankยังใช้คนอื่น
ทั้งที่ตัวเองว่างทั้งวัน พอสิ้นปีรับไปเลย.......(ไม่บอกว่าอะไร) คนที่ทำงานจน
เหงื่อซุ่มวิ่งช่วยเหลือคนไข้ทั้งวันไม่มีผลงาน เบื่อจริงๆๆๆๆๆ


Posted by : ใต้สุด , E-mail : (456@hotmal.com) ,
Date : 2004-03-24 , Time : 01:42:58 , From IP : 172.29.1.140


ความคิดเห็นที่ : 16


    เห็นด้วยอีกคน ว่าทำไม ต้องปรับลดอัตรากำลัง พอจะมีเหตุผลที่ฟังแล้วดูดีบ้างป่ะคะ ไม่ทราบว่าผู้บริหารระดับสูงกว่า เค้ามีนโยบายให้ปรับลด หรือ ว่า ฝ่ายเสนอที่จะปรับลดเอง เพื่อที่จะได้ผลงานอ่ะคะ ช่วยตอบให้กระจ่างได้ไหมเอ่ย เวลา ward ยุ่งๆ ทำงานกันตัวเป็นเกรียว วิ่งกันหัวฟู ไม่มีใครแลเหลียวเลย
แต่พอยอดคนไข้น้อยลง ปรับลดทันที ไม่มีการอะลุ่มอะล่วยกันเลยอ่ะคะ
ไม่ทราบว่าที่รพ.อื่นๆๆมีการปรับลดแบบนี้ไหมค่ะ


Posted by : ไม่รู้ , Date : 2004-03-24 , Time : 16:41:51 , From IP : 172.29.3.216

ความคิดเห็นที่ : 17


   ดีใจจังที่พวกเราออกมาแสดงความคิดเห็นกันบ้าง อึออัดขัดใจมานาน ทำงานยังกะ....... ค่าเวรที่ว่าจะขึ้น เมื่อไรจะขึ้น จะปลดคนกันไปถึงไหน ว่างบ้างก็โดนfloat หน่วยงานไหนบ้างที่มีการปลดคนนอกจากฝ่ายการ ใครดูแลคนไข้ดีก็ใช่ว่าจะดีถ้าไม่มีผลงานเอกสาร อยากรู้ว่างานหลักของพยาบาลคืออะไรกันแน่ เหนื่อยและท้อ

Posted by : พยาบาลคนหนึ่ง , Date : 2004-03-24 , Time : 20:29:17 , From IP : 172.29.1.211

ความคิดเห็นที่ : 18


   เออ ขอระบายมั่ง แค้นใจมานาน ไอพวกที่วันๆทำสวยเดินกรีดกราย ไอพวกอี เอส บี ขึ้นสมองเอาแต่ประชุมอย่างเดียว พูดอยู่ได้ว่าคนเราจะสวยได้ต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน ห่วยแตก วันๆไม่ทำงานเอาแต่เชลียร์ เสนอหน้าอย่างเดียว ตัวเองเอาเปรียบคนอื่นอันนี้หรือคือสวยแบบภายใน มีกึ๋นไม๊คิดเสียบ้าง

Posted by : tamarin , Date : 2004-03-24 , Time : 21:33:55 , From IP : 172.29.3.234

ความคิดเห็นที่ : 19


    ธรรมโอวาท


เจริญพรนายกสมาคมพยาบาล พยาบาล และท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน

วันนี้คล้ายวันสถาปนา สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย( 9 พฤษภาคม 2539)
เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ก่อนอื่นขอแสดงความยินดี และชื่นชมต่อพยาบาลทุกท่าน ที่ได้รับเลื่อนตำแหน่งใหม่ทุกท่าน อาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่มีเกียรติ สังคมทุกชนชั้นให้เกียรติ ยกย่องด้วยความสนิทใจ อาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องพบกับคนทุกเพสทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกศาสนา ทุกวันเวลา
และไม่มีการเลือกปฏิบัติเฉพาะบุคคล ที่เรียกว่ามุขโขโลกนะ เพราะเห็นแก่หน้า อาชีพพยาบาลไม่มีอคติลำเอียง เลือกปฏิบัติต่อผู้เจ็บป่วย อคติแปลว่าทางไม่ควรดำเนิน หรือทางไม่ควรประพฤติ หรือเข้าใจกันง่ายๆว่าความลำเอียง มี 4 ประการ คือ

1. ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะความรักใคร่
2. โทสาคติ ลำเอียงเพราะความเกลียดชัง ไม่ชอบกัน
3. โมหาคติ ลำเอียงเพราะเขลางมงาย
4. ภยาคติ ลำเอียงเพราะความกลัว

ธาตุแท้ของพยาบาลทุกท่าน มีจิตใจอ่อนโยน มีพรหมวิหารธรรม
อยู่ในจิตใจอย่างเต็มเปี่ยมเต็ม 100 เพราะว่าพยาบาลทุกท่านมีคุณธรรม 4
ประการ อยู่ในดวงใจ คือ

1. เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนา จะให้คนไข้หายเร็ว มีความสุขกาย
สบายใจ

2. กรุณา ความสงสารคิดจะช่วยให้ผู้ป่วยหายเจ็บไข้ ให้พ้นจากความทุกข์

3. มุทิตา ความพลอยยินดี เมื่อผู้ป่วยหายจากเจ็บไข้ มีสุขภาพร่างกายเหมือนปกติเช่นเดิม

4. อุเบกขา ความวางเฉย ไม่ดีใจไม่เสียใจ เมื่อผู้ป่วยเป็นโรคสุดที่แพทย์
และพยาบาลจะรักษาเยียวยาได้

นอกจากนี้แล้ว น้ำใจของพยาบาลส่วนมากช่างงดงามบริสุทธิ์ สะอาด ประดุจอาภรณืที่สวมใส่ ปฏิบัติหน้าที่ ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งปฏิบัติตามหลักที่เรียกว่า สังคหวัตถุ แปลว่าเรื่องของการสงเคราะห์กัน เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้อื่นไว้ เป็นการลดช่องว่างระหว่างพยาบาลกับผู้เจ็บป่วยได้เป็นอย่างดี เพราะคุณธรรมสังคหวัตถุ 4 ประการคือ

1. ทาน
ให้ คือเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เสียสละแบ่งปัน ช่วยเหลือสงเคราะห์
ตลอดจนให้ความรู้ความเข้าใจในการรักษาสุขภาพร่างกายของผู้เจ็บป่วย
2. ปิยวาจา
เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน น่าฟังรื่นหู ดังคำกล่าวที่ว่า อันอ้อยตาล
หวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ มีเหตุเป็นหลักฐานชักจูงใจในทางดีงาม หรือคำแสดงเห็นอกเห็นใจ
ให้กำลังใจแก่คนไข้ ผู้เจ็บป่วย รู้จักพูดให้เกิดความเข้าใจดี สมานสามัคคี เกิดไมตรี ทำให้ผุ้ป่วยรักใคร่นับถือพยาบาลด้วยความจริงใจ
3. อัตถจริยา
ประพฤติสิ่งที่เป้นประโยชน์ต่อผุ้อื่น ช่วยเหลือด้วยแรงกาย และขวนขวายช่วยเลหือกิจการต่างๆดดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย หรืออามิสสินใจ้งแต่ประการใด
4. สมานัตตตา
ความเป็นคนมีตนเสมอ ไม่ถือตัว คือพยาบาล ทำตัวให้เข้ากับผุ้ป่วยได้เป้นอย่างดี วางตนเสมอต้นเสมอปลาย ให้ความเสมอภาค และเสมอในสุข
ทุกข์ คือร่วมสุข ร่วมทุกข์ ร่วมรับรู้ร่วมแก้ปัยหา เพื่อให้เกิดประโยชนืสุขร่วมกัน

พยาบาลคนใดเพียบพร้อมด้วยกิริยา วาจา มารยาท ย่อมเป็นที่ยกย่อง เชิดชูสรรเสริญของบุคคล ผู้ร่วมงาน และของคนเจ็บไข้ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เจ้บป่วย ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพยาบาลมากกว่าแพทย์ ดังนั้นผู้ที่เจ็บป่วยมักเรียกพยาบาลว่า "คุณพยาบาล " ด้วยความจริงใจ นัยยะตรงข้ามกับพยาบาลผู้ใดมีพฤติกรรมตรงกันข้ามคือ กิริยาก็ไม่นิ่มนวล ไม่อ่อนโยน ไม่ละมุนละม่อม
แต่แข็งกระด้าง วาจานั้นเล่าก็ไม่อ่อนหวาน ไม่ไพเราะเสนาะโสต ฟังแล้วระคายหู ผุ้เจ็บป่วยบางท่านก็เรียกพยาบาลว่า " ยมบาล" ความจริงคำว่า
พยาบาลมีความหมายว่า ผู้ดุแลคนไข้ ส่วนคำว่ายมบาล มีความหมายว่า
"ผู้รักษานรก " ดังนั้น "พยาบาลคำนี้" เป็นคำที่มีความหมาย สำหรับผุ้รักวิชา
ชีพพยาบาล
**************************************************
คัดจาก บางตอนของบทบรรณาธิการพิเศษ วารสารพยาบาล
ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๑

เป็นธรรมโอวาทในโอกาสทำบุญเนื่องในวาระคล้ายวันสถาปนาสมาคมพยาบาล พ.ศ 2539 โดยพระมหาภัทราวุธ (ยินดี) ปถสสโร
****************************************************

ฟังดูออกจะโบราณไปหน่อย แต่คงเข้าคอนเซ็บของอีเอสบีบ้าง

เพียงเห็นทุกข์ เห็นทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย
หัวใจดีงามก็จะปรากฏแก่เรา คงพอจะเรียกว่างามภายในได้กระมัง
หากเราไม่ชอบใจอีเอสบีสมัยใหม่ จะใช้อีเอสบีสมัยโบราณเป็นเครื่องมือ
ประเมินและพัฒนาตนเองดูบ้างก็ได้ค่ะ.........





Posted by : ด้วยความเคารพ , Date : 2004-03-24 , Time : 22:53:05 , From IP : 172.29.3.229

ความคิดเห็นที่ : 20


   จนถึงตอนนี้ ไม่ทราบว่าระดับบริหารอ่านความอัดอั้นตันใจจากระดับปฏิบัติการแล้วคิดอย่างไรกันบ้างคะ เข้าใจความรู้สึกของน้องๆระดับปฏิบัติการกันบ้างไหม. น้องๆทำงานกันเหงื่อไหลใครย้อย วิ่งกันวุ่น(ดีกว่ากรรมกรหน่อยตรงที่มีปริญญาไว้ติดที่ผนังบ้าน) ในขณะที่พี่ๆระดับบริหารสวยเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า(ESBทะลุเป้า) . เมื่อเปรียบเทียบปริมาณงานก็ต่างกับของน้องๆมาก แต่ก็ยังไม่เห็นลดอัตรากำลัง ผตก.หรือทีมบริหารเลย มีแต่เพิ่มตำแหน่งระดับบริหาร น่าจะมีการลดอัตรกำลังลงบ้างนะคะ ของน้องมีแต่ลดกับลด จะขอคนเพิ่มแต่ละครั้งก็ยากแสนยาก(มากๆ) งานที่ทำอยู่ก็ล้นมือ . เรื่องค่าตอบแทนที่ได้ถ้าถามพี่ว่าให้มาทำงานอย่างพวกน้องๆ พี่จะเอาไหม ?????? แต่น้องๆไม่มีสิทธ์บ่น เพราะบ่นไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ถ้าถามว่าค่าเวรบ่าย-ดึกที่ได้มันคุ้มไหมกับการอดหลับอดนอน(เสียสุขภาพด้วย) ที่ต้องทนอดตาหลับขับตานอนกันทุกวันนี้ก็เพื่อคนไข้ หน้าที่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และคนไข้มันอยู่บนบ่าเรา.
ในเมื่อเราเลือกที่จะเป็นพยาบาล เราก็ต้องทำงานตรงจุดนี้ให้ได้. พี่ก็เคยผ่านงานเหล่านี้มาก่อนที่จะอยู่ระดับ ผตก-บริหาร คงจะเข้าใจน้องๆได้ดีกว่าคนอื่นๆเขา .>>>> ขอเพียงแค่เมื่อพี่นั่งตำแหน่งบริหารก็อย่าลืมความรู้สึกตอนที่ยังอยู่ระดับปฏิบัติการ. เพราะถ้าพี่ระดับบริหารไม่เข้าใจและช่วยเหลือระดับปฏิบัติการแล้ว ก็คงคงจะไม่มีใครเข้าใจและช่วยเหลือน้องๆได้อีกแล้วละคะ.<<<<


Posted by : น้องคนหนึ่ง , Date : 2004-03-25 , Time : 12:30:16 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 21


   เราเห็นใจพวกเราด้วยกันมากเลย ขณะนี้ที่ต้องทำงานหนัก แต่ถ้าเราฟังข่าวคงจะเป็นเช่นนี้กันทั่วทุกหน่วยงาน สำหรับเรื่องที่พวกเราอึดอัดใจเกี่ยวกับผู้บริหารเราน่าจะจัดตัวแทนไปคุยกับพี่เขา ชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลน่าจะเข้าใจไม่ใช่ใช้อารมณ์
เพื่อจะได้หาแนวทางร่วมกัน และอีกอย่างเราไม่ต้องการเห็นพยาบาลรุ่นน้องคิดดูถูกความสามารถของพยาบาลรุ่นพี่ เพราะถ้าเขาไม่มีความสามารถเขาคงไม่ได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ และเท่าที่เราทราบผู้บริหารของเราเป็นผู้ที่พัฒนารพนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มส่วนใหญ่ การทำงานพวกเราก็ทำไปตามบทบาทของแต่ละคน และพยายามทำให้ดีที่สุด


Posted by : เย็นๆนะโยม , E-mail : (ฟฟฟฟฟ) ,
Date : 2004-03-25 , Time : 20:27:20 , From IP : 172.29.3.221


ความคิดเห็นที่ : 22


   ขอ.......เถอะ
อ่านกระดานกระอภิปรายถึง Posted by เย็นๆนะโยม ร้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเป็นคนทำงานเหมือนกัน(ทุ่มเท) เป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปลดคน เพราะเคยอยู่เวรคนเดียว(RN)หรือรวมจน. 3 คน บ่อย เคยประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารแต่ท่าน.................................
!ปลดคนตามแผนฝ่ายการเราค่ะ!
มีcase รับจาก OR (ให้จน.wardไปรับผู้ป่วยเอง)ช่วงหลัง ORเป็นแบบนี้บ่อยในเวรนอกเวลา แรกรับ pt. bleed ชุ่มโชกจับชีพจรไม่ได้ ต้องช่วยpt.ไม่ให้ shockตาย!!!!!!!!!!!!!! จนจน.เกือบตาย .ในปีนี้มีcase ตกเลือดนอกเวลาราชการหลายรายที่เดียว เห็นแล้วเสียวจริงๆ (ไปตายในicu ด้วย)
หลายคืนมีรับผู้ป่วยจาก ERซึ่งเป็นcase emergencyก็ปล้ำช่วยคนไข้จนปลอดภัยคนแล้วคนเล่า
......ยังไม่เคยเกิดการฟ้องร้อง.......ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา..ไม่ใช่ซิ ไม่เห็นโลงศพยังไม่ไล่ลูกน้องออก
......เหตุการณ์เหล่านี้ใช่ว่า HEARD WARD ไม่รู้ ท่านร่วมกล้ำกลืนกับความรู้สึก บอกว่าพี่ไม่รู้จะช่วยน้องๆอย่างไร พี่ก็เอาตัวไม่ค่อยรอดเหมือนกัน น้องๆก็ทนๆไปเถอะ .......เหตุการณ์เหล่านี้ผู้ตรวจการนอกเวลารู้บ้าง ส่วนใหญ่ไม่รู้ ถึงรู้ก็ช่วยไม่ได้เพราะปลดคนไปหมดแล้วเท่าที่สามารถจะปลดได้
........ผู้ตรวจการในเวลาไม่ต้องพูดถึง.............ในช่วง 5 ปีมานี้ท่านมาward ไม่เกิน5 ครั้ง ส่วนใหญ่โทรมาซ้ำเติมเมื่อเกิดความผิดพลาดในการทำงาน..นี่คือเรื่องจริง
........(ผู้บริหารอีกคน)........

เกิดอะไรขึ้นกับพยาบาลระดับปฎิบัติการ พวกเรากำลังถูกโจมตีหรือ!!! จากใหนล่ะ!!!!!!!! จากครอบครัวเราเองค่ะ.
เขียนต่อไม่ได้.ขอจบก่อน




Posted by : พยาบาล , Date : 2004-03-26 , Time : 03:16:29 , From IP : 172.29.1.108

ความคิดเห็นที่ : 23


   อ่านแล้วทุกคอลัมรู้สึกว่าพวกเราเอาแต่ว่ากันเอง ทำไมไม่คิดว่าสิ่งที่เราพบเห็นมีสาเหตุจากผู้บริหารระดับสูงกว่าพวกเรา(ทีมบริหารร.พและคณะฯ)ทำอะไรหรือกดดันระดับผู้บริหารพวกเราหรือไม่ บางสิ่งบางอย่างที่เป็นคำสั่งลงมาแล้วต้องปฏิบัติซึ่งเกินภาระงานเรา ไม่เห็นเราช่วยกันวิเคราะห์และรวมตัวกันต่อรองเลย เอาแต่ด่ากันเองไม่คิดบ้างหรือว่าเขาหัวเราะเยาะเราไปถึงใหนแล้ว
บางอย่างการที่ว่าผู้บริหารระดับสูงมากๆ เราได้ดูคนไกล้ตัว(หัวหน้าตึก)เราบ้างซิว่าเอาแต่ด่าผู้บริหารระดับสูงใส่ให้เราทั้งๆที่งานนั้นคือความบกพร่องในการบริหารงานของตัวเองแต่โยนใส่คนอื่นทุกครั้ง
สำหรับผู้บริหารระดับสูงก็น่าจะเห็นใจน้องๆบ้างให้อัตรากำลังที่มีอยู่แต่ละเวรเต็มที่ไปเลย การลดอัตรากำลังเพื่อลดเงินให้คณะเลิกคิดไปได้เลยจิ๊บจ้อยมาก ระดับอื่นเขาถลุงไปเยอะแล้วอย่าโง่เลย ถ้าจะให้อัตรากำลังเท่าไรก็ดูสถาบันอื่นที่ดูคนไข้ระดับเดียวกันกับเราสิเราน้อยกว่าเยอะ ทำไมไม่ดูแลพวกเรากันเองให้มีความสุขมากกว่าจะคิดถึงหลักการที่โบราณอย่างนั้น อีกอย่างถ้าทีมบริหารร.พและคณะฯให้ถือปฏิบัติที่แย่ๆก็เอาข้อมูลจากผู้ปฎิบัติงานไปยัน(รวมถึงไม่มีคนอยากอยู่เพราะอะไร)
เฮ้อ สงสารทุกระดับ แล้วพยาบาลจะเจิญได้อย่างไรที่มีเหตุการณ์ด่ากันอยู่อย่างนี้


Posted by : พยาบาล , Date : 2004-03-26 , Time : 08:41:10 , From IP : 172.29.3.248

ความคิดเห็นที่ : 24


   อย่างนี้ถ้าลดอัตรากำลังลง ต่อก็ให้พยาบาลกับหมอทำกันเองเป็นธุรกิจครอบครัวไปเลย

Posted by : ถถถ , Date : 2004-03-26 , Time : 10:55:43 , From IP : 172.29.3.114

ความคิดเห็นที่ : 25


    ขอแจมด้วยคน ไม่ทราบว่านโยบายฝ่ายการหรือ ผู้บริหารเบื้องบน แต่ต้องขอบอกว่าแน่จริงๆ เผด็จการชัดๆ ใช่อัตรากำลังน้อย ใช้พยาบาลวิชาชีพทำงานทุกอย่างจากแรงงานไร้ฝีมือถึงมืออาชีพชั้นสูง (ยกตัวผู้ป่วย ambulateผู้ป่วย ให้ความรู้แนะนำการปฏิบัติตัว ข้อมูล ข่าวสาร การadmit การD/C ทุกอย่างต้องมีคุณภาพไม่มีความผิดพลาด คลาดเลื่อน ทุกขั้นตอน ต้องวัดกระบวนการทุกขั้นตอนโดยจำกัดทุกอย่าง คน วัสดุ อุปกรณ์ เวลา ราคาค่าอุปกรณ์) พยาบาลต้องเป็นหนุมานประสานกาย
ให้มีสิบมือก็คงไม่ทันเวลากับภาระงานที่ต้องทำในแต่ละวัน ขออัตรากำลังที่เหมาะสมเถอะ อย่าให้อยู่ในตึกสวยหรูแต่ขาดแคลนอย่างกลางทะเลทรายเลย


Posted by : พยายาม , Date : 2004-03-26 , Time : 21:35:33 , From IP : 203.113.76.76

ความคิดเห็นที่ : 26


   ขอแสดงความคิดเห็นด้วย ชอบมากที่มีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ เพราะมีการพูดกันมาก แต่ยังไม่กระเทือนถึงเบื้องบนเลย การปลดอัตรากำลัง เมื่อคนไข้น้อย พี่ๆเบื่องบนบอกว่าช่วยลดเงินให้คณะ แต่คุณภาพงานบริการก็ลดลงด้วยเพราะพยาบาลมี2มือ 2เท้าทำงานแค่ด้านร่างกาย เจาะเลือด แทงน้ำเกลือ ยังทำไม่ทัน งานด้านจิตใจไม่ต้องพูดถึง เพราะขวัญและกำลังใจตัวเองยังไม่มี ยังงี้ยังจะผ่านHAได้หรือ



Posted by : มดตัวเอียด , E-mail : (123@hotmail.com) ,
Date : 2004-03-27 , Time : 01:43:36 , From IP : 172.29.1.153


ความคิดเห็นที่ : 27


   เขียนกันมาแยะดีนะค่ะ โกรธกันจริงๆหรือนี่ มันก็แล้วแต่คน แต่อยากให้มองไปหลายๆมุม เป็นทรงกลม เขาก็มีหน้าที่เขา เราก็มีหน้าที่เรา อย่าไปว่าเขามากเลย อโหสิกรรมกันไปเถอะ .....ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาป่ะกันอีกเน้อ......

Posted by : เด็กเมื่อวานซืน , E-mail : (--) ,
Date : 2004-03-27 , Time : 06:24:44 , From IP : 172.29.1.196


ความคิดเห็นที่ : 28


   เห็นด้วยกับฝ่ายปฏิบัติ ทำงานเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เบื้องบนไม่เคยเห็นใจไม่เข้าใจแล้วจะเอากำลังใจกำลังกายที่ไหนจะไปทำงานล่ะ ผู้ใหญ่ทั้งหลายแค่ใช้เราไปสู่ความสำเร็จของท่านเท่านั้น จะมีสักกี่คนที่เข้าใจผู้ปฏบัติงาน มีแต่สั่งๆๆๆไม่ดูไม่คิดแค่จะให้ทำเพื่อสนองตัณหาตนเองเท่านั้น นี่แหล่ะสังคมที่นี่ จงทำใจไว้เถอะไม่มีใครที่จะจริงใจกับคนระดับปฏิบัติการหรอกแค่ใช้เป็นบันไดปีนไปสู่ความสำเร็จของตนเองนั้นล่ะ ถึงแม้จะเป็นผู้บริหารก็ยังเหมือนเดิมถ้ายังคงอยู่ในร่างทรงของใครบ้างคนที่มีบารมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนม่ามาต้มยำไง อยากสะท้อนให้ท่านเห็นว่าเราทำงานหนักแค่ไหนแต่ค่าตอบแทนไม่เคยเพิ่มมานานแล้วทั้งๆที่งานหนักแทบตายก็ยังถูกด่า... แย่จริงๆๆๆนี่หรือกำลังใจที่ผู้ใหญ่ให้....Good Bye...ชาตหน้าคงไม่เจอกัน....

Posted by : มดงาน , E-mail : (1234@hotmail.com) ,
Date : 2004-03-27 , Time : 19:01:08 , From IP : 172.29.3.96


ความคิดเห็นที่ : 29


   ESB นั้นเป็นการทำธุรกิจบังหน้าของใครบ้างคนมั้ง หลายๆอย่างไม่เหมาะสมกับอาชีพพยาบาลหรอกแต่...ชอบที่จะทำเพื่อเอาหน้า ไม่มีอะไรทำรึ....

Posted by : มดแดง , E-mail : (01346@yahoo.com) ,
Date : 2004-03-27 , Time : 19:04:59 , From IP : 172.29.3.96


ความคิดเห็นที่ : 30


   น่าจะเปลี่ยน------
1 . ผู้ตรวจการแต่ละกลุ่ม 4 ปีครั้ง
2 . หัวหน้าwardทุก 4 ปี เพื่อหมุนเวียน จะได้ไม่ยึดติดว่าสมบัติของหลวงเป็นตนเอง HW.จะได้เปลี่ยนลูกน้องไม่งั้นคนไหนเป็นสุดที่รักก็ได้ความดีอยู่ทุกปี
3 . ใครต้องการย้าย WARD ให้ย้ายได้ตามความเหมาะสม
4 . ใครต้องการโอนย้ายก็ให้ไปเพื่อความก้าวหน้า ไม่ต้องกลัวคนขาด เพราะเราผลิตพยาบาลเองทั้งสอนและฝึกปฎิบัติเกือบตายเพื่อคุณภาพ สุดท้ายไปทำเอกชนกันเพียบ(สบายไปเลย) ปริมาณงานน้อยกว่าเยอะเงินเดือนมากกว่า แถบไม่ลดอัตรากำลังด้าย เฮเฮๆๆๆๆๆๆ


Posted by : ตัวเล็ก , E-mail : (อยากออกความเห็น) ,
Date : 2004-03-28 , Time : 01:46:41 , From IP : 203.113.76.8


ความคิดเห็นที่ : 31


   ดีใจจังต่อไปนี้ไม่ต้องไปอบรม E.S.B. เพราะทุกคนสวยหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Posted by : เบื่อจัง , E-mail : (จากคนขี้เบื่อ) ,
Date : 2004-03-28 , Time : 01:53:08 , From IP : 203.113.76.8


ความคิดเห็นที่ : 32


   ผตก ผู้สวยงามด้วยกายและปาก แต่ไม่จริงใจปากหวานเวลาอบรมแต่เวลาอื่นพูดจาเชือดเฉือนน้ำใจ ถ้าไม่ทำตามที่สั่งก็บอกให้พิจารณาตัวเอง แล้วท่าน ผตกเคยพิจารณาตัวเองบ้างไหม.......อบรมESB ได้ส่วนแบ่งจาก covermark กี่เปอร์เซนต์จ้ะ

Posted by : มดตะนอย , Date : 2004-03-28 , Time : 01:53:18 , From IP : 172.29.3.154

ความคิดเห็นที่ : 33


   เห็นด้วยจริงๆค่ะเกี่ยวกับการปรับลดอัตรากำลัง ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาคนไข้น้อยๆลงหน่อย(แต่ใช่ว่าเราจะสบายนะก็ยังทำงานงกๆนั่นแหละ)ทำไมต้องปรับลดคนด้วยกลัวว่าผู้ปฏิบัติงานจะสบายเหรอคะ ช่างเห็นอกเห็นใจกันจริงๆเลยนะ เพื่อนร่วมวิชาชีพเนี่ย...ถ้าจะลดทำไมไม่ลดให้มันทุกแผนกไปเลยล่ะ การเงิน ห้องยา หมอด้วยลดเค้าได้มั๊ยล่ะ ......

Posted by : นกยูง , Date : 2004-03-28 , Time : 08:54:31 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 34


   
เห็นใจเขาเถิด... ใจเย็นๆทุกท่าน มันเป็นโอกาสของเขา ที่เขาจะได้มีผลงานดีๆออกมานะ

เขาอุตส่าห์เสียเวลาไปอบรมเกี่ยวกับการปรับอัตรากำลังมา เมื่อไปอมรมแล้ว มันก็ต้องมีผลงานออกมาบ้างซี ไม่งั้นเขาจะเอาอะไรไปรายงานผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปเล่า

ความจริงก่อนที่เขาจะใช้แผนการปรับลดอัตรากำลัง เขาก็มีการคิดหาจำนวนชั่วโมงความต้องการพยาบาลของคนไข้แล้วนะ (ก็ที่ให้พวกคุณๆทำกันน่ะ อย่าบอกนะ ว่าตอนที่คิดชั่วโมงความต้องการการพยาบาลส่งไป คุณทำแบบชุ่ยๆ ... อ้อ.. รู้ล่ะว่าจะพูดอะไร จะบอกว่ายุ่งจนไม่มีเวลาจะมานั่งคิด นั่งบวกลบคูณหารเลขกันทุกเวร ก็เลยตอบแบบมั่วๆไป จะสมน้ำหน้าให้หรอก .. อ้อ.. แล้วอย่างมาบอกว่า วิธีการคิดชั่วโมงความต้องการฯ มันไม่ครอบคลุม นั่นมันเรื่องของคุณ ก็ที่เขาไปอบรมมาเขาทำกันแบบนี้ ถ้าหากมีชั่วโมงความต้องการอื่นฯที่ไม่ได้เอามาใส่บวกเอาไว้ ถือว่าคุณทำแถมไปเถอะ)

แล้วจากนั้น.. เขาก็เอามาคำนวณดูแล้ว พบว่า.. อัตรากำลังคนที่ทำอยู่ตอนนี้มันเกิน ควรที่จะลดลงได้ ทั้งนี้จะได้ช่วยประหยัดเงินให้คณะไง เห็นไหมว่า.. หลังจากใช้แผนการปรับลดอัตรากำลังมา.. ก็สามารถประหยัดเงินค่าเวร ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของคณะฯ มีตัวเลขออกมาเป็นรูปธรรมแต่ละเดือนเป็นแสนเชียว ถือว่าเป็นผลงานที่ออกมาเห็นกันจะๆ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่พรีเซ้นต์ถึงการมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ส่วนถ้าเกิดปรับลดปลดคนไปแล้ว.. อยู่ๆในเวรเกิดมีรับใหม่มาสัก 3-4 คน หรือมีอะไรยุ่งขึ้นมา คุณๆทั้งหลายที่อยู่เวรก็รับภาระกันไปเถอะ.. ถ้าทำงานไม่ทันก็เรียก Float จากที่อื่นได้นี่นา หรือถ้าเกิดยุ่งจนทำงานผิดพลาด คุณก็ค่อยเขียน incident มา แล้วค่อยทำ QA CQI เพื่อแก้ไขความผิดพลาดในครั้งต่อไป หรือถ้าหากคุณทำไม่ไหวจริงๆ เครียดกับเรื่องปรับลดอัตรากำลังมากๆ ทำตัวมีปัญหานัก ก็ลาออกไปก็ได้ ..ไม่มีใครแคร์คุณหรอก .. มีคนลาออกกันไปก็ตั้งเยอะแยะ ใช่มีแต่คุณคนเดียวที่ไหน ดีซะอีก.. อัตรากำลังจะได้ลดลงอย่างถาวร


Posted by : เข้าใจเบื้องบน , Date : 2004-03-28 , Time : 09:54:57 , From IP : 203.155.183.174

ความคิดเห็นที่ : 35


   ขอเสนอในฐานะคนกลางค่ะ

เท่าที่อ่านมาจากน้องพยาบาล รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างผู้บริหารและประจำการมีมากเหลือเกิน ลองเสนอวิธีบริหารช่องว่างนะคะ
1.หัวหน้าวอร์ดควรมีกำหนดจำนวนชม.ว่าควรจะทำงานดูแลผู้ป่วยกี่ชม.ต่อสัปดาห์ เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับปัญหาและช่วยน้องให้มากขึ้น และไม่ใช่ว่ามีการประชุมหรืออบรมบริหารที่ไหนก็ต้องทิ้งวอร์ดไปทุกครั้ง ซึ่งบางครั้งหัวหน้าบางคนก็เผลอคิดว่าตัวเป็นผู้บริหารระดับสูง ที่ต้องเก่ง ต้องรู้ทุกเรื่อง วิทยากรเก่งๆมาพูดต้องไปฟังให้ได้
2.ผตก.ก็เช่นนกันควรมีกำหนดในjob ว่าต้องมีความสามารถในการสอนผู้ป่วย หรืองานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผป.สัปดาห์ละกี่ชม. เพราะแม้แต่ คณบดี ผอ.รพ.ยังต้องตรวจผป. ทั้งที่เขามีตำแหน่งบริหารสูงกว่าผตก. ( แ ละการรับotสะสมก็ควรทำงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผป.ด้วย)
เอาไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะ


Posted by : พยาบาลเหมือนกัน , E-mail : (..) ,
Date : 2004-03-28 , Time : 11:06:14 , From IP : 172.29.3.218


ความคิดเห็นที่ : 36


   หนูหน้าตาไม่สวย บุคลิกไม่ดี ไม่มีเงินซื้อเครื่องประดับ ไม่มีเงินซื้อผ้าไหม เพราะต้องจ่ายค่าดูแลพ่อแม่ ส่งน้องเรียนหนังสือ และอีก จิปาฐะ แต่หนูก้อดูแลคนไข้ดีนะคะ ทำไมคนเราต้องมาวัดกันที่หน้าตาด้วย หนูเศร้าเป็นที่สุดที่ผู้บริหารคิดไม่ตรงกะหนู

Posted by : ..... , E-mail : (22222) ,
Date : 2004-03-28 , Time : 14:06:17 , From IP : 172.29.3.150


ความคิดเห็นที่ : 37


   ถึง น้อง22222 anyway,

please , keep your good heart


Posted by : suffering , Date : 2004-03-28 , Time : 15:11:26 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 38


   เข้าใจว่าทุกฝ่ายต่างพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด
ไม่ว่าผู้น้อยหรือ ผู้ใหญ่ แต่หากเอาใจเขามาใส่ใจเราสักนิด
ทุกอย่างล้วนมีทางออก แต่ดั้งเดิมกันมาแล้วในวิชาชีพของเรา
สอนให้รักกัน สามัคคีกัน โดยส่วนใหญ่ระดับผู้ปฏิบัติการ
หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงล้วนยินดีที่จะรับนโยบายต่างๆจาก
ระดับผู้บริหารมาปฏิบัติ แต่เข้าใจว่าครั้งนี้มีการแสดงความคิด
เห็นกันมาก ทั้งในกระดานข่าวและนอกกระดานข่าว สาเหตุ
คงเนื่องมาจากปกติการทำงานกับชีวิตคนมีความเครียดอยู่แล้ว
และเมื่อมีการปลดคน ทำให้รู้สึกท้อใจแต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำ
งานกันต่อไป ก็ในเมื่อคนไข้ที่จะมาadmitบางครั้งยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะมาตอนไหน เวลาไหน แต่ปลดคนไปแล้วก็เล่นเอาหัวฟูเหมือนกัน (หมายถึงคนที่เหลืออยู่ในเวร)
ทำกันไปเท่าที่จะทำได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่มั่นใจว่าคุณภาพจะได้แค่ไหน
ที่เขาบอกว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวนั้น เห็นใ จ แต่อยากให้ผู้บริหารที่อยู่ข้างบนเหลียวกลับมามองผู้ปฏิบัติการที่รับนโยบาย อย่างเข้าใจจริงๆว่า เราไม่ได้เกี่ยงงาน ไม่ใช่หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้แน่นอนให้ตนเองและครอบครัว แต่ที่สำคัญและลืมไม่ได้ ให้คนไข้และโรงพยาบาลของเราทุกคน ที่อยากจะบอกก็มีแค่นี้ค่ะ GOOD LUCK FOR EVERYBODY


Posted by : no name , Date : 2004-03-28 , Time : 21:49:46 , From IP : 172.29.1.234

ความคิดเห็นที่ : 39


   เกลียดที่สุดเรื่องปลดเวรเนี่ย เวลายุ่งทำงานแทบตาย เวลาเริ่มจะว่างก้อไม่ให้เรามาทำงาน ตลกเหลือเกิน อยากทราบว่ามีที่ไหน บริหารเหมือนที่นี่บ้างคะ งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Posted by : 00000 , E-mail : (0000) ,
Date : 2004-03-28 , Time : 23:10:38 , From IP : 172.29.3.209


ความคิดเห็นที่ : 40


   หวัดดีค่ะ ขอเสนอความคิดเห็นด้วย
ไม่เห็นด้วยกับการปลดคนของฝ่ายการพยาบาลมาตลอดเช่นกัน แม้ว่าฝ่ายจะให้คิดอัตรากำลัง แต่แบบฟอร์มที่ใช้ไม่ฟิตกับภาระงานของพยาบาล และกับทุกหอผู้ป่วยเช่น ผู้ป่วยคัดนมต้องประคบและบีบซึ่งใช้เวลา>1 ชั่วโมง/ครั้ง คิดได้ 3 คะแนน หรือปล่อยให้คัดนมต่อไปเพราะผู้ป่วยไม่ตาย(พยาบาลชอบประชดประชันจนเป็นนิสัย) , ผู้ป่วยตกเลือดต้องดูแลใกล้ชิด เปลี่ยนผ้าอนามัย+ ผ้าถูง + ผ้าขวางเตียง ทุกชั่วโมง+คลึงมดลูกตลอดเวลา + v/s อย่างน้อยทุกชั่วโมงคิดได้ 9 คะแนน (โดนผอ.ตำหนิใช้ผ้าเปลืองด้วยล่ะ)หรือผู้ป่วยเตรียมผ่าตัดต้อง SSE เข้าห้องน้ำได้ คิด 3 คะแนนเท่าผู้ป่วยขับถ่ายปกติ หรือการใส่สายสวนคา กับการดูแลให้ปัสสาวะไหลในเวรถัดไป คิด 1 คะแนนเหมือนกันหรือคะ(เคยแย้งแล้ว)
ผู้ป่วย แท้ง คลอดบุตร เกิดตกเลือดและ ช้อก อาจตายได้หากแต่ช่วยชีวิตไว้ได้และปลอดภัย ใช้เวลากับ case นี้ทั้งเวร ใช้จน. 4 คนรวมคนงานด้วย ลงเวรlateอีกเกือบ 2 ชั่วโมง แต่เมื่อคิดคะแนนไม่ได้เป็นผู้ป่วยหนัก แถมด้วยโดนตำหนิไม่รู้จักบริหารเวลา ยังไม่เว้นคนไข้ C/S และหรือ severe preeclampsia หรือ case refer อื่นๆ (รพ.อื่นรักษาไม่ได้แต่มามอ.เมื่อคิดคะแนนตามท่านว่า ไม่ใช่คนไข้หนัก)
ยังไม่คิดการรับผู้ป่วยใหม่ การรับย้ายทารกแรกเกิดตั้งแต่ 6 ชั่วโมงหลังคลอดอีก นอกจากเด็กช่วยตนเองไม่ได้แล้ว ยังมีภาวะเสี่ยงอีกมากมาย และแม่ก็เพิ่งคลอด(ทารกฝากจน.เลี้ยงค่ะ) แต่ปลดคนนะคะ เหลือ จน. 3 คน RN 1 คน PN 1 คน
ordery 1 คน.
โบราณเชื่อว่า จิ้งจกทักยังต้องรับฟัง แต่นี่ .................................................
........แม่เคยบอกว่า หนูเป็นคนอดทนที่สุดในบ้าน พี่ๆน้องๆบอกว่าหนูบึกบึนลำซำขอให้อดทนต่อไป(ขึ้น 2 ดึก ต่อบ่ายไม่เคยเป็นหวัด) พ่อบอกว่าอาชีพพยาบาลมีเกียติพ่อภูมิใจในตัวลูกมาก หนูก็เคยภูมิใจในตนเองและศรัทธาในวิชาชีพ........


Posted by : น้องหัวบาน , Date : 2004-03-29 , Time : 04:28:39 , From IP : 172.29.1.108

ความคิดเห็นที่ : 41


   โอ้ยจะบ้าตาย
1. อยากให้พยาบาลประจำการเป็นผู้บริหารและอยากให้ผู้บริหารเป็นประจำการจะมีอะไรที่มันสร้างสรรกว่านี้ใหม การเอาใจเขามาใส่ใจเราทำได้หรือเปล่า
2. แล้ว ESB. นี้มันสอนแต่แต่งตัวแต่งหน้าหรือ เห็นว่ามีการสอนบุคลิกภาพภายในและการสื่อสารด้วยไม่ใช่หรือ โครงการนี้มันเลวห่วยแตกก็ไม่ต้องเข้าซิ ใครเขาห้าม ลาป่วย ลากิจเสียซิถ้าเขาบังคับให้เข้า
3. ฝากข้อมูลให้ว่าเคยคุยกับพวกที่อยู่เอกชนแล้ว ดีมากสำหรับพวกที่ทำงานให้สุดจิตสุดใจเพียงไม่กี่ปี แต่ถ้าเงินเดือนสูงขึ้นแล้วทำอย่างไรจะให้เราออกเขาทำหมดแหละคิดเอาเองก็แล้วกัน บางหน่วยงานของรัฐให้ล่าเครดิตพยาบาลโดยต้องเสียเงินเองนะจะบอกให้และไม่มีสวัสดิการบ้านพักด้วย เงินTop up ก็ไม่มี ลองทำใจเป็นกลางแล้วหาข้อมูลหลายๆฝ่ายซิจะทั้งรัฐและเอกชนว่าได้หรือเสียอะไรบ้างการพัฒนาบุคลากรเป็นอย่างไร
เอ...ได่ข่าวว่าจะเปลี่ยนผู้บริหารแล้วไม่ใช่หรือ อดทนหน่อยซิ เผื่อว่าจะมีอะไรใหม่ๆ หรือว่าความคิดเห็นทั้งหมดนี้เป็นแผนเลื่อยเก้าอี้ใครบางคน
4. ทำไมไม่คิดเลยไปถึงการบริหารที่สูงกว่าผู้บริหารทางการพยาบาลบ้างล่ะว่าอิทธิพลต่อการตัดสินใจในทุกเรื่องแค่ใหน


Posted by : O.N , Date : 2004-03-29 , Time : 08:49:59 , From IP : 172.29.3.209

ความคิดเห็นที่ : 42


   ผู้บริหารโปรดเห็ฯใจบ้างนะคะ

Posted by : nurse , Date : 2004-03-29 , Time : 09:13:03 , From IP : 172.29.3.154

ความคิดเห็นที่ : 43


   อยากบอกว่าขณะนี้ขวัญและกำลังใจของระดับรากหญ้ามีการสั่นคลอน ความจริงน่าจะเริ่มสั่นคลอนมานานพอควร แต่ไม่มีการพูดถึง เพราะส่วนใหญ่ยังพอรับได้อยู่ คนในอาชีพนี้ส่วนใหญ่จะ อึด และทนแดด ทนฝน(หมายเหตุ ไม่ได้ไปกินใบกระท่อมมาน่ะขอบอก) ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการ เพียงแต่ขณะนี้ระดับรากหญ้าคนทำงานที่ใกล้ชิดคนไข้ที่สุด เริ่มเกิดความไม่มั่นใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนไข้ที่อยู่ในความดูแลของตนเอง ทั้งในแง่ความพึงพอใจของการให้บริการ และที่สำคัญประสิทธิภาพในการดูแลชีวิตคนไข้ให้ปลอดภัยทุกเวรจนกระทั่งD/C ทั้งหมดเกิดขึ้นได้ก็ต้องเกิดจากการทำงานของคนที่มีอัตรากำลังที่เหมาะสม พวกคนทำงานทั้งหลายไม่ได้ต้องการทำให้การบริหารงานของผู้ใหญ่ที่ทำงานเหมือนกันเกิดปัญหาหรอก เพียงแต่เป็นกระจกอีกด้านหนึ่ง หรืออีกมุมมองหนึ่ง ที่อยากจะสะท้อนกลับไปให้พิจารณาบ้าง เพื่อช่วยพัฒนาอาชีพของพวกเราทุกคนด้วยความเข้าใจกันจริงๆ เพราะหากทุกฝ่ายมีความรู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน สิ่งที่ดีๆก็จะตามมาเอง และความท้อแท้ก็จะไม่บังเกิด มันจะเกิดพลังขับเคลื่อนให้การทำงานที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเกิดขึ้นแน่นอน

Posted by : Little voice , Date : 2004-03-30 , Time : 04:41:21 , From IP : 172.29.1.234

ความคิดเห็นที่ : 44


   ขอแสดงความคดเห็นด้วยก๊ะโดยเฉพาะเรื่องค่าเวรทำงานสายตัวแทบขาดเวรบ่ายได้120 บาทมีที่ใหนบางคืนไม่ได้นั่งเลยรู้สึกแย่มาก เวรดึก 150 บาทอดหลับอดนอนท่งคืน อันนี้ยอมรับเลยว่าเห็นแก่เงินอย่าทุกคนอย่าเถียงนะฝ่ายบริหารว่าคุณเป็นพยาบาลยุคไนติงเกล เราทำงานถ้าได้เงินดีเป็นขวัญกำลังใจเราก็มีกำลังใจดูแลคนไข้มีเวลาแตงหน้าทำผมพอมีเงินลืมตาอ้าปากได้บ้าง และขอ คยเรื่องการทำ c ทำไมมันอยากเย็นแสนเข็นกันนักกันหนาโรงพยาบาลข้างนอกตอนนี้เพื่อนเขาทำ ทำ c7 กันแล้วขณะที่เรากำลังจะทำ c6ที่โรงพยาบาลข้างนอกพี่ ๆเขาช่วยๆกันผลงานเขาก็ออกมาดี แต่ฝ่ายการของเราไม่ช่วยเลย เคยเห็นภาควิชาเขาก็ทำกันง่าย อันนี้ไม่ได้จะให้ผลงานออกมาชุ่ยๆอยู่แล้วเราทำงานเต็มที่อยู่แล้ว เงิน OT ก็เหมือนกันเขียมกันเหลือเกินทั้งๆที่คณะไม่ได้เหนียวเลยแต่ไปติดเรื่องที่ฝ่ายการ ขอฝากเรื่องของน้องๆ พป เรื่องสวัดิการของน้องๆเขามีกฏระเบียบไม่แน่นอนน้องใหม่บางคนได้เงินเยอะกว่าการเลื่อนเงินเดือนก็ไม่เท่ากันทั้งที่รุ่นเดียวกัน สวัดิการของพ่อแมก็ไม่ได้ ก็ขนาดคนไข้บางคนเล่นละครตบตาสิทธิประโยชน์ได้สังคมง่ายๆ แต่พ่อแม่พยาบาลเดินเรื่องกันเป็นเดือนเศร้าเหลือเกิน มิน่าตอนนี้น้องๆที่เริ่มปีกกล้าขาแข็ง(แข็งจริงๆหลังจากที่เดิน ยืนมานาน ///// กำลังเตรียมตัวสู่โรงพยาบาลเอกชน

Posted by : แมงเม่า , E-mail : (serser) ,
Date : 2004-03-30 , Time : 04:50:55 , From IP : 172.29.1.139


ความคิดเห็นที่ : 45


   ฝากความจาก พป
การข้นเงินเดือนบวกกับสาขาขาดแคลนที่ทุเรศและไม่เป็นธรรมสำหรับพี่ๆและน้องๆ(รุ่นแรก)เอาเกณฑ์อะไรมาตัดสินไม่ทราบ รุ่นเดียวกันได้ตำแหน่งพป. ต่างกันแค่1ปี กลับได้เงินขาดแคลนต่างกันเท่าตัว แบบนี้คนที่จะเป็นพป.ช้าๆก็ได้ เพื่อเงินขาดแคลนที่เพิ่มขึน รุ่นแรกได้360บาท รุ่นห่างกันแค่2ปี กลับได้เงินขาดแคลนมากกว่าถึง4เท่า อ้างว่าเพราะการปรับเงินเดือนที่ต่างกัน แต่ถ้าให้ท่าน...ซีเท่ากันแต่เงินเดือนต่างกันเริ่มเงินเดือนพป.เท่ากัน ท่านก็คงไม่ยอม สรุปท่าน..ก็เห็นแก่เงินเหมือนกัน มันเป็นเงินที่สมควรได้
เงินสาขาขาดแคลน2500สำหรับพป.ตัดไปให้เหตุผลว่าพยาบาลไม่ขาดแคลน แต่บอกว่าเงินเดือนสูง บวกลบไม่แตกต่างเลย ซึ่งเป็นเงินของคณะที่ควรจะได้ตามแบบของข้าราชการพยาบาลเพราะเราทำงานให้คณะแต่เงินเดือนจากมหาลัยไม่เกี่ยวกัน และน้องใหม่ปีนี้กลับได้เงินเดือนสูงทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรเลยเอาไว้ล่อตาล่อใจ(ข้างในอาจมีอะไรแฝงอยู่) จะ บอกว่าพยาบาลริ่มเบื่อมอ.แล้ว และแสดงว่าพยาบาลขาดแคลนแล้ว 2500ในส่วนของพป.ก็ควรจะได้ด้วยเหตุและผลดังนี้
ขอความคิดเห็นกันมาเยอะๆ ท่านๆ...ข้านบนอาจจะกระเทือนและตกลงมา


Posted by : กะปอม , E-mail : (BARBLER) ,
Date : 2004-03-30 , Time : 05:48:25 , From IP : 172.29.1.139


ความคิดเห็นที่ : 46


   ฝากความจาก พป
การข้นเงินเดือนบวกกับสาขาขาดแคลนที่ทุเรศและไม่เป็นธรรมสำหรับพี่ๆและน้องๆ(รุ่นแรก)เอาเกณฑ์อะไรมาตัดสินไม่ทราบ รุ่นเดียวกันได้ตำแหน่งพป. ต่างกันแค่1ปี กลับได้เงินขาดแคลนต่างกันเท่าตัว แบบนี้คนที่จะเป็นพป.ช้าๆก็ได้ เพื่อเงินขาดแคลนที่เพิ่มขึน รุ่นแรกได้360บาท รุ่นห่างกันแค่2ปี กลับได้เงินขาดแคลนมากกว่าถึง4เท่า อ้างว่าเพราะการปรับเงินเดือนที่ต่างกัน แต่ถ้าให้ท่าน...ซีเท่ากันแต่เงินเดือนต่างกันเริ่มเงินเดือนพป.เท่ากัน ท่านก็คงไม่ยอม สรุปท่าน..ก็เห็นแก่เงินเหมือนกัน มันเป็นเงินที่สมควรได้
เงินสาขาขาดแคลน2500สำหรับพป.ตัดไปให้เหตุผลว่าพยาบาลไม่ขาดแคลน แต่บอกว่าเงินเดือนสูง บวกลบไม่แตกต่างเลย ซึ่งเป็นเงินของคณะที่ควรจะได้ตามแบบของข้าราชการพยาบาลเพราะเราทำงานให้คณะแต่เงินเดือนจากมหาลัยไม่เกี่ยวกัน และน้องใหม่ปีนี้กลับได้เงินเดือนสูงทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรเลยเอาไว้ล่อตาล่อใจ(ข้างในอาจมีอะไรแฝงอยู่) จะ บอกว่าพยาบาลริ่มเบื่อมอ.แล้ว และแสดงว่าพยาบาลขาดแคลนแล้ว 2500ในส่วนของพป.ก็ควรจะได้ด้วยเหตุและผลดังนี้
ขอความคิดเห็นกันมาเยอะๆ ท่านๆ...ข้านบนอาจจะกระเทือนและตกลงมา


Posted by : กะปอม , E-mail : (BARBLER) ,
Date : 2004-03-30 , Time : 05:49:40 , From IP : 172.29.1.139


ความคิดเห็นที่ : 47


   ถึงพยาบาลทุกท่าน
อ่านข้อคิดเห็น / คำบ่นแล้วรู้สึกเศร้าใจ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเป็นคำพูดหรือข้อเขียนจากพยาบาลสงขลานครินทร์ ผู้ที่บอกตัวเองและคนอื่นอย่างทรนงค์ว่า เราคือลูกสงขลานคริรนทร์ คิด พูด และทำเพื่อสงขลานครินทร์ แน่นอนที่สุดเชื่อว่ากว่าจะถึงวันนี้ไม่ใช่ผลงานของเราเพียงผู้เดียว ทุกคนต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเพื่อให้โรงพยาบาลในต่างจังหวัดสามารถทัดเทียมกับโรงพยาบาลในส่วนกลางได้ ถ้าไม่มีพวกพี่ๆคงไม่เราที่เป็นแบบเราในวันนี้ เพียงอยากจะบอกว่าคงไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ 100 % แม้กระทั่งตัวเราเองยังต้องมีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงตั้งมากมาย หากเรายังมีรักในตัวเองรักความเป็นพยาบาลที่ทำให้เรามีงานทำ มีรายได้เพื่อเลี้ยงชีพในปัจจุบันนี้ถึงแม้จะน้อยนิดในความคิดของเราแต่ก็ยังดีกว่าอีกหลายๆคนที่ไม่มีงานทำ อยากให้พวกเราให้ข้อเสนอแนะในเชิงสร้างสรรค์แทนการขว้างก้อนหินลองบ่อน้ำของตนเอง ท้ายที่สุดเราจะไม่มีแรงขุดหินขึ้นจากบ่อ

จะจงรัก ภักดีมั่น จะร่วมสร้างสรรค์ในสิ่งดี
จะอุทิศชีวิตพลีเพื่อชาติไทย
ให้สมนามา ว่าลูกสงขลานครินทร์ยิ่งใหญ่
พระราชบิดรที่เกรียงไกรเหนือหัวใจแห่งเรา

พริ้วพริ้ว ศรีตรัง ต้านลมโชยโบกโบยอยู่นิรันดร์กาล
ดอกสีม่วงแผ่กลีบดอกบาน นานแสนนานบานกลางหัวใจ
เป็นความหวังแห่งมวลหมู่เรา เหงา ยามเหงายามร้างห่างไกล
เหลือสิ่งตรึงแน่นประดับใจ คือฝันใฝ่ต่อสู้อธรรม
ยามเมื่อยามท้อแท้ ศรีตรังยังแผ่เผื่อความหวัง
ยามร้อนศรีตรังยัง แผ่เย็นให้ไม่รู้คลาย
ศรีตรังยังอยู่ตราบนิรันดร์ ฝัน ยามฝันยามร้างห่างไกล
เราหนุ่มสาวเร่งก้าวเข้าไป สู้ผองภัยร่วมกับมวลชน


Posted by : มองต่างมุม , Date : 2004-03-30 , Time : 23:30:56 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 48


   ค่อยยังช้วที่ได้เห็นพยาบาลเตือนสติกันเอง ให้รักกันและมองต่างมุมบ้าง ไอ้ความอยากได้ใคร่มี ทุกคนอยากทั้งนั้น แต่มันจะได้อย่างใจหรือไม่ ลองมองให้ทั่วด้านก่อนจะเอาโน่นเอานี่ ความเหนื่อยสุดเหนื่อยถ้าเปรียบเทียบเรื่องเงินและสวัสดิการแล้วคุ้มกว่าทำงานอย่างอื่นนะ จะบอกให้ มองให้นาน มองอย่างวิเคราะห์

Posted by : ดีดี , Date : 2004-03-31 , Time : 10:31:02 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 49


   การทำงานไม่เคยคิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่เราทำงานด้วยใจ แต่ณ บัดนี้ ใจรักในวิชาชีพที่เคยมี มันหดหายไปเกือบหมด ด้วยเพราะความเหนื่อยล้า ความเหนื่อยหน่ายในหัวใจ มีคนแนะนำว่าอย่าอยู่ในวิชาชีพนี้นาน เพราะ จะกลายเป็นคนไม่มีหัวใจ เริ่มจะเข้าใจแล้ว ว่าคนที่ทำงานมาหลายปี นั่งมองแต่ผู้อื่นทำงาน จะไม่เข้าใจว่า ภาระงานที่เกินกำลังของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง มันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ แค่ไหน ขอบอกได้เลยว่า ปัจจุบันทำงานไม่แตกต่างจากกรรมกร ไม่ได้อยากเรียกร้องว่าขอโน่นขอนี่เพิ่ม อยากขออย่างเดียว ว่า การจัดอัตรากำลังการวิเคราะห์อัตรากำลัง น่าจะจัดให้เหมาะสมกับ จำนวนคนไข้ สภาพคนไข้ด้วยไม่ควรไปเปรียบเทียบกับรพ.อื่น ที่ไม่ใช่คนไข้ตติยภูมิ ที่พออาการแย่ก้อส่งมาให้เรา หรือรพ.อื่นที่มีญาติอยู่ตลอดเวลา รพ.เราขณะนี้ ไม่ให้ญาติ เฝ้า ทำทุกอย่างเองหมด แม้จะมีญาติ แต่เค้าก้อคาดหวังว่าพยาบาลนี่แหละที่พึ่ง จึงเรียกตลอดเวลา พยาบาลที่นี่ก้อน่ารักเหลือเกินเรียกทุกครั้งก้อไปทุกครั้ง

Posted by : มอง............... , E-mail : (..............) ,
Date : 2004-03-31 , Time : 17:55:21 , From IP : 172.29.3.204


ความคิดเห็นที่ : 50


   ใครไม่อยากล่าหน่วยกิตเพื่อส่งเสริมธุรกิจสภา หรือธุรกิจ.............. ให้สอบใบประกอบได้ค่ะ สอบ 2 วิชา คือ กฎหมาย กับอีก1 วิชาที่เกี่ยวกับเราทำงาน ถ้าเราอยู่อายุ ก้อสอบกฏหมายกับอายุรศาสตร์แค่นี้เอง เพราะฉะนั้น จงไปอบรมในเรื่องที่สนใจจะได้ประโยชน์มากกว่าที่จะไปเพื่อเก็บเครดิตเพียงอย่างเดียว

Posted by : ........ , E-mail : (............) ,
Date : 2004-03-31 , Time : 18:05:26 , From IP : 172.29.3.204


ความคิดเห็นที่ : 51


   เห็นด้วยค่ะ

Posted by : หญ้าแพรก , Date : 2004-03-31 , Time : 18:29:20 , From IP : 172.29.3.251

ความคิดเห็นที่ : 52


   เห็นด้วยกับพยาบาลระดับปฎิบัติทุกคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจแต่มีระดับบริหารฝ่ายการไม่เห็นใจ เอาแต่ผลงานตัวเอง ชอบตั้งกฎกติกาต่างๆมาบังคับแต่เอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง หญ้าแพรกขอเสนอให้พยาบาลทั้งหลายมาอ่านและแสดงความคิดเห็นกันมาเยอะๆๆนะ เค้าจะได้ไม่ไปพูดว่ามันเป็นเสียงนกเสียงกา


***หญ้าแพรกขอเสนอให้.......

1.มีการเลือกตั้งคนในฝ่ายบริการพยาบาลทุกๆ 3 ปี เพื่อให้โอกาสผู้ที่มีความสามารถมาทำงาน จะได้พัฒนา ร.พ. มีคุณภาพและทุกคนทำงานกันอย่างมีความสุขตามแนว HA โดยไม่มีผักชีโรยหน้า *U*

2.ให้ลดจำนวนคนในฝ่ายการฯ เพราะวันๆๆก็ไม่ได้ทำอะไรมากอยู่แล้ว เอาแต่ประชุมๆ ทำอย่างอื่นไม่เป็น

3.มีการเลือกตั้งหัวหน้า ward ทุกๆ 4 ปี เพราะหัวหน้า ward ก็คือคนในฝ่ายการในอนาคต ถ้าคนไม่มีความสามารถเป็นหัวหน้าแล้วต่อไปจะเป็นฝ่ายการที่ดีได้อย่างไร

4.ยกเลิกมาตรการลดคนได้แล้ว เพราะคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าลดคนไปแล้วนั้นจะไม่มีคนป่วยมา ร.พ. อีก ใน 1 วันมีตั้ง 24 ช.ม. คนเราเจ็บป่วยได้ตลอดเวลาฉะนั้นสมควรยกเลิกการปลดคนอย่างยิ่ง

5.ฝ่ายการไม่ยอมขึ้นค่าเวรให้ทั้งๆที่ ร.พ. กระทรวงขึ้นมาตั้งนานแล้ว

6.การศึกษาดูงานต่างๆๆชอบกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมามากมาย เช่นการไปดูงานก็ต้งให้เบื้องบนอนุญาตก่อนถึงจะได้ไปและมาเบิกเงินได้ ทั้งๆที่ระเบียบของข้าราชการมีอยู่แล้วว่าสามารถเบิกได้คนละ 9000 บาท/คน/ปี แต่ท่านเบื้องบนไม่ให้******

7..ยังมีอีกมากมาย

***** ขอเรียนฝ่ายบริหาร ร.พ. ที่ได้อ่านแล้วช่วยจัดการได้ไหม เพราะ ร.พ. แห่งนี้ก็เป็นส่วนหน฿งในการบริหารของท่าน ถ้าท่านรู้ว่ามีส่วนที่ต้องปรับปรุงท่านน่าจะลงมาช่วย เพื่อ ร.พ. ของเราทีมงานทุกคน


Posted by : หญ้าแพรก , Date : 2004-03-31 , Time : 19:15:55 , From IP : 172.29.3.251

ความคิดเห็นที่ : 53


   คุณดีดีคะ อะไรคะที่บอกว่าคุ้มกว่าทำงานอื่น อดหลับอดนอน ได้ค่าเวร150
เสียสุขภาพ อีกทั้งวันหยุดเทศกาลต่างๆ ก็ต้องมาทำงาน .......ok.. เรายอมรับจุดนี้แต่ท่านๆ ทั้งหลาย อย่าทำให้มันรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลยค่ะ


Posted by : พยาบาล.... , Date : 2004-03-31 , Time : 22:41:09 , From IP : 172.29.1.231

ความคิดเห็นที่ : 54


   กว่าจะมาจนถึง ณ วันนี้
เคยมีความอดทนมาใหญ่หลวง
แต่สุดฝืนกลืนกล้ำทุกข์ทั้งปวง
จึงล่วง..ลุสู่ ความโกรธา

จะเรียกร้องอย่างไร.. ใครเคยฟัง
ได้แต่นั่ง ทน..ทน.. กันถ้วนหน้า
สุดท้าย จึงระเบิด..ออกมา
ทั้งที่รู้..คนคงเมินหน้า.. ไม่สนใจ

เราเหนื่อย เราหนัก เกินไปแล้ว
ใจเราแป้วเสียขวัญ ท่านรู้ไหม
ได้แต่วิงวอน..เบื้องบนโปรดเห็นใจ
ช่วยคืน "ขวัญและกำลังใจ"....เรากลับมา

~~~~~~~~ ~~ T__T~~~~~~~~~~





Posted by : . , Date : 2004-03-31 , Time : 23:01:30 , From IP : 203.155.183.129

ความคิดเห็นที่ : 55


   ถึงคุณมองต่างมุม
ยังเพ้อฝันเป็นเพลงอีกหรือค่ะ ชีวิตจริงเป็นอย่างไรถ้าเราไม่ถูกผู้บริหารเอาเปรียบ เราก็ยังพอทนอยู่ได้ค่ะ มนุษยธรรมยังคงพอมี แต่ถ้ายังคงมีอะไรมาคอยมาแยงตาอยู่ ลูกสงขลานครินทร์ก็ขอบ่นบ้างค่ะ เราท๊น ทน ทน มานานแล้วค่ะ


Posted by : um , Date : 2004-04-01 , Time : 22:08:18 , From IP : 172.29.3.254

ความคิดเห็นที่ : 56


   แต่ละเวร...มันเหนื่อยจริงๆค่ะพี่

Posted by : พยาบาล , E-mail : (123) ,
Date : 2004-04-02 , Time : 01:41:56 , From IP : 172.29.3.230


ความคิดเห็นที่ : 57


   ถึงเพื่อนๆและคุณมองต่างมุม
เมื่อประมาณ10ปีก่อนเคยคิดอย่างที่คุณมองต่างมุมเขียนเปี๊ยบเลยค่ะ ที่เลือกเรียนพยาบาลและทำงานพยาบาลมาด้วยใจค่ะ ด้วยความรักในวิชาชีพ ด้วยความศรัทธา ด้วยความภาคภูมิใจ
แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเราถูกกดดันจากหลายๆอย่างในชีวิตการทำงาน และที่สุดของตอนนี้คือกำลังมองหาทางออกให้กับตัวเอง เหมือนอย่างที่ผู้บริหารของเราคนหนึ่งพูดว่า"เรามีทางเลือกให้สำหรับผู้ที่อ่อนล้าคือให้ลาออก "
นี่คือคำพูดที่เป็นขวัญและกำลังใจสำหรับพวกเราพยาบาลมากค่ะต้องขอขอบคุณท่านก่อน แต่ตอนนี้พวกเราบางคนที่อยากทำอย่างนั้นแต่วัยยังไม่ถึง50ปีและอายุราชการไม่ถึง25ปีก็คงต้องทนไปก่อนนะ ถ้ายังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้


Posted by : เพื่อนเก่า , Date : 2004-04-02 , Time : 02:04:18 , From IP : 172.29.3.232

ความคิดเห็นที่ : 58


   ช่วยเหลือทางให้เราเดินบ้าง ไม่ได้เรียงร้องมากเกินไป หรือคิดจะตั้งเงื่อนไขต่อรองเพื่อผลประโยชน์ที่มากมายเกินไป เพียงแต่ขอความเข้าใจ และเห็นใจบ้าง ตอนนี้ทำได้แค่เพียงระบายความรู้สึก พูดคุยแลกเปลี่ยนเห็นใจกันเองไปก่อน ทุกคนหมดกำลังได้ แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจในการทำงานน่ะค่ะ คนไข้ยังรอเราอยู่ สู้ตายน่ะฮ้า จะเป็นกำลังใจให้กันเองจ๊ะ

Posted by : kapook , Date : 2004-04-02 , Time : 20:03:38 , From IP : 172.29.1.234

ความคิดเห็นที่ : 59


    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..
จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง
เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง
ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด

มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด
จนกลายเป็นว่า “กะปิ” ถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่า“ความเกลียดกะปิ”
ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ
หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก
สิ่งที่เราเกลียดนั้น
บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา
ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส
ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว
แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น
นอกจากความอยากผลักไสแล้ว
ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน
กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที
ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน
เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง
โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอที่ลิงสอดมือเข้าไปได้
ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิง วางไว้เป็นเหยื่อล่อ
วันดีคืนดี ลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว
แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง
เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้
ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก
พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้
เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว
สุดท้ายก็ถูกคนจับได้
ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น
มันก็เอาตัวรอดได้
แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก
มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้
จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น
เวลาประสบปัญหา
เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย
แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย
จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด
ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น
ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง
มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ
บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น
หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว
ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง
ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง
ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ
ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน
หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย
ดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว.


Posted by : jesus , Date : 2004-04-03 , Time : 04:33:57 , From IP : 172.29.1.199

ความคิดเห็นที่ : 60


    เมื่อปล่อยวางที่ใจแต่ยังไม่รู้จักคิดแก้ไข
ไม่ลืมตา ไม่คิดหาเหตุผลไม่คิดแก้ไข
ปล่อยวางที่ว่า ก้เหมือนเอาหินมาทับหญ้านั่นเอง
ใครที่ปล่อยวางแล้วพ้นทุกข์แล้วก้ลองนำเสนอสิ่งที่ท่านเห็นว่าใครกิเลส
เป็นอย่างไรจากกระทู้นี่น่ะ เป็นภาษาชาวบ้านหน่อยเป้นไรอย่างเป็นรูปธรรมน่ะ อย่าปล่อยให้ตัวเองลอยนวล ไม่มีกิเลสนะดี แต่เมื่อต่างคนต่างยังมีกิเลส
เราจะบริหารจัดการกับกิเลสของแต่ละคนให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์อย่างไรได้บ้างน่าจะดีกว่านะ ใครรู้แจ้งเห็นจริงก็ช่วยเปิดตาคนอื่นด้วยปัญญาของท่านด้วยเถอะ


Posted by : ยังไม่บรรลุ , Date : 2004-04-03 , Time : 12:13:22 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 61


   เห็นใจทุกๆ คน จ้ะ ค่อย ๆทำความเข้าใจกันนะจ้ะ

Posted by : มะม่วงเบา , Date : 2004-04-05 , Time : 13:35:46 , From IP : 172.29.1.132

ความคิดเห็นที่ : 62


   น่าจะถึงเวลาที่พี่ๆผู้บริหารในฝ่ายควรจะออกมาชี้แจงน้องๆเองแล้วคะ อย่าปล่อยให้หัวหน้าตึกรับหน้าอยู่ฝ่ายเดียว ลดช่องว่างลง ปัญหาต่างๆน่าจะได้รับการชี้แจงและทำความเข้าใจกัน เนื่องจากบางตึกผตก.ไม่ค่อยได้มานั่งคุยกับระดับปฏิบัติการเลย มุ่งเน้นแต่จะเห็นงานที่มีคุณภาพอย่างเดียวลืมนึกถึงน้องๆว่าจะมีความคับข้องใจอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่อง ESB ควรมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน สร้างแรงจูงใจให้คนอยากเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เน้นแต่ให้แต่งหน้าแต่งตา ให้เห็นถึงประโยชน์และให้คนอยากเปลี่นแปลงตัวเองจะดีมาก ขอให้กำลังใจวิทยากรอย่าเพิ่งท้อคนที่เห็นประโยชน์ก็ยังมีเพียงรับฟังและนำไปปรับปรุงวิธีการสอนนะคะ...................

Posted by : mk , Date : 2004-04-05 , Time : 21:49:39 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 63


   ถึงเพื่อนๆผู้ร่วมเดินบนเส้นทางสีขาว
อ่านมา 62 กระทู้แล้ว ยังไม่ทราบอนาคตของพวกเราเลยว่าจะลงเอยอย่างไร ทราบแต่เพียงว่า อีกไม่นานเราจะมีผู้นำทีมใหม่ หากเราไม่สามารถจะเปลี่ยนอะไรในช่วงนี้เราคงต้องเดินตามกันไปก่อน แล้วเรามาช่วยกันหาผู้นำที่สามารถทำในสิ่งที่เราต้องการได้ ช่วยกันคิดหน่อยว่า เราอยากได้ผู้นำที่มีคุณสมบัติเช่นไร
ที่สามรถช่วยแก้ปัญหาในขณะนี้คือ
1. ความคับข้องใจเรื่องภาระงานบางหน่วยงานหนักเกินไป อัตรากำลังไม่เหมาะสม
2. บุคลากรไม่เข้าใจและไม่เห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลิกภาพ ควรมีการสื่อสารเพื่อให้เกิดการตื่นตัว และเรียนรู้ที่จะพัฒนาด้วยตนเอง ธรรมชาติของคนเชื่อว่าทุกคนอยากแต่งกายดี สังเกตุจากการเลือกซื้อของ /เครื่องใช้ ทุกคนต่างก็เลือกที่เหมาะกับตัวเองทั้งนั้น จะว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง
3. อาจต้องมีการทบทวนการให้วันอบรมเพื่อให้เหมาะสม หรือให้วอร์ดพิจารณาส่งคนอบรมตามความสมัครใจ เชื่อว่าหากการอบรม ESB ยังอยู่ในความสนใจ ทุกคนคงอยากเข้ามาพัฒนาตนเอง ลองเปรียบเทียบกับการดูหนังดีๆสักเรื่องเรายังต้องเสียทั้งเงินและวันส่วนตัวเพื่อไปดู อาหาร+ ป๊อบคอร์นก็ต้องซื้อเอง
4. ลดช่องว่างระหว่างผู้บริหารกับระดับปฏิบัติการให้น้อยลง
5. สร้างความรักสามัคคีให้เกิดขึ้นในหน่วยงาน เพื่อเป็นพลังที่จะต่อสู้กับคณะฯตามวิถีทางที่ถูกต้อง หากเรามาต่อสู้กันเองจะเอาพลังที่ไหนไปต่อสู้กับภายนอก
6. สร้างศรัทธาให้เกิดกับใจของทุกคน คิดว่าค่าตอบแทนคงไม่ใช่เรื่องสำคัญทั้งหมด เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น ใจต่างหากที่สามารถสู้ได้แม้มีมือเพียงสองมือ ขอเพียงมีใจศรัทธา หนทางข้างหน้าเราจะฝ่าฟันไปให้ถึง
7. จริงๆแล้วเราชาวพยาบาลคงอยากให้ผู้บริหารมองให้รอบด้าน ทั้งความพอใจของผู้รับบริการ การบริการตามมาตรฐานวิชาชีพ ที่จะขาดเสียไม่ได้คือความสุขของคนทำงาน คิดว่าเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาช่วงนี้
ทั้งหมดคงฝากไว้สำหรับผู้บริหารทีมเก่า / ทีมใหม่ หากสามารถพลิกสถานการณืได้ทัน เป้าหมายเรานั้นคงอยู่แค่เอื้อม


Posted by : ฮ๊อบบิต , Date : 2004-04-05 , Time : 23:18:29 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 64


    คิดๆแล้ว ยังดีนะที่ฝ่ายบริการพยาบาลเรายังให้โอกาสเปลี่ยนผู้บริหารทุก 3 ปี พวกเราเองคงต้องทำตัวเป็นวงล้อที่ดี เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่เราต้องการในเร็ววัน คงมีบ้างในบางครั้งที่ทนทุกข์ มีสักวันไหมที่เรามีความสุข อย่างน้อยคงมีเพื่อนเรารักร่วมเดินทางมาด้วยกัน จะอดหรืออิ่มเราคงยิ้มสู้กันต่อนะ เคยมีคนพูดว่าอาชีพพยาบาลมากด้วยผู้คนแต่น้อยด้วยพลัง ที่เขียนเช่นนี้ไม่ได้ให้เรารวมพลังเพื่อต่อสู้กันเอง แต่อยากให้พวกเรารวมพลังเพื่อต่อรองกับสิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปเป็นผู้ตัดสินใจ
เรื่องบางอย่างคงต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซื้อเรือแจวมาลำหนึ่ง ต้องการฝีพาย 20 คน แต่มีคนมาสมัครเพียง 15 คน อย่างไรก็คงต้องแจวเรืออยู่ดี กว่าจะถึงที่หมายคงเหนื่อยล้าพอดู หรือจะรอจนฝีพายครบจึงจะแจวเรือ ฝากไว้ให้คิดก็เท่านั้นเอง
อย่างไรเสียก็ยังอยากให้พวกเรารักกันให้มากๆ
ด้วยรักและศรัทธาเท่านั้นที่จะพาองค์กรและพวกเราถึงที่หมายได้
และเมื่อนั้นเราจะได้ในสิ่งที่เราต้องการ


Posted by : ฮ๊อบบิต , Date : 2004-04-06 , Time : 00:07:34 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 65


   

เคยได้ฟังนิทานซึ่งที่จริงก็มิใช่นิทานหรอกเป็นแค่เรื่องเตือนสติสั้นๆ
เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งมีชายคนหนึ่งมีปัญหากุ้มใจมาก คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้เฝ้าคิดไม่ได้หลับได้นอน จนตัวเองไม่สบาย จึงเดินทางไปหาหมอ แต่ในขณะนั้นยังไม่วายคิดถึงปัญหาเดิมอยู่อีก ระหว่างทางได้พบกับพราหมคนหนึ่ง เมื่อพราหมได้เห็นชายคนนี้จึงได้ร้องทักว่า ท่านทำไมจึงได้ดูอมทุกข์อมโศกอย่างนี้ ชายคนนั้นจึงบอกว่า ข้ามีปัญหาที่คิดมาตั้งนานยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้ กินไม่ได้นอนไม่หลับจนไม่สบายต้องไปหาหมอ พราหมก็บอกว่าก็ท่านมัวแต่เอาปัญหาหรือความทุกข์แบกเอาไว้บนบ่า ถ้าท่านลองวางปัญหาลงแล้วค่อยๆมองค่อยๆแก้ท่านอาจมองเห็นทางออกก็ได้ ท่านเห็นก้อนก้อนใหญ่นั่นไหม แล้วพราหมก็ชี้ไปที่ก้อนหินใหญ่ที่อยู่ข้างทาง ท่านว่ามันหนักไหม ชายคนนั้นตอบว่า ข้าว่ามันหนักมาก แต่พราหมบอกว่า มันไม่ได้หนักเลย เพราะเราไม่ได้แบกมันไว้ ปัญหาต่างๆก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่แบกมันไว้เราก็อาจหาทางออกได้โดยที่เราไม่ต้องลำบาก เราสามารถมองมันได้ทุกมุม ถ้ามันอยู่บนบ่าเราก็จะมองไม่เห็น หรือถ้ามันใหญ่มากจนเราคนเดียวมองไม่ทั่ว ให้คนอื่นช่วยมองช่วยแก้ก็ได้ เพราะว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเก่งทุกอย่าง ปัญหาใหญ่ๆอาจแก้ได้ด้วยเด็กตัวเล็กๆ
รู้จักให้โอกาสผู้อื่น เหมือนอย่างที่เราอยากได้จากผู้อื่น


Posted by : jesus , Date : 2004-04-06 , Time : 04:31:42 , From IP : 172.29.1.199

ความคิดเห็นที่ : 66


   เรื่องมากๆอย่างนี้ก็ลาออกไปซี่ง่ายจะตายใครเขาขอให้อยู่ล่ะใช่ใหม เอกชนเขาอ้าแขนรับอยู่เยอะ

Posted by : ฟ้า , Date : 2004-04-06 , Time : 07:45:22 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 67


   เรื่องมากๆอย่างนี้ก็ลาออกไปซี่ง่ายจะตายใครเขาขอให้อยู่ล่ะใช่ใหม เอกชนเขาอ้าแขนรับอยู่เยอะ

Posted by : ฟ้า , Date : 2004-04-06 , Time : 07:45:46 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 68


    อ่านนิทานของคุณ jesus แล้วรู้สึกดีขึ้นมาก ปัญหาอยู่ที่เราใส่ความรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาต่างหาก ไม่มีที่ไหนให้ความสุขกับเราได้ 100 % หรอกนะ แม้ในบ้านเราเอง หรือตัวของเราเองยังทำตามใจที่อยากทำไม่ได้ บางครั้งเราต้องยอมเจ็บปวดเพื่อได้สิ่งที่ดีกว่า การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเจ็บปวดทุกครั้ง มากน้อยต่างกันแม้กระทั่งการคลอดลูก ส่วนใหญ่รู้ว่าขั้นตอนสุดท้ายคือความเจ็บปวด แต่ก็เต็มใจสู้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่รอคอยคือลูกน้อยที่น่ารัก คนที่ยังไม่มีลูกคงเข้าใจยาก อยากจะให้ลองหันกลับไปมองชีวิตที่ผ่านมา คงไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้เราเครียด หรือมีชีวิตแบบกรรมกร ( หรือแท้ที่จริงแล้วเราเหมือนกรรมกรจริงหรือไม่ หรือกรรมกรเหมือนเรา ถ้าเช่นนั้นกรรมกรคงจะดีใจนะที่มีชีวิตแบบเรา ) แต่เราก็ผ่านจุดเหล่านั้นมาได้และมีชีวิตอยู่เพื่อกระทำความดีในวันนี้
ขอบคุณคุณ jesus ที่ให้แนวคิดหลายอย่าง เช่นนิทานลิงกำถั่ว เพียงเราปล่อยวางเท่านั้นปัญหาอาจคลี่คลายลงได้
อย่างไรก็ดี เราคงมีความรู้สึกร่วมกันว่าเราเหนื่อยล้า เราคงอยากหยุดพักเพื่อรอรับการเติมขวัญและกำลังใจ แต่บังเอิญอาชีพอย่างเราต้องดูแลชีวิตคน มิอาจหยุดได้ดังใจคิด คงต้องประคับประคองกันหน่อยนะ สักวันคงมีคนเห็นใจ


Posted by : ฮ๊อบบิต , Date : 2004-04-06 , Time : 10:36:25 , From IP : 172.29.3.206

ความคิดเห็นที่ : 69


   คุณฟ้า..........ถ้ามีคนคิดแบบคุณหมด ม.อ. เราคงไม่มีพยาบาลอยู่แล้ว
เราน่าจะแก้ปัญหามากกว่าหนีปัญหานะ ในเมื่อมันไม่โปร่งใสเราต้องร่วมมือกันทำให้มันถูกต้องและพอใจกันทุกฝ่าย


Posted by : หญ้าแพรก , Date : 2004-04-06 , Time : 16:02:08 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 70


   เห็นด้วยกับคุณหญ้าแพรก ปัจจุบันนี้เอกชนใช่ว่าจะรับเราทุกคน หรือต่อฐานเงินเดือนปัจจุบันให้เราเสียเมื่อไหร่ เขาคงรับเฉพาะตำแหน่งที่เขาขาด ถ้าเขามีคนอยู่แล้วจะรับเราไปทำไมจริงมั๊ย อยู่เอกชนใช่ว่าจะหลุดพ้นจาก ESB

Posted by : หิ่งห้อย , Date : 2004-04-06 , Time : 19:52:30 , From IP : 172.29.3.200

ความคิดเห็นที่ : 71


    ศ.ดร. นายแพทย์วิทยา นาควัชระ จิตแพทย์ ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการฝึกความอดทนไว้ดังนี้
1. ให้คิดว่าความอดทนคือความกล้าหาญ จะได้กล้าอดทนได้มากขึ้น
2. ให้มองเรื่องที่คนอื่นเขาทำให้เราผิดหวัง เป็นเรื่องที่เขากำลังสอนบางอย่างให้เราได้รับรู้เพิ่มขึ้น
3. ทุกครั้งที่เราเริ่มอดทน ให้เราเริ่มชมตัวเองว่าเราเก่งมาก
4. ให้คิดว่าชีวิตคือการทดสอบ ไม่มีอะไรจริงจังหรอก ขณะนี้เรากำลังถูกทดสอบเรื่องความอดทน
5. สงบกาย สงบใจ สงบวาจา พูดให้น้อยที่สุด บ่นให้น้อยที่สุด ยิ่งบ่นมากเราจะเห็นภาพของความทุกข์มากกว่าความจริง
6. ถ้าจะทำอะไรขอให้ทำเต็มที่ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
7. ปล่อยให้คนอื่นเป็นตัวเด่นบ้าง
8. ให้นึกถึงผลลัพธ์ที่ดีๆที่จะเกิดขึ้นหลังการอดทน
9. ถ้าต้องอดทนต่อความผิดพลาดของมนุษ์ ก็ไม่ต้องรอให้เขามาขอโทษ จงลดทิฐิ เป็นฝ่ายพูดดีๆกับเขาก่อน
10. อย่าใฝ่หาความยุติธรรมในชีวิตเลย จงคิดว่ามันไม่มีหรอก ชีวิตมันจะยุติที่ธรรมชาติเสมอ คือความไม่แน่นอน(อนิจจัง) ความยึดถือไม่ได้ (อนัตตา) และความเป็นทุกข์ (ทุกขัง) ถ้าคิดได้อย่างนี้จะไม่เสียใจนานนักกับสิ่งที่เราอดทน และเชื่อว่าเมื่อเราลงมือทำสิ่งดีๆแล้ว ผลตอบแทนในอนาคตจะดีขึ้น

นอกจากนั้นแล้วท่านยังได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับสตรียุคใหม่ในปี 2000 จะต้องมีวัฒนธรรมกับตนเองเพื่อสร้างวัฒนธรรมที่ดีคือ
1. ยิ้มกับตัวเองได้ทุกสภาวะ (คือให้กำลังใจตัวเองได้)
2. ยิ้มกับคนอื่นได้เสมอทุกสภาวะ (ให้กำลังใจคนอื่นได้เสมอ)
3. ยิ้มนั้นต้องเป็นยิ้มด้วยความมีกำลังใจที่มั่นคงที่สุด ที่สามารถให้กับตนเองและให้กับผู้อื่นได้
เพราะสตรียุค ปี 2000 นี้ เราจะสูญเสียอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างแต่ " เสีอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียกำลังใจ"

เพียงแต่เก็บมาฝากพวกเรา หากแนวคิดยุคไนติงเกลใช้ไม่ได้ ก็ลองพิจารณาแนวคิดสตรียุค ปี 2000 ดู อาจทำให้องค์กรเราน่าอยู่มากขึ้น


Posted by : แซมเพื่อนโฟรโด , Date : 2004-04-06 , Time : 23:48:04 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 72


   

น่าสงสารเบื้องล่างที่เป็นระดับปฏิบัติการ แต่ก็เห็นใจเบื้องบนที่เป็นระดับผู้บริหาร มนุษย์ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง แต่ต่างกันที่ความเห็นแก่ตัวของเรานั้นจะไปเบียดเบียนผู้อื่นหรือเปล่า เคยได้ยินคำว่า"เห็นแก่ตัวเพื่อผู้อื่น"หรือไม่ ที่จริงคำๆนี้มันก็คือ"เห็นแก่ผู้อื่น"เพราะอะไรก็ตามที่เราทำเพื่อผู้อื่นหรือส่วนรวมมันเกิดจากเหตุผลส่วนตัวเรา ไม่ว่าเราจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เราก็ทำสิ่งเพื่อเหตุผลของตัวเราเอง เราทำอะไรเพื่อผู้อื่นให้เขามีความสุขแล้วเราสุขด้วยนับว่าดีที่สุด เราทำอะไรให้เขามีความสุขแล้วเราไม่สุขก็เหนื่อยหน่อย เราทำอะไรเพื่อผู้อื่นให้เขามีความทุกข์แล้วเรามีความสุขไม่ดีเลย แต่เราทำอะไรเพื่อผู้อื่นให้เขามีความทุกข์แล้วเราทุกข์ด้วยไม่ดียิ่งกว่า
ที่บอกมาก็เพื่อให้เราได้มองเห็นว่าอันที่จริงสิ่งที่เรา(ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง) ได้ทำกันลงไปก็มีเหตุผลของตัวเองกันทั้งนั้นแต่เหตุผลหรือการกระทำของใครจะยังประโยชน์เพื่อผูอื่นมากกว่ากัน เราไม่อาจจะเข้าใจความคิดของเบื้องบนได้ แต่ในทางกลับกันเบื้องบนก็อาจไม่เข้าใจในความรู้สึกของเบื้องล่างได้ เพราะเบื้องบนอาจคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อส่วนรวมที่ใหญ่กว่า จะให้บอกว่าใครถูกใครผิดคงจะบอกไม่ได้ แต่ก็พอทำให้เรามองเห็นหนทางแก้ปัญหาแล้วทางนึง ซึ่งมันขึ้นอยู่ที่ว่าผู้มีความสามารถหรือมีอำนาจแก้ปัญหาจะกล้าทำหรือไม่ หรือมองเห็นว่าประเด็นนี้เป็นปัญหาหรือไม่ เพราะถ้าเบื่องบนบมองว่าเป็นปัญหาก็จะเกิดการแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่าปัญหาเกิดจากเบื่องบน แต่กลุ่มคนที่มีอำนาจจะจัดการกับปัญหาน่าจะเป็นคนกลุ่มนี้ แต่ถ้าเบื่องบนมองว่าประเด็นนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย ปล่อยไว้สักพักก็คงจะเบื่อและเลิกพูดถึงกันไปเอง(ซึ่งในความเห็นส่วนตัวคิดว่ามันก็คงจะเป็นเช่นนั้น) ประเด็นนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป


Posted by : jesus , Date : 2004-04-07 , Time : 04:48:38 , From IP : 172.29.1.199

ความคิดเห็นที่ : 73


   พูดแต่ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ มากมายยังโน่นอย่างนี้ แต่ไม่เห็นพูดถึงรายได้แต่ละวันเลย รับทรัพย์แท้ ๆ

Posted by : mo , Date : 2004-04-08 , Time : 09:32:12 , From IP : 172.29.1.139

ความคิดเห็นที่ : 74


   หากดูแลตนเองไม่ดีจะไปทำหน้าที่ดูแลคนอื่นได้ยังไงคะ วันวันทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว เช้าต่อ บ่าย ต่อ เช้า อีก สักวันคงฟิวศืขาด หรือวันไหนมีทางที่ดีกว่าก็ต้องไป ผู้บริหารที่นี่เลี้ยงคนไม่เป็น คนดีดี เห็นไปอยู่ที่อื่นหมด สมองไหลไปหมด อาจารย์แพทย์เก่งเก่งออกไปอยู่ที่อื่น หมด อยากให้เปลี่ยนทัศนคติบ้าง มอ จะได้เจริญกว่านี้ค่ะ

Posted by : senior , Date : 2004-04-09 , Time : 15:30:41 , From IP : proxy1.chula.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 75


   แย่จัง แย่จัง เงินไม่พอใช้แล้ว เขียมสุดๆๆ ยังไม่พอเลย จะไปเอกชน แม่ก้อไม่ให้ไป ค่าเล่าเรียน น้อง ค่ายาพ่อ ที่ไม่มีสวัสดิการว่าเบิกได้หมด แล้วเงิน 6000 กว่าบาท มันจะช่วยพ่อได้แค่ไหน เศร้าจัง

Posted by : คนไม่มีทางเลือก , E-mail : (............) ,
Date : 2004-04-10 , Time : 10:15:46 , From IP : 172.29.3.229


ความคิดเห็นที่ : 76


   เรียนทุกท่านเราน่าจะตั้งชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนพี่ช่วยน้องถ้าเห็นด้วยช่วยลงชื่อและจะนัดประชุมกันจะมีพี่ที่ใจดีคอยดูเเลให้เงินสนับสนุนเรามาเเชความคิคช่วยเหลือกันดีไหมเราต้องรวมพลังเเละมีสันทนาการเเละจะมีหนังสือเเจ้งไปตามหอผู้ป่วย

Posted by : เปลี่ยนไป , E-mail : (ahotmail.com) ,
Date : 2004-04-13 , Time : 10:05:18 , From IP : 172.29.1.153


ความคิดเห็นที่ : 77


   เป็นไอเดียที่ดีจ๊ะน้องจ๋า เรามีพลังมากกว่าทุกระดับถ้าเรารวมตัวกันหาข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผลต่อรองผู้บริหารพี่ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ทำเพื่อความถูกต้องแล้ว พี่เชียรเต็มที่ค่ะ การที่เราเข้าใจกันจะมีพลังสร้างสรรช่วยเหลือกันทุกๆด้าน ขออวยพรให้ฝันเป็นจริงนะคะ

Posted by : pee , Date : 2004-04-21 , Time : 12:19:40 , From IP : 192.168.12.30

ความคิดเห็นที่ : 78


   เป็นคนไข้ค่ะ เข้าใจพยาบาลดีนะคะ แต่จริงๆแล้วคุณพยาบาลทั้งหลายอย่าลืมตัวเผลอลงกับคนไข้นะคะ

Posted by : คนไข้ , E-mail : (-) ,
Date : 2006-09-12 , Time : 16:52:55 , From IP : 61.47.68.204


ความคิดเห็นที่ : 79


   อยากทราบว่าพยาบาลคืออะไรคะ



Posted by : min , E-mail : (nimna_pp@thaimail.com) ,
Date : 2007-03-02 , Time : 14:14:30 , From IP : 203.113.51.5


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.041 seconds. <<<<<