ด้วยความเคารพ " />ข่าวสำคัญสำหรับทุกคนในคณะแพทยศาสตร์ดังหนังสือแนบท้าย"ธรรมาภิบาลและคุณธรรมของผู้นำองค์กร จะนำพาซึ่งความสุขความเจริญ มาสู่องค์กรแล

ความคิดเห็นทั้งหมด : 75

ข่าวสำคัญสำหรับทุกคนในคณะแพทยศาสตร์ดังหนังสือแนบท้าย"ธรรมาภิบาลและคุณธรรมของผู้นำองค์กร จะนำพาซึ่งความสุขความเจริญ มาสู่องค์กรแล


   เรียนท่านอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

> ผมอยากขออนุญาติอาจารย์อานนท์ นำจดหมายท้ายเมล์นี้ขึ้นโพสบนกระดานข่าวมากครับ ตามความคิดของผมนะครับการกระทำดังกล่าวล้วนขาดซึ่งธรรมาภิบาลและไร้คุณธรรมโดยสิ้นเชิง

> อาจารย์เพียงไม่กี่เสียงย่อมไม่มีทางไปหยุดความคิดและการกระทำซึ่งไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้ครับเพราะอาจารย์ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าในกรรมการคณะฯชุดนี้นั้นประกอบด้วยใครล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่เขาเลือกขึ้นมาเพื่อทำตามนโยบายต่างๆที่ตนคิดไว้

> อาจารย์อานนท์ทราบไหมครับระบบเช่นนี้ก็เกิดกับที่ภาควิชาฯผมโดยเฉพาะระบบกลั่นแกล้งและการปิดกั้นผู้มีความสามารถไม่ให้ทำงานโดยเลือกกลั่นแกล้งอาจารย์ที่ตนไม่ชอบเป็นรายบุคคลแบบไร้ซึ่งคุณธรรมและความเป็นอาจารย์แพทย์หรือครู ไม่ใส่ใจระบบการเรียนการสอน นศพ.เอาแต่อำนาจตนเองมาจัดการบริหารองค์กรภายในภาควิชาฯตามที่ตนอยากทำเพื่อให้บรรลุKPIและเอาใจผู้บริหารฯระดับสูง

> ไม่ได้คิดถึงคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์ที่เคยเป็นผู้บุกเบิกที่นี่และเป็นเจ้าของที่นี่เช่นทุกคน บริหารงานภาควิชาฯตามใจตนและพรรคพวกที่ตนแต่งตั้งขึ้นมาโดยไม่คิดถึงคุณภาพของงานและแต่งตั้งคนขึ้นมาแบบไม่เหมาะสมกับงาน

> ผมเป็นกำลังให้อาจารย์อานนท์ตลอดครับ ขอให้อาจารย์รวมพลังต่อต้านระบบเผด็จการ บ้าอำนาจ ไร้ซึ่งธรรมาภิบาลและไร้ซึ่งคุณธรรม ใช้ระบบการบริหารงานแบบการเมืองเบ็ดเสร็จ ซึ่งไม่ควรพบและเห็นในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ครับ ผมเองทุกวันนี้ก็ทำงานแบบไม่มีความสุขเช่นกัน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของคณะแพทย์แห่งนี้ให้กลับคืนสู่ความสงบสุขกับบุคลกรทุกท่าน

> บอกตรงๆครับว่าผมเคยผิดพลาดครั้งใหญ่ในการเป็นผู้ไปให้ข้อมูลสนับสนุนคนนี้ขึ้นเป็นคณบดี เสียใจมากครับกับการผลักดันเช่นนั้นของผมครับ

>"ธรรมาภิบาลและคุณธรรมของผู้นำองค์กร จะนำพาซึ่งความสุขความเจริญ มาสู่องค์กรและบุคคลากรได้"

> ด้วยความเคารพ


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-02 , Time : 17:05:14 , From IP : mx-ll-171.5.110-177.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 1






   "ธรรมาภิบาลและคุณธรรมของผู้นำองค์กร จะนำพาซึ่งความสุขความเจริญ มาสู่องค์กรและบุคคลากรได้"

Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-02 , Time : 17:07:34 , From IP : mx-ll-171.5.110-177.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 2












   1 เมษายน 2556
เรียน เพื่อนชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน
ท่านคงแปลกใจในช่วงผ่านมา ที่ได้รับเมล์จากผมบ่อยๆบางท่านอาจยังไม่ได้อ่าน ผมใคร่ขอความกรุณาให้ท่านทำความ
เข้าใจจดหมายฉบับนี้ให้ละเอียดซักครั้งครับ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับความอยู่รอด ของผู้ที่ด้อยอำนาจ ในคณะ
แพทยศาสตร์ อันเป็นที่รักยิ่งของเรา
เหตุการณ์เริ่มเมื่อ ห้าหกเดือนก่อน ในฐานะที่ผม เป็นประธานองค์กรแพทย์ ได้รับการขอร้องให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่
เป็นลูกจ้างเงินรายได้คนหนึ่งเพราะเธอมีความทุกข์มากที่ท่านคณบดีเปลี่ยนนโยบาย แล้วจะยุบศูนย์ที่เธอทำงานอยู่ ผมก็มี
ความทุกข์มากเหมือนกันเพราะคิดว่าคนที่ทำงานมาห้าหกปีแล้ว จะถูกเกลี่ยงานคงปรับตัวลำบาก แต่ก็แปลกใจว่าทำไม
กรรมการคณะไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ถ้าท่านกรรมการคณะจำได้จะพบว่าผมได้เคยถามท่านคณบดีในเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง และท่าน
ตอบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ขอให้ไว้ใจท่าน ว่าจะทำให้ดีที่สุด อย่างมีธรรมาภิบาล
เพราะท่านก็มีนโยบายในการดูแลผู้ร่วมงานเช่นกัน ซึ่งทำให้กรรมการคณะส่วนใหญ่วางใจ
ต่อมาในการประชุมกรรมการคณะอีกคราวหนึ่ง ท่านคณบดีออกคำสั่งไม่ให้ทดแทนคนที่ออกไป ถือเป็นการลดคน
ทำงานโดยปริยาย กรรมการคณะถามท่านว่ามีเหตุผลอะไร ขอดูตัวเลข และปริมาณงาน ทุกคนคงจำได้ว่าท่านตอบอย่าง
ไม่มีใครคาดคิดถึงได้ว่า ผมไม่มีตัวเลข แต่ผมรู้สึกว่าคนเกินงาน ท่านสงวนสิน เข้ามาช่วยโดยกล่าวว่า ผมเข้ามาทำงาน
แล้วงงเพราะคนเพิ่ม งานไม่เพิ่ม งงแบบนี้ต้องลดคนไว้ก่อน ตอนนั้นกรรมการคณะทุกท่านคงมองเห็นถึงความไร้เหตุผล
ของท่านทั้งสองจึงอภิปรายอยู่นาน ท้ายสุดท่านคณบดีทนไม่ไหว ยอมยุติโดยกล่าวว่า ท่านพิจารณาใหม่แล้วพบว่าท่าน
สงวนสิน สื่อสารผิดพลาดความจริงแล้ว ภาควิชาต่างๆจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้ ซึ่งทำให้บรรยกาสผ่อนคลายไป
ส่วนหนึ่ง แต่หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตุในอุปนิสัย และสงสัยในความซื่อสัตย์และความมีศักดิ์ศรีของท่านคณบดี
เรื่องที่ทำให้ผมวิตกกังวลมากเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน ผู้หญิงคนหนึ่งถูกญาติพามาพบผมที่ทำงานเป็นจิตแพท์ ณ.โรง
พยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งด้วยความเป็นห่วงในตัวเธอ เพราะเธอมีความคิดฆ่าตัวตาย ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เธอเคยเป็น
ลูกจ้างพนักงานเงินรายได้ของคณะแพทย์ ที่ถูกให้ออกจากงานไปตามแนวคิดท่านคณบดีหลังจากที่ทำงานมานานห้าหกปี
โดย ไม่มีความผิดใดๆท่านทั้งหลายคงพอเข้าใจได้ว่าทำไมเธอจึงรู้สึกว่าชีวิตไร้ค่า และไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ผมตกใจมากถึงกับนอนไม่หลับตลอดคืน ครุ่นคิดว่าทำไมเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้จึงเกิดขึ้นในคณะแพทยศาสตร์ได้โดย
ไม่มีใครรู้ยกเว้นท่านคณบดีกับทีมบริหารบางคน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวคนนั้นถามผมว่ากรรมการคณะปล่อยให้
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
วันรุ่งขึ้นผมได้โทร ถามอาจารย์ ธวัช ชาญชยานนท์ อดีตหัวหน้าศูนย์คุณภาพ พบว่าสิ่งที่ผมกลัวกลายเป็นความจริง
อย่างน่าขนลุก คนในศูนย์คุณภาพ ถูกให้ออกไปแล้วห้าคน ย้ายกลับสังกัดเดิมหนึ่งคน ยังอยู่ที่เดิมอีกสามคน ท่านก็คงพอ
เดาได้ว่าพวกเขาอยู่อย่างมีความสุขหรือไม่
แต่พอโทรไปถามฝ่ายการเจ้าหน้าที่ถึงเรื่องนี้จะได้คำตอบว่า ท่านคณบดีมีนโยบายให้เกลี่ยงานเท่านั้น การย้ายงานก็
เป็นไปตามความสมัครใจส่วนคนที่ลาออกก็สมัครใจออกเอง ฟังดูสวยหรูและมีธรรมาภิบาลมากเลยครับ
สรุปว่าท่านคณบดี ได้ทำให้กรรมการคณะวางใจด้วยคำสัญญาและคำขอโทษ ของท่าน แต่ไปทำสิ่งที่โหดเหี้ยมอำมหิต
เหล่านี้ลับหลังกรรมการคณะ โดยไม่ชี้แจงเหตุผลใดๆ แก่กรรมการคณะและผู้ที่ได้รับผลกระทบเลย
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผมพยายามหาข้อมูลในทางลับ พบเรื่องที่น่าขนพองสยองเกล้ากว่านั้นอีกครับ
ท่านคณบดีได้มีคำสั่งให้ลดจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของคณะลง จากเดิมที่มี120 คน ให้เหลือ70คนใน
ปีนี้ ตอนนี้ทำให้ยามผู้ดูแลความปลอดภัยของพวกเรา ต้องลาออกไปอย่างไม่รู้ชะตากรรมจำนวนสี่ห้าคนแล้วครับ
มีคนไปถามท่านผู้บริหารว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านตอบอย่างไม่แยแสว่า ก็ึคนมากกว่างานจึงเกลี่ยยามไปทำสวน ตัดหญ้า
และกวาดถนนบ้าง แต่ ทนไม่ได้เองเกิดน้อยใจก็เลยลาออก นี่หรือคือความสมัครใจ นี่หรือคือธรรมาภิบาลของผู้บริหาร
ท่านคณบดีมองว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีคนมากเกินไป ตกบ่ายจึงเกลี่ยงานให้ไปช่วยที่ธุรการทุกวัน โดยมีเงื่อนไขที่
เป็นคำสั่งด้วยวาจาจากหัวหน้างานว่า ในจำนวนนี้ปีหน้าต้องออกหนึ่งคน ถัดอีกปีต้องออกอีกคนหนึ่งครับ แต่ถ้าท่านไป
ถามหัวหน้างานจะบอกว่าไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นนั้น ท่านคณบดีเพียงแต่เกลี่ยงานด้วยธรรมาภิบาลเท่านั้น
ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า ท่านคณบดีทำเช่นนี้ทำไม ฟังแล้วไม่น่าเป็นไปได้ ผมก็คาดคิดไม่ถึงเหมือนกัน แต่จำเป็นต้อง
กล้ำกลืนยอมรับว่านี่คือความจริงครับ เราทุกคนถึงจะผ่านวิกฤติแห่งมนุษยธรรมครั้งนี้ไปได้
นอกจากนั้นยังมีหน่วยงานที่อยู่ในวิกฤติเช่นนี้อีกสองสามหน่วยงานครับ ซึ่งผมไม่ขอเอ่ยชื่อหน่วยเพราะจะกระทบ
กระเทือนกับคนทำงานที่ตอนนี้เห็นหน้าผมต้องหลบเพราะกลัวถูกถามแล้วจะถูกอำนาจบริหารเล่นงานภายหลัง ทุกท่านต้อง
เข้าใจว่าอนาคตของลูกจ้างเงินรายได้คณะนั้น แขวนอยู่ที่ปลายปากกาของท่านคณบดี ซึ่งถ้าท่านไม่เซ็นต์อนุมัติสัญญาให้
เขาทำงานต่อแต่ละปี เขาก็จะถูกออกโดยปริยายครับ
แต่ท่านสามารถถามโดยตรงที่หัวหน้าหน่วยงานเหล่านั้นได้ ได้แเก่ท่านอาจารย์หัชชาศรีปลั่งครับเพราะอาจารย์
แพทย์ มีเกราะป้องกันส่วนตัวที่ท่านคณบดียังไม่กล้ากระทำรุนแรงครับ
ในหน่วยงานอีกแห่ง ท่านไม่ออกคำสั่งลดคนโดยตรง แต่ให้งบประมาณหน่วยงานนั้นลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายถึงต้อง
ลดคนลงมากว่าครึ่ง หัวหน้างานต้องพยายามไปฝากลูกน้องของตนกับหน่วยงานต่างๆ บางคนทนไม่ไหวหรือพอมีทางไปก็
ลาออก ท้ายสุดมีพยาบาลอาวุโสท่านหนึ่ง ตาพิการจากการทำงานหนักในอดีต ไม่สามารถโอนย้ายกลับฝ่ายการพยาบาล
ได้ ครั้นทำงานที่เดิมก็ได้ผลงานน้อย ผมเรียนว่าได้พูดคุยกับท่านหัวหน้าหน่วยงานโดยตรง ท่านกล่าวกับผมทั้งน้ำตาว่า
ท่านจำเป็นต้องลอยแพ พยาบาลอาวุโสผู้นี้เพื่อให้หน่วยงานอยู่รอดครับ ผมก็ไม่ทราบว่าท่านคณบดีทราบเรื่องราวเช่นนี้
หรือไม่ ตอนนี้ท่านหัวหน้างานท่านได้เสนอเรื่องไปแล้ว หวังว่าท่านที่ได้ทราบเรื่องนี้แล้วจะได้มีโอกาสบอกท่านคณบดี ให้
หยุดยั้งการเอาคนออก และช่วยเหลือพยาบาลท่านนี้ด้วยเถิดครับ
ยังครับ ยังไม่จบ เรื่องความทุกข์ของลูกจ้างเงินรายได้คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ ทำไมถึงได้มากมายเช่นนี้ได้ ทั้งๆที่
เรารับรู้หรือทึกทักเอาเองก็ไม่ทราบได้ว่า ที่คณะแห่งนี้เป็นสวรรค์ของคนที่รักการทำงานครับ
ยังมีหน่วยงานอีกแห่ง ทำงานกันสี่คน อายุงานคนละสิบกว่าปี ทำงานได้ผลดีเป็นที่ภูมิใจ ของตนเองและของคณะ
มาตลอด แต่ท่านคณบดี เปลี่ยนนโยบาย ให้โอนงานของพวกเขาให้คนข้างนอกทำ นัยว่าประหยัดกว่า และโดยปริยายท่าน
ต้องลอยแพคนเหล่านั้น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในขณะนี้ ระทมทุกข์เป็นอย่างมาก เพราะรู้ว่าท่านคณบดีทำได้ทุกอย่างเมื่อ
พิจารณาจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ยิ่งกว่านั้น บรรยากาศในหน่วยงานแต่ละแห่ง ก็ตึงเครียดขึ้นเป็นอย่างมาก จากนโยบายทำนองนี้
ผมต้องขออภัยที่ในตอนหลังไม่สามารถเอ่ยชื่อหน่วยงานได้โดยตรง เพราะผู้ทำงานกลัวมาก เรื่องยังคาราคาซังอยู่
ครับเหมือนชีวิตเขาแขวนบนเส้นด้าย แต่อย่างไรท่านผู้อ่านสามารถถามผมได้โดตรงครับ
คิดว่าเท่านี้ยังไม่หมดครับ น่าจะเป็นส่วนเดียวไม่ถึงครึ่งของเหตุที่เกิดจริง เพราะกว่าจะมีคนมายอมเล่าให้พวกเราฟัง
นั้นยากหนักหนาครับ ต้องฝ่าความกลัวที่รุนแรงถึงขีดสุดครับ
ผมมีเรื่องเล่าเท่านี้ก่อนครับ แล้วจะมีข่าวมาแจ้งอยู่เรื่อยๆ
แต่ขอฝากทุกท่านก่อนจากว่า ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้ และท่านจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ร่วมคณะ
แพทยศาสตร์ ของเราอย่างไรกันดีครับ อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ท่านคณบดี โดยกรรมการคณะได้แต่ถามถึงเหตุผลและ
เหตุการณ์แต่ท่านคณบดีก็ไม่เคยตอบครับ อาจจะต้องให้ทุกคนช่วยกันถาม ได้ไหมครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน
อานนท์ วิทยานนท์


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-02 , Time : 17:27:33 , From IP : mx-ll-171.5.110-177.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 3


   ในฐานะที่เป็นผมลูกจ้างคนหนึ่ง เมื่อได้อ่านหนังสือ ก็รู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงในชีวิตทันที ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับหน้าที่การงานตัวเอง ในการลดคน หรือโยกย้ายงาน เพราะโดนกล่าวหาว่า ว่างงาน หรือทำงานไม่เต็มความสามารถ ผมเชื่อเสมอว่า ทุกตำแหน่งงาน ทุกหน้าที่ ใน หน่วยงานแห่งนี้มีความสำคัญ เท่าเทียบกันหมด ไม่ว่าจะ หมอ พยาบาล หรือฝ่ายสนับสนุน ทุกตำแหน่งงาน เพราะต่างจบมาต่างสาขาวิชาชีพ และทุกวิชาชีพ ค่าตอบแทนก็ไม่ได้เท่าเทียมกันอย่างแน่นอน ตามอัตราจ้างและขอบเขตงานและความสามารถของคน การกระทำเช่นนั้น ไม่ได้เป็นการเพิ่มกำลังใจ หรือแรงจูงใจให้กับบุคลากรในหน่วยงานเลย มีแต่จะทำให้ขาดกำลังใจ และแรงจูงใจในการทำงาน ในการพัฒนาองค์กร แม้กระทั่งคนที่กระทำดีอยู่แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับคนใกล้ตัวหรือเพื่อนร่วมงาน ก็ไม่ได้สบายใจ หรือยินดี ที่เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนเหล่านั้นได้ ก็หวังว่าท่านผู้มีอำนาจในมือ จะทำอะไรโปรดพิจารณาและไตร่ตรอง อย่างละเอียด เพราะในการกระทำของท่านมีผลกับปากท้องและการยังชีพ ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

Posted by : newhope , Date : 2013-04-04 , Time : 09:09:58 , From IP : 172.29.16.246

คณบดีไม่อยู่ค่ะ ไปประชุมที่ระนอง วันนี้ในช่วงเช้า morning brieft > พี่ไม่มีโอกาสคุยเพราะเข้าประชุมช้า > งานอาคารเอาเรื่องปรับปรุงภูมิทัศน์หารือก่อน > พี่ต้องรีบออกจากการประชุมไปผ่าตัด เพิ่งเสร็จ > อันที่จริงถ้ามีการเสนอปัญหานี้โดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนในกรรมการคณะก็คงเห็นแนวทางการแก้ปัญหาได้มากกว่าการกระจายข่าวในสังคม > online โดยไม่มีการพิจารณาร่วมกัน > ................................. >---------------------------------------------------------------------------------- > พี่.....ครับ ไม่ทราบว่าท่านคณบดีว่าอย่างไรแล้ว >> แต่ตอนนี้สถานการณ์ลื่นไหลแล้วครับ ถ้าพี่....ไปดูกระดานข่าว >> ที่อาจารย์จิตวัตท่านโพสต์ให้ผม มีคนเข้ามาอ่านร่วมพันเจ็ดแล้วครับ >> เทียบกับข่าวฮอทในอดีต เช่น กีฬาสียังมีคนเข้าชมแค่ห้าร้อยเองครับ >> ตอนนี้คนรู้มากขึ้นและเชื่อด้วย เวลาผมเดินมาทำงานตอนเช้า >> จะมีคนเดินมาแอบกระซิบให้พร ขอให้สำเร็จ พอผมโพสท์ เบอร์โทรศัพท์ของผมลงไป >> ก็มีคนฝ่าความกลัวด้วยความทุกข์แสนสาหัส มาเล่าเรื่องอยุติธรรมให้ฟังจนได้ >> ขอเวลาเรียบเรียงข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อสาธารณชนซักช่วงหนึ่งครับ >> ผมรอคำตอบจากพี่.... และท่านคณบดีครับ ก่อนที่เรื่องจะไปถึงท่านอธิการบดี >> หนังสือพิมพ์และอื่นๆที่มากกว่านั้นอีก เป็นเรื่องการก้าวตามจังหวะครับ >> ข้อเสนอของผมเพียงแต่ให้ท่านรับปากว่า >> จะหยุดการเอาคนออกจากงานไว้ก่อนจนกว่าจะร่วมมือกับกรรมการคณะพิจารณาอย่างรอบคอบ >> ซึ่งข้อเสนอน้ี เป็นเรื่องทำได้ง่ายมากในสายตาของมหาชน >> ความจริงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหน่วยงานด้วยครับ >> คนจะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านคณบดีไม่ยอมรับ และสังคมคงไม่เข้าใจด้วยครับ >> >>อานนท์ วิทยานนท์ >> Send from my iPad " />
ความคิดเห็นที่ : 4












   อาจารย์จิตวัตครับ ช่วยโพสต์ ในกระดานข่าวของอาจารย์ให้ด้วยครับ

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

อานนท์ วิทยานนท์

Send from my iPad

Begin forwarded message:

> From: Arnont Vittayanonta
> Date: 4 เมษายน 2556, 11 นาฬิกา 12 นาที 15 วินาที GMT+07:00
> To: all_unit@medicine.psu.ac.th
> Subject: Fwd: ความคืบหน้าการถูกออกจากงานค
-----------------------------------------------------------------------------------
-Subject: เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ ; ความคืบหน้าการถูกออกจากงานครับ]
From: jittawat.r@psu.ac.th
Date: Thu, April 4, 2013 12:31 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
varnont@gmail.com
Cc: jittawat.r@psu.ac.th

เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

อาจารย์ทำในสิ่งที่มีประโยชน์มากแก่คนในองค์กรนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าของที่นี่และช่วยกันรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมมาด้วยกันทุกคนแต่มาถูกคนๆเดียวและหรือพรรคพวกบางคน มาใช้อำนาจทำลายผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเพื่ออะไรผมไม่ทราบแต่ลักษณะการกระทำนี้ไม่ใช่การเกลี่ยคนทำงาน แต่เป็นการเขี่ยคนทำงานออก
โดยจะเขี่ยคนที่ด้อยกว่าออกครับ (ซึ่งใช้อำนาจที่ตนได้มา) ซึ่งไม่ใช่หลักการปกครองของผู้นำองค์ที่ตนเคยพร่ำนำเสนอต่อสาธณะชนว่าธรรมาภิบาลและคุณธรรม

ผมสนับสนุนอาจารย์อย่างมากครับ อาจารย์ทำตรงนี้ถือว่าอาจารย์ทำถูกต้องและอาจารย์กำลังได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมาครับ นั่นคือบุญอันประเสริฐที่อาจารย์ทำกับเพื่อนมนุษย์ถึงแม้ว่าอาจารย์ทำโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆก็ตามครับ

ด้วยความนับถือ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

4 เมย 56 /12.30น



---------------------------- Original Message ----------------------------
Subject: [Medicine7] ความคืบหน้าการถูกออกจากงานครับ
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Thu, April 4, 2013 9:29 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
--------------------------------------------------------------------------

tel0888292012
ผมได้เรียนปรึกษาท่านอาจารย์........... ซึ่งท่านเห็นด้วยกับเรา
บางคนสงสัยว่าทำไมต้องให้ท่านคณบดีรับปาก
เป็นเพราะว่าที่ผ่านมากรรมการคณะเคยถามแล้วถามอีก
แต่ท่านคณบดีตอบว่าเป็นอำนาจของท่าน และถ้าท่านไม่บรรจุในวาระการประชุม
ก็จะไม่มีการประชุมครับ
จะมีก้าวต่อไปครับ
ขอบพระคุณทุกท่านครับ
อานนท์ วิทยานนท์
Send from my iPad
คณบดีรับปากจะปรึกษากับกรรมการคณะหรือไม่ครับ ขอคำตอบเดียวครับ
เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยปริปาก ถึงตอนนี้ทุกคนเห็นว่าควรคุย
แต่ท่านยังไม่รับปาก พี่... โทรกับท่านก็ได้ครับถึงสถานการณ์ตอนนี้
ความจริงสิ่งที่พี่...เสนอ
กับความต้องการของพวกผมก็เกือบเป็นสิ่งเดียวกันแล้วครับ

อานนท์ วิทยานนท์

Send from my iPad
------------------------------------------------------------------------------------
On 3 เม.ย. 2556, at 23:56, ................@psu.ac.th wrote:

> คณบดีไม่อยู่ค่ะ ไปประชุมที่ระนอง วันนี้ในช่วงเช้า morning brieft
> พี่ไม่มีโอกาสคุยเพราะเข้าประชุมช้า
> งานอาคารเอาเรื่องปรับปรุงภูมิทัศน์หารือก่อน
> พี่ต้องรีบออกจากการประชุมไปผ่าตัด เพิ่งเสร็จ
> อันที่จริงถ้ามีการเสนอปัญหานี้โดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนในกรรมการคณะก็คงเห็นแนวทางการแก้ปัญหาได้มากกว่าการกระจายข่าวในสังคม
> online โดยไม่มีการพิจารณาร่วมกัน
> .................................
>----------------------------------------------------------------------------------
> พี่.....ครับ ไม่ทราบว่าท่านคณบดีว่าอย่างไรแล้ว
>> แต่ตอนนี้สถานการณ์ลื่นไหลแล้วครับ ถ้าพี่....ไปดูกระดานข่าว
>> ที่อาจารย์จิตวัตท่านโพสต์ให้ผม มีคนเข้ามาอ่านร่วมพันเจ็ดแล้วครับ
>> เทียบกับข่าวฮอทในอดีต เช่น กีฬาสียังมีคนเข้าชมแค่ห้าร้อยเองครับ
>> ตอนนี้คนรู้มากขึ้นและเชื่อด้วย เวลาผมเดินมาทำงานตอนเช้า
>> จะมีคนเดินมาแอบกระซิบให้พร ขอให้สำเร็จ พอผมโพสท์ เบอร์โทรศัพท์ของผมลงไป
>> ก็มีคนฝ่าความกลัวด้วยความทุกข์แสนสาหัส มาเล่าเรื่องอยุติธรรมให้ฟังจนได้
>> ขอเวลาเรียบเรียงข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อสาธารณชนซักช่วงหนึ่งครับ
>> ผมรอคำตอบจากพี่.... และท่านคณบดีครับ ก่อนที่เรื่องจะไปถึงท่านอธิการบดี
>> หนังสือพิมพ์และอื่นๆที่มากกว่านั้นอีก เป็นเรื่องการก้าวตามจังหวะครับ
>> ข้อเสนอของผมเพียงแต่ให้ท่านรับปากว่า
>> จะหยุดการเอาคนออกจากงานไว้ก่อนจนกว่าจะร่วมมือกับกรรมการคณะพิจารณาอย่างรอบคอบ
>> ซึ่งข้อเสนอน้ี เป็นเรื่องทำได้ง่ายมากในสายตาของมหาชน
>> ความจริงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหน่วยงานด้วยครับ
>> คนจะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านคณบดีไม่ยอมรับ และสังคมคงไม่เข้าใจด้วยครับ
>>
>>อานนท์ วิทยานนท์

>> Send from my iPad


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-04 , Time : 15:19:54 , From IP : 172.29.14.62


On 4 เม.ย. 2556, at 0:11, .........@psu.ac.th wrote: > สำหรับคุณพยาบาลที่มีปัญหาเรื่องตา พี่ได้รับทราบว่าอาจารย์...........กำลังศึกษาและตั้งใจแน่ที่จะให้ความช่วยเหลือ > ขณะนี้อยากให้พักเพื่อรักษาให้ดีขึ้นก่อน แต่คงต้องทำความเข้าใจว่าไม่ได้ให้พักตลอดไป เพียงแต่คงต้องปรับงานให้เหมาะสม > ??????????????????????????? ซึ่งแปลความระหว่างบรรทัดได้ว่า ขณะนี้ พยาบาลท่านนี้ถูกให้หยุดงานไปเรียบร้อยแล้วครับ และถ้าท่านไม่ได้อยู่ในความห่วงใยของคนในคณะแพทยศาสตร์เช่นในขณะนี้ ท่านผู้บริหารก็คงไม่แน่ว่าจะสนใจศึกษาและตั้งใจแน่ที่จะช่วย เหมือนที่ได้ส่งข่าวมาหรือไม่ แต่การบอกกล่าวมาเพียงเท่านี้ไม่ได้มีหลักประกันความจริงในอนาคตอะไรเลย เพราะชีวิตในอนาคตทั้งหมดของท่านผู้นี้ ขึ้นอยู่กับลายเซ็นต์และปลายปากกาอันมีอำนาจล้นฟ้าของท่านคณบดีเพียงผู้เดียวครับ หลักประกันที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องให้ท่านคณบดีจัดทำแผนการดูแลผู้คนทั้งหมดร่วมกับกรรมการคณะอย่างมีธรรมาภิบาล เมื่อเดือนก่อนมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาขอให้ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ สรรหาผู้พิการทางจิตเพื่อจ้างเป็นพนักงานธุรการ โดยให้เงินเดือนวุฒิปริญญาตรี ตามนโยบายดูแลสังคมของบริษัทครับ ลองคิดถึงความมีมนุษยธรรมในองค์กรของเอกชนเทียบกับของเราซิครับ ทำไมถึงต่างกันราวนรกกับสวรรค์เช่นนี้ได้ เจ้าหน้าที่ของเราที่อุทิศตัวเพื่อองค์กรมาหลายสิบปี จนตาพิการป่วยเป็นจอตาลอก และทำงานได้น้อยลง ถูกทอดทิ้งอย่างไร้ค่า ในทางตรงข้ามบริษัทเอกชนที่ทำกำไรเพื่อตัวเองกลับพยายามสรรหาผู้พิการซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมไปเยียวยา ที่ต่างกันก็เพราะจิตใจของผู้บริหารที่มีจริยธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ไม่ทัดเทียมกันนั่นเองครับ ชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน ผมมีความคิดที่ท้าทายมาเสนอแก่ท่านครับ ในเมื่อปลายปากกาของท่านคณบดีที่ฉวัดเฉวียน มีอำนาจถึงกับเปลี่ยนแปลงอนาคตและความดีงามของผู้คนได้ ก็แล้วทำไมความรักอันบริสุทธิในเพื่อนมนุษย์ของพวกเราจะไม่สามารถทำสิ่งที่ประเสริฐกว่านั้นได้เล่า ท่านเคยได้ยินไหมว่า ความรักคือพรจากพระเจ้าอันยิ่งใหญ่ มีอำนาจเยียวยาและสร้างสรรค์ ผมขอให้พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่านหลั่งรินความรักจากใจที่ใสบริสุทธ์ของท่าน มาเป็นโอสถเพื่อเยียวยาจิตใจที่แสนระทมทุกข์ของคุณพยาบาลท่านนี้ด้วยเถิดครับ ขอให้ทุกท่านที่มีความรักเต็มเปี่ยมหัวใจเข้าไปเยี่ยมกระดานข่าวคณะแพทย์ ของท่านอาจารย์จิตวัต ที่โพสต์จดหมายของผมไว้ ในหัวเรื่อง ข่าวสำคัญสำหรับชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน เพื่อทำตัวเลขของผู้เข้าชมให้สูงขึ้นจนทำลายสถิติผู้เข้าชมทุกสถิติในกระดานข่าวแห่งนี้ครับ ทั้งนี้เพื่อบอกแก่ผู้บริหารว่าพวกเราปราถนาที่จะเยียวยาจิตใจของผู้ระทมทุกข์เหล่านั้นด้วยการมอบหลักประกันในอนาคตแก่พวกเขาครับ ช่วยกระจายคำพูดของผมออกไป. พี่น้องที่รักทุกท่าน ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา จากดวงใจที่แสนบริสุทธิของทุกท่าน ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา เพื่อเยียวยาจิตใจที่แสนระทม ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา เป็นสายธารน้ำใสสะอาด เพื่อคนทุุกข์ได้ดื่มกิน ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา เพื่อท้าทายอำนาจอธรรม และ ขอให้ความรักจงหลั่งรินมาเพื่อการให้อภัยแก่ผู้ทำลายและทุกผู้คนที่มีความไม่สมบูรณ์เป็นธรรมชาติแห่งมนุษย์ พี่น้องที่รักทุกท่าน เราต้องการตัวเลขเพื่อทำลายทุกสถิติผู้เข้าชมในเวลาเที่ยงคืนวันนี้ครับ และสถิติที่มากกว่านั้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในอีกสามวันถัดมาไม่เว้นแม้เสาร์อาทิตย์ครับ ตัวเลขแห่งความรักของพวกเรานี้จะแสดงพลังสร้างสรรค์ก่อนวันที่ เก้า เมษายน นี้ครับ กระจายข่าวนี้ออกไปพี่น้องที่รักทุกท่าน ก่อนวันที่ เก้า เมษายน อันเป็นวันจัดงานสงกรานต์ ของคณะแพทยศาสตร์ ครับ และท่านสามารถเข้าชมกระดานข่าวได้ซำ้แล้วซำ้อีกเพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าชม ได้มากครั้งเท่ากับจำนวนความรักในหัวใจที่ท่านจะมอบให้แก่ผู้ระทมทุกข์ครับ ด้วยความรักทุกๆท่าน นพ. อานนท์ วิทยานนท์ Send from my iPad " />
ความคิดเห็นที่ : 5


   Subject: [Fwd: [Medicine7] ขอความรักหลั่งรินมา เพื่อเยียวยาจิตใจแสนระทม]
From: jittawat.r@psu.ac.th
Date: Fri, April 5, 2013 10:48 am
To: varnont@gmail.com
all_unit@medicine.psu.ac.th
Cc: jittawat.e@psu.ac.th
--------------------------------------------------------------------------

เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

ผู้บริหารฯและทีมฯมีอำนาจอยู่ในมือที่จะทำลายใครก็ได้ตามที่ตนคิดว่าถูกต้องโดยไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ในองค์กร

แต่คนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์นำเงินรายได้ที่ทุกคนในคณะแพทย์แห่งนี้ช่วยกันหามาและส่วนหนึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนมาใช้จ่ายแบบไม่เหมาะสมครับ

เห็นความสำคัญของการปรับภูมิทัศน์ของสถานที่มากกว่าที่คิดจะช่วยเยียวยาบุคลากรที่ได้ผลกระทบจากการกระทำของพวกคุณ

นำเงินมาใช้จ่ายจัดงานรื่นเริงต่างๆเพื่อหาเสียงกลบเกลื่อนความจริงในแง่ลบที่พวกคุณสร้างขึ้นมา
แทนที่จะนำเงินหรือกันเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือหรือเป็นเงินค่าจ้างสำหรับผู้ที่ถูกเขี่ยออกจากงาน
และนำมาวางแผนการบริหารฯคนใหม่ ไม่ใช่ใช้วิธีเขี่ยคนออกจากงานเช่นนี้

ผมเองมีแผนในอนาคตอันใกล้นี้(ต้นเดือนมิถุนายน 2556
,คือยื่นใบลาออกปลายเดือนเมษายนหรือต้นพฤษภาคมนี้)
ผมก็ต้องลาออกไปปฏิบัติงานที่อื่นที่คิดว่าเราไปทำประโยชน์ที่นั่นได้อย่างเต็ม100%
ที่ๆเห็นความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ทุกระดับที่เท่าเทียมกัน
ไม่ใช่เลือกปฏิบัติเช่นที่นี่ ผมอยากอยู่เป็นแนวร่วมกับอาจารย์อานนท์
เพื่อให้อาจารย์เดินเรื่องต่อจนบรรลุตามวัตถุประสงค์และความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นของท่านอาจารย์ในเรื่องการให้ผู้บริหารและทีม
มีจิตสำนึกในคุณธรรมและธรรมาภิบาลของผู้นำองค์มากกว่าที่ทุกท่านในองค์กรนี้ได้รู้ได้เห็นกัน

อย่างไรก็ตามผมเอาใจช่วยและจะเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์อานนท์
ดำเนินเรื่องได้บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่ท่านตั้งใจไว้ครับ
และขอเอาใจช่วยผู้ที่ถูกกระทำจากผู้ที่ไม่มีจิตสำนึกที่ใช้อำนาจตนในทางที่ไม่ควร
มากระทำความทุกข์แก่ผู้ที่ด้อยกว่าครับ

ผมอยากให้บุคลกรท่านอื่นๆ
ช่วยเป็นกำลังใจและช่วยกันออกมาออกเสียงให้ความเห็นกันมากๆเพื่อเป็นเสียงสะท้อนการกระทำของผู้บริหารและทีม
ให้เห็นซึ่งความอยุติธรรมที่คุณก่อขึ้นมาครับ

ผมอยากให้ท่านที่เห็นด้วยกับท่านอาจารย์อานนท์นำเนื้อหาทั้งหมดในเมล์นี้ไปโพสต่อในกระดานข่าวต่อจากความคิดเห็นที่4
ในกระทู้ "ข่าวสำคัญสำหรับชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน"
เพื่อเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์อานนท์และผู้ที่ถูกเขี่ยออกจากงานและได้รับทุกข์ด้วยเถิดครับ
ถือว่าให้มีคนเห็นด้วยมากๆแล้วอะไรๆจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นครับ
ถ้าทุกท่านช่วยกันครับ

ด้วยความนับถือ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

5 เมย. 56



---------------------------- Original Message ----------------------------
Subject: [Medicine7] ขอความรักหลั่งรินมา เพื่อเยียวยาจิตใจแสนระทม
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Fri, April 5, 2013 7:17 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
--------------------------------------------------------------------------

เพื่อนคณะแพทย์ที่รักทุกท่าน ผมมีข่าวคุณพยาบาลที่ตาพิการดังนี้ครับ

> On 4 เม.ย. 2556, at 0:11, .........@psu.ac.th wrote:

> สำหรับคุณพยาบาลที่มีปัญหาเรื่องตา
พี่ได้รับทราบว่าอาจารย์...........กำลังศึกษาและตั้งใจแน่ที่จะให้ความช่วยเหลือ
> ขณะนี้อยากให้พักเพื่อรักษาให้ดีขึ้นก่อน
แต่คงต้องทำความเข้าใจว่าไม่ได้ให้พักตลอดไป
เพียงแต่คงต้องปรับงานให้เหมาะสม

> ???????????????????????????

ซึ่งแปลความระหว่างบรรทัดได้ว่า
ขณะนี้ พยาบาลท่านนี้ถูกให้หยุดงานไปเรียบร้อยแล้วครับ
และถ้าท่านไม่ได้อยู่ในความห่วงใยของคนในคณะแพทยศาสตร์เช่นในขณะนี้
ท่านผู้บริหารก็คงไม่แน่ว่าจะสนใจศึกษาและตั้งใจแน่ที่จะช่วย
เหมือนที่ได้ส่งข่าวมาหรือไม่
แต่การบอกกล่าวมาเพียงเท่านี้ไม่ได้มีหลักประกันความจริงในอนาคตอะไรเลย
เพราะชีวิตในอนาคตทั้งหมดของท่านผู้นี้
ขึ้นอยู่กับลายเซ็นต์และปลายปากกาอันมีอำนาจล้นฟ้าของท่านคณบดีเพียงผู้เดียวครับ
หลักประกันที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้
ก็ต้องให้ท่านคณบดีจัดทำแผนการดูแลผู้คนทั้งหมดร่วมกับกรรมการคณะอย่างมีธรรมาภิบาล
เมื่อเดือนก่อนมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาขอให้ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
สรรหาผู้พิการทางจิตเพื่อจ้างเป็นพนักงานธุรการ โดยให้เงินเดือนวุฒิปริญญาตรี
ตามนโยบายดูแลสังคมของบริษัทครับ
ลองคิดถึงความมีมนุษยธรรมในองค์กรของเอกชนเทียบกับของเราซิครับ
ทำไมถึงต่างกันราวนรกกับสวรรค์เช่นนี้ได้
เจ้าหน้าที่ของเราที่อุทิศตัวเพื่อองค์กรมาหลายสิบปี
จนตาพิการป่วยเป็นจอตาลอก และทำงานได้น้อยลง ถูกทอดทิ้งอย่างไร้ค่า
ในทางตรงข้ามบริษัทเอกชนที่ทำกำไรเพื่อตัวเองกลับพยายามสรรหาผู้พิการซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมไปเยียวยา
ที่ต่างกันก็เพราะจิตใจของผู้บริหารที่มีจริยธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ไม่ทัดเทียมกันนั่นเองครับ

ชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน ผมมีความคิดที่ท้าทายมาเสนอแก่ท่านครับ

ในเมื่อปลายปากกาของท่านคณบดีที่ฉวัดเฉวียน
มีอำนาจถึงกับเปลี่ยนแปลงอนาคตและความดีงามของผู้คนได้
ก็แล้วทำไมความรักอันบริสุทธิในเพื่อนมนุษย์ของพวกเราจะไม่สามารถทำสิ่งที่ประเสริฐกว่านั้นได้เล่า
ท่านเคยได้ยินไหมว่า ความรักคือพรจากพระเจ้าอันยิ่งใหญ่
มีอำนาจเยียวยาและสร้างสรรค์
ผมขอให้พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่านหลั่งรินความรักจากใจที่ใสบริสุทธ์ของท่าน
มาเป็นโอสถเพื่อเยียวยาจิตใจที่แสนระทมทุกข์ของคุณพยาบาลท่านนี้ด้วยเถิดครับ
ขอให้ทุกท่านที่มีความรักเต็มเปี่ยมหัวใจเข้าไปเยี่ยมกระดานข่าวคณะแพทย์
ของท่านอาจารย์จิตวัต
ที่โพสต์จดหมายของผมไว้ ในหัวเรื่อง ข่าวสำคัญสำหรับชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน
เพื่อทำตัวเลขของผู้เข้าชมให้สูงขึ้นจนทำลายสถิติผู้เข้าชมทุกสถิติในกระดานข่าวแห่งนี้ครับ
ทั้งนี้เพื่อบอกแก่ผู้บริหารว่าพวกเราปราถนาที่จะเยียวยาจิตใจของผู้ระทมทุกข์เหล่านั้นด้วยการมอบหลักประกันในอนาคตแก่พวกเขาครับ

ช่วยกระจายคำพูดของผมออกไป. พี่น้องที่รักทุกท่าน
ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา จากดวงใจที่แสนบริสุทธิของทุกท่าน
ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา เพื่อเยียวยาจิตใจที่แสนระทม
ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา เป็นสายธารน้ำใสสะอาด เพื่อคนทุุกข์ได้ดื่มกิน
ขอให้ความรักจงหลั่งรินมา เพื่อท้าทายอำนาจอธรรม
และ
ขอให้ความรักจงหลั่งรินมาเพื่อการให้อภัยแก่ผู้ทำลายและทุกผู้คนที่มีความไม่สมบูรณ์เป็นธรรมชาติแห่งมนุษย์

พี่น้องที่รักทุกท่าน
เราต้องการตัวเลขเพื่อทำลายทุกสถิติผู้เข้าชมในเวลาเที่ยงคืนวันนี้ครับ
และสถิติที่มากกว่านั้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในอีกสามวันถัดมาไม่เว้นแม้เสาร์อาทิตย์ครับ
ตัวเลขแห่งความรักของพวกเรานี้จะแสดงพลังสร้างสรรค์ก่อนวันที่ เก้า
เมษายน นี้ครับ
กระจายข่าวนี้ออกไปพี่น้องที่รักทุกท่าน ก่อนวันที่ เก้า เมษายน
อันเป็นวันจัดงานสงกรานต์ ของคณะแพทยศาสตร์ ครับ
และท่านสามารถเข้าชมกระดานข่าวได้ซำ้แล้วซำ้อีกเพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าชม
ได้มากครั้งเท่ากับจำนวนความรักในหัวใจที่ท่านจะมอบให้แก่ผู้ระทมทุกข์ครับ
ด้วยความรักทุกๆท่าน
นพ. อานนท์ วิทยานนท์
Send from my iPad


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-05 , Time : 11:14:02 , From IP : 172.29.14.62


ความคิดเห็นที่ : 6


   Subject: [Medicine7] ธารน้ำใจใสพิสุทธ์
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Sat, April 6, 2013 8:46 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน
ขอขอบคุณธารน้ำใจใสพิสุทธ์ที่หลั่งรินจากหัวใจอันบริสุทธิของพี่น้องทุกท่านครับ
ที่ทำให้ตัวเลขของผู้เข้าชมกระดานข่าว
เพิ่มจากสองพันเป็นสี่พันในตอนเย็นเมื่อวานทำลายสถิติผู้เข้าชมแค่่ช่วงครึ่งวันเองครับ
บ่ายเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งที่อยู่ในแผนการให้ออกของท่านคณบดี
โทรมาขอบคุณพวกเราด้วยความซาบซึ้งใจ
เธอเล่าว่าเวลาอยู่ในภาวะเช่นที่เธอเป็นนั้น ไม่สามารถหันไปพึ่งใครได้
คุยกับหัวหน้างานก็ตกอยู่ในภาวะเศร้าระทมเช่นกัน
ก่อนไปพบหัวหน้างานเจอใครนั่งอยู่แถวนั้น
ก็ต้องพูดแกล้งชมคณบดีอย่าให้ใครรู้ว่าตนเองไม่ชอบท่าน เช่นพูดกับคนข้างๆว่า
น่าสงสารท่านคณบดีจังถูกโจมตีเยอะเห็นท่านก็ขยันออก
ดึกดื่นยังมาเดินตรวจงานที่โรงพยาบาล อีกฝ่ายก็ต้องพูดชมท่านกลับเช่นกันครับ
เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใครจะไปฟ้องเจ้านายว่าอย่างไร
ครั้นเข้าไปในห้องหัวหน้างานได้ก็ระบายความทุกข์ที่เกิดจากนำ้มือของท่านคณบดีซึ่งกันและกัน
แต่ทว่าอย่างไร้ความหวังครับ เธอพูดผสมเสียงสะอื้นว่า
เพิ่งมีครั้งนี้ที่เห็นพลังความรักของพวกเราแสดงเป็นตัวเลข ที่ทำให้เธออุ่นใจว่า
เธอมีเพื่อน เธอมีคนเข้าใจ เธอมีคนโอบอุ้ม
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะหน้าฉากล้วนต้องเข้าข้างท่านคณบดีเพื่อป้องกันตัวเองทั้งสิ้น

พี่น้องที่รัก ชีวิตทำไมถึงกลายเป็นสิ่งหลอกลวงมากมายเช่นนี้ได้ เธอเล่าต่อว่า
ทำงานที่นี่มาสิบกว่าปี มีความภูมิใจและความสุขมาก
แต่ต้องมาพังพินเมื่อท่านคณบดีบอกว่าตำแหน่งของเธอไม่จำเป็นต่อหน่วยงานที่ทำอยู่
ขอให้เกลี่ยงานภายในสองเดือนนี้ ทว่าเธอไปหาตำแหน่งในหน่วยงานอื่นๆก็ไม่เคยมี
ได้แต่คำตอบว่า เสนอขอตำแหน่งเพิ่มไปแล้วแต่คณบดียังไม่อนุมัติให้คอยไปก่อน
พี่น้องลองนึกดูว่าเธอจะรู้สึกสิ้นหวัง เปล่าเปลี่ยวและทุกข์ระทมเพียงใด
เพิ่งมีครั้งนี้ที่เธอมีเพื่อน
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป็นใครเพียงแต่ผูกพันกันด้วยตัวเลขที่หลั่งแทนความรักจากใจของพี่น้องทุกท่านครับ
ผมก็ได้แต่บอกเธอไปว่า ขอให้อดทนอย่าเพิ่งลาออก
พวกเรากำลังช่วยกันอยู่ เธอระล่ำระลักขอบคุณผมอย่างมากมาย
ด้วยเสียงที่มีความหวังเปี่ยมล้น
พี่น้องครับผมร้องไห้อยู่ภายในใจไม่กล้าปล่อยให้เสียงสั่นเครือเล็ดลอดไปถึงเธอ
เกรงว่าเธอจะผิดหวัง เธอคงไม่รู้ว่าผมก็เปล่าเปลี่ยวเช่นเดียวกับเธอเหมือนกัน
เดินผ่านคนเคยรู้จักเขาก็ไม่กล้าทักทายเสียแล้ว ด้วยกลัวว่าจะถูกอำนาจบริหารเล่นงาน
เจ้าหน้าที่ผู้ชายบางคนต้องเดินตามผมเข้าไปคุยในห้องนำ้ชาย
พี่น้องครับ พวกเราต่างเปล่าเปลี่ยว หวาดกลัว และสิ้นหวัง
ในโลกใบนี้ที่เคยเป็นสวรรค์อันชอบธรรมของพวกเราเอง
ทำไมเจ้าของผู้ชอบธรรมจึงได้แต่แสดงตัวเป็นตัวเลขที่ไร้ตัวตนเช่นนี้ได้
แต่ทั้งหมดมันแสดงว่าเรารักกัน และเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราผูกพันธ์กัน
และที่สำคัญคือจะไม่มีวันทอดทิ้งกันครับ
ธารน้ำใจใสพิสุทธ์ของพี่น้องทุกท่าน
ได้เยียวยาจิตใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่แสนระทมทุกข์ในเบื้องต้นแล้ว
และเป็นกำลังใจให้ผมและทีมอย่างมากมาย
ขณะเดียวกันได้ก่อให้เกิดความหวาดกลัวแก่ผู้กดขี่อย่างมากเช่นกันครับ
เขากลัวว่าเราจะทำสำเร็จ
หลังจากเห็นจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทำลายสถิติของกระดานข่าวของคณะในตอนเย็น
เขาได้เริ่มบลอคตัวเลขตั้งแต่ผู้เข้าชม4200แล้วครับ
อาจจะเป็นได้ว่า เขาไม่นับตามจำนวนครั้งที่เข้าชมอีกแล้วแต่นับตาม ip addressแทน
อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้ตัวเลขก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่สามารถห้ามได้
แม้จะช้าหน่อยครับ ชั่วข้ามคืนมีผู้เข้าชมเพิ่มอีกประมาณสี่ร้อยคนแล้วครับ
พี่น้องที่รักทุกท่าน เราจะแสดงให้เขาเห็นว่า แม้อำนาจยิ่งใหญ่ของท่านคณบดี
ก็ไม่อาจขัดขวางความรักอันบริสุทธ์ของพวกเราได้
อุปสรรคพิสูจน์รักแท้ฉันใด ความพยายามของพวกเราจะยิ่งเพิ่มทับทวี
เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคนี้ ให้ตัวเลขผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้งให้จงได้

พี่น้องที่รัก กระจายคำพูดของผมออกไป
ขอความรักจงหลั่งรินมา จากใจแสนบริสุทธ์ของทุกท่าน
ขอความรักจงหลั่งรินมา เพื่อเยียวยาจิตใจแสนระทม
ขอความรักจงหลั่งรินมา เป็นธาราใสที่เชี่ยวกราก เพื่อทำลายอำนาจอธรรม
และขอความรักจนหลั่งรินมา เพื่อล้างปาปแก่ผู้สำนึกผิด
และเพื่อให้อภัยทุกผู้คน
พี่น้องที่รักครับ
เรายังต้องการตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแม้จะไม่เร็วนัก
แล้วพลังความรักของเราจะแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ที่ไม่มีสิ่งใดทัดทานได้
ขอให้ทุกท่านบอกเพื่อทุกคนที่รู้จักมาเข้าชมกระดานข่าวแห่งนี้ครับ

กระจายข่าวนี้ออกไปครับพี่น้อง วันที่แปดเมษายน เวลาเก้าโมงเช้า
ขอให้พวกเราคอยฟังข้อเสนอที่จะทำให้ความรักของเรา
แสดงออกได้อย่างสร้างสรรค์และดีงามครับ

ขอบคุณทุกท่านแทนผู้ทุกระทมครับ
อานนท์ วิทยานนท์


Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-06 , Time : 10:16:18 , From IP : mx-ll-223.207.177-72.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 7




   ***ขอนำ "08 คำคมขงเบ้ง คำคมสอนใจ"มาลงไว้เผื่อท่านผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือจะได้คิดบ้างครับ

108 คำคมขงเบ้ง คำคมสอนใจ

-ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

-อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย

-ผู้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

-มังกรถ้าไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉ

-ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี

*จาก http://www.คําคม108.com/108

---------------------------------------------------------------------------------

***ขอนำบทความ"ประเพณีวันสงกรานต์"มาลงให้ท่านผู้อ่านพิจารณาว่า
กระทู้เชิญชวนกระทู้นี้***ขอเชิญชาวคณะแพทยศาสตร์ ร่วมงานพิธีรดน้ำขอพรวันสงกรานต์ ในวันอังคารที่ 9 เมษายน 2556 (จากเดิมวันที่ 10 เมษายน 2556) ***ของคณะเราทำได้แบบนี้ไหมครับ


วันสงกรานต์

ประเพณีวันสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ ประชาชนจะจัดให้มีกิจกรรมที่ถือ ปฏิบัติเป็นกิจกรรมของชุมชนและสังคม ที่ทุกเพศ ทุกวัย และ ต่างฐานะสามารถสมัครสมานในงานเทศกาลนี้ แสดงออกด้วย ความพร้อมเพรียงในการตระเตรียมทำความสะอาดบ้านเรือน วัด ความพร้อมใจในการทำบุญให้ทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อ บรรพบุรุษและบุพการี การสรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การเล่นรื่นเริง เช่น การเล่นพื้นบ้าน พื้นเมืองต่าง ๆ และสิ่งที่เป็น การเล่น ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้คือ การเล่นสาดน้ำ ของหนุ่มสาวและเด็กด้วยน้ำใจไมตรี

สภาพการณ์ดังกล่าวนี้นำ ไปสู่ความเกื้อกูลผูกพันด้วยสายใยของวัฒนธรรมที่เป็นมรดก เก่าแก่ของไทยเรา ประเพณีวันสงกรานต์ นับเป็นประเพณีที่มีคุณค่าต่อ ครอบครัว ชุมชน สังคม และศาสนา กล่าวคือ

1. คุณค่าต่อครอบครัว ทำให้สมาชิกของครอบครัวได้มี โอกาสมาอยู่รวมกัน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที เช่น ลูก-หลาน มารดน้ำขอพรจากบิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย และมอบของขวัญ ให้แก่ท่านเหล่านั้น รวมทั้งมีความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ ล่วงลับไปแล้วด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

2. คุณค่าต่อชุมชน ทำให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี ในชุมชน เช่น ร่วมกันทำบุญให้ทานพบปะสังสรรค์สนุกสนาน รื่นเริงร่วมกัน

3. คุณค่าต่อสังคม ทำให้มีความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการ ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรือน วัดวาอาราม ที่สาธารณะ ตลอดจนอาคารสถานที่ของหน่วยงานต่าง ๆ

4. คุณค่าต่อศาสนา ช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนา คือ การทำบุญ ตักบาตร หรือเลี้ยงพระการปฏิบัติธรรมฟังเทศน์ การ สรงน้ำพระ


•กิจกรรมวันสงกรานต์

1. ทำบุญตักบาตร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ชีวิต
2. ปล่อยนกปล่อยปลา คนไทยมีความเชื่อว่าการปล่อยนกปล่อยปลา ถือว่าเป็นการล้างบาปบางส่วนที่ตนเป็นผู้ก่อ อีกทั้งทำให้เคราะห์ร้ายที่จะเกิดขึ้นหมดไป
3. ให้ทานแก่ผู้ที่ขัดสน เช่น คนชรา เด็กพิการ เด็กกำพร้า เป็นต้น
4. สรงน้ำพระ แบ่งออกเป็น 2 อย่าง ได้แก่ การสรงน้ำพระพุทธรูป และการสรงน้ำพระภิกษุ
5. การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ได้แก่ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่มีพระคุณ การรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ ด้วยต้องการขอขมาสิ่งที่อาจจะล่วงเกินผู้ใหญ่ ในบางครั้ง รวมถึงเป็นการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และข้อคิดเตือนใจแก่ตนเอง อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดง ถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณอีกด้วย การรดน้ำ ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของบุตรหลานที่มีต่อบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ อีกทั้งเป็น การขอพรจากบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ เพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่
6. การละเล่นสาดน้ำ ประเพณีนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันสงกรานต์เลยทีเดียว ด้วยงานฉลองวันสงกรานต์นั้นเป็นช่วงฤดูร้อน ประเพณีเริ่มจากการที่มีการสรงน้ำพระ และรดน้ำญาติผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำนั้นนิยมกันในหมู่ของหนุ่มสาว น้ำที่ใช้สาดกันนั้นจะใส่น้ำอบน้ำหอม แต่ในปัจจุบันประเพณีอันดีงามอันนี้ได้จางหายไปตามกาลเวลาและยุคสมัย ในปัจจุบันมีการสาดน้ำกันอย่างรุนแรง รวมถึงได้มีการนำอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการละเล่นสาดน้ำมากขึ้นด้วย


จาก:http://season.sanook.com/songkran/


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-06 , Time : 16:12:45 , From IP : mx-ll-223.207.177-72.dynamic.3bb.co.th


From: vittayanont arnont > Date: 7 เมษายน 2556, 8 นาฬิกา 2 นาที 16 วินาที GMT+07:00 > To: all_unit@medicine.psu.ac.th > Subject: อาจารย์แพทย์ กับแผ่นดิน มอ.ที่กำลังร้องไห้ > > เรียน อาจารย์แพทย์ มอ.ที่รักและเคารพทุกท่าน > ตั้งแต่มีจดหมายโพสต์บนกระดานข่าว ผมเองได้รับคำถามมากมายจากเพื่อนแพทย์หลายๆท่าน > บางท่านบอกว่ายังไม่เชื่อที่ผมเขียน ต้องสืบหาข้อมูลก่อน > ผมได้เรียนกับท่านเหล่านั้นไปว่า ข้อมูลเหล่านี้ผมได้มาในฐานะของความเป็นประธานองค์กรแพทย์และจิตแพทย์ > ท่านคณบดีไม่เคยเอาเรื่องเหล่านี้ชี้แจงในกรรมการคณะ จึงไม่มีใครทราบ แม้แต่รองบริหารเองก็เพียงทราบเรื่องเลาๆแต่ไม่ชัดเจน > ดังจดหมายของท่านอาจารย์............ที่โต้ตอบกับผมดังนี้ครับ > >>>>> On 29 มี.ค. 2556, at 0:02, ............@psu.ac.th wrote: >>>>> >>>>>> อานนท์ที่รัก >>>>>> พี่ไม่ทราบว่าจะตอบอานนท์ว่าอย่างไรดี คิดไม่ออกตั้งแต่ e-mail >>>>>> ฉบับก่อนซึ่งไม่ได้ตอบกลับ ขอโทษด้วย >>>>>> พี่ทราบว่าคณบดีได้กระทำการบางอย่างที่คนไม่ชอบและไม่ต้องการให้เกิดขึ้น >>>>>> ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่พี่ไม่ได้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน >>>>>> แต่ก็ได้เรียนคณบดีด้วยตนเองแล้ว เข้าใจว่าคณบดีรับทราบและพยายามปรับแก้ >>>>>> เรื่องที่เราคุยกันในการสัมมนาคือคณบดีและทีมบริหารจะต้องนำองค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล >>>>>> หลังจากการสัมมนาทีมบริหารมีภารกิจที่จะต้องไปประชุมสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันภูมิภาคที่เชียงใหม่ >>>>>> กลับมาก็พบ e-mail ทำให้พี่ไม่แน่ใจว่าจะตอบอานนท์ได้อย่างไร >>>>>> เพราะน่าจะรออีกสักนิดว่ามีทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมาภิบาลอีกหรือไม่ >>>>>> สำหรับเรื่องที่ผ่านไปแล้วถ้าจะทบทวนก็น่าจะร่วมกันวิเคราะห์ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริง >>>>>> พี่คิดว่าเราน่าจะคุยกันได้ >>>>>> อานนท์กับทีมขอพบคณบดีเพื่อวิเคราะห์ทำความเข้าใจกันอย่างจริงจังและเป็นกัลยาณมิตรมากกว่าที่เป็นอยู่น่าจะดีกว่า >>>>>> ขอโทษที่พี่ยังคงไม่เห็นด้วยกับวิธีการต่างๆที่อานนท์ใช้อยู่ >>>>>> การเอาชนะอะไรด้วยความรุนแรงเป็นวิธีที่พี่ยังคงต้องขอหลีกเลี่ยง >>>>>> การใช้สื่อขายข่าวตามที่เสนอคงทำให้บางคนดีใจสะใจแต่คิดถึงผลของมันบ้างไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับองค์กรของเรา >>>>>> เราใช้หัวใจของความเป็นมนุษย์จัดการกับเรื่องภายในองค์กรของเราไม่ดีกว่าหรือ >>>>>> ด้วยรักและปรารถนาดีต่ออานนท์ ผู้ร่วมชะตากรรมทุกคนและคณะแพทยศาสตร์ของเรา >>>>>>--------------------------------->>>>> > อาจารย์อานนท์ตอบ และตอนที่พวกเราคุยกันถึงเรื่องธรรมภิบาลในคณะ ท่านคณบดีก็วางเฉยไม่พูดอะไรสักคำ ผมได้เรียนถามว่า ถ้ากรรมการคณะตกลงตามนั้นท่านคณบดีจะตกลงด้วยหรือไม่ ท่านก็ไม่ตอบจนท่านอาจารย์..........ต้องพูดเสริมว่าท่านคณบดีเป็นส่วนหนึ่งของกรรมการคณะก็น่าที่ท่านจะรับ แต่ทุกท่านก็เห็นแล้วว่าจนป่านนี้ท่านยังไม่เคยรับปากว่าจะดำเนินการให้มีธรรมาภิบาลในคณะเลยครับ > บางท่านบอกว่าให้ผมแสดงหลักฐานให้ชัดถึงจะเชื่อ > ผมขอเรียนว่า หลักฐานที่ชัดที่สุดคงเป็นจดหมายฉบับเมื่อเช้านี้ เรื่องแผ่นดินที่กำลังร้องไห้ แต่ต้องปิดบังข้อมูลบางส่วนเพื่อป้องกันอันตรายแก่ท่านเหล่านั้น ถ้าให้ชัดมากกว่านี้ต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งมีอำนาจคุ้มครองครับ > ผมขอเรียนว่าผมมีพยานบุคคลทั้งหมดที่สามารถนำมายืนยันในศาลได้ และผมกล้าเขียนจดหมายลงชื่อจริง ไม่เขียนเป็นจดหมายสนเท่ห์ เพื่อยืนยันว่าผมมีความจริงใจและไม่กลัวถูกฟ้องหมิ่นประมาทครับ > อีกบางท่านบอกว่าผมทำเพื่อต้องการล้มท่านคณบดีใช่หรือไม่ > ผมขอเรียนว่า ที่ดำเนินการมาทั้งหมด เพียงต้องการให้ท่านคณบดีรับปากที่จะดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลร่วมกับกรรมการคณะเท่านั้น ท่านอาจารย์จะเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่ผมเสนอมีเรื่องเดียวคือเรื่องลูกจ้างเงินรายได้ที่ถูกเอาออกโดยไม่มีเหตุผลซึ่งตอนนี้นับได้สิบกว่าคนแล้วครับ แล้วจะลามต่อไปทุกหน่วยงานจนถึงลูกจ้างในภาควิชาในที่สุด *********ส่วนด้านเสียอื่นๆของท่านคณบดีผมไม่เคยนำเสนอเลยทั้งๆที่มีอีกมากมายตามที่ท่านก็ทราบกันดี********* และถ้าสังเกตโซเชียลมีเดีย ที่ผมใช้ก็จะพบว่า เป็นการใช้สื่อภายในคณะทั้งหมด แม้จะรู้ดีว่าในกระดานข่าวคณะแพทย์นั้นคงไม่มีใครกล้าเสนอความเห็นมากนักโดยเฉพาะท่านผู้เดือดร้อน และแม้จะรู้ว่าอาจถูกบลอคตัวเลขผู้เข้าชมได้ ก็แล้วทำไมผมไม่เอาไปโพสต์ใน*********กระดานข่าวพันธ์ทิพย์ หรือเอเอสทีวีผู้จัดการ*********เล่าครับถึงอย่างไรก็มีโอกาสถูกฟ้องหมิ่นประมาทเท่าๆกัน ทั้งนี้เพราะผมต้องการให้เป็นเรื่องภายในของพวกเราก่อนครับถึงแม้จะเสียเปรียบในการต่อสู้ก็ต้องอดทนด้วยหวังท่านคณบดีจะเข้าใจครับ *********ถึงขณะนี้เรื่องนี้ยังไม่ถูกส่งถึงมหาวิทยาลัยหรือสื่อมวลชนใดๆแม้ในท้องถิ่นหรือระดับประเทศก็ตาม*********ทั้งๆที่มีคอนเนคชั่นอยู่มากมาย เพราะเราไม่ได้ต้องการที่จะโค่นล้มท่านโดยอาศรัยกระแสสังคมหรือแรงกดดันใดๆ เราต้องการเพียงความเข้าใจและความสมัครสมานรวมทั้งธรรมาภิบาลในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้เท่านันเองครับ > มีคนถามผมว่า ผมอยากเป็นคณบดีแทนใช่ไหม อันนี้ยิ่งตลกกันไปใหญ่ครับ หัวหน้าภาควิชาเล็กๆอย่างจิตเวชศาสตร์ที่มีอาจารย์อยู่เพียงห้าคนนั้น คงไม่สามารถสร้างผลงานที่ประทับใจ ท่านอาจารย์แพทย์ส่วนใหญ่ได้หรอกครับ อีกประการหนึ่งคนเป็น > คณบดีต้องมีภาพลักษณ์ของนักวิชาการและนักบริหาร มิใช่ภาพลักษณ์ของคนขี้โวยวายที่ไม่มีพรรคพวกอย่างผมครับ > หลายคนบอกว่าเพราะผมก้าวร้าวจึงขาดแนวร่วม ซึ่งอันนี้ก็คงเป็นความจริงครับ และผมต้องขออภัยอาจารย์ทุกท่านมาณฺที่นี้ด้วยครับ แต่ผมขออนุญาตเรียนท่านว่าความก้าวร้าวของผมน่าจะเกิดจากความกลัวครับ กลัวมากเหมือนหมาจนตรอก ที่ต้องหันหลังกลับมาสู้ ซึ่งสู้แบบหมาจนตรอกที่โดดเดี่ยวและก้าวร้าวจริงๆครับ เนื่องเพราะข้อมูลที่ผมทราบนั้นไม่มีผู้ใหญ่ท่านใดในคณะนี้เข้าใจในช่วงแรกๆ ผมไม่สามารถหันไปพึ่งใครได้เลย แต่ก็ไม่สามารถวางเฉยได้ เดิมพันครั้งนี้ที่เสนอข้อมูลโดยไม่มีพรรคพวกเข้าใจเลยนั้นสูงมากเสียจนผมวิตกกังวลแล้วนอนไม่หลับเป็นสัปดาห์ครับ และอาจหมายถึงชีวิตการงานทั้งชีวิตของผมก็ได้ แต่ด้วยอำนาจแห่งความรักที่พวกเราชาวคณะแพทย์มีต่อกัน ทำให้ตอนนี้มีผู้เข้าใจปัญหามากขึ้นอย่างรวดเร็วครับ > และความรักของพี่น้องที่มีต่อกันนี้ได้เยียวยาจิตใจอันโดดเดี่ยวของผมในเบื้องต้นแล้วเช่นกันครับ > > ท่านอาจารย์แพทย์ที่รักทุกท่าน ท่านสัมผัสได้หรือยังครับว่า ขณะนี้แผ่นดินคณะแพทย์ที่เรารักนี้กำลังร้องไห้ กำลังสั่นสะเทือนด้วยความกลัว คลื่นใต้น้ำที่มิกล้าแม้แต่จะเปิดเผยความทุกข์ที่เกิดจากความอยุติธรรม กำลังต้องการการปลอบประโลมจากท่าน > เขาได้แต่แสดงตัวเลขผู้เข้าชมในกระดานข่าวอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความทุกข์แก่ท่านซึ่งถ้าท่านติดตามตัวเลขเหล่านั้นจะพบว่ามันมีพลังเคลื่อนไหวที่มหาศาลครับ > > พึ่น้องที่รักทั้งหลาย กระจายคำพูดของผมออกไป เราต้องการเพิ่มตัวเลขในกระดานข่าวอีกอย่างน้อย 550 ท่านภายในเที่ยงคืนวันนี้ > ซึ่งเลขนี้เป็นสัญญลักษณ์แทนจำนวนอาจารย์แพทย์ทั้งหมดในสถาบันแห่งนี้ครับ > เราต้องการจะบอกอาจารย์แพทย์ทุกท่านว่า เราต้องการท่าน เราปรารถนาที่จะเชื่อมต่อกับท่านและเราปราถนาที่จะขอปันน้ำใจจากท่านเพื่อปลอบประโลมหัวใจที่เหือดแห้งของเราอันเป็นหัวใจแห่งแผ่นดิน > พี่น้องที่รักทั้งหลายเรามีเวลาอีประมาณ15 ชมนับจากนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อวานเราสามารถเพิ่มจำนวนได้ประมาณ 20 คนต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง และถ้าวันนี้เราถูกบล๊อคมากขึ้นอีก หนทางของเราก็คงเหลือแต่เพียงการเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นพลังเท่านั้นครับ > > พี่น้องที่รักทุกท่าน จงเอาความรักและความทุกข์มารวมกัน แล้วผลักดันเป็นพลังในการที่จะบอกอาจารย์แพทย์ ผู้สูงส่งด้วยภูมิปัญญาและจริยธรรมทุกท่านว่าเราต้องการท่านเป็นผู้ร่วมเยียวยาแผ่นดินที่กำลังร่ำไห้อย้างปวดร้าวอยู่ขณะนี้ > > และกรุณารอคอยข้อเสนอที่จะทำให้ความรักของพวกเราสร้างสรรค์ิย่างได้ผลในวันพรุ่งนี้เช้า เก้านาฬิกาครับ > เป็นเกียรติ์ที่ได้ร่วมปวดร้าว เป็นสุข และเป็นทุกข์ไปพร้อมๆกับทุกท่านครับ อานนท์ วิทยานนท์ --------------------------------------------------------------------------------- Subject: Fwd: แผ่นดินที่กำลังร้องไห้ From: "vittayanont arnont" Date: Sun, April 7, 2013 8:14 am To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า Priority: Normal Create Filter: Automatically | From | To | Subject Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook | View as HTML อาจารย์ครับ ช่วยหน่อย วันนี้มีสองฉบับ จะมีตามมาครับ Send from my iPad Begin forwarded message: > From: vittayanont arnont > Date: 7 เมษายน 2556, 5 นาฬิกา 52 นาที 52 วินาที GMT+07:00 > To: all_unit@medicine.psu.ac.th > Subject: แผ่นดินที่กำลังร้องไห้ > > > > เพื่อนชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน > ความคิดเห็นข้างล่าง เป็นเพียงบางตัวอย่าง ของบุคคลากรของเราที่ต้องทุกข์ระทม > ผมต้องร้องไห้เสียน้ำตากับพวกเขาทุกวัน วันแล้ววันเล่า > เมื่อพวกเขาโทรมาเล่าเรื่องของตนเองและเพื่อนๆที่ต้องทนทุกข์ทรมาน > โดยเราไม่เคยรับรู้ และไม่สามารถรับรู้ได้ เพราะมีโซ่แห่งความหวาดกลัวในอำนาจของท่านคณบดีมัดปากพวกเขาไว้ > ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ ต้องออกไปแล้ว บางคนกำลังจะถูกออก > ทุกท่านคงเข้าใจได้ว่าทำไมผมไม่สามารถแสดงหลักฐานเป็นตัวบุคคลได้ชัดกว่านี้ > แม้ท่านที่ออกไปแล้วก็ยังหวาดกลัวในอำนาจของท่านคณบดีอยู่ไม่วาย > และต้องขออภัยอย่างสูงที่ต้องนำความคิดเห็นของท่านเหล่านี้มาเสนอต่อสาธารณชน > ด้วยความเคารพและสำนึกบุญคุณในทุกท่านผู้เสียสละทำงานด้วยความทุกข์เพื่อความสุขของเพื่อนมนุษย์ > อานนท์ วิทยานนท์ > > ความคิดเห็นที่1 > ทำงานคณะแพทย์มา 25 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเป็นทุกข์ที่สุดในชีวิตการทำงาน จากที่ผ่านมามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นลูกพระบิดา แต่เราได้ถูกทำลายสถาบันครอบครัว ของบุคลากรที่ได้ทุ่มเททำงานให้คณะแพทย์ จากชีวิตที่ดีกลายเป็นคนมีชีวิตที่ติดลบต่อไป ก็จะกลายเป็นปัญหาสังคมจะเพิ่มมากขึ้น > > ความคิดเห็นที่ 2 > ดีใจที่ได้ทำงานคณะแพทยศาสตร์ และได้ทำงานที่ตั้งใจว่าจะปฏิญาณตน จะทำงานตามคำสอนของพระบิดา ภูมิใจที่อยู่คณะแพทย์ที่ได้ทำงานและได้ทำบุญไปพร้อมๆ กัน ก่อนหน้านี้ทำงานมีความสุขมาก ๆๆ มีขวัญกำลังใจอยากมาทำงานตั้งแต่เช้า ๆ เพราะ อยากที่จะมาอยู่ที่ทำงาน แต่ตอนนี้มาทำงานเหมือนกับมาแต่ร่างกาย แต่จิตใจไม่อยากมาด้วย ต้องขมขื่นมากเพราะต้องมีภาระต้องเลี้ยงดูพ่อ-แม่ผู้มีพระคุณและไม่แน่ใจว่าจะต้องถูกออกเมื่อไร > > ความคิดเห็นที่ 3 > จากการทำงานในคณะแพทย์มาเป็นเวลา 20ปี ตำแหน่งลูกจ้างพนักงานเงิน > รายได้ ก็คิดว่าไม่มั่นคงอยู่แล้ว แต่ก็พยายามทำงานและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็ม ที่มาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ ความทุกข์และความเสียใจก็เกิดขึ้น มีการถูกบีบ และเกลี่ยอัตรากำลัง โดยถูกลดคนลงครึ่งหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่โชคดีตอนนี้ยังอยู่ในหน่วยงานได้ > แต่ต่อไปข้างหน้าคงจะเป็นคนต่อไปที่ต้องลาออกจากหน่วยงานไปเอง > เนื่องจากทำงานให้หน่วยงานไม่ได้ ด้วยอัตรากำลังที่เหลืออยู่จะส่งผลไป > ยังการดำเนินชีวิตประจำวัน มีลูก ๆ มีหนี้สิน ต้องรับผิดชอบมากอยู่ > > ความคิดเห็นที่ 4 > ดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นบุคลากรคนหนึ่งของคณะแพทย์ ม.อ. มีความหวังลึก ๆ อยู่ในใจว่าที่นี่คงเป็นสถานที่ทำงานที่มั่นคงสำหรับเรา คงจะสามารถทำงานที่ชอบและใช้ความสามารถที่มีอยู่นี้ทำงานที่นี่ได้ตลอดจนที่ยังมีแรงทำงานได้อยู่คงไม่ต้องออกจากงาน ในตอนนี้มีอายุเยอะ ๆ ต้องเดินไปหางานใหม่ ต้องไปเริ่มต้นใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นก็คงนึกภาพออกว่าเป็นยังไง ? ตอนนี้ความรู้สึกกลับตอกย้ำอยู่ทุกวันว่า พรุ่งนี้ จะอยู่หรือไปแล้วชีวิตเราจะเป็นยังไง แล้วภาระหน้าที่ที่กองอยู่ข้างหน้าเราจะทำไงดี > > ความคิดเห็นที่ 5 > คำว่า”ลูกพระบิดา” มีภาพที่ดูแล้วน่าแปลกใจและเห็นประจำ ทำไม คน ม.อ.เดินเข้ามา หน้าโรงพยาบาลแล้วจะยืนตรง ไหว้พระบิดา ..ตอนนี้พอได้มาทำงานที่นี่ก็รู้แล้วว่าคนที่เราไหว้เคารพมีพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ที่ให้กำเนิด และพระบิดาคือผู้ที่ให้ที่ทำงาน ที่ทำให้เราสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินอยู่ได้ และ10ปีที่ทำงานมาก็มีคติยึดมั่นในใจตลอดว่า “ให้ถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” ก็ทำมาด้วยความตั้งใจที่จะนำความรู้มาพัฒนาคณะแพทย์ ตำแหน่งหน้าที่ถ้าพูดถึงก็ไม่ได้มีความสำคัญมาก แต่ก็ทำให้หน่วยงาน ทำงานได้ดีขึ้น สะดวกขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและดีใจที่ได้นำความรู้ที่เรียนมาก่อให้เกิด ประโยชน์ได้จริง มันคือความภาคภูมิใจมาก แต่ถ้าเปรียบคงเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆซึ่งถ้าผู้บริหารไม่เห็นความสำคัญเหมือนตอนนี้ ก็คงเอาออกไป แต่ตอนนี้ความภูมิใจนั้นมันหายไปสิ้นเชิง ตัวเองกำลังจะโดนย้ายหน่วยงาน ทำไมไม่เพิ่มงาน และสานต่อจากทีมเดิม การที่หน่วยงานระส่ำระส่ายคงไม่มีใครมีความสุขแน่และที่รู้คือตัวเองโดนบีบ และคงไม่มีความสุขกับงานที่ไม่รู้ทำได้หรือไม่ มันคือความกลัวกังวล และน้อยใจ ว่าตลอดการทำงานมาด้วยความตั้งใจ แต่ผลที่ได้กลับเป็นแบบนี้...ทำไมทำกับคนได้อย่างนี้ ให้ย้าย บีบจนให้ออกเพียงแค่หน่วยงานคนเยอะ ไม่เห็นความสำคัญ ไม่คุ้มค่า (ซึ่งไม่แน่ใจว่า โรงพยาบาลของเราเปิดมาเพื่อเพื่อนมนุษย์ หรือเปิดทำการเพื่อ... เงิน ..เหมือนเอกชน) ทำไมไม่คิดว่าถ้าคน ๆ หนึ่งออกไป เขาจะโดนอะไรบ้าง > ความเลวร้าย ความยากจน หนี้สิน พ่อแม่และลูก ภาระต่าง ๆ ที่เขาต้องดูแลมีอีกมาก ถ้าไม่มีรายได้เขาเหล่านั้นทำอย่างไร และถึงคนที่อยู่ก็คงไม่มีความสุขเพราะไม่รู้เมื่อไรจะเป็นรายต่อไป นี่หรือคือผลตอบแทนของคนทำงาน อานนท์ วิทยานนท์ > Send from my iPa " />
ความคิดเห็นที่ : 8




   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

ผมเข้าใจความรู้สึกอาจารย์และสิ่งที่อาจารย์กำลังดำเนินการอยู่ว่าอาจารย์ไม่ได้กระทำการผิดใดๆเลยและไม่ได้ทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตนเองแม้แต่นิดเดียวครับ อาจารย์กำลังนำความจริงที่เกิดขึ้นในองค์กร ที่สร้างความทุกข์และสิ่งที่เดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกับผู้คนในองค์แห่งนี้มาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้รับรู้และหาทางช่วยเหลือจนตนเองต้องรับทุกข์ทรมารไปด้วย

ผมเข้าใจอาจารย์ดีและจะเป็นกำลังใจให้อาจารย์ตลอดไปครับ เพื่อให้อาจารย์ดำเนินการเรื่องนี้ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของอาจารย์อานนท์ที่ทำเพื่อคนที่ได้รับทุกข์ทรมารครับ

ขอให้กำลังใจอาจารย์ด้วย MV เพลงไพเราะๆและเนื้อหาดีมากครับ ดังลิงค์นี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=NqJpBieCyZ0

สิ่งที่อาจารย์อานนท์ฝากผมมาลงในกระทู้นี้ด้านล่าง ผมอ่านแล้ว บอกความรู้สึกที่อาจารย์อานนท์เป็นทุกข์ทรมานแทนผู้คนในองค์แห่งนี้ของอาจารย์ ***อาจารย์ไม่ใช่คนแรงหรือคนก้าวร้าว อาจารย์เล่าความจริงที่เกิดขึ้นครับ*** อาจารย์ไม่โดดเดี่ยวและอาจารย์จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆต่อการปฏิบัติงานของอาจารย์ครับ อาจารย์เป็นบุคลากรที่สำคัญขององค์กรและประเทศชาติ อาจารย์จะไปอยู่หรือไปทำงานเพื่อพัฒนาที่ไหนให้เจริญก้าวหน้าที่นั้นก็รับอาจารย์เป็นบุคลากรที่สำคัญของที่นั่นครับ คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟ้ไม่ไหม้ครับผม

ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ อ่านแล้วคงเข้าใจเช่นผมและช่วยกันเป็นกำลังใจให้อาจารย์อานนท์ด้วยนะครับ

ด้วยความนับถืออย่างยิ่ง ในน้ำใจของอาจารย์อานนท์ครับ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

อาทิตย์ที่ 7เมษายน 2556 เวลา 10.00น

---------------------------------------------------------------------------------
Subject: Fwd: อาจารย์แพทย์ กับแผ่นดิน มอ.ที่กำลังร้องไห้
From: "vittayanont arnont"
Date: Sun, April 7, 2013 8:15 am
To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook | View as HTML

Send from my iPad

Begin forwarded message:

> From: vittayanont arnont
> Date: 7 เมษายน 2556, 8 นาฬิกา 2 นาที 16 วินาที GMT+07:00
> To: all_unit@medicine.psu.ac.th
> Subject: อาจารย์แพทย์ กับแผ่นดิน มอ.ที่กำลังร้องไห้
>
> เรียน อาจารย์แพทย์ มอ.ที่รักและเคารพทุกท่าน
> ตั้งแต่มีจดหมายโพสต์บนกระดานข่าว ผมเองได้รับคำถามมากมายจากเพื่อนแพทย์หลายๆท่าน
> บางท่านบอกว่ายังไม่เชื่อที่ผมเขียน ต้องสืบหาข้อมูลก่อน
> ผมได้เรียนกับท่านเหล่านั้นไปว่า
ข้อมูลเหล่านี้ผมได้มาในฐานะของความเป็นประธานองค์กรแพทย์และจิตแพทย์
> ท่านคณบดีไม่เคยเอาเรื่องเหล่านี้ชี้แจงในกรรมการคณะ จึงไม่มีใครทราบ
แม้แต่รองบริหารเองก็เพียงทราบเรื่องเลาๆแต่ไม่ชัดเจน
>


ดังจดหมายของท่านอาจารย์............ที่โต้ตอบกับผมดังนี้ครับ
>
>>>>> On 29 มี.ค. 2556, at 0:02, ............@psu.ac.th wrote:
>>>>>
>>>>>> อานนท์ที่รัก
>>>>>> พี่ไม่ทราบว่าจะตอบอานนท์ว่าอย่างไรดี คิดไม่ออกตั้งแต่ e-mail
>>>>>> ฉบับก่อนซึ่งไม่ได้ตอบกลับ ขอโทษด้วย
>>>>>> พี่ทราบว่าคณบดีได้กระทำการบางอย่างที่คนไม่ชอบและไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
>>>>>> ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่พี่ไม่ได้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน
>>>>>> แต่ก็ได้เรียนคณบดีด้วยตนเองแล้ว เข้าใจว่าคณบดีรับทราบและพยายามปรับแก้
>>>>>> เรื่องที่เราคุยกันในการสัมมนาคือคณบดีและทีมบริหารจะต้องนำองค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล
>>>>>> หลังจากการสัมมนาทีมบริหารมีภารกิจที่จะต้องไปประชุมสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันภูมิภาคที่เชียงใหม่
>>>>>> กลับมาก็พบ e-mail ทำให้พี่ไม่แน่ใจว่าจะตอบอานนท์ได้อย่างไร
>>>>>> เพราะน่าจะรออีกสักนิดว่ามีทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมาภิบาลอีกหรือไม่
>>>>>> สำหรับเรื่องที่ผ่านไปแล้วถ้าจะทบทวนก็น่าจะร่วมกันวิเคราะห์ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริง
>>>>>> พี่คิดว่าเราน่าจะคุยกันได้
>>>>>> อานนท์กับทีมขอพบคณบดีเพื่อวิเคราะห์ทำความเข้าใจกันอย่างจริงจังและเป็นกัลยาณมิตรมากกว่าที่เป็นอยู่น่าจะดีกว่า
>>>>>> ขอโทษที่พี่ยังคงไม่เห็นด้วยกับวิธีการต่างๆที่อานนท์ใช้อยู่
>>>>>> การเอาชนะอะไรด้วยความรุนแรงเป็นวิธีที่พี่ยังคงต้องขอหลีกเลี่ยง
>>>>>> การใช้สื่อขายข่าวตามที่เสนอคงทำให้บางคนดีใจสะใจแต่คิดถึงผลของมันบ้างไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับองค์กรของเรา
>>>>>> เราใช้หัวใจของความเป็นมนุษย์จัดการกับเรื่องภายในองค์กรของเราไม่ดีกว่าหรือ
>>>>>> ด้วยรักและปรารถนาดีต่ออานนท์ ผู้ร่วมชะตากรรมทุกคนและคณะแพทยศาสตร์ของเรา
>>>>>>--------------------------------->>>>>
>

อาจารย์อานนท์ตอบ

และตอนที่พวกเราคุยกันถึงเรื่องธรรมภิบาลในคณะ ท่านคณบดีก็วางเฉยไม่พูดอะไรสักคำ
ผมได้เรียนถามว่า ถ้ากรรมการคณะตกลงตามนั้นท่านคณบดีจะตกลงด้วยหรือไม่
ท่านก็ไม่ตอบจนท่านอาจารย์..........ต้องพูดเสริมว่าท่านคณบดีเป็นส่วนหนึ่งของกรรมการคณะก็น่าที่ท่านจะรับ แต่ทุกท่านก็เห็นแล้วว่าจนป่านนี้ท่านยังไม่เคยรับปากว่าจะดำเนินการให้มีธรรมาภิบาลในคณะเลยครับ
> บางท่านบอกว่าให้ผมแสดงหลักฐานให้ชัดถึงจะเชื่อ
> ผมขอเรียนว่า หลักฐานที่ชัดที่สุดคงเป็นจดหมายฉบับเมื่อเช้านี้
เรื่องแผ่นดินที่กำลังร้องไห้
แต่ต้องปิดบังข้อมูลบางส่วนเพื่อป้องกันอันตรายแก่ท่านเหล่านั้น
ถ้าให้ชัดมากกว่านี้ต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งมีอำนาจคุ้มครองครับ
> ผมขอเรียนว่าผมมีพยานบุคคลทั้งหมดที่สามารถนำมายืนยันในศาลได้
และผมกล้าเขียนจดหมายลงชื่อจริง ไม่เขียนเป็นจดหมายสนเท่ห์
เพื่อยืนยันว่าผมมีความจริงใจและไม่กลัวถูกฟ้องหมิ่นประมาทครับ
> อีกบางท่านบอกว่าผมทำเพื่อต้องการล้มท่านคณบดีใช่หรือไม่
> ผมขอเรียนว่า ที่ดำเนินการมาทั้งหมด
เพียงต้องการให้ท่านคณบดีรับปากที่จะดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลร่วมกับกรรมการคณะเท่านั้น
ท่านอาจารย์จะเห็นว่าข้อมูลข่าวสารที่ผมเสนอมีเรื่องเดียวคือเรื่องลูกจ้างเงินรายได้ที่ถูกเอาออกโดยไม่มีเหตุผลซึ่งตอนนี้นับได้สิบกว่าคนแล้วครับ
แล้วจะลามต่อไปทุกหน่วยงานจนถึงลูกจ้างในภาควิชาในที่สุด

*********ส่วนด้านเสียอื่นๆของท่านคณบดีผมไม่เคยนำเสนอเลยทั้งๆที่มีอีกมากมายตามที่ท่านก็ทราบกันดี*********

และถ้าสังเกตโซเชียลมีเดีย ที่ผมใช้ก็จะพบว่า เป็นการใช้สื่อภายในคณะทั้งหมด แม้จะรู้ดีว่าในกระดานข่าวคณะแพทย์นั้นคงไม่มีใครกล้าเสนอความเห็นมากนักโดยเฉพาะท่านผู้เดือดร้อน และแม้จะรู้ว่าอาจถูกบลอคตัวเลขผู้เข้าชมได้ ก็แล้วทำไมผมไม่เอาไปโพสต์ใน*********กระดานข่าวพันธ์ทิพย์ หรือเอเอสทีวีผู้จัดการ*********เล่าครับถึงอย่างไรก็มีโอกาสถูกฟ้องหมิ่นประมาทเท่าๆกัน ทั้งนี้เพราะผมต้องการให้เป็นเรื่องภายในของพวกเราก่อนครับถึงแม้จะเสียเปรียบในการต่อสู้ก็ต้องอดทนด้วยหวังท่านคณบดีจะเข้าใจครับ *********ถึงขณะนี้เรื่องนี้ยังไม่ถูกส่งถึงมหาวิทยาลัยหรือสื่อมวลชนใดๆแม้ในท้องถิ่นหรือระดับประเทศก็ตาม*********ทั้งๆที่มีคอนเนคชั่นอยู่มากมาย เพราะเราไม่ได้ต้องการที่จะโค่นล้มท่านโดยอาศรัยกระแสสังคมหรือแรงกดดันใดๆ เราต้องการเพียงความเข้าใจและความสมัครสมานรวมทั้งธรรมาภิบาลในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้เท่านันเองครับ
>

มีคนถามผมว่า ผมอยากเป็นคณบดีแทนใช่ไหม อันนี้ยิ่งตลกกันไปใหญ่ครับ หัวหน้าภาควิชาเล็กๆอย่างจิตเวชศาสตร์ที่มีอาจารย์อยู่เพียงห้าคนนั้น
คงไม่สามารถสร้างผลงานที่ประทับใจ ท่านอาจารย์แพทย์ส่วนใหญ่ได้หรอกครับ

อีกประการหนึ่งคนเป็น
> คณบดีต้องมีภาพลักษณ์ของนักวิชาการและนักบริหาร
มิใช่ภาพลักษณ์ของคนขี้โวยวายที่ไม่มีพรรคพวกอย่างผมครับ
> หลายคนบอกว่าเพราะผมก้าวร้าวจึงขาดแนวร่วม ซึ่งอันนี้ก็คงเป็นความจริงครับ
และผมต้องขออภัยอาจารย์ทุกท่านมาณฺที่นี้ด้วยครับ
แต่ผมขออนุญาตเรียนท่านว่าความก้าวร้าวของผมน่าจะเกิดจากความกลัวครับ กลัวมากเหมือนหมาจนตรอก ที่ต้องหันหลังกลับมาสู้ ซึ่งสู้แบบหมาจนตรอกที่โดดเดี่ยวและก้าวร้าวจริงๆครับ


เนื่องเพราะข้อมูลที่ผมทราบนั้นไม่มีผู้ใหญ่ท่านใดในคณะนี้เข้าใจในช่วงแรกๆ
ผมไม่สามารถหันไปพึ่งใครได้เลย แต่ก็ไม่สามารถวางเฉยได้
เดิมพันครั้งนี้ที่เสนอข้อมูลโดยไม่มีพรรคพวกเข้าใจเลยนั้นสูงมากเสียจนผมวิตกกังวลแล้วนอนไม่หลับเป็นสัปดาห์ครับ และอาจหมายถึงชีวิตการงานทั้งชีวิตของผมก็ได้ แต่ด้วยอำนาจแห่งความรักที่พวกเราชาวคณะแพทย์มีต่อกัน ทำให้ตอนนี้มีผู้เข้าใจปัญหามากขึ้นอย่างรวดเร็วครับ
> และความรักของพี่น้องที่มีต่อกันนี้ได้เยียวยาจิตใจอันโดดเดี่ยวของผมในเบื้องต้นแล้วเช่นกันครับ
>
> ท่านอาจารย์แพทย์ที่รักทุกท่าน ท่านสัมผัสได้หรือยังครับว่า
ขณะนี้แผ่นดินคณะแพทย์ที่เรารักนี้กำลังร้องไห้ กำลังสั่นสะเทือนด้วยความกลัว คลื่นใต้น้ำที่มิกล้าแม้แต่จะเปิดเผยความทุกข์ที่เกิดจากความอยุติธรรม
กำลังต้องการการปลอบประโลมจากท่าน
>

เขาได้แต่แสดงตัวเลขผู้เข้าชมในกระดานข่าวอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความทุกข์แก่ท่านซึ่งถ้าท่านติดตามตัวเลขเหล่านั้นจะพบว่ามันมีพลังเคลื่อนไหวที่มหาศาลครับ
>
> พึ่น้องที่รักทั้งหลาย กระจายคำพูดของผมออกไป เราต้องการเพิ่มตัวเลขในกระดานข่าวอีกอย่างน้อย 550 ท่านภายในเที่ยงคืนวันนี้
> ซึ่งเลขนี้เป็นสัญญลักษณ์แทนจำนวนอาจารย์แพทย์ทั้งหมดในสถาบันแห่งนี้ครับ
> เราต้องการจะบอกอาจารย์แพทย์ทุกท่านว่า เราต้องการท่าน
เราปรารถนาที่จะเชื่อมต่อกับท่านและเราปราถนาที่จะขอปันน้ำใจจากท่านเพื่อปลอบประโลมหัวใจที่เหือดแห้งของเราอันเป็นหัวใจแห่งแผ่นดิน
> พี่น้องที่รักทั้งหลายเรามีเวลาอีประมาณ15 ชมนับจากนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะเมื่อวานเราสามารถเพิ่มจำนวนได้ประมาณ 20 คนต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง และถ้าวันนี้เราถูกบล๊อคมากขึ้นอีก หนทางของเราก็คงเหลือแต่เพียงการเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นพลังเท่านั้นครับ
>
> พี่น้องที่รักทุกท่าน จงเอาความรักและความทุกข์มารวมกัน
แล้วผลักดันเป็นพลังในการที่จะบอกอาจารย์แพทย์ ผู้สูงส่งด้วยภูมิปัญญาและจริยธรรมทุกท่านว่าเราต้องการท่านเป็นผู้ร่วมเยียวยาแผ่นดินที่กำลังร่ำไห้อย้างปวดร้าวอยู่ขณะนี้
>
> และกรุณารอคอยข้อเสนอที่จะทำให้ความรักของพวกเราสร้างสรรค์ิย่างได้ผลในวันพรุ่งนี้เช้า เก้านาฬิกาครับ
> เป็นเกียรติ์ที่ได้ร่วมปวดร้าว เป็นสุข และเป็นทุกข์ไปพร้อมๆกับทุกท่านครับ

อานนท์ วิทยานนท์

--------------------------------------------------------------------------------- Subject: Fwd: แผ่นดินที่กำลังร้องไห้
From: "vittayanont arnont"
Date: Sun, April 7, 2013 8:14 am
To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook | View as HTML




อาจารย์ครับ ช่วยหน่อย วันนี้มีสองฉบับ จะมีตามมาครับ

Send from my iPad

Begin forwarded message:

> From: vittayanont arnont
> Date: 7 เมษายน 2556, 5 นาฬิกา 52 นาที 52 วินาที GMT+07:00
> To: all_unit@medicine.psu.ac.th
> Subject: แผ่นดินที่กำลังร้องไห้
>
>
>
> เพื่อนชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน
> ความคิดเห็นข้างล่าง เป็นเพียงบางตัวอย่าง ของบุคคลากรของเราที่ต้องทุกข์ระทม
> ผมต้องร้องไห้เสียน้ำตากับพวกเขาทุกวัน วันแล้ววันเล่า
> เมื่อพวกเขาโทรมาเล่าเรื่องของตนเองและเพื่อนๆที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
> โดยเราไม่เคยรับรู้ และไม่สามารถรับรู้ได้
เพราะมีโซ่แห่งความหวาดกลัวในอำนาจของท่านคณบดีมัดปากพวกเขาไว้
> ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ ต้องออกไปแล้ว บางคนกำลังจะถูกออก
> ทุกท่านคงเข้าใจได้ว่าทำไมผมไม่สามารถแสดงหลักฐานเป็นตัวบุคคลได้ชัดกว่านี้
> แม้ท่านที่ออกไปแล้วก็ยังหวาดกลัวในอำนาจของท่านคณบดีอยู่ไม่วาย
> และต้องขออภัยอย่างสูงที่ต้องนำความคิดเห็นของท่านเหล่านี้มาเสนอต่อสาธารณชน
> ด้วยความเคารพและสำนึกบุญคุณในทุกท่านผู้เสียสละทำงานด้วยความทุกข์เพื่อความสุขของเพื่อนมนุษย์
> อานนท์ วิทยานนท์
>
> ความคิดเห็นที่1
> ทำงานคณะแพทย์มา 25 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเป็นทุกข์ที่สุดในชีวิตการทำงาน จากที่ผ่านมามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นลูกพระบิดา
แต่เราได้ถูกทำลายสถาบันครอบครัว ของบุคลากรที่ได้ทุ่มเททำงานให้คณะแพทย์ จากชีวิตที่ดีกลายเป็นคนมีชีวิตที่ติดลบต่อไป ก็จะกลายเป็นปัญหาสังคมจะเพิ่มมากขึ้น
>
>
ความคิดเห็นที่ 2
> ดีใจที่ได้ทำงานคณะแพทยศาสตร์ และได้ทำงานที่ตั้งใจว่าจะปฏิญาณตน จะทำงานตามคำสอนของพระบิดา ภูมิใจที่อยู่คณะแพทย์ที่ได้ทำงานและได้ทำบุญไปพร้อมๆ กัน ก่อนหน้านี้ทำงานมีความสุขมาก ๆๆ มีขวัญกำลังใจอยากมาทำงานตั้งแต่เช้า ๆ เพราะ อยากที่จะมาอยู่ที่ทำงาน แต่ตอนนี้มาทำงานเหมือนกับมาแต่ร่างกาย แต่จิตใจไม่อยากมาด้วย ต้องขมขื่นมากเพราะต้องมีภาระต้องเลี้ยงดูพ่อ-แม่ผู้มีพระคุณและไม่แน่ใจว่าจะต้องถูกออกเมื่อไร
>
>
ความคิดเห็นที่ 3
> จากการทำงานในคณะแพทย์มาเป็นเวลา 20ปี ตำแหน่งลูกจ้างพนักงานเงิน
> รายได้ ก็คิดว่าไม่มั่นคงอยู่แล้ว แต่ก็พยายามทำงานและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็ม ที่มาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ ความทุกข์และความเสียใจก็เกิดขึ้น มีการถูกบีบ และเกลี่ยอัตรากำลัง โดยถูกลดคนลงครึ่งหนึ่ง
แต่ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่โชคดีตอนนี้ยังอยู่ในหน่วยงานได้
> แต่ต่อไปข้างหน้าคงจะเป็นคนต่อไปที่ต้องลาออกจากหน่วยงานไปเอง
> เนื่องจากทำงานให้หน่วยงานไม่ได้ ด้วยอัตรากำลังที่เหลืออยู่จะส่งผลไป
> ยังการดำเนินชีวิตประจำวัน มีลูก ๆ มีหนี้สิน ต้องรับผิดชอบมากอยู่
>
>

ความคิดเห็นที่ 4
> ดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นบุคลากรคนหนึ่งของคณะแพทย์ ม.อ. มีความหวังลึก ๆ อยู่ในใจว่าที่นี่คงเป็นสถานที่ทำงานที่มั่นคงสำหรับเรา คงจะสามารถทำงานที่ชอบและใช้ความสามารถที่มีอยู่นี้ทำงานที่นี่ได้ตลอดจนที่ยังมีแรงทำงานได้อยู่คงไม่ต้องออกจากงาน ในตอนนี้มีอายุเยอะ ๆ ต้องเดินไปหางานใหม่ ต้องไปเริ่มต้นใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นก็คงนึกภาพออกว่าเป็นยังไง ? ตอนนี้ความรู้สึกกลับตอกย้ำอยู่ทุกวันว่า พรุ่งนี้ จะอยู่หรือไปแล้วชีวิตเราจะเป็นยังไง แล้วภาระหน้าที่ที่กองอยู่ข้างหน้าเราจะทำไงดี
>
>

ความคิดเห็นที่ 5
> คำว่า”ลูกพระบิดา” มีภาพที่ดูแล้วน่าแปลกใจและเห็นประจำ ทำไม คน ม.อ.เดินเข้ามา หน้าโรงพยาบาลแล้วจะยืนตรง ไหว้พระบิดา
..ตอนนี้พอได้มาทำงานที่นี่ก็รู้แล้วว่าคนที่เราไหว้เคารพมีพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ที่ให้กำเนิด และพระบิดาคือผู้ที่ให้ที่ทำงาน ที่ทำให้เราสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินอยู่ได้ และ10ปีที่ทำงานมาก็มีคติยึดมั่นในใจตลอดว่า “ให้ถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง”
ก็ทำมาด้วยความตั้งใจที่จะนำความรู้มาพัฒนาคณะแพทย์ ตำแหน่งหน้าที่ถ้าพูดถึงก็ไม่ได้มีความสำคัญมาก แต่ก็ทำให้หน่วยงาน ทำงานได้ดีขึ้น สะดวกขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและดีใจที่ได้นำความรู้ที่เรียนมาก่อให้เกิด
ประโยชน์ได้จริง มันคือความภาคภูมิใจมาก แต่ถ้าเปรียบคงเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆซึ่งถ้าผู้บริหารไม่เห็นความสำคัญเหมือนตอนนี้ ก็คงเอาออกไป
แต่ตอนนี้ความภูมิใจนั้นมันหายไปสิ้นเชิง ตัวเองกำลังจะโดนย้ายหน่วยงาน
ทำไมไม่เพิ่มงาน และสานต่อจากทีมเดิม การที่หน่วยงานระส่ำระส่ายคงไม่มีใครมีความสุขแน่และที่รู้คือตัวเองโดนบีบ และคงไม่มีความสุขกับงานที่ไม่รู้ทำได้หรือไม่ มันคือความกลัวกังวล และน้อยใจ ว่าตลอดการทำงานมาด้วยความตั้งใจ แต่ผลที่ได้กลับเป็นแบบนี้...ทำไมทำกับคนได้อย่างนี้ ให้ย้าย บีบจนให้ออกเพียงแค่หน่วยงานคนเยอะ ไม่เห็นความสำคัญ ไม่คุ้มค่า (ซึ่งไม่แน่ใจว่า โรงพยาบาลของเราเปิดมาเพื่อเพื่อนมนุษย์ หรือเปิดทำการเพื่อ... เงิน ..เหมือนเอกชน) ทำไมไม่คิดว่าถ้าคน ๆ หนึ่งออกไป เขาจะโดนอะไรบ้าง
> ความเลวร้าย ความยากจน หนี้สิน พ่อแม่และลูก ภาระต่าง ๆ ที่เขาต้องดูแลมีอีกมาก ถ้าไม่มีรายได้เขาเหล่านั้นทำอย่างไร และถึงคนที่อยู่ก็คงไม่มีความสุขเพราะไม่รู้เมื่อไรจะเป็นรายต่อไป นี่หรือคือผลตอบแทนของคนทำงาน


อานนท์ วิทยานนท์
> Send from my iPa











Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 10:27:13 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 9


   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ. จากกระทู้นี้ ที่กำลังร้อนแรง. มีท่านผู้อ่านเข้ามาอ่านมาก และสนใจว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นใด. อาจารย์อานนท์ครับมีหลายท่านโทรศัพท์ถามผมมากมายทั้งจากภายในคณะเราเองและนอกคณะเรา. ว่าที่ท่านอาจารย์อานนท์ให้ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน. รอเวลา9.00น ของวันจันทร์ที่8เมย(ซึ่งคือวันพรุ่งนี้). ท่านอาจารย์อานนท์พอจะแจ้งให้ผมทราบได้ไหมครับว่าท่านอาจารย์อานนท์จะดำเนินการอะไรครับ. แจ้งผมทางเมล์ก็ได้ครับ. อาจารย์อานนท์ไม่ต้องเกรงว่าจะไม่มีใครมาเป็นแนวร่วมกับอาจารย์อานนท์. จริงอยู่มีคนมากมายเห็นด้วยกับเราแต่ก็อาจมีคนไม่เห็นด้วยเช่นกันครับ. สิ่งหนึ่งที่ทุกท่านที่เห็นด้วยนั้นกล่าวเป็นเสียงเดียวกันคือ. ผู้นำองค์กรนี้จะไม่สนใจครับ ท่านเคยกล่าวเมื่อครั้งผมโพสกระทู้เรื่องความไม่เป็นธรรมในการสรรหาหัวหน้าภาควิชาผม ตอนนั้นถ้าจำได้มีผู้สนใจมาอ่านกระทู้ผมหลักพัน ภายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งก็ถือว่ามากพอควร รู้ไหมครับท่านผู้นำองค์กรนำไปกล่าวในงานเลี้ยงปีใหม่ในภาวิชาฯท่าน แบบเชิงถามเยาะเย้ยกับบางท่านที่ไปร่วมกินข้าวว่า. เป็นไง...ภูเขาไฟระเบิดที่ภาคผม...แบบว่าสงบรึยัง. นี่แหละครับที่ผมเกรงว่าครั้งนี้ท่านก็จะไม่ใส่ใจเช่นกัน ผมเกรงท่านอาจารย์อานนท์จะเจ็บตัวเปล่าๆครับ เพราะอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือเขาครับ. อีกอย่างที่ผมมองต่อมาคือ ถ้าเรื่องนี้ไปถึงท่านผู้นำสูงสุดของมหาวิทยาลัย. ท่านก็แค่สั่งสอบสวนและให้ผู้องค์กรเราชี้แจง ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาหลายเดือนครับ เมื่อชี้แจงกลับมาท่านผู้นำสูงสุดก็จะเชื่อตามและส่งเรื่องชี้แจงเราเท่านั้น เรื่องทุกอย่างก็จบลงครับ เหมือนที่ผมเคยร้องเรียนไปแหละครับ. สิ่งที่ตอนนี้เราจะช่วยท่านอาจารย์อานนท์ ให้บรรลุจุดมุ่งหมายนี้ คือความสามัคคีคือพลังครับ. ร่วมกันเปิดอ่านกระทู้ในกระดานข่าวนี้ให้พุ่งเป็นตัวเลขหลักแสนในคืนนี้ก่อน9.00น.ของวันพรุ่งนี้. แล้วเรามารอดูว่าอาจารย์อานนท์มีมาตรการใดที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากผู้นำองค์กรเราครับ. และรอร่วมมือสามัคคีคือพลังที่จะช่วยให้จุดมุ่งหมายของอาจารย์อานนท์สำเร็จและเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมขององค์กรนี้ ให้ทุกคนในองค์นี้มีความสุขสามัคคีกันก่อนปีใหม่ไทยนะครับ.
ด้วยความนับถืออย่างสูงครับ
จิตวัต รุงเจิดฟ้า
อาทิตย์ที่7เมย56เวลา14.09น


Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 14:13:31 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 10


   ขออภัยท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ. พิมพ์ผิดครับ ขอแก้จากผู้อ่านกระทู้นี้หลักแสน แก้เป็นหลักหนึ่งหมื่นครับ. ขอบคุณครับ

Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 14:23:35 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 11


   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

พวกเรามองเห็นชัยชนะแล้วครับ มีผู้ที่ถือว่าเป็น"พระเอกขี่ม้าขาว" มาช่วยเราแล้วครับอาจารย์อานนท์ ผมดีใจเป็นอย่างมากครับ ขอบพระคุณผู้ที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นกิจที่หนึ่งครับผม

ด้วยความเคารพ ท่านผู้มาร่วมฯและด้วยความนับถืออาจารย์อานนท์ครับ


..การเปลี่ยนแปลงของบางสิ่ง..





เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย


เรียนรู้ความหลากหลายของมนุษย์


ความกระหายกาย – ใจไม่สิ้นสุด


ยากจะหยุดหลุดผ่านกาลเวลา





ทั้งรานร้าวก้าวล่วงห้วงความคิด


ทั้งถูกผิดย่ำย่างทางค้นหา


ไร้สำนึกตรึกตรองมองผ่านมา


ดูไร้ค่าในนามความเป็นคน





เมื่อเปลี่ยนแปลงบางสิ่งอย่านิ่งเฉย


ยิ่งผ่านเลยยิ่งต้องกล้าอย่าสับสน


อย่าปล่อยให้ใครกร่างอย่างจำนน


อย่าอดทนในความยากลำบากเรา…





เพราะทุกสิ่งยิ่งผ่านนานยิ่งหาย


ยิ่งทำลายความจริงยิ่งอับเฉา


ท้ายที่สุดหลุดหายคล้ายดั่งเงา


จนบางเบาสลายไปในเปลี่ยนแปลง…



คัดมาจากhttp://www.oknation.net/blog/sijo/2010/05/24/entry-1 ขอบคุณครับ



จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

อาทิตย์ที่7 เมย.56 ,15.00น



Subject: แด่ ผู้กล้า
From: วรกร แสงถวัลย์
Date: Sun, April 7, 2013 12:42 pm
To: "jittawat.r@psu.ac.th"
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




เรียน นพ.จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

ดิฉันขอความกรุณาให้คุณหมอโพสข้อความของดิฉันลงกระดานอภิปรายในกระทู้ฮิตฮอตของคุณหมอด้วยนะคะ
เนื่องจากดิฉันไม่สามารถเข้าไปโพสเองได้

ขอบพระคุณมากค่ะ

..............................................................................................................................................................................................................

ดิฉันได้รับทราบข่าวคราวชวนสลดใจของชาวคณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ผ่านทาง FWD mail
จากเพื่อนคนหนึ่งมาหลายวันแล้ว
รู้สึกค้างคาใจเป็นอย่างมากเพราะไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนในวงการโรงเรียนแพทย์
ดิฉันได้ลองตรวจสอบข้อมูลบางส่วนว่าที่ นพ.อานนท์ วิทยานนท์
เล่ามานั้นเป็นเรื่องเท็จจริงประการใด
จึงได้รับทราบด้วยตนเองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมแห่งนี้

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงมีพระราชดำรัสว่า
" ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์"
แม้ว่าดิฉันจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้
แต่ก็ได้น้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสมาใช้ในชีวิตและวิชาชีพของตัวเอง
ในขณะที่ลูกพระราชบิดาบางคนไม่ได้ดำรงตนตามพระราชดำรัสแต่อย่างใด
ในที่นี้ดิฉันขอจำเพาะเจาะจงไปยังท่านคณบดี คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์
ว่าท่านเป็นแพทย์และผู้นำที่ไม่มีความเมตตา ขาดจริยธรรม
ท่านคณบดีได้กระทำการอันถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นการกระทำที่ดิฉันและพวกมิอาจนิ่งเฉยอยู่ได้

จึงขอออกมาแสดงเจตจำนงที่จะสนับสนุนการดำเนินการของ นพ.อานนท์ วิทยานนท์ อย่างเต็มที่.
ทั้งนี้ดิฉันได้ตรวจสอบภูมิหลังของ นพ.อานนท์ วิทยานนท์
แล้วว่าท่านเป็นอาจารย์แพทย์ผู้เป็นที่รักใคร่ของผู้ป่วยและบุคคลแวดล้อมตลอดจนประพฤติตนเป็นครูที่ดี
และที่สำคัญคือท่านไม่ได้มีความรู้สึกเชิงลบเป็นการส่วนตัวต่อท่านคณบดี
จึงนับได้ว่าครั้งนี้ นพ.อานนท์ วิทยานนท์ ได้ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงใจ

ดิฉันและพวกจะยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าเราได้มีโอกาสได้แบ่งเบาภาระจาก นพ.อานนท์ วิทยานนท์
หากเพียงแต่ท่านเอ่ยปากขอความสนับสนุนจากเราในการตีแผ่เรื่องราวเหล่านี้ให้รู้ไปยังวงกว้างในหลากหลายรูปแบบ
เพราะเรามีศักยภาพที่จะทำสิ่งนี้ได้ เช่น หาก นพ.อานนท์ ต้องการถ่ายทอดผ่านรายการ "
เรื่องเด่นเย็นนี้ " ของพี่สรยุทธ สุทัศนจินดา ดิฉันสามารถเป็นผู้ประสานงานให้ได้

ท่านคณบดีและทุกท่านที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่
ไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อดิฉันค่ะไว้รอดูกันไป ดิฉันจะรอให้ นพ.อานนท์ วิทยานนท์
ส่งสัญญาณมาเท่านั้นค่ะ ทางเราพร้อมเสมอ

ขอแสดงความนับถือ

submarine








Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 14:57:01 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 12




   Subject: ขอบคุณมิตรภาพที่เยียวยา
From: "vittayanont arnont"
Date: Sun, April 7, 2013 7:36 pm
To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook


คำขอบคุณจากอาจารย์อานนท์ วิทยานนท์ ครับ

---------------------------------------------------------------------------------
อาจารย์จิตวัตครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของอาจารย์ด้วยความจริงใจ
นับว่าเป็นมิตรยามยากที่มีคุณค่าอันหาที่เปรียบมิได้ครับ พอดีผมเพิ่งกลับจากธุระ
จึงรีบตอบจดหมายของอาจารย์ก่อนเลยครับ
ขอบคุณอย่างมากสำหรับคุณ วรกร แสงถวัลย์
มหามิตรผู้เห็นใจและพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกเรา
การมีส่วนร่วมของท่านทำให้เรามีความหวังเพิ่มขึ้นมากครับ
แต่อย่างไรก็ตามผมจำเป็นต้องรักษาคำพูดที่คล้ายคำสัญญาที่ได้บอกกล่าวแก่ท่านอาจารย์แพทย์ทั้งหลายในจดหมายเมื่อเช้านี้ว่าเราจะพยายามแก้ปัญหากันเป็นการภายในจนสุดความสามารถก่อน
โดยขอร้องให้ท่านอาจารย์แพทย์มีส่วนร่วมในการสถาปนาธรรมาภิบาลในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ต่อไปครับ
พวกเราคงจดจำความปราถนาดี ของคุณวรกร และเพื่อนๆ
ไว้ในความทรงจำในเวลาอีกยาวไกลและคงนึกขอบคุณทุกครั้งยามระลึกถึงและในโอกาสข้างหน้าคงได้มีโอกาสขอความช่วยเหลือจากท่านซักครั้งหนึ่งครับ
พี่น้องที่รักทั้งหลาย การจะอยู่หรือไปของท่านคณบดี หรือแม้แต่การแพ้หรือชนะของพวกเรา

ก็ไม่สำคัญเท่า การสถาปนาความเข้มแข็ง สามัคคีและธรรมาภิบาล
รวมทั้งการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีงามให้คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ครับ
รักและเคารพทุกท่านครับ
อานนท์ วิทยานนท์


Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 19:51:39 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 13




   Subject: [Medicine7] ข้อเสนอข้อเดียวครับ
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Sun, April 7, 2013 11:51 pm
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook | View as HTML




พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ และอาจารย์แพทย์ท่ีเคารพรัก
ขณะนี้ท่านคณบดีได้ออกหนังสือชี้แจงแล้ว อ่านได้ในกระดานข่าวเลยครับ
มีหลายเรื่องครับ แต่เรื่องคนออกจากงานนี้ท่านสรุปว่าไม่เป็นจริงตามข้อมูลที่ผมเสนอ
และจะทำให้เกิดความไขว่เขวในการนำของท่าน
เอาละ่ ผมจะไม่พูดถึงข้อมูลที่ผมได้ประสบคนเดียว อย่างที่ได้เสนอทุกท่านไปแล้ว
แต่ลองเอาบางสิ่งบางอย่าง ท่ีเปรียบเหมือนส่วนที่พ้นผิวน้ำของภูเขานำ้แข็ง
มาให้ท่านพิจารณา
เช่น จดหมายของท่านรองฝ่ายบริหาร
ที่ฟังดูท่านก็ยังรู้สึกเคลือบแคลงกับพฤติกรรมของท่านคณบดีอยู่

ผมคงไม่เถียงไปมากับท่านคณบดี แต่เมื่อข้อมูลไม่ตรงกัน ก็ควรมาพบกันครึ่งทาง
โดยให้กรรมการคณะซึ่งประกอบด้วยทีมบริหาร หัวหน้าภาควิชา และหัวหน้างาน
อันเป็นองค์กรสูงสุดของคณะ มีท่านคณบดีเป็นประธาน
ดำเนินการและดูแลการเกลี่ยงานและการจัดกำลังคนตามนโยบายอย่างมีธรรมาภิบาล
โดยการพิจารณาข้อมูลทั้งสองฝ่ายครับ ไม่ใช่ท่านคณบดีดำเนินการลับๆอยู่คนเดียว
ใครที่เชื่อว่าท่านคณบดีมีข้อมูลที่ผิดพลาด ก็พึ่งกรรมการคณะได้
เช่นกันถ้าเชื่อว่าข้อมูลของผมผิดพลาดก็พึ่งกรรมการคณะได้ครับ
สรุปว่าคนในคณะนี้ทุกคนไม่ว่าจะเชื่อใคร ก็ต้องเห็นด้วยกับข้อเสนอของผม
ท่ีมีอยู่ข้อเดียวคือให้เอาข้อมูลการเกลี่ยงานหรือการยุบหน่วยงานมาพิจารณาร่วมกันในกรรมการคณะครับ

พี่น้องที่รักทุกท่าน กระจายข่าวนี้ออกไป

พี่น้องที่ต้องการให้มีธรรมาภิบาลในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้
กรุณาทำตัวให้ว่างในช่วงเช้าของวันอังคารนี้
อาจารย์แพทย์ ท่านใดที่ต้องการให้มีธรรมาภิบาลในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้
กรุณาทำตัวให้ว่างในช่วงเช้าของวันอังคารนี้

เราจะมีกิจกรรมร่วมกัน ท่านจะเลือกหรือไม่เลือกกระทำก็ได้ แต่เป็นวิธีการที่สันติ
อหิงสา และประสบความสำเร็จแน่นอนครับ

เคารพในความคิดเห็นของทุกๆท่าน
อานนท์ วิทยานนท์


Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 00:14:39 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 14




   Subject: [Medicine7] มีข้อเสนอเดียวครับ
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Mon, April 8, 2013 12:25 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




เสนอว่าให้ท่านคณบดีทำการเกลี่ยงานหรือยุบหน่วยงานตามนโยบายให้มีธรรมาภิบาลโดยดำเนินการร่วมกับกรรมการคณะครับ

ฝากคำชี้แจงของท่านคณบดีมาให้อ่านด้วยครับ
แล้วถ้าเป็นจริงเช่นที่ท่านว่า
ใครกันละ่ครับที่เป็นพลังเงียบผู้ทุกข์ระทมที่ไปเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมกระดานข่าวจนยอดถึงหกพันวันนี้ครับ

อานนท์ วิทยานนท์


*********เห็นด้วยกับอาจารย์อานนท์ครับ ทำทุกอย่างให้โปร่งใสตามข้อเสนอของท่านอาจารย์อานนท์ครับ*********







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 00:45:30 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 15




    คำอธิบายจากคณบดี

คำอธิบายจากคณบดี

ตามที่มีกระแสการแพร่ข่าวให้สังคมคณะแพทย์ เกิดความเข้าใจสับสน จนเกิดความไม่ไว้วางใจในทิศทางการนำของคณะแพทย์
ผมขอชี้แจงประเด็นสาระสำคัญ ที่อาจทำให้คนของเราที่ทำงานอยู่หน้างาน ที่ผมไม่มีโอกาสได้ชี้แจงโดยตรง ได้รับทราบในข้อสงสัยสาระสำคัญ และเป็นการแสดงจุดยืน ดังนี้
1. ข่าวแพร่ว่า คณบดีพยายามกดดันให้คนของเราลาออกจากคณะแพทย์
ขอเรียนว่า ผมบริหารงานมาหลายตำแหน่ง ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ไม่เคยมีความคิดจะกดดันให้ใครลาออกจากงานเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่จะสร้างเสริมรายได้ สร้างโอกาส สนับสนุนการศึกษาต่อ
การปรับวุฒิ สร้างความมั่นคง ความก้าวหน้าของงานให้กับคนของคณะแพทย์ ในอดีตสมัยที่เป็นรองบริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็ได้ริเริ่มพัฒนาระบบสร้างเสริมสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อย จัดเพิ่มค่าเวรให้สูงกว่าเกณฑ์ราชการ จัดระบบเพิ่มเงินเดือนให้กับลูกจ้างชั่วคราวให้สูงกว่าโรงพยาบาลและส่วนราชการอื่นๆ และร่วมกับอาจารย์พันธ์ทิพย์ สงวนเชื้อ ซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทย์ในขณะนั้น จัดตั้งกองทุนประกันสังคม เริ่มการจัดสรรเงินประกันสังคมเป็นสวัสดิการรายเดือนให้กับทุกคน ทุกตำแหน่งของคณะแพทย์ ผ่านหน่วยงานต่างๆ แม้ว่าจะไม่ใช่หน่วยที่บริการคนไข้โดยตรง
เมื่อเข้ามารับตำแหน่งคณบดี ก็เห็นถึงความเดือดร้อนของพนักงานเงินรายได้ ที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน และที่เกษียณราชการ รวมถึงคนในครอบครัวโดยเฉพาะญาติสายตรงที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลม.อ. ของเราเองได้ ก็ได้เพิ่มสิทธิ์นี้ขึ้นมาให้ครอบคลุมทุกคนรวมถึงญาติสายตรง นอกจากนี้ยังได้เพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานเงินรายได้ระดับปริญญาตรี ให้ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นเงินอย่างน้อย 15,000 บาท และเพิ่มให้กับพนักงานเงินรายได้ที่ตำแหน่งงานซึ่งจ้างด้วยวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี ที่เงินเดือนน้อยกว่า 12,000 บาท อีกคนละ 1,500 บาท เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำของลูกจ้างกลุ่มแรงงานเป็นเดือนละ 8,000 บาท การเพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานเงินรายได้ของคณะ โดยต้องใช้เงินรายได้ของคณะแพทย์เองนั้น นับเป็นคณะแรกในมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลแรกในกลุ่มโรงพยาบาลที่เป็นสถาบันผลิตแพทย์
นอกจากนี้ ยังคงสวัสดิการรายเดือนจากกองทุนเงินประกันสังคม จัดสรรให้หน่วยงาน
ต้นสังกัดคนละ 500 บาทต่อเดือนทุก ๆ คน และตั้งแต่ 1 เมษายน 2556 นี้ คณะได้จัดสรรเงินเพิ่ม 80 บาทต่อคนต่อเดือน ให้แต่ละคนสามารถเลือกลงทะเบียนเข้าเป็นสมาชิกชมรมใดชมรมหนึ่ง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต เลือกงานอดิเรก เลือกทำกิจกรรม หรืองานสันทนาการที่แต่ละคนชอบร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ชอบในเรื่องเดียวกันจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสุข และความสามัคคี
เมื่อเข้ามารับตำแหน่งก็ได้ร่วมกับทีมงานพัฒนาบุคลากร ซึ่งมีรองฯสงวนสินเป็นหัวหน้าทีมร่วมกับคุณวรวรรณ ผลักดันการเข้าสู่ตำแหน่งชำนาญงาน ชำนาญงานพิเศษ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญพิเศษในระยะเวลาสั้น ๆ ขณะนี้เรื่องผ่านการประเมินจากกรรมการของคณะเกือบ 100 คนแล้ว ที่น่ายินดีคือคนของเราได้รับการรับรองการเข้าสู่ตำแหน่งจากสภามหาวิทยาลัยในช่วงต้นปี 2556 จำนวน 20 คน จากจำนวนทั้งหมดของทั้งมหาวิทยาลัย 27 คน
ขอเรียนว่า ในระยะ 8-10 เดือนที่เข้ามาทำงาน ทีมบุคลากรทั้งสาย ก ที่ดูแลโดยฝ่ายวิจัย และสายอื่นๆ ที่ดูแลโดย รองฯสงวนสินและคุณวรวรรณ และทีมงานการเจ้าหน้าที่ทำงานหนักมาก หามรุ่งหามค่ำ ในด้านสายอาจารย์ ระบบที่วางชัดเจนแล้วได้แก่ 1) ระบบการพัฒนาอาจารย์ โดยการฝึกอบรมดูงาน ประชุมวิชาการต่างประเทศ 2) ระบบสนับสนุนงานวิจัย 3) การพัฒนาความเชี่ยวชาญและศูนย์ความเป็นเลิศ ซึ่งผลความก้าวหน้าของงานน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ในปีนี้ และสำหรับบุคลากรสายอื่น นอกจากเรื่องที่รายงานแล้ว ทีมงานก็ยังประสานชี้แจงมหาวิทยาลัย จนได้ตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มมาบรรจุคนของเราได้มากขึ้น และกำลังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการขอความช่วยเหลือด้านงบประมาณจากรัฐบาลผ่าน สกอ. มาจัดสิทธิประโยชน์ความมั่นคงให้มากขึ้น ให้กับพนักงานทั้งหมดของคณะแพทย์และมหาวิทยาลัย
การจัดระบบค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นที่คณะทำงานกำลังจัดทำอยู่ ยังได้แก่การปรับเพิ่มค่าเวร ค่าทำการนอกเวลา การปรับเพิ่มค่าสาขาขาดแคลน และการจัดระบบสวัสดิการที่เลือกได้ตามความต้องการของ
แต่ละบุคคล (cafeteria fringe) นอกจากนี้ รองฯบริหารและงานคลังกำลังศึกษาการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่คณะจะสมทบการออมให้กับพนักงานเงินรายได้ และกองทุนกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำสุดสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนของเราที่มีความจำเป็นยามฉุกเฉิน
2. การปรับเปลี่ยนหน้าที่งาน
ขอเรียนว่า คณะฯจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่งานตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานและงบประมาณที่ได้รับจากภายนอกที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น งานการจัดทำฐานข้อมูลตัวบ่งชี้ และข้อมูลของผู้ป่วยบางกลุ่มให้กับ สปสช. ซึ่งเมื่อโครงการของ สปสช.สิ้นสุด งบประมาณจาก สปสช.ก็หมดไป พนักงานเหล่านี้ก็ไม่มีงบสนับสนุน ผมและทีมบริหารบุคคลก็ดูแลโดยการจัดหางานในตำแหน่งที่ใช้ฝีมือและวุฒิเดิมต่อเนื่อง ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่อเนื่อง แต่หน้าที่มั่นคงกว่า เช่น เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ของฝ่ายบุคลากร ฝ่ายวางแผน หรือเจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมงานวิจัย และการเปลี่ยนหน้าที่งานก็อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ สำหรับเจ้าหน้าที่รปภ. ซึ่งคณะกำลังดำเนินการจัดระบบความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมและทดแทน คณะก็เปิดโอกาสให้ รปภ.ที่วุฒิการศึกษาสูงกว่าได้โอนย้ายไปเป็นนายช่าง หรือ พขร. หรือไปรับตำแหน่งที่เท่าเทียมกันที่ขาดแคลนคนทำงานอยู่ โดยให้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากฐานเดิม หรือเพิ่มสูงขึ้นตามภาระงานและตำแหน่งงานใหม่ที่ใช้วุฒิการศึกษาสูงกว่า ส่วนคนที่ยังพอใจทำงานอยู่ที่เดิม เราก็ให้คงสิทธินั้น ๆ ไว้มิได้เคยคิดจะให้ออกจากงานแม้แต่คนเดียว เว้นแต่คนที่กำลังเกษียณอายุราชการไป กับทั้งกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพเพิ่ม เพื่อให้พนักงานมีคุณค่า สามารถปรับเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นไปอีกอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ สมรรถนะในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น (ครอบคลุม รปภ.และ พขร.)
จริงอยู่ การเปลี่ยนแปลงหน้าที่การทำงาน อาจสร้างความอึดอัดหรือลำบากในเบื้องต้น แต่ผมขอยืนยันว่า พนักงานที่โอนย้ายจากตำแหน่งเดิม เราจะให้ไปทำงานในตำแหน่งที่มีคุณค่า ใช้ฝีมือ ใช้วุฒิ ใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ซึ่งจะได้รับการตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากเดิมหรือสูงขึ้นแน่ และจะมีความมั่นคงมากขึ้น
สำหรับบุคลากรป่วยหรือสุขภาพเสื่อม ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ประวัติการดูแลคนเหล่านี้ในอดีตสมัยที่ผมเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลคงยืนยันได้ว่า สิ่งที่ทำสม่ำเสมอมา คือ ให้การดูแลรักษาพยาบาลเต็มที่ ดูแลให้สิทธิประโยชน์และการช่วยเหลือทั้งจากราชการและคณะแพทย์เต็มที่
เต็มสิทธิ ปรับลักษณะและภาระงานให้สอดคล้องกับสมรรถนะหรือความสามารถที่เขาทำได้ ซึ่งจะเป็นการทำให้คนทำงานได้แสดงคุณค่า มีศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจต่อตนเองตลอดชีวิต แน่นอนว่าบางครั้งจะต้องย้ายไปทำงานหน่วยอื่นซึ่งมีลักษณะงานเหมาะสมกว่า หลาย ๆ คนที่สุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ยังทำงานที่มีคุณค่าอยู่ในหน่วยงานต่างๆของโรงพยาบาลเรา และเรื่องที่น่าจะเห็นชัด ได้แก่ การดูแลคนเก่าคนแก่ คนเกษียณอายุที่ด้อยสิทธิทุก ๆ คน คณะเพิ่งเปิดให้ได้รับการลงทะเบียนสามารถใช้สิทธิรับการรักษาพยาบาลที่ดีจาก ม.อ. พัฒนาระบบการจัดจ้างผู้ทรงคุณวุฒิที่เกษียนและริเริ่มระบบการจ้างพนักงานฝีมือที่เกษียน ได้แก่ พขร. 2 ตำแหน่งให้อยู่ช่วยทำงานให้เรา ในลักษณะงานและการตอบแทนที่มีคุณค่าแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหากระบบนี้ได้ผลดี ก็จะมีการขยายผลให้กว้างขวางขึ้นไปอีก
3. ความสุขสบายระยะสั้นหรือความสุขความมั่นคงระยะยาวของทุกคน
ขอเรียนว่า ผมอยู่ในคณะทำงานของอาจารย์ธาดา และ อาจารย์พันธ์ทิพย์ ที่ได้วางและบริหารระบบการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการให้กับอาจารย์และบุคลากรของคณะแพทย์ทุกคนทุกระดับ
บนหลักการที่จัดให้ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์คนของเราได้รับมากขึ้น มากกว่าราชการทั่ว ๆ ไปโดยอยู่บนพื้นฐานสำคัญ คือ การประกันคุณภาพงาน เพราะทางหนึ่งเราต้องใช้เงินทุนมาตอบแทนคนของเรา ในอีกทางหนึ่งเราก็ต้องมีเงินทุนเพิ่มขึ้น ถามว่าเงินมาจากไหน มี 3 ทางใหญ่ ได้แก่ 1) สร้างงานที่เกิดรายได้ (รักษาพยาบาล) 2) จัดทำคำของบประมาณซึ่งก็ต้องเอางานเข้าไปผูกมัด 3) คณะแพทย์ลดความรั่วไหล ความฟุ่มเฟือย หรือความย่อหย่อนซ้ำซ้อนของระบบงาน หากเราสามารถจัดซื้อ จัดหา ที่โปร่งใสในรูปของคณะกรรมการ ลดการผูกขาด ได้ของดีราคายุติธรรม เงินที่เก็บตกได้แม้เพียง 3 - 5 % เช่นนี้ หากเทียบกับรายจ่ายของคณะแพทย์ประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว จะเป็นเงินสูงถึง 150 - 250 ล้านบาทต่อปีทีเดียว เงินทั้งหมดนี้ก็จะย้อนกลับมาเป็นค่าตอบแทน สวัสดิการของคนของเราทั้งหมด ไม่สูญหายไปโดยการปล่อยวาง
4. ธรรมาภิบาลขององค์กร
ขอเรียนว่า แม้คณบดีจะเป็นผู้รับผิดชอบและมีอำนาจสูงสุดของคณะแพทย์ เมื่อผมเข้ามารับตำแหน่งก็ได้พยายามวางระบบการบริหารจัดการเรื่องสำคัญทั้งหมดโดยใช้คณะกรรมการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเงินการคลัง คณะกรรมการกองทุนประกันสังคม คณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลฯ คณะกรรมการทรัพยากรบุคคล คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนพัฒนาอาจารย์และเครื่องมือราคาแพง (steering committee) คณะกรรมการยา คณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานของอาจารย์และหน่วยงาน คณะกรรมการเหล่านี้ทุกชุดจะประกอบด้วยทีมบริหารที่รับผิดชอบโดยตรง อาจารย์ หรือบุคลากรอาวุโสของคณะที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้น ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก และตัวแทนอาวุโสจากมหาวิทยาลัย ทุก ๆ เรื่องจะรายงานตรงในรูปแบบของรายงานการประชุมที่เป็นเอกสารต่อคณะกรรมการคณะ ผมเป็นผู้เชื่อมั่นในการตัดสินใจโดยใช้ฐานข้อมูลที่เห็นภาพรวมในแต่ละเรื่อง และเชื่อว่าคณะกรรมการจะตัดสินใจได้ดี ก็โดยการได้รับข้อมูลจริง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ใช่ข้อมูลเฉพาะส่วนย่อย การประชุมกรรมการคณะ ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุด ก็พยายามจัดวาระที่เป็นเรื่องสำคัญ มีการจัดเตรียมข้อมูลให้มากที่สุด และมีคณะกรรมการเจ้าของเรื่อง กลั่นกรองความเห็นสรุปประเด็นข้อแนะและทางเลือกนำเสนอ ซึ่งความเห็นก็มาจากผู้ที่รับผิดชอบที่อ้างอิงได้ แยกแยะระหว่างเนื้อหาและสิ่งปรุง
สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำไปแล้ว และจะทำต่อเนื่อง ก็เพื่อคนของเรา หวังเพียงให้คนของเราจะมีความมั่นคงในระยะยาว มีความผูกพันกับคณะแพทย์ ได้รับการตอบแทนที่ดี เพียงพอ และสูงขึ้น สามารถดำรงชีพ ดูแลครอบครัว ทั้งวันนี้และในอนาคต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความมั่นคงขององค์กร
ในวาระนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่จะชี้แจงทำความเข้าใจแก่ทุก ๆ ท่าน เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจ ลดความหวั่นไหวจากข่าวลือ ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาคณะแพทย์ต่อไป
ความจริงหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้จากการกระทำ ทั้งอดีตที่ผ่านมานับ 20 ปี ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้นี้

รศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ
คณบดี
7 เมษายน 2556


Posted by : คำอธิบายจากคณบดี , Date : 2013-04-07 , Time : 22:22:51 , From IP : 113.53.5.91


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 00:52:38 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 16




   
"อัศวินขี่ม้ามาช่วยอาจารย์อานนท์ "



ดิฉันได้รับทราบข่าวคราวชวนสลดใจของชาวคณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ผ่านทาง FWD mail
จากเพื่อนคนหนึ่งมาหลายวันแล้ว
รู้สึกค้างคาใจเป็นอย่างมากเพราะไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนในวงการโรงเรียนแพทย์
ดิฉันได้ลองตรวจสอบข้อมูลบางส่วนว่าที่ นพ.อานนท์ วิทยานนท์
เล่ามานั้นเป็นเรื่องเท็จจริงประการใด
จึงได้รับทราบด้วยตนเองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมแห่งนี้

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงมีพระราชดำรัสว่า
" ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์"
แม้ว่าดิฉันจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้
แต่ก็ได้น้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสมาใช้ในชีวิตและวิชาชีพของตัวเอง
ในขณะที่ลูกพระราชบิดาบางคนไม่ได้ดำรงตนตามพระราชดำรัสแต่อย่างใด
ในที่นี้ดิฉันขอจำเพาะเจาะจงไปยังท่านคณบดี คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์
ว่าท่านเป็นแพทย์และผู้นำที่ไม่มีความเมตตา ขาดจริยธรรม
ท่านคณบดีได้กระทำการอันถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นการกระทำที่ดิฉันและพวกมิอาจนิ่งเฉยอยู่ได้

จึงขอออกมาแสดงเจตจำนงที่จะสนับสนุนการดำเนินการของ นพ.อานนท์ วิทยานนท์ อย่างเต็มที่.
ทั้งนี้ดิฉันได้ตรวจสอบภูมิหลังของ นพ.อานนท์ วิทยานนท์
แล้วว่าท่านเป็นอาจารย์แพทย์ผู้เป็นที่รักใคร่ของผู้ป่วยและบุคคลแวดล้อมตลอดจนประพฤติตนเป็นครูที่ดี
และที่สำคัญคือท่านไม่ได้มีความรู้สึกเชิงลบเป็นการส่วนตัวต่อท่านคณบดี
จึงนับได้ว่าครั้งนี้ นพ.อานนท์ วิทยานนท์ ได้ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงใจ

ดิฉันและพวกจะยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าเราได้มีโอกาสได้แบ่งเบาภาระจาก นพ.อานนท์ วิทยานนท์
หากเพียงแต่ท่านเอ่ยปากขอความสนับสนุนจากเราในการตีแผ่เรื่องราวเหล่านี้ให้รู้ไปยังวงกว้างในหลากหลายรูปแบบ
เพราะเรามีศักยภาพที่จะทำสิ่งนี้ได้ เช่น หาก นพ.อานนท์ ต้องการถ่ายทอดผ่านรายการ "
เรื่องเด่นเย็นนี้ " ของพี่สรยุทธ สุทัศนจินดา ดิฉันสามารถเป็นผู้ประสานงานให้ได้

ท่านคณบดีและทุกท่านที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่
ไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อดิฉันค่ะไว้รอดูกันไป ดิฉันจะรอให้ นพ.อานนท์ วิทยานนท์
ส่งสัญญาณมาเท่านั้นค่ะ ทางเราพร้อมเสมอ

ขอแสดงความนับถือ

submarine








Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 14:57:01 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 01:05:07 , From IP : mx-ll-223.205.57-181.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 17




   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

ธารน้ำใจไหลหลั่งมิขาดสาย ตลอดไปครับ............................................

สิ่งที่อาจารย์ขออาจารย์แพย์ทั้งหลาย ไม่ใช่สิ่งที่ยากอะไรเลยครับ สันติ สงบและอหิงสา ดังที่อาจารย์แจ้งไว้ ร่วมด้วยช่วยกันด้วยความสมัครสมานสามัคคีผลดีจะตามมาและเกิดแด่ทุกคนในองค์กรนี้ ให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ อย่างที่สุดในชีวิต และถือว่าเป็นการทำบุญทำทานอันยิ่งใหญ่กับเพื่อนร่วมชะตากรรมในองค์กรนี้ เนื่องในวันปีใหม่ไทยครับ

เป็นกำลังใจให้อาจารย์อานนท์เสมอและตลอดไป

ด้วยความนับถือ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

วันจันทร์ที่8เมย 2556 เวลา 8.30น


Subject: [Medicine7] เพชรนำ้เอก
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Mon, April 8, 2013 2:23 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




เรียนอาจารย์แพทย์ที่เคารพทุกท่าน
ในวันนี้ ตั้งแต่เวลาแปดนาฬิกาถึงตีหนึ่ง ยอดผู้เข้าชมกระดานข่าว
เพิ่มขึ้นจากห้าพันสามร้อยกว่าๆขึ้นถึงหกพันพอดีครับ
เป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้นมาก เพื่มขึ้นถึงหกร้อยกว่าคน จากที่ขอไว้อย่างคาดการสูงคือ
ห้าร้อยห้าสิบครับผม
อาจารย์ครับ ท่านรู้สึกได้หรือไม่ว่า ไม่ว่าผมจะเรียกร้องให้ลำบากยากเข็นอย่างไร
พวกเขาพลังเงียบก็ตอบสนองได้เกินเป้าทุกครั้งพวกเราเชื่อมต่อกัน เราสัมผัสกัน
และเราโอบอุ้มกันครับ
ในวันนี้เราใช้จำนวนห้าร้อยห้าสิบเป็นสัญลักษณ์ แทนท่านอาจารย์แพทย์ทุกท่าน
ท่านสัมผัสได้หรือไม่ครับว่า พวกเขาต้องการเชื่อมต่อกับท่าน
สัมผัสท่านและโอบอุ้มท่านเช่นกัน
ในวันที่เก้าเมษายนนี้
ผมใคร่ขอเรียนเชิญอาจารย์แพทย์ทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมบางประการเพื่อที่จะร่วมสร้างความเข้าใจสมานฉันท์
และร่วมสัมผัสถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเป็นคณะแพทยศาสตร์ของเราครับ
อาจารย์ครับ ในคณะแห่งนี้เมื่อไรที่พวกอาจารย์ปรากฎกาย
ความทุกข์โศรกเศร้าก็จะมลายหายทันที
ไม่ว่าจากตัวผู้ป่วยหรือจากใจผู้ถูกกดขี่ที่แสนระทมทุกข์ครับ
เมื่อไรที่ท่านอาจารย์ปรากฎกาย ท่านคณบดีก็จะใจอ่อน
ยอมรับที่จะดูแลพวกเขาอย่างมีธรรมาภิบาลได้ทันทีเช่นกันครับ
ทั้งนี้เพราะเหล่าท่านอาจารย์เป็นเพชรนำ้เอกของสถาบันแห่งนี้
ที่มีศักดิ์ศรีและวิจารณญาณที่ถูกต้องนั่นเอง
ข้อเสนอของผมมีข้อเดียว
คือให้ท่านคณบดีร่วมมือกับกรรมการคณะในการดูแลผู้คนอย่างมีธรรมาภิบาล
เพียงท่านอาจารย์แพทย์แต่ละคนเยื้องกรายมา สิ่งที่สมเหตุผลนี้จะบังเกิดขึ้นทันที
เพียงแค่การปรากฎกายของท่าน ก็ทำให้นรกกลายเป็นสวรรค์ได้ในพริบตาครับ
แต่ถ้าท่านเพิกเฉยไม่ไยดี นรกแห่งนั้นของผู้ทุกข์ยากจะกลายเป็นมหาอเวจีในบัดดล
ถ้าท่านอาจารย์อยากช่วยอยากสัมผัสความเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา ในกิจกรรมที่ทำง่าย
ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลธรรม
สันติ สงบและอหิงสา ก็ขอความกรุณาเตรียมเวลาให้ว่างไว้ในช่วงเช้าของวันอังคารนี้ครับ
อาจารย์ที่รักทุกท่าน เป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะได้ช่วยกันสถาปนา
ธรรมาภิบาลในสถาบันแห่งนี้ให้มั่นคง
ถ้าเราพลาดโอกาสเช่นนี้ไป
ตัวผมเองก็คงไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองที่จะช่วยท่านดูแลคณะนี้อีกต่อไปครับ
ผมจะชี้แจงรายละเอียดของกิจกรรมที่จะร่วมกันกระทำอีกครั้งหนึ่ง
ท่านสามารถเลือกทำหรือไม่ทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้โดยท่านจะไม่รู้สึกขัดแย้งใดๆครับ
ขอขอบคุณทุกท่านด้วยจิตคารวะครับ
อานนท์ วิทยานนท์





Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 08:29:38 , From IP : mx-ll-223.205.62-245.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 18




   "รวมพลังมวลชน พลังสันติ สงบและอหิงสา" "เยี่ยงพลังของมด"

พลัง มวลชน พลังสันติ สงบและอหิงสา ของชาวคณะแพทย์ศาสตร์ทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจกันกำลังจะสำเร็จแล้วครับ

เป็นกำลังใจและเอาช่วยทุกท่านในคณะแพทย์ศาสตร์แห่งนี้ครับ จะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของคณะแพทย์แห่งนี้ครับ

ขอให้ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เข้าร่วมกิจกรมนี้พร้อมกับอาจารย์อานนท์โดยพร้อมเพรียงกันครับ ซึ่งพวกเราทุกท่านจะได้การดูแลอย่างมีธรรมาภิบาลและมีความสุขในการทำงานในคณะแพทย์แห่งนี้ที่พวกเรารักและภูมิใจตลอดไปครับ

ด้วยความเคารพและนับถือท่านผู้มีเกียรติทุกท่านอย่างสูงครับ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

วันจันทร์ที่8เมย 2556 เวลา 9.30น


Subject: [Medicine7] เวลาประกาศข่าวเผ็จศึก
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Mon, April 8, 2013 9:03 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก
ใกล้ถึงเวลาที่จะบอกกล่าวข่าวเผด็จศึกแล้วครับ
ขณะนี้ผมกำลังอยู่กับทีม วางแผนให้รัดกุมท่ีสุด ท่ามกลางทางเลือกที่ดีมากมายมหาศาลครับ
เมื่อคืนนี้
คำชี้แจงของท่านคณบดีกลับกลายเป็นคำปลุกระดมมวลชนอย่างดีของพวกเรา
ที่ท่านต้องแสดงออกเช่นนั้น เพราะท่านกลัวสื่อมวลชนมากนั่นเองครับ
พี่น้องที่รักของเราอ่านเสร็จแล้วตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องทำอะไรซักอย่างกับท่านคณบดีครับ
ส่วนท่านอาจารย์แพทย์ที่เคารพ เมื่อเห็นข้อมูลขัดแย้งกัน
ท่านก็คงมีวิจารณญาณของตัวเองได้ว่าทางออกควรเป็นเช่นไร
ข่าวดีอีกประการหนึ่งก็คือ
พลังแห่งความรักและความอดทนอย่างมหาศาลของพ่อแม่พี่น้องที่แสดงออกได้ทำให้มีจำนวนกรรมการคณะที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเราเพิ่มมากขึ้น
คือข้อเสนอเดียวที่ว่า
ขอให้ท่านคณบดีร่มมือกับกรรมการคณะทำให้เกิดการดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลครับ
และดังที่ท่านทราบแล้วว่าในท่ามกลางการต่อสู้ของเรานี้
เรามิได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป
แต่สายตาของสังคมทั้งหมดต่างจับตามองเอาใจช่วยและพร้อมที่ช่วยเหลือพวกเราตลอดเวลา
มหามิตรสื่อมวลชนพร้อมที่จะเป็นทัพหนุน และในอนาคตอาจเป็นทัพหลวงที่สำคัญของพวกเราครับ
และเพื่อเป็นการวางแผนรุกที่ไม่สามารถป้องกันได้
กระจายข่าวนี้ออกไปพี่น้องที่รักทั้งหลาย
เพื่อเป็นการวางแผนรุกที่ไม่สามรถป้องกันได้
เราจะเลื่อนเวลาประกาศแผนการของเราเป็นสองทุ่มคืนนี้ครับ
ยำ้อีกครั้ง เวลาสองทุ่มคืนนี้ครับ
ขอให้ท่านที่เคารพทุกท่านรอคอยการนัดหมาย
และจัดการเวลาของตัวเองให้ว่าง สำหรับเช้าวันอังคารท่ีจะถึงนี้ อันเป็นวันสงกรานต์
วันที่ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของเราจะเบ่งบานและสัมฤทธ์ผล
เป็นความดีงามอันประเสริฐที่ประดับโลกนี้ให้สวยงามขึ้นแน่นอนครับ

ด้วยความเชื่อมั่นในพี่น้องทุกท่าน
อานนท์ วิทยานนท์



Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 09:50:22 , From IP : mx-ll-223.205.62-245.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 19






   Subject: [Medicine7] ยุทธการเผด็จศึก
From: "arnont vittayanont"
Date: Mon, April 8, 2013 8:39 pm
To: "all_unit@medicine.psu.ac.th"
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักยิ่งทุกท่าน

เป็นเวลาสำคัญที่เราต้องมาทำความเข้าใจเป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ร่วมกัน
แน่นอนว่า***ไม่ใช่การทำให้ท่านคณบดีต้องออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่การทำให้ท่านคณบดีต้องเสียหน้า หรือเปิดโปงความไม่ดีต่างๆที่มีอยู่ของท่าน
อาจไม่ใช่แม้การทำให้ท่านคณบดีต้องตอบหรือรับปากว่าท่านจะร่วมมือกับกรรมการคณะในการดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลหรือไม่***

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ***การจัดให้มีการดูแลผู้คนด้วยธรรมาภิบาลขึ้นจริงๆ
โดยทุกภาคส่วนในองค์กร โดยขณะนั้นท่านคณบดีอาจไม่มีความหมายใดๆแล้วก็ได้ครับ สิ่งสำคัญที่เท่าเทียมกันก็คือ การทำให้องค์กรเข้มแข็ง มีความสามัคคี และมีวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือคุณธรรมครับ***


พี่น้องที่รักครับ

แล้วเราจะทำอย่างไรเล่าที่จะไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าอันจะทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นก็กเป็นเหล่าภายในคณะฯเพิ่มเข้าไปอีก ซ้ำเติมความผิดพลาดของท่านคณบดี ที่พยายามกล่าวหาว่าพวกเก่าขัดขวางพวกใหม่อยู่ตอนนี้
แต่การปฏิบัติจริงเป็นตรงข้ามเช่นไร ท่านคงทราบอยู่แก่ใจแล้วในขณะนี้ครับ

ข้อสรุปมีประการเดียวคือ ***ต้องเป็นยุทธการที่ไม่เผชิญหน้าหรือรุนแรง หมายถึงเป็นยุทธการแห่งการให้อภัยและสมานฉันทน์ ครับ***

ช้าก่อนครับพี่น้อง

อย่าเพิ่งโกรธผมว่าหลอกให้ทำงานเข้ากระดานข่าวกันเหนื่อยแทบตายแต่กลับมายอมแพ้ ผมรับรองกับทุกท่านได้ว่าเราจะต้องบรรลุเป้าหมาย ท่านเคยได้ยินคำที่ว่า ***ความถูกต้องย่อมชนะเสมอ หรือไม่ครับแล้วท่านศรัทธากับคำกล่าวนี้เพียงไร การต่อสู้อย่างอหิงสาสันติของเราที่ผ่านมาในช่วงเวลาสั้นๆนี้
ย่อมพิสูจน์สัจจธรรมข้อนี้ครับ***

ในกาลเวลาข้างหน้า ถ้าท่านคณบดียังไม่ยอมเปลี่ยนอุปนิสัย องค์กรแห่งนี้ก็จะลงทัณฑ์ท่านหนักขึ้นเรื่อยๆครับจนท่านคงต้องออกจากตำแหน่งไปตามความรุนแรงของความผิดบาปที่ท่านก่อขึ้นนั่นเอง

ในการคิดยุทธการเผด็จศึกวันนี้ พวกผมคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในองค์กร การเชื่อมต่อกันระหว่างท่านอาจารย์แพทย์ ท่านข้าราชการ และท่านเจ้าหน้าที่ ผู้ซึ่งเป็นเหยื่อแห่งการกดขี่อยู่ในตอนนี้ ทั้งนี้เพราะเราถูกตัดขาดแยกจากกันและระแวงซึ่งกันและกันครับ จนข่าวสารความทุกข์ยากของพี่น้องลูกจ้างไม่สามารถฝ่าด่านแห่งเสื้อกาวน์ที่อาจารย์แพทย์ทุกท่านสวมใส่และไม่สามารถเข้าสัมผัสคุณความดีภายในจิตใจของพวกเราได้ครับ

ในการคิดยุทธการเผด็จศึกวันนี้ พวกผมคำนึงถึงความปลอดภัยและอนาคต
ของผู้เข้าร่วมทุกคน โดยเฉพาะ ท่านผู้ที่อ่อนแอปราศจากเกราะป้องกันใดๆ
อันได้แก่เหล่าลูกจ้างผู้แสนทุกข์ระทมนั่นเองครับ ผู้ซึ่งเป็นพลังเงียบส่วนใหญ่
ผู้ซึ่งได้แต่แสดงออกแห่งตัวตนให้มาเป็นตัวเลขของผู้เข้าชมกระดานข่าว
ที่เพิ่มจำนวนเพื่อสัมผัสและโอบอุ้มรวมทั้งเรียกร้องให้เยียวยาผู้ทุกข์ยากนั่นเองครับ

พวกเขาช่างอ่อนแอและเปราะบางถึงเพียงนี้ แล้วจะทำอย่างไรที่จะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากกรงเล็บของท่านคณบดีที่กางอ้าดังกรงเล็บของพญาเสือโคร่งที่แสดงผ่านคำชี้แจงของท่านเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นคำชี้แจงที่ดูเหมือนต้องการประกาศผลงานของท่านคณบดีให้สังคมทราบมากกว่าที่จะตอบคำถามที่พวกเราเรียกร้องให้ดูแลผู้คนอย่างมีธรรมาภิบาล อันหมายความเป็นนัยถึงท่าทีของท่านที่ไม่แยแสต่อทุกข์และสุขของพี่น้องผู้ทุกข์ยากเหล่านี้เลยครับ

ดังนั้นยุทธวิธีที่สำคัญที่สุดของเราจึงจำเป็นต้องปกป้องท่านเหล่านี้ออกจากการเผชิญหน้ากับท่านคณบดี เพราะมันเป็นการเสี่ยงที่พวกเขาจะถูกอำนาจบริหารฯเล่นงานเอาในภายหลัง

พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนการเผชิญหน้าและความเกลียดชัง ให้กลายเป็นความรัก และความร่วมมือครับ

ในวันพรุ่งนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องผู้ทุกข์ยากของเรา มารวมตัวกันพร้อมกับท่านข้าราชการ และท่านอาจารย์แพทย์เพื่อรดน้ำวันสงกรานต์ และขอพรจากท่านคณบดี และท่านอาจารย์อาวุโสของเราครับ

ถูกต้องแล้วครับท่าน ผมไม่ได้พิมพ์ผิด ผมเรียกร้องให้ทุกคน ทุกภาคส่วนในองค์กรคณะแพทยศาสตร์ อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ รวมพลังกันเข้าร่วมงานวันสงกรานต์ในวันพรุ่งนี้ ตามคำเชิญชวนของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะครับ
ท่านสามารถดูกำหนดการของงานสงกรานต์ได้ ในกระดานข่าวคณะแพทย์ เช่นเดียวกันครับ

ในหัวข้อข่าว*****ขอเชิญชาวคณะแพทยศาสตร์ร่วมงานพิธีรดน้ำขอพรวันสงกรานต์ในวันอังคารที่9เมษายน จากเดิมวันที่10เมษายน***

แล้วเราจะบรรลุเป้าหมายของเราได้อย่างไรกันครับ


*********พี่น้องครับก็ถ้าจำนวนผู้เข้าร่วมงานสงกรานต์ในปีนี้มีมากมายสุดคณานับมากมายกว่าปีก่อนๆอย่างเทียบกันไม่ได้แล้วไซร้ย่อมหมายถึงพลังแห่งความเงียบของเราได้แสดงออก แต่ในคราวนี้ทุกท่านที่มาในงานเพื่อขอพรและแสดงความรักต่อท่านคณบดี ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังเงียบในเชิงตัวเลขเฉกเช่นเดียวกับที่พี่น้องผู้ทุกข์ทนของเราได้เคยกระทำสำเร็จมาแล้วครับ จำนวนอันมากมายของผู้เข้าร่วมงาน แสดงถึงความต้องการอันมากมายของพวกเราที่ต้องการให้มีธรรมาภิบาลในองค์กรอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ครับ*********


พี่น้องที่รักทุกท่าน กระจายคำพูดของผมออกไป

*****มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้ามัวดิน*****
*****มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้ามัวดิน ครับ*****

พี่น้องครับผมขอเชิญชวนให้ผู้คนหลั่งไหลมาแสดงความรักแก่ท่านคณบดี แต่ทว่ามากันให้มืดฟ้ามัวดิน มากันให้ทุกผู้ทุกนาม ทุกความคิดและทุกหัวใจครับ วิธีนี้เท่านั้นที่จะป้องกันพี่น้องแสนเปราะบางของเราจากการเผชิญหน้ากับท่านคณบดีได้ วิธีนี้เท่านั้นที่จะเรียกร้องให้ท่านอาจารย์แพทย์ผู้รังเกียจการเผชิญหน้าและความรุนแรง ไม่ต้องเลือกเอาระหว่างสิ่งนี้
กับเสียงเรียกร้องแห่งมนุษยธรรมในใจของท่านที่ปรารถนาจะโอบอุ้มพี่น้องผู้ทุกข์ยากของเราครับ


ท่านอาจารย์แพทย์ที่รักครับ ด้วยวิธีการเช่นนี้ ท่านสามารถที่จะได้แสดงความรักความเห็นใจแก่ท่านคณบดีพร้อมกันกับที่ได้โอบอุ้มหัวใจอันบอบช้ำของผู้ร่วมงานที่ทุกข์ระทม


พี่น้องครับประกาศคำพูดของผมออกไป

*****ในวันสงกรานต์ปีนี้ พวกเราจะแสดงให้เห็นว่า ลูกพระบิดาที่แท้จริง
จะแก้ปัญหาอันทุกข์ระทมของตนเอง ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
เราจะบอกท่านคณบดีว่าเรารักท่าน เราขอมอบความรักให้ท่านและปราถนาให้ความรักเหล่านี้ท้วมท้นเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนมนุษย์ผู้ระทมทุกข์ ทุกผู้ทุกนามครับ*****

พี่น้องที่รัก มาร่วมกันประกาศความรักอันยิ่งใหญ่ของเราให้กึกก้องขุนเขาคอหงส์ ให้ความรักอันยิ่งใหญ่ของเราหลั่งรินจากหัวใจแสนบริสุทธ์ของทุกท่าน
เพื่อเป็นธารน้ำใสให้ผู้ทุกข์ยากได้ดื่มกิน และเพื่อให้อภัยแก่ทุกผู้คน

ท่านที่เห็นด้วยกับความคิดที่พวกผมเสนอและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานวันสงกรานต์ พรุ่งนี้ กรุณาเข้าชมกระดานข่าววันสงกรานต์ที่กล่าวแล้ว
และเพื่อแสดงถึงความเชื่อมต่อและความรักที่เรามีต่อกัน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้ในตัวเลขผู้เข้าชมเพื่อเป็นกำลังใจแก่พี่น้องของเราผู้ทุกข์ระทมด้วยครับ

ด้วยรัก

อานนท์ วิทยานนท์

Send from my iPad


*****เห็นด้วยกับการกระทำของท่านอาจารย์อานนท์เป็นอย่างยิ่งครับ*****

"รวมพลังมวลชน พลังสันติ สงบและอหิงสา" "เยี่ยงพลังของมด"


จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

21.15น จันทร์ที่8 เมย 56



Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 21:14:54 , From IP : mx-ll-223.205.62-245.dynamic.3bb.co.th


From: Arnont Vittayanonta > Date: 8 เมษายน 2556, 21 นาฬิกา 3 นาที 11 วินาที GMT+07:00 > To: arina abdulloh/anna > Subject: Fwd: ยุทธการเผด็จศึก > > > > Send from my iPad > > Begin forwarded message: > >> From: Arnont Vittayanonta >> Date: 8 เมษายน 2556, 21 นาฬิกา 2 นาที 18 วินาที GMT+07:00 >> To: all_unit@medicine.psu.ac.th >> Subject: ยุทธการเผด็จศึก >> >> >> >> Send from my iPad >> >> Begin forwarded message: >> >>> From: vittayanont arnont >>> Date: 8 เมษายน 2556, 20 นาฬิกา 43 นาที 12 วินาที GMT+07:00 >>> To: all_unit@medicine.psu.ac.th >>> Subject: ยุทธการเผด็จศึก >>> >>> พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักยิ่งทุกท่าน >>> >>> เป็นเวลาสำคัญที่เราต้องมาทำความเข้าใจเป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ร่วมกัน >>> แน่นอนว่าไม่ใช่การทำให้ท่านคณบดีต้องออกจากตำแหน่ง >>> ไม่ใช่การทำให้ท่านคณบดีต้องเสียหน้า หรือเปิดโปงความไม่ดีต่างๆที่มีอยู่ของท่าน >>> อาจไม่ใช่แม้การทำให้ท่านคณบดีต้องตอบหรือรับปากว่าท่านจะร่วมมือกับกรรมการคณะในการดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลหรือไม่ >>> >>> แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการจัดให้มีการดูแลผู้คนด้วยธรรมาภิบาลขึ้นจริงๆ โดยทุกภาคส่วนในองค์กร >>> โดยขณะนั้นท่านคณบดีอาจไม่มีความหมายใดๆแล้วก็ได้ครับ >>> สิ่งสำคัญที่เท่าเทียมกันก็คือ การทำให้องค์กรเข้มแข็ง มีความสามัคคี และมีวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือคุณธรรมครับ >>> >>> พี่น้องที่รักครับ แล้วเราจะทำอย่างไรเล่าที่จะไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าอันจะทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นก็กเป็นเหล่าภายในคณะเพิ่มเข้าไปอีก ซำ้เติมความผิดพลาดของท่านคณบดี ที่พยายามกล่าวหาว่าพวกเก่าขัดขวางพวกใหม่อยู่ตอนนี้ แต่การปฏิบัติจริงเป็นตรงข้ามเช่นไร ท่านคงทราบอยู่แก่ใจแล้วในขณะนี้ครับ >>> >>> ข้อสรุปมีประการเดียวคือ ต้องเป็นยุทธการที่ไม่เผชิญหน้าหรือรุนแรง หมายถึงเป็น ยุทธการแห่งการให้อภัยและสมานฉันทน์ ครับ >>> >>> ช้าก่อนครับพี่น้อง อย่าเพิ่ง โกรธผม ว่าหลอกให้ทำงานเข้ากระดานข่าวกันเหนื่อยแทบตายแต่กลับมายอมแพ้ >>> ผมรับรองกับทุกท่านได้ว่าเราจะต้องบรรลุเป้าหมาย ท่านเคยได้ยินคำที่ว่า ความถูกต้องย่อมชนะเสมอ หรือไม่ครับ >>> แล้วท่านศรัทธากับคำกล่าวนี้เพียงไร >>> การต่อสู้อย่างอหิงสาสันติของเราที่ผ่านมาในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ย่อมพิสูจน์สัจจธรรมข้อนี้ครับ >>> >>> ในกาลเวลาข้างหน้า ถ้าท่านคณบดียังไม่ยอมเปลี่ยนอุปนิสัย องค์กรแห่งนี้ก็จะลงทัณฑ์ท่านหนักขึ้นเรื่อยๆครับ >>> จนท่านคงต้องออกจากตำแหน่งไปตามความรุนแรงของความผิดปาปที่ท่านก่อขึ้นนั่นเอง >>> >>> ในการคิดยุทธการเผด็จศึกวันนี้นั้น พวกผมคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในองค์กร การเชื่อมต่อกันระหว่างท่านอาจารย์แพทย์ >>> ท่านข้าราชการ และท่านเจ้าหน้าที่ ผู้ซึ่งเป็นเหยื่อแห่งการกดขี่อยู่ในตอนนี้ ทั้งนี้เพราะเราถูกตัดขาดแยกจากกันและระแวงซึ่งกันและกันครับ จนข่าวสารความทุกข์ยากของพี่น้องลูกจ้างไม่สามารถฝ่าด่านแห่งเสื้อกาวน์ที่อาจารย์แพทย์ทุกท่านสรวมใส่และไม่สามารถเข้าสัมผัสคุณความดี ภายในจิตใจของพวกเราได้ครับ >>> >>> ในการคิดยุทธการเผด็จศึกวันนี้นั้น พวกผมคำนึงถึงความปลอดภัยและอนาคต ของผู้เข้าร่วมทุกคน โดยเฉพาะ ท่านผู้ที่อ่อนแอปราศจากเกราะป้องกันใดๆ อันได้แก่เหล่าลูกจ้างผู้แสนทุกข์ระทมนั่นเองครับ >>> ผู้ซึ่งเป็นพลังเงียบส่วนใหญ่ ผู้ซึ่งได้แต่แสดงออกแห่งตัวตนให้มาเป็นตัวเลขของผู้เข้าชมกระดานข่าว ที่เพิ่มจำนวนเพื่อสัมผัสและโอบอุ้มรวมทั้งเรียกร้องให้เยียวยาผู้ทุกข์ยากนั่นเองครับ >>> >>> พวกเขาช่างอ่อนแอและเปราะบางถึงเพียงนี้ แล้วจะทำอย่างไรที่จะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากกรงเล็บของท่านคณบดีท่ีกางอ้าดังกรงเล็บของพญาเสือโคร่งที่แสดงผ่านคำชี้แจงของท่านเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นคำชี้แจงที่ดูเหมือนต้องการประกาศผลงานของท่านคณบดีให้สังคมทราบมากกว่าที่จะตอบคำถามที่พวกเราเรียกร้องให้ดูแลผู้คนอย่างมีธรรมาภิบาล อันหมายเป็นนัยถึงท่าทีของท่านที่ไม่แยแสต่อทุกข์และสุขของพี่น้องผู้ทุกข์ยากเหล่านี้เลยครับ >>> >>> ดังนั้นยุทธวิธีที่สำคัญที่สุดของเราจึงจำเป็นต้องปกป้องท่านเหล่านี้ออกจากการเผชิญหน้ากับท่านคณบดี >>> เพราะมันเป็นการเสี่ยงที่พวกเขาจะถูกอำนาจบริหารเล่นงานเอาในภายหลัง >>> >>> พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนการเผชิญหน้า และความเกลียดชัง >>> ให้กลายเป็นความรัก และความร่วมมือครับ >>> >>> ในวันพรุ่งนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องผู้ทุกข์ยากของเรา มารวมตัวกันพร้อมกับท่านข้าราชการ และท่านอาจารย์แพทย์ >>> เพื่อรดนำ้วันสงกรานต์ และขอพรจากท่านคณบดี และท่านอาจารย์อาวุโสของเราครับ >>> >>> ถูกต้องแล้วครับท่าน ผมไม่ได้พิมพ์ผิด >>> >>> ผมเรียกร้องให้ทุกคน ทุกภาคส่วนในองค์กรคณะแพทยศาสตร์ อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ รวมพลังกันเข้าร่วมงานวันสงกรานต์ในวันพรุ่งนี้ ตามคำเชิญชวนของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะครับ >>> ท่านสามารถดูกำหนดการของงานสงกรานต์ได้ ในกระดานข่าวคณะแพทย์ เช่นเดียวกันครับ >>> ในหัวข้อข่าว*****ขอเชิญชาวคณะแพทยศาสตร์ร่วมงานพิธีรดนำ้ขอพรวันสงกรานต์ ในวันอังคารที่9เมษายน จากเดิมวันที่10เมษายน** >>> >>> แล้วเราจะบรรลุเป้าหมายของเราได้อย่างไรกันครับ >>> พี่น้องครับก็ถ้าจำนวนผู้เข้าร่วมงานสงกรานต์ในปีนี้มีมากมายสุดคณานับ >>> มากมายกว่าปีก่อนๆอย่างเทียบกันไม่ได้แล้วไซร้ >>> >>> ย่อมหมายถึงพลังแห่งความเงียบของเราได้แสดงออก >>> แต่ในคราวนี้ทุกท่านที่มาในงานเพื่อขอพรและแสดงความรักต่อท่านคณบดี ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังเงียบในเชิงตัวเลขเฉกเช่นเดียวกับที่พี่น้องผู้ทุกข์ทนของเราได้เคยกระทำสำเร็จมาแล้วครับ >>> จำนวนอันมากมายของผู้เข้าร่วมงาน แสดงถึงความต้องการอันมากมายของพวกเราที่ต้องการให้มีธรรมาภิบาลในองค์กรอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ครับ >>> พี่น้องที่รักทุกท่าน กระจายคำพูดของผมออกไป >>> >>> มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้ามัวดิน >>> มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้ามัวดิน ครับ >>> >>> พี่น้องครับผมขอเชิญชวนให้ผู้คนหลั่งไหลมาแสดงความรักแก่ท่านคณบดี แต่ทว่ามากันให้มืดฟ้ามัวดิน >>> มากันให้ทุกผู้ทุกนาม ทุกความคิดและทุกหัวใจครับ >>> วิธีนี้เท่านั้นที่จะป้องกันพี่น้องแสนเปราะบางของเราจากการเผชิญหน้ากับท่านคณบดีได้ >>> วิธีนี้เท่านั้นที่จะเรียกร้องให้ท่านอาจารย์แพทย์ผู้รังเกียจการเผชิญหน้าและความรุนแรง ไม่ต้องเลือกเอาระหว่างสิ่งนี้ >>> กับเสียงเรียกร้องแห่งมนุษยธรรมในใจของท่านที่ปรารถนาจะโอบอุ้มพี่น้องผู้ทุกข์ยากของเราครับ >>> ท่านอาจารย์แพทย์ที่รักครับ ด้วยวิธีการเช่นนี้ ท่านสามารถที่จะได้แสดงความรักความเห็นใจแก่ท่านคณบดีพร้อมกันกับที่ได้โอบอุ้มหัวใจอันบอบชำ้ของผู้ร่วมงานที่ทุกข์ระทม >>> >>> พี่น้องครับประกาศคำพูดของผมออกไป >>> ในวันสงกรานต์ปีนี้ พวกเราจะแสดงให้เห็นว่า ลูกพระบิดาที่แท้จริง จะแก้ปัญหาอันทุกข์ระทมของตนเอง ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร เราจะบอกท่านคณบดีว่าเรารักท่าน เราขอมอบความรักให้ท่านและปราถนาให้ความรักเหล่านี้ท้วมท้นเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนมนุษย์ผู้ระทมทุกข์ ทุกผู้ทุกนามครับ >>> พี่น้องที่รัก มาร่วมกันประกาศความรักอันยิ่งใหญ่ของเราให้กึกก้องขุนเขาคอหงส์ >>> ให้ความรักอันยิ่งใหญ่ของเราหลั่งรินจากหัวใจแสนบริสุทธ์ของทุกท่าน >>> เพื่อเป็นธารนำ้ใสให้ผู้ทุกข์ยากได้ดื่มกิน >>> และเพื่อให้อภัยแก่ทุกผู้คน >>> >>> ท่านที่เห็นด้วยกับความคิดที่พวกผมเสนอและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานวันสงกรานต์ พรุ่งนี้ >>> กรุณาเข้าชมกระดานข่าววันสงกรานต์ที่กล่าวแล้ว >>> และเพื่อแสดงถึงความเชื่อมต่อและความรักที่เรามีต่อกัน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้ในตัวเลขผู้เข้าชมเพื่อเป็นกำลังใจแก่พี่น้องของเราผู้ทุกข์ระทมด้วยครับ >>> ด้วยรัก >>> นพ. อานนท์ วิทยานนท์ " />
ความคิดเห็นที่ : 20






   Subject: Fwd: ยุทธการเผด็จศึก
From: jittawat.r@psu.ac.th
Date: Mon, April 8, 2013 9:28 pm
To: varnont@gmail.com (less)
arnontvittayanont@yahoo.com
Cc: jittawat.r@psu.ac.th
Priority: High
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook


เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

ผมโพสให้แล้วครับ เยี่ยมครับอาจารย์อานนท์

*****เห็นด้วยกับการกระทำของท่านอาจารย์อานนท์เป็นอย่างยิ่งครับ*****

"รวมพลังมวลชน พลังสันติ สงบและอหิงสา" "เยี่ยงพลังของมด"


จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

21.15น จันทร์ที่8 เมย 56




--------------------------- Original Message ----------------------------
Subject: Fwd: ยุทธการเผด็จศึก
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Mon, April 8, 2013 9:04 pm
To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า
--------------------------------------------------------------------------



Send from my iPad

Begin forwarded message:

> From: Arnont Vittayanonta
> Date: 8 เมษายน 2556, 21 นาฬิกา 3 นาที 11 วินาที GMT+07:00
> To: arina abdulloh/anna
> Subject: Fwd: ยุทธการเผด็จศึก
>
>
>
> Send from my iPad
>
> Begin forwarded message:
>
>> From: Arnont Vittayanonta
>> Date: 8 เมษายน 2556, 21 นาฬิกา 2 นาที 18 วินาที GMT+07:00
>> To: all_unit@medicine.psu.ac.th
>> Subject: ยุทธการเผด็จศึก
>>
>>
>>
>> Send from my iPad
>>
>> Begin forwarded message:
>>
>>> From: vittayanont arnont
>>> Date: 8 เมษายน 2556, 20 นาฬิกา 43 นาที 12 วินาที GMT+07:00
>>> To: all_unit@medicine.psu.ac.th
>>> Subject: ยุทธการเผด็จศึก
>>>
>>> พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักยิ่งทุกท่าน
>>>
>>> เป็นเวลาสำคัญที่เราต้องมาทำความเข้าใจเป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ร่วมกัน
>>> แน่นอนว่าไม่ใช่การทำให้ท่านคณบดีต้องออกจากตำแหน่ง
>>> ไม่ใช่การทำให้ท่านคณบดีต้องเสียหน้า
หรือเปิดโปงความไม่ดีต่างๆที่มีอยู่ของท่าน
>>> อาจไม่ใช่แม้การทำให้ท่านคณบดีต้องตอบหรือรับปากว่าท่านจะร่วมมือกับกรรมการคณะในการดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลหรือไม่
>>>
>>> แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการจัดให้มีการดูแลผู้คนด้วยธรรมาภิบาลขึ้นจริงๆ
โดยทุกภาคส่วนในองค์กร
>>> โดยขณะนั้นท่านคณบดีอาจไม่มีความหมายใดๆแล้วก็ได้ครับ
>>> สิ่งสำคัญที่เท่าเทียมกันก็คือ การทำให้องค์กรเข้มแข็ง มีความสามัคคี
และมีวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือคุณธรรมครับ
>>>
>>> พี่น้องที่รักครับ
แล้วเราจะทำอย่างไรเล่าที่จะไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าอันจะทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นก็กเป็นเหล่าภายในคณะเพิ่มเข้าไปอีก
ซำ้เติมความผิดพลาดของท่านคณบดี
ที่พยายามกล่าวหาว่าพวกเก่าขัดขวางพวกใหม่อยู่ตอนนี้
แต่การปฏิบัติจริงเป็นตรงข้ามเช่นไร ท่านคงทราบอยู่แก่ใจแล้วในขณะนี้ครับ
>>>
>>> ข้อสรุปมีประการเดียวคือ ต้องเป็นยุทธการที่ไม่เผชิญหน้าหรือรุนแรง
หมายถึงเป็น ยุทธการแห่งการให้อภัยและสมานฉันทน์ ครับ
>>>
>>> ช้าก่อนครับพี่น้อง อย่าเพิ่ง โกรธผม
ว่าหลอกให้ทำงานเข้ากระดานข่าวกันเหนื่อยแทบตายแต่กลับมายอมแพ้
>>> ผมรับรองกับทุกท่านได้ว่าเราจะต้องบรรลุเป้าหมาย ท่านเคยได้ยินคำที่ว่า
ความถูกต้องย่อมชนะเสมอ หรือไม่ครับ
>>> แล้วท่านศรัทธากับคำกล่าวนี้เพียงไร
>>> การต่อสู้อย่างอหิงสาสันติของเราที่ผ่านมาในช่วงเวลาสั้นๆนี้
ย่อมพิสูจน์สัจจธรรมข้อนี้ครับ
>>>
>>> ในกาลเวลาข้างหน้า ถ้าท่านคณบดียังไม่ยอมเปลี่ยนอุปนิสัย
องค์กรแห่งนี้ก็จะลงทัณฑ์ท่านหนักขึ้นเรื่อยๆครับ
>>> จนท่านคงต้องออกจากตำแหน่งไปตามความรุนแรงของความผิดปาปที่ท่านก่อขึ้นนั่นเอง
>>>
>>> ในการคิดยุทธการเผด็จศึกวันนี้นั้น
พวกผมคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในองค์กร
การเชื่อมต่อกันระหว่างท่านอาจารย์แพทย์
>>> ท่านข้าราชการ และท่านเจ้าหน้าที่
ผู้ซึ่งเป็นเหยื่อแห่งการกดขี่อยู่ในตอนนี้
ทั้งนี้เพราะเราถูกตัดขาดแยกจากกันและระแวงซึ่งกันและกันครับ
จนข่าวสารความทุกข์ยากของพี่น้องลูกจ้างไม่สามารถฝ่าด่านแห่งเสื้อกาวน์ที่อาจารย์แพทย์ทุกท่านสรวมใส่และไม่สามารถเข้าสัมผัสคุณความดี
ภายในจิตใจของพวกเราได้ครับ
>>>
>>> ในการคิดยุทธการเผด็จศึกวันนี้นั้น พวกผมคำนึงถึงความปลอดภัยและอนาคต
ของผู้เข้าร่วมทุกคน โดยเฉพาะ ท่านผู้ที่อ่อนแอปราศจากเกราะป้องกันใดๆ
อันได้แก่เหล่าลูกจ้างผู้แสนทุกข์ระทมนั่นเองครับ
>>> ผู้ซึ่งเป็นพลังเงียบส่วนใหญ่
ผู้ซึ่งได้แต่แสดงออกแห่งตัวตนให้มาเป็นตัวเลขของผู้เข้าชมกระดานข่าว
ที่เพิ่มจำนวนเพื่อสัมผัสและโอบอุ้มรวมทั้งเรียกร้องให้เยียวยาผู้ทุกข์ยากนั่นเองครับ
>>>
>>> พวกเขาช่างอ่อนแอและเปราะบางถึงเพียงนี้
แล้วจะทำอย่างไรที่จะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากกรงเล็บของท่านคณบดีท่ีกางอ้าดังกรงเล็บของพญาเสือโคร่งที่แสดงผ่านคำชี้แจงของท่านเมื่อคืนนี้
ซึ่งเป็นคำชี้แจงที่ดูเหมือนต้องการประกาศผลงานของท่านคณบดีให้สังคมทราบมากกว่าที่จะตอบคำถามที่พวกเราเรียกร้องให้ดูแลผู้คนอย่างมีธรรมาภิบาล
อันหมายเป็นนัยถึงท่าทีของท่านที่ไม่แยแสต่อทุกข์และสุขของพี่น้องผู้ทุกข์ยากเหล่านี้เลยครับ
>>>
>>> ดังนั้นยุทธวิธีที่สำคัญที่สุดของเราจึงจำเป็นต้องปกป้องท่านเหล่านี้ออกจากการเผชิญหน้ากับท่านคณบดี
>>> เพราะมันเป็นการเสี่ยงที่พวกเขาจะถูกอำนาจบริหารเล่นงานเอาในภายหลัง
>>>
>>> พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
เปลี่ยนการเผชิญหน้า และความเกลียดชัง
>>> ให้กลายเป็นความรัก และความร่วมมือครับ
>>>
>>> ในวันพรุ่งนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องผู้ทุกข์ยากของเรา
มารวมตัวกันพร้อมกับท่านข้าราชการ และท่านอาจารย์แพทย์
>>> เพื่อรดนำ้วันสงกรานต์ และขอพรจากท่านคณบดี และท่านอาจารย์อาวุโสของเราครับ
>>>
>>> ถูกต้องแล้วครับท่าน ผมไม่ได้พิมพ์ผิด
>>>
>>> ผมเรียกร้องให้ทุกคน ทุกภาคส่วนในองค์กรคณะแพทยศาสตร์ อันยิ่งใหญ่แห่งนี้
รวมพลังกันเข้าร่วมงานวันสงกรานต์ในวันพรุ่งนี้
ตามคำเชิญชวนของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะครับ
>>> ท่านสามารถดูกำหนดการของงานสงกรานต์ได้ ในกระดานข่าวคณะแพทย์
เช่นเดียวกันครับ
>>> ในหัวข้อข่าว*****ขอเชิญชาวคณะแพทยศาสตร์ร่วมงานพิธีรดนำ้ขอพรวันสงกรานต์
ในวันอังคารที่9เมษายน จากเดิมวันที่10เมษายน**
>>>
>>> แล้วเราจะบรรลุเป้าหมายของเราได้อย่างไรกันครับ
>>> พี่น้องครับก็ถ้าจำนวนผู้เข้าร่วมงานสงกรานต์ในปีนี้มีมากมายสุดคณานับ
>>> มากมายกว่าปีก่อนๆอย่างเทียบกันไม่ได้แล้วไซร้
>>>
>>> ย่อมหมายถึงพลังแห่งความเงียบของเราได้แสดงออก
>>> แต่ในคราวนี้ทุกท่านที่มาในงานเพื่อขอพรและแสดงความรักต่อท่านคณบดี
ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังเงียบในเชิงตัวเลขเฉกเช่นเดียวกับที่พี่น้องผู้ทุกข์ทนของเราได้เคยกระทำสำเร็จมาแล้วครับ
>>> จำนวนอันมากมายของผู้เข้าร่วมงาน
แสดงถึงความต้องการอันมากมายของพวกเราที่ต้องการให้มีธรรมาภิบาลในองค์กรอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ครับ
>>> พี่น้องที่รักทุกท่าน กระจายคำพูดของผมออกไป
>>>
>>> มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้ามัวดิน
>>> มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้ามัวดิน ครับ
>>>
>>> พี่น้องครับผมขอเชิญชวนให้ผู้คนหลั่งไหลมาแสดงความรักแก่ท่านคณบดี
แต่ทว่ามากันให้มืดฟ้ามัวดิน
>>> มากันให้ทุกผู้ทุกนาม ทุกความคิดและทุกหัวใจครับ
>>> วิธีนี้เท่านั้นที่จะป้องกันพี่น้องแสนเปราะบางของเราจากการเผชิญหน้ากับท่านคณบดีได้
>>> วิธีนี้เท่านั้นที่จะเรียกร้องให้ท่านอาจารย์แพทย์ผู้รังเกียจการเผชิญหน้าและความรุนแรง
ไม่ต้องเลือกเอาระหว่างสิ่งนี้
>>> กับเสียงเรียกร้องแห่งมนุษยธรรมในใจของท่านที่ปรารถนาจะโอบอุ้มพี่น้องผู้ทุกข์ยากของเราครับ
>>> ท่านอาจารย์แพทย์ที่รักครับ ด้วยวิธีการเช่นนี้
ท่านสามารถที่จะได้แสดงความรักความเห็นใจแก่ท่านคณบดีพร้อมกันกับที่ได้โอบอุ้มหัวใจอันบอบชำ้ของผู้ร่วมงานที่ทุกข์ระทม
>>>
>>> พี่น้องครับประกาศคำพูดของผมออกไป
>>> ในวันสงกรานต์ปีนี้ พวกเราจะแสดงให้เห็นว่า ลูกพระบิดาที่แท้จริง
จะแก้ปัญหาอันทุกข์ระทมของตนเอง ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
เราจะบอกท่านคณบดีว่าเรารักท่าน
เราขอมอบความรักให้ท่านและปราถนาให้ความรักเหล่านี้ท้วมท้นเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนมนุษย์ผู้ระทมทุกข์
ทุกผู้ทุกนามครับ
>>> พี่น้องที่รัก
มาร่วมกันประกาศความรักอันยิ่งใหญ่ของเราให้กึกก้องขุนเขาคอหงส์
>>> ให้ความรักอันยิ่งใหญ่ของเราหลั่งรินจากหัวใจแสนบริสุทธ์ของทุกท่าน
>>> เพื่อเป็นธารนำ้ใสให้ผู้ทุกข์ยากได้ดื่มกิน
>>> และเพื่อให้อภัยแก่ทุกผู้คน
>>>
>>> ท่านที่เห็นด้วยกับความคิดที่พวกผมเสนอและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานวันสงกรานต์
พรุ่งนี้
>>> กรุณาเข้าชมกระดานข่าววันสงกรานต์ที่กล่าวแล้ว
>>> และเพื่อแสดงถึงความเชื่อมต่อและความรักที่เรามีต่อกัน
กรุณาทิ้งร่องรอยไว้ในตัวเลขผู้เข้าชมเพื่อเป็นกำลังใจแก่พี่น้องของเราผู้ทุกข์ระทมด้วยครับ
>>> ด้วยรัก
>>> นพ. อานนท์ วิทยานนท์







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 21:34:31 , From IP : mx-ll-223.205.62-245.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 21




   Subject: Re: ยุทธการเผด็จศึก
From: "vittayanont arnont"
Date: Mon, April 8, 2013 10:16 pm
To: "jittawat.r@psu.ac.th"
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook

ขอบคุณอาจารย์มากครับ
มีฉบับสองครับ

Send from my iPad

---------------------------------------------------------------------------------
Subject: [Medicine7] มหาสงกรานต์ เก้า เมษา มืดฟ้า มัวดิน
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Mon, April 8, 2013 10:14 pm
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook

พี่น้องที่รักทุกท่าน

หลายคนถามผมว่าแล้ววันนั้น ให้ทำอะไรบ้าง ผมขอเรียนว่าให้แต่ละท่าน จับกลุ่มเพื่อนฝูง นัดแนะกันไปร่วมงานตั้งแต่เช้าและฟังคณบดีกล่าวเปิดงานพร้อมกันให้มากที่สุด


หรือพยายามหาช่วงเวลามารดน้ำท่านคณบดีให้ได้ซักครั้งถ้าต้องต่อแถวนานเท่าไรก็ต้องพยายามต่อให้ยาวที่สุดครับ ถ้าไม่ว่างก็กลับไปทำงานแล้วกลับมาใหม่ จนกว่างานจะเลิก ตอนอยู่ที่นั่นก็ถ่ายรูปสนุกสนานกันได้เต็มที่เลยครับ


ท่านลองหลับตานึกถึงท่านคณบดี ซึ่งท่านคงมีความสุข ถ้ามีคนมาคำนับท่านเยอะๆ แต่ถ้าเยอะมากเกินไปผิดปกติท่านคงไม่ค่อยสบายใจ แต่ถ้าเยอะมากจนมืดฟ้ามัวดินท่านคงถึงตื่นตระหนกครับ


นี่อย่างไรเล่าครับจำนวนของเราบอกความต้องการให้มีธรรมาภิบาลที่มากกว่าปีก่อนๆเพราะพวกเรานัดกันไปไงครับ ถ้าท่านคณบดีโกรธ แล้วพยายามจะหาคนที่มาบีบท่านในวันนั้น ก็จะพบว่าไม่รู้จะโกรธใครดี เพราะแยกคนที่ตั้งใจมาอวยพรกับผู้ที่ตั้งใจมาแสดงพลังออกจากกันไม่ได้ครับ วิธีนี้จะไม่มีพวกคัดค้าน หรือพวกสนับสนุนท่านคณบดี จะมีก็แต่ผู้มาแสดงความรักที่มีต่อคณะแพทยศาสตร์อันเป็นที่รักยิ่งของเรา วิธีนี้ไม่รุนแรงจึงเรียกร้องให้คนทุกฝ่ายมาร่วมได้ง่ายโดยไม่ตะขิดตะขวงใจครับ


ผมเรียนว่าตอนนี้ พี่น้องทุกท่าน สามารถเอาชนะใจกรรมการคณะฯและกรรมการบริหารคณะฯได้มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามากถึงจำนวนหนึ่ง ท่านเหล่านี้สามารถร่วมใจกันจัดให้มีธรรมาภิบาลเสียเองโดยไม่ง้อท่านคณบดีก็ได้ครับ



ถ้าพรุ่งนี้จำนวนคนไปร่วมงานมากจนมืดฟ้ามัวดิน อย่างที่คาดไว้คงมีท่านกรรมการบริหารคณะฯจำนวนหนึ่งที่เปลี่ยนใจมาช่วยพวกเราโดยเกรงกลัวอำนาจของท่านคณบดีน้อยลงครับ


ซึ่งกระบวนการต่อไปที่จะทำให้เกิดธรรมาภิบาลได้นั้นขึ้นอยู่กับวันพรุ่งนี้ว่าพวกเราจะแสดงพลังได้มากพอเพียงหรือไม่ พรุ่งนี้จะไม่มีการยื่นเงื่อนไข ไม่มีการแถลงข่าว และไม่มีการเผชิญหน้าแต่อย่างใดครับ ทุกอย่างจะสงบ สันติและอหิงสา เต็มไปด้วยความรัก แต่อาจจะผสมความเครียดของท่านคณบดีนิดหน่อยครับ


ผมขอย้ำว่า ห้ามการใช้กำลัง หรือทะเลาะเบาะแว้ง กันอย่างเด็ดขาดครับ
หลังจากเหตุการณ์พรุ่งนี้ ผมจะรวบรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการรวมพลังของพวกเรา แจ้งแก่พี่น้องที่เคารพอีกครั้งหนึ่งครับในวันรุ่งขึ้น



ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์


Send from my iPad











Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-08 , Time : 22:39:01 , From IP : mx-ll-223.205.62-245.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 22


   9 เมษายน 2556

สงกรานต์พ้นผ่าน ด้วยความขอบคุณครับ

เพื่อนชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน

พิธีรดนำ้สงกรานต์ผ่านไปแล้วครับ คนไม่มากจนมืดฟ้ามัวดินอย่างที่ว่า แต่ก็ไม่น้อยไปครับ
สรุปว่า กึ่งๆกลางๆพอไปได้ทั้งสองฝ่ายครับ ถ้ามองว่าเป็นการต่อรองกัน
แต่ถ้ามองว่าเป็นการร่วมแสดงความรักแก่คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ ก็เป็นพิธีี่ที่สวยงามมากครับ
ที่สำคัญ คีย์แมนในกรรมการคณะมาแทบจะทุกคน
ซึ่งท่านเหล่านี้เป็นหลักประกันให้พวกเราได้แน่นอนครับ แม้ท่านคณบดีจะไม่กล่าวหรือรับปากว่าอะไรเลย
อาจารย์ผู้ใหญ่หลายท่านก็มาให้กำลังใจผม
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ผู้สูงส่งด้วยจริยธรรมทุกท่านครับ
และขอขอบพระคุณพลังของพี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่านที่ช่วยกันดูแลให้สงกรานต์นี้ผ่านไปด้วยดี
วันนี้ขอนอนหลับพักผ่อนก่อน แล้วจะหาเวลาสรุปความคืบหน้าในประเด็นที่สำคัญให้พี่น้องช่วยกันผลักดันธรรมาภิบาลในสังคมเราให้เป็นจริงจนได้ครับ

ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์



Send from my iPad


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-09 , Time : 15:30:07 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 23




   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

ผมต้องขอประทานโทษอาจารย์อานนท์ด้วยครับ ที่ทำให้อาจารย์ลำบากมาโพสข้อความของอาจารย์ที่ได้ส่งผ่านเมล์ไป เรื่องเกี่ยวกับ"สงกรานต์พ้นผ่าน ด้วยความขอบคุณครับ" ทั้งๆที่ผมได้เป็นแนวร่วมกับอาจารย์อานนท์มาตลอด ผมยังคงมีความเห็นเช่นเดียวกับอาจารย์อานนท์ครับคือ

****เห็นด้วยกับการกระทำของท่านอาจารย์อานนท์เป็นอย่างยิ่งครับ****

"รวมพลังมวลชน พลังสันติ สงบและอหิงสา" "เยี่ยงพลังของมด"

และได้ร่วมเชียร์ให้ท่านผู้มีเกียรติที่ร่วมอุดมการณ์ด้วยกันมาร่วมงานพิธีรดน้ำสงกรานต์ที่คณะแพทย์จัด ซึ่งถือเป็นประเพณีอันดีงามที่ควรปฏิบัติ

แต่เนื่องจากผมไม่ได้มาเข้าร่วมงานนี้ ไม่สามารถสรุปสถานะการณ์ได้เช่นเดียวกับอาจารย์อานนท์ จึงไม่ได้โพสข้อความดังกล่าวให้อาจารย์ครับ

เหตุผลก็คือ ผมเป็นคนตรงและไม่อยากฝืนความรู้สึกเกี่ยวกับตัวบุคคลบางคน(ความรู้สึกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเพณีอันดีงามที่คณะแพทย์จัดขึ้น) และคิดว่าท่านผู้มีเกียรติส่วนหนึ่งที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ก็อาจมีความรู้สึกเช่นผมนะครับ

อย่างไรก็ตามผมยังเป็นแนวร่วมกับอาจารย์อานนท์ตลอดไปและเอาใจช่วยให้อาจารย์ทำงานเพื่อส่วนรวมอันนี้ต่อไปให้สำเร็จลุล่วงเพื่อผลประโยชน์กับทุกท่านในองค์กรนี้ครับ

ด้วยความนับถือครับ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

18.30น อังคารที่ 9 เมย 56

---------------------------------------------------------------------------------

ผมถูกใจความคิดเห็นท่านที่3 ที่ใช้นาม"insulin"ที่โพสในกระทู้

"คำอธิบายจากคณบดี" และขอนำมาโพสท้ายข้อความนี้ครับ เป็นประโยค

สั้นๆแต่ได้ใจความอย่างดี(อันนี้ไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ครับ)"เยี่ยมครับ"


"ความคิดเห็นที่ : 3"

"Show me, do not tell me. Actions speak louder than words.."

ขอแปลสั้นๆว่า"แสดงออกมาเลยไม่ต้องบอกฉัน" "ลงมือทำดีกว่าเอาแต่พูด"

ถ้าแปลผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ

Posted by : insulin , Date : 2013-04-09 , Time : 15:59:06 , From IP : 110.49.251.236



Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-09 , Time : 18:27:12 , From IP : mx-ll-223.207.178-146.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 24


   

ขอขอบคุณ มิตรร่วมคุณธรรม ในความช่วยเหลือของท่าน
และโดยเฉพาะในจิตใจแห่งมนุษยธรรมที่เอื้ออาทรห่วงใยสวัสดิภาพขอพวกเราครับ

เมื่อวานนี้ คุณวรกร แสงถวัลย์ ได้เขียนจดหมายถึงผมซึ่งสื่อถึงความห่วงใยต่อพี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน
ผมขออนุญาติ นำจดหมายนี้เผยแพร่เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทุกท่านในหนทางที่เราจะร่วมเดินต่อไปภายหน้าครับ
ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์


ลุ้นระทึก!!!
8 เมษายน 2556 _ 22.57น.

เรียน อาจารย์อานนท์ค่ะ

ตั้งแต่สองทุ่มเป็นเวลาลุ้นระทึกที่ดิฉันต้องเข้ามาดูกระดานอภิปรายทุกๆสองสามนาที...จนสามทุ่มครึ่งจึงได้อ่านสิ่งที่เสมือนนิยายประเภทหักมุมตอนจบกระนั้น เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยค่ะ เพราะตลอดทั้งวันนี้ดิฉันครุ่นคิดว่าอาจารย์จะทำอะไร กลยุทธ "สงบ สันติ อหิงสา" แบบที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 49 แต่นั่นก็ต้องพึ่งมวลชนและบุคคลเบื้องหลังที่ทรงอำนาจ...อาจารย์จะทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อทีมงานก็น้อยนิด มวลชนที่ไหนจะกล้าออกมาให้ถูกหมายหัว เป็นห่วงค่ะบอกตรงๆ

อ่านจบเล่นเอาดิฉันหงายหลังตึงพร้อมๆกับโล่งใจ สมแล้วที่เป็นอาจารย์แพทย์ด้านจิตเวชผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาค่ะ

ขอคารวะท่านอาจารย์

submarine.




Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-09 , Time : 23:50:20 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 25




   ถ้าเป็นดังข่าวที่อาจารย์อานนท์แจ้งมาด้านล่างนี้ ก็เป็นข่าวดีกับผู้ที่ได้ผลกระทบเรื่องการเกลี่ยงาน และเรื่องการมีธรรมาภิบาลมากขึ้นของผู้บริหารและทีม ในองค์กรนี้ครับ

ยินดีกับความสำเร็จที่อาจารย์อานนท์และทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมาครับ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

17.00น/ พฤหัสฯที่ 10 เมย 2556

---------------------------------------------------------------------------------

Subject: [Medicine7] กำหนดวันประกาศชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Wed, April 10, 2013 4:27 pm
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่เคารพทุกท่าน

การต่อสู้ของเราดำเนินมาถึงจุดที่แหลมคมมากแล้วครับ
ผมได้ทราบข่าวจากคนใกล้ชิดท่านคณบดีว่า
ขณะนี้พี่น้องหลายท่านได้รับความกดดันน้อยลงในการทำงาน
อีกบางคนถูกทาบทามให้ย้ายกลับมาทำงานที่เดิม หลังถูกเกลี่ยงานไปที่อื่นครับ
พี่น้องครับ ธารนำ้ใจใสพิสุทธ์ของทุกๆท่าน ได้เติมเต็มจิตใจอันอ่อนล้า ของผู้ทุกข์ยากแล้ว

ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากทีมงานได้มีการเจรจากับกรรมการคณะหลายๆท่าน

ล่วงมาถึงขณะนี้ท่านคณบดี ได้ตกลงและสัญญากับพวกเราแล้วครับ

ผมและทีมทำงาน มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศกับพวกเราว่า
ในวันพรุ่งนี้เวลา 9.00น.
เป็น กำหนดประกาศชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรมครับ
ขอให้พี่น้องคอยฟัง
ข้อตกลงที่เราได้มานั้นจะเป็นระบบธรรมาภิบาลที่พี่น้องมีความอบอุ่นใจหรือไม่

ประกาศคำพูดของผมออกไปพี่น้องที่รัก

ธรรมะ ย่อมชนะอธรรม
ชัยชนะของคุณธรรมย่อมยิ่งใหญ่เสมอ
วันพฤหัสบดี ที่11 เมษายน เวลา 9.00น.
คอยรับฟังข่าวที่มีความสำคัญที่สุดต่อองค์กรแห่งนี้ในขณะนี้ครับ

ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์
Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-10 , Time : 16:54:39 , From IP : mx-ll-223.204.140-90.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 26




   เรียนท่านผู้มีเกียรติในคณะแพทยศาสตร์ที่เคารพทุกท่านครับ


********************ข่าวด่วนครับ************************

อาจารย์อานนท์ท่านเมล์มาให้ผม ช่วยโพสแจ้งให้ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน
ทราบว่า


*********พรุ่งนี้ตอนประมาณเก้าโมงเช้าจะเป็นวันประกาศชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม ขอให้พี่น้องชาวคณะแพทย์ศาสตร์คอยฟัง ข้อตกลงที่เราได้มานั้นจะเป็นระบบธรรมาภิบาลและมีคุณธรรมที่พี่น้องทุกท่านจะได้รับและมีความอบอุ่นใจหรือไม่*********

***ธรรมะ ย่อมชนะอธรรม ชัยชนะของคุณธรรมย่อมยิ่งใหญ่เสมอ***


*********วันพฤหัสบดี ที่11 เมษายน เวลา 9.00น.********
***คอยรับฟังข่าวที่มีความสำคัญที่สุดต่อองค์กรแห่งนี้ในขณะนี้ครับ***

---------------------------------------------------------------------------------

อาจารย์จิตวัตช่วยโพสให้อีกครั้งตอน9.00น.นะครับ

ตอนประมาณเก้าโมงจะมีเมล์มาถึงอาจารย์ครับ แล้วพวกเราทุกคนจะมีความสุขและก็ไปพักร้อนวันสงกรานต์กันให้สบายใจครับเมื่อเราได้ชัยขนะอันยิ่งใหญ่นี้ครับผม


ด้วยความเคารพ

อานนท์ วิทยานนท์

Send from my iPad


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-10 , Time : 21:06:35 , From IP : mx-ll-223.204.140-90.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 27




   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ


ผมรับทราบครับอาจารย์อานนท์และจะรอเมล์อาจารย์ในเวลา 9.00น ตอนเช้าวันที่ 11 เมษายน 2556 วันแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในคณะแพทย์แห่งนี้


คืนนี้ผมคงนอนไม่หลับแน่นอนครับ ผมไม่ทราบและก็เดาไม่ถูกเลยครับว่า ชัยชนะอันยิ่งใหญ่และข้อตกลงที่ท่านผู้นำองค์กรได้ตกลงและสัญญากับอาจารย์อานนท์และพวกเรา ที่มีความสำคัญที่สุดต่อองค์กรแห่งนี้เป็นจะออกมาเป็นเช่นไร


ไม่ว่าข้อตกลงที่ท่านผู้นำองค์กรสัญญาไว้จะเป็นเช่นไร ผมเชื่อว่าข้อตกลงนี้ทางอาจารย์อานนท์และทีมงานผู้ซึ่งมีจิตใจแห่งมนุษยธรรมที่เอื้ออาทรห่วงใยสวัสดิภาพของบุคลากรทุกท่านในองค์กรแห่งนี้ ต้องออกมาเป็นข้อตกลงที่เป็นธรรมาภิบาล มีคุณธรรม มีความยุติธรรมและก่อให้เกิดความสุขในการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกระดับขององค์กรคณะแพทย์อย่างแน่นอนครับ


ข้อสำคัญที่สุดคือ ผู้นำองค์กรที่ให้สัญญาและทำสัญญากับอาจารย์อานนท์และพวกเรา ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงทุกประการครับ


ผมขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้"Quote for the current situation" ที่ใช้นามว่า insulin นำเอาแผ่นภาพที่มีความหมายมากๆมาโพสร่วมกับ สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด "เพื่อเป็นสิ่งที่เตือนใจกับท่านผู้นำองค์กรที่ให้สัญญาและตกลงไว้กับอาจารย์อานนท์และพวกเรา ไม่ว่าข้อตกลงและสัญญานั้นจะเป็นเช่นไรครับ"


ด้วยความนับถือ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

22.00น วันที่10 เมษายน 2556


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-10 , Time : 22:02:11 , From IP : mx-ll-223.204.140-90.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 28


   

ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก ทุกท่าน
 

นี่เป็นคำสัญญาของท่านคณบดี 
ซึ่งให้ไว้แก่พวกเราและสังคม โดยท่านมิได้รู้ตัว ในตอนที่ท่านแถลงคำชี้แจงวันที่ 7 เมษายน 2556 ครับ

โดยเฉพาะ ในเรื่องการปรับเปลี่ยนหน้าที่งาน ครับ

      "ขอเรียนว่า คณะฯจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่งานตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานและงบประมาณที่ได้รับจากภายนอกที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น งานการจัดทำฐานข้อมูลตัวบ่งชี้ และข้อมูลของผู้ป่วยบางกลุ่มให้กับ สปสช.ซึ่งเมื่อโครงการของ สปสช.สิ้นสุด  งบประมาณจาก สปสช.ก็หมดไป
      พนักงานเหล่านี้ก็ไม่มีงบสนับสนุน ผมและทีมบริหารบุคคลก็ดูแลโดยการจัดหางานในตำแหน่งที่ใช้ฝีมือและวุฒิเดิมต่อเนื่อง ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่อเนื่อง แต่หน้าที่มั่นคงกว่าเดิม
      เช่น เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ของฝ่ายบุคลากร ฝ่ายวางแผน หรือเจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมงานวิจัย
      และการเปลี่ยนหน้าที่งานก็อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ 
     สำหรับเจ้าหน้าที่รปภ. ซึ่งคณะกำลังดำเนินการจัดระบบความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมและทดแทน คณะก็เปิดโอกาสให้ รปภ.ที่วุฒิการศึกษาสูงกว่าได้โอนย้ายไปเป็นนายช่าง หรือ พขร. หรือไปรับตำแหน่งที่เท่าเทียมกันที่ขาดแคลนคนทำงานอยู่ โดยให้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากฐานเดิม หรือเพิ่มสูงขึ้นตามภาระงานและตำแหน่งงานใหม่ที่ใช้วุฒิการศึกษาสูงกว่า
      ส่วนคนที่ยังพอใจทำงานอยู่ที่เดิม เราก็ให้คงสิทธินั้น ๆ ไว้มิได้เคยคิดจะให้ออกจากงานแม้แต่คนเดียว
      เว้นแต่คนที่กำลังเกษียณอายุราชการไป 
กับทั้งกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพเพิ่ม เพื่อให้พนักงานมีคุณค่า สามารถปรับเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นไปอีกอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ สมรรถนะในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น (ครอบคลุม รปภ.แลพขร)
​จริงอยู่ การเปลี่ยนแปลงหน้าที่การทำงาน อาจสร้างความอึดอัดหรือลำบากในเบื้องต้น แต่ผมขอยืนยันว่า พนักงานที่โอนย้ายจากตำแหน่งเดิม เราจะให้ไปทำงานในตำแหน่งที่มีคุณค่า ใช้ฝีมือ ใช้วุฒิ ใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ซึ่งจะได้รับการตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากเดิมหรือสูงขึ้นแน่ และจะมีความมั่นคงมากขึ้น  
​สำหรับบุคลากรป่วยหรือสุขภาพเสื่อม ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ"

    ถ้าท่านยังงงอยู่ว่าเป็นสัญญาอย่างไร นี่มันคำแก้ตัวชัดๆ ก็ขอให้อ่านไปเรื่อยๆก่อนครับ
      
   โดยสรุปท่านคณบดีกล่าวว่า ถึงแม้หน่วยงานบางแห่งขาดงบประมาณท่านก็ช่วย ให้คนไปทำงานที่ดีขึ้น ตามความสมัครใจ
                ส่วน รปภ. ท่านจะลดคน ก็ให้ไปทำงานที่ดีขึ้น แต่ถ้าอยากอยู่ที่เดิมก็ได้ 
                ยืนยันว่าไม่เคยคิดเอาคนออกเลย และท่านพูดให้เข้าใจต่อเนื่องเหมือนว่า ไม่มีคนถูกออกกระนั้น
                แล้วคนของศูนย์คุณภาพ 5 ท่าน และ รปภ. อีก10 ท่าน ที่ออกไปแล้วนั้นท่านคิดว่าเขาเป็นคนหรือไม่ครับ
                ผมมีรายชื่อทุกท่านครบถ้วนแต่ยังไม่ได้ขออนุญาติเจ้าตัว นำมาเสนอ ทว่า พี่น้องขอดูได้เป็นส่วนตัวครับ
                ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ถูกเกลี่ยงานไปอยู่ที่อื่นก็ยังถูกข่มขู่ให้ลดจำนวนตัวเองลงทุกปี
                ทำไมท่านคณบดีจึงพูดโกหกได้โดยดูเหมือนไม่มี หิริ และ โอตตัปปะใดๆเลย
                พูดได้ว่าโกหกได้ต่อหน้าต่อตาเลยครับ
                ยังจะมีเจ้าหน้าที่ศูนย์มะเร็ง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สงขลานครินทร์เวชสาร 
                โครงการผลิตตำรา ที่กำลังถูกคุกคามจากท่านคณบดี  อยู่ทุกวันนี้ 
                แม้แต่ท่านรองบริหารก็ไม่อาจปฏิเสธ ว่าท่านคณบดี กำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่
                พี่น้องที่รักทุกท่านคงปฏิเสธไม่ได้ว่า 
ท่านคณบดีเขียนแถลงการณ์นี้ออกมาเพื่อปิดบังสื่อมวลชนในการรักษาภาพพจน์ของตนเองเมื่อคืนวานนี้
เพราะท่านกลัวการรวมพลังทางกระดานข่าวของพวกเราที่เรียกร้องสื่อมวลชนมากนั่นเองครับ
                 สิ่งที่เขียนจึงสวยหรูเกินจริงทั้งๆที่ภายในมีแต่ความทุกข์ระทมของผู้ทำงาน

                 แต่พี่น้องครับ คนระดับคณบดี 
                 ไม่ใช่คนธรรมดาแบบผมที่เขียนอะไรบนกระดานข่าวแล้วรับผิดชอบแค่ตัวเอง
                 ตามหลักการปกครององค์กร บอกไว้ชัดเจนครับว่า 
                 สิ่งที่ผู้นำองค์กรกล่าวแก่สาธารณชนโดยทั่วไป ให้ถือเป็นนโยบายขององค์กรนั้น
                 และมีผลครอบคลุมทั้งองค์กร ถ้าผู้ใดไม่ปฏิบัติตามถือว่าผิดวินัยครับ 

  ในขณะที่ท่านคณบดีพยายามพูดเรื่องจริงผสมเรื่องเท็จ และบางเรื่องกลับดำเป็นขาวเพื่อปิดบังความโหดเหี้ยมที่ก่อไว้ในอคดีต
  ท่านหารู้ไม่ว่าคำพูดของท่านได้ก่อให้เกิดสัญญาประชาคมที่ผูกพันธ์องค์กรแห่งนี้ในอนาคตด้วย
  สิ่งที่ท่านพูดโกหกไว้ว่า   ไม่มีการเอาคนออกในการเกลี่ยงาน
                                ถ้าย้ายไปที่อื่นก็จะเป็นงานที่ดีกว่าแล้วแต่จะเลือกไป
                                ถ้าอยู่ที่เดิมก็ได้ตามความสมัครใจ
                              
                 ได้กลายเป็นสัญญาที่ท่านคณบดีต้องนำมาปฏิบัติต่อไปในองค์กรแห่งนี้ทันทีครับ

                อาจกล่าวได้ว่า คำพูดของท่านคณบดีนั้น สำหรับเหตุการณ์ในอดีต เป็นเรื่องโกหก
                                แต่สำหรับอนาคตเป็นสัญญาประชาคมครับ

     พี่น้องที่รักทุกท่านครับ ผมได้ปรึกษากับนิติกร และทนายความแล้ว พบว่า ถ้าท่านคณบดีบอกให้พี่น้องไปหางานใหม่ในสองเดือน และถ้าหาไม่ได้หรือไม่สมัครใจที่จะไป พี่น้องก็สามารถทำงานที่เดิมได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมดสัญญาครับ แต่อย่าลาออกเสียเองเป็นอันขาด เพราะถ้าท่านคณบดี ต้องออกคำสั่งให้พี่น้องออกจากงานเป็นลายลักษณ์อักษรโดยไม่ชอบธรรมก็จะมีแง่มุมในทางกฎหมายมากมายที่จะช่วยเหลือพี่น้องครับ
     พี่น้องพยายามอดทนหน่อยครับท่านคณบดีก็อยู่อีกไม่นานแล้วอย่างมากสามปีเองครับ
     แต่ท่านคณบดีจะกลั่นแกล้งพี่น้องในด้านอื่นๆได้หรือไม่ เช่นประเมินให้คะแนนน้อยจนต้องเอาออก 
ได้แน่นอนครับ แต่ผมขอเรียนว่า ขณะนี้ทุกตัวอักษรในแถลงการณ์ของท่านคณบดี  ทุกเรื่องราวที่มีมากกว่านี้ของท่าน ทุกหมายเลขโทรศัพท์ ของผู้ตกเป็นเหยื่อที่โทรศัพท์หาผมในช่วงสองสัปดาห์นี้ ได้รับการขออนุญาติเพื่อกระจายไปยังนักข่าวและติดต่อเป็นสายข่าวส่วนตัวกันแล้วครับ  หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพิจารณญาณของบรรดาท่านนักข่าวว่าเมื่อใดท่ีท่านคณบดีผู้มีภาพพจน์ดีเด่นแต่ทว่าพูดความจริงไม่ถึงครึ่งท่านนี้สมควรจะตกเป็นข่าว ซึ่งการตัดสินใจนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมอีกต่อไปครับ
     ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น กรรมการคณะแพทยศาสตร์ส่วนใหญ่ มีความเห็นใจและเข้าใจพี่น้องทุกท่านและรับปากจะช่วยกันผลักดัน
การบริหารอย่างมีธรรมาภิบาลในคณะนี้ให้เกิดขึ้นให้จงได้ แม้ท่านคณบดีจะยังไม่เอ่ยปากก็ตาม
     ดังนั้นพ่อแม่พี่น้องจงมีความมั่นใจว่า ถ้าท่านโดนกลั่นแกล้งในเรื่องเกลี่ยงาน ก็สามารถบอกกล่าวมาที่ผมหรือกรรมการคณะ
ท่านอื่นๆได้อย่างสนิทใจครับ
     พี่น้องครับในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า
ขณะที่ฝ่ายอธรรมพยายามโกหก เหล่าธรรมะกลับได้ประโยชน์ครับ
นี่อย่างไรจึงเรียกได้ว่าชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม ที่แท้จริง
และท่านจะสังเกตุได้ว่าคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ได้รับชัยชนะทันที่ที่ท่านคณบดีต้องกล่าวต่อหน้าสาธารณชน
เพราะต่อหน้ามหาชนอันยิ่งใหญ่ท่านจำเป็นต้องโกหกแสร้งเป็นคนดีด้วยความกลัวเพื่อปิดบังความโหดร้ายของท่านนั่นเองครับ

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ประกาศคำพูดของผมออกไป
เพื่อเป็นการยืนยันถึงพลังแห่งคุณธรรม ท่ีโอบอุ้มคณะแพทยศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
เราจะรวมพลังกันเพื่อบอกกล่าวกับท่านคณบดีว่าท่านควรยึดถือคุณธรรมและรักษาคำสัตย์ดุจชีวิต
เราจะรวมพลังกันโดยแสดงสัญญลักษณ์เป็นตัวเลข บนกระดานข่าวให้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในช่วงกลางวันแห่งสงกรานต์นี้ให้ได้เกิน 500ท่านครับ
และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแม้จะไม่มากนักตลอดช่วงวันหยุดนี้ครับ
ขอให้พี่น้องทุกท่านมีความสุขในวันปีใหม่ไทย
พบกันใหม่หลังสงกรานต์ครับ
ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
 อานนท์ วิทยานนท์



      

     
     
      
     
   
   
     
    



 
      

   
                             
                      
                             
   
                              
                              
                               

  
     


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psuac.th) ,
Date : 2013-04-11 , Time : 09:42:52 , From IP : 172.29.11.82


ความคิดเห็นที่ : 29






   อาจารย์อานนท์ฝากมา ให้ประกาศว่า


*********"คณบดีได้ทำสัญญาประชาคมแล้ว ตั้งแต่ตอนที่่ท่านมีคำชี้แจงครับ
การประกาศต่อสาธารณะ ของผู้บริหารสูงสุดในองค์กร ถือเป็นนโยบายครับ
ทุกคนในองค์กรต้องทำตามมิเช่นนั้นจะผิดวินัยครับ"*********

------------------------------------------------------------------------------------

Subject: [Medicine7] ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Thu, April 11, 2013 7:04 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook | View as HTML
------------------------------------------------------------------------------------

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก ทุกท่าน

นี่เป็นคำสัญญาของท่านคณบดี ซึ่งให้ไว้แก่พวกเราและสังคม โดยท่านมิได้รู้ตัว ในตอนที่ท่านแถลงคำชี้แจงวันที่ 7 เมษายน 2556 ครับ

โดยเฉพาะ ในเรื่องการปรับเปลี่ยนหน้าที่งาน ครับ


***"ขอเรียนว่า คณะฯจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่งานตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานและงบประมาณที่ได้รับจากภายนอกที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น งานการจัดทำฐานข้อมูลตัวบ่งชี้ และข้อมูลของผู้ป่วยบางกลุ่มให้กับ
สปสช.ซึ่งเมื่อโครงการของ สปสช.สิ้นสุด งบประมาณจาก สปสช.ก็หมดไป
พนักงานเหล่านี้ก็ไม่มีงบสนับสนุน ผมและทีมบริหารบุคคลก็ดูแลโดยการจัดหางานในตำแหน่งที่ใช้ฝีมือและวุฒิเดิมต่อเนื่อง ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่อเนื่อง แต่หน้าที่มั่นคงกว่าเดิม เช่น เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ของฝ่ายบุคลากร ฝ่ายวางแผน หรือเจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมงานวิจัย และการเปลี่ยนหน้าที่งานก็อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ"***



***"สำหรับเจ้าหน้าที่รปภ.ซึ่งคณะกำลังดำเนินการจัดระบบความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมและทดแทน คณะก็เปิดโอกาสให้ รปภ.ที่วุฒิการศึกษาสูงกว่าได้โอนย้ายไปเป็นนายช่าง หรือ พขร. หรือไปรับตำแหน่งที่เท่าเทียมกันที่ขาดแคลนคนทำงานอยู่ โดยให้ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากฐานเดิมหรือเพิ่มสูงขึ้นตามภาระงานและตำแหน่งงานใหม่ที่ใช้วุฒิการศึกษาสูงกว่า***


***"ส่วนคนที่ยังพอใจทำงานอยู่ที่เดิม เราก็ให้คงสิทธินั้น ๆไว้มิได้เคยคิดจะให้ออกจากงานแม้แต่คนเดียว เว้นแต่คนที่กำลังเกษียณอายุราชการไป
กับทั้งกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพเพิ่ม เพื่อให้พนักงานมีคุณค่า สามารถปรับเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นไปอีกอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ สมรรถนะในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น (ครอบคลุม รปภ.และ .พขร.)***


***​"จริงอยู่ การเปลี่ยนแปลงหน้าที่การทำงาน อาจสร้างความอึดอัดหรือลำบากในเบื้องต้น แต่ผมขอยืนยันว่า พนักงานที่โอนย้ายจากตำแหน่งเดิม เราจะให้ไปทำงานในตำแหน่งที่มีคุณค่า ใช้ฝีมือ ใช้วุฒิ ใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ
ซึ่งจะได้รับการตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากเดิมหรือสูงขึ้นแน่
และจะมีความมั่นคงมากขึ้น"***


***"สำหรับบุคลากรป่วยหรือสุขภาพเสื่อม ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ"***


ถ้าท่านยังงงอยู่ว่าเป็นสัญญาอย่างไร นี่มันคำแก้ตัวชัดๆ ก็ขอให้อ่านไปเรื่อยๆก่อนครับ


โดยสรุปท่านคณบดีกล่าวว่า


1. ถึงแม้หน่วยงานบางแห่งขาดงบประมาณท่านก็ช่วยให้คนไปทำงานที่ดีขึ้น ตามความสมัครใจ

2. ส่วน รปภ. ท่านจะลดคน ก็ให้ไปทำงานที่ดีขึ้น แต่ถ้าอยากอยู่ที่เดิมก็ได้

3. ยืนยันว่าไม่เคยคิดเอาคนออกเลย และท่านพูดให้เข้าใจต่อเนื่องเหมือนว่า
ไม่มีคนถูกออก



*****กระนั้น: แล้วคนของศูนย์คุณภาพ 5 ท่าน และ รปภ. อีก10 ท่านที่ออกไปแล้วนั้นท่านคิดว่าเขาเป็นคนหรือไม่ครับ ผมมีรายชื่อทุกท่านครบถ้วนแต่ยังไม่ได้ขออนุญาติเจ้าตัว นำมาเสนอ ทว่าพี่น้องขอดูได้เป็นส่วนตัวครับ*****


***ยิ่งกว่านั้นผู้ที่ถูกเกลี่ยงานไปอยู่ที่อื่นก็ยังถูกข่มขู่ให้ลดจำนวนตัวเองลงทุกปี ทำไมท่านคณบดีจึงพูดโกหกได้โดยดูเหมือนไม่มี หิริ และ โอตัปปะใดๆเลย***


*********พูดได้ว่าโกหกได้ต่อหน้าต่อตาเลยครับ ยังจะมีเจ้าหน้าที่ศูนย์มะเร็ง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สงขลานครินทร์เวชสาร โครงการผลิตตำรา ที่กำลังถูกคุกคามจากท่านคณบดี อยู่ทุกวันนี้ แม้แต่ท่านรองบริหารก็ไม่อาจปฏิเสธ ว่าท่านคณบดีกำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่*********


พี่น้องที่รักทุกท่านคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่านคณบดีเขียนแถลงการณ์นี้ออกมาเพื่อปิดบังสื่อมวลชนในการรักษาภาพพจน์ของตนเองเมื่อคืนวานนี้(7 เมษายน 2556)
เพราะท่านกลัวการรวมพลังทางกระดานข่าวของพวกเราที่เรียกร้องสื่อมวลชนมากนั่นเองครับ


สิ่งที่เขียนจึงสวยหรูเกินจริงทั้งๆที่ภายในมีแต่ความทุกข์ระทมของผู้ทำงาน แต่พี่น้องครับ คนระดับคณบดี ไม่ใช่คนธรรมดาแบบผมที่เขียนอะไรบนกระดานข่าวแล้วรับผิดชอบแค่ตัวเอง ตามหลักการปกครององค์กร บอกไว้ชัดเจนครับว่า


*"สิ่งที่ผู้นำองค์กรกล่าวแก่สาธารณชนโดยทั่วไป ให้ถือเป็นนโยบายขององค์กรนั้น และมีผลครอบคลุมทั้งองค์กร ถ้าผู้ใดไม่ปฏิบัติตามถือว่าผิดวินัยครับ"*

"ในขณะที่ท่านคณบดีพยายามพูดเรื่องจริงผสมเรื่องเท็จและบางเรื่องกลับดำเป็นขาวเพื่อปิดบังความโหดเหี้ยมที่ก่อไว้ในอคดีต ท่านหารู้ไม่ว่าคำพูดของท่านได้ก่อให้เกิดสัญญาประชาคมที่ผูกพันธ์องค์กรแห่งนี้ในอนาคตด้วย"


สิ่งที่ท่านพูดโกหกไว้ว่า ไม่มีการเอาคนออกในการเกลี่ยงาน ถ้าย้ายไปที่อื่นก็จะเป็นงานที่ดีกว่าแล้วแต่จะเลือกไป ถ้าอยู่ที่เดิมก็ได้ตามความสมัครใจ

*****ได้กลายเป็นสัญญาที่ท่านคณบดีต้องนำมาปฏิบัติต่อไปในองค์กรแห่งนี้ทันทีครับ*****

***อาจกล่าวได้ว่า คำพูดของท่านคณบดีนั้น สำหรับเหตุการณ์ในอดีต
เป็นเรื่องโกหก
แต่สำหรับอนาคตเป็นสัญญาประชาคมครับ***


พี่น้องที่รักทุกท่านครับ ผมได้ปรึกษากับนิติกร และทนายความแล้ว พบว่า
ถ้าท่านคณบดีบอกให้พี่น้องไปหางานใหม่ในสองเดือน และถ้าหาไม่ได้หรือไม่สมัครใจที่จะไป พี่น้องก็สามารถทำงานที่เดิมได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมดสัญญาครับ
แต่อย่าลาออกเสียเองเป็นอันขาด เพราะถ้าท่านคณบดีต้องออกคำสั่งให้พี่น้องออกจากงานเป็นลายลักษณ์อักษรโดยไม่ชอบธรรมก็จะมีแง่มุมในทางกฎหมายมากมายที่จะช่วยเหลือพี่น้องครับ


พี่น้องพยายามอดทนหน่อยครับท่านคณบดีก็อยู่อีกไม่นานแล้วอย่างมากสามปีเองครับ แต่ท่านคณบดีจะกลั่นแกล้งพี่น้องในด้านอื่นๆได้หรือไม่ เช่นประเมินให้คะแนนน้อยจนต้องเอาออก ได้แน่นอนครับ


*****แต่ผมขอเรียนว่า ขณะนี้ทุกตัวอักษรในแถลงการณ์ของท่านคณบดี ทุกเรื่องราวที่มีมากกว่านี้ของท่าน ทุกหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ตกเป็นเหยื่อที่โทรศัพท์หาผมในช่วงสองสัปดาห์นี้ ได้รับการขออนุญาติเพื่อกระจายไปยังนักข่าวและติดต่อเป็นสายข่าวส่วนตัวกันแล้วครับ*****


*****หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพิจารณญาณของบรรดาท่านนักข่าวว่าเมื่อใดท่ีท่านคณบดีผู้มีภาพพจน์ดีเด่นแต่ทว่าพูดความจริงไม่ถึงครึ่งท่านนี้สมควรจะตกเป็นข่าว
ซึ่งการตัดสินใจนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมอีกต่อไปครับ*****


***ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น กรรมการคณะแพทยศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเห็นใจและเข้าใจพี่น้องทุกท่านและรับปากจะช่วยกันผลักดันการบริหารอย่างมีธรรมาภิบาลในคณะนี้ให้เกิดขึ้นให้จงได้ แม้ท่านคณบดีจะยังไม่เอ่ยปากก็ตาม***


ดังนั้นพ่อแม่พี่น้องจงมีความมั่นใจว่า ถ้าท่านโดนกลั่นแกล้งในเรื่องเกลี่ยงาน
ก็สามารถบอกกล่าวมาที่ผมหรือกรรมการคณะท่านอื่นๆได้อย่างสนิทใจครับ


***พี่น้องครับในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าขณะที่ฝ่ายอธรรมพยายามโกหก เหล่าธรรมะกลับได้ประโยชน์ครับ นี่อย่างไรจึงเรียกได้ว่าชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม ที่แท้จริง และท่านจะสังเกตุได้ว่าคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ได้รับชัยชนะทันที่ที่ท่านคณบดีต้องกล่าวต่อหน้าสาธารณชน เพราะต่อหน้ามหาชนอันยิ่งใหญ่ท่านจำเป็นต้องโกหกแสร้งเป็นคนดีด้วยความกลัวเพื่อปิดบังความโหดร้ายของท่านนั่นเองครับ***

***พี่น้องที่รักทั้งหลาย ประกาศคำพูดของผมออกไป เพื่อเป็นการยืนยันถึงพลังแห่งคุณธรรม ท่ีโอบอุ้มคณะแพทยศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้***


*** เราจะรวมพลังกันเพื่อบอกกล่าวกับท่านคณบดีว่าท่านควรยึดถือคุณธรรมและรักษาคำสัตย์ดุจชีวิต เราจะรวมพลังกันโดยแสดงสัญญลักษณ์เป็นตัวเลข บนกระดานข่าวให้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงกลางวันแห่งสงกรานต์นี้ให้ได้เกิน 500ท่านครับ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแม้จะไม่มากนักตลอดช่วงวันหยุดนี้ครับ***


ขอให้พี่น้องทุกท่านมีความสุขในวันปีใหม่ไทย
พบกันใหม่หลังสงกรานต์ครับ
ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์

------------------------------------------------------------------------------------

ต่อไปนี้ เป็นสัญญาประชาคมฉบับเต็มที่ผู้นำองค์ ประกาศต่อหน้าสาธรณะชนในองค์กรนี้ และต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด ดังที่ให้ไว้ครับ

------------------------------------------------------------------------------------
สัญญาประชาคมที่ผูกพันธ์องค์กร ที่ผู้นำองค์กรให้ไว้ต่อองค์

------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายจากคณบดี



​​ตามที่มีกระแสการแพร่ข่าวให้สังคมคณะแพทย์ เกิดความเข้าใจสับสน จนเกิดความไม่ไว้วางใจในทิศทางการนำของคณะแพทย์
​​ผมขอชี้แจงประเด็นสาระสำคัญ ที่อาจทำให้คนของเราที่ทำงานอยู่หน้างาน ที่ผมไม่มีโอกาสได้ชี้แจงโดยตรง ได้รับทราบในข้อสงสัยสาระสำคัญ และเป็นการแสดงจุดยืน ดังนี้
1. ข่าวแพร่ว่า คณบดีพยายามกดดันให้คนของเราลาออกจากคณะแพทย์
​​ ขอเรียนว่า ผมบริหารงานมาหลายตำแหน่ง ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ไม่เคยมีความคิดจะกดดันให้ใครลาออกจากงานเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่จะสร้างเสริมรายได้ สร้างโอกาส สนับสนุนการศึกษาต่อ
การปรับวุฒิ สร้างความมั่นคง ความก้าวหน้าของงานให้กับคนของคณะแพทย์ ในอดีตสมัยที่เป็นรองบริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็ได้ริเริ่มพัฒนาระบบสร้างเสริมสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อย จัดเพิ่มค่าเวรให้สูงกว่าเกณฑ์ราชการ จัดระบบเพิ่มเงินเดือนให้กับลูกจ้างชั่วคราวให้สูงกว่าโรงพยาบาลและส่วนราชการอื่นๆ และร่วมกับอาจารย์พันธ์ทิพย์ สงวนเชื้อ ซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทย์ในขณะนั้น จัดตั้งกองทุนประกันสังคม เริ่มการจัดสรรเงินประกันสังคมเป็นสวัสดิการรายเดือนให้กับทุกคน ทุกตำแหน่งของคณะแพทย์ ผ่านหน่วยงานต่างๆ แม้ว่าจะไม่ใช่หน่วยที่บริการคนไข้โดยตรง
​​เมื่อเข้ามารับตำแหน่งคณบดี ก็เห็นถึงความเดือดร้อนของพนักงานเงินรายได้ ที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน และที่เกษียณราชการ รวมถึงคนในครอบครัวโดยเฉพาะญาติสายตรงที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลม.อ. ของเราเองได้ ก็ได้เพิ่มสิทธิ์นี้ขึ้นมาให้ครอบคลุมทุกคนรวมถึงญาติสายตรง นอกจากนี้ยังได้เพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานเงินรายได้ระดับปริญญาตรี ให้ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นเงินอย่างน้อย 15,000 บาท และเพิ่มให้กับพนักงานเงินรายได้ที่ตำแหน่งงานซึ่งจ้างด้วยวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี ที่เงินเดือนน้อยกว่า 12,000 บาท อีกคนละ 1,500 บาท เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำของลูกจ้างกลุ่มแรงงานเป็นเดือนละ 8,000 บาท การเพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานเงินรายได้ของคณะ โดยต้องใช้เงินรายได้ของคณะแพทย์เองนั้น นับเป็นคณะแรกในมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลแรกในกลุ่มโรงพยาบาลที่เป็นสถาบันผลิตแพทย์
​​นอกจากนี้ ยังคงสวัสดิการรายเดือนจากกองทุนเงินประกันสังคม จัดสรรให้หน่วยงาน
ต้นสังกัดคนละ 500 บาทต่อเดือนทุก ๆ คน และตั้งแต่ 1 เมษายน 2556 นี้ คณะได้จัดสรรเงินเพิ่ม 80 บาทต่อคนต่อเดือน ให้แต่ละคนสามารถเลือกลงทะเบียนเข้าเป็นสมาชิกชมรมใดชมรมหนึ่ง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต เลือกงานอดิเรก เลือกทำกิจกรรม หรืองานสันทนาการที่แต่ละคนชอบร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ชอบในเรื่องเดียวกันจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสุข และความสามัคคี
​เมื่อเข้ามารับตำแหน่งก็ได้ร่วมกับทีมงานพัฒนาบุคลากร ซึ่งมีรองฯสงวนสินเป็นหัวหน้าทีมร่วมกับคุณวรวรรณ ผลักดันการเข้าสู่ตำแหน่งชำนาญงาน ชำนาญงานพิเศษ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญพิเศษในระยะเวลาสั้น ๆ ขณะนี้เรื่องผ่านการประเมินจากกรรมการของคณะเกือบ 100 คนแล้ว ที่น่ายินดีคือคนของเราได้รับการรับรองการเข้าสู่ตำแหน่งจากสภามหาวิทยาลัยในช่วงต้นปี 2556 จำนวน 20 คน จากจำนวนทั้งหมดของทั้งมหาวิทยาลัย 27 คน
​ขอเรียนว่า ในระยะ 8-10 เดือนที่เข้ามาทำงาน ทีมบุคลากรทั้งสาย ก ที่ดูแลโดยฝ่ายวิจัย และสายอื่นๆ ที่ดูแลโดย รองฯสงวนสินและคุณวรวรรณ และทีมงานการเจ้าหน้าที่ทำงานหนักมาก หามรุ่งหามค่ำ ในด้านสายอาจารย์ ระบบที่วางชัดเจนแล้วได้แก่ 1) ระบบการพัฒนาอาจารย์ โดยการฝึกอบรมดูงาน ประชุมวิชาการต่างประเทศ 2) ระบบสนับสนุนงานวิจัย 3) การพัฒนาความเชี่ยวชาญและศูนย์ความเป็นเลิศ ซึ่งผลความก้าวหน้าของงานน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ในปีนี้ และสำหรับบุคลากรสายอื่น นอกจากเรื่องที่รายงานแล้ว ทีมงานก็ยังประสานชี้แจงมหาวิทยาลัย จนได้ตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มมาบรรจุคนของเราได้มากขึ้น และกำลังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการขอความช่วยเหลือด้านงบประมาณจากรัฐบาลผ่าน สกอ. มาจัดสิทธิประโยชน์ความมั่นคงให้มากขึ้น ให้กับพนักงานทั้งหมดของคณะแพทย์และมหาวิทยาลัย
​​การจัดระบบค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นที่คณะทำงานกำลังจัดทำอยู่ ยังได้แก่การปรับเพิ่มค่าเวร ค่าทำการนอกเวลา การปรับเพิ่มค่าสาขาขาดแคลน และการจัดระบบสวัสดิการที่เลือกได้ตามความต้องการของ
แต่ละบุคคล (cafeteria fringe) นอกจากนี้ รองฯบริหารและงานคลังกำลังศึกษาการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่คณะจะสมทบการออมให้กับพนักงานเงินรายได้ และกองทุนกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำสุดสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนของเราที่มีความจำเป็นยามฉุกเฉิน
2. การปรับเปลี่ยนหน้าที่งาน
ขอเรียนว่า คณะฯจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่งานตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานและงบประมาณที่ได้รับจากภายนอกที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น งานการจัดทำฐานข้อมูลตัวบ่งชี้ และข้อมูลของผู้ป่วยบางกลุ่มให้กับ สปสช. ซึ่งเมื่อโครงการของ สปสช.สิ้นสุด งบประมาณจาก สปสช.ก็หมดไป พนักงานเหล่านี้ก็ไม่มีงบสนับสนุน ผมและทีมบริหารบุคคลก็ดูแลโดยการจัดหางานในตำแหน่งที่ใช้ฝีมือและวุฒิเดิมต่อเนื่อง ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่อเนื่อง แต่หน้าที่มั่นคงกว่า เช่น เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ของฝ่ายบุคลากร ฝ่ายวางแผน หรือเจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมงานวิจัย และการเปลี่ยนหน้าที่งานก็อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ สำหรับเจ้าหน้าที่รปภ. ซึ่งคณะกำลังดำเนินการจัดระบบความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมและทดแทน คณะก็เปิดโอกาสให้ รปภ.ที่วุฒิการศึกษาสูงกว่าได้โอนย้ายไปเป็นนายช่าง หรือ พขร. หรือไปรับตำแหน่งที่เท่าเทียมกันที่ขาดแคลนคนทำงานอยู่ โดยให้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากฐานเดิม หรือเพิ่มสูงขึ้นตามภาระงานและตำแหน่งงานใหม่ที่ใช้วุฒิการศึกษาสูงกว่า ส่วนคนที่ยังพอใจทำงานอยู่ที่เดิม เราก็ให้คงสิทธินั้น ๆ ไว้มิได้เคยคิดจะให้ออกจากงานแม้แต่คนเดียว เว้นแต่คนที่กำลังเกษียณอายุราชการไป กับทั้งกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพเพิ่ม เพื่อให้พนักงานมีคุณค่า สามารถปรับเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นไปอีกอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ สมรรถนะในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น (ครอบคลุม รปภ.และ พขร.)
​จริงอยู่ การเปลี่ยนแปลงหน้าที่การทำงาน อาจสร้างความอึดอัดหรือลำบากในเบื้องต้น แต่ผมขอยืนยันว่า พนักงานที่โอนย้ายจากตำแหน่งเดิม เราจะให้ไปทำงานในตำแหน่งที่มีคุณค่า ใช้ฝีมือ ใช้วุฒิ ใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ซึ่งจะได้รับการตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากเดิมหรือสูงขึ้นแน่ และจะมีความมั่นคงมากขึ้น
​สำหรับบุคลากรป่วยหรือสุขภาพเสื่อม ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ประวัติการดูแลคนเหล่านี้ในอดีตสมัยที่ผมเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลคงยืนยันได้ว่า สิ่งที่ทำสม่ำเสมอมา คือ ให้การดูแลรักษาพยาบาลเต็มที่ ดูแลให้สิทธิประโยชน์และการช่วยเหลือทั้งจากราชการและคณะแพทย์เต็มที่
เต็มสิทธิ ปรับลักษณะและภาระงานให้สอดคล้องกับสมรรถนะหรือความสามารถที่เขาทำได้ ซึ่งจะเป็นการทำให้คนทำงานได้แสดงคุณค่า มีศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจต่อตนเองตลอดชีวิต แน่นอนว่าบางครั้งจะต้องย้ายไปทำงานหน่วยอื่นซึ่งมีลักษณะงานเหมาะสมกว่า หลาย ๆ คนที่สุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ยังทำงานที่มีคุณค่าอยู่ในหน่วยงานต่างๆของโรงพยาบาลเรา และเรื่องที่น่าจะเห็นชัด ได้แก่ การดูแลคนเก่าคนแก่ คนเกษียณอายุที่ด้อยสิทธิทุก ๆ คน คณะเพิ่งเปิดให้ได้รับการลงทะเบียนสามารถใช้สิทธิรับการรักษาพยาบาลที่ดีจาก ม.อ. พัฒนาระบบการจัดจ้างผู้ทรงคุณวุฒิที่เกษียนและริเริ่มระบบการจ้างพนักงานฝีมือที่เกษียน ได้แก่ พขร. 2 ตำแหน่งให้อยู่ช่วยทำงานให้เรา ในลักษณะงานและการตอบแทนที่มีคุณค่าแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหากระบบนี้ได้ผลดี ก็จะมีการขยายผลให้กว้างขวางขึ้นไปอีก
3. ความสุขสบายระยะสั้นหรือความสุขความมั่นคงระยะยาวของทุกคน
ขอเรียนว่า ผมอยู่ในคณะทำงานของอาจารย์ธาดา และ อาจารย์พันธ์ทิพย์ ที่ได้วางและบริหารระบบการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการให้กับอาจารย์และบุคลากรของคณะแพทย์ทุกคนทุกระดับ
บนหลักการที่จัดให้ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์คนของเราได้รับมากขึ้น มากกว่าราชการทั่ว ๆ ไปโดยอยู่บนพื้นฐานสำคัญ คือ การประกันคุณภาพงาน เพราะทางหนึ่งเราต้องใช้เงินทุนมาตอบแทนคนของเรา ในอีกทางหนึ่งเราก็ต้องมีเงินทุนเพิ่มขึ้น ถามว่าเงินมาจากไหน มี 3 ทางใหญ่ ได้แก่ 1) สร้างงานที่เกิดรายได้ (รักษาพยาบาล) 2) จัดทำคำของบประมาณซึ่งก็ต้องเอางานเข้าไปผูกมัด 3) คณะแพทย์ลดความรั่วไหล ความฟุ่มเฟือย หรือความย่อหย่อนซ้ำซ้อนของระบบงาน หากเราสามารถจัดซื้อ จัดหา ที่โปร่งใสในรูปของคณะกรรมการ ลดการผูกขาด ได้ของดีราคายุติธรรม เงินที่เก็บตกได้แม้เพียง 3 - 5 % เช่นนี้ หากเทียบกับรายจ่ายของคณะแพทย์ประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว จะเป็นเงินสูงถึง 150 - 250 ล้านบาทต่อปีทีเดียว เงินทั้งหมดนี้ก็จะย้อนกลับมาเป็นค่าตอบแทน สวัสดิการของคนของเราทั้งหมด ไม่สูญหายไปโดยการปล่อยวาง
4. ธรรมาภิบาลขององค์กร
ขอเรียนว่า แม้คณบดีจะเป็นผู้รับผิดชอบและมีอำนาจสูงสุดของคณะแพทย์ เมื่อผมเข้ามารับตำแหน่งก็ได้พยายามวางระบบการบริหารจัดการเรื่องสำคัญทั้งหมดโดยใช้คณะกรรมการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเงินการคลัง คณะกรรมการกองทุนประกันสังคม คณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลฯ คณะกรรมการทรัพยากรบุคคล คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนพัฒนาอาจารย์และเครื่องมือราคาแพง (steering committee) คณะกรรมการยา คณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานของอาจารย์และหน่วยงาน คณะกรรมการเหล่านี้ทุกชุดจะประกอบด้วยทีมบริหารที่รับผิดชอบโดยตรง อาจารย์ หรือบุคลากรอาวุโสของคณะที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้น ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก และตัวแทนอาวุโสจากมหาวิทยาลัย ทุก ๆ เรื่องจะรายงานตรงในรูปแบบของรายงานการประชุมที่เป็นเอกสารต่อคณะกรรมการคณะ ผมเป็นผู้เชื่อมั่นในการตัดสินใจโดยใช้ฐานข้อมูลที่เห็นภาพรวมในแต่ละเรื่อง และเชื่อว่าคณะกรรมการจะตัดสินใจได้ดี ก็โดยการได้รับข้อมูลจริง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ใช่ข้อมูลเฉพาะส่วนย่อย การประชุมกรรมการคณะ ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุด ก็พยายามจัดวาระที่เป็นเรื่องสำคัญ มีการจัดเตรียมข้อมูลให้มากที่สุด และมีคณะกรรมการเจ้าของเรื่อง กลั่นกรองความเห็นสรุปประเด็นข้อแนะและทางเลือกนำเสนอ ซึ่งความเห็นก็มาจากผู้ที่รับผิดชอบที่อ้างอิงได้ แยกแยะระหว่างเนื้อหาและสิ่งปรุง
​สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำไปแล้ว และจะทำต่อเนื่อง ก็เพื่อคนของเรา หวังเพียงให้คนของเราจะมีความมั่นคงในระยะยาว มีความผูกพันกับคณะแพทย์ ได้รับการตอบแทนที่ดี เพียงพอ และสูงขึ้น สามารถดำรงชีพ ดูแลครอบครัว ทั้งวันนี้และในอนาคต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความมั่นคงขององค์กร
​ในวาระนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่จะชี้แจงทำความเข้าใจแก่ทุก ๆ ท่าน เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจ ลดความหวั่นไหวจากข่าวลือ ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาคณะแพทย์ต่อไป
​ความจริงหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้จากการกระทำ ทั้งอดีตที่ผ่านมานับ 20 ปี ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้นี้

​รศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ
​คณบดี
​7 เมษายน 2556


Posted by : ธนพันธ์ , E-mail : (Cthanapa@yahoo.com) ,
Date : 2013-04-07 , Time : 22:23:53 , From IP : mx-ll-223.206.157-99.dynamic.3bb.co.th
------------------------------------------------------------------------------------

"Show me, do not tell me. Actions speak louder than words.."

ขอแปลสั้นๆว่า"แสดงออกมาเลยไม่ต้องบอกฉัน" "ลงมือทำดีกว่าเอาแต่พูด"

ถ้าแปลผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ




Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-11 , Time : 10:34:07 , From IP : 172.29.14.85


ความคิดเห็นที่ : 30




   Subject: เรียนอาจารย์อานนท์ครับ โพสให้ซ้ำซ้อนครับFwd: ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม
From: jittawat.r@psu.ac.th
Date: Thu, April 11, 2013 10:45 am
To: varnont@gmail.com (less)
arnontvittayanont@yahoo.com
Cc: jittawat.r@psu.ac.th
Priority: High
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




เรียนอาจารย์อานนท์ครับ โพสให้ซ้ำซ้อนครับ

เรียนอาจารย์อานนท์ครับ ผมได้เมล์อาจารย์ตามเวลานัดอาจารย์แต่
มานั่งจัดข้อความและเน้นจุดสำคัญให้เป็นระบบใหม่ เพื่อให้อ่านง่ายขึ้นและเป็นระบบ


พร้อมทั้งเขียนเสริม+เพิ่มรูปที่สื่อให้คนที่กล่าวอะไรไว้ในที่สาธรณะได้คิดครับ


ใช้เวลานานเพราะนั่งทำงานที่หน่วยไปด้วยครับ


เสร็จแล้วก็โพสไปเลย มาดูอีกครั้ง เห็อาจารย์โพสมาแล้ว เลยซ้ำซ้อน
ไม่เป็นไรนะครับ ผมก็โพสเพื่อนำเสนอคำพูดว่าเพิ่มตามความเห็นของผมและภาพที่เข้ากับเนื้อความเพื่อสื่อให้คนที่กล่าวอะไรไว้รู้ตัวด้วยครับ


บอกตรงๆนะครับว่า อาจารย์อานนท์ ยอดเยี่ยมมากครับ

ขอให้อาจารย์ท่องเที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุขเช่นกันครับ

ด้วยความนับถือ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

10.45น/11 เมย 56



---------------------------- Original Message ----------------------------
Subject: Fwd: ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Thu, April 11, 2013 7:17 am
To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า
--------------------------------------------------------------------------

อาจารย์ครับ ขอโทษที่เปลี่ยนเวลาตามสถานการณ์
ขอบคุณอาจารย์มากในความช่วยเหลือที่ผ่านมา
เจอกันหลังสงกรานต์ ซึ่งส่วนใหญ่คงเป็นเรื่องของกรรมการคณะครับ
ขอให้อาจารย์ท่องสงกรานต์อย่างมีความสุขครับ
รักและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์

Send from my iPad







Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-11 , Time : 11:08:43 , From IP : 172.29.14.85


ความคิดเห็นที่ : 31


   ตัวเลขหยุดที่8254 ไม่นับคนแล้วครับ

Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-11 , Time : 18:11:56 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 32


   
สวรรค์จำแลง

พี่น้องที่เคารพ ทุกท่าน
มีคนถามว่าทำไมท่านคณบดีไม่พูดความจริง
ผมก็ไม่อาจตอบได้ครับ
แต่จนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาชี้ชัดว่าความจริงอยู่ที่ใด

ลองคิดดูว่า
ท่านคณบดีมีข้อมูลที่ท่านถืออยู่ว่า การเกลี่ยงานดีมาก สมมติว่าเหมือนสวรรค์
ส่วนผมมีข้อมูลที่ขัดแย้งกับท่านคณบดีที่พบว่าการเกลี่ยงานเหมือนนรก

ผมเสนอให้นำข้อมูลทั้งสองฝ่าย มาพิจารณาในกลุ่มคนที่เป็นกลางคือกรรมการคณะแพทยศาสตร์
เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาล
แต่ท่านคณบดีไม่ยอมรับปาก

ผมเสนอให้เปิดเผยข้อมูลทั้งสองฝ่าย
แต่ท่านคณบดี อยากจะเก็บข้อมูลของท่านไว้คนเดียวเพื่อเอาไว้พูดกับสื่อมวลชน

ก็แล้วข้อมูลแห่งความดีที่เปรียบเหมือนสวรรค์อะไรหรือครับที่เปิดเผยรายละเอียดต่อกรรมการคณะไม่ได้
นอกจากว่าเป็นสวรรค์จำแลงครับ

เพียงเท่านี้ท่านก็คงทราบแล้วว่าความจริงอยู่ที่ใด
คนถือความจริง ย่อมกล้าเปิดเผย
คนถือความเท็จ ย่อมกลัวการถูกเปิดเผยครับ

ด้วยศรัทธาและคารวะ
อานนท์ วิทยานนท์


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-12 , Time : 06:30:02 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 33




   Happy Songkran Festival : 13-04-2013:ขออาราธนาสิ่งศักคิ์สิทธิ์ ทั่วสากลโลก ดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ ในหน้าที่การงาน จิตใจใสบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมชื่นใจ ดุจดอกมะลิ บนฝ่ามือที่ฟันฝ่าอุปสรรค์ทุกอย่าง สู่ความสุขสดชื่นทั้งกายและใจทุกประการเทอญ

Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-13 , Time : 10:07:04 , From IP : mx-ll-223.207.182-96.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 34


                                มาร่วมกันสร้างสรรค์ สวรรค์บนดิน ที่คณะแพทยศาสตร์ มอ.
ก่อนอื่นขอขอบคุณอาจารย์จิตวัต ที่คำอวยพรของท่านทำให้จิตใจของเราสงบเย็นก่อนอ่านจดหมายของผมครับ

                                                    พี่น้องที่รักครับ

อาจารย์แพทย์รุ่นเยาว์ท่านหนึ่งเขียนไว้ใน FB ของท่านตักเตือนพวกเราตอนที่มีการเตรียมตัวเคลื่อนไหวใหญ่ว่า
                     
                             "ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้ชน แต่มีไว้ให้ร่วมกันแก้ไขทั้งองค์กร"

   ผมเคารพในความคิดเห็นของท่านที่แม้จะอายุน้อยแต่วิสัยทัศน์กว้างไกล จึงขอเอามาเป็นหัวข้อพูดคุยวันนี้ และความจริงแล้วเป็นคำพูดที่ตรงใจผมรวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ผมวางไว้แต่แรกแล้วครับ
   ที่ผ่านมาท่านจะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของพวกเราคนเล็กคนน้อยในองค์กรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีแต่สงบ สันติ อหิงสา ไม่เคย "ชน" กับใครกันจริงๆเลยนะครับ จะมีก็แต่เฉี่ยวๆให้ระทึกใจท่านคณบดีเท่านั้นครับ
   และวรรคทองที่สองที่ท่านบอกว่า "ให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งองค์กร" นั้น ผมและทีมงานได้พยายามจนสุดความสามารถตามนั้นครับ และขณะนี้ประโยคสวยหรูที่ว่านี้ได้กลายมาเป็นความจริงที่งดงามบ้างแล้วบางส่วน 
   ลองมาดูกันนะครับว่า มีความจริงอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงสองสัปดาห์นี้ที่มีส่วนในการแก้ปัญหาขณะนี้ครับ

    1/ เรามีคำสัญญาของท่านคณบดี อันเป็นสัญญาประชาคมท่ีถึงแม้ท่านจะไม่ค่อยสมัครใจนำเสนอ แต่ก็มีหลักการที่ถูกต้องครับ  ดังที่ท่านมีแนวคิดว่าจะดูแลการเกลี่ยงาน ให้เป็นไปตามความสมัครใจ ให้ผู้ปฏิบัติงานมีความมั่นคงและมีคุณค่ามากขึ้น และถ้าจะเลือกอยู่ที่เดิม ก็ได้ไม่บังคับ พร้อมคงสิทธิทุกอย่างเหมือนเดิมครับ  "ไม่เคยคิดจะให้ใครออกเลย"  ตามคำพูดของท่านคณบดีครับ
   
    2/เรามีท่านกรรมการบริหารที่จะช่วยผลักดันเรื่องธรรมาภิบาลนี้อย่างจริงจัง นำโดยท่านอาจารย์กันยิกา ชำนิประศาสตร์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร ซึ่งท่านเคยแสดงท่าทีชัดเจน ทั้งในทางส่วนตัวกับผม และทั้งในการแสดงออกแก่สาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสัมนากรรมการคณะที่ผ่านมาว่าท่านเน้นเรื่องธรรมาภิบาลในองค์กรอย่างมากครับ

    3/เรามีท่านหัวหน้าภาควิชาเกือบทุกภาควิชาและท่านกรรมการคณะท่านอื่นๆที่เข้าใจปัญหามากขึ้น และส่วนใหญ่เห็นว่า ต้องมีการสานต่อในกรรมการคณะเพื่อดูแลเรื่องการเกลี่ยงานของท่่านคณบดีให้มีจริยธรรมครับ
ซึ่งผมจะนำข้อมูล จากการประชุมกรรมการคณะแพทยศาสตร์มานำเสนอพี่น้องทุกท่านเป็นระยะๆครับ

   4/เรามีท่านอาจารย์แพทย์ และท่านหัวหน้างาน ที่เข้าใจว่าคณบดีมีอำนาจตามกฎหมาย และตอนนี้เข้าใจดีเพิ่มขึ้นว่า  การใช้อำนาจตามกฎหมายให้ถูกต้องตามจริยธรรมนั้น ควรเป็นอย่างไร ก็คือควรใช้ให้สอดคล้องกับดำริห์ของท่านคณบดีดังที่ปรากฎในจดหมายฉบับนี้ข้อที่ 1/ครับ มีผลให้ท่าทีของท่านหัวหน้างานบางท่านที่มีต่อผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ดีขึ้น มีความโอบอ้อมอารีย์ขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ คนสนิทท่านคณบดีที่ยิ้มแย้มเอาใจลูกน้องเป็นพิเศษในช่วงนี้ทั้งนี้เกิดจากความเข้าใจในแนวปฏิบัติทางจริยธรรมดังกล่าวนั่นเองครับ

   5/เรามีพี่น้องที่รับเงินเดือนจากรายได้คณะ ที่มีจำนวนประมาณ1500คน ผู้ทำงานด้วยความระทมทุกข์และหวาดกลัว  ซึ่งขณะนี้ มีพลังอำนาจการต่อรองในตัวเองมากขึ้น สามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ดีขึ้น อันทำให้จิตใจของพวกเขาผ่อนคลายขึ้นครับ ที่สำคัญมีกลไกที่เชื่อมโยงกับกรรมการคณะได้ในทางลับซึ่งจะทำให้กรรมการคณะสามารถเป็นกระบอกเสียงแสดงออกถึงความทุกข์ของพวกเขาเพื่อการเยียวยาได้ครับ

   6/เรามีมหามิตรที่เป็นสื่อมวลชนระดับชาติ ผู้รักความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือพวกเราและตรวจสอบการทำงานของท่านคณบดี ว่าอยู่ในจริยธรรมอันดีหรือไม่ และท่านสื่อมวลชนยังได้กรุณาเพิ่มพลังอำนาจของตัวเองแก่ท่านพี่น้องลูกจ้างของเราหลายคน โดยให้ช่วยเป็นแหล่งข่าวที่สามารถติดต่อกับสื่อภายนอกอย่างเป็นความลับได้โดยตรงครับ

   7/ยังครับยังไม่หมด ในช่วงสองสัปดาห์นี้ มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับพวกเรามากมาย ที่สำคัญที่สุดคือ
      
        ธารนำ้ใจใสพิสุทธ์ ที่หลั่งรินจากหัวใจแสนบริสุทธ์ของพี่น้องทุกท่าน
     
        ที่หลั่งรินมาเพื่อบรรดาลให้สิ่งดีงามเกิดขึ้นในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้
      
        ที่หลั่งรินมาเพื่อเยียวยาผู้ทุกข์ระทม
        ที่หลั่งรินมาเพื่อท้าทายอำนาจอธรรม
        ท่ีหลั่งรินมาเพื่อให้ผู้สำนึกผิดได้ล้างปาป
        และที่หลั่งรินมาเพื่อให้อภัยแก่ทุกผู้คน ท่ีขาดความสมบูรณ์เพราะความเป็นมนุษย์ ครับ

         ขอให้ทุกท่าน มาร่วมกันสร้างสรรค์ คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ ให้กลับมาเป็นสวรรค์บนดินของคนทำงานอีกครั้งหนึ่งเถิดครับ
      
        ซาบซึ้งและคารวะในนำ้ใจของทุกท่าน
                 อานนท์ วิทยานนท์
      
         


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-13 , Time : 20:47:16 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 35




   มาร่วมกันสร้างสรรค์ สวรรค์บนดิน ที่คณะแพทยศาสตร์ มอ.

มาร่วมกันแยกแยะให้ออกว่าอะไรชั่ว อะไรดี เหมือนดังที่อาจารย์อานนท์พยายามชี้ประเด็นผิดและถูกของผู้นำองค์กร

มาร่วมกันต่อต้านสิ่งที่ไม่เป็นธรรมาภิบาล อยุติธรรม ไร้ซึ่งคุณธรรมและจรรยาบรรณ ของผู้นำองค์

มาร่วกันสร้างสรรค์องค์กรนี้ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรนี้ อยู่อย่างเป็นสุขเหมือนอยู่สวรรค์บนดินตั้งแต่ปีใหม่ไทยนี้เป็นต้นไปครับ


ด้วยจิตศรัทธาและคารวะทุกท่านครับ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

14 เมษายน 2556 /18.20น


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-14 , Time : 18:19:05 , From IP : mx-ll-49.49.65-80.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 36




   
พรปีใหม่สำหรับทุกท่านที่ได้รับผลกระทบ จากนโยบายที่ไม่เป็นธรรมาภิบาล (no good governance )อยุติธรรม( injustice,partiality)ไร้ซึ่งคุณธรรม(unjust,unfair,partial)และไร้จรรยาบรรณ(unethical,immoral,amoral)ของผู้นำองค์กร


ก่อนพักผ่อนในค่ำคืนนี้ สวดมนต์ไหว้พระ นั่งธรรมะ เจริญสมาธิภาวนา แผ่เมตตา ให้ใจชุ่มชื่นเบิกบานด้วยการนึกถึงบุญกุศล คุณความดีทั้งหลาย อุทิศบุญให้หมู่ญาติอันเป็นที่รักที่ล่วงลับไปแล้ว ให้คู่เวรคู่กรรมที่เราเคยผิดพลาดล่วงเกิน ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย


ขอให้ทุกท่านหลับอย่างเป็นสุขในอู่แห่งทะเลบุญ และให้ตื่นด้วยใจที่เบิกบานผ่องใสกัน ขออานุภาพแห่งพระรัตนตรัย อันไม่มีประมาณได้คุ้มครองทุกท่านให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข มีดวงตาเห็นธรรมโดยเร็วพลันเทอญ อนุโมทนาบุญร่วมกัน สาธุ สาธุ สาธุ


บทแผ่เมตตา

-สัพเพ สัตตา: สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
-อะเวรา โหนตุ: จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
-อัพพะยาปัชฌา โหนตุ: จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
-อะนีฆา โหนตุ: จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
-สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ: จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

จาก.www.facebook.com/ThanavuddhoStory

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

21.00น วันครอบครัวไทย อาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2556


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-14 , Time : 21:06:27 , From IP : mx-ll-49.49.65-80.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 37




   Subject: [Medicine7] อำนาจ จริยธรรม และทางเลือก ของผู้นำองค์กร
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Mon, April 15, 2013 9:10 pm
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook




อำนาจ จริยธรรม และทางเลือก ของผู้นำองค์กร

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน

ถึงตอนนี้ผมยังคงงงมากกับคำตอบของท่านคณบดี
เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราเรียกร้องให้มีจริยธรรมในการเกลี่ยงาน
และหลายคนก็คงสงสัยว่าทำไมท่านไม่รับปากในสิ่งง่ายๆที่เราเรียกร้อง
อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของท่านมีแค่ไหนสิ้นสุดตรงไหน
และที่ใดเป็นจุดเริ่มต้นของจริยธรรมครับ

ผมปรึกษานิติกรแล้วพบว่า
โดยกฎหมายท่านคณบดีมีอำนาจในการเกลี่ยงานและเอาคนออกเมื่อหมดสัญญาว่าจ้างครับ
แต่ทั้งนี้ควรปรึกษากับกรรมการคณะในเรื่องแผนกำลังคนก่อน แต่ท่านไม่ยอมปรึกษา
ก็แสดงว่าท่านพร้อมที่จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

พร้อมกันนั้น การใช้อำนาจตามกฎหมายของท่านต้องให้ถูกต้องตามหลักจริยธรรมด้วยครับ
ถึงจะเป็นการมีธรรมาภิบาลดังที่ท่านชอบกล่าวอ้างเสมอๆ
ตอนนี้ท่านทำตามอำนาจท่านแล้วตามลำพัง ผลออกมาว่าต้องมีคนตกงานมากถึง 12- 15 คน
และเกิดความทุกข์ท่วมท้นองค์กรเช่นนี้ แสดงว่าน่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด
ในวิจารณญาณเรื่องจริยธรรมของท่าน ก็ควรหันมาใช้จริยธรรมรวมหมู่ของกรรมการคณะ
ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนอันชอบธรรมขององค์กรแห่งนี้
ให้ร่วมกันพิจารณาน่าจะดีกว่าท่านทำคนเดียวครับ

แต่ขณะนี้เหตุการณ์ยังดำเนินมาไม่ถึงจุดที่ว่านี้ครับ
เพราะเกิดข้อมูลที่ขัดแย้งกันสองชุดในการนำเสนอต่อสังคม

ข้อมูลชุดแรกเป็นของผมที่บอกว่าการเกลี่ยงานของท่านคณบดีที่ผ่านมาแล้วทำให้คนต้องออกจากงานถึง
12-15 คนซึ่งยังจะมีต่อไปอีก
และก่อให้เกิดความทุกข์ท่วมท้นองค์กรเนื่องจากแต่ละคนรู้สึกถูกบีบให้ออก
เป็นการไม่มีจริยธรรมในการดำเนินการ

ส่วนข้อมูลชุดที่สองเป็นของท่านคณบดีจะตรงข้ามกัน
ท่านเสนอต่อสังคมว่าท่านมีอำนาจในการจัดการ
และที่ดำเนินการอยู่ก็ถูกต้องตามจริยธรรมดีแล้ว

ผมเรียกร้องว่าเมื่อข้อมูลไม่ตรงกันและผลสรุปเกือบตรงข้ามกันเช่นนี้
ก็ควรเอาเรื่องนี้มาคุยในกรรมการคณะ
เพื่อจะได้ฟังข้อมูลทั้งสองฝ่ายเพราะคงมีความบกพร่องในข้อมูลไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งครับ
ถ้าเป็นความคิดของวิญญูชนผู้มีความจริงใจต่อส่วนรวม
ก็เป็นที่เข้าใจได้ง่ายว่าตามเหตุผลก็ควรเป็นเช่นนั้น คุณ วรกร แสงถวัลย์
(ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม) ท่านได้เมล์หาผมแสดงความคิดเห็นว่า
"ข้อเสนอข้อเดียวของอาจารย์ อานนท์ คงได้รับการตอบสนองแน่ เพราะท่านคณบดี
ไม่มีเหตุผลที่จะตอบเป็นอย่างอื่นได้"
ถ้าท่านคณบดีจริงใจในการแก้ปัญหา แต่ท่านไม่เชื่อว่ามีคนถูกออกแล้ว 15 คน
ก็ควรมาขอดูข้อมูลที่ผม
ถ้าพบว่าข้อมูลผมเป็นเท็จท่านก็จะได้จัดการกับผมในข้อหาใช้ข้อมูลเท็จเพื่อโค่นล้มท่านได้อย่างจริงจังมากกว่าที่ท่านจะกล่าวหาลอยๆอยู่ในขณะนี้ครับ
แต่ถ้าข้อมูลผมเป็นจริงโดยผลที่เกิดขึ้นแก่ผู้ที่ออกไปแล้วไมได้อยู่ในความตั้งใจของท่าน
ท่านก็ควรเร่งเยียวยาโดยเร็ว
อีกด้านหนึ่ง ถ้าท่านคณบดีจริงใจในการแก้ปัญหาเช่นกัน
และรู้แก่ใจว่ามีคนถูกออกไปแล้วประมาณ 15 คน
แต่เชื่อมั่นว่าตนเองทำถูกต้องทั้งในเชิงกฎหมายและจริยธรรม
ท่านก็ควรมั่นใจที่จะแสดงแนวคิดของท่านในที่ประชุมของกรรมการคณะ
เพื่อให้กรรมการคณะเข้าใจได้เช่นเดียวกับท่านและให้กรรมการคณะเป็นทัพหลังในการหนุนเสริมการกระทำของท่านครับ

แต่ท่านไม่เลือกที่จะพูดคุยกับกรรมการคณะ
แสดงว่าท่านไม่จริงใจในการแก้ปัญหาทั้งสองแนวทางที่กล่าวมา
และไม่พร้อมที่จะเปิดเผยและรับฟังข้อมูล แล้วอะไรเล่าที่ทำให้ท่านต้องปิดบัง
ก็การรู้สึกตัวว่าตนเองทำไม่ดีและมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมนั่นเองครับ
ที่ทำให้ท่านไม่กล้าเปิดเผยหรือยอมรับฟังข้อมูลของอีกฝ่ายในที่สาธารณะ
เพราะจะเท่ากับเป็นการเปิดเผยความไม่ดีของท่านในที่สาธารณะด้วยเช่นกัน

ถ้าท่านเป็นคนกะล่อน และรู้ว่าตนเองพลาดไปแล้ว
สมมติว่าท่านตกใจกลัวเมื่อสิ่งที่ลักลอบทำด้วยอำนาจโมหะถูกเปิดเผย
ท่านก็อาจมีทางเลือกในการแก้ตัวว่า
ในเบื้องต้นท่านมีความตั้งใจจริงที่จะให้มีการเกลี่ยงานอย่างมีธรรมาภิบาล
แต่ข้อผิดพลาดน่าจะเกิดในขั้นตอนการปฏิบัติ ของหน่วยงาน
ท่านเองเพิ่งทราบว่าถึงกับมีคนต้องออกจากงาน
ตอนนี้มีความเห็นใจพี่น้องเป็นอย่างมากขอชดใช้ให้ด้วยการเยียวยา
แต่เนื่องจากท่านไม่ใช่คนกะล่อนท่านจึงไม่เลือกหนทางนี้
ทางที่ท่านเลือกช่างแปลกประหลาดมหัศจรรย์มากครับ ถึงกับไม่มีใครคาดฝันถึง
ท่านแถลงตอบในจดหมายว่า ในการเกลี่ยงานของท่าน
"มิได้เคยคิดให้ใครต้องออกแม้แต่คนเดียว" ทุกขั้นตอนล้วนมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล
ถ้าตีความตามในจดหมายนั้น
ตามความคิดเห็นของผม คำพูดของท่านไม่ใช่พูดแบบกะล่อน
แต่เป็นการพูดสิ่งที่ตรงข้ามความจริง
และน่าจะต้องตามมาด้วยพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรมค่อนข้างมาก
ถ้าต้องทำให้เห็นว่าคำพูดของท่านดูเหมือนพูดจากข้อมูลที่เป็นจริง
ตามแนวทางที่ท่านเสนอต่อสังคม แปลว่า
ข้อมูลของผมที่ว่ามีคนออกแล้ว12-15คนไม่มีอยู่จริง
แปลความระหว่างคำพูดได้ว่า ท่านมีความมั่นใจว่าท่านสามารถ
ใช้อำนาจของท่านทำให้ข้อมูลเหล่านี้หายไปได้
โอแม่เจ้า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ท่านก็เป็นยิ่งกว่าพระเจ้าเสียอีก
ที่ลบทำลายและเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดมาแล้วในอดีตได้
แต่ถึงตอนนี้ก็คงสายไปเสียแล้วที่จะเสกให้ข้อมูลเหล่านั้นหายไปเพราะผมได้ส่งข้อมูลของคนที่ถูกออกทั้งหมดให้กรรมการคณะทุกท่านแล้ว
พวกเขาย่อมไม่ถูกท่านบังคับได้ง่ายๆเหมือนข้าราชการในกองการเจ้าหน้าที่แน่นอน

เพื่อสรุปบทเรียนที่เกิดขึ้น
ผมอาจเล่าเรื่องผู้นำในอดีตบางคนให้พี่น้องมองเห็นข้อเปรียบเทียบครับ
ยังมีผู้นำประเภทหนึ่งที่เรียกว่านักสร้างภาพ หรือ นักแสดง
ที่มีชีวิตอยู่กับการเสแสร้งแสดงบทบาทไปตามฉากละครบนเวทีชีวิตตลอดเวลา
จนลืมไปว่าความจริงคืออะไร
หน้าฉาก มักแสดงตนเป็นผู้นำทางจริยธรรมที่ยิ่งใหญ่ ยกตัวอย่าง เช่น
แม้เรื่องการเกลี่ยงานก็คำนึงถึงการทำงานที่เต็มไปด้วยความสุขของผู้ใต้บังคับบัญชา
หลังฉาก ทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง
แม้ต้องการผลของงานก็เพียงเพื่อเสริมภาพพจน์ตัวเองเท่านั้น พี่น้องลองนึกดู
ผู้นำที่โหดร้ายต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
จะเมตตาต่อผู้ป่วยอย่างจริงใจได้อย่างไรกันครับตัวอย่างพฤติกรรม เช่น
จัดการกำจัดผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่ใช่พรรคพวกของตนอย่างโหดเหี้ยมและเด็ดขาดให้เร็วที่สุด
จะได้ไม่ทันที่จะร้องโวยวายและทำให้ทุกคนกลัวมากที่สุด
เพื่อที่จะได้ปิดบังความจริงอันเลวร้ายไว้ให้มิดชิดที่สุดนั่นเองครับ
อันนี้ยกตัวอย่างมาเฉพาะการบริหารงานบุคคล
แต่ความจริงแล้วชีวิตทุกด้านของท่านเหล่านี้ล้วนมีหน้าฉากที่งดงามตรงข้ามกับหลังฉากที่อัปลักษณ์เกือบทั้งสิ้น
ซึ่งหลังฉากเหล่านี้จะค่อยๆถูกเปิดให้เราเห็นต่อไปครับ
โดยปกติผู้บริหารแบบนี้ หน้าฉากต้องโกหกให้คำโตมากที่สุด
เพื่อสร้างภาพต่อสาธารณชนให้ดีไว้ก่อน เมื่อมีข่าวไม่ดีเล็ดลอดจากหลังฉากออกมา
คนก็จะไม่ค่อยเชื่อเรื่องไม่ดีนั้นเพราะขัดแย้งกับภาพพจน์เดิมที่ท่านสร้างไว้ให้มหาชนได้เคยรับรู้
จะสังเกตุได้ว่าเวลาผู้นำประเภทนี้มีจดหมายแถลงข่าว
มักอ้างถึงภาพและผลงานท่ีดีของตนที่เคยทำมาแล้วเพื่อล่อให้สื่อมวลชนไปติดกับดักแห่งภาพพจน์หน้าฉากในอดีตที่ท่านเพียรปั้นแต่งมานานเป็นสิบๆปีนั่นเองครับ
เมื่อสื่อมวลชนเห็นว่าท่านเคยเป็นคนดีเสียขนาดนั้น
ก็จะไม่เชื่อข่าวร้ายกาจที่ขัดแย้งกับภาพพจน์แสนดีนั้น
และเรื่องภายในหลังฉากของท่านนั้นก็จะมีแต่ผู้ที่ถูกกระทำ
ถูกกดขี่หรือคนใกล้ชิดเท่านั้นที่เห็นชัดเจนและต้องระทมทุกข์แบกรับไปวันวันครับ
เพราะพูดไปก็มีนำ้หนักน้อยเมื่อเทียบกับภาพพจน์จอมปลอมที่ท่านผู้นำจงใจสร้างไว้
แล้วผู้นำแบบนี้มักมีข้อแก้ตัวต่อข่าวด้านลบของตัวเองที่เล็ดลอดมาจากหลังฉากนั้นว่าเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามกุเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังโค่นล้มตัวท่านผู้ซึ่งกำลังเป็นดาวรุ่ง
ทั้งนี้เพื่อหลอกตนเองให้รู้สึกว่าตัวท่านกำลังเป็นดาวรุ่งจริงๆอีกส่วนหนึ่งครับ
คนที่เปิดโปงความไม่ดีของท่านเพราะทนไม่ได้ต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
ก็มักถูกกล่าวหาว่าได้รับค่าจ้างเป็นผลประโยชน์มหาศาลหรือไม่ก็ต้องการแย่งอำนาจโดยการโค่นล้มท่าน
ทั้งนี้เพราะไม่มีเหตุผลที่คนจะมาทะเลาะกับผู้นำที่แสนดีและมีภาพเป็นผู้นำทางจริยธรรมอย่างท่าน
นอกจากจะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
นี่เป็นภาพหน้าฉากที่ท่านผู้นำมักสร้างขึ้นตามสูตรสำเร็จครับ
อาจสรุปได้ว่าผู้นำแบบนี้ท่านไม่ใช่คนกะล่อนแน่นอนครับ
แต่จะเป็นคนแบบไหน พี่น้องที่รัก คงหาคำนิยามได้ด้วยตัวเอง
เมื่อเข้าใจเรื่อง อำนาจ จริยธรรม และทางเลือก ของผู้นำบางประเภทแล้ว
ก็สามารถเข้าใจถึงความหมายของพฤติกรรมที่ผู้นำแบบนี้แสดงออกได้
ถึงขนาดว่าถ้าอ้าปากก็เห็นถึงลิ้นไก่กันเลยทีเดียว ใช่ไหมครับพี่น้องที่รัก

พี่น้องครับ ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมด
และผมไม่ได้กล่าวหาว่าท่านคณบดีเป็นเช่นผู้นำที่ผมเล่าให้ฟัง
แต่พี่น้องทุกท่าน สามารถใช้มุมมองแบบนี้วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้นำทุกคนได้
ไม่เว้นแม้แต่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของคนที่ไม่ใช่ผู้นำอย่างตัวผมเองด้วยครับ
เมื่อวิเคราะห์ไปเรื่อยๆจากสิ่งที่ท่านพบเจอด้วยตัวเอง
ท่านก็จะค่อยๆมองเห็นเองว่าพฤติกรรมต่างๆของท่านผู้นำที่เราไม่ค่อยเข้าใจนั้น
แท้จริงมีเป้าหมาย
และประกอบเป็นโครงสร้างของการสร้างภาพพจน์ในระดับประเทศอย่างไร
และทำไมท่านถึงกล้าทำในสิ่งที่เรานึกไม่ถึงว่าคนที่มีภาพพจน์เช่นท่านจะทำได้
ท้ายสุดจะสรุปได้ว่าใครเป็นเช่นไร ใครคิดอย่างไร
เหมือนกับที่ท่านอาจารย์จิตวัตเสนอว่า ต้องมองให้ออกว่าอะไรถูกอะไรผิดครับ
อย่าให้ภาพมายามาบังตาเราและเมื่อถึงเวลานั้นพี่น้องจะตระหนักเองว่าเราควรมีท่าทีอย่างไรและควรทำอะไรเพื่อรักษาความถูกต้องชอบธรรม
รวมทั้งรักษาวัฒนธรรมองค์กรที่ดีงามของคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้
อันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคนไว้

เล่าเรื่องมาด้วยใจระทึก คิดถึงอนาคตขององค์กรแล้วน่าเป็นห่วงจริงๆครับ
ด้วยรัก ศรัทธาและ คารวะ
อานนท์ วิทยานนท์

ปล.
ผมคงต้องฝากเรียนเตือนด้วยความเคารพจริงๆถึงท่านอาจารย์บางท่านและคนในทีมบริหารอีกบางท่าน
ที่ไปกล่าวต่อหน้าสาธารณชนว่า
ผมได้รับค่าจ้างท่ีเป็นผลประโยชน์ตอบแทนมหาศาลในการเรียกร้องความเป็นธรรมครั้งนี้
หรืออีกทีก็กล่าวหาว่าผมมีจิตไม่ปกติ
ซึ่งอันนี้เข้าข่ายหมิ่นประมาทและทำให้ผมเสียหายเพราะจะมีผลกระทบในการประกอบวิชาชีพของผมครับ
ผมมีทั้งพยานบุคคลและเสียงที่บันทึกในการพูดของท่าน
กรุณาเตรียมตัวร่วมมือในการถูกสอบสวนไว้ด้วย
ว่าท่านได้ข้อมูลอันเป็นการหมิ่นประมาทนี้มาจากท่านใดและใครเป็นผู้กุข่าวนี้ขึ้นครับ





Send from my iPad
-----------------------------------------------------------------------------------






Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-16 , Time : 00:20:36 , From IP : mx-ll-223.206.153-149.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 38






   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ

ผมอ่านเนื้อหาและข้อมูลที่อาจารย์เขียนมาทั้งหมด ผมเข้าใจอาจารย์อานนท์เป็นอย่างดีว่าอาจารย์มีจุดประสงค์และจุดยืนอย่างจริงจังเช่นไรครับ

อาจารย์อานนท์ไม่ได้รับค่าจ้างใดๆที่เป็นผลประโยชน์ตอบแทนมหาศาลในการเรียกร้องความเป็นธรรมครั้งนี้ หรือไม่ได้มีจิตที่ไม่ปกติใดๆทั้งสิ้นครับ

ผมรู้จักอาจารย์อานนท์มานานมากครับ อาจารย์เคยเป็นทีมบริหารขององค์นี้หลายสมัย โดยทำหน้าที่ในด้านของฝ่ายพัฒนากิจการนักศึกษาฯ ไม่เคยทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองครับ

การออกมาเคลื่อนไหวทั้งหมดเพื่อเป็นการออกมาให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือแด่ผู้ที่ถูกความอยุติธรรมในองค์กร กระทำให้ได้รับทุกข์

อาจารย์อานนท์ออกมาเคลื่อนไหวแบบ สันติ สงบและอหิงสา มาตลอดและไม่เคยคิดที่จะล้มล้างผู้นำองค์กรนี้แต่อย่างใด ดังในเนื้อหาที่ได้โพสไปแล้วดังนี้ครับ

-----------------------------------------------

----เป็นเวลาสำคัญที่เราต้องมาทำความเข้าใจเป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ร่วมกันแน่นอนว่า

***ไม่ใช่การทำให้ท่านผู้นำองค์กรต้องออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่การทำให้ท่านผู้นำองค์กรต้องเสียหน้า หรือเปิดโปงความไม่ดีต่างๆที่มีอยู่ของท่าน

*********ส่วนด้านเสียอื่นๆของท่านผู้นำองค์กร ผมไม่เคยนำเสนอเลยทั้งๆที่มีอีกมากมายตามที่ท่านก็ทราบกันดี*********

อาจไม่ใช่แม้การทำให้ท่านผู้นำองค์กรต้องตอบหรือรับปากว่าท่านจะร่วมมือกับกรรมการคณะฯในการดูแลคนอย่างมีธรรมาภิบาลหรือไม่***

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ***การจัดให้มีการดูแลผู้คนด้วยธรรมาภิบาลขึ้นจริงๆ
โดยทุกภาคส่วนในองค์กร โดยขณะนั้นท่านผู้นำองค์กรอาจไม่มีความหมายใดๆแล้วก็ได้ครับ สิ่งสำคัญที่เท่าเทียมกันก็คือ การทำให้องค์กรเข้มแข็ง มีความสามัคคี และมีวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือคุณธรรมครับ***

--------------------------------------------------

----นี่รึครับที่อาจารย์อานนท์ปฏิบัติมาตลอดตั้งแต่มีกระทู้นี้ขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 2 เมย.2556----

----นี่รึครับที่อาจารย์อานนท์ทำเพื่อค่าจ้างใดๆที่เป็นผลประโยชน์ตอบแทนมหาศาล ในการเรียกร้องความเป็นธรรมครั้งนี้----

----นี่หรือครับที่อาจารย์อานนท์ปฏิบัตินั้น เป็นการปฏิบัติของคนที่มีจิตที่ไม่ปกติครับ----

สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดเพื่อจะบอกต่อทุกท่านในองค์กรนี้ว่า


"สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในสังคม
ไม่ใช่..คนทำชั่ว..มากขึ้น
ไม่ใช่..คนทำดี...น้อยลง
แต่อยู่ที่..คนเราแยกไม่ได้ว่า..อะไรชั่ว..อะไรดี..."


ผมขอให้กำลังใจอาจารย์อานนท์ให้ปฏิบัติการเรื่องนี้ทั้งหมดต่อให้สำเร็จลุล่วง เพื่อความสุขของทุกท่านในองค์นี้ครับ

และมีคำกลอนดีๆ(ด้านล่าง)มาฝากคนที่ชอบสร้างภาพ ในองค์กรนี้ให้ตนเองดูดี แต่การกระทำนั้นตรงกันข้ามครับ

ด้วยความนับถืออาจารย์อานนท์ครับ

จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า

อังคารที่ 16 เมษายน 2556 เวลา18.00น.
-------------------------------------------------------------------------------
"คนสร้างภาพ"

---------------------------------------------------------------------------------

รักษาภาพฉาบหน้าว่าข้าดี
เปลือกที่มีปกป้องการมองเห็น
สร้างตัวตนภาพลักษณ์สลักเป็น
ภาพที่เห็นไม่ใช่ในตัวจริง

เขาสามารถฆ่าใครก็ย่อมได้
พร้อมทำลาย ยกตนไว้บนหิ้ง
ทะเยอทะยานเหยียบย่ำอย่างแท้จริง
ไม่ประวิง นี่เพื่อน หรือนี่ใคร

ด้วยกิเลสตัณหาที่หนามาก
มือถือสากปากถือศีลมิสิ้นใส
มีความชั่วปรากฎรดหัวใจ
ทำอะไรใครจะรู้ ต้องดูนาน

แสดงตนเป็นคนดีมีนัยแฝง
ตลบตะแลงหลอกลวงปวงประสาน
หลอกให้คนนับถือในทุกกาล
แต่ข้างหลังมิพบพานในสิ่งดี

เจตนาใช้เปลือกที่เลือกไว้
สร้างพลังภายในให้มีสี
ผลประโยชน์คือสิ่งอยากปากพาที
ถ้อยวจีหวานล้ำคือหลอกลวง

จงระวังคนเช่นนี้ให้จงหนัก
เขาจะหักหลังเราให้ติดบ่วง
หลอกใช้เราทุกเรื่องให้เปลืองทรวง
คนทั้งปวงพึงระวัง น่าชังจริง

...

บ้านปลายดง ณ หางดอย

ฤดูร้อน ณ เชียงใหม่

๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-16 , Time : 17:47:58 , From IP : mx-ll-223.204.140-216.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 39




   Subject: Re: "คนสร้างภาพ"[Fwd: [Medicine7] อำนาจ จริยธรรม และทางเลือก ของผู้นำองค์กร]
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Tue, April 16, 2013 8:33 pm
To: "jittawat.r@psu.ac.th"
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook
---------------------------------------------------------------------------------
อาจารย์จิตวัต ที่เคารพ


ขอบคุณในความเข้าใจของอาจารย์ที่มีต่อการเรียกร้องของผมครับ
ต้องขอชื่นชม กลอน "คนสร้างภาพ" ของอาจารย์ครับ
ชอบมากด้วยเพราะตรงประเด็นกว่าจดหมายของผมอีกครับ


ความจริง ผมไม่ปรารถนาจะเปิดโปงข้อไม่ดีของท่านผู้นำองค์กรมากนัก
เพราะจะทำให้การต่อสู้ไม่จบสิ้น และลุกลามเกี่ยวข้องไปยังคนอื่นๆเรื่อยๆ
ด้วยผมรู้สึกเป็นทุกข์ร่วมกับท่านพี่น้องที่ถูกเกลี่ยงานในขณะนี้มาก
ในฐานะกรรมการคณะ และประธานองค์กรแพทย์คิดว่าจะต้องรวบรัดดำเนินการเรื่องนี้ให้พี่น้องของเราได้ทำงานอย่างมีความสุขขึ้นโดยเร็วก่อนครับ
สำหรับท่านผู้นำ ซึ่งยังคงมีข้อดีอยู่บ้าง ถ้าท่านเข้าใจและกรุณาปรับปรุงอุปนิสัยบางอย่างบ้าง ก็น่าจะพอทำงานต่อไปได้ครับ


แต่วันนี้ต้องมาเปิดเผย ถึงพื้นฐานบุคคลิกภาพของท่านผู้นำบ้าง
ทั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวมากกว่าครับ ถ้าเป็นคนธรรมดา เมื่อมีข้อบกพร่องในงานและมีผู้ทักท้วงขึ้น ก็คงคุยกันได้จบไปตั้งนานแล้วครับ
แต่สำหรับท่านผู้นำที่กำลังพยายามสร้างภาพพจน์ว่าตนเองเป็นนักบริหารผู้ยิ่งใหญ่อยู่ตอนนี้ จะยอมรับความบกพร่องทางการบริหารเล็กๆน้อยๆเรื่องการเกลี่ยงานนี้ไม่ได้ครับ


ท่านจะต้องพยายามลบข้อผิดพลาดนี้ออกจากชีวิตท่านให้ได้ และเพื่อให้การปฏิเสธความจริงของท่านมีน้ำหนักพอที่จะหลอกทั้งตนเองและผู้อื่นได้
ก็ต้องพยายามหาเหตุผลมาอธิบายพฤติกรรมของผมให้สอดคล้องกับเรื่องที่ท่านสร้างขึ้นไงครับ


ผมก็ต้องกลายเป็นว่า ผมได้รับค่าจ้างมหาศาลมาโค่นล้มท่าน มิเช่นนั้นจะคุ้มกับความเสี่ยงในชีวิตหน้าที่การงานและความไม่มั่นคงของครอบครัวที่ผมต้องแลกกับการกระทำครั้งนี้หรือครับ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ผมได้รับนั้น ยิ่งใหญ่กว่าค่าจ้างที่ท่านกล่าวถึงมากนัก และเป็นสิ่งที่ท่านไม่เคยเข้าใจ ทั้งยังมองไม่เห็นความสำคัญ ซึ่งก็คือการตระหนักรู้ว่าตัวผมเองโชคดีแค่ไหนที่ได้มาทำงานอยู่ในองค์กรที่เต็มไปด้วยคุณความดีและความรักอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องแห่งนี้นั่นเองครับ


ขอบคุณท่านอาจารย์จิตวัต มิตรยามยากผู้หายากยิ่ง ด้วยใจจริงครับ

อานนท์ วิทยานนท์

Send from my iPad

---------------------------------------------------------------------------------
-The determined man finds the way, the other finds an excuse or alibi.

(ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว)

---------------------------------------------------------------------------------



Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-16 , Time : 21:22:06 , From IP : mx-ll-223.204.140-216.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 40


                                          
   ประกาศ ปกาศิตพิทักษ์คุณธรรม ภาคหนึ่ง

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่านครับ

    ความจริงเรื่องที่จะเล่าให้พี่น้องฟังต่อไปนี้ เป็นความเป็นไปของการดำเนินงานของผมและทีมทั้งหมดในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะทิ้งระยะไป เข้าสู่กระบวนการธรรมาภิบาลในกรรมการคณะ ซึ่งเราจะนำมาเสนอต่อไปครับ
    
   และเรื่องเหล่านี้ก็สนุกสนานผจญภัยเหมือนภาพยนตร์จีนกำลังภายในตามชื่อเรื่องจริงๆครับ ไม่เชื่อท่านลองอ่านดู
   เริ่มจากมีพี่น้องที่เป็นห่วงผม โทรมาถามในวันที่ 9 เมษายน 56 หลังงานสงกรานต์ด้วยความกังวลว่า
"อาจารย์เครียดมากไหม ตกลงเราแพ้หรือชนะ คนมารดนำ้ท่านคณบดีมืดฟ้ามัวดินอย่างที่วางแผนไหม" ที่เขาเป็นห่วงผมเพราะได้ยินท่านผู้ช่วยคณบดีท่านหนึ่งกล่าวอย่างลำพองว่า "อาจารย์อานนท์หน้าแตกยับเยิน เพราะคนมาร่วมงานสงกรานต์น้อย ในการประลองกำลังครั้งแรกนี้ ท่านคณบดีชนะขาด"  ผมรู้สึกขอบคุณในใจสำหรับความห่วงใยของท่านครับ แต่ก็อดขำจนหัวเราะในใจไม่ได้เช่นกัน ทว่าก็บอกความลับของทีมเรา แก่ท่านไม่ได้ด้วย   ได้แต่ทำเสียงเครียดๆกล่าวบอกท่านไปว่า "อาจารย์ไม่ต้องกังวล พวกเราชนะแน่  ความจริงพวกเราชนะไปแล้ว" เสียงของท่านก็ลิงโลดขึ้น กล่าวว่า "อ๋อ! แสดงว่ามีคนมาเยอะใช่ไหม เสียดายไม่ได้มาร่วมรดน้ำ" ผมตอบท่านไปว่า "คนไม่เยอะมาก แต่มามากกว่าทุกปี ดังนั้นถ้าเป็นการต่อสู้ก็อาจแปลความได้ว่าก้ำกึ่งครับ แต่อาจารย์คอยฟังการประกาศชัยชนะของพวกเราพรุ่งนี้ให้ดี"  ท่านฟังแล้วก็ยังคง งงๆว่าจะชนะอย่างไร แต่ด้วยความเกรงใจผมท่านจึงวางสายไปครับ
 
   พี่น้องครับ ผมจะขยายความลับของทีมเราให้ฟังเพื่อให้พี่น้อง มั่นใจในชัยชนะของเราครับ
เริ่มต้นกลยุทธแรก อันเป็นกลยุทธ มหัศจรรย์จากฝีมือของพี่น้องทุกท่าน ผมขอให้ชื่อว่า "เพลงกระบี่ซ่อนกาย" ครับ
เพราะพี่น้องทุกท่านช่วยกันบรรเลงเพลงกระบี่กันสุดหัวใจ แสดงลวดลายออกมาเป็นตัวเลขบนกระดานข่าว
โดยที่ไม่สามารถเห็นหรือรู้ว่าใครเป็นเจ้าของกระบี่ ทั้งนี้เพื่อทวงความยุติธรรมคืนมาสู่พี่น้องที่ถูกเกลี่ยงานครับ ตัวเลขอันหวือหวาทำให้ท่านคณบดีกังวลมากครับ พอผมประกาศว่าให้พี่น้องทุกท่านมารวมตัวกันในวันที่ 9 เมษายน ก็ยิ่งทำให้ท่านถึงนอนไม่หลับเลยทีเดียว ประกอบกับมีสื่อมวลชนมาผสมโรงด้วย ยิ่งทำให้ท่านผู้นำผู้ชอบสร้างภาพถึงกับหัวใจเกือบวาย รีบประชุมหัวหน้างานเพื่อให้ไปข่มขู่ลูกน้อง พร้อมกับออกแถลงการณ์ อันโกหกพกลม เพื่อลดกระแสความโกรธแค้นของมวลชนครับ ตอนนั้นท่านคงหน้ามืดเพราะเห็นตัวเลขจาก "เพลงกระบี่ซ่อนกาย" ของพี่น้องหวือหวาจนน่างุนงง จึงรีบพูดอะไรก็ได้เพื่อเอาใจมวลชนไว้ก่อนโดยไม่คำนึงว่าเป็นจริงหรือเท็จครับ ตอนนี้มีคนจับโกหกข้อความในจดหมายของท่านได้อีกหลายเรื่องมาก ซึ่งพี่น้องผู้อดทนต่อคำเท็จไม่ได้กำลังค่อยๆรวบรวมทยอยส่งมาให้ผมครับ นอกเหนือจากการพูดของท่านคณบดีเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวในประโยคเด็ดว่า "มิได้คิดให้ใครออกแม้แต่คนเดียว" ทั้งๆที่คนถูกออกไปแล้ว15 คนครับ
   นี่อย่างไรเล่าครับ ที่ผมบอกว่าเราชนะไปแล้ว ตั้งแต่ท่านคณบดีออกคำชี้แจงแบบโกหกคำโต และในทางตรงข้ามกลับเป็นสัญญาประชาคมว่าจะดูแลพี่น้องในการเกลี่ยงานอย่างมีธรรมาภิบาลครับ แม้จะโดยเผลอเรอไม่เต็มใจนำเสนอก็ตาม
    เมื่อเพลง "กระบ่ีซ่อนกาย" ของพี่น้องทุกท่านสำฤทธิ์ผลอย่างดี เราก็คิดกลยุทธ์ต่อไปครับ เพื่อทดสอบฝีมือและอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เรียกว่ากลยุทธ์ "เรือฟางล่อธนู" ก็ได้ครับ  คือสร้างภาพวันที่ 9 เมษายน ให้น่ากลัว น่าอึดอัดและน่ากังวลมากๆสำหรับท่านคณบดี ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้การต่อสู้นั้นลดการเผชิญหน้ากันจะได้ไม่มีความรุนแรงครับ  แต่ในงานพิธีการเช่นนั้น ท่านคณบดีจะหนีก็ไม่ได้จะอยู่ก็อึดอัดครับ ดังนั้นเขาต้องระดมกำลังเต็มที่ในการข่มขู่ควบคุมลูกจ้างเงินรายได้ จำนวน1500 คนไม่ให้มาต่อต้านท่าน และจะเห็นได้ว่าคนสนิทจริงๆของท่านคณบดี ๆไม่ได้มารดนำ้ท่านเลยแสดงว่าทุ่มกันเต็มที่ให้คนน้อยครับ
  หลังจากเสร็จงาน หญิงสาวผู้เป็นคนสนิทของท่านคณบดีสองท่านก็หัวร่อต่อกระซิกกันด้วยความลิงโลดใจที่คนมาในงานไม่มาก ฉลองความโหดเหี้ยมของท่านคณบดี ที่เอาคนออกจากงานไปได้ถึง15 คนครับ
  ผมเห็นแล้วขำปนสงสารในความไร้เดียงสาของผู้หญิงสองคนที่ถูกหลอกมารับใช้การสร้างภาพลักษณ์ของท่านผู้นำมากครับ
  พี่น้องครับ ก็ในเมื่อผมใช้ iPad เพียงตัวเดียว แล้วสามารถเสกงูเขียว ให้ไปล้วงตับตุ๊กแก อย่างท่านผู้นำได้ ตั้งแต่คืนวันที่ 7เมษายน โดยเราได้สัญญาประชาคมเพื่อช่วยเหลือพี่น้องแล้ว ทำไมเราจะต้องเสียกำลังพลเพิ่มอีก ในศึกใหญ่วันที่ 9 เมษายน เล่าครับ  
พี่น้องคงจำได้ว่าวันน้ัน ผมขยายเวลาประกาศข่าวเผด็จศึก ออกไปจากตอนเช้าเลื่อนไปตอนกลางคืน
ในระหว่างนั้นเราได้ส่งสัญญาณ ให้มวลชนจัดตั้งของเราอยู่ในที่มั่นครับ ยังไม่ต้องแสดงตัวในวันรุ่งขึ้น
แต่เราจะเอาสัญญาประชาคมของท่านคณบดีที่ให้ไว้โดยมิเต็มใจ มาเคลื่อนไหวดำเนินการต่อในกรรมการคณะแทน
ดังที่พวกเราได้ประกาศ "ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม" ในวันที่ 11เมษายน ไปแล้วนั่นเองครับ
พี่น้องครับเพียงแค่คำข่มขู่ของท่านคณบดีนั้น ไม่สามารถยับยั้งมวลชนมหาศาลที่มีอุดมการณ์ของเราได้หรอกครับ
แต่แม่ทัพที่ฉลาด ย่อมต้องสงวนมวลชนไว้ให้คึกคักเข้มแข็งที่สุด เพื่อใช้ในการโจมตีอย่างเต็มที่ในขั้นแตกหัก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่มีอะไรทัดทานได้ครับ
   ดังนั้นศึกวันที่ 9 เมษายน ก็คือศึก "เรือฟางล่อธนู" ครับพี่น้อง  ที่ท่านคณบดี ได้ระดมศาสตราวุธขนาดหนักมาสู้กับเรือรบปลอมทำด้วยฟางของเราครับ
   ตอนนี้พี่น้องก็คงพอจะเข้าใจได้แล้วว่า คำพูดที่ว่า "ศึกวันท่ี 9 เมษายน เป็นการปะทะกำลังครั้งแรกของทั้งสองฝ่าย แล้วท่านคณบดีเป็นฝ่ายชนะขาดนั้น" ความจริงแล้วการณ์กลับตรงข้าม
   การปะทะกำลังอันแท้จริงยังมิได้เกิดขึ้นครับ พี่น้อง  และฝ่ายเราก็ยังไม่ได้เคลื่อนมวลชนจัดตั้งอัมหาศาลแต่อย่างใด
   มันเป็นแค่การปะทะทางปัญญาเท่านั้นเองครับ ความจริงเราชนะศึกครั้งนี้ด้วยปัญญาก่อนวันที่ประกาศรวมพลังอีกครับ
   ซึ่งพี่น้องทุกท่านก็คงพอเข้าใจได้ว่า ตุ๊กแกท่ีถูกล้วงตับ ย่อมไม่ใช่ผู้เหนือกว่าทางปัญญาแน่นอน
   
   ทั้งหมดนี้เป็นผลงาน ของ "ขบวนการพิทักษ์คุณธรรม" ของพวกเราครับ
   ยังมีต่อ ภาคสองและภาคสาม ซึ่งถ้าท่านติดตามให้ตลอด ก็จะทำให้พี่น้องเข้าใจและมั่นใจว่าท่านคณบดีจะไม่สามารถรังแกพวกเราได้อีก และรู้ว่าทำไมเราถึงมีหลักประกันที่จะทำให้ท่านคณบดีต้องปฏิบัติตัวอย่างมีจริยธรรมต่อไปในอนาคตด้วยครับ
   วันนี้ราตรีล่วงเลยมานาน ผมขออำลาทุกท่านไปเพียงเท่านี้ก่อน
   ขอคารวะ ท่านพี่ทุกๆท่าน
   มือกระบี่เดียวดาย
   
   
    



Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-18 , Time : 06:55:20 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 41




   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ. ผมอ่านจดหมายที่อาจารย์เขียนมาทั้งหมด ผมและคิดว่ามีท่านส่วนใหญ่ในองค์นี้เห็นด้วยกับสิ่งที่อาจารย์เรียกร้องมาทั้งหมดครับ อาจารย์ทำเพื่อให้ผู้นำองค์กรมีธรรมาภิบาล คุณธรรม จรรยาบรรณ และความยุติธรรม เกิดขึ้นกับทุกท่านในองค์กรนี้ครับ อาจารย์ต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ ต้องเครียด อีกทั้งงานประจำที่อาจารย์ต้องปฏิบัติอยู่ก็มีมากมายครับ อาจารย์จะเอาเวลา และกำลังกายกำลังใจจากไหนครับที่จะมาช่วยพลักดันสิ่งที่อาจารย์เรียกร้องให้เกิดผลสำเร็จครับ. ยิ่งกรรมการคณะฯผมคิดว่าไม่มีความหมายเลยครับ ทุกคนในกรรมการคณะฯล้วนมาจากไหนครับ รองฝ่ายต่างๆ ผู้ช่วยฯ และหัวหน้าภาคฯทั้งหลาย ล้วนมาจากการวางตัวแต่งตั้งจากผู้นำองค์กรทั้งสิ้นครับ ทุกคนมีผลประโยชน์ที่ได้รับจากผู้นำองค์กรทั้งนั้นครับ มีใครบ้างครับที่จะออกหน้ามาช่วยเหลืออาจารย์ครับ. ผมอ่านที่อาจารย์เขียนในจดหมายฉบับล่าสุดในความเห็นที่40 ผมพูดอย่างจริงใจว่าผมห่วงอาจารย์อานนท์มากครับ ห่วงทั้งสุขภาพกายและใจ อาจารย์อานนท์ครับผมขอตรงประเด็นเลยนะครับ. สั้นๆคำเดียวครับว่า อาจารย์ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและจบโดยเร็วครับ ทำอย่างไร? นำข้อมูลที่เป็นจริงทั้งหมดที่อาจารย์นำเสนอมาตลอด. มาแสดงออกสู่สายตาทุกคนขององค์กรนี้ครับ ในเมื่อเรามีท่านผู้เห็นด้วยกับเราและพร้อมที่จะนำอาจารย์อานนท์ออกสื่อต่างๆได้ ผมเห็นว่าอาจารย์ดำเนินการเลยครับ เรื่องทุกเรื่องจะจบแบบทุกท่านในองค์กรนี้มีความสุขทุกท่านครับ. ที่ผมเสนอมานี้ไม่ใช่ต้องการความรุนแรงหรือให้เกิดความแตกแยกในองค์กร แต่ต้องการให้เกิดความสงบสุข และอื่นๆทุกอย่างในองค์กรนี้ครับ ไม่ว่าจะเรื่องธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรม และความยุติธรรมของผู้นำองค์กรครับ. และสุดท้ายท่านอาจารย์อานนท์จะได้พ้นทุกข์ ไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงจากการดำเนินการช่วยเหลือทุกท่านที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้นำองค์กรด้วยครับ เมื่อความจริงทุกอย่างกระจ่างขึ้น แน่นอนว่าผู้นำองค์กรจะถูกสังคมลงโทษเองครับ. ด้วยความปราถนาดี ความนับถือและความห่วงใยอาจารย์อานนท์อย่างจริงใจครับ
จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า 12.10น/18เมษายน 2556


Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-18 , Time : 12:05:49 , From IP : 172.29.15.180


ความคิดเห็นที่ : 42


     ขอบคุณอาจารย์จิตวัตมากครับ ในความเห็นใจและเข้าใจ แต่ผมเรียนยืนยันให้ท่านอาจารย์ได้สบายใจว่า สิ่งที่ท่านอาจารย์เสนอได้ถูกบรรจุไว้ในแผนการอันซับซ้อนของพวกเราเรียบร้อยแล้วครับ คอยแต่วันเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะได้ใช้วิธีการนี้ให้ได้ผลดีที่สุดครับ
วันนี้ผมมีนิยายมาเล่าต่อครับ พ่อแม่พี่น้อง                           

ประกาศปกาศิตพิทักษ์คุณธรรม แบบขำๆภาคสองครับ

   เป็นอย่างไรครับ พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก  ผลงาน "กระบี่ซ่อนกาย" ของพวกท่าน ได้แสดงพลังอย่างคาดคำนวณมิได้แล้ว และเป็นเหมือนแรงผลักดันเริ่มแรกที่ทำให้ขบวนการของเราดำเนินงานต่อไปได้ครับ ต่อมาก็เป็น กลเม็ดเด็ดพรายเล็กๆน้อยๆที่พวกเราร่วมกันวาดลวดลายครับ
    เรื่องต่อจากภาคแรกที่ว่า แม่ทัพฝ่ายตรงข้าม โดนกลยุทธ์ "งูเขียวล้วงตับตุ๊กแก" และ "เรือฟางล่อธนู" ของพวกเราแต่เขายังไม่รู้ตัวครับ ตอนที่รบกับ "เรือฟาง" ของพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นของปลอมอีกครับ จึงรู้สึกว่าตนเองกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เกิดลำพองในชัยชนะชั่วคราวอันนั้นครับ ครั้นเข้าใจผิดว่าทางเราขาดฐานมวลชน ก็เร่งวิชามารเพิ่มเติมครับ คิดจะเผด็จศึกในทันที อาจกล่าวได้ว่าในวันที่ 7เมษายน ตอนท่านผู้นำออกแถลงการณ์ตอบโต้ยับยั้งมวลชนนั้น ท่านได้ใช้วิชามาร "โกหกหน้าตาย" ครับ ครั้นพอเข้าใจว่าตนเองกำลังได้ทีหลังวันที่9 เมษายน  ก็ใช้วิชามารเพิ่มเติม "ใส่ร้ายขู่คน" โดยกล่าวหาว่าผมป่วยเป็นบ้า แถมรับเงินก้อนโตมาโค่นล้มท่าน อีกครับ
   แต่ด้วยความมั่นใจในชัยชนะ เพราะเราล้วงตับท่านแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามมาได้แล้ว เราจึงใจเย็นไม่ตอบโต้ ในช่วงนั้นทีมงานของเราจึงเสนอกลยุทธ์สรวมรอย เรียกว่า ท่าไม้ตาย "สลับร่างสร้างรัก" ครับ โดยผมได้ประกาศต่อพี่น้องว่า ผมได้ตกลงกับท่านคณบดีแล้ว และจะประกาศข่าวดีวันพรุ่งนี้  เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรมครับ ข่าวนี้พี่น้องรับฟังแล้วก็คง งง ในตอนนั้น ว่าชนะได้อย่างไร ยิ่งท่านแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามก็จะยิ่งงงกว่าพี่น้องอีก ว่าท่านไปตกลงกับผมตอนไหน(ทั้งๆที่รับปากโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว)  แล้วในที่สุดท่านก็ค่อยๆมั่นใจว่าผมเป็นบ้าไปแล้วสมดัง วิชามาร "ใส่ร้ายขู่คน"ของท่านไงครับ  ตอนนี้แหละครับ ที่ท่าไม้ตาย "สลับร่างสร้างรัก" ของเราเริ่มได้ผล พี่น้องลองคิดดู ลองนึกถึงท่านผู้นำที่กระหยิ่มยิ้มย่องว่า ผมประกาศเรื่องโกหก พรุ่งนี้ก็ต้องประกาศชัยชนะแบบบ้าๆบอๆออกมา ก็จะเป็นช่วงที่ท่านจะได้เผด็จศึกด้วยสารพัดวิชามารของท่านไงครับ  เวลาระทึกใจมาถึงตอนเก้าโมงเช้า ท่านผู้นำชะล่าใจเงื้อดาบเตรียมฟันเต็มที่ พอเห็นประกาศแห่งชัยชนะออกมาก็ฟันเลยครับ แต่แทนที่จะฟันเอาหัวศัตรู ท่านจะรู้สึกงงเป็นอย่างมากว่าแล้วทำไมมาโดนเอาหัวตัวท่านเองครับ เพราะว่าในประกาศชัยชนะของเรานั้น คนที่โกหกไม่ใช่ผมแต่เป็นท่านผู้นำเองครับ เราชี้ให้เห็นว่าท่านได้โกหกแบบตั้งใจเพราะกลัวความจริงมากแถมได้มอบสัญญาประชาคมให้แก่พวกเราเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน โดยไม่มีสติสตังเลยครับ ท่านจึงจำไม่ได้
     วันนั้นถ้าใครไปที่คลินิคท่าน จะเห็นท่านเร่งรีบปิดคลินิคไปพักผ่อนสามวัน ซึ่งผมคิดว่าเวลานั้นท่านคงงงไปทั้งวัน กลับมาแล้วยังไม่ทราบว่าจะพูดคุยกับคนอื่นรู้เรื่องหรือยังครับ พี่น้องจะเห็นว่ากลยุทธ์ "สลับร่างสร้างรัก" ของเราได้ผลชงัด ก็สลับร่างของศัสตรูที่เห็นอยู่บนหลักประหารให้เป็นตัวของท่านเองในวินาทีที่ท่านลงมือประหารนั่นไงครับ
     พอท่านผู้นำงุนงงตั้งหลักไม่ทัน พวกเราก็รุมสกรัม ใส่ท่าไม้ตายอีกสองท่าครับ
     ท่าแรกเรียกว่า "หักกระดูกผูกเส้นเอ็น" ครับ อันนี้ค่อนข้างเป็นวิชามาร แต่เอามาใช้สำหรับผูกเส้นเอ็นท่านผู้นำไว้เพื่อชักใยให้ทำแต่สิ่งที่มีคุณธรรมไงครับ โดยให้คนที่อาจถูกท่านรังแกได้มีโอกาศเป็นแหล่งข่าวของสื่อมวลชนภายนอกครับ และสามารถติดต่อเป็นความลับกับสื่อโดยตรงทันทีถ้าท่านผู้นำแอบกดขี่หรือกระทำผิดจริยธรรมต่อพวกเขา เป็นการควบคุมชักใยจากภายนอกครับ
     อีกท่าไม้ตายเรียกว่า "ทะลวงทวารบาลทั้งเก้า" ครับ ฟังดูน่ากลัวแต่ความจริงไม่โหดร้ายครับ คือเราได้ทะลวงทุกทวารของท่านผู้นำให้ตัดตรงบรรลุถึงจิตใจได้ คนที่โดนท่าไม้ตายนี้เวลาท่านอ้าปาก คนรอบข้างจะเห็นลิ้นไก่ทันทีครับ เวลาท่านพูดอะไร คนฟังก็จะรู้ความตั้งใจของท่านทันทีไม่ว่าจิตใจท่านคิดคดแค่ไหน ดังนั้นต่อไปนี้ท่านต้องพยายามทำให้ปากตรงกับใจ และต้องพยายามพูดแล้วต้องรักษาวาจาสัตย์ให้ได้ครับ โดยท่านอาจารย์จิตวัตได้เสนอมุมมอง "คนสร้างภาพ"ไว้ให้วิเคราะห์ท่านผู้นำ ทำให้สามารถมองเห็นทั้งหน้าฉากและหลังฉากของท่านไปพร้อมกันได้ครับ ต่อไปนี้ท่านคงไม่กล้าโกหกพวกเราหรือพูดอย่างทำอีกอย่างอีกแล้วครับ
   ถ้าในช่วงเวลาต่อไปนี้ท่านผู้นำ จะเกลี่ยงานอย่างมีธรรมาภิบาล ดูเหมือนเป็นคนดีมีจริยธรรมขึ้น ไม่กดขี่ลูกน้อง ฟังผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้น ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ เป็นผลจากการลงมือลงไม้ของพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านโดนท่าไม้ตายของพวกเราไปหลายกระบวนท่า และอีกเหตุผลท่ีสำคัญคือเมื่อท่านผู้นำรู้ตัวว่า"หลังฉาก" ของท่านอาจทำให้ท่านเดือดร้อนได้ เป็นหมูในอวยแต่ไม่กลัวนำ้ร้อนอีกต่อไปแล้ว อาจมีผลกระทบกระเทือน"หน้าฉาก" ของท่านที่อุตส่าห์ปั้นแต่งมานับสิบๆปี ท่านก็ต้องหันมา"สร้างภาพ" เอาใจพวกหลังฉากอย่างเราก่อน เพื่อให้ตายใจ จะได้หลอกลวงกันต่อไปได้ไงครับ 
   แต่ตอนนี้พวกเรารู้ทันท่านแล้วใช่ไหมครับ  เอาเป็นว่า ไม่ว่า"หน้าฉาก" หรือ "หลังฉาก" ถ้าทำดีไม่ว่ากัน แต่ถ้าทำเลวเหมือนเดิมเมื่อไรเราจะรวมพลังกันอีกครั้งเพีื่อเอาท่านผู้นำออกจากตำแหน่งไป ดีไหมครับ พี่น้องที่รัก
    คารวะพี่น้องทุกท่าน
    กระบี่พิทักษ์คุณธรรม
ปล. มีคนขอให้เปลี่ยนนามปากกา จาก กระบี่เดียวดาย มาเป็น กระบี่พิทักษ์คุณธรรมครับ!งงง
     


Posted by : อานนท์ , Date : 2013-04-20 , Time : 22:28:05 , From IP : 172.29.55.120

ความคิดเห็นที่ : 43




   เรียน...อาจารย์อานนท์ที่นับถือและท่านผู้อ่านที่มีเกียรติทุกท่านครับ ผมเว้นว่างไม่ได้เข้ากระดานข่าวมา3-4วัน วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาดู จำนวนยอดผู้เข้าอ่านกระทู้นี้ยังหนาแน่นเช่นเดิม ครับ คาดว่าจำนวนคงทะลุหนึ่งหมื่นของการเข้าอ่่านในไม่กี่วันข้างหน้านี้ครับ ซึ่งไม่เคยมีกระทู้ใดๆที่ผ่านมาในกระดานข่าวนี้ มียอดการเข้าอ่านมากมายเช่นนี้ นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยปรากฎในองค์กรนี้และสมควรบันทึกและจดจำไว้ครับ. ถ้าเป็นไปได้หน่วยITของคณะฯน่าจะมีการปรับกระทู้ขึ้นไปไว้บนสุดตามจำนวนสถิติของจำนวนคนเข้าอ่านกระทู้ เหมือนกระดานข่าวบางแห่งจะมีการเลื่อนกระทู้ขึ้นบนตามจำนวนความถี่ของผู้เข้าอ่านตามลำดับมากลงมาน้อยครับ. แสดงว่ากระทู้นี้เป็นที่สนใจมากของท่านทั้งหลายทั้งในและนอกองค์กรครับ. ผมได้มีโอกาสรับโทรศัพท์โทรฯมาพูดคุยกับผมจำนวนมากครับ. อีกทั้งการเข้ามาพูดคุยต่อหน้าต่อตาเลย จำนวนมากมายครับ. สิ่งที่สรุปได้เป็นประโยคสั้นๆได้เหมือนๆกันคือ " สิ่งที่ทั้งท่านอาจารย์(ผมเองครับ)และท่านอาจารย์อานนท์นำมาโพสในกระทู้นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในองคงค์กรนี้จริงๆครับ คนที่ได้รับกระทบจากเรื่องทั้งหมด ไม่สามารถร้องเรียนอะไรได้เลยครับ เหมือนอยู่ในภาวะจำยอมให้ถูกกระทำและได้รับความทุกข์จริงๆครับอาจารย์".

ล่าสุดมีการเล่าให้ผมฟังว่า มีแผนการเกลี่ยคนและงานของหน่วยงานหนึ่ง โดยการจ้างแท๊กซี่มาแทนการใช้รถขององค์กรและเกลี่ยคนขับรถขององค์กรไปทำงานอื่นครับ โดยท่านผู้คิดเรื่องนี้คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายต่างๆคงจะลดลงครับ. เรื่องนี้ผมคิดว่าอาจารย์อานนท์อาจทราบมาบ้างแล้วครับ และท่านอาจารย์อานนท์คงกำลังหาทางช่วยเหลืออยู่ครับ. นี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งครับที่นำมาเล่าให้ฟัง. อาจเป็นเรื่องหนึ่งในอีกหลายๆเรื่องครับที่ส่งผลกระทบกับบุคลากรในองค์กรนี้ครับ. ท้ายนี้ผมนำรูปที่ถูกปรุงแต่งจากภายนอกให้สวยงามมากมายซึ่งจะสวยงามสักเท่าใด เช่นไร ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใด. ง่ายหรือสลับซับซ้อนเพียงใด. เพื่อให้สวยงามมากมายเช่นใดก็ตาม. แต่ตัวตนก็ยังคงเป็นสิ่งนั้นเช่นเดิมครับ นั่นคือ"ฉากหน้าจะสวยงามเช่นใด ฉากหลังเป็นเช่นใดก็ยังเป็นเช่นนั้นครับ". สุนัขไม่สามารถเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่แสนสวยได้ครับ สุนัขยังคงเป็นสุนัขครับ. ด้วยความนับถือทุกท่านครับ.


Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-21 , Time : 19:53:22 , From IP : mx-ll-180.183.240-230.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 44


                                     FAQ. สำหรับ ขบวนการพิทักษ์คุณธรรมครับ
    เมื่อเช้านี้บังเอิญเดินเจอกับท่านอาจารย์แพทย์ ผู้เป็นกัลญาณมิตรรุ่นเยาว์ท่านหนึ่ง ผมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลบางประการกับท่าน จึงได้นำมาถ่ายทอดให้พี่น้องเข้าใจต่อครับ ขอขอบคุณในความห่วงใยของท่านด้วยใจจริงครับ
 
     คำถามแรกท่ีท่านเจอผมคือถามว่า อาจารย์ครับจะรุนแรงไปไหมครับ ถึงกับเอาท่านคณบดีออก
     ผมตอบว่า พวกเราไม่ได้มีเป้าหมายเอาท่านคณบดีออกครับ ซึ่งท่านจะเห็นได้ว่าพวกเรามีโอกาสหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใช้โอกาสอันได้เปรียบนั้น เพียงแต่ขอร้องให้ท่านเกลี่ยงานตามนโยบายของท่าน อย่างมีคุณธรรมตามที่ท่านได้ลั่นวาจาไว้ ไม่ใช่เอาคนออกจากงานแบบโหดร้ายทารุณตอนนี้ 15 คนแล้วครับ แต่ท่านก็โกหกหน้าตายว่าไม่เคยคิดจะให้ใครออกเลย พวกเราจะเอาเรื่องนี้พิจารณากันในกรรมการคณะแพทยศาสตร์วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน นี้ครับ

     คำถามที่สองท่านถามว่า อันนี้ไม่ใช่แผนการล้มท่านคณบดี จากผู้บริหารชุดเก่าหรือครับ เพื่อปิดบังการโกงกินในอดีต
     ผมตอบว่าสำหรับผม ผมมีความบริสุทธิ์ใจ ผมไม่รับเงินใครแน่นอน และถ้าผมมีข้อมูลว่าผู้บริหารชุดเก่าโกงกิน
ผมก็จะเปิดโปงท่านครับ อันนี้แล้วแต่ว่าพี่น้องจะเชื่อถือผมหรือไม่ต้องคอยดูกันต่อไปครับ
     และเราไม่ได้ล้มคณบดีครับ เพียงแต่ต้องการให้ท่านมีจริยธรรมขึ้น ในเรื่องโหดร้ายทารุณ และการโกหกครับ
     ผมมีข้อมูลที่ท่านคณบดีเคยแจ้งแก่กรรมการคณะไว้เล็กน้อยในเรื่องนี้ครับ  คือในสมัยของท่านคณบดีท่านนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ สตง.มาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของคณะเราที่ผ่านมาแล้ว คือมาตรวจสอบความบริสุทธิ์ของทีมบริหารชุดเก่านั่นเองครับ ปรากฎว่า มีหลายภาควิชา โดนข้อหา "ล๊อคสเปค" ในวัสดุที่ใช้สิ้นเปลือง เช่น เข็ม สายสวนต่างๆ เป็นต้น คือถ้าใช้วัสดุยี่ห้อที่ใช้ประจำเพื่อความสะดวกปลอดภัยของผู้ป่วย ก็จะผิดกฎหมายทันที ต้องประมูลเอาที่ถูกที่สุดทุกครั้งที่ซื้อครับ  หลักการนี้ครอบคลุมถึงการซื้อคุรุภัณฑ์ใหญ่ๆทดแทนของเก่าด้วยครับ ถ้าไปซื้อแบบเดิมโดยการเขียนสเปคที่เราคุ้นเคย ก็จะโดนข้อหา "ล็อคสเปค" ทันทีครับ ในการนี้หลายภาควิชา โดน "ภาคทัณฑ์" จาก สตง. ครับ คือห้ามทำเหมือนเดิมอีกต้องจัดการประมูลให้โปร่งใสกว่าเก่า ซึ่งท่านหัวหน้าภาคหลายภาคก็ต้องไปปรับปรุงกระบวนการภายในของท่าน ได้แก่ ภาควิชา ศัลยกรรมกระดูก พยาธิ และ รังสีวิทยา เป็นต้น
     ส่วนเรื่องการประมูลสร้างตึกของทีมบริหารชุดเก่าที่ผ่านมานั้น สตง.ตรวจพบว่า ราคากลางที่ใช้ในการประมูลนั้น สูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ราคาที่ผู้รับเหมาประมูลได้นั้นสูงกว่าราคาในตลาดขณะนั้น ซึ่งทำให้รัฐบาลเสียผลประโยชน์ นี่ตามคำบอกกล่าวของท่านคณบดีนะครับ จึงให้มีการสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดมาชดใช้เงินคืนรัฐบาลครับ  ผมได้สอบถามรายละเอียดดูแล้ว พบว่าอันนี้มีความผิดพลาดตรงการตั้งและอนุมัติราคากลางที่ใช้ในการประมูลครับ ซึ่งผู้รับผิดชอบก็คือ คณะกรรมการจัดจ้างและท่านคณบดีท่านก่อนผู้ซึ่งเป็นคนอนุมัติครับ  ถ้าจะต้องถูกชดใช้เงิน ก็คงเป็นจำนวนไม่กี่สิบล้านบาทครับ เมื่อหารเฉลี่ยกันในหมู่กรรมการก็คงเหลือคนละไม่มากนักครับ
     ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเหตุผลที่ใครจะมาจ้างผมด้วยเงินจำนวนมหาศาลให้มาล้มท่านคณบดี และผมก็ล้มท่านไม่ได้แน่ครับ นอกจากท่านจะทำร้ายตัวท่านเอง อีกประการหนึ่งคดีนี้อยู่ในมือ สตง.แล้วอย่างไรเสียเขาก็ต้องดำเนินการต่อไปแน่นอนครับ ไม่ว่าท่านคณบดีคนปัจจุบันท่านจะอยู่หรือไปก็ตาม
  
      คำถามสุดท้าย ที่ท่านถามด้วยความเป็นห่วงปนสงสัยว่า แล้วอาจารย์ไม่กลัวอำนาจท่านคณบดีหรือครับ
ผมขอบคุณท่านเป็นอย่างมากครับ ที่ห่วงใยและสงสัยไปพร้อมๆกัน  ที่ห่วงใยนั้นพอเข้าใจได้ แต่ที่สงสัยนั้นผมขออนุญาติเดาความคิดของท่านนะครับว่า  ก็แล้วถ้าผมไม่บ้าและไม่ได้รับผลประโยชน์มหาศาลตามข้อกล่าวหา จะเหลือเหตุผลอะไรที่ผมต้องมาทำเรื่องนี้ให้เจ็บตัวและเดือดร้อนถึงครอบครัว ทั้งที่ถ้าอยู่เฉยๆก็คงไม่เดือดร้อนอะไรเลยครับ
     ผมขอตอบทุกท่านว่าผมไม่ใช่คนกล้าหาญบ้าบิ่นแต่อย่างใดครับ แต่กลับเป็นคนขี้กลัวกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ความกลัวสุดขีดนั้นผมได้ผ่านมันมาแล้วครับ ตั้งแต่คราวแรกที่ผมตัดสินใจ กล่าวทักท้วงท่านคณบดีในที่ประชุมกรรมการคณะว่า กรุณา อย่าตบหัวเลขา อย่าทุบตีลูกน้อง และกรุณาอย่าไล่ด่ากรรมการคณะว่าไม่เห็นแก่ส่วนรวม
ในกรณีย์ที่มีความเห็นต่างกับท่านคณบดีครับ
     ผมจะเล่าให้ฟัง ในวันแรกที่เป็นสาเหตุให้ผมตัดสินใจที่จะพูดกับท่านในที่ประชุม วันก่อนนั้นผมเข้าประชุมในฐานะ steering committee ของคณะแพทยศาสตร์ ที่มีท่านคณบดีเป็นประธาน เลขาของท่านเปลี่ยนแผ่นใสให้ท่านไม่ทัน ด้วยความโหดร้ายของท่าน คณบดีได้เข้าไปตบหัวเลขาดัง "โพล๊ะ" โทษฐานที่ทำงานไม่ทันใจ ไม่ถึงกับแรงมากแต่ก็ไม่เบาครับ จนเลขาร้อง ว๊าย โอ้ยๆ ๆ ด้วยความตกใจเกือบสุดขีดครับ  ทุกคนในที่ประชุมซึ่งรวมผมด้วยเงียบกริบและต่อมาทำเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ
     ในวันหลังผมได้ลองเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ของผมฟังเพื่อดูว่าเขารู้สึกอย่างไร  ส่วนใหญ่ตอบว่า "ก็ท่านตบหัวเลขาท่าน ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่เกี่ยวกับเรา" ผมจึงแกล้งแหย่ไปว่า งั้นผมเป็นหัวหน้าภาควิชา ก็ตบหัวลูกภาคได้ใช่ไหมครับ ทุกคนตอบว่า "ไม่ได้ อาจารย์อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด จะโกรธกันตลอดชาติเลย" นี่แสดงว่าทุกคนตกอยู่ในอำนาจความกลัว และปล่อยให้ความเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ถูกลืมเลือนไป เพื่อรักษาตัวรอดอย่างนั้นหรือครับ
       ผมครุ่นคิดเรื่องเล็กน้อยนี้อยู่สามวัน ว่าจะบอกและห้ามปรามท่านคณบดีอย่างไรดี สมควรบอกท่านหรือไม่ จนบางวันนอนไม่หลับครับ
      ภรรยาผมสังเกตุเห็นจึงถามว่าผมกลุ้มใจเรื่องอะไร ผมจึงเล่าเรื่องความขัดแย้งในใจระหว่างการเอาตัวรอดกับการยืนยันสิ่งที่ถูกต้องในมนุษยธรรม ซึ่งบางครั้งก็เหมือนหาเรื่องใส่ตัวและทำร้ายครอบครัวตัวเองประมาณน้ันครับ
ภรรยาผมตอบกลับว่า ผมไม่จำเป็นต้องห่วงครอบครัว ครอบครัวเรามีความเป็นอยู่ที่มั่นคงแล้ว แม้ผมจะตกงานตอนนี้คนในครอบครัวก็คงยังมีความสุขกันได้อย่างดี  ดังนั้นไม่ต้องกังวล ขอให้ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องอย่างจริงใจเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แต่ห้ามมีประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝงเด็ดขาด มิเช่นนั้น ภรรยาผมจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาจัดการกับผมครับ
      ท่านเคยได้ยินคำพูดนี้ไหมครับว่า "เบื้องหลังนักรบผู้กล้าหาญ นั้นคือหญิงงามผู้ใจเด็ดเดี่ยว" มันเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ และผมเพิ่งตระหนักกับความหมายของมันอย่างจริงจังในช่วงชีวิตนี้นี่เองครับ
      หลังจากนั้นผมก็เริ่มทักท้วงท่านคณบดีบ้างในที่ประชุมกรรมการคณะถึงพฤติกรรมของท่าน ซึ่งบางครั้งท่านก็ปรับตัวดีขึ้น จนในที่สุดดูเหมือนผมได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายค้านของทีมบริหาร และจนปัจจุบัน จุดยืนและมุมที่ถูกมองเช่นนี้ ทำให้ผมมีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องในคณะแพทยศาสตร์และได้รับข้อมูลการถูกรังแกของพี่น้องลูกจ้างโดยไม่เป็นธรรมจากท่านคณบดีครับ
      เรื่องราวจึงดำเนินมาอย่างที่ท่านทราบในขณะนี้ หลายคนถามว่าผมขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้จะทำอย่างไร
ผมได้แต่ตอบว่าถ้าท่านคณบดี ยอมที่จะเกลี่ยงานอย่างมีจริยธรรมไม่ทำอย่างโหดเหี้ยมเหมือนที่ผ่านมาผมก็จะยอมลงจากหลังเสือ ถ้าเสือจะหันมากินผม ก็ไม่เป็นไรครับ ผมพร้อมที่จะต่อสู้อย่างสุภาพบุรุษที่เสมอภาคกันอีกครั้งหนึ่ง
รับรองว่าในครั้งนี้ไม่ฉวยโอกาสเอาคณบดีออกจากตำแหน่งตามกระแสแน่นอนครับ
      ศรัทธาและคารวะในจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์ของทุกท่าน
                         อานนท์ วิทยานนท์

   
     
      

     
    

   


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-22 , Time : 12:07:46 , From IP : 172.29.11.246


ความคิดเห็นที่ : 45


   พี่น้องชาวคณแพทยศาสตร์ทุกท่าน
มีคนถามมามากเรื่องการก่อสร้างตึกในสมัยทีมบริหารชุดก่อนครับ
ในบทความก่อนนี้อ่านแล้วแปลว่าผมบอกว่ามีการทุจริตใช่หรือไม่ ผมขอบอกว่าไม่ใช่เช่นนั้นครับ
ดังเช่นในภาควิชาต่างๆ มีการซื้อของ แล้วมีความผิดพลาด เกิดความเสียหายแต่ไม่มาก จึงถูก"ภาคทัณฑ์"ครับ
สำหรับกรรมการจัดซื้อจัดจ้างในการสร้างตึก ก็เกิดความผิดพลาด และเกิดความเสียหายมากกว่ากรณีย์แรก จึงให้มีการ "จ่ายเงินชดเชยคืนแก่รัฐ" เท่าที่คำนวณความเสียหายได้
ส่วนจะมีการทุจริตจริงๆหรือไม่ ผมไม่ทราบครับต้องคอย สตง.ต่อไป
นี่เป็นความเข้าใจตามที่ท่านคณบดีคนปัจจุบัน ชี้แจงในกรรมการคณะครับ
ถ้าผิดพลาดก็ขอให้ท่านคณบดีชี้แจงให้ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งผมก็ว่าดีเหมือนกันครับ
จะได้โปร่งใสไม่อึมครึมทำให้คนไม่ปรารถนาดีใช้สร้างข่าวลือได้ครับ
สำหรับผมคิดว่าคนทำงาน ก็มีความผิดพลาดได้ครับ แต่ถ้าไม่ทำงานเลยก็คงผิดพลาดน้อย
แต่จะเป็นความผิดพลาดจริงๆหรือตั้งใจทุจริต ก็ต้องคอยหลักฐานจากการสอบสวนครับ
ส่วนข้อมูลต่อไปนี้ผมสืบค้นจากแหล่งข่าวครับ 
บอกว่าเงินที่อาจต้องจ่ายคืน ประมาณ สี่-ห้าล้าน รวมแล้ว ไม่กี่ล้านบาทครับ
อันนี้ต้องขออภัยในจดหมายฉบับก่อนที่บอกว่า "ไม่กี่สิบล้านบาท" ความจริงตั้งใจเขียนว่า "ไม่กี่ล้านบาท" ครับ
ซึ่งถ้าเฉลี่ยกันจ่าย ก็จ่ายกันคนละไม่มากครับ
คราวนี้ก็โยงมาถึงกรณีย์ของผมว่า เงินแค่นี้จ่ายไปเลยดีกว่าที่จะเอามาจ้างผมล้มท่านคณบดีครับ
ถึงจ้างผมก็ไม่เอาครับ แต่ถ้าต้องจ้างราคาสูงมากๆก็เอาไปจ่ายค่าปรับน้อยกว่าอีกครับ
ตกลงอย่ามาเสียเงินจ้างผมให้เสียเวลาเลยครับ
และท่านคณบดีก็ไม่จำเป็นต้องมาปล่อยข่าวลือเช่นนี้กับผมอีก
อย่างไรท่านก็หนีความจริงอันโหดร้ายที่ก่อไว้ไม่พ้น  ในวันศุกร์นี้แน่นอนครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจครับ
ด้วยความเคารพ
อานนท์ วิทยานนท์




   


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-22 , Time : 21:33:06 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 46


   






                                  พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน
ข้างล่างนี้เป็นสำเนาจดหมายที่ผมขอให้ท่านคณบดีบรรจุวาระการประชุมเรื่องการเกลี่ยงานในการประชุมกรรมการคณะแพทยศาสตร์ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ครับ
คอยดูกันว่าท่านคณบดีจะมีความกล้าหาญเชิงจริยธรรมในการยอมรับความจริง รักษาคำสัตย์
และใช้ข้อมูลที่เป็นจริงในการแก้ปัญหามากน้อยเพียงใดครับ
และคอยดูว่าท่านคณบดีสมควรจะเป็นผู้นำแห่งองค์กรที่มีเกียรติยศอันสูงส่งแห่งนี้ต่อไปหรือไม่ครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน
อานนท์ วิทยานนท์



ตราครุฑ. บันทึกข้อความ


ส่วนราชการ     องค์กรแพทย์ คณะแพทยศาสตร์   โทร.
ที่   วันที่  22 เมษายน 2556
เรื่อง   ขอให้บรรจุวาระการประชุมของกรรมการคณะแพทยศาสตร์
เรียน  ท่านคณบดี
    
        ด้วยในขณะนี้เหตุการณ์เรื่องการเกลี่ยงานในคณะแพทยศาสตร์ตามนโยบายของท่านคณบดีเป็นที่สนใจและวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากบุคลากรทั่วไป
        
       จึงขอความกรุณาท่านคณบดี บรรจุวาระเรื่องการเกลี่ยงานตามนโยบายของท่านคณบดีไว้ในวาระการประชุมกรรมการคณะฯ ประจำวันที่ 26 เมษายน 2556 นี้ เพื่อกรรมการคณะฯ จะได้มีโอกาสซักถามและทีมบริหารจะได้มีโอกาสชี้แจงแก่สังคมในข้อสงสัยดังกล่าว

         ทั้งนี้จะได้เป็นการให้ความกระจ่างและให้แนวทางแก่สังคมคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ต่อไป

       
                                                            ขอแสดงความนับถือ

อานนท์ วทยานนท์

    (ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์อานนท์  วิทยานนท์)
            ประธานกรรมการบริหารองค์กรแพทย์












Posted by : อานนท์ , Date : 2013-04-24 , Time : 06:21:12 , From IP : 172.29.55.120

ความคิดเห็นที่ : 47




   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือครับ ผมต้้องขออภัยอาจารย์อานนท์ที่ห่างหายไปครับ ผมเดินทางไปงานฌาปณกิจพี่ชายผมเมื่อวันเสาร์ที่20เมยที่ผ่านมาครับ. จากนั้น21-25เมย56 ผมมาประชุมที่กทม.ครับ ขณะนี่กำลังจะบินกลับหาดใหญ่เพื่อมาทำงานปกติวันพรุ่งนี้ครับ. ตอนนี้นั่งรอขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิครับ ผมกำลังใช้IPhone โพสให้อาจารย์อยู่ครับ แต่หารูปที่อาจารย์บอกเป็นรูปวาระการประชุมคณะฯ ไม่เจอครับรูปอยู่ตรงไหนในเมล์ครับอาจารย์อานนท์. อาจารย์อานนท์สู้ๆนะครับ. เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้อาจารย์อานนท์ตลอดครับ ทำให้สำเร็จนะครับ. ด้วยความนับถือครับ. จิตจิตวัต รุ่งเจิดฟ้า. 14.56น25เมย 56. สนามบินสุวรรณภูมิ. --______________________________________________________________________วาระการประชุมกรรมการคณะ หัวข้อสุดท้าย
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Thu, April 25, 2013 9:07 am
To: จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook | View as HTML

เรียนอาจารย์จิตวัตที่เคารพ

อาจารย์ โพสต์ รูปภาพอย่างไรครับ

ผมโพสต์ด้วย ไอแพด ไม่ได้

ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยโพสต์ รูปวาระการประชุมให้ด้วยครับ

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

อานนท์ วิทยานนท์

Sent with InstaMail






Send from my iPad
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
NOTE: Prince of Songkla University will NEVER ask for your PSU Passport/Email
Username or password by e-mail.
If you receive such a message, please report it to report-phish@psu.ac.th.
--------------------------------------------------------------------------------------------
@@@@ NEVER reply to any email asking for your PSU Passport/Email or other personal
details. @@@@@
--------------------------------------------------------------------------------------------

For more information, contact the PSU E-Mail Service by dialing 2121


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-25 , Time : 15:01:30 , From IP : 125.213.237.19


ความคิดเห็นที่ : 48






   เรียนอาจารย์อานนท์ที่นับถือ หาเจอแล้วครับ โพสให้เลยนะครับขณะนั่งรอขึ้นเครื่องบินกลับหาดใหญ่ครับ ขณะนี่ผมคิดว่ามีคนมากมายในองค์กรนี้รู้ความจริงของผู้นำองค์กรนี้แล้วครับ ดังที่มีคนโพสเรื่องการโกหกและการพูดความจริงของผู้นำองค์กรครับ ผมขออณุญาตนำมาโพสดังภาพด้านบนคู่กับภาพวาระการประชุมกรรมการคณะฯครับ. (การประชุมของพวกพรรคพวกผู้นำองค์กรนั้นเอง) อาจารย์อานนท์ระวังการหมกเม็ดนะครับ. จิตวัต รุ่งเจิดฟ้า. 15.20น. 25เมย56 สนามบินสุวรรณภูมิ. ----------____________--------------------------------------------------------------------------------------///--------------------------------------------//-----------------------------------------------] กำหนดวาระการประชุมเรื่องการเกลี่ยงานในวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 บรรทัดสุดท้าย
From: "Arnont Vittayanonta"
Date: Thu, April 25, 2013 11:56 am
To: all_unit@medicine.psu.ac.th
Priority: Normal
Create Filter: Automatically | Sender | From | To | Subject
Options: View Full Header | View Printable Version | Download this as a file| Add to Addressbook

พี่น้องช่วคณะแพทยศาสตร์ท่ีรักทุกท่าน
ท่านคณบดีพยายามถ่วงเวลาการ การประชุมของกรรมการคณะ
ทั้งๆที่ทุกคนทราบดีว่าวาระการประชุมศุกร์นี้ไม่มีอะไร ค่อนข้างว่าง
แต่ท่านไม่บรรจุวาระเข้า
ผมต้องไปคุยต่อรองกับเลขาคณะ
ท่านถึงยอมเขียนการยืนยันมาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างที่ท่านเห็น
ในบรรทัดสุดท้ายของวาระการประชุมครับ
นี่ถ้าไม่มีพี่น้องที่ตื่นตัวเรื่องนี้ท่านก็จะวางเฉยครับ
เพราะในกรรมการคณะเคยพูดหลายครั้งแล้วครับ
ท่านคณบดีคงต้องการให้กระแสตกครับ ประกอบกับไม่รู้จะแถลงอะไรดีเพราะโกหกไว้เยอะครับ
คอยดูกันต่อไปว่าท่านจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก ที่จะสร้างภาพกับพวกเราครับ
ก็ดีเหมือนกันครับ มีเวลาอีกสองสัปดาห์ ซึ่งความจริงข้อมูลของทีมเราพร้อมมานานแล้วครับ
แต่ยิ่งนานก็มีเรื่องยิ่งต้องพูดมากขึ้นครับ
เราจะไม่หยุดครับ จนกว่าจะมีการเกลี่ยงานด้วยธรรมาภิบาล
ดังนั้นนับแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้พี่น้องติดตามกระดานข่าวนี้ให้ดีครับ
มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจกว่าเดิมมานำเสนอพี่น้องไม่ขาดสายครับ
ที่สำคัญจะเป็นการให้บทเรียนแก่ท่านคณบดีว่า
ยิ่งถ่วงเวลาในเรื่องที่เป็นความเป็นความตายของพี่น้อง กระแสยิ่งมาแรงครับ
คอยพบกับความระทึกใจ ในเร็วๆนี้ครับ
เคารพในทุกท่าน
อานนท์ วิทยานนท์



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
NOTE: Prince of Songkla University will NEVER ask for your PSU Passport/Email
Username or password by e-mail.
If you receive such a message, please report it to report-phish@psu.ac.th.
--------------------------------------------------------------------------------------------
@@@@ NEVER reply to any email asking for your PSU Passport/Email or other personal
details. @@@@@
--------------------------------------------------------------------------------------------

For more information, contact the PSU E-Mail Service by dialing 2121




Send from my iPad
_______________________________________________
Medicine7 mailing list
Medicine7@group.psu.ac.th


Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-25 , Time : 15:24:35 , From IP : 125.213.237.19


ความคิดเห็นที่ : 49




   อาจารย์อานนท์ครับ สื่อต่างๆรออาจารย์อานนท์อยู่ครับ ไม่มีประโยชน์ที่อาจารย์อานนท์จะดันเรื่องนี้เข้าที่ประชุมของพรรคพวกเขาครับ อาจารย์นำข้อมูลทุกอย่างที่อาจารย์มีอยู่ออกสื่อไปเลยครับ. การกระทำแบบนี้เขาเรียกว่าการหมกเม็ดครับ ซึ่งเขาทำเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าเดี๋ยวเรื่องต่างๆก็เงียบลง เหมือนการประทุของภูเขาไฟไงครับ พอระเบิดภูเขาไฟประทุขึ้นมาเดี๋ยวก็ดับ แบบที่เขาเคยเยาะหยันมาครับ. """มาแต่เช้า ทำแต่งาน หวังให้เสร็จ ไม่หมกเม็ด เดี๋ยวงานพอก เป็นหางหมู
แต่บางคน นั่งสบาย บอสเอ็นดู แต่กับตรู นั่งหดหู่ ช่างเศร้าใจ
เกิดวิกฤต ปรับโครงสร้าง ครั้งยิ่งใหญ่ ต้องโอนย้าย กันขวักไขว่ ซวยล่ะหนอ
จับเก้าอี้ บ้างก็หัก บ้างก็งอ เตรียมตัวรอ การปรับเปลี่ยน มาถึงตรู...เฮ้ออออ """


โดย Moowanjeab


Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-25 , Time : 16:01:24 , From IP : 125.213.237.19


ความคิดเห็นที่ : 50


                                                   ความเหมาะสมอยู่ตรงไหน?

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน

หลายคนถามหาความเหมาะสมว่าทำไมผมไม่คุยกับท่านคณบดีอย่างเงียบๆและแก้ปัญหากันไป
จะได้ไม่ต้องเอามาโพสต์บนกระดานข่าวให้คนภายนอกรับรู้ 
คล้ายๆความคิดที่ว่า "ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า" อายเขาครับ
พอบอกว่าจะเอาเข้าคุยในกรรมการคณะ หลายคนก็ดีใจว่าข่าวจะได้เงียบๆเสียที
แต่ก็อย่างที่ทราบครับ ท่านคณบดีก็ยังคงหมกเม็ดคอยให้กระแสการเคลื่อนไหวลดลงอีกจนได้ครับ
ผมขอเรียนพี่น้องทุกท่านว่า  ท่านคณบดีของเราเป็นคนพิเศษ
มีบุคลิกไม่เหมือนคนธรรมดาๆ ดังนั้นจึงใช้วิธีธรรมดาๆไม่ได้ผลครับ
ท่านรองฝ่ายบริหารทราบเรื่องนี้ดี
และทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมหัวหน้างาน "สยอง ยามเช้า" คงพอเป็นพยานได้
ว่าท่านรองคณบดีท่านหนึ่งได้เคยพูดเรื่อง ธรรมาภิบาลทุกวันเพื่อเตือนท่านคณบดี แต่ก็ไม่เคยได้รับความสนใจใดๆเลยครับ ดูเหมือนท่านคณบดีรับฟัง แต่ยังแอบทำสิ่งตรงข้ามที่โหดเหี้ยมเหมือนเดิมครับ
ผมเคยปรึกษาท่านคณบดีในการประชุมกรรมการคณะ เรื่อง การเกลี่ยงานและการยุบหน่วยงาน ว่าควรนำมาปรึกษาในกรรมการคณะก่อน แต่ท่านกลับตอบว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารไม่เกี่ยวกับกรรมการคณะครับ
แต่เมื่อได้ทราบข่าวระแคะระคาย เรื่องการขาดจริยธรรมในการเกลี่ยงาน ผมได้ถามท่านว่าท่านมีนโยบายในการเกลี่ยงานอย่างไร ท่านก็ไม่ตอบครับ
ครั้นในการสัมนากรรมการคณะเมื่อเดือนมีนาคมที่แล้ว
มีข้อมูลจากแบบสอบถามผู้ปฏิบัติงานในคณะสะท้อนมาว่า
ขณะนี้ผู้ปฏิบัติงานไม่มีความสุขจำนวนมาก และต้องการให้ใช้จริยธรรมในการบริหาร
ซึ่งกรรมการคณะหลายๆท่านคิดว่าเป็นข้อมูลสะท้อนกลับที่รุนแรงพอสมควรทีมบริหารควรรับไปแก้ไข
แต่ผิดหวังมากครับ ท่านรองฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ กลับตอบทำนองว่า "ความเห็นเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกชักนำจาก โลภะ โทษะ โมหะ ดังนั้นจึงมีการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เป็นธรรมดา" ตกลงท่านจะไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้กระแสตกไปเองว่างั้นเถอะ แล้วท่านไปถามเขาทำไมครับในเมื่อไม่เอาไปแก้ไข 
ส่วนท่านคณบดีวันนั้นรีบขอตัวไปแถลงข่าวอะไรบางอย่าง โดยไม่สนใจในความทุกข์ของพี่น้องเลยครับ
ก็คงพอเข้าใจได้ว่า ท่านถามเพื่อสร้างภาพครับ ว่าได้มีการสำรวจแล้ว ได้มีการเอาใจใส่แล้ว
แต่แล้วท่านจะไม่ลงมือทำอะไรเลยครับ ทว่าได้เอาไปโฆษณาแล้ว 
ถ้าพี่น้องสังเกตุให้ดีจะพบว่าท่านคณบดีทำงานด้วยวิธี "สร้างภาพ" เช่นนี้ในทุกๆเรื่องครับ
เห็นชัดเจนในคำอธิบายจากท่านคณบดี เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา
ทุกเรื่องที่ท่านกล่าวถึงฟังดูดีและมีกระบวนการปฏิบัติเป็นคำสั่งลายลักษณ์อักษรชัดเจน แต่ไม่เคยมีผลดีในทางปฏิบัติใดๆเลย หรือมีก็น้อยมากครับ ส่วนมากที่ได้ผลดีเป็นผลงานของคนอื่นครับ ซึ่งทีมของผมจะชี้แจงให้พี่น้องตระหนักในภายหลังครับ
แม้แต่ตอนที่กล่าวถึงกรรมการคณะในจดหมายฉบับน้ันว่าเป็นองค์กรสูงสุดที่ท่านต้องให้เกียรติในการตัดสินใจแต่ทุกท่านในกรรมการคณะรู้สึกได้เลยครับว่าท่านึณบดีได้ทำตรงกันข้ามคือพยายามทำให้กรรมการคณะเป็นตรายางมากกว่า โดยท่านพยายามยัดเยียดให้กรรมการคณะรับรองพฤติกรรมและการตัดสินใจที่ค่อนข้างไม่เหมือนคนธรรมดาๆของท่านให้ได้ครับ

ตอนสัมนากรรมการคณะจริงๆ พวกเราพยายามบรรจุธรรมาภิบาล ไว้ในนโยบายของคณะ และท่านที่เป็นหัวหอก
ด้วยความจริงใจก็คือท่านรองคณบดีฝ่ายบริหารครับ ส่วนท่านคณบดีกลับวางเฉยไม่พูดอะไรเลยครับ
แต่พวกผมรู้ดีว่า มันก็เป็นเพียงวิธีการ "สร้างภาพ" อีกแบบว่ามีนโยบายที่ดี แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าท่านคณบดีจะไม่ไปกระทำลับหลังในสิ่งตรงข้ามได้เลยครับ
ผมจึงได้เรียนถามท่านคณบดีถึงเรื่องการเกลี่ยงานต่อหน้าท่านอาจารย์วิจารย์ พานิชย์ เพื่อหวังว่าบางทีท่านอาจารย์ที่เป็นต้นแบบของท่านคณบดีจะได้ตักเตือนท่านคณบดีบ้างถึงเรื่องพฤติกรรมที่ขาดมนุษยธรรมของท่าน แต่ดูเหมือนยังไม่ได้ผลครับ
ก่อนนั้น ผมได้ปรึกษากับอาจารย์ผู้ใหญ่หลายท่าน โดยเฉพาะท่านในทีมบริหาร คำตอบคือ "ท่านคณบดี มีบุคคลิกที่ไม่เหมือนคนธรรมดาๆ ไม่สามารถรับการตักเตือนหรือทักท้วงได้" ครับ เพียงแค่ท่านรองคณบดีจะทำงานสร้างสรรค์ในหน้าที่ก็ต้องทะเลาะกับท่านคณบดีแทบเป็นแทบตายเสียก่อน ถึงจะทำได้ สรุปได้ว่าถ้างานอะไรที่ไม่ได้เป็นการ "สร้างภาพ" แก่ท่านคณบดี ก็จะได้รับอนุมัติได้ยากครับ
อาจารย์ท่านที่เป็นผู้ใหญ่กว่านั้น แนะนำผมว่า  กรรมการคณะต้องเข้มแข็งด้วยตัวเองครับ
ผมกับทีมจึงปรึกษากันว่า เราคงต้องพึ่งตัวเอง แต่ทว่าต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่านให้ร่วมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กกับพวกเราครับ
เราจึงจำเป็นต้องมีพื้นที่สื่อในการติดต่อกับพี่น้องเพ่ือการนัดหมาย ใน "ยุทธการเผด็จศึก" วันที่ 9เมษายน ครับ
จึงจำเป็นต้องใช้กระดานข่าวแห่งนี้ เป็นที่นัดหมายและเล่าเรื่องราวสำหรับคนที่มาทีหลังและต้องการทราบความเป็นมาเป็นไปของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ครับ
การเลือกกระดานข่าวแห่งนี้เป็นสมรภูมิรบนั้น ความจริงมีข้อเสียเปรียบแก่พวกเรามากครับ
เนื่องจากเป็นกระดานข่าวภายในคณะ จึงไม่มีใครกล้ามาโพสต์เชียร์พวกเรา เพราะผู้บริหารสามารถรู้ชื่อคนโพสต์ได้ครับ แต่เราก็พร้อมที่จะสู้ทั้งๆที่เสียเปรียบ เพราะเราต้องการให้เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในให้มากที่สุด แทนที่จะใช้กระแสสื่อมวลชนภายนอกทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์จอมปลอมที่ท่านคณบดีอุตส่าห์ปลอมแปลงตัวตนมานับสิบปีครับ ซึ่งก็ไม่ยากเท่าไร แต่ทีมเราก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำลายท่านคณบดี เพียงต้องการให้มีการเกลี่ยงานอย่างมีธรรมาภิบาลเท่านั้นครับ
แต่ถ้าท่านคณบดีสั่งปิดกระดานข่าวแห่งนี้เมื่อใด ก็คงช่วยไม่ได้ที่เราต้องไปโพสต์ในกระดานข่าวภายนอกเช่น 
ที่พันธ์ทิพย์ หรือผู้จัดการ as tv ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสังคมภายนอกแล้วครับ 
ดังนั้นทางที่ดี พ่อแม่พี่น้องควรมาช่วยกันรวมพลังร่วมกับทีมของเรา จัดการให้ท่านคณบดีที่มีบุคคลิกภาพไม่เหมือนคนธรรมดาๆท่านนี้ทำการเกลี่ยงานอย่างมีธรรมาภิบาลในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้เสียโดยเร็วน่าจะดีกว่าครับ
มิเช่นนั้น ทีมเราคงต้องใช้แผนการอันสลับซับซ้อน ที่วางไว้สอดคล้องกับสถานการณ์และมีความเหมาะสมพอเหมาะ ที่จะให้บทเรียนแก่ท่านคณบดีมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดาๆของท่านครับ
ศรัทธาและคารวะในจิตใจแห่งมนุษยธรรมของทุกท่าน
อานนท์ วิทยานนท์










Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-27 , Time : 12:23:23 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 51


                                            ความสำคัญแห่งลายลักษณ์อักษร

       เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้ส่งจดหมายเป็นทางการถึงท่านคณบดี เพื่อขอหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรของการลาออกของเจ้าหน้าที่ศูนย์คุณภาพ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคณะแพทยศาสตร์รวมจำนวนประมาณ15 คน ที่ลาออกจากนโยบายการเกลี่ยงานของท่านคณบดีครับ
       โดยทั้งหมดนั้นถูกบังคับให้ลาออกด้วยวาจาครับ ดังนั้นเราจึงไม่มีหลักฐานที่เป็นคำสั่งลายลักษณ์อักษรให้ออกจากงานโดยท่านคณบดี. แต่พวกเราจำเป็นต้องมีหลักฐานที่เรายังไม่มี คือใบลาออกของพวกพี่น้องเหล่านั้นเพื่อใช้ในการดำเนินการบางประการครับ
       พี่น้องคอยตั้งตาดูครับ เมื่อมีจดหมายเป็นทางการถามไป ท่านคณบดีก็ต้องตอบเป็นทางการกลับมา
       ท่านคณบดีจะเลือกทางใดครับ ในความคิดอันไม่ตรงไปตรงมาของท่าน
       ท่านอาจหมกเม็ดต่อ จนเลยวันที่10 พฤษภาคม นี้ไป
       ท่านอาจหน้ามืดอ้างข้างๆคูๆว่า เป็นความลับของทางราชการบอกไม่ได้
       ท่านอาจโกหกหน้าตายต่อไปว่า ไม่มีคนลาออกเลยแล้วทำลายหลักฐานเสีย และบอกว่าข้อมูลผมเป็นเท็จ
       หรือท่านอาจ คิดว่าเหนื่อยแล้วสร้างภาพต่อไม่ไหว ต้องยอมรับความจริงแบบไม่ค่อยเป็นลูกผู้ชายที่จนตรอก
ว่าที่ผ่านมาพลาดไปแล้วขอโทษและขอสมานฉันทน์เริ่มต้นกันใหม่คืนดีกันอีกครั้งดีกว่า อย่ารื้อความผิดกันเลย
       อย่าคิดว่าทางสุดท้ายนี้ท่านทำไม่ได้นะครับ ท่านเคยทำมาแล้วเมื่อตอนปีใหม่ในการประชุมกรรมการคณะครับ  แบบว่าขอโทษกันหน้าด้านๆหลังถูกไล่จับผิดได้ล่อนจ้อนเกือบจนกระดานครับ
       แต่ครั้งนี้เราจะไม่ยอมให้คนโหดเหี้ยมผิดจริยธรรมหนีลอยชายซ้ำเป็นตรั้งที่สองครับ
       หรือท่านอาจยอมรับว่ามีคนลาออกจริง แต่ขอลอยตัวโทษว่าเป็นความผิดของหัวหน้างานแทนครับ
       ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นทางเลือกของท่านคณบดี ซึ่งไม่ว่าลงทางไหน ก็แสนอัปยศไปทุกทางเลยครับ
       ถ้าท่านผู้อ่านนึกไม่ออกว่าชะตากรรมต่อไปของท่านคณบดีจะแสนอัปยศอย่างไร  ก็ให้อ่านจดหมายของผมท่ีผ่านมาเรื่อง "อำนาจ จริยธรรมและทางเลือกของผู้นำองค์กร"  ซึ่งเคยเขียนเสนอแนะท่านคณบดีไว้ล่วงหน้าแล้ว ทางออกที่จะดูดีของท่านนั้นผ่านเลยมาแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกเราขอให้ท่านยอมรับการทำงานร่วมกับกรรมการคณะในการทำให้เกิดธรรมาภิบาลแล้วครับ แต่ท่านคณบดีก็วางเฉย ถึงตอนนี้พอถูกพี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์กดดันเข้ามากๆท่านก็กลัวลนลานจนต้องยอมเจรจาด้วยอยู่ดีครับ อันนี้ต้องขอขอบคุณ "แพลงกระบี่ซ่อนกาย" อันน่าประทับใจอย่างมากมายของพี่น้องทุกท่านอีกครั้งหนึ่งครับ
       ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ท่านคณบดีได้ทำการ "โกหก เป็นลายลักษณ์อักษร" และมอบเป็นหลักฐานให้พวกเราไว้เรียบร้อยแล้วครับ เป็นเหมือนโจรถูกเข้าเครื่องจับเท็จครับ และถูกจับได้ว่าพูดเท็จในที่สุด แต่ท่านคณบดีต่างกับโจรตรงที่ว่า ท่านไม่รู้ตัวว่าท่านถูกเข้าเครื่องจับเท็จ  คงเนื่องจากว่า ท่านอาจมีนิสัยโกหกเป็นอาจิณ จนในที่สุดก็นึกเอาเองว่าตนเองพูดจริงทั้งๆที่พูดโกหกครับ มาตระหนักรู้ความจริงอีกทีก็เมื่อได้พูดไปแล้วหลายวัน หรืออีกความเป็นไปได้ก็คือท่านพูดเท็จในการสร้างภาพบ่อยจนจำเรื่องจริงไม่ได้ครับ เราจึงได้หลักฐานเป็น "คำอธิบายของท่านคณบดี". ที่เป็นการโกหกเป็นลายลักษณ์อักษร โดยท่านคงคิดว่าเป็นคำอธิบายที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก แต่ผมคิดในทางตรงข้ามว่าทั้งหมดนี้เป็นผลกรรมที่บังตาท่านมากกว่าครับว่าถ้าท่านโกหกแล้วคนจะจับไม่ได้  และในไม่ช้านี้ผลกรรมจะตามสนองจนสาสมกับความโหดเหี้ยมของท่านแน่นอนครับ
      พี่น้องครับจงสรุปบทเรียน ถ้าท่านคณบดี มีคำสั่งให้พี่น้องเกลี่ยงาน หรือออกจากงานโดยไม่มีลายลักษณ์อักษร ขอให้พี่น้องถามหาคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากท่านหัวหน้างาน  ถ้าไม่มีมาแสดง พี่น้องก็วางเฉยเสียได้ครับ
       ทั้งหมดที่กล่าวมาก็คงพอสะท้อนบุคคลิกภาพ ที่ไม่เหมือนคนธรรมดาๆของท่านคณบดีได้อย่างหนึ่งครับ
คือท่านไม่ค่อยยอมให้มีหลักฐานมาเกี่ยวพันให้ท่านต้องรับผิดชอบหรือเอาผิดกับท่านได้ กล่าวคือ ท่านมัก
                          "ชอบสั่งงานด้วยวาจา แต่ทว่ามักโกหกเป็นลายลักษณ์อักษร" ครับ 
อีกประการในนิสัยอันไม่เหมือนคนธรรมดาๆของท่านคือ ชอบปิดบังอำพราง ไม่กล้าเผชิญหน้า มักหันหลังให้เพื่อปิดบังการกระทำของตน แต่ทว่าลืมไปว่าตนเอง "สันหลังหวะ" ครับ
     
          เชื่อมั่นในผลแห่งความดีและกฎแห่งกรรมครับ
                         อานนท์ วิทยานนท์


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-29 , Time : 21:37:56 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 52




   คนสร้างภาพที่ซ่อนตัวกลัวคนรู้
น่าอดสูแปล๊บแปล๊บแอบลับล่อ
คงเป็นวัวสันหลังหวะ จะรีรอ
ไม่กล้าพอเผชิญหน้าอย่ามาเลย


Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-04-29 , Time : 23:55:35 , From IP : mx-ll-223.206.155-129.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 53


   


เรียน พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน
    ผมขอส่งรายชื่อพี่น้องที่ถูกออกจากงานตามนโยบายของท่านคณบดี ซึ่งตรงข้ามกับคำแถลงในจุดยืนของคณบดีที่ว่า "ไม่เคยคิดจะให้ใครต้องออกจากงานเลย"  เพื่อทุกท่านจะได้ทำการสืบหาข้อมูลด้วยตนเองครับ แต่ทั้งนี้ผมจำต้องส่งทางอีเมล์ โดยไม่โพสต์บนกระดานข่าวเพราะอาจมีผลกระทบจากสังคมภายนอกแก่ผู้มีรายชื่อเหล่านั้นได้ครับ ดังน้ันถ้าท่านผู้ใดอยากทราบข้อมูลก็สอบถามได้จากเพื่อนใกล้ชิดในที่ทำงานครับ คงมีสักคนที่ได้รับเมล์จากผม
   อาจารย์แพทย์บางท่านพูดกับผมว่า ผมอาจมีความเห็นต่างกับท่านคณบดีได้ แต่อยู่ที่เราควรทำตามหน้าที่และบทบาทของใครใครก็รับผิดชอบไป คล้ายๆจะบอกกับผมว่าอย่าไปก้าวก่ายงานท่านคณบดี
  ผมได้เรียนท่านว่า ถ้าท่านคณบดีทำหน้าที่ของท่านโดยไม่ผิดจริยธรรม ผมคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ท่านคณบดีกลับมีความเห็นต่างระหว่างต่อหน้ากับลับหลังสาธารณชน รวมทั้งมีความแตกต่างมากระหว่างคำพูดกับการกระทำ  ซึ่งแสดงถึงการขาดคุณธรรมและจริยธรรมพื้นฐานครับ อันนี้จะมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรในอนาคตอย่างมาก ซึ่งเราทุกคนคงยอมไม่ได้ครับ 
     จุดยืนที่สำคัญสำหรับการเรียกร้องครั้งนี้ของพวกเราคือ ขอให้ท่านคณบดีทำการเกลี่ยงานอย่างมีจริยธรรมร่วมกับกรรมการคณะซึ่งกำหนดการประชุมแล้วในวันที่10 พฤษภาคม 2556นี้ครับ หลังจากท่านคณบดีได้ถ่วงเวลามานานร่วมเดือน แต่ทนกระแสกดดันของพี่น้องที่แสดงความสนใจเนื้อหาบนกระดานข่าวแห่งนี้ไม่ได้
     ขอให้ทุกท่านคอยติดตามการรายงานจากผมให้ดี และดูว่าพวกเราจะหาหลักประกันในการทำงานอย่างมีความสุขแก่พี่น้องได้หรือไม่ครับ และคอยดูอีกว่า ท่านคณบดีจะใช้การหลบเลี่ยง บ่ายเบี่ยงและปกปิดอย่างไรกับสิ่งที่ท่านทำมาแล้วในอดีตแต่ไม่ตรงกับสิ่งที่ท่านประกาศและสร้างฉากหน้าอย่างสวยหรูแก่สาธารณชนไว้ครับ
     ขอยำ้อีกครั้งว่า ให้พี่น้องเก็บเอกสารที่ผมส่งให้ทางเมล์นี้ไว้เป็นส่วนตัวและเป็นการภายในสำหรับคนในคณะแพทย์ กรุณาอย่าเอาไปโพสต์ บนกระดานข่าว เพราะท่านผู้เป็นเจ้าของชื่อเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากสังคมภายนอกได้ครับ
      ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
       นพ.อานนท์ วิทยานนท์


       Send from my iPad


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-01 , Time : 18:52:47 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 54


   


เรียน พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ทุกท่าน
    ผมขอส่งรายชื่อพี่น้องที่ถูกออกจากงานตามนโยบายของท่านคณบดี ซึ่งตรงข้ามกับคำแถลงในจุดยืนของคณบดีที่ว่า "ไม่เคยคิดจะให้ใครต้องออกจากงานเลย"  เพื่อทุกท่านจะได้ทำการสืบหาข้อมูลด้วยตนเองครับ แต่ทั้งนี้ผมจำต้องส่งทางอีเมล์ โดยไม่โพสต์บนกระดานข่าวเพราะอาจมีผลกระทบจากสังคมภายนอกแก่ผู้มีรายชื่อเหล่านั้นได้ครับ ดังน้ันถ้าท่านผู้ใดอยากทราบข้อมูลก็สอบถามได้จากเพื่อนใกล้ชิดในที่ทำงานครับ คงมีสักคนที่ได้รับเมล์จากผม
   อาจารย์แพทย์บางท่านพูดกับผมว่า ผมอาจมีความเห็นต่างกับท่านคณบดีได้ แต่อยู่ที่เราควรทำตามหน้าที่และบทบาทของใครใครก็รับผิดชอบไป คล้ายๆจะบอกกับผมว่าอย่าไปก้าวก่ายงานท่านคณบดี
  ผมได้เรียนท่านว่า ถ้าท่านคณบดีทำหน้าที่ของท่านโดยไม่ผิดจริยธรรม ผมคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ท่านคณบดีกลับมีความเห็นต่างระหว่างต่อหน้ากับลับหลังสาธารณชน รวมทั้งมีความแตกต่างมากระหว่างคำพูดกับการกระทำ  ซึ่งแสดงถึงการขาดคุณธรรมและจริยธรรมพื้นฐานครับ อันนี้จะมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรในอนาคตอย่างมาก ซึ่งเราทุกคนคงยอมไม่ได้ครับ 
     จุดยืนที่สำคัญสำหรับการเรียกร้องครั้งนี้ของพวกเราคือ ขอให้ท่านคณบดีทำการเกลี่ยงานอย่างมีจริยธรรมร่วมกับกรรมการคณะซึ่งกำหนดการประชุมแล้วในวันที่10 พฤษภาคม 2556นี้ครับ หลังจากท่านคณบดีได้ถ่วงเวลามานานร่วมเดือน แต่ทนกระแสกดดันของพี่น้องที่แสดงความสนใจเนื้อหาบนกระดานข่าวแห่งนี้ไม่ได้
     ขอให้ทุกท่านคอยติดตามการรายงานจากผมให้ดี และดูว่าพวกเราจะหาหลักประกันในการทำงานอย่างมีความสุขแก่พี่น้องได้หรือไม่ครับ และคอยดูอีกว่า ท่านคณบดีจะใช้การหลบเลี่ยง บ่ายเบี่ยงและปกปิดอย่างไรกับสิ่งที่ท่านทำมาแล้วในอดีตแต่ไม่ตรงกับสิ่งที่ท่านประกาศและสร้างฉากหน้าอย่างสวยหรูแก่สาธารณชนไว้ครับ
     ขอยำ้อีกครั้งว่า ให้พี่น้องเก็บเอกสารที่ผมส่งให้ทางเมล์นี้ไว้เป็นส่วนตัวและเป็นการภายในสำหรับคนในคณะแพทย์ กรุณาอย่าเอาไปโพสต์ บนกระดานข่าว เพราะท่านผู้เป็นเจ้าของชื่อเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากสังคมภายนอกได้ครับ
      ด้วยจิตศรัทธาและคารวะ
       นพ.อานนท์ วิทยานนท์


       Send from my iPad


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-01 , Time : 18:52:52 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 55


   บุคคลิกภาพที่ไม่เหมือนคนธรรมดาๆของท่านคณบดี

หลายคนถามผมมามากว่า ในจดหมายฉบับก่อน ผมกล่าวหาว่าท่านคณบดีป่วยทางจิตเวชหรือเปล่า
ผมขอตอบว่าไม่ใช่ครับ
ผมเพียงแต่บอกว่าบุคคลิกภาพของท่านไม่เหมือนคนธรรมดาๆอย่างเราๆท่านๆ
ถ้าจะวินิจฉัยว่ามีปัญหาจิตเวชหรือไม่ต้องหาข้อมูลโดยการทำ psychotest เพิ่มเติมครับ
พี่น้องรบเร้าให้ผมชี้แจงให้ชัดเจนว่าบุคคลิกภาพเช่นนั้นคืออะไร
วันนี้ผมจึงจำเป็นต้องเขียนถึงบุคคลิกภาพของท่านบ้างเอาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและการบริหาร
ที่มีผลต่อตำแหน่งคณบดีก่อนแล้วกันครับ ส่วนบุคคลิกที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเช่น เรื่องความรัก และความสัมพันธ์
จะไม่ขอพูดถึงในตอนนี้ครับ
ประการแรก ท่านคณบดี เป็นคนที่อ่อนไหวอย่างมากกับอำนาจครับ
คือท่านมักชอบวางอำนาจกับผู้ที่อ่อนแอกว่า ทว่าเกรงกลัวอย่างมากกับผู้ที่เข้มแข็งกว่าครับ
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ ท่านมักเตะ และตบหัวนักศึกษาแพทย์ เป็นประจำทุกปี ปีละสองสามราย ซึ่งศิษย์เก่าของเราทุกรุ่นจะรู้ดีครับ เมื่อปีกว่าๆที่แล้ว นักศึกษาแพทย์ชายคนหนึ่งช่วยท่านทำหัตถการแต่เป็นที่ไม่พอใจของท่าน
ท่านก็ใช้รองเท้าหนังหัวแข็งของท่านเตะสวนตรงหน้าเข้งของนักศึกษาอย่างแรงผ่านใต้โต๊ะครับ นักศึกษาที่น่าสงสารคนนั้นทั้งโกรธทั้งเจ็บ ทั้งกลัว จึงหันหลังกลับเดินกระแผลกออกจากห้องไปเลยครับ ความจริงนักศึกษาและพ่อแม่เตรียมจะฟ้องศาลปกครองครับ แต่ก็โดนอาจารย์อีกท่านที่เป็นผู้หญิงคนสนิทของท่านคณบดี ทั้งขู่ ทั้งปลอบทั้งขอร้อง จนนักศึกษากลัวว่าตนเองจะไม่จบถ้ามีเรื่องกับหัวหน้าภาคสูติศาสตร์ในขณะนั้นจึงปล่อยเรื่องเลยตามเลยครับ
เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี แต่นักศึกษาแพทย์ก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับท่านเพราะถือว่าขอให้ตนเองเรียนจบก่อนดีกว่า
ผ่านไปได้ก็ไม่ต้องเจอท่านอีกแล้วครับ
เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยพยาบาลในภาควิชาก็เช่นกันครับ ที่มักถูกท่านใช้รองเท้าหนังส้นแข็งของท่านกระทืบหรือเหยียบและขยี้ไปบนเท้าของผู้ช่วยในยามที่ท่านไม่พอใจครับ
พูดได้ว่า ท่านคณบดีเวลามีเรื่องไม่สบอารมณ์เล็กน้อยก็หน้ามืดมองเห็นลูกศิษย์หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนสัตว์ตัวหนึ่งครับ จะเตะจะถีบอย่างไรก็ได้
แต่เรื่องมันแย่กว่านั้นมากๆครับ เมื่อท่านได้มาเป็นคณบดีผู้ทรงเกียรติ และต้องกล่าวคำอวยพรแก่ศิษย์ที่จบการศึกษา ซึ่งหมายความว่าในขณะนั้นเหล่าลูกศิษย์ล้วนปีกกล้าขาแข็งอยู่นอกอำนาจของท่านแล้ว ท่านได้กล่าวเยินยอพวกเขายิ่งกว่าเป็นเทวดา ผมฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความหน้าไหว้หลังหลอกและความไร้ศักดิ์ศรีของท่านคณบดี
รวมถึงตระหนักรู้ถึงจิตใจที่แสนขี้ขลาดของท่านด้วย และบัญฑิตเหล่านั้นหลายๆคนรู้สึกได้ว่าคำอวยพรของท่านคณบดีนั้นกลับนำความอัปมงคลมาสู่พวกเขาครับ
เรื่องทำนองเดียวกัน เห็นชัดในการประชุมเจ้าหน้าที่ของเราครับ ท่านคณบดี ทั้งตบหัวเลขา หยิกทุบและด่าผู้ใต้บังคับบัญชา จนคนทำงานหลายคนชอกชำ้หัวใจสลาย ท่านคณบดีกระทำกับพวกเขาเหมือนวัตถุที่ไม่มีชีวิตไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์แต่อย่างใดครับ จนมีคนทนไม่ได้เขียนจดหมายสนเท่ห์ฟ้องต่อสังคมออกมาท่านจึงหยุดไปพักหนึ่งครับ  พอช่วงหลังท่านเห็นคนต่อต้านท่านมากจึงรู้สึกกลัว ต้องแสดงดราม่าว่าตนเองน่าสงสารที่ไม่มีใครเข้าใจกลางที่ประชุมอีกครับ  แต่พี่น้องจะสังเกตได้ว่า ในด้านตรงข้ามเวลาที่มีคนมีอำนาจเหนือกว่ามาตรวจงาน. เช่นมีคณะเยี่ยมสำรวจมารับรองคุณภาพของโรงพยาบาลนั้น ท่านจะกล่าวต้อนรับและรายงานด้วยเสียงอ่อนๆประหม่าแสนสุภาพ ดูหน้าสงสาร ผมมองเห็นความขี้ขลาดของท่านชัดเจน ที่หงอกับผู้มีอำนาจ ไม่แน่จริงเหมือนอยู่ต่อหน้าลูกน้อง ทำไมท่านไม่ไล่ด่าผู้เยี่ยมสำรวจที่มีความเห็นไม่ตรงกับท่าน ให้เหมือนที่ท่านทำกับผู้ใต้บังคับบัญชา เล่าครับ
เวลาท่านคณบดีใกลชิดกับท่านผู้ใหญ่ท่านใดนั้น ก็ล้วนแต่นำความเสื่อมมาให้ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้น ทั้งสิ้น
ทำไมหรือครับเพราะในสายตาของคนทั่วไป มองเห็นว่าท่านคณบดีมีสองบุคคลิก คือโหดเหี้ยมกับลูกน้องและประจบกับผู้ใหญ่ ดังนั้นผู้ใหญ่ท่านใดที่เมตตาท่านคณบดี จะถูกมองโดยอัตโนมัติว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นชอบคนประจบสอพลอครับ ทั้งๆที่ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นเมตตาท่านคณบดีเพราะมองเห็นเพียงหน้าฉากของท่านเท่านั้นครับ ไม่เคยเห็นหลังฉากที่โหดเหี้ยมของท่านคณบดีเหมือนพวกเราเลย คงต้องให้อภัยท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นครับ
เวลาที่ท่านคณบดีอยากแสดงอำนาจเอาคนออกจากงานโดยไร้จริยธรรมเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้ ท่านก็เคยออกคำสั่งในกรรมการคณะครับ ว่าถ้ามีเจ้าหน้าที่ออกแล้วจะไม่มีตำแหน่งชดเชยให้ แต่ท่านหัวหน้าภาคทั้งหลายขอถามเหตุผล และขอดูตัวเลขคนและงาน ท่านตอบว่าไม่มีตัวเลข แต่ท่าน "รู้สึก" เอาว่าคนมากกว่างาน ดังนั้นต้องลดคนไว้ก่อน แต่กรรมการคณะไม่ยอมรับเหตุผลที่ไร้สาระของท่าน ท่านจึงกลับลำว่า "ผมต้องขอโทษด้วย ท่านสงวนสินสื่อความหมายผิด ความจริงคณบดีต้องการสื่อความหมายว่า คนในภาควิชาไม่ต้องเกลี่ยงานและยังคงมีตำแหน่งชดเชยคนที่ออกไปเหมือนเดิมครับ" นี่คือลีลาของท่านคณบดีครับ คือมีความคิดและเหตุผลที่ไร้สาระ ครั้นถูกคัดค้านไม่มีทางไป ก็หักหลังท่านสงวนสินผู้ร่วมงานเอาตัวรอด และโกหกหน้าตาย ไม่เคยยึดถือคำสัตย์ หลังจากนั้นท่านก็กระทำการเกลี่ยงานตามใจของท่านลับหลังกรรมการคณะอย่างไร้จริยธรรม จนมีคนต้องออกจากงานไป15 คนในขณะนี้ โดยจัดการกับพี่น้องที่ขาดเกราะคุ้มกันไม่มีปากเสียงในกรรมการคณะก่อนครับ ท่านคิดว่าจะใช้ความโหดเหี้ยมของท่านปิดปากพวกเขาเหล่านั้นได้  และยังมีอีกหลายหน่วยงานที่โดนท่านคุกคาม ทั้งหมดที่ท่านทำล้วนกระทำลับหลังผู้ร่วมงาน แม้แต่ท่านรองคณบดีทั้งหลายก็ทราบแค่ระแคะระคายเท่านั้นครับ
   ครั้นเรื่องแดงขึ้นทุกคนเห็นความไร้จริยธรรมของท่าน จนพวกเราเตรียมจะเดินขบวนครั้งใหญ่ ท่านตกใจกลัวต่ออำนาจของพวกที่ท่านเคยกดขี่ไว้ซึ่งเพิ่งรวมตัวกันได้ จึงแสดงความเลวทรามโดยการโกหกอีกครั้งเพื่อลดกระแสความโกรธแค้น และเพื่อสร้างฉากหน้าอวดต่อสื่อมวลชนภายนอกครับ ในประโยคเด็ดที่ว่า "ผมมิได้เคยคิดจะให้ใครต้องลาออกเลย" 
   มาถึงช่วงนี้ พี่น้องคงมองเห็นตอนท่านคณบดีอ้าปาก ว่าลิ้นไก่จนทะลุถึงทวารหนักของท่านมีสภาพเช่นไรใช่ไหมครับ
เล่ามาแล้วเหนื่อยใจกับท่านคณบดีเหลือเกินครับ
เอาเท่านี้ก่อนกับความอ่อนไหวในอำนาจของท่าน ที่ทำให้ท่านเป็นคน "กดขี่ลูกน้อง แต่ประจบเจ้านาย" ซึ่งนำมาสู่พฤติกรรมรุนแรงที่ขาดจริยธรรม ครั้นถูกต่อต้าน ก็โกหกเอาตัวรอดแบบหน้าตายและหักหลังผู้ร่วมงานเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง เพราะกลับมากลัวอำนาจของพวกเราที่รวมตัวกันได้และท่านคิดว่าเข้มแข็งกว่าท่านนั่นเองครับ 
   ตอนต่อไป ผมจะกล่าวถึงความคิดเบื้องหลังและพื้นฐานจิตใจลึกๆของท่าน ที่ทำให้ท่านแสดงออกแบบนี้ครับ
แล้วจะนำมาสู่บทสรุป ในตอนสุดท้าย ที่ไม่ควรพลาดอ่านอย่างเด็ดขาดครับ เพราะจะเป็นตัวอย่างของการปฏิบัติที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าท่านคณบดี จะนำพาคณะแพทยศาสตร์ อันเป็นที่รักของเราไปในทางใดครับ

  ศรัทธาและคารวะในจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์ของทุกท่าน
                    นพ.อานนท์ วิทยานนท์




Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-03 , Time : 01:04:08 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 56


                                         เบื้องหลังบุคคลิกภาพ ตอนที่หนึ่ง

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก

      หลายคนถามผมว่า ก็ถ้าท่านคณบดี อ่อนไหวต่ออำนาจจริง ก็ไม่จำเป็นต้องมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ก็ได้  หลายคนชอบใช้อำนาจ แต่ก็อาจใช้ในทางที่ดีก็ได้  ยกตัวอย่างเช่น ท่านรองคณบดีฝ่ายบริหาร ซึ่งผมรู้จักท่านดี ต้องยอมรับว่าท่านใช้ความมีอำนาจของท่านอย่างเต็มที่ืแต่ไม่เห็นท่านเคยทำผิดจริยธรรมอะไร แสดงว่ามีบางอย่างที่กำหนดแนวทางการใช้อำนาจของท่านครับ
      สำหรับท่านคณบดี ท่านมีบางอย่างแตกต่างไปครับ ถ้าพี่น้องสังเกตเห็น จะพบว่าท่านคณบดี ชอบพูดข้อความเปรียบเทียบบางประโยคอยู่เสมอๆ เช่นประโยคที่ว่า
" คณบดี คงไม่โง่ ที่จะส่งเสริมรถที่วิ่งได้ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มากกว่า รถที่วิ่งได้30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง" ซึ่งสะท้อนว่าท่านจะส่งเสริมคนที่ทำงานมีประสิทธิภาพสูงกว่า
      แม้คำพูดทำนองนี้ดูเหมือนถูกต้อง แต่ต้องระวังเพราะมีกลลวงในเชิงความคิดอยู่มากครับ ความคิดแบบนี้เราทราบดีว่าเป็นคำพูดแบบอุปมาอุปมัย คือการเอาของสองสิ่งที่ไม่เหมือนกันมาเปรียบเทียบกันโดยเฉพาะในด้านเดียวที่คล้ายกัน ในที่นี้คือการเอาคนไปเทียบกับรถยนตร์ครับ การเปรียบเทียบนี้ต้องการเน้นให้เห็นด้านที่ผู้พูดต้องการนำเสนอ ในที่นี้คือประสิิทธิภาพของรถยนตร์และคนครับ ในขณะเดียวกันก็ลดทอนความเป็นมนุษย์ของคนออกไปหลายด้านจนเหลือแต่ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเดียว แต่พี่น้องอย่าลืมว่า"คน" ไม่ใช่ "รถยนตร์" ถ้าเผลอจัดการคนเหมือนจัดการรถยนตร์เมื่อใดก็จะเป็นเช่นท่านคณบดีที่กระทำการเกลี่ยงานด้วยความโหดเหี้ยมอยู่ตอนนี้ครับ
     พูดได้ว่า สำหรับรถยนตร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพเราก็คงต้องขายเลหลังถูกๆแล้วไปซื้อรถคันใหม่มา แต่กับการพัฒนาประสิทธิภาพของงานในมนุษย์ คงทำเหมือนเลหลังรถยนตร์ไม่ได้ครับ เราคงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเลหลังคนที่ทำงานได้น้อยลงอย่างเช่น ท่านพยาบาลที่มีปัญหาทางตา ซึ่งขณะนี้ได้รับการเยียวยาเพราะธารนำ้ใจของพี่น้องแล้วครับ 
คนเรานั้นมีจิตใจและมีระบบคุณค่า มีความปราถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งสามารถใช้เป็นแรงจูงใจในการพัฒนางานได้อย่างดีครับ
     แต่ท่านคณบดีมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ มองคนแค่เป็นวัตถุที่จะใช้มาตอบสนอง โลภะ 
โทษะและโมหะ ของท่านเท่านั้น ท่านจึงจัดการกับคน ที่ท่านเห็นว่าทำงานในส่วนที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของท่านโดยทำเหมือนกับพวกเขาเป็นวัตถุ หรือเป็นรถยนตร์ ไม่คำนึงถึงจิตใจ ไม่คำนึงถึงความทุกข์ของพวกเขาและครอบครัว ที่ย่อมต้องขาดที่พึ่งและขาดอนาคตเมื่อผู้นำครอบครัวต้องตกงานครับ
    หลายคนบอกผมว่าท่านคณบดี"ทำปาป" มากในครั้งนี้ แต่พี่น้องเข้าใจได้ไหมครับว่าท่านคณบดีท่านกลับคิดว่าท่านทำงานด้วยใจบริสุทธิ์ เป็นคุณความดีของท่านต่างหากไม่ได้รู้สึกปาปเลย ดังนั้นเราจะมองได้เห็นชัดทันทีว่า ท่านคณบดีขาดความเมตตาและขาดจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรงเพียงไรครับ ท่านจึงไม่รู้สึกปาปอะไรกับการที่ทำให้คนที่ทำงานอย่างภักดีต่อองค์กรมานานยี่สิบกว่าปีต้องตกงานโดยพวกเขาไม่มีความผิดใดๆ ก็คนเหล่านั้นเป็นเพียงเบี้ย หรือเครื่องจักรในการควบคุมของท่านเท่านั้น ในสายตาของท่านคณบดีพวกเขาไม่มีคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์แต่อย่างใดครับ
     อย่าลืมว่าสิ่งที่ท่านคณบดีกังวลก็คือเรื่องของอำนาจครับ ดังนั้น วัตถุที่ไร้อำนาจและไร้ประโยชน์ก็ต้องถูกกำจัดออกไปก่อน สำหรับวัตถุที่ค่อนข้างมีอำนาจทั้งหลาย อย่างเช่นท่านอาจารย์แพทย์ทุกท่าน ก็จะถูกกำจัดออกไปไม่ต่างกันถ้ามาขวางทางอำนาจของท่านคณบดีครับ แต่ก่อนจะกำจัดต้องทำลายเสียก่อน ด้วยการใส่ร้ายป้ายสี แบ่งแยกแล้วปกครอง รวมทั้งให้ผลประโยชน์เฉพาะพวกตัวเองอย่างไม่รู้สึกขัดต่อคุณธรรมเลย ทั้งนี้เพราะท่านไม่มีคุณธรรมนั่นเองครับ
    แนวคิดว่าท่านคณบดี "ขาดจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์" นี้อธิบายพฤติกรรมการใช้อำนาจแบบขาดจริยธรรมของท่านได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเตะ นักศึกษาแพทย์ ตบหัวเลขา เอาช๊าร์จเหล็กทุบตีพยาบาล และที่เลวร้ายที่สุดในขณะนี้คือการกำจัดคนออกจากงานครับ แล้วลองจินตนการดูว่า ความเลวร้ายอะไรจะเกิดขึ้นกับองค์กรแห่งนี้ต่อไปอีกในเมื่อผู้นำขาดจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์เช่นนี้ครับ
     ที่ผมพูดมานี้ มีข้อสนับสนุนอีกประการครับ คือเมื่อเดือนมีนาคมก่อน ผมได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากร ในงาน HA forum ครับ และได้มีโอกาสเข้าฟังการบรรยายที่มีท่านวิทยากรเป็นระดับรองคณบดีฝ่ายบริหารของโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ท่านเล่าว่า ตัวท่านเองเคยไปร่วมบรรยายกับท่านคณบดีของเรา ในเรื่องการขาดแคลนพยาบาล อะไรทำนองนี้ครับ และแล้วเมื่อถึงเวลา ท่านคณบดีของเราก็บรรยายโดยการฉายภาพ "หุ่นยนต์พยาบาล" ขึ้นบนจอ และ แสดงความเห็นที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่งแก่ชาวคณะแพทย์ของเราว่า "ถ้าพยาบาลยังขาดแคลนมากนัก  ต่อไปก็จะใช้หุ่นยนตร์พยาบาลแทนแล้ว" และแสดงความเห็นทำนองว่าพยาบาลต้องปรับตัวให้มากกว่านี้ ท่านวิทยากรอีกท่านจึงบรรยายต่อไปว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี ขอให้หุ่นยนต์ดูแลคนป่วยได้เหมือนพยาบาลที่เป็นคนจริงๆให้ได้เถอะ" อะไรทำนองนี้  พี่น้องฟังแล้วรู้สึกอย่างไรครับ  สำหรับผมฟังแล้วทั้งอับอายทั้งกลัวจนเสียววาบถึงสันหลังครับ คุณพยาบาลทุกท่านต้องกังวลให้มากว่าท่านจะแก้ไขอย่างไรถ้าท่านคณบดี ปฏิบัติต่อพวกท่านเหมือน ปฏิบัติกับ"หุ่นยนตร์พยาบาล" ครับ
     เท่านี้ก่อนนะครับ สำหรับ "จิตใจที่ไร้ความมีมนุษยธรรม" และ "มองคนเป็นวัตถุ" ของท่านคณบดี
    ผมยืนยันได้ว่า ผมไม่อยากเขียนเรื่องทำนองนี้เลย แต่เป็นเพราะธรรมะจัดสรรครับเนื่องจากท่านคณบดีพยายามถ่วงเวลาของการประชุมกรรมการคณะ และบังเอิญผมกะเวลาผิดนึกว่าจะประชุมเรื่องเกลี่ยงานกันในสัปดาห์ก่อน จึงปล่อยมุขในกระดานข่าวไปหมดแล้วครับ ที่เขียนอยู่นี้เป็นอาการหมดมุขครับ จึงต้องเขียนเรื่องจริงของท่านคณบดีแทน
      ขอความกรุณาพี่น้องที่รักช่วยพวกเรากรรมการคณะในการฝ่าวิกฤตมนุษยธรรมครั้งนี้ด้วยครับ
      คารวะในจิตใจแห่งมนุษยธรรมของทุกท่านครับ
                      อานนท์ วิทยานนท์
     

     
     







Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-04 , Time : 23:08:35 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 57


   
                                         พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน
  หลายคนถามผมว่า  เจ้าหน้าที่บางคนก็สมควรโดนออกจากงานเพราะไม่ทำงาน ผมตอบว่าถ้าเป็นการประเมินตามปกติเช่นนั้น ผมจะไม่ไปยุ่งเกี่ยว แต่นี่เป็นการเกลี่ยงานตามนโยบายของท่านคณบดีคนเดียว เจ้าหน้าที่ไม่มีความบกพร่องใดๆ ดังนั้นจึงควรเกลี่ยอย่างมีคุณธรรมตามที่ท่านคณบดีได้ประกาศมาภายหลัง และถ้าองค์กรแห่งนี้ยังปล่อยให้ท่านคณบดีเกลี่ยงานโดยลำพังและโดย"ไร้หัวใจความเป็นมนุษย์" เช่นนี้ อนาคตของทุกท่านก็จะเป็นดังเช่น เจ้าหน้าที่ศูนย์คุณภาพตามข้อมูลข้างล่างนี้ครับ  และเป็นเช่นเดียวกับที่ ศูนย์วิจัยมะเร็ง หน่วย รปภ. หน่วยซักรีดและอีกหลายหน่วยงานกำลังเผชิญอยู่ครับ แม้แ่ตอาจารย์แพทย์ก็คงหนีไม่พ้นความเดือดร้อน เพราะเวลาท่านคณบดีคิดพัฒนางาน ท่านจะมีแนวคิดเหมือนการจัดการกับวัตถุครับ ไม่ใช่การพัฒนาคน
  สิ่งที่ผมเรียกร้อง ก็เพื่อหาหลักประกันให้พี่น้องทุกท่านได้ทำงานอย่างมีความสุขเหมือนเช่นเคย และป้องกันเหตุเลวร้าย ท่ีเห็นเป็นตัวอย่างข้างล่างนี้แล้วครับ                


                                      ข้อมูลของศูนย์คุณภาพ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์

      เดิมมีเจ้าหน้าที่ 9 คน เพื่อดูข้อมูลด้านคุณภาพด้านการรักษาพยาบาล โดยมีคุณพยาบาลท่านหนึ่ง เป็นหัวหน้าหน่วยงาน  
      เมื่อมีการเปลี่ยนผู้บริหาร ได้มีคำสั่งให้มีการเขียนภาระงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคน เมื่อ 2 กค 2555 หลังจากส่งภาระงานแล้ว มีการยุบผู้รับผิดชอบงานให้มีผู้รับผิดชอบงานเพียงคนเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่างานที่ทำมีความยุ่งยากและซับซ้อนเกินกว่าจะมีผู้รับผิดชอบเพียงคนเดียว ในที่สุดคณบดีก็ส่งผู้รับผิดชอบและงานการเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าให้มีเจ้าหน้าที่เหลืออยู่เพียง 3 คน ก็พอแล้ว ที่เหลือ 6 คนให้ไปหางานที่เหมาะสมทำในหน่วยงานที่เขาต้องการ หลังจากนั้นก็มีการลาออกของเจ้าหน้าที่ 5 คน และย้ายงาน 1 คน
    เจ้าหน้าที่ ที่ลาออก  5 คน
คนที่ 1 เดิมเคยเตรียมลาออกปลายปีเพื่อไปศึกษาต่อ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ จึงลาออกปลายเดือนกรกฎาคม 2555
คนที่ 2 ลาออกเพราะรู้สึกกดดันมากจากผู้บริหารใหม่ การเสนองานต้องมีการแก้ไข 6-7 รอบจึงจะผ่านได้ จึงได้ลาออกเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2555
คนที่ 3 ได้ไปติดต่อหน่วยส่งเสริมงานวิจัย เริ่มแรกเหมือนจะรับ แต่ต่อมาตอบปฏิเสธ จึงลาออกไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2555
คนที่ 4 ไปสมัครที่งานแพทยศาสตร์แต่ไม่ได้รับการเปลี่ยนตำแหน่ง จึงลาออกปลายเดือนกันยายน 2555
คนที่ 5 ลาออกปลายเดือนกันยายน 2555 เพราะไปสมัครที่หน่วยงานใดก็ไม่ได้ จึงลาออกไปทำงานธนาคาร
สำหรับผู้ที่เปลี่ยนงาน 1 คน – ได้สมัครและย้ายมาอยู่ที่ภาค ENT เพราะได้รับแจ้งว่าศูนย์คุณภาพไม่ต้องการตำแหน่งพยาบาล

                                                  เชื่อมั่นในอนาคตที่ดีของมนุษยชาติ
                                                             อานนท์ วิทยานนท์


Send from my iPad


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-06 , Time : 13:18:17 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 58


   
                                 ข้อมูลจากหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ลาออกไปแล้วครับ

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก
           บางคนบอกผมว่าท่านคณบดีขึ้นมามีอำนาจก็ต้องทำงานของท่าน  ท่านอาจมีวิสัยทัศน์บางอย่างอยู่จริงและต้องการเปลี่ยนแปลงคณะแพทยศาสตร์ให้เข้าสู่ความยิ่งใหญ่นั้น ท่านก็ต้องทำงานของท่าน  แต่หนทางที่จะก้าวเดินนั้นต้องสร้างสรรครับ เปรียบเหมือนเรายังเป็นคนจนอยู่แต่เราอยากรวย นี่ย่อมเรียกว่ามีความใฝ่ดี แต่ถ้าใช้วิธีการสร้างฐานะด้วยการทุจริตโกงกินไม่คำนึงถึงจริยธรรมนี่ย่อมเรียกว่าคนชั่วแน่นอนครับ เช่นเดียวกับท่านคณบดี ที่ท่านจัดการคนในคณะแพทยศาสตร์ ด้วยความไม่สนใจในจริยธรรมและคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ต้องการแต่ผลงานเพียงอย่างเดียวจะเรียกท่านว่าเป็นผุู้นำแบบไหนดีครับ ซึ่งคงต่างจากผู้นำที่ประสบความสำเร็จจริงๆที่ต้องเดินบนหนทางแห่งมนุษย์ธรรมและความชาญฉลาดที่มากกว่าท่านผู้นำของเราหลายเท่าครับ  และตอนนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ที่ท่านกดขี่และเรียกร้องให้พวกเราเสียสละอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ขององค์กรแต่อย่างใด แต่เพื่อสิ่งใดแน่นั้น เราจะได้เห็นกันต่อไปครับ 
        ข้อมูลข้างล่างนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ของการเกลี่ยงานแบบไร้มนุษยธรรม ที่หน่วย รปภ.ของเราต้องประสบจนถึงกับผู้ให้ข้อมูลท่านนี้ต้องลาออกเพื่อช่วยเพื่อนร่วมงาน โดยท่านคณบดีมีเป้าหมายจะลดยามลง เพื่อจ้างการจัดระบบรวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใหม่จากบริษัทภายนอกครับ  
       
                                           ข้อมูลหน่วยรักษาความปลอดภัย
       "ก่อนอื่นผมนับถือความเสียสละที่อาจารย์แพทย์และแถมเป้นหัวหน้าภาควิชาด้วย ที่เห็นความเดือดร้อนของพนักเงินรายได้คณะแพทย์ ซึ่งเป็นเฟื่องตัวเล็กๆในองค์กรที่ทีมบริหารชุดปัจจุบันไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา ผมซึ่งเป็นคนถูกผลกระทบเต็มๆจากนโยบายไร้ซึ่งธรรมาภิบาล ผมเป็นคนหนึ่งอยู่ในหน่วยรักษาความปลอดภัย(ยาม)ที่ลาออกไปแล้วครับ เข้าเรื่องเลยน่ะครับ การที่มีการไกล่เกลี่ยยามไปอยู่หน่วยอื่น อาจารย์รู้มั้ยครับไม่มีใครเต็มใจไปเลย แต่ทางหน่วยบอกว่าให้พวกเขาไปช่วยงานก่อนเพื่อช่วยหน่วยงานที่โดนเล่นงานหนัก ซึ่งมีการแจ้งมาว่าทีมบริหารต้องการให้ยามเหลือ 70 คนจาก 96 คน รู้มาว่าคำสั่งดังกล่าวไม่มีหนังสือมาแม้แต่น้อย แต่เป็นการตกลงทางวาจา   หน่วยยามโดนมากว่าเพื่อนเพราะเขาเห็นว่าพวกผมมีมากเกินความต้องการและมากเกินงบประมาณของคณะ พอผมได้รู้ ผมตั้งคำถามขึ้นมาทันทีว่า 26 คนที่เหลือล่ะเขาไปไหนและใครจะไปก่อนและเอาอะไรมาประเมินเอาคนไปอยู่หน่วยงานอื่น ที่ผมพูดแบบนี้คือว่า 6 คนแรกต้องไปสนามครับ (งานที่ต้องทำคือ เก็บผักต๊อบ ทางสีทางม้าลาย ขาว-แดง งานทั้วไปแล้วแต่สั่ง ) ไม่ใช่ว่าจะเกี่ยงงานหนักแต่ทุกที่ทำงานย่อมไม่มีความยุติธรรมในการเลือกคนไป ( โดยเฉพาะหน่วยงานผมแต่ไม่ได้หมายความว่าหัวหน้าไม่ดีน่ะแต่อาจจะถูกบีบมา ) รายชื่อ6คนแรกออกมาว่าต้องไป มีการทักทวงเกิดการแตกแยกและทำให้เกิดผลกระทบกับชีวิตครอบครัวทันที ที่ใช้คำนี้เพราะยามบางคนเขาเข้าเวรดึกหรือบ่ายตอนเช้าเขาก็ทำงานอื่นด้วย ผู้ที่เข้าเวรเช้ากลางคืนเขาก็ไปกีดยางของตัวเองบางของคนอื่นบ้าง พอเสร็จแล้วเขามาเข้าเวรทำงานต่อเพื่อหารายได้มาจุนเจื่อ ทำให้มี 2 คนที่ถูกเลือกลาออกทั้งๆที่เขาไม่อยากจะออกจากที่นี้เลย ที่นี้ให้อะไรเขามากมายร่วมทั้งครอบครัว และต่อมามีคนออกอีก5คน รวมทั้งผมด้วยเพราะผมมีภาระหนี้้สินน้อยยอมเสียสละให้เพื่อนครับ ดูสิครับสิ่งที่พวกผมโดนยังๆมีอีก พอมีข่าวหนักเข้าๆ พวกที่ต้องดิ้นรนต้องการอยู่ที่องค์กรนี้เพราะเขามีหนี้สินที่ต้องจ่ายของสอ.มอ.ที่เขากู้มาสร้างครอบครัวเขา พวกเขาก็แห่หันไปสมัครพนักงานเปลไว้ ทั้งๆที่ยังไม่เปิดรับสมัครกว่า 16 คนที่ยื่นใบสมัครไว้ที่งานการเจ้าหน้าที่ ทำไมต้องไปสมัครพนักงานเปลเพราะเนื้องานไม่ต้องไปปรับอะไรมากมายครับ แต่ใบสมัครย้ายหน่วยเหล่านั้นฝ่ายงานการเจ้าหน้าที่ได้นำไปให้หน่วยงานอื่นเลือกคนไปอยู่หน่วยงานที่ขอคนทดแทนหรือเพิ่ม  ( คำว่า เพิ่มคงยาก ) ส่วนมากจะเป็นพนักงานปฏิบัติงานทั่วไป 2 ตำแหน่ง ไม่ก็ตำแหน่งยามแต่เป็นของกิจการนศพ. 2 ตำแหน่ง ในความคิดผมมันดีกว่าอย่างไร ตามคำชี้แจงของคณบดี แล้วอีกอย่างหนึ่งถ้าย้ายทางคณะจะให้เงินเดือนเพิ่มอีก 5% ของเงินเดือนเดิม แต่ไม่แน่ใจว่าได้จริงป่าว  นี้หรือเรียกว่าไปด้วยความสมัครใจ อาจาย์อานนท์ครับตกลงเราเอาใครมาบริหาร ฟรานซิส เหรอ หรือ อิสเลอ หรือเราอยู่สมัยจอมพล ป.พิบูลย์ ดีน่ะที่คณบดีท่านนี้ไม่สั่งยิงเป้าเอา........ขอให้อาจารย์สู้ๆและให้ได้ธรรมาภิบาลมาสู่องค์กรเรา แต่อาจารย์เชื่อเถอะครับ คนเราทำดี  แม้จะเกษียณไปแล้วความดีคุณมีอยู่ อดีตลูกน้องเดินผ่านเขาก็ยกมือไหว้กับคุณงามความดีที่คุณทำ แต่กลับกันคุณคิดไม่ดีทำไม่ดีอีก ใครมันจะยกมือไหว้ วันนั้นแหละท่านจะรู้ว่าท่านทำอะไรไปบ้างก่อนเกษียณ "

          ขอบคุณท่านผู้เสียสละของพี่น้องเรามากครับ ความเสียสละของท่านจะจารึกอยู่ในความทรงจำของทุกคนในองค์กรนี้ตลอดไป ตรงข้ามกับคนบางคนที่ภายในอีกสามปีข้างหน้าก็จะกลายเป็นตาแก่ไร้ความหมายที่อาจไม่กล้าเผชิญหน้ากับใครๆในองค์กรแห่งนี้ได้อีกครับ
                                      ศรัทธาและเชื่อมั่นในมนุษยธรรม
                                              อานนท์ วิทยานนท์
          


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-08 , Time : 19:50:56 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 59


                                          คำอธิบายจากคณบดีในวันที่7 เมษายน

พี่น้องครับ อ่านคำอธิบายจากคณบดีที่มีในวันที่ 7 เมษายน เกี่ยวกับการเกลี่ยงานแล้ว รู้สึกอย่างไรครับ หลังจากรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นอันตรงข้ามกับคำพูดของท่าน  แล้วคิดว่าวันนี้ท่านคณบดีจะมีนโยบายเกี่ยวกับการเกลี่ยงานในอนาคตอย่างไรอีก
ถึงแม้คำอธิบายของท่านคณบดีนี้จะเป็นเรื่องไร้สาระะโป้ปดมดเท็จสำหรับเหตุการณ์ในอดีต 
แต่พวกเราจะไม่ยอมให้คำโกหกนี้กลายเป็นคำโกหกจริงๆสำหรับอนาคตของพวกเราด้วย
พวกเราจะพยายามทำให้ ท่านคณบดีต้องยอมทำตามสิ่งที่ท่านพูดให้ได้ครับ
จับตาดูกันว่าท่านคณบดี จะสามารถรักษาศักดิ์ศรีและรักษาคำสัตย์ของท่านไว้ได้หรือไม่
หรือจะยอมให้ โลภะ โทษะ และโมหะของท่านลากพาไป สู่ความหายนะของตัวท่านเองในที่สุดครับ

"คำอธิบายจากคณบดี. (7เมษายน 2556)
 
​​ตามที่มีกระแสการแพร่ข่าวให้สังคมคณะแพทย์ เกิดความเข้าใจสับสน จนเกิดความไม่ไว้วางใจในทิศทางการนำของคณะแพทย์
​​ผมขอชี้แจงประเด็นสาระสำคัญ ที่อาจทำให้คนของเราที่ทำงานอยู่หน้างาน ที่ผมไม่มีโอกาสได้ชี้แจงโดยตรง ได้รับทราบในข้อสงสัยสาระสำคัญ 
                                    
                                      " และเป็นการแสดงจุดยืน ดังนี้"

1. ข่าวแพร่ว่า คณบดีพยายามกดดันให้คนของเราลาออกจากคณะแพทย์
​​       ขอเรียนว่า ผมบริหารงานมาหลายตำแหน่ง ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ 
                  
                    " ไม่เคยมีความคิดจะกดดันให้ใครลาออกจากงานเลยแม้แต่คนเดียว"

 มีแต่จะสร้างเสริมรายได้ สร้างโอกาส สนับสนุนการศึกษาต่อ ...............................
....................................
2. การปรับเปลี่ยนหน้าที่งาน
      ขอเรียนว่า คณะฯจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้าที่งานตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานและงบประมาณที่ได้รับจากภายนอกที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น งานการจัดทำฐานข้อมูลตัวบ่งชี้ และข้อมูลของผู้ป่วยบางกลุ่มให้กับ สปสช. ซึ่งเมื่อโครงการของ สปสช.สิ้นสุด  งบประมาณจาก สปสช.ก็หมดไป พนักงานเหล่านี้ก็ไม่มีงบสนับสนุน ผมและทีมบริหารบุคคลก็ดูแลโดยการจัดหางานในตำแหน่งที่ใช้ฝีมือและวุฒิเดิมต่อเนื่อง ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่อเนื่อง แต่หน้าที่มั่นคงกว่า เช่น เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ของฝ่ายบุคลากร ฝ่ายวางแผน หรือเจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมงานวิจัย 
                            
                             " และการเปลี่ยนหน้าที่งานก็อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ "

สำหรับเจ้าหน้าที่รปภ. ซึ่งคณะกำลังดำเนินการจัดระบบความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมและทดแทน คณะก็เปิดโอกาสให้ รปภ.ที่วุฒิการศึกษาสูงกว่าได้โอนย้ายไปเป็นนายช่าง หรือ พขร. หรือไปรับตำแหน่งที่เท่าเทียมกันที่ขาดแคลนคนทำงานอยู่ โดยให้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากฐานเดิม หรือเพิ่มสูงขึ้นตามภาระงานและตำแหน่งงานใหม่ที่ใช้วุฒิการศึกษาสูงกว่า
                          
                             "ส่วนคนที่ยังพอใจทำงานอยู่ที่เดิม เราก็ให้คงสิทธินั้น ๆ ไว้"
                                    "ไม่เคยคิดจะให้ออกจากงานแม้แต่คนเดียว"

      เว้นแต่คนที่กำลังเกษียณอายุราชการไป กับทั้งกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพเพิ่ม เพื่อให้พนักงานมีคุณค่า สามารถปรับเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นไปอีกอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ สมรรถนะในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น (ครอบคลุม รปภ.และ พขร.)
     ......​........
3. ความสุขสบายระยะสั้นหรือความสุขความมั่นคงระยะยาวของทุกคน
     ............. 
4. ธรรมาภิบาลขององค์กร
     ............. 
​สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำไปแล้ว และจะทำต่อเนื่อง ก็เพื่อคนของเรา หวังเพียงให้คนของเราจะมีความมั่นคงในระยะยาว มีความผูกพันกับคณะแพทย์ ได้รับการตอบแทนที่ดี เพียงพอ และสูงขึ้น สามารถดำรงชีพ ดูแลครอบครัว ทั้งวันนี้และในอนาคต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความมั่นคงขององค์กร
​ในวาระนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่จะชี้แจงทำความเข้าใจแก่ทุก ๆ ท่าน เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจ 
                                              
                                           "ลดความหวั่นไหวจากข่าวลือ"

ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาคณะแพทย์ต่อไป
​ความจริงหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้จากการกระทำ ทั้งอดีตที่ผ่านมานับ 20 ปี ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้นี้

​รศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ
​คณบดี"


                                          เชื่อมั่นในความสัตย์และความจริงครับ
                                                      อานนท์ วิทยานนท์


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-10 , Time : 10:36:54 , From IP : 172.29.11.234


ความคิดเห็นที่ : 60


                                               ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม

                                           พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก
     วันนี้ในการประชุมกรรมการคณะนั้น ส่วนใหญ่ของท่านกรรมการคณะเห็นด้วยกับจุดยืนของพวกเราครับ
โดยให้มีมติว่า
     "ให้กรรมการคณะทุกท่านสามารถเปิดยื่นกระทู้ด่วนถามท่านคณบดีและฝ่ายบริหารได้ในทันทีโดย
       ไม่ต้องแจ้งวาระการประชุมล่วงหน้า โดยเฉพาะในปัญหาการบริหารงานบุคคลครับ"
โดยวิธีนี้พี่น้องทุกท่านสามารถร้องทุกข์และแจ้งหลักฐานผ่านกรรมการคณะทุกท่านได้เพื่อพวกเราจะได้เป็นปากเสียงให้ท่าน แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะเราจะปิดชื่อผู้แจ้งเป็นความลับครับ
       เปิดตัวในเบื้องต้น ถ้าพี่น้องท่านใด มีความทุกข์หรือคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเกลี่ยงานในครั้งนี้อีก โทรปรึกษาผมได้ที่ 0888292012 ครับ หรือที่ อีเมล์ของผมก็ได้ ทีมของพวกเราจะช่วยดูแลเรื่องความทุกข์เดือดร้อนของท่านให้ครับ
       สำหรับท่านที่ สงสัยว่าอย่างไรจึงเรียกว่าเป็นการเกลี่ยงานที่ไม่ยุติธรรม ก็ขอให้อ่านคำชี้แจงของท่านคณบดี
ที่ประกาศในวันที่. 7 เมษายน 2556 ที่อยู่บนกระดานข่าวแห่งเดียวกันนี้ครับ ซึ่งท่านคณบดีได้ประกาศจุดยืนของท่านไว้แล้วครับ และท่านคณบดีก็ยอมรับกลายๆในกรรมการคณะครับว่าจุดยืนของท่านยังไม่เปลี่ยนแปลงดังนั้นถ้าสิ่งที่พี่น้องได้รับไม่เป็นไปตามจุดยืนที่ท่านคณบดีประกาศไว้ ก็ขอให้ร้องทุกข์มาได้ครับอย่างที่เป็นความลับ
      อีกประการที่สำคัญมาก แม้ไม่ใช่เป็นมติกรรมการคณะ แต่เป็นหลักปฏิบัติปกติที่สำคัญคือถ้าท่านคณบดีมีคำสั่งให้เกลี่ยงานหรือลดจำนวนคนลงโดยถ้าเป็นการสั่งด้วยวาจาขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านรอคอยคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจึงค่อยปฏิบัติตามครับ  พร้อมกันนั้นกรุณาส่งคำสั่งลายลักษณ์อักษรที่พี่น้องได้รับให้ผมด้วย เพื่อจะสามารถนำมาดำเนินการทางกฎหมายแก่ผู้ออกคำสั่งได้ครับ ถ้าคำสั่งเหล่านั้นผิดกฎหมาย
     เท่านี้ก่อนนะครับสำหรับข่าวดีในวันนี้ แต่ผมคิดว่า การรวมใจรวมพลังของพวกเราในครั้งนี้ได้ส่งผลดีแก่ชีวิตของพวกเราตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะกระบวนการเกลี่ยงานโหดเหี้ยมไร้จริยธรรมที่ท่านคณบดีและพวกกระทำอยู่นั้นได้ยุติลงแล้วตั้งแต่พวกเราเริ่มรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหว สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นผลพวงเพื่อการกระชับแนวทางแต่ในทางตรงข้ามก็เป็นการหาหนทางแก้ตัวสร้างภาพของท่านผู้บริหารอีกครั้งหนึ่งเช่นกันครับ
      จดหมายฉบับต่อไปผมจะบรรยายให้พี่น้องเห็นถึง. "จุดเริ่มต้นแห่งความวิบัติของผู้บริหารที่ไร้คุณธรรม"
ให้สอดคล้องกับ "ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม" ฉบับนี้ครับ
                                 
                                 ทราบซึ้งในจิตใจแห่งความเป็นธรรมของพี่น้องทุกท่าน
                                                     นพ.อานนท์ วิทยานนท์
       


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-10 , Time : 21:57:50 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 61




    องค์กรของคุณมี ผู้นำที่เลวร้าย(Bad Leadership) หรือไม่ครับ ผู้นำที่เลวร้าย เป็นเช่นใด



ผู้นำที่เลวร้าย

Bad Leadership



1. คำนิยาม (Definition)

***ผู้นำที่เลวร้าย (Bad Leadership) คือ ผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพ (ineffective) ในการบริหารงานและขาดจริยธรรมศิลธรรม (Unethical) ไม่มีธรรมาภิบาล( Good Governance)

ผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพ คือล้มเหลวในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งคาดหวังที่จะเป็น

***ผู้นำที่ขาดศิลธรรม คือล้มเหลวในการแยกดีชั่วออกจากกัน (เห็นกงจักรเป็นดอกบัว) เห็นความชั่วเป็นความดี เห็นความดีเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ทำสิ่งโง่ เสียเปรียบ



2. ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องผู้นำที่เลวร้าย (Why)

- เพื่อเตือนให้ผู้นำที่เลวร้ายล้มเลิกในการนำไปสู่ทางที่ผิด

- เพื่อสอนให้ผู้นำสอนกันเองแบบผิดๆ และมีทายาทลูกศิษย์ดำเนินการต่อ

- เพื่อให้สังคมอยู่ในภายใต้ผู้นำที่ดีอันนำไปสู่สังคมร่มเย็นเป็นสุข



3. ความเลวร้าย 7 อย่าง (Keller man , S Typology)

การจำแนกผู้นำเลวร้าย 7 อย่าง แบ่งเป็นไร้ประสิทธิภาพ 3 และขาดศิลธรรม 4 รวมเป็น 7 ดังนี้

กลุ่มไร้ประสิทธิภาพมี

1. ไร้ความสามารถ (Incompetent) คือ ขาดทักษะในการรักษาสิ่งดีๆ ให้ยั่งยืน หรือดีขึ้นเรื่อยๆ

2. แข็งกร้าว (Rigid) คือ แข็งแบบยอมหักไม่ยอมงอ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมๆ ของตัวเอง ทั้งข้อมูลและยากที่จะทำสิ่งใหม่ๆ ให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

3. อารมณ์เสียบ่อย (Intemperate) คือ ขาดการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง (หากโมโหง่าย ก็ไร้เหตุผลในการตัดสินใจ) ชอบตบหัว หยิก ตี เตะ ถีบ ด่าทอ ผู้ที่ด้อยกว่าหรือผู้ใต้บังคับบัญชา

4. ใจดำ (Callous) คือ ขาดความเมตตากรุณาปราณี ใจดำ (ไม่ช่วย)

5. ทุจริต (Corrupt) คือ เน้นแต่ผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องพรรคพวกมองส่วนรวมน้อยหรือเอาแค่บังหน้าหรือแค่หาเสียงชอบโกหกหลอกลวงและฉ้อโกงเพื่อให้ได้ประโยช์ในทางประพฤติมิชอบ

6. เห็นแก่ตัว (Insular) คือ เห็นแก่ตัว ไม่สนใจ สิทธิภาพ เสรีภาพ สวัสดิการของคนกลุ่มอื่นหรือส่วนรวม (เห็นแก่ตัวอาจไม่ทุจริตก็ได้)

7. โหดร้าย (Evil) คือ ชอบเบียดเบียนคนอื่นทำสิ่งชั่วร้ายได้อย่างเห็นเป็นปกติธรรมดา อาจสั่งให้ฆ่าคนได้ ทำช่วยบ้านเมืองของอีกฝ่ายได้ (ซ้ำเติม กดขี่)



4. ผู้นำที่ไร้ความสามารถ (Incompetent Leadership)

- ไร้ความสามารถนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่มิติที่ดีๆ ได้

- มี 3 ประเภท คือ

1) ทำตัวลอยเหนือปัญหา (Floater) ไม่สนใจแก้ปัญหามองปัญหาไม่เป็นปัญหา มองปัญหาเป็นเรื่องของคนอื่น

2) เป็นคนชอบขุ่นเคืองใจ (Resentful man) มองอะไรๆ ก็ไม่พอใจบ่นออกมาแต่แก้ปัญหาไม่ได้

3) หลงตัวเอง (narcissist) บูชาตัวเองว่าดีที่สุดเก่งที่สุดคนอื่นแย่ขาดการให้คนอื่นมีส่วนร่วม



5. ผู้นำที่แข็งกร้าว (Rigid leadership)

- ผู้นำและผู้ตามบางส่วนที่แข็งกร้าวไม่ยอมคนแม้ว่าเขาจะเป็นคนมีความสามารถแต่ก็ไม่สามารถ แต่ก็ไม่สามารถปรับไปสู่ความคิดใหม่ๆ ได้รวมถึงข้อมองใหม่ๆ เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนความคิด

2) มองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด

3) อารมณ์เสีย

4) มีอัตตาสูง (เอาตัวเองเป็นหลัก)

5) ยอมให้กฎงอได้ (หากกฎตัวเองแข็งกว่า)



6. ผู้นำเจ้าอารมณ์ (Intemperate Leadership)

- ขาดการความคุมอารมณ์ตัวเอง

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ควบคุมตัณหา (Passion) มีโลภ โกรธ หลงไม่ค่อยได้ มีขี้โกรธ คลั่งไคร้หลงไหลบางอย่าง สนุกสุขสุดโต่ง

2) ใช้เวลาและทรัพยากรอย่างไร้สาระ

3) มีผู้ตามที่ไร้ความคิด (Foolish Followers)



7. ผู้นำใจดำ (Callous Leadership1)

- ผู้นำที่ขาดความเมตตากรุณาปราณี ไม่สนใจความต้องการของคนอื่นที่เป็นผู้ตาม กลุ่มหรือองค์กร

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ไม่ให้เกียรติผู้ตาม

2) ไม่ยืดหยุ่น (Inflexible) ขาดความเห็นอก เห็นใจ (Empathy)

3) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยความโลภ (greed) และอัตตา (Ego)

4) หลงตัวเอง

5) เก่งงานแต่ไม่เก่งคน (เข่นงาน โดยการเข่นคน)



8. ผู้นำทุจริต (Corrupt leadership)

- มีผู้นำและผู้ตามบางส่วนที่ชอบโกหก หลอกลวง ขโมย โกง เกินกว่าที่สังคมยอมรับ สนใจประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ส่วนร่วม

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยความโลภ ละโมบ อยากได้คนชมเชยยกย่อง (หาเสียง)

2) หาประโยชน์ใส่พรรคพวกเพื่อนฝูงและครอบครัวตัวเอง

3) หลงตัวเอง (Narcissistic)

4) อยากเป็นใหญ่มักใหญ่ใฝ่สูง

5) มีผู้ตามที่มักมาก ยกเว้น กลุ่มภายใน



9. ผู้นำเห็นแก่ตัว (Insular leadership)

- ไม่สนใจผลประโยชน์ คนนอกกลุ่ม ภายในกลุ่มที่ตนเองบริหารรับผิดชอบอยู่

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) เห็นแก่ตัว (Selfish) และเอาแต่ใจตัวเอง (Self-righteous)

2) มองมนุษย์แบบจับผิด (Discriminatory View)

3) ขาดผู้ตามที่เกี่ยวข้อง

4) มีผู้ตามแบบชาตินิยม (Nationalistic) รักชาติ (Patriotic) จนลืมนึกถึงเหตุผลความถูกต้อง



10. ผู้นำที่โหดร้าย (Evil leadership)

- เป็นผู้นำและผู้ตามจำนวนหนึ่งที่ที่โหดเหี่ยวมทารุณโหดร้าย (brutal) พวกเขาใช้ความปวดร้าว เจ็บปวด เจ็บแสบร้าวหัวใจเป็นเครื่องมือนำไปสู่อำนาจ ทำให้เกิดเบียดเบียนทั้งทางกายและจิตใจ

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ขาดการควบคุมตัวเอง

2) มีความสามารถพิเศษ (Charismatic) แบบสุดๆ และหลงตัวเองแบบสุดๆ

3) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยความละโมบ

4) มีผู้ตามที่มีความโหดร้ายและความหวานกลัว (fearful) คละเคล้ากัน

5) ผู้ตามเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลง



11. กฎของผู้ตาม (Role of followers)

- หากไม่มีผู้ตามที่เป็นแบบนั้น ผู้นำจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้นำที่ดี (good leader) และผู้นำที่เลวร้าย (bad leader) เพราะผู้นำทำงานผ่านลูกน้องที่เป็นผู้ตาม

- ผู้นำและผู้ตามนั้นมีส่วนร่วมรับผิดชอบในเรื่องผู้นำที่เลวร้าย



12. การปรับปรุงตัวของผู้นำไปสู่ผู้นำที่ดีงาม (Strengthen to be good leader)

ผู้นำที่มีจดอ่อนสามารถปรับปรุงตัวเองได้ให้เป็นผู้นำที่ดีงามได้ ดังนี้

1) จะถูกกำหนดด้วยเวลาที่ครองอำนาจ ( tenure) หากมีเวลาพอก็จะปรับปรุงตัวได้

2) กระจายอำนาจ (Share power) อย่าใช้อำนาจคนเดียว

3) อย่าเชื่อตัวเองมากนักฟังคนอื่นบ้าง

4) จงค้นหาความจริงและรักษาสัจจะ (real)

5) ชดเชยบางอย่างสำหรับจุดอ่อนตัวเอง

6) จงปรับตัวให้สมดุลพอดีพอประมาณ (balance)

7) จดจำภารกิจตัวเองให้ดีว่ามีแค่ไหนต้องทำอะไรบ้าง

8) ทำร่างกายและจิตใจให้มีสุขภาพดี

9) พัฒนาตัวเองโดยให้ระบบพัฒนาบุคคล

10) จงมีความคิดสร้างสรรค์

11) จงเข้าใจและควบคุมความอยาก (appetites) ของตัวเองไม่ให้น่าเกลียด

12) จงฟังเสียงสะท้อนกลับ (Reflective) โดยฟังความรู้สึกนึกคิดของคนรอบข้าง

ที่มา Barbara Kellerman



13. บทสรุปส่งท้าย

การศึกษาผู้นำที่เลวร้าวนั้นสำหรับผู้นำก็เอาไว้พิจารณาตัวเองว่าตนเองเป็นผู้นำที่ดีหรือเลวและจะยังคงความเลวร้ายต่อไป โดยคิดว่าตนเองทำถูกต้องแล้วหรือจะปรับตัวใหม่ให้เป็นผู้นำที่ดี

สำหรับผู้ตามก็เช่นกัน ท่านกำลังจะผลักดัน พยุงให้ผู้นำเป็นคนแย่เล้วร้าย โดยการยุแหย่หรือตอบสนองช่วยกันทำความไม่ดีโดยเห็นแก่ความโลภ ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวมหรือจะมาทำเพื่อส่วนรวมจะมาปรับปรุงตัวเองหรือจะช่วยกันเตือนผู้นำแบบไหนดี

สำหรับบุคคลทั่วไปก็จะเป็นแนวในการคัดเลือกลงคะแนนเลือกตั้งผู้นำแบบไหนดีไม่หลงผิดไปกับผู้นำที่เลวว่าเป็นผู้นำที่ดีและผู้นำที่ดีเป็นผู้นำที่เลว

ผู้นำไม่มีทางเดินต่อไปได้หากขาดเสียงสนับสนุนจากลูกน้องคนได้การปกครองหรือประชาชนส่วนใหญ่ การควบคุมอำนาจด้วยปลายกระบอกปืน ไม่จีรับ พอเสื่อมอำนาจก็จะมีกลุ่มคนมาปฎิวัติยึดอำนาจกลับคืนมาให้ประชาชนการใช้บารมีย่อมจะยั่งยืนกว่า ผู้นำที่ดีต้องใช้บารมีมากกว่าใช้อำนาจจึงจะยั่งยืน





บริหารเชิงผลิภูมิปัญญา
Management by Budding Wisdom


สมหวัง วิทยาปัญญานนท์


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-11 , Time : 15:54:05 , From IP : 49.231.118.173


ความคิดเห็นที่ : 62


                                             กลไกที่เชื่อถือได้สำหรับคณบดีท่านนี้

     หลายคนถามผมว่า แค่ให้มีการเสนอญัตติด่วนในกรรมการคณะ ก็สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากท่านคณบดีได้แล้วหรือ ผมขอให้ดูการประชุมเรื่องการเกลี่ยงานในวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างครับ ในวันนั้นแทนที่ท่านคณบดีจะหงุดหงิดอารมณ์เสียและวางอำนาจบาทใหญ่เหมือนเช่นเคยท่านกลับเปลี่ยนท่าทีไปมาก กลายเป็นคนพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน พูดเสียงเบาๆสั่นๆแบบไม่ค่อยมั่นใจ ทำท่าทางเหมือนกับกรรมการคณะที่เคยเป็นลูกไล่ให้ท่านไล่ตำหนิไล่โจมตีนั้นกลับกลายเป็นผู้มีอำนาจขึ้นฉับพลัน เปรียบได้ว่าเหมือนกับกรรมการคณะกลายร่างเป็นผู้เยี่ยมสำรวจของHAไปฉันใดก็ฉันนั้นเลยครับ นี่เป็นผลจากการที่ท่านรู้สึกว่า"หน้าฉาก" ของท่านกำลังพังทลาย ท่านกำลังรู้สึกว่าท่านจะต้องกลายเป็นวัวสันหลังหวะครับ จึงต้องทำดีต่ออีกาทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งก่อน ดังนั้นสำหรับท่านคณบดีท่านนี้ กลไกแค่นี้ก็เพียงพอ ที่จะคุ้มครองให้พี่น้องทุกท่านมีความสุขกายสบายใจและรู้สึกปลอดภัยในการทำงานได้ครับ แต่คนที่จะรู้สึกไม่ปลอดภัยแทนที่ก็คือท่านคณบดีเองครับ เพราะเราได้ทำให้ "หลังฉาก" และ "หน้าฉาก" ของท่านสื่อถึงกันได้อย่างอัตโนมัติ ดังนั้นโดยวิธีการนี้เราได้ยกฐานะ ชีวิตการทำงานของพี่น้องที่เคยต้องทนทุกข์อยู่"หลังฉาก" ของท่านคณบดีนั้น มาไว้ที่"หน้าฉาก" แทนแล้วครับ ต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของท่านคณบดี ที่ต้องตกแต่ง"หน้าฉาก" ของท่านให้กลับมาสวยงามแบบหลอกตาอีกครั้งหนึ่ง  ก็ด้วยการเอาอกเอาใจพี่น้องที่อยู่หน้างานเพื่อแก้ภาพลักษณ์ของตัวเองต่อสังคมให้สมกับที่ได้พูดคุยเอาหน้าไว้ในกรรมการคณะนั่นไงครับ ที่สำคัญพี่น้องทุกท่านจำเป็นต้องจับตามองพฤติกรรมของท่านคณบดีแบบไม่ให้คลาดสายตาถ้าเห็นอะไรผิดปกติรีบแจ้งเข้าสู่กรรมการคณะและพวกผมในทันที เปรียบเหมือนอีกาที่จ้องไม่กระพริบพร้อมทุกขณะที่จะจิกกินตับไตไส้พุงของวัวสันหลังหวะ ซึ่งจะทำให้ท่านคณบดีต้องคอยกังวลปิดหลังตัวเองและไม่กล้าทำอะไรที่จะถูกโจมตีได้อีกครับ 
    ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ท่านคณบดีจะกลายเป็นวัวสันหลังหวะที่มีความประพฤติดีได้เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับ การที่พวกเราและพี่น้องทุกท่านทำหน้าที่ของอีกาได้เฉียบคมและดีเพียงใดเช่นกันครับ
                                         
                  คารวะและเชื่อมั่นในจิตใจที่ดีงามของพี่น้องที่จะต้องทำหน้าที่ของอีกาทุกท่านครับ  
                                                 อานนท์ วิทยานนท์
ปล.ต้องขออภัยทุกท่านด้วยที่ตอนนี้ยังคงต้องส่งข่าวทางเมล์อยู่ เป็นเพราะกระดานข่าวโพสต์ไม่ค่อยเข้าครับต้องพยายามหลายครั้งมาก


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-05-14 , Time : 12:40:28 , From IP : 172.29.11.70


ความคิดเห็นที่ : 63


                            สิ่งสำคัญคือการโกหกได้อย่างไม่รู้สึกละอายของท่านคณบดี

      หลักฐานสำคัญที่สุดในการประชุมกรรมการคณะแพทยศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็คือการแสดงหลักฐานว่ามีคนถูกออกจริงจากการเกลี่ยงานครับ  ผมนับจำนวนคนที่ต้องออกจากงานตามนโยบายของท่านคณบดีตั้งแต่ท่านเข้ามารับตำแหน่งจนถึงวันที่ 7 เมษายน 2556 มีจำนวน 13คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์คุณภาพ 5 คนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อีก 7คน  อาจนับรวมถึงคุณพยาบาลตาพิการ ที่ถึงแม้เป็นข้าราชการก็ยังไม่วายถูกโยนไปโยนมาอย่างโหดเหี้ยมจนต้องหนีไปรักษาตัวที่อื่น แทนที่จะรักษาตัวในโรงพยาบาลของเรา แม้ในตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกลับมารักษาตัวที่มอ.ครับ
     แต่ท่านคณบดีก็ยังมาเสนอคำชี้แจง ในช่วงเวลานั้นได้ว่า "ไม่เคยคิดจะให้ใครออกเลยแม้แต่คนเดียว" ในขณะที่ข้อมูลจากตัวเจ้าหน้าที่เอง และจากท่านอาจารย์แพทย์ผู้เคยดูแลศูนย์คุณภาพในช่วงนั้นยืนยันกับกรรมการคณะว่าได้มีคำสั่งที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรให้ลดคน  ข้อมูลต่อมาแสดงว่า มีการบีบบังคับต่างๆนานา พร้อมกับไม่เปิดตำแหน่งอื่นๆให้ย้ายหน่วยงานได้ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ทนไม่ได้ ต้องลาออกไปเองครับ ทุกท่านคงใช้จิตสำนึกธรรมดาๆคิดเอาเองก็ได้ว่า ถ้าไม่มีการบังคับแล้ว จะ มีคนมากถึง12คนเชียวหรือที่ปรารถนาจะลาออกจากคณะแพทยศาสตร์ ในช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงปีที่ผ่านมา ซึ่งใครๆในอดีตต่างก็แย่งชิงกันอยากเข้ามาทำงาน ที่คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนเหล่านั้นล้วนมีผลงานดีไม่มีความผิดทางวินัย และเป็นการลาออกแบบยกหน่วยครับ
     ถ้าพี่น้องอ่านจดหมายทั้งฉบับของท่านคณบดีด้วยใจเป็นธรรม จะพบว่าท่านชักชวนให้คนอ่านเชื่อว่า ไม่มีใครต้องออกจากงานในการเกลี่ยงานของท่าน และกล่าวหาว่าข้อมูลที่ผมนำเสนอต่อสังคมนั้นเป็น "ข่าวลือ" หรือพูดง่ายๆว่าผมโกหก และตอนท้ายท่านยังกล้า  ให้หลักประกันอีกว่า
"ความจริงหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้จากการกระทำ ทั้งอดีตที่ผ่านมานับ 20 ปี ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้นี้"
       แล้วความจริงเป็นเช่นไร พี่น้องก็คงเห็นตำตาตำใจอยู่ตอนนี้ครับ โดยเฉพาะท่านอาจารย์แพทย์ ที่ตอนแรกท่านคงยังไม่เชื่อว่าท่านคณบดีจะโกหกได้อย่างขาวเป็นดำและอย่างไร้ความละอายและไม่เกรงกลัวต่อปาปเช่นนี้ได้            ถึงเวลานี้ก็คงต้องยอมรับกับตัวเองว่าเรามีท่านคณบดีที่มีนิสัยเช่นนี้จริงๆครับ หลายคนคิดว่าคงมีเหตุผลอื่นๆเช่นคนเหล่านั้นทำงานไม่ดีจริงๆหรือคิดหาเหตุผลได้ต่างๆนานาที่จะเข้าข้างฝ่ายบริหาร แต่เหตุผลที่ท่านรองทรัพยากรมนุษย์บอกต่อกรรมการคณะในวันนั้น กลับเป็นว่า "ผมก็ไม่ทราบว่าทำไมเขาลาออก พอมารับงานเขาก็ลาออกกันหมด จริงๆแล้วผมอยากให้อยู่" นี่ถ้าไม่ใช่การโกหกแบบหน้าด้านที่สุดของผู้บริหารอีกครั้งหนึ่ง ก็อาจแสดงว่าท่านคณบดีแอบสั่งการลับหลังท่านรองทรัพยากรมนุษย์โดยท่านรองก็ไม่รู้ครับ แต่จากข้อมูลฝ่ายผู้ปฏิบัติงานกลับพบว่า ท่านรองท่านนี้เป็นผู้มีพฤติกรรมที่ไม่น้อยหน้ากว่าท่านคณบดีครับ
       แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถสรุปได้ว่า ท่านคณบดี  มีศักยภาพที่จะโกหกได้โดยไม่ละอายใจเลย
       ถ้าคิดต่อไปว่า แล้วเหตุผลที่ท่านลดคนนั้น ทำไปเพื่ออะไร 
       ทำด้วยความปราถนาดีต่อองค์กรเพื่อลดวิกฤติทางการเงินของคณะอย่างนั้นหรือ ปรากฎว่าในการประชุมกรรมการคณะวันเดียวกันนั้น ไม่มีข้อมูลใดที่แสดงว่ามีคนเกินงานหรือแสดงว่าฐานะทางการเงินของคณะแพทยศาสตร์กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติแต่อย่างใด แม้ว่าท่านผู้บริหารจะพยายามชี้แจงอ้อมๆให้เข้าใจเอาเองก็ตาม แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่แสดงถึง"ภาวะวิกฤติอย่างมาก" ที่ท่านคณบดีพยายามพาดพิงถึงบ่อยๆในการประชุมครั้งก่อนๆแม้แต่น้อยครับ  สรุปได้ว่าเป็นเพราะท่านผู้บริหารปรารถนาจะทำการเกลี่ยงานโดยเหตุผลส่วนตัวของท่านเองเท่านั้น
     เหตุผลอีกข้อที่อาจเป็นได้คือการที่ท่านทำเช่นนั้นเป็นเพราะมีจิตกรุณาปรารถนาจะดูแลผู้ป่วยให้ดีใช่หรือไม่ อันนี้ผมขอชี้ชวนให้พี่น้องดูให้ชัดว่า ความกรุณาที่จะมีต่อคนไข้นั้น มีต้นกำเนิดจากภายในจิตใจเช่นเดียวกันกับความกรุณาต่อเพื่อนมนุษย์และต่อผู้ร่วมงานด้วยหรือไม่ แล้วท่านคณบดีที่โหดเหี้ยมและไร้ความกรุณาต่อผู้ใต้บังคับบัญชาถึงขนาดเอาออกจากงานโดยไม่รู้สึกผิดปาปแม้แต่นิดเช่นนี้  จะมีความกรุณาอย่างแท้จริงต่อผู้ป่วยได้จริงหรือไม่ และอย่างไรกันแน่ครับ
       จากข้อมูลและพฤติกรรมในอดีตสะท้อนชัดว่า ท่านคณบดี ขาดความกรุณา
       ดังนั้นการที่ท่านพยายามลดคนก็คงเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวของท่านอีกเหมือนเดิมครับ
       บทสรุปที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่พี่น้องอาจยังมองไม่เห็นก็คือว่า
       สิ่งที่ท่านคณบดีทำลงไปนั้น ท่านเองรู้อยู่เต็มอกว่าผิดศีลธรรมแต่ท่านก็ยังทำ คิดว่าตนเองจะปิดความชั่วไว้ได้ด้วยอำนาจอธรรม 
        บางคนแก้ต่างให้ว่า "อันนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงไปหรือเปล่า ท่านอาจคิดว่าท่านทำถูกต้องก็ได้"  ผมขอชี้ให้เห็นว่าข้อคิดแบบนี้ยิ่งเลวกันไปใหญ่ครับแสดงว่าท่าน "มองคนเป็นวัตถุ" จริงๆ ท่านจึงไม่รู้ว่าท่านทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวเป็นทุกข์อย่างมากแค่ไหนแค่เพียงเพ่ือตอบสนองความอยากของท่านเอง
        แต่ที่ผมบอกว่าท่านรู้ว่าท่านทำผิดศีลธรรม ก็เพราะว่าเวลาท่านแก้ตัวในสิ่งที่ทำลงไปแล้วท่านกลับบอกว่า "ผมไม่ได้ทำ" แสดงว่าท่านรู้ว่าสิ่งท่ีท่านทำนั้นไม่ดี อันนี้เป็นข้อดีของท่านที่พอมีจิตสำนึกที่ดีอยู่บ้าง แต่ข้อเสียของท่านคือใช้จิตสำนึกนั้นในทางเลวครับ ใช้ไว้สำหรับโกหกและหลอกลวงคนอื่นให้เข้าใจผิดว่าท่านก็เป็นคนดีเท่านั้น
        แสดงว่าแม้ท่านจะรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่ท่านก็ไม่ได้เชื่อมั่นในความดีและยึดถือเป็นแนวทางของท่าน ในทางตรงข้ามท่านกลับพร้อมที่จะทำสิ่งไม่ดีถ้าท่านสามารถปกปิดสิ่งนั้นต่อสังคมได้ และการแก้ปัญหาขั้นต่อไปถ้าปกปิดต่อสังคมไม่ได้ คือการโกหกหน้าตายครับ 
         ถามว่าแล้วทำไมท่านกล้าโกหก ก็ตอบได้ว่าท่านคิดว่า"ฉากหน้า" ของท่านดี สังคมส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าท่านเป็นคนตรงข้ามกับภาพลักษณ์จำแลงที่ท่านเพียรสร้างไว้ชั่วชีวิตของท่านครับ และอีกประการหนึ่งคือท่านไม่มีความละอายใจต่อตนเอง อีกนัยหนึ่งคือจริยธรรมภายในใจของท่านไม่สามารถเตือนตัวท่านได้ครับ
        วันนี้เพื่อนผมมาจากกรุงเทพ มีความเห็นว่าเร่ืองความขัดแย้งของพวกเราไม่เห็นเป็นเรื่องเลย คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท่านคณบดีต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ดีกว่านั้นแน่ แต่พวกเราอยู่ในเหตุการณ์จริงที่ต่างตระหนักแน่แก่ใจว่าเราพยายามแล้วพยายามอีก ที่จะให้ท่านคณบดีบอกเหตุผลดีๆที่เป็นจริงแก่เราสักครั้ง เพื่อจิตใจของเราจะได้สงบสุขและเดินตามท่านได้อย่างมีศรัทธาอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยมี กลับพบแต่ความหลอกลวงและความไร้จริยธรรมที่เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆครับ
        สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่พวกผมจำต้องทำใจยอมรับ และต้องกำหนดแผนการแก้ปัญหาของพวกเรากันเองครับ
        พี่น้องทุกท่าน เมื่อรู้เท่าทันท่านคณบดี เช่นทุกวันนี้แล้ว ถ้านำพฤติกรรมของท่านมานึกตรึกตรองให้ดี จะมองเห็นได้ชัดว่า พวกเรามีหัวหน้าแบบไหน และจะต้องเผชิญกับอะไรในอนาคตครับ
         ยกตัวอย่างเช่น ถ้าท่านประกาศนโยบายว่า โรงพยาบาล. มอ.ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในระบบส่งต่อผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่ 
          ก็ต้องคิดว่า ท่านจะทำอย่างไร  คำตอบคือ ท่านคงใช้พวกเราให้ทำงานสนองตัญหาของท่านอย่างไร้ความปราณี เพราะท่านเป็นคนไร้เมตตาอยู่แล้วดังข้อสรุปข้างต้นครับ
          ถ้าเกิดความผิดพลาด ในงานที่มากมายจนเกินกำลังนั้น ท่านก็คงไม่ยอมรับว่าเกิดจากนโยบายที่ผิดพลาด ของท่านแต่จะโยนความผิดให้ผู้ปฏิบัติงานอย่างแน่นอน หรือไม่ก็โกหกว่า เป็นนโยบายของกรรมการคณะต่างหาก
          แล้วถ้าถามว่าท่านจะพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยให้กระทรวงสาธารณสุขไปทำไม ในเมื่องานหลักของเราก็มากมายจนทำไม่ค่อยไหวอยู่แล้ว  อีกทั้งกรรมการคณะเกือบทุกท่านก็เตือนคณบดีแล้ว ว่าให้ประสานงานแต่พอเหมาะสม เพื่อที่จะให้งานของเราและงานของกระทรวงสาธารณสุขประสบความสำเร็จไปด้วยกันทั้งคู่  แต่ดูเหมือนท่านคณบดีจะมุ่งมั่นมากในการประสานระบบเพื่อให้เกิดภาพใหญ่ครั้งนี้ครับ 
         คำตอบนั้นคงไม่ใช่เพราะว่าท่านคณบดีเมตตาต่อผู้ป่วย ปรารถนาให้ผู้ป่วยได้รับการบริการที่ดีแต่อย่างใด  และถ้าท่านตอบเช่นนี้ก็อาจสรุปได้อีกชั้นหนึ่งว่าท่านโกหกตามความถนัดของท่านอีกครั้งหนึ่งครับ  เพราะคนไร้เมตตาเช่นท่านคงไม่มีแรงจูงใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นมากจนยอมทำงานที่ยากลำบากได้แต่อย่างใดครับ
          ถ้าแรงจูงใจนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนรวมก็ต้องเป็นเรื่องส่วนตัวใช่ไหมครับพี่น้องที่รัก
          ถ้าท่านยังคิดไม่ออกว่าคือเรื่องอะไรก็ต้องกลับไปอ่านบทกลอน ที่อาจารย์จิตวัตกรุณาหามาลงไว้ในกระดานข่าวก่อนหน้านี้   เรื่อง"คนสร้างภาพ" ครับ
          พี่น้องจะเห็นชัดว่าท้ายที่สุดโรงพยาบาล มอ.ก็จะกลายเป็นบรรไดส่วนตัวให้ท่านคณบดีเหยียบก้าวเดินขึ้นที่สูงต่อไปในอีกสามปีข้างหน้า ส่วนพวกเราก็จะต้องคอยตามแก้ปัญหาและภาระที่เกิดจากความผูกพันธ์ที่ท่านคณบดีได้ประกาศแก่สังคมในการสร้างภาพความเป็นผู้นำผู้เสียสละเพื่อความสุขของส่วนรวมไปเรียบร้อยแล้วครับ
          ถ้าท่านพิจารณาให้ดี เกือบทุกๆโครงการของท่านคณบดีจะเป็นเช่นนี้ทั้งหมด คือชิงโกหกประกาศความยิ่งใหญ่ไปก่อน ทั้งๆที่ไม่ได้เตรียมแนวทางการทำงานให้สำฤทธิ์ผลจริงๆแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกิดexcellence center จำนวน33ศูนย์ ของคณะเรา การเน้นการเรียนการสอนแบบในศรรตวรรษที่21  รวมทั้งการพยายามทำตัวเป็นพี่ใหญ่เกินตัวในวงการสาธารณสุขภาคใต้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งหมดนี้ดูยิ่งใหญ่แต่ไม่มีการประเมินฐานะตัวเองเลยว่าทำได้แค่ไหน แทบทุกคนในกรรมการคณะเคยเตือนท่านคณบดีแล้ว แต่ท่านก็แผดเสียงข่มขู่จนห้องประชุมแทบแตกเพื่อที่จะให้กรรมการคณะยอมมีมติ เรื่อง medical hub ตามแนวคิดที่สับสนเปลี่ยนไปมาตามกระแสสังคมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวท่านเอง
          น่าเอน็จอนาถ กับอนาคตของท่านคณบดีและของพวกเราจริงๆครับ
          อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พี่น้องทุกท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าท่านคณบดีใช้อำนาจอย่างผิดจริยธรรมและปิดบังด้วยการทำให้พวกเรากลัวเมื่อไร ท่านจะได้รับความกลัวคืนสนองเป็นสองเท่าทันที และเรารับปากกับท่านคณบดีได้ว่าต่อแต่นี้ไป ไม่ว่าท่านจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรมและจริยธรรมอีก เรามีวิธีที่จะทำให้ "ดาบนั้นคืนสนอง"แก่ท่านคณบดีอย่างสมนำ้สมเนื้อเป็นจำนวนสองเท่าได้แน่นอนครับ
         ท้ายสุดฝากพี่น้องประเมินท่านคณบดีตามข้อเขียนเรื่อง "หัวหน้าที่เลวร้าย" ที่อาจารย์จิตวัตกรุณานำมาฝากในจดหมายฉบับก่อนหน้านี้  เมื่อได้ผลประเมินที่เป็นส่วนตัวของท่านเองแล้ว พี่น้องทุกท่านจะตัดสินใจทำอะไรเพื่อองค์กรของเราซึ่งหมายถึงตัวเราเองด้วย ก็ค่อยๆคิดกันนะครับ
                   
                                        เคารพในพิจารณญาณของทุกท่าน 
                                                  อานนท์ วิทยานนท์


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-16 , Time : 18:12:35 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 64




   “ผู้นำที่ดี” ที่แสนจะไม่ดีกับความรู้สึก(กระผม)อันแสนกระอักกระอ่วน

ขึ้นต้นมาหลายคนคงพอจะเดาได้ว่าที่กระผมจั่วหัวมานั้นคงไม่พ้นที่จะเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดการบริหารองค์กร ที่มีใครบางคนที่ขึ้นชื่อว่า “ผู้นำ” หรือ “ผู้บริหาร” หรือ “เจ้านาย” ก็สุดแล้วแต่จะเรียกขานกันไป คงเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ตัวเองได้เคยพานพบประสบเจอมากับความที่ไม่เข้าท่าเข้าทางของเหล่าบุคคลที่พวกเราได้ตั้งชื่อหรือขนานนามพวกเขาว่า “ผู้นำ” นั่นแหละ

อย่าเพิ่งเบื่อเสียก่อนล่ะครับ

ผมมีโอกาสพบเจอกับเรื่องที่เกิดกับตัวเองถึง 2 หน่วยงาน(หน่วยงานเล็ก และหน่วยงานใหญ่ ) ผ่านนโยบายที่งี่เง่าเต่าตุ่นของผู้นำหลาย ๆ ท่าน ซึ่งบางหน่วยเป็นบรรยากาศที่เลวร้ายเห็นแก่ตัว บ้าลุแก่อำนาจ ทะนงจนเกินเหตุ ปัดแข้งปัดขาชิงดีชิงเด่นเอาประโยชน์เข้าตนเอง ทำเพื่อตยเอง โดยลืมทิ้งหลักความเป็นจริงของชีวิตไว้เบื้องหลัง ไร้ซึ่งความเอื้ออาทร ซุบซิบพูดกันอยู่3-4 คน แล้วก็ดำเนินการ ทำงานโดยไม่มีแผนการ คิดเดี๋ยวนี้ทำเลยเดี๋ยวนั้น แล้วมันทำได้ไหมล่ะครับท่าน บางครั้งทำเป็นปิดหูปิดตาทิ้งผลพวงภาระให้ลูกน้องต้องแบกรับ


*********โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน และเป็นสถาบันที่ถือว่ามีชื่อแห่งหนึ่งของประเทศที่เกี่ยวข้องการการฝึกอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์ได้มีความรู้ความชำนาญในด้านวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจิตใจของมนุษย์ กลับไม่มุ่งเน้นการเรียนการสอนและการอบรมลูกศิษย์ แต่ไปมุ่งเน้นถึงประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวกเป็นหลัก*********


หากมองย้อนไปเราจะเห็นหรือเคยได้ยินว่า เมืองกรุงนั้นแก่งแย่งชิงดี ชิงเด่น เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน แต่ตรงกันข้ามประสบประการณ์ที่ตัวกระผมได้พบมาที่ต่างจังหวัดเอง ยิ่งร้ายกว่าเสือเข้าไปโน่นเสียอีก โดยเฉพาะหน่วยงานเล็ก แต่รู้สึกว่าท่านผู้นำจะใหญ่คับฟ้าเสียเหลือเกินครับ


เอาล่ะครับ บ่นมาเสียยืดยาว ก็ได้เวลาเข้าเรื่องเสียที เป็นเรื่องของผู้นำที่ดี ๆ จะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง มาดูกันดีกว่า

“ผู้นำ” คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มและสามารถนำกลุ่มปฏิบัติงานต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าผู้นำเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งประการหนึ่งต่อความสำเร็จขององค์กร เพราะผู้นำมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องวางแผนสั่งการดูแลและควบคุมให้บุคลากรในองค์กรปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เป็นที่สนใจว่า ผู้นำทำอย่างไรหรือมีวิธีการนำอย่างไร จึงจะทำให้ผู้ใต้บังครับบัญชาหรือผู้ตามเกิดความผูกพันกับงานแล้วทุ่มเทความสามรถและพยายามที่จะทำงานให้สำเร็จด้วยความเต็มใจ ในขณะที่มีผู้นำบางคนนอกจากจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เต็มใจที่จะทำงานแล้ว ยังเกลียดชังและพร้อมที่จะร่วมกันขับไล่ผู้นำให้พ้นจากหน่วยงานหรือองค์กร

เมื่อเห็นถึงความสำคัญของผู้นำแล้ว เราควรศึกษาถึงลักษณะหรือภาวะความเป็นผู้นำที่ดี เพื่อเป็นการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมหากมีโอกาสอันดีข้างหน้าเราจะได้เป็นผู้นำที่ดี และมีความภาคภูมิใจ ไม่ก่อเกิดปัญหาให้กระทบกระเทือนสองอันชาญฉลาดเล็ก ๆ ของเราอีกต่อไป

ผู้นำที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร ก็ว่ากันเป็นข้อ ๆ ไปนะครับ

1. ความรู้ การเป็นผู้นำนั้น ความรู้เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ความรู้ในที่นี้มิได้หมายถึงเฉพาะความรู้เกี่ยวกับงานในหน้าที่เท่านั้น หากแต่รวมถึงการใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมในด้านอื่น ๆ ด้วย

การจะเป็นผู้นำที่ดี จึงต้องเป็นผู้รอบรู้ ยิ่งรอบรู้มากเพียงใด ฐานะแห่งความเป็นผู้นำก็จะยิ่งมั่งคงมากขึ้นเพียงนั้น

2. ความริเริ่ม คือความสามรถที่จะปฏิบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใดในขอบเขตอำนาจหน้าที่ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องคอยคำสั่ง ความริเริ่มจะงอกงามได้ หัวหน้างานจะต้องมีความกระตือรือร้น คือมีจิตใจจดจ่องานดี มีความเอาใจใส่ต่อหน้าที่ มีพลังใจที่ต้องการความสำเร็จอยู่เบื้องหน้า

3. มีความกล้าหาญและความเด็ดขาด ผู้นำที่ดีจะต้องไม่กลัวอันตรายความยากลำบาก หรือความเจ็บปวดใด ๆ ทั้งทางกาย วาจา และใจ

ผู้นำที่มีความกล้าหาญ จะช่วยให้สามารถผจญต่องานต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ นอกจากควากล้าหาญแล้ว ความเด็ดขาดก็เป็นลักษณะอันหนึ่งที่จะต้องทำให้เกิดมีขึ้นในตัวของผู้นำเองต้องอยู่ในลักษณะของการ “กล้าได้กล้าเสีย” ด้วย

4. การมีมนุษยสัมพันธ์ ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักประสานความคิด ประสานประโยชน์สามารถร่วมกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษาได้ ผู้นำที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีจะช่วยให้ปัญหาใหญ่เป็นปัญหาเล็กได้

5. มีความยุติธรรมและซื่อสัตย์สุจริต ผู้นำที่ดีจะต้องอาศัยหลักของความถูกต้องหลักแห่งเหตุผลและความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองและผู้อื่น เป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยสั่งการหรือปฏิบัติงานด้วยจิตที่ปราศจากอคติ ปราศจากความลำเอียง ไม่เล่นพรรคเล่นพวก

6. มีความอดทน ความอดทน จะเป็นพลังอันหนึ่งที่จะผลักดันงานให้ไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างแท้จริง

7. มีความตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตูม ความตื่นตัว หมายถึง ความระมัดระวัง ความสุขุมรอบคอบ ความไม่ประมาท ไม่ยืดยาดขาดความกระฉับกระเฉง มีความฉับไวในการปฏิบัติงานทันต่อเหตุการณ์

ความตื่นตัวเป็นลักษณะที่แสดงออกทางกาย แต่การไม่ตื่นตูม เป็นพลังทางจิตที่จะหยุดคิดไตร่ตรองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รู้จักใช้ดุลยพินิจที่จะพิจารณาสิ่งต่าง ๆ หรือเหตุต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง พูดง่าย ๆ ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักควบคุมตัวเองนั่นเอง

8. มีความภักดี การเป็นผู้นำหรือหัวหน้าที่ดีนั้น จำเป็นต้องมีความจงรักภักดีต่อหมู่คณะ ต่อส่วนรวมและต่อองค์กร ความภักดีนี้ จะช่วยให้หัวหน้าได้รับความไว้วางใจ และปกป้องภัยอันตรายในทุกทิศได้เป็นอย่างดี

9. มีความสงบเสงี่ยมไม่ถือตัว ผู้นำที่ดีจะต้องไม่หยิ่งยโส ไม่จองหอง ไม่วางอำนาจ และไม่ภูมิใจในสิ่งที่ไร้เหตุผล ความสงบเสงี่ยมนี้ ถ้ามีอยู่ในหัวหน้างานคนใดแล้ว ก็จะทำให้ลูกน้องมีความนับถือ และให้ความร่วมมือเสมอ

เราจะเห็นถึงลักษณะคุณสมบัติของผู้นำที่ดีแล้วว่ามีความสำคัญ และจำเป็นอย่างไรที่เราจะต้องเตรียมตัวเตรียมการไว้ในอนาคต เพื่อจะได้เป็นผู้นำที่ดีของลูกน้องและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้วคุณล่ะปัจจุบันมีผู้นำที่เข้าเกณฑ์ที่กล่าวมากี่ข้อ


*****สำหรับผู้นำที่ผมได้พบเจอทั้ง 2 หน่วยงาน(หน่วยงานเล็ก และหน่วยงานใหญ่ ) คงสอบตก (ไม่ผ่านเกณฑ์แน่ ๆ) ล่ะครับท่าน*****


*********ดัดแปลงมาจากบทความ"“ผู้นำที่ดี” ที่แสนจะไม่ดีกับความรู้สึก(กระผม)อันกระอักกระอ่วน images.phuphan2003.multiply.multiplycontent.com/.../ผู้นำที่ดี.d.."*********

--------------------------------------------------------------------------------

*****ทีนี้ลองมาทบทวนดูหน่วยงานหรือองค์กรที่มี"ผู้นำที่แสนเลวร้าย(Bad Leadership)" สิว่าเป็นเช่นไร*****


***** แล้วเรามาดูว่าหน่วยงาน2หน่วยที่ผมจะกล่าวถึง มี"ผู้นำที่แสนเลวร้าย" หรือมี"ผู้นำที่แสนดีครับ"*****
--------------------------------------------------------------------------------

ผู้นำที่แสนเลวร้าย

Bad Leadership



1. คำนิยาม (Definition)

***ผู้นำที่แสนเลวร้าย (Bad Leadership) คือ ผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพ (ineffective) ในการบริหารงานและขาดจริยธรรมศิลธรรม (Unethical) ไม่มีธรรมาภิบาล( Good Governance)

ผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพ คือล้มเหลวในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งคาดหวังที่จะเป็น

***ผู้นำที่ขาดศิลธรรม คือล้มเหลวในการแยกดีชั่วออกจากกัน (เห็นกงจักรเป็นดอกบัว) เห็นความชั่วเป็นความดี เห็นความดีเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ทำสิ่งโง่ เสียเปรียบ



2. ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องผู้นำที่แสนเลวร้าย (Why)

- เพื่อเตือนให้ผู้นำที่แสนเลวร้าย ล้มเลิกในการนำไปสู่ทางที่ผิด

- เพื่อสอนให้ผู้นำสอนกันเองแบบผิดๆ และมีทายาทลูกศิษย์ดำเนินการต่อ?

- เพื่อให้สังคมอยู่ในภายใต้"ผู้นำที่ดี"อันนำไปสู่สังคมร่มเย็นเป็นสุข



3. ความเลวร้าย 7 อย่าง (Keller man , S Typology)

การจำแนกผู้นำเลวร้าย 7 อย่าง แบ่งเป็นไร้ประสิทธิภาพ 3 และขาดศิลธรรม 4 รวมเป็น 7 ดังนี้

กลุ่มไร้ประสิทธิภาพมี

1. ไร้ความสามารถ (Incompetent) คือ ขาดทักษะในการรักษาสิ่งดีๆ ให้ยั่งยืน หรือดีขึ้นเรื่อยๆ

2. แข็งกร้าว (Rigid) คือ แข็งแบบยอมหักไม่ยอมงอ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมๆ ของตัวเอง ทั้งข้อมูลและยากที่จะทำสิ่งใหม่ๆ ให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

3. อารมณ์เสียบ่อย (Intemperate) คือ ขาดการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง (หากโมโหง่าย ก็ไร้เหตุผลในการตัดสินใจ) ชอบตบหัว ตีหัว ดึงรึจิกผมสตรี หยิก ตี เตะ ถีบ ด่าทอ ผู้ที่ด้อยกว่า(สตรีหรือนักศึกษา)หรือผู้ใต้บังคับบัญชา

4. ใจดำ (Callous) คือ ขาดความเมตตากรุณาปราณี ใจดำ (ไม่ช่วย)

5. ทุจริต (Corrupt) คือ เน้นแต่ผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องพรรคพวกมองส่วนรวมน้อยหรือเอาแค่บังหน้าหรือแค่หาเสียงชอบโกหกหลอกลวงและฉ้อโกงเพื่อให้ได้ประโยช์ในทางประพฤติมิชอบ

6. เห็นแก่ตัว (Insular) คือ เห็นแก่ตัว ไม่สนใจ สิทธิภาพ เสรีภาพ สวัสดิการของคนกลุ่มอื่นหรือส่วนรวม (เห็นแก่ตัวอาจไม่ทุจริตก็ได้)

7. โหดร้าย (Evil) คือ ชอบเบียดเบียนคนอื่นทำสิ่งชั่วร้ายได้อย่างเห็นเป็นปกติธรรมดา อาจสั่งให้ฆ่าคนได้ ทำช่วยบ้านเมืองของอีกฝ่ายได้ (ซ้ำเติม กดขี่)



4. ผู้นำที่ไร้ความสามารถ (Incompetent Leadership)

- ไร้ความสามารถนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่มิติที่ดีๆ ได้

- มี 3 ประเภท คือ

1) ทำตัวลอยเหนือปัญหา (Floater) ไม่สนใจแก้ปัญหามองปัญหาไม่เป็นปัญหา มองปัญหาเป็นเรื่องของคนอื่น

2) เป็นคนชอบขุ่นเคืองใจ (Resentful man) มองอะไรๆ ก็ไม่พอใจบ่นออกมาแต่แก้ปัญหาไม่ได้

3) หลงตัวเอง (narcissist) บูชาตัวเองว่าดีที่สุดเก่งที่สุดคนอื่นแย่ขาดการให้คนอื่นมีส่วนร่วม



5. ผู้นำที่แข็งกร้าว (Rigid leadership)

- ผู้นำและผู้ตามบางส่วนที่แข็งกร้าวไม่ยอมคนแม้ว่าเขาจะเป็นคนมีความสามารถแต่ก็ไม่สามารถ แต่ก็ไม่สามารถปรับไปสู่ความคิดใหม่ๆ ได้รวมถึงข้อมองใหม่ๆ เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนความคิด

2) มองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด

3) อารมณ์เสีย

4) มีอัตตาสูง (เอาตัวเองเป็นหลัก)

5) ยอมให้กฎงอได้ (หากกฎตัวเองแข็งกว่า)



6. ผู้นำเจ้าอารมณ์ (Intemperate Leadership)

- ขาดการความคุมอารมณ์ตัวเอง

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ควบคุมตัณหา (Passion) มีโลภ โกรธ หลงไม่ค่อยได้ มีขี้โกรธ คลั่งไคร้หลงไหลบางอย่าง สนุกสุขสุดโต่ง

2) ใช้เวลาและทรัพยากรอย่างไร้สาระ

3) มีผู้ตามที่ไร้ความคิด (Foolish Followers)



7. ผู้นำใจดำ (Callous Leadership1)

- ผู้นำที่ขาดความเมตตากรุณาปราณี ไม่สนใจความต้องการของคนอื่นที่เป็นผู้ตาม กลุ่มหรือองค์กร

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ไม่ให้เกียรติผู้ตาม

2) ไม่ยืดหยุ่น (Inflexible) ขาดความเห็นอก เห็นใจ (Empathy)

3) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยความโลภ (greed) และอัตตา (Ego)

4) หลงตัวเอง

5) เก่งงานแต่ไม่เก่งคน (เข่นงาน โดยการเข่นคน)



8. ผู้นำทุจริต (Corrupt leadership)

- มีผู้นำและผู้ตามบางส่วนที่ชอบโกหก หลอกลวง ขโมย โกง เกินกว่าที่สังคมยอมรับ สนใจประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ส่วนร่วม

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยความโลภ ละโมบ อยากได้คนชมเชยยกย่อง (หาเสียง)

2) หาประโยชน์ใส่พรรคพวกเพื่อนฝูงและครอบครัวตัวเอง

3) หลงตัวเอง (Narcissistic)

4) อยากเป็นใหญ่มักใหญ่ใฝ่สูง

5) มีผู้ตามที่มักมาก ยกเว้น กลุ่มภายใน



9. ผู้นำเห็นแก่ตัว (Insular leadership)

- ไม่สนใจผลประโยชน์ คนนอกกลุ่ม ภายในกลุ่มที่ตนเองบริหารรับผิดชอบอยู่

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) เห็นแก่ตัว (Selfish) และเอาแต่ใจตัวเอง (Self-righteous)

2) มองมนุษย์แบบจับผิด (Discriminatory View)

3) ขาดผู้ตามที่เกี่ยวข้อง

4) มีผู้ตามแบบชาตินิยม (Nationalistic) รักชาติ (Patriotic) จนลืมนึกถึงเหตุผลความถูกต้อง



10. ผู้นำที่โหดร้าย (Evil leadership)

- เป็นผู้นำและผู้ตามจำนวนหนึ่งที่ที่โหดเหี่ยวมทารุณโหดร้าย (brutal) พวกเขาใช้ความปวดร้าว เจ็บปวด เจ็บแสบร้าวหัวใจเป็นเครื่องมือนำไปสู่อำนาจ ทำให้เกิดเบียดเบียนทั้งทางกายและจิตใจ

- คุณสมบัติที่สำคัญมี

1) ขาดการควบคุมตัวเอง

2) มีความสามารถพิเศษ (Charismatic) แบบสุดๆ และหลงตัวเองแบบสุดๆ

3) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยความละโมบ

4) มีผู้ตามที่มีความโหดร้ายและความหวานกลัว (fearful) คละเคล้ากัน

5) ผู้ตามเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลง



11. กฎของผู้ตาม (Role of followers)

- หากไม่มีผู้ตามที่เป็นแบบนั้น ผู้นำจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้นำที่ดี (good leader) และผู้นำที่เลวร้าย (bad leader) เพราะผู้นำทำงานผ่านลูกน้องที่เป็นผู้ตาม

- ผู้นำและผู้ตามนั้นมีส่วนร่วมรับผิดชอบในเรื่องผู้นำที่เลวร้าย



12. การปรับปรุงตัวของผู้นำไปสู่ผู้นำที่ดีงาม (Strengthen to be good leader)

ผู้นำที่มีจดอ่อนสามารถปรับปรุงตัวเองได้ให้เป็นผู้นำที่ดีงามได้ ดังนี้

1) จะถูกกำหนดด้วยเวลาที่ครองอำนาจ ( tenure) หากมีเวลาพอก็จะปรับปรุงตัวได้

2) กระจายอำนาจ (Share power) อย่าใช้อำนาจคนเดียว

3) อย่าเชื่อตัวเองมากนักฟังคนอื่นบ้าง

4) จงค้นหาความจริงและรักษาสัจจะ (real)

5) ชดเชยบางอย่างสำหรับจุดอ่อนตัวเอง

6) จงปรับตัวให้สมดุลพอดีพอประมาณ (balance)

7) จดจำภารกิจตัวเองให้ดีว่ามีแค่ไหนต้องทำอะไรบ้าง

8) ทำร่างกายและจิตใจให้มีสุขภาพดี

9) พัฒนาตัวเองโดยให้ระบบพัฒนาบุคคล

10) จงมีความคิดสร้างสรรค์

11) จงเข้าใจและควบคุมความอยาก (appetites) ของตัวเองไม่ให้น่าเกลียด

12) จงฟังเสียงสะท้อนกลับ (Reflective) โดยฟังความรู้สึกนึกคิดของคนรอบข้าง

ที่มา Barbara Kellerman



13. บทสรุปส่งท้าย

การศึกษาผู้นำที่เลวร้าวนั้นสำหรับผู้นำก็เอาไว้พิจารณาตัวเองว่าตนเองเป็นผู้นำที่ดีหรือเลวและจะยังคงความเลวร้ายต่อไป โดยคิดว่าตนเองทำถูกต้องแล้วหรือจะปรับตัวใหม่ให้เป็นผู้นำที่ดี

สำหรับผู้ตามก็เช่นกัน ท่านกำลังจะผลักดัน พยุงให้ผู้นำเป็นคนแย่เล้วร้าย โดยการยุแหย่หรือตอบสนองช่วยกันทำความไม่ดีโดยเห็นแก่ความโลภ ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวมหรือจะมาทำเพื่อส่วนรวมจะมาปรับปรุงตัวเองหรือจะช่วยกันเตือนผู้นำแบบไหนดี

สำหรับบุคคลทั่วไปก็จะเป็นแนวในการคัดเลือกลงคะแนนเลือกตั้งผู้นำแบบไหนดีไม่หลงผิดไปกับผู้นำที่เลวว่าเป็นผู้นำที่ดีและผู้นำที่ดีเป็นผู้นำที่เลว

ผู้นำไม่มีทางเดินต่อไปได้หากขาดเสียงสนับสนุนจากลูกน้องคนได้การปกครองหรือประชาชนส่วนใหญ่ การควบคุมอำนาจด้วยปลายกระบอกปืน ไม่จีรับ พอเสื่อมอำนาจก็จะมีกลุ่มคนมาปฎิวัติยึดอำนาจกลับคืนมาให้ประชาชนการใช้บารมีย่อมจะยั่งยืนกว่า ผู้นำที่ดีต้องใช้บารมีมากกว่าใช้อำนาจจึงจะยั่งยืน




ดัดแปลงมาจาก
บริหารเชิงผลิภูมิปัญญา
Management by Budding Wisdom
สมหวัง วิทยาปัญญานนท์
--------------------------------------------------------------------------------
***** แล้วเรามาดูว่าหน่วยงาน2หน่วยที่ผมจะกล่าวถึง มี"ผู้นำที่แสนเลวร้าย" หรือมี"ผู้นำที่แสนดีครับ"*****
--------------------------------------------------------------------------------

หน่วยงานแรกเป็นหน่วยงานใหญ่ มีผู้นำหน่วยงาน หรือผู้นำองค์กรที่กำลังโด่งดังในกระดานสนทนามา 1 เดือนเต็ม คุณสมบัติของผู้นำท่านนี้ผมคงไม่ต้องกล่าวรายละเอียดอีก เพราะรู้ๆกันดีว่าเป็นเช่นใด ลองมาดูกันว่าหน่วยงานนี้มี"ผู้นำที่ดี" หรือ"ผู้นำที่แสนเลว"โดยดูจากเนื้อความที่ผมโพสมานี้ ประกอบกับที่ท่านอาจารย์อานนท์ได้กล่าวมาทั้งหมดในกระทู้ฮ๊อทฮิตติดลมบนเรื่อง.....


"ข่าวสำคัญสำหรับทุกคนในคณะแพทยศาสตร์ดังหนังสือแนบท้าย"ธรรมาภิบาลและคุณธรรมของผู้นำองค์กร จะนำพาซึ่งความสุขความเจริญ มาสู่องค์กรแล : jr ( 17:05:14 2013-04-02 , ตอบ 63, อ่าน 11248 ) ป้ายมาตอนโพสกระทู้นี้มีผู้เข้าอ่านเวลา 22.30น วันพฤหัสฯที่16 พฤษภาคม 2556"

อีกหน่วยงานหนึ่งเป็นหน่วยงานเล็ก เคยเขียนไว้แล้วในกระทู้.....
"มาดูว่า องค์กรของคุณมี ผู้นำที่เลวร้าย(Bad Leadership) หรือไม่ครับ ผู้นำที่เลวร้าย เป็นเช่นใด : jr ( 20:05:33 2013-05-08 , ตอบ 3, อ่าน 805 ) ป้ายมาตอนโพสกระทู้นี้มีผู้เข้าอ่านเวลา 22.30น วันพฤหัสฯที่16 พฤษภาคม 2556" รายละเอียดของหน่วยงานนี้เป็นดังนี้ครับ

องค์กรนี้มี ผู้นำที่เลวร้าย(Bad Leadership) หรือไม่ครับ


องค์กรที่มีทีมบริหารเป็นสาวแก่ 4 สาว,สูตรสำเร็จ 3สาวแก่ป.(สาวแก่แปลก1,2,3)กับ1สาวแก่ ส.(สาวแก่ผู้น่าสงสาร) ขอย้ำว่า สาวแก่ทั้ง4นี้ไม่มีอยู่จริงครับ กำลังบริหารองค์กรให้ตกต่ำแบบไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์

องค์ประกอบของทีมบริหารขององค์กรนี้มีดังนี้ครับ


1.หัวหน้าองค์กร มีนามว่า"สาวแก่แคระ ป."(สาวแก่แคระแปลก1)
ความสููงอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่50ของความสูงเฉลี่ยของสาวทั่วไป
หน้ามองโกลอยด์ หัวและสมองเล็กแต่ชาญฉลาดในการคิดแผนการที่ล้ำลึก
เสียงดังก้องใส ส่งเสียงเจื่อยแจ่วน่าฟัง และน่าเชื่อถือแด่ผู้คนที่ไม่รู้จักนิสัยและสันดานที่แท้จริงของเธอ กลั่นแกล้งทุกคนที่จะมาขัดขวางประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก (Callous, Rigid, Evil, Insular, Incompetent, Discriminatory View, Fearful, Narcissistic)
ลิ้นมีลักษณะเลี่ยนและลื่นเนื่องจากต้องใช้ในการเลียเป็นอาจิณ
นิสัยเด่นคือมีความมักใหญ่ใฝ่สูง เนรคุณครูบาอาจารย์
ทำได้ทุกอย่างโดยไม่แคร์ใครๆแม้สิ่งที่ตนได้มานั้น จะได้มาโดยการใช้วิชามาร จุดเด่นคือ ไม่มีอะไรน่ามองเลยสักอย่างในตัวเธอ
คนปกติทั่วๆไปมักมองไม่เห็นเธอเมื่อเดินสวนทางกัน
เพราะจะมองเลยข้ามหัวอันกลมเล็กของเธอไป.


2. คู่หูหรือเป็นคู่เชิดหุ่นให้กันและกันกับหัวหน้าองค์กร
มีนามว่า"สาวแก่ขาเดี้ยง ส."(สาวแก่ขาเดี้ยงผู้น่าสงสาร) อาจเรียกรวม2สาวแก่นี้ว่า "สาวแก่ขาเดี้ยงผู้น่าสงสารเชิดหุ่นสาวแก่แคระแปลก"
สาวแก่นี้เวลาเดินจะดูสง่างามตามแบบฉบับสาวแก่ขาเดี้ยง
หน้าตาโดดเด่นตรงหน้ากลมแบนดุจดวงจันทร์เต็มดวง
ตาโตน่าสงสารและเว้าวอน ผิวขาวเหลืองเนื่องจากเธอชอบประทินผิวด้วยสกินแคร์บำรุงผิวพรรณ รูปร่างท้วมพอประมาณ เวลาพูดเสียงกึกก้องขึ้นจมูก นิสัยไม่จริงใจ การพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยกลับไปกลับมา
สิ่งที่เธอชอบกินและกลืนมากที่สุดคือน้ำลายหรือเสมหะตนเอง
ถึงแม้เธอจะถ่มทิ้งลงดินแล้วเธอจะเลียขึ้นมากินใหม่ได้อย่างยิ้มแย้มและไม่เคอะเขิน นิสัยเด่นสุดคือการลอยตัวเพื่อเอาตัวรอดทุกเรื่อง ทำตัวลอยเหนือปัญหา (Floater) เรื่องใดไม่ดีจะโทษผู้อื่น เรื่องดีเธอจะรีบรับไว้เอง แบบที่รู้ๆกันว่า เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น


3. รองหัวหน้าองค์กรที่เป็นเงาตามตัว2สาวแก่"สาวแก่ขาเดี้ยงผู้น่าสงสารเชิดหุ่นสาวแก่แคระแปลก" รวมตัวเป็น3สาวแก่ ที่เรียกว่า"แก่ แก่ แก่"(สาวแก่2ป.,1ส.) เธอคนนี้มีลักษณะเด่นคือ "สาวแก่หน้าธาลัสซีเมีย ป."(สาวแก่หน้าธาลัสซีเมียแปลก 2) นิสัยเธอชอบกร่างวางอำนาจคิดว่าตนเองใหญ่โตมากมาย เวลาเป็นกรรมการใดๆชอบตำหนิคนอื่นลับหลังอยู่เป็นนิจ หลงตัวเอง (narcissist) บูชาตัวเองว่าดีที่สุดเก่งที่สุด ชอบประจบสอพลอจนเป็นนิสัย ส่งเสียงแก่ๆและเสียงดังชัดถ่อยชัดคำ


4.รองหัวหน้าองค์กรที่เป็นสาวแก่น้องใหม่มาแรงที่เรียกว่า"สาวแก่นกหัวฟู2หัว.ป."(สาวแก่นกหัวฟู2หัว แปลก 3) เธอมาจากสวรรค์ชั้น 12 โดยมีกระแสข่าวมาว่า ถูกคนจะเอาเรื่องๆการรักษาที่ไม่ได้เรื่อง ชอบเสพโลหิตเป็นประจำ เป็นสาวที่มาแรงแบบดาวแก่พุ่งแรง จุดเด่น หน้ากลมแบนดุจส้มแป้น
เสียงแหบเล็กต่ำๆสูงๆแบบดูไพเราะสุภาพแต่น่ารำคราญ หัวฟู นิสัยส่วนตัว
เป็นคนที่อยู่เป็น เห็นแก่ตัว (Insular) ปรับตัวเข้ากับหมู่คนได้เยี่ยมโดยเฉพาะถ้ามีผลประโยชน์เข้ามาเธอสู้ตาย! สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดคือ
“ตำแหน่งเล็กๆเธอไม่สน แต่ตำแหน่งใหญ่ๆเธอเอา
งานลำบากๆเธอไม่สน แต่งานสบายๆเธอเอา”





Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-16 , Time : 22:53:38 , From IP : mx-ll-49.49.96-230.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 65




    ผู้บริหารมหาวิทยาลัย โรงเรียนแพทย์หรือสถานศึกษาอื่นๆ มีหน้าที่ความรับผิดชอบและภาระกิจหลักที่สำคัญ คือ รับผิดชอบงานทุกอย่างของสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานวิชาการ การบริหารงานธุรการและการเงิน การบริหารงานบุคคล การบริหารงานอาคารสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ การบริหารงานกิจการนักศึกษา การประชาสัมพันธ์และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน ผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนแพทย์ที่มีขนาดใหญ่ย่อมมีบุคลากรมาก การบริหารงานเพียงคนเดียว อาจทำให้เกิดข้อบกพร่องได้ ผู้บริหารระดับสูงจึงมอบอำนาจบางอย่างให้ผู้อื่นปฎิบัติแทน หรืออาจแต่งตั้งหลายๆคน มารับมอบอำนาจลดหลั่นกันไปตามสายงาน ลักษณะของผู้บริหารแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1.ผู้บริหารแบบอัตนัย (Autocratic leader) คือ ผู้บริหารที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง จะทำอะไรก็สั่งการด้วยตนเอง ไม่ต้องประชุมปรึกษาการือกับใคร เป็นผู้มีความมั่นคงในตนเอง ต้องการให้ดำเนินไปด้วยความรวดเร็วไม่ชอบสั่งการตามขั้นตอน ให้ผู้ปฎิบัติดำเนินการทันที ผู้บริหารเช่นนี้จะเข้าได้กับการเผด็ดการทางบริหารในองค์กร
2.ผู้บริหารแบบตามสบาย (laissez fair leaders) คือ ผู้บริหารที่ปล่อยให้ผู้ร่วมงานทำงานกันตามสบาย กฎ ระเบียบไม่บังคับเข้มงวด การปฎิบัติงานยืดหยุ่นและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน การบริหารงานแบบนี้งานจะไม่ค่อยก้าวหน้า แต่คนชอบการทำงานจะไม่ชอบเพราะไม่ค่อยมีงานทำ ผู้บริหารไม่สร้างงาน
3.ผู้บริหารแบบประชาธิปไตย (democratic leaders) คือ ผู้ที่บริหารงานโดยใช้แนวทางของประชาธิปไตย ถือว่าทุกคนเป็นเจ้าของโรงเรียนแพทย์หรือมหาวิทยาลัย เมื่อจะคิดทำอะไรจะต้องให้ทุกฝ่ายเห็นชอบ แล้วร่วมมือกันทำงาน งานจะดำเนินไปช้าเพราะต้องประชุมปรึกษาหารือกันหลายครั้ง แต่เกิดความรอบคอบในการทำงาน ผู้ร่วมงานร่วมมือร่วมใจกันดีมีความรู้ความเข้าใจงานเป็นอย่างดี
ผู้บริหารในโรงเรียนแพทย์หรือมหาวิทยาลัยที่มีอำนาจและหน้าที่รับผิดชอบตั่งแต่สูงสุดและลดระดับกันมามีดังนี้
1.ผู้บริหารสูงสุดในโรงเรียนแพทย์หรือมหาวิทยาลัย ได้แก่ คณบดี หรือผู้อำนวยการ มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานทุกอย่างขององค์กร
2.รอง ผู้ช่วยคณบดี หรือรองผู้บริหาร เป็นผู้ที่ผู้บริหารสูงสุดมอบอำนาจหน้าที่ให้ปฎิบัติ ดูแลรับผิดชอบงานเฉพาะด้าน เช่น รองคณบดีหรือผู้ช่วย ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ เป็นต้น
3.หัวหน้าภาควิชา เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบงานของภาควิชา เช่น ภาควิชาต่างๆในองค์กรจะมีหัวหน้าภาควิชาดูแลในภาควิชานั้นๆ
4.หัวหน้าฝ่าย มีอำนาจเทียบเท่ากับหัวหน้าภาควิชา แต่งานแตกต่างกันไป เช่น หัวหน้าฝ่ายการเงิน หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม เป็นต้น

การบริหารงานบุคคลผู้บริหารควรมีสมรรถภาพที่สามารถปฎิบัติดังต่อไปนี้
- จะต้องกำหนดอัตราตำแหน่งของบุคลากรให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนการสอน
- จะต้องดำเนินการคัดเลือกบุคลากรให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่
- จัดสรรบุคลากรเข้าประจำตำแหน่งหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม
- พิจารณาความดีควาชอบ และเสนอขอเหรียญตราและเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- ควบคุมดูแลการทำงานของบุคลากรทุกฝ่ายในองค์กร
- รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากร วิเคราะห์ประเมินผลการทำงาน
ในฐานะผู้บริหาร การตัดสินใจเป็นภาระหน้าที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตขององค์กร ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การทำให้การตัดสินใจนำไปสู่ความก้าวหน้า และความสำเร็จในภาระหน้าที่ขององค์กรล้วนแต่เป็นประเด็นที่สำคัญที่ผู้บริหารจะต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมากก่อนจะทำการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เมื่อมองในเชิงกระบวนการทำงานเชิงระบบสามารถแบ่งการตัดสินใจออกเป็น 4 เรื่อง ดังนี้
1. การตัดสินใจเกี่ยวกับเป้าหมาย หรือจุดประสงค์ของงาน เช่น โรงรเรียนแพทย์มีเป้าหมายหรือจุดประสงค์ของงานที่จะทำอย่างไร
2. การตักสินใจเกี่ยวกับแผน เป็นการกระทำเพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
3. การตักสินใจเกี่ยวกับการลงมือปฎิบัติงาน เพื่อทำให้การปฎิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยนำไปสู่ความสำเร็จตามจุดประสงค์ที่กำหนด
4. การตัดสินใจเกี่ยวกับผลของการทำงานที่เกี่ยวกับความน่าพอใจและการทำงานในขั้นต่อไป
ทั้งนี้การตัดสินใจที่ดีนั้นจะต้องขึ้นอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ความรอบรู้ ค่านิยมหรือความรู้สึก และการยอมรับในความสำคัญของผู้เกี่ยวข้อง ผู้บริหารจะต้องมีวิธีและแนวทางในการตัดสินใจที่เหมาะสมกับเรื่องที่จะตัดสินใจ และเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ แนวทางหรือวิธีที่จะช่วยผู้บริหารขององค์กร เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดี คือ
- ผู้บริหารตรวจสอบผลการปฎิบัติงานของตนหรือขององค์กรเพื่อให้เกิดความเข้าใจในประเด็นต่างๆ แล้วนำผลการสำรวจไปปรับปรุงงานให้ดีขึ้น วิธีนี้เรียกว่า การวิจัยเชิงปฎิบัติการ(Action Research)
- ผู้บริหารจะตั้งคณะทำงานขึ้น 2 คณะขึ้นไปแล้วให้ทุกคณะพิจารณาแก้ไขปัญหาในเรื่องเดียวกันในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วนำข้อเสนอของทุกคณะมาทำการตัดสินใจเลือกวิธีการที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด วิธีการนี้เรียกว่า คณะผู้ช่วยงาน (Advocat Teams)
- การประชุมระดมความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ได้ความคิดมากที่สุดในเวลาจำกัด แล้วนำมาเรียบเรียงจัดระเบียบและตัดสินใจภายหลัง วิธีการนี้เรียกว่า การระดมพลังสมอง (Brainstorming)
- มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วทำการสอบสวน ตรวจสอบ ซักถามผู้รู้แล้วร่างข้อสรุปและข้อเสนอแนะ นำข้อมูลที่ได้ไปเสนอให้กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องพิจารณา วิธีการนี้เรียกว่า การตั้งคณะกรรมการสืบสวน (Commission of Inquirs)
- ให้แต่ละคนที่เกี่ยวข้องเริ่มคิดหาวิธีการหรือข้อเสนอแนะของแต่ละคนก่อน แล้วนำข้อเสนอแนะของแต่ละคนมาเรียบเรียงรวมกัน แล้วนำข้อเสนอที่รวมได้มาเรียบเรียงรวมกันเป็นข้อเสนอของคนทั้งคณะ วิธีการนี้เรียกว่า การหาข้อตกลงร่วม (Consensus)
- การวิเคราะห์ภาษาในหนังสือ หรือสัมภาษณ์บุคคลเกี่ยวกับความคิดเห็น แล้วนำมาวิเคราะห์ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ วิธีการนี้เรียกว่า การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
- การวางแผนปฎิบัติงานด้วยการกำหนดชช่วงเวลาการปฎิบัติกิจกรรมต่างๆในแผนที่ต้องทำต่อเนื่องและคู่ขนานกันไป แล้วหาลำดับความต่อเนื่องของกิจกรรมที่สำคัญที่ขาดหรือสลับกันไม่ได้ เพื่อยึดเป็นแนวทางหลักในการปฎิบัติงานตามแผน วิธีการแบบนี้เรียกว่า การวิเคราะห์เส้นทางวิกฤต (Critical Path)
- การหาข้อมูลความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเทคนิควิธีการถามซ้ำจนได้ข้อสรุปจากคนทั้งกลุ่ม วิธีการนี้เรียกว่า เดลไฟ (Delphi)
- จัดให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน หรือผลผลิตที่ได้โดยดูแต่ข้อดีและข้อเสียที่ปรากฎ โดยไม่คำนึงถึงว่าการดำเนินงานหรือผลผลิตนั้นจัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์หรือเป้าหมายอะไร วิธีการนี้เรียกว่า การประเมินแบบอิสระจากเป้าหมาย (Goal-free Evaluation)
- การที่มีผู้ต้องการข้อมูล เมื่อพบบุคคลที่ให้ข้อมูลได้เป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม แล้วใช้วิธีการพูดคุย/ซักถาม หาข้อมูลหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อยากรู้หรือประเด็นปัญหา วิธีการแบบนี้เรียกว่า การสัมภาษณ์ (Interviews)
- การออกไปดูของจริง ซึ่งอาจเป็นกระบวนการทำงานกิจกรรม สถานที่และอื่นๆ โดยมีประเด็นคำถามและรายการที่จะสังเกตเตรียมไว้ก่อนการบันทึกผลการสังเกตแต่ละข้อที่อยู่ในรายการ แล้วนำมาหาข้อสรุป วิธีการนี้เรียกว่า การสังเกต (Observation)
- ให้กลุ่มคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็นกลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มเสนอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแนวทางที่จะพัฒนาองค์กรของตนตามประเด็นที่กำหนด รวมทั้งวิธีการต่างๆที่จะบรรลุความสำเร็จได้ แล้วแยกกันไปทำงานในการปรับปรุงแก้ไขแนวความคิดของกลุ่มให้บรรลุตามเป้าหมาย แล้วผู้บริหารจะรวบรวมข้อเสนอของทุกกลุ่มไว้พิจารณาและตัดสินใจ วิธีการแบบนี้เรียกว่า องค์กรที่เป็นไปได้ (The Possible Unit)
- การใช้รุปแบบคำถามที่หลากหลาย ทั้งในรูปของคำถามปลายเปิด แบบตัวเลือก แบบมาตราส่วนประมาณค่า ซึ่งเราคุ้นเคยและมักจะใช้กันอยู่เสมอ รวมทั้งรูปแบบอื่นๆด้วย วิธีการนี้เรียกว่า แบบสอบถาม (Questionnaires)
- การพรรณาภาพของสถานการณ์ในอนาคตในองค์กรของเราที่เราปราถนาจะให้เป็น แล้วชี้แจงเส้นทางหรือแนวทางที่จะนำไปสู่สถานภาพที่คาดหวังในอนาคต พร้อมทั้งเสนอทางเลือกในการตัดสินใจตามขั้นตอนต่างๆและแนวทางต่อไปหลังจากผ่านเลือกแต่ละทางไปแล้ว วิธีการนี้เรียกว่า การสร้างภาพอนาคต (Scenario)
- การให้มีคณะทำงานชุดหนึ่งทำข้อเสนอแนะการแก้ปัญหาแก่เขา แล้วส่งข้อเสนอแนะนั้นให้อีกกลุ่มหนึ่งพิจารณาให้ข้อวิจารณ์ และข้อเสนอแนะ แล้วนำข้อวิจารณ์และข้อเสนอแนะทั้งหมดกลับมาให้กลุ่มแรกพิจารณาอีกครั้ง ปรับปรุงเป็นข้อเสนอสุดท้ายแล้วส่งให้ผู้บริหาร วิธีนี้เรียกว่า ความคิดเห็นที่สอง (A Second Opinion)
- นำข้อเสนอที่เป็นแผนหรือแนวปฎิบัติเสนอต่อที่ประชุม แบ่งเป็นฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายค้าน ให้ทั้งสองฝ่ายนำเสนอความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆของตน แล้วนำความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ วิธีการนี้เรียกว่า การสอบสวนโดยคณะลูกขุน (Trial by Jury)
ผู้บริหารควรพิจารณาทำความรู้จักวิธีการต่างๆเหล่านี้ไว้เมื่อเกิดปัญหาก็ใจเย็นๆลองพิจารณาสถานการณ์ให้รอบคอบ แล้วเลือกใช้วิธีการที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุดในกับสถานการณ์ในขณะนั้น แล้วจึงตัดสินใจอย่างรอบคอบ และผู้บริหารจะใช้วิธีการเหล่านี้ได้ต้องใจกว้าง และเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้ชอบตัดสินใจโดยอาศัยความคิดของตนแต่ผู้เดียว
ทั้งนี้ผู้บริหารองค์กรยังมีบทบาทหน้าที่ในการเป็นผู้นำในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพนักเรียนนักศึกษาให้เป็นบุคคลที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอย่างต่อเนื่องสามารถคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ รักเพื่อนมนุษย์ รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมีจิตใจเป็นกลาง ในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนนักศึกษา ครูหรืออาจารย์ผู้สอนจะต้องปรับปรุงพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในการสอนให้สอดคล้องกับความสามารถ ความสนใจ ความต้องการ และเจตคติของผู้เรียน โดยเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง เน้นกระบวนการเรียนรู้ให้สามารถเรียนรู้เป็นเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและนำไปใช้ในการสร้างและเตรียมทรัพยากรมนุษย์ ให้ประเทศมีคุณภาพที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศแบบยั่งยืน ซึ่งผู้บริหารองค์กรจะต้องกำหนดกลยุทธ์ โดยเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนรู้จักแสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น ผู้บริหารจะต้องเร่งรัดพัฒนาครูหรืออาจารย์อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ให้เป็นผู้ที่มีศักยภาพที่เหมาะสมที่จะให้การศึกษาอบรมพัฒนาเยาวชนของชาติในฐานะที่เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ พอที่จะเปรียบเทียบให้มองเห็นได้ชัดเจน คือ ผู้บริหารองค์กรยุคใหม่จะต้อง "ทำงานหนัก รักพวกพ้อง มองหามิตร จิตไม่หวั่น"
ผู้บริหารองค์กรจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะนำองค์กรสู่การเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นผู้บริหารองค์กรจึงเป็นหัวใจของการปฎิรุปการศึกษา เพราะผู้บริหารองค์กรจะต้องเป็นผู้นำ และเป็นผู้สร้างขวัญกำลังใจให้ครูหรืออาจารย์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนเกิดลักษณะนิสัยที่ต้องการในโลกยุคไร้พรมแดน ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริหารองค์กรจะต้องทบทวนบทบาทและภาระกิจหน้าที่ของตนเองในสังคมยุค "โลกาภิวัตน์" เพื่อการเป็นผู้บริหารองค์กรสู่ความเป็นสากลอย่างแท้จริง

ดัดแปลงมาจากบทความของ "เยาวเรศ วงศ์ปาลีย์". *******************คำถาม...ผู้นำองค์กรของเราเป็นผู้นำเยี่ยงนี้รึเปล่าครับ*******************


Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-17 , Time : 12:18:52 , From IP : mx-ll-223.206.77-114.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 66


                            เราจะทนฟังท่านคณบดีโกหกอย่างไร้ความละอายได้อีกนานเท่าไรครับ

   ในการประชุมกรรมการคณะเมื่อวันที่10 พฤษภาคม 2556 นั้น ท่านคณบดีชี้แจงต่อกรรมการคณะถึงเรื่องการเกลี่ยงานในศูนย์ทะเบียนมะเร็งว่า ครั้นถึงเวลา สปสช.ลดงบประมาณที่สนับสนุน เงินค่าจ้างก็ลดลง คณะก็จำเป็นต้องย้ายคนออกไปทำงานอื่น ซึ่งเป็นการโกหกอย่างไร้ความความละอายมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งครับ ผมได้ปรึกษาหารือกับผู้บริหารศูนย์โดยตรงแลัวพบว่า เงินที่สปสช.ให้นั้นเขาให้พวกหมอที่ดูแลคนไข้มะเร็ง แต่ศูนย์ทะเบียนมะเร็งต้องเป็นผู้ขอให้เพราะคุมตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมดครับ ถ้าเขาลดเงินจำนวนนี้ลงพวกหมอก็อดกัน แต่ศูนย์ทะเบียนมะเร็งไม่สูญเสียอะไรครับ เรียกได้ว่าท่านคณบดีอ้างเอาอย่างหน้าด้านๆเพื่อที่จะรังแกผู้อ่อนแอกว่าด้วยโมหะจริตของตนเองครับ  ในตอนแรกที่มีการต่อรองเรื่องกำลังคนกัน ท่านคณบดีชี้แจงในกรรมการคณะว่า ได้ให้ศูนย์ทะเบียนมะเร็งปรับปรุงการทำงานโดยให้ทำวิจัยมากขึ้น แล้วคอยอยู่นานถึงหกเดือนก็ไม่มีความก้าวหน้าในการพัฒนางาน จึงต้องลดกำลังคนลง แต่ผู้บริหารศูนย์ยืนยันว่า ศูนย์ได้ส่งโครงการปรับปรุงงานผ่านทางท่านรองวิจัยแล้ว แต่ท่านคณบดีไม่ยอมเซ็นต์อนุมัติ และไม่มีการติดต่อหรือต่อรองใดๆกลับมาอีกเลย ต่อมาจู่ๆก็มีคำสั่งยุบศูนย์โดยลดคนจาก12คนให้เหลือ 2คนครับ ตรงจุดนี้จะเห็นได้ว่าท่านคณบดีโกหกเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนอีกแล้วครับ นี่อย่างไรเล่าครับที่เราต้องสอนลูกศิษย์เราให้เป็นหมอที่ซื่อสัตย์ เพราะข้อมูลบางอย่างเรารู้เพียงคนเดียว ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์อยู่ภายในตนเองแล้ว เราอาจทำร้ายผู้ป่วยได้โดยไม่มีใครรู้ แต่นี่เป็นถึงท่านคณบดีแห่งคณะแพทยศาสตร์ ยังสามารถขาดความซื่อสัตย์ในข้อมูลที่ท่านรู้คนเดียวได้ถึงเพียงนี้ และท่านคณบดีได้ฉวยโอกาสเอาไปพูดใส่ความคนอื่นในกรรมการคณะลับหลังผู้เสียหายครับว่าเขาไม่ยอมพัฒนางาน แต่ท่านอาจลืมไปว่าผู้บริหารศูนย์และท่านรองคณบดีก็รู้ข้อมูลนี้พอๆกับท่าน ท่านคณบดีช่างไร้ความละอายและไม่กลัวว่าท่านรองคณบดีจะเสื่อมศรัทธาต่อท่านเลยหรือไรครับ 
    ต่อมาท่านผู้บริหารศูนย์ได้ต่อรองกับท่านรองคณบดีอีกท่านหนึ่งจนได้อัตรากำลัง 5คนครับ เป็นเพราะในช่วงนั้น Michigan State University ได้มาขอทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์มะเร็งของเราเพราะเห็นคุณค่าระดับนานาชาติในผลงานที่ผ่านมาครับ  นี่อย่างไรเล่าครับ การบริหารอย่างมีวิสัยทัศน์ของท่านคณบดี วิสัยทัศน์ที่เต็มไปด้วยโมหะจริตนั่นเองครับ ท่านไม่เคยศึกษาข้อมูลแล้ววางแผนอย่างรอบคอบแต่อย่างใด แต่กลับบริหารงานแบบสร้างภาพ กลับไปกลับมาและสร้างอัตลักษณ์จอมปลอมของตนเองให้ดูยิ่งใหญ่ตามกระแสที่ลอยไปลอยมาในสังคมโดยไม่เห็นแก่มนุษยธรรม ศีลธรรม หรือความยุติธรรมแต่อย่างใด มิใยที่จะต้องพูดถึงความเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริงของคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้อีกต่อไปครับ
     ดังนั้นโดยสรุปศูนย์ทะเบียนมะเร็งต้องลดคนลง7คนครับ ถึงตอนนี้มีคนลาออกไปทำงานที่อื่นแล้วหนึ่งคนครับ 
ประกอบกับเป็นเวลาช่วงเดียวกับที่ พี่น้องเราตื่นตัวเรื่องพฤติกรรมไร้ศีลธรรมของท่านคณบดีและได้หลั่งธารนำ้ใจเพื่ออุ้มชูเยียวยาพวกเขาเหล่านั้น จนพี่น้องในศูนย์มะเร็งที่ถูกเกลี่ยงานอีก5คนได้รับการย้ายหน่วยงานด้วยดีและยังคงมีงานทำพร้อมความปลอดภัยในชีวิตตามสมควรในขณะนี้ ทั้งนี้เกิดจากความเมตตาของพี่น้องทุกท่านนั่นเองครับ ยังขาดแต่ท่านพยาบาลที่มีปัญหาทางตาที่ยังไม่มีความแน่นอนในชีวิตตราบจนทุกวันนี้ครับ
     ในจดหมายฉบับต่อไป ผมขออนุญาติเล่าถึงท่านพยาบาลผู้นี้ ซึ่งเป็นถึงข้าราชการอาวุโส ที่มีโรคจอตาเสื่อมเกิดขึ้นหลังตรำงานหนักรับใช้คณะแพทยศาสตร์   แต่กลับได้รับผลตอบแทนที่แสนไร้มนุษยธรรมจากจิตใจที่โหดเหี้ยมของท่านคณบดีครับ ชี้ให้เห็นชัดว่า คุณพยาบาลทุกท่านที่ทำงานในคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเป็นลูกจ้าง หรือพนักงานของรัฐ หรือแม้กระทั่งเป็นข้าราชการอาวุโส เช่นท่านพยาบาลผู้นี้ ก็ยังไม่สามารถปลอดภัยจากการถูกกระทำเยี่ยงวัตถุและการถูกลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ลงทุกๆทางจากการบริหารแบบเลวร้ายของผู้นำที่ไม่ทราบว่าเลวร้ายเพียงใดหรือไม่ เช่นนี้ไปได้ครับ
                                      ขอบคุณในนำ้ใจที่เยียวยาของพี่น้องทุกท่านครับ
                                                        อานนท์ วิทยานนท์


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-05-20 , Time : 21:14:21 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 67




   ขอมอบช่อดอกไม้สวยๆให้กับ"ผู้นำที่แสนจะเลวร้ายและการบริหารแบบเลวร้าย"

Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-20 , Time : 21:36:56 , From IP : mx-ll-223.205.177-129.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 68




   ขอต่อต้านผู้นำที่แสนเลวและผู้นำที่ชั่วช้าทุกคน

Posted by : jr , E-mail : (Jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-05-21 , Time : 20:18:50 , From IP : 49.231.97.182


ความคิดเห็นที่ : 69


   
พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รัก 
หลายคนถามผมว่าถ้าผู้นำเลวร้ายแล้วจะมีผลอะไรต่อ 
ผมบอกว่า แค่เราคอยอีกสามปีเขาก็พ้นจากตำแหน่งแล้วแต่มรดกที่เลวร้ายกว่าคือวัฒนธรรมองค์กรที่เลวทรามและทายาทที่รับการถ่ายทอดความเลวร้ายอย่างเดียวกันมาเหลือไว้ครับ
คำถามต่อมากลับเป็นว่า แล้ววัฒนธรรมองค์กรคืออะไร ไม่รู้จะสัมผัสอย่างไร จะดูอย่างไรกัน
    วันนี้ผมจึงนำบทความเรื่องวัฒนธรรมองค์กรสั้นๆมาฝาก เพื่อพี่น้องจะได้ทำความเข้าใจครับ
แล้วพิจารณาดูว่า จากการที่เราเคยเป็นองค์กรชั้นหนึ่งของประเทศนี้ และมีวัฒนธรรมองค์กรแบบบัวเหนือนำ้ ดังในบทความ แล้วอะไรกันครับในตอนนี้ที่ทำให้พวกเราต้องทำงานด้วยวัฒนธรรมชั่วคราวที่เลวทรามกว่าการเป็นบัวใต้น้ำเสียอีก และองค์กรเรายังต้องเผชิญกับวิกฤติความมีมนุษยธรรมของผู้นำด้วย ซึ่งเรื่องเช่นนี้นับว่าสูญพันธ์ไปนานแล้วครับสำหรับวงการบริหารมืออาชีพ เป็นยิ่งกว่าตำนานของไดโนเสาร์เสียอีก พี่น้องศึกษาบทความนี้แล้วจะรู้ครับว่า เรากำลังเผชิญกับ "อะไร" อยู่ในขณะนี้ครับ
             ด้วยความเคารพ
            อานนท์ วิทยานนท์


ประเภทของวัฒนธรรมองค์กร

หากจะแบ่งประเภทของวัฒนธรรมองค์กรซึ่งถือเป็นทรัพย์สินชนิดหนึ่งขององค์กร ก็จะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

1. วัฒนธรรมองค์กรที่มองเห็นและจับต้องได้  เป็นสิ่งที่คนในองค์กรกำหนดให้มีขึ้น หรือจัดสร้างขึ้น หรือประดิษฐ์ขึ้นมา เช่น วัฒนธรรมการไหว้ การแต่งกาย การรับโทรศัพท์  การตกแต่งอาคารสถานที่ การติดป้าย สัญญลักษณ์ หรือคำขวัญต่างๆ พิธีกรรมขององค์กร รูปปั้นและถาวรวัตถุต่างๆที่สร้างขึ้น ระบบการสื่อสารแบบต่างๆ กฎระเบียบ วิธีการทำงาน เป็นต้น

2. วัฒนธรรมองค์กรที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้  แต่คนในองค์กรรับรู้และเข้าใจร่วมกันได้ เช่น ความเป็นเจ้าของ ความเป็นระเบียบ ความมุ่งมั่น ความซื่อสัตย์ การมีส่วนร่วม ความยุติธรรม การแสดงความคิดเห็น การช่วยเหลือกัน ความอะลุ้มอล่วย  ความยืดหยุ่น ความเห็นอกเห็นใจ เป็นต้น วัฒนธรรมประเภทนี้จะเข้มแข็งหรือไม่ ขึ้นกับค่านิยม ความเชื่อ และความเข้าใจร่วมขั้นพื้นฐาน ของการประพฤติปฏิบัติที่เกิดขึ้นในองค์กร หากองค์กรมีค่านิยมความเชื่อและเข้าใจร่วมกันว่า สมาชิกในองค์กรไม่ซื่อสัตย์ เกียจคร้าน ชอบเลี่ยงงาน วัฒนธรรมองค์กรส่วนนี้ก็จะออกมาในรูปของการจับผิด การฟ้องร้อง การมีกฎระเบียบที่ควบคุมเข้มงวด ขาดการมีส่วนร่วม

วัฒนธรรมองค์กรที่มองไม่เห็นแต่รับรู้และเข้าใจร่วมกันได้ของคนในองค์กรนี้ จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิถีชีวิตการทำงานของคนในองค์กร และเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ องค์กรหนึ่งแตกต่างไปจากอีกองค์กรหนึ่ง ซึ่งองค์กรอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบวัฒนธรรมวิถีชีวิตนี้ไปได้ รวมทั้งมีผลต่อความสามารถในการต่อสู้และยืนหยัดอยู่ในกระแสโลกาภิวัฒน์ และการแข่งขันที่รุนแรงได้อย่างท้าทายและยั่งยืนอีกด้วย ดังนั้น ผู้บริหารจึงควรให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัฒนธรรมส่วนที่จับต้องไม่ได้ และควรสร้างให้เกิดขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรต่างๆ ทั้งที่จับต้องได้และไม่ได้ โดยเฉพาะ ขวัญและกำลังใจ มาพัฒนาวัฒนธรรมการทำงานให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร

รูปแบบวัฒนธรรมองค์กร

ดังได้กล่าวแล้ววัฒนธรรมองค์กรขึ้นกับ ค่านิยม ความเชื่อ และความเข้าใจร่วมของคนในองค์กร ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมขององค์กร และอาจแบ่งได้เป็น 4 รูปแบบอย่างง่ายๆตามทฤษฎี “ดอกบัว 4 เหล่า” ได้แก่ 

     วัฒนธรรมองค์กรแบบ “บัวใต้น้ำ” เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความมั่นคง และเสถียรภาพสูง ต้องการความถูกต้องเป็นหลัก จึงมีกฎระเบียบที่เข้มงวด มีแบบแผนชัดเจน สมาชิกปฏิบัติงานตามคำสั่ง และอยู่ในกฎระเบียบ ไม่เน้นความเจริญงอกงาม หรือแข่งขันกับผู้อื่น องค์กรประเภทนี้ได้แก่ หน่วยงานของทางราชการ ซึ่งทำธุรกิจชนิดผูกขาดไม่มีคู่แข่ง
       วัฒนธรรมองค์กรแบบ “บัวกลางน้ำ” องค์กรที่มีวัฒนธรรมแบบนี้ จะเน้นการทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป เจริญก้าวหน้าไปร่วมกันอย่างมั่นคง ไม่แข่งขันกับผู้อื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เน้นการทำงานเป็นทีม มีความยืดหยุ่น มีความยุติธรรมเท่าเทียมกัน รักสามัคคี ความผูกพันของสมาชิกแน่นแฟ้นประดุจญาติพี่น้องในตระกูลเดียวกัน องค์กรประเภทนี้ได้แก่ หน่วยงานที่เป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว รัฐวิสาหกิจบางแห่ง
        วัฒนธรรมองค์กรแบบ  “บัวปริ่มน้ำ” เป็นองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หวังความเจริญงอกงามมากกว่าความมีเสถียรภาพ มีการส่งเสริมและสนับสนุนทรัพยากรมนุษย์ เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆที่มีความจำเป็น และหาสิ่งใหม่ๆเข้ามาในองค์กร แม้จะเน้นผลสำเร็จหรือผลประกอบการ แต่ก็ยังคำนึงถึงความมั่นคง ไม่ใช่จ่ายเกินงบประมาณหรือมากเกินไป องค์กรประเภทนี้คือ องค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กส่วนใหญ่ในภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจบางแห่ง
       วัฒนธรรมองค์กรแบบ “บัวพ้นน้ำ” องค์กรที่มีวัฒนธรรมแบบบัวพ้นน้ำจะมีวิสัยทัศน์แบบเป็นหนึ่ง มุ่งเน้นการแข่งขันและผลประกอบการ ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ ทำงานเป็นทีมทั้งในระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ การทำงานจะเป็นระบบทุกขั้นตอน สมาชิกในองค์กรเข้าใจเป้าหมาย และแผนยุทธศาสตร์ขององค์กรเป็นอย่างดี  มีความมุ่งมั่น คิดสร้างสรรค์ สามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่ต้องรอคำสั่ง มีวัฒนธรรมแบบการมีส่วนร่วมในระดับสูง มีการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นระบบ มองความสำเร็จขององค์กรมากกว่าตนเองและพวกพ้อง เป็นวัฒนธรรม ที่เน้นความสำเร็จทั้งในด้านยอดขาย กำไร ส่วนแบ่งการตลาด และการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและชุมชน ตัวอย่างองค์กรประเภทนี้ได้แก่  องค์การมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งภาคเอกชนและราชการ
      องค์กรที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันดังที่กล่าวข้างต้น ไม่ใช่แต่จะมีเป้าหมายและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังมีแรงจูงใจและผลตอบแทนที่แตกต่างกันอีกด้วย องค์กรวัฒนธรรมบัวพ้นน้ำจะมีแรงจูงใจสูง ค่าตอบแทนเป็นไปตามผลงานที่ทำได้  การแข่งขันและความคาดหวังจึงมากกว่าองค์กรวัฒนธรรมบัวปริ่มน้ำ ที่แรงจูงใจไม่สูง การแข่งขันไม่มาก ความผิดพลาดเป็นบทเรียน การปฏิบัติงานไม่ได้ดังเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยังเป็นสิ่งปล่อยปละละเลย และอาจไม่มีการทบทวนได้

การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร…… คนไม่ใช่เครื่องจักร

ทุกองค์กรต้องการความยั่งยืนอย่างถาวร จึงจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพขององค์กร ให้สามารถแข่งขันในเชิงธุรกิจ กลายเป็นองค์กร “บัวพ้นน้ำ” หลายๆองค์กรต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้าง พัฒนาศักยภาพของทรัพยากรต่างๆโดยเฉพาะ ทรัพยากรมนุษย์และระบบสารสนเทศ จัดให้มีการจัดฝึกอบรม ให้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ สนับสนุนในด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินกิจการองค์กรให้พัฒนามากขึ้นอย่างที่อยากจะเป็น เพราะไม่ได้พัฒนาวัฒนธรรมการทำงานให้เกิดขึ้น การบริหารและสั่งการยังเป็นในรูปของการบริหารแบบดั้งเดิม หรือแบบเถ้าแก่ พนักงานมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง และข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำงาน และผลผลิตที่เกิดขึ้น ถือเสมือนคนเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรในการผลิต โดยลืมไปว่า คนในองค์กรไม่ใช่เครื่องจักร ที่จะผลิตสินค้าให้ตามที่ผู้บริหารต้องการเพียงแค่ ซื้อมา (รับเป็นพนักงาน) ให้พลังงาน (จ่ายเป็นเงินเดือน) แล้วเปิดเครื่อง (สั่งให้ทำ) หากอะไหล่เสื่อมหรือเสีย ก็ปรับเปลี่ยน (ย้ายแผนก หาคนใหม่) ซ่อมแซม (อบรม ฝึกฝน) ให้สามารถใช้งานได้ต่อไป  พนักงานที่คุมเครื่อง (หัวหน้าแผนก ผู้จัดการ) ไม่ต้องคิด เพียงแค่กดปุ่มเป็นก็พอ (ถ่ายทอดคำสั่ง) แต่คนมีความคิด มีอารมณ์ โลภ โกรธ หลง มีความรู้สึกร้อนหนาว สามารถติดต่อสื่อสารได้ และมีความต้องการอีกมาก โดยเฉพาะความก้าวหน้า ความท้าทาย มีทิฐิมานะ แตกต่างจากเครื่องจักรอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญ คนในองค์การสามารถที่จะทำให้องค์การมีความเป็นไปต่างๆนานาได้โดยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เป็น จักรคน ไม่ใช่ จักรกล (ต่อตอนที่ 3)

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- วัฒนธรรมองค์กร (ตอนที่ 3)
- วัฒนธรรมองค์กร (ตอนที่ 1)
- ลูกค้า VIP
- เปลี่ยนอีกนิด.... เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น (ตอนที่ 2)
- ลูกค้า VIP (ตอนที่ 1)
จากบทความของ รศ.นพ.องค์การ เรืองรัตนอัมพร ใน blog cardio ok


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-05-28 , Time : 22:34:24 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 70


                                                  disingenuous man

      วันนี้หลังเสร็จการนำเสนอ QA.เรื่องการวิจัยแล้ว ซึ่งก็เช่นเคยเหมือนทุกครั้งที่ท่านคณบดีต้องพูดต่อหน้าผู้มาเยือนคือท่านวิทยากรผู้ให้ความกรุณาทำหน้าที่วิพากษ์  และอาจารย์จากคณะอื่น ทุกท่านคงเดาได้ว่าท่านคณบดีจะพูดอย่างสวยงามเพียงใด ผู้ฟังฟังแล้วประทับใจปรารถนาที่จะบากบั่นพากเพียรทำวิจัยเชิงลึกมุ่งเป้าอย่างลืมตัวลืมตนไปกับท่านคณบดีเสียเหลือเกินครับ แต่นั่นสำหรับคนที่เพิ่งได้พบท่านคณบดีในครั้งแรกเท่านั้นครับ สำหรับพวกเราเกือบทุกคนรู้ซึ้งว่าท่านพูดไปเช่นนั้นเองแต่การกระทำนั้นต้องดูกันต่อไปอีกครั้งหนึ่ง
      อาจารย์วัยกลางคนท่านหนึ่งบ่นกับผมหลังออกจากห้องประชุมว่า ท่านพูดในที่ประชุมเสียอย่างดีว่าจะส่งเสริมกันอย่างเต็มที่ แต่เวลาทำจริงกลับตรงข้าม ท่านคณบดีข่มขู่จะยุบหน่วยงานที่อาจารย์ท่านนั้นทำงานอยู่เรื่อยๆ นี่ไม่นับที่ยุบไปแล้วจริงๆหลายหน่วยนะครับ
       เจ้าหน้าที่ของคณะแพทยศาสตร์ท่านหนึ่งที่เป็นหญิงสาวสวยอายุน้อยเดินตามหลังมาได้ยินเราบ่นเข้า จึงพูดเสริมว่า แบบนี้เรียก disingenuous man ค่ะ  ผมจึงหันไปถามด้วยความทึ่งในความหมายที่เธอพูดว่า ทำไมเธอถึงรู้จักศัพท์พวกนี้ได้ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นหูกัน เธอตอบว่า อาจารย์ฝรั่งที่สอนการสนทนาภาษาอังกฤษ ที่เธอไปเรียนในเมืองหาดใหญ่บอกมา เพราะในช่วงหลังนี้บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ยกมาพูดคุยกันมักเป็นเรื่องพฤติกรรมที่เราทราบกันดีของท่านคณบดีคณะแพทยศาสตร์อยู่บ่อยๆครับ
     ผมฟังแล้วอดตกใจไม่ได้ครับ ว่าพฤติกรรมของท่านคณบดีได้เข้าสู่วงสนทนาระดับอินเตอร์แล้ว ถึงกับได้รับการยกมาให้เป็นบทเรียนในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แม้ว่าจะเป็นสาขาหาดใหญ่ก็ตามครับ
     ท้ายสุดนี้ผมขอกราบเรียนท่านคณบดีด้วยความจริงใจครับว่า ต่อไปนี้ กรุณารักษาคำสัตย์ดุจชีวิตของท่านเอง เพราะถ้าท่านไม่รักษามันให้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่คณะแพทยศาสตร์อันเป็นที่รักของพวกเราจะพังทลายเท่านั้น แม้แต่ตัวท่านเองก็จะไม่เหลือเกียรติให้ลูกหลานกล้าเอ่ยถึงในอนาคตอันจะมาถึงในไม่ช้าแน่นอนครับ
                                            เคารพในภูมิปัญญาของทุกท่าน
                                                   อานนท์ วิทยานนท์

       


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-06-01 , Time : 01:18:21 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 71




   เยี่ยมมากครับ อาจารย์อานนท์.
ผมได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษจากอาจารย์อานนท์ดียิ่งขึ้นครับ.
ขอคัดลอกคำแปลของคำว่า disingenuous มาให้ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านอ่านครับ
รู้ความหมายแล้วว่าdisingenuous แปลว่าอะไร ก็เติมคำว่า
"ผู้ชาย(man)"ลงไปก็ได้ความหมายที่สมบูรณ์ครับ
แล้วเมื่ออ่านบทความที่อาจารย์อานนท์เขียนข้างบนเกี่ยวกับdisingenuous man
และลองนั่งนึกถึง ชายคนที่อาจารย์อานนท์เขียนไว้
ท่านผู้มีเกียรติต้องเอ่ยคำนี้แน่นอน "เป๊ะเลยครับ"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Your Vocabulary Building and Communication Training Center
Vocabulary Improvement Resources for Parents, Students and Professionals
Home Expand and Learn Look Up and Learn Invest and Grow Contact Us
HOME - LOOK UP and LEARN
V2 Vocabulary Building Dictionary

-------------------------------------------------------------------------------------

disingenuous
adjective
Definition: 1. failing to reveal the full story or whole truth.
2. appearing sincere, but actually being false and insincere

Synonyms: insincere, deceitful, dishonest, duplicitous

Antonyms: honest, frank, sincere

Tips: Disingenuous is related to the word genuine. Someone who is
disingenuous is NOT acting in a genuine (sincere and true) manner. The word disingenuous is often used in the context of politics, sometimes insinuating cynical or calculating behavior.

Usage Examples:

Her disingenuous retelling of the story made her out to be the hero, when really it was her brother who did most of the work. (dishonest)

The letter was full of empty, disingenuous praise that the man considered to have no real value. (insincere)

To be honest, I thought the candidate s speech was disingenuous, and I don t think he will truly carry through with any of his promises.
(insincerel, duplicitous)

His apology was clearly disingenuous, and I could tell he wasn t sorry at all. (dishonest, insincere)


Want to Learn More Words Like disingenuous?
Discover How You Can Improve Your
Vocabulary 10 to 100 Times Faster with
the Power Vocabulary Builder
Dear Friend,

The definition and lessons for the word disingenuous were made available by the Power Vocabulary Builder.

The Power Vocabulary Builder will help you develop a fuller, richer
vocabulary 10 to 100 times faster than any other program available.

Visit the the Power Vocabulary Builder site right now to discover how you can get full access to this breakthrough program today.

induce - Definition of induce
gauche - Definition of gauche
juxtaposed - Definition of juxtaposed
deleterious - Definition of deleterious


FREE E-mail Course.
Drop your details in the boxes below to receive a FREE vocabulary course:

FREE Vocabulary Course by E-mail!
Drop your details in the boxes below to receive a FREE vocabulary course:


Quick Search
Online Dictionary Improve Vocabulary Vocabulary Builder Test Prep
Vocabulary Word of the Day Vocabulary List College Vocabulary High School
Vocabulary Power Words Business English Executive Vocabulary ESL
Vocabulary Software Vocabulary CDs

Copyright and 169. 2007 Execucomm INC. All rights reserved.
Home . Contact Us . Privacy Policy . Articles . Sitemap



Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) ,
Date : 2013-06-02 , Time : 17:01:38 , From IP : mx-ll-223.204.141-235.dynamic.3bb.co.th


ความคิดเห็นที่ : 72


                              เมื่อถึงคราวท่านคณบดีต้องถูกประเมินการทำงานบ้าง 

     ทุกท่านคงตระหนักดีว่า ท่านคณบดีของเราชอบอ้างความเห็นของอนุกรรมการ เวลาจะประเมินว่าใครทำงานดีหรือไม่ดี หน่วยไหนควรยุบหรือไม่ และก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ในยุคสมัยหนึ่งอนุกรรมการเห็นว่าคนยังขาดแคลน ต้องเพิ่มบริมาณและเงินเพื่อเป็นแรงจูงใจ แต่มาสมัยของท่านคณบดีท่านนี้กลับเป็นว่ากรรมการพิจารณาว่าคนเกินงานไปเสียทุกที่ ทุกคนทราบดีว่าความเห็นของกรรมการที่ว่านี้เป็นเพียงข้ออ้างของท่านคณบดี ถ้ากรรมการประเมินแล้วผลไม่เป็นที่พอใจของท่านคณบดี ท่านจะให้ไปประเมินใหม่ จนกว่าจะได้ผลตามที่ท่านตั้งธงไว้ นับเป็นการบริหารที่แย่ที่สุดเพราะแสดงว่า ผู้บริหารไม่กล้ารับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ต้องหาคนอื่นมารองรับความผิดและผลของการบริหารนั้นก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อมูลหรือข้อเท็จจริงแต่อย่างใด แต่ท่านมักจะอ้างกับคนที่ไม่มีข้อมูลว่าท่านบริหารด้วยการใช้ข้อเท็จจริง แต่ความจริงย่อมเปิดเผยตัวมันเองดังเช่นในการประชุมเรื่องการเกลี่ยงานของศูนย์คุณภาพเมื่อวันที่10 พฤษภาคมนั้น ไม่มีข้อเท็จจริงว่าคนเกินงานแต่อย่างใด และท่านก็โกหกว่าที่คนออกก็เพราะพวกเขาออกกันเอง ท่านไม่รู้เรื่องเลยและไม่อยากให้ออกด้วย แต่ก็ถูกจับโกหกได้ว่าท่านมีคำสั่งด้วยวาจาให้ลดคนครับ ครั้นพอมาถึงการลดคนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็บอกว่าอนุกรรมการวิเคราะห์แล้ว พบว่าคนเกินงานแล้วก็บีบพวกเขาให้ลาออกอย่างขาดมนุษยธรรมโดยใช้คำสั่งที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร แถมยังมีการโกหกพี่น้องอีกว่าไม่เคยคิดจะให้ใครออกเลย จะอยู่ที่เดิมก็ได้ สิทธิทุกอย่างจะคงเดิม แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านคณบดีมีความต้องการจะจ้างยามจากภายนอกมาแทนเท่านั้นเองครับ นี่เป็นพฤติกรรมของท่านในการประเมินและบริหารผู้ใต้บังคับบัญชา ช่างขาดความยุติธรรม ไร้ความรับผิดชอบ และไร้มนุษยธรรม รวมทั้งขาดศิลธรรมทุกประการโดยสิ้นเชิง ที่สำคัญท่านบริหารด้วยการโกหกหลอกลวง ซึ่งเป็นความเลวอันเป็นต้นกำเหนิดของความเลวทั้งปวงครับ
   ครั้นท่านต้องการข้อมูลจากความเห็นของพี่น้องที่มีต่อการบริหารงานเพื่อนำไปสัมนากรรมการคณะ อันเป็นภาคบังคับที่ต้องทำ ท่านก็ใช้วิธีออกแบบสอบถามแบบเลี่ยงๆตั้งคำถามที่บังคับคำตอบและประกอบกับคนที่ให้คำตอบในแบบสอบถามอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยจากอำนาจบริหารถ้าแสดงความคิดเห็นต่อการบริหารของท่านไปตามความเป็นจริง ทำให้คนตอบแบบสอบถามน้อยมาก แต่กระนั้นก็ยังได้ใจความครับว่า หลังจากที่มีการเปลี่ยนทีมบริหารชุดใหม่นั้น คนทำงานไม่มีความสุข และต้องการให้มีการบริหารด้วยจริยธรรมมากขึ้น แต่ท่านผู้นำกลับตอบต่อกรรมการคณะทำนองว่า นี่เป็นแค่สถานการณ์ชั่วคราวเดี๋ยวอารมณ์นี้ก็หายไปเอง แทนที่ท่านจะรับความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมาแล้วนำมาปรับปรุงการทำงานของท่าน
     พฤติกรรมเช่นนี้ช่างตรงข้ามกับวิธีการที่ท่านเรียกร้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้ข้อมูลที่เป็นจริงในการปรับปรุงงานเสียเหลือเกิน เรียกได้ว่า เป็นผู้นำแบบ "ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง" ซึ่งก็หนีไม่พ้นการโกหกที่เป็นต้นกำเนิดของความเลวทุกประการอีกนั่นแหละครับ
    เรื่องใหญ่ตอนนี้ คือขณะนี้ถึงเวลาที่ต้องประเมินการทำงานของท่านคณบดี เพื่อเสนอต่อท่านอธิการบดี เจ้าภาพในการนี้ก็คือกรรมการคณะแพทยศาสตร์ครับ ซึ่งต้องเลือกประธานและกรรมการที่จะประเมิน โดยวิธีการนั้นต้องใช้การประชุมเลือกตั้งกันอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาครับ แต่ท่านคณบดีกลับหลบเลี่ยง โดยส่งเป็นจดหมาย มาให้กรรมการคณะทุกท่านเลือกกรรมการประเมินโดยให้ทำเครื่องหมายกากบาทหน้ารายชื่อของกรรมการที่ท่านคณบดีเสนอชื่อขึ้นมาเอง โดยอ้างว่า ไม่มีเวลาจะประชุมกรรมการคณะเพราะติดงานต่างๆนานาต้องเลื่อนการประชุมออกไป ซึ่งทุกคนทราบดีว่าตอนนี้ท่านคณบดีกุมสภาพการประชุมไมได้ ท่านมีความเสี่ยงที่จะได้กรรมการประเมินคณบดีที่ท่านอาจกุมสภาพไม่ได้เลยมาทำการประเมินการทำงานของท่านครับ ท่านจึงใช้วิธีหลบเลี่ยงเช่นนี้ และอ้างว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบทำให้เสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งๆที่กรรมการคณะทุกท่านทราบดีว่า ในการประชุมทุกๆครั้งที่ผ่านมาเรียกได้ว่า เรื่องที่ท่านคณบดีนำเข้าสู่ที่ประชุม ส่วนใหญ่ล้วนไร้สาระ เป็นทำนองว่าแค่ให้มีการประชุมให้แล้วเสร็จไป และท่านคณบดีจะไม่ยอมให้กรรมการคณะลงมติใดๆเลย ท่านจะค้างเรื่องไว้แล้วไปดำเนินการต่อด้วยความเห็นของท่านเองซึ่งส่วนใหญ่มักตรงข้ามกับความเห็นที่กรรมการส่วนใหญ่เสนอในที่ประชุม แต่ท่านก็จะอ้างได้ครับว่า เรื่องที่ท่านดำเนินการไปนั้นได้มีการพิจารณาในกรรมการคณะแล้ว แต่คนภายนอกใครบ้างจะทราบว่ากรรมการคณะไม่เคยได้ลงมติ และแนวทางที่ท่านคณบดีนำไปปฏิบัติส่วนใหญ่เป็นแนวทางที่กรรมการคณะส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยครับ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าสำหรับเรื่องเวลานั้นมีเหลือเฟือในการประชุมช่วงที่ผ่านๆมาแต่ท่านไม่นำเข้าบรรจุเป็นวาระการประชุมเอง ทว่ากลับวางแผนที่จะหลบเลี่ยงและอ้างเหตุผลข้างๆคูๆตามนิสัยคดในข้องอในกระดูกของท่านนั่นเองครับ
    คราวนี้ก็เช่นกัน ท่านคณบดี ใช้วิธีที่เลวทรามเพื่อแอบอ้างอำนาจของกรรมการคณะ ในการแต่งตั้งกรรมการที่จะประเมินการทำงานอันเลวร้ายของตนเองครับ พี่น้องลองคิดดูตื้นๆไม่ต้องลึกซึ้งมากนักก็ได้ว่า ถ้ากรรมการคณะทุกท่านส่งใบลงคะแนนเลือกกรรมการประเมินคืนไปให้ท่านคณบดี แล้วท่านคณบดีเกิดไม่พอใจกรรมการที่ได้รับการเลือก ท่านจะเปลี่ยนกรรมการได้ไหม? ง่ายนิดเดียวครับ ก็เพียงให้ท่านรองคณบดีที่อยู่ใต้อาณัติของท่านเลือกมาใหม่ เอาพอให้คนที่ท่านต้องการ ชนะเล็กน้อยก็พอครับ นี่ไม่นับการตัดโอกาสของคนที่เหมาะสมอื่นๆที่ท่านไม่เสนอชื่อมาในแผ่นกระดาษเหล่านั้นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากด้วยครับ สรุปว่ากระบวนการในการคัดเลือกกรรมการทั้งหมดไม่โปร่งใส และผิดกฎการประชุมในกรณีย์ที่ต้องมีการลงมติของกรรมการคณะอย่างชัดเจนครับ
   นี่เป็นวิธีการฉ้อฉลอำนาจการตรวจสอบของกรรมการคณะโดยท่านคณบดี ที่ทำอย่างเงียบๆแต่ทว่าเลวร้ายที่สุดครับ แต่ถ้าจับได้ไล่ทันท่านก็จะกลับลำ มากล่าวหาพวกเราอีกว่า "คิดมาก มองโลกในแง่ร้าย ขอให้เชื่อใจคณบดีว่าไม่ทำเรื่องเลวร้าย" ซึ่งท่านล้วนเคยใช้มาแล้วจนพวกเราเบื่อ และไม้สุดท้ายที่เคยใช้อีกเช่นกันคือ กล่าวหาคนที่ไม่เห็นด้วยกับท่านว่ามีปัญหาส่วนตัวกับท่านแล้วแอบอ้างมาทำร้ายท่านด้วยเรื่องของงาน หรือไม่ก็ใส่ความว่าถูกฝ่ายตรงข้ามจ้างวานมาทำลายท่านไปโน้นเลย ดังที่พี่น้องทุกท่านเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วครับ ดังนั้นในคราวนี้ขอให้พวกเราตั้งตาดูว่าท่านจะโกหกว่าอย่างไรอีก
   สุดท้ายนี้ผมขอยืนยันให้ชัดเจนว่าผมไม่ได้ต่อต้านกรรมการประเมินชุดนี้เพราะผมยังไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกันบ้าง แต่ผมขอต่อต้านวิธีการคัดเลือกและต่อต้านผู้นำท่ีฉ้อฉลและแอบอ้างอำนาจของกรรมการคณะแพทยศาสตร์ไปเพื่อปิดบังผลงานอันเลวร้ายของตัวเองครับ
     ผมเคยได้อ่านบทความชิ้นหนึ่ง ซึ่งมาถึงตอนนี้คิดว่ามีประโยชน์ที่จะทำให้เรารู้จักคนคนหนึ่งได้ชัดเจนขึ้น โดยในตอนสุดท้ายผู้เขียนได้ตั้งคำถามกับผู้อ่านว่า "อะไรเอ่ย คดในข้อ งอในกระดูก  ข้าต้องถูกอยู่คนเดียว?"
    พี่น้องที่รักครับ มาถึงตอนนี้ ท่านสามารถตอบคำถามนี้ได้ชัดเจนหรือยังครับว่าคือ "อะไร"กันแน่
                                   เคารพในวิจารณญาณของทุกท่าน
                                            อานนท์ วิทยานนท์ 
     


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-06-04 , Time : 20:13:26 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 73


                                       มือท่ีถือสากและปากที่ถือศีลของท่านผู้นำ

  บางท่านถามผมว่า กะอีแค่การให้ลงคะแนนทางจดหมายอย่างที่ท่านคณบดีทำจะเลวทรามแค่ไหนกัน?
ผมขอเรียนว่าเรื่องนี้มีประวัติศาสตร์ และมีความเห็นที่ชัดเจนแล้วในกรรมการคณะว่าห้ามทำครับ แต่ท่านคณบดีก็แกล้งทำไขสือเพื่อฉกฉวยเอาประโยชน์ส่วนตัวจนได้ครับ
   เริ่มตั้งแต่เป็นข้อห้ามที่จะทำการใดๆในการลดอำนาจการตรวจสอบของกรรมการคณะครับ ผมเรียนรู้จากท่านคณบดีเองตอนที่ท่านยังไม่เป็นผู้บริหารแต่เป็นแค่กรรมการคณะเฉยๆ ท่านกล่าวว่า"ผู้บริหารกรุณาอย่าใช้คำพูดว่าให้เชื่อใจคณบดี เพราะนี่เรากำลังทำงานขององค์กรที่ทุกอย่างต้องทำในนามกรรมการคณะ การเชื่อใจคณบดีไม่ได้แปลว่ากรรมการคณะไม่ต้องทำงานเพราะว่าผู้รับผิดชอบองค์กรนี้คือกรรมการคณะที่เป็นนิติบุคคล ทุกอย่างต้องโปร่งใสรับรู้กันได้ทุกคน"  ครั้นท่านขึ้นเป็นคณบดีเสียเองท่านกลับพูด อีกอย่าง เช่นว่า ให้เชื่อใจคณบดี อย่าพูดคัดค้านท่านมากนักแม้ในเรื่องงานเพราะเดี๋ยวคนจะเข้าใจว่าคนคัดค้านมีเรื่องส่วนตัวกับท่าน หรือเมื่อมีิอาจารย์บางท่านขอปรึกษาท่านเรื่องการใช้ยากับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดมากเกินไป ท่านกลับถือเป็นเรื่องส่วนตัวว่า "นี่อาจารย์อยากเลื่อยขาเก้าอี้ผมหรือ ถึงได้คัดค้านนโยบายเรื่องนี้" 
   ครั้นกรรมการคณะไม่ค่อยเห็นด้วยกับความเห็นของท่านคณบดีจนท่านเองคุมการประชุมให้เป็นกรรมการตรายางไม่ได้ ท่านกลับเสนอแนวทางการประชุมที่จำกัดอำนาจของกรรมการคณะขึ้นมา เช่น ห้ามพูดถึงญัตติใดๆที่ไม่ได้เสนอก่อนล่วงหน้าสามวันโดยต้องให้คณบดีบรรจุในวาระก่อน ทำให้การบรรจุวาระเรื่องการเกลี่ยงานคราวที่ผ่านมาต้องคอยเวลาเลื่อนไปมาถึงสามสัปดาห์ครับ เพราะคณบดีไม่ยอมบรรจุวาระการประชุมให้
ที่สำคัญคือ ท่านเสนอหลักการที่ผิดกฎหมายว่า ถ้ามีเรื่องเร่งด่วนให้แจ้งกรรมการคณะทางจดหมายและลงมติทางจดหมายได้ แต่กรรมการคณะไม่ยอมครับ เพราะมีกฎหมายที่ชัดเจนแน่นอนเกี่ยวกับการลงมติของกรรมการคณะว่า
คนที่ลงมติได้ต้องเป็นคนที่มาประชุม และองค์ประชุมต้องเกินกึ่งหนึ่งถึงจะลงมติได้ และการลงมติ ทำได้โดยการยกมือขึ้นสูงกว่าศรีษะครับ ตอนนั้นกรรมการคณะไม่ยอมให้มีการลงมติทางจดหมายตามที่ท่านคณบดีเสนอครับ
เพราะผิดกฎหมาย และทุกท่านคงเข้าใจได้ง่ายๆว่า ถ้ายอมให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องมีการประชุมของกรรมการคณะแล้ว จำนวนองค์ประชุมก็ไม่จำเป็น  ถ้ามีคนที่เห็นด้วยกับท่านคณบดีในการลงมติทางจดหมายไม่ครบองค์ประชุมก็ค่อยตามเก็บเอาจนครบจนได้  จะเห็นได้ว่าการลงมติทางจดหมายนั้นผิดหลักการทั้งเรื่องการครบองค์ประชุมและหลักการเรื่องการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสสระ ของกรรมการคณะ รวมทั้งหลักการของความโปร่งใสที่ผลของการประชุมเป็นที่ตรวจสอบได้ในทันทีที่ลงมติครับซึ่งผลการลงมตินี้ต้องมีการบันทึกในบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการครับ
      ตอนนั้นเป็นอันว่าคณบดีไม่สำเร็จในการพยายามฉ้อฉลอำนาจการตรวจสอบของกรรมการคณะครับ
      แต่ช่วงหลังก็ยังไม่วายพยายามใช้ความคดเพื่อให้ได้ตามอำเภอใจของตนอยู่เนืองๆครับ
       เช่นในการเสนอชื่ออาจารย์ดีเด่นประจำปี อันเป็นอำนาจของกรรมการคณะที่จะคัดเลือกขึ้นมา ท่านคณบดีก็รีบเร่งเสนอชื่ออาจารย์ท่านหนึ่งเข้าให้กรรมการคณะพิจารณา แต่แทนที่จะเสนอโดยพิจารณาเป็นการภายในกรรมการ ท่านกลับเสนอชื่ออาจารย์ท่านนั้นโดยบรรจุชื่อในวาระการประชุมให้สังคมทราบก่อนที่กรรมการคณะจะมีมติ ซึ่งเป็นการใช้แรงกดดันทางสังคมและความเกรงใจในอาจารย์ผู้ใหญ่บีบบังคับกรรมการคณะทางอ้อมครับ เมื่อกรรมการคณะทักท้วง ท่านคณบดีก็แก้ตัวว่า พวกท่านเห็นแก่งานจนลืมนึกไปว่าได้ละเมิดอำนาจกรรมการคณะต้องขอโทษกรรมการคณะด้วย
       กรรมการคณะทุกท่านจะเห็นว่าท่านคณบดี พยายามยัดเยียดความเห็นของตัวท่านเองให้กลายเป็นความเห็นของกรรมการคณะโดยใช้ความเกรงใจ โดยการทำให้รู้สึกตกกระไดพลอยโจนและทำให้รู้สึกว่าคนที่ค้านท่านนั้นเรื่องมาก พยายามจับผิดท่านจนเกินงาม
       แล้วในที่สุดท่านก็ใช้วิธีที่กรรมการคณะไม่ยอมรับแต่ท่านพยายามยัดเยียดให้จนชินชาและท่านก็เคยยอมรับว่าผิดและขอโทษกรรมการคณะไปแล้วนี้ เพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง ในการตั้งกรรมการประเมินการทำงานของท่านเองโดยให้ลงมติทางจดหมายโดยมีชื่ออาจารย์อาวุโส ท่ีท่านคณบดีเสนอเองมาให้เลือกอย่างเรียบร้อย ผิดทั้งหลักของการครบองค์ประชุม และหลักการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสสระของกรรมการคณะ รวมทั้งขาดการลงมติอย่างเปิดเผย  อีกทั้งการที่เสนอชื่ออาจารย์อาวุโสมาก่อนนั้นเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง แทนที่จะให้กรรมการคณะเป็นผู้เสนอเอง หรือท่านคณบดีอาจเสนอในกรรมการคณะในขณะประชุมก็ได้ครับ แต่ไม่ใช่เสนอชื่อมาก่อนพร้อมพิมพ์ลงในจดหมายให้สังคมรับทราบไปก่อนล่วงหน้า เป็นการใช้เกียรติยศของท่านอาจารย์อาวุโสท่านต่างๆมาบีบบังคับกดดันกรรมการคณะทางอ้อมครับ
    เป็นไปได้ไหมที่ท่านคณบดีไม่ทราบว่าเรื่องนี้ผิดกฎหมาย ? ถ้าใครคิดได้เช่นนี้ ก็สมควรลาออกจากคณะแพทยศาสตร์ได้แล้วครับ  เพราะท่านคณบดีเองก็เคยแพ้มติและเคยต้องยอมรับผิดกับกรรมการคณะมาแล้วในเรื่องทำนองนี้และทุกท่านต้องรู้ว่าท่านคณบดีเป็นผู้แม่นยำและรอบรู้กฎหมายตัวฉกาจ หลักการของท่านไม่เคยพลาด อีกทั้งเป็นผู้ชำนาญในการใช้จิตวิทยา  ท่านเคยแสดงบทบาทเป็นกรรมการคณะได้สุดยอดไม่มีที่ติซึ่งพวกเราเคยรับรู้ด้วยความประทับใจในตัวท่านอย่างยิ่ง จนหลงผิดเลือกท่านมาเป็นคณบดี แต่น่าเสียดายที่ความเป็นอัจฉริยะของท่านนั้น ที่แท้ก็ถูกนำมาใช้สนองความคดในข้องอในกระดูกของตัวท่านเองเท่านั้นครับ
    เราควรคอยจับตาดูละครฉากต่อไปของท่านคณบดี ว่าความคดอัจฉริยะของท่านผู้นำจะผูกพันตัวท่านและลากท่านลงสู่ก้นหลุมแห่งความชั่วร้าย และไฟแห่งความชั่วนั้นจะเผาผลาญจนท่านเสื่อมเกียรติ์หมดสิ้นในที่สุดอย่างไรครับ
                                          เคารพในวิจารณญาณของทุกท่าน
                                                  อานนท์ วิทยานนท์
     
    


Posted by : อานนท์ , E-mail : (varnont@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2013-06-09 , Time : 22:05:06 , From IP : 172.29.55.120


ความคิดเห็นที่ : 74


   
                                    ทางออกของท่านคณบดี กับทางรอดของสังคมนี้

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน
     ผมมีข่าวดีมาแจ้งต่อพี่น้องว่า ในที่สุดท่านคณบดี ก็ทนแรงกดดันแห่งคุณธรรมของสังคมนี้ไม่ได้ ต้องนำญัตติการลงคะแนนเลือกกรรมการประเมินการทำงานของตัวท่านเอง กลับเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการคณะอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนนี้ ภายหลังจากที่บอกเลิกการประชุมและหลบเลี่ยงให้มีมติทางจดหมาย อันเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบการประชุมและไม่โปร่งใสเป็นอย่างมาก โดยตอนแรกท่านอ้างว่าไม่มีเวลา แต่หลังจากที่ผมนำเสนอข้อมูลสู่สังคมและสังคมนี้รู้เท่าทันท่านแล้ว ท่านคณบดีจึงเริ่มมีเวลาในการประชุมกับกรรมการคณะซึ่งเป็นตัวแทนของพี่น้องทุกท่านแล้วครับ
     แต่เรายังต้องจับตาดูกันต่อไปครับ เพราะรู้สึกว่าท่านคณบดีจริงจังกับการประชุมครั้งนี้มาก หลังจากที่สังคมนี้ทำให้ท่านตระหนักว่าอำนาจที่แท้จริงนั้นอยู่ที่กรรมการคณะและพี่น้องทุกท่านต่างหาก ท่านคณบดีได้ขอเลื่อนเวลาประชุมไปมาสามครั้งแล้วครับ ถ้านับการบอกยกเลิกการประชุมด้วย ซึ่งแสดงให้้เห็นถึงความวิตกกังวลและสับสนของท่าน ดังจดหมายเชิญประชุมที่เอามาให้ดูด้านล่างนี้
      ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายได้ว่า ในระหว่างการประชุมพรุ่งนี้ก็ต้องมีการวางแผนหลอกล่อยอกย้อนซ่อนเงื่อนให้กรรมการคณะหลงกลเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของท่านอีก แต่เอาเป็นว่าถึงแม้ท่านจะเจ้าเล่ห์แสนกลเพียงใด ก็ไม่ฉลาดเท่าการรวมพลังของกรรมการประจำคณะไปได้หรอกครับ 
      ผมจึงใคร่ขอเตือนท่านคณบดีว่า ในการประชุมกรรมการคณะวันพรุ่งนี้ เพื่อแต่งตั้งกรรมการประเมินผลการทำ
งานของตัวท่านเองนั้น ขอให้ท่านดำเนินการประชุมอย่างมีศักดิ์ศรี ซื่อสัตย์ ยุติธรรมและมีวาจาสัตย์  อย่าริโกหกหลอกลวงกรรมการคณะอีกเป็นอันขาด
      มิเช่นนั้น ท่านจะได้รับบทเรียน ที่องค์กรนี้จะมอบให้แก่ท่านในแบบที่ท่านไม่สามารถจินตนาการถึงได้แน่นอนครับ

                                             เคารพในวิจารณญาณของทุกท่าน
                                                  นพ. อานนท์ วิทยานนท์

  สำเนาจดหมายเชิญประชุมใหม่สองฉบับ ภายหลังที่มีจดหมายยกเลิกการประชุมไปแล้ว

"
Sent: Tue, 4 Jun 2013 12:17:31 +0700
Subject: ขอเชิญประชุมกรรมการประจำคณะ ครั้งที่ 10/2556 วันที่ 14 มิ.ย.56

เรียน  กรรมการประจำคณะและผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน

      ตามที่ได้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการประจำคณะ ทุกวันศุกร์ที่ 2 และ 4 ของเดือนนั้น เนื่องจากใน
วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556 คณะฯ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการบริหารกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย
ครั้งที่ 4/2556 โดยทาง กสพท. ได้มีหนังสือแจ้งการประชุมอย่างเป็นทางการมาแล้ว ว่าจะเสร็จสิ้นการประชุมในเวลา
14.00 น. (โดยประมาณ)

      ดังนั้น จึงขอเชิญประชุมคณะกรรมการคณะ *** ในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556 เวลา 14.15 น. *** ณ
ห้องประชุม A501 ชั้น 5 อาคารบริหาร คณะแพทยศาสตร์ โดยท่านสามารถ download ระเบียบวาระการประชุมได้ใน
ระบบ Med E-meeting ตั้งแต่วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 ช่วงเย็นเป็นต้นไป และขอความกรุณาให้ท่าน download
วาระการประชุมอีกครั้งก่อนการประชุม เพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน

      จึงเรียนมาเพื่อโปรดเข้าร่วมประชุมตามวัน  เวลา  และสถานที่ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง
เลขานุการกรรมการประจำคณะฯ

หมายเหตุ : กรณีที่ท่านไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้และมอบหมายผู้เข้าประชุมแทน กรุณาแจ้งให้
งานบริหารและธุรการทราบด้วย เพื่อเป็นข้อมูลเรียนคณบดีทราบต่อไป
------- End of Forwarded Message ------



-เรียน  กรรมการประจำคณะและผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน "

      ตามที่ได้แจ้งกำหนดการประชุมคณะกรรมการประจำคณะ ครั้งที่ 10/2556 ในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556 ไป
แล้วนั้น 
            *** ขอเปลี่ยนเวลาประชุม จาก 14.15 น. เป็น 14.30 น. ***  

      ณ ห้องประชุม A501 ชั้น 5 อาคารบริหาร คณะแพทยศาสตร์ โดยท่านสามารถ download ระเบียบวาระการ
ประชุมได้ในระบบ Med E-meeting ตั้งแต่วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 ช่วงเย็นเป็นต้นไป

      จึงเรียนมาเพื่อโปรดเข้าร่วมประชุมตามวัน  เวลา  และสถานที่ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง 

เลขานุการกรรมการประจำคณะฯ



---------- Forwarded Message -----------


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-06-13 , Time : 11:19:41 , From IP : 172.29.11.80


ความคิดเห็นที่ : 75






   
                                  ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งคุณธรรม ครั้งสำคัญ

พี่น้องชาวคณะแพทยศาสตร์ที่รักทุกท่าน
      ในที่สุดของการประชุมกรรมการประจำคณะแพทยศาสตร์ ในวันที่14มิถุนายนที่ผ่านมา ฝ่ายคุณธรรมก็ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งและเป็นครั้งสำคัญครับ เพราะว่าเป็นชัยชนะของระบบ เป็นชัยชนะของท่านกรรมการคณะทุกท่าน และเป็ันชัยชนะของพี่น้องทุกท่านและคณะแพทยศาสตร์อันเป็นที่รักของเราแห่งนี้ ต่อวิธีการอันคดในข้องอในกระดูกของท่านผู้นำ โดยกรรมการคณะได้มีมติยกเลิกการลงมติทางจดหมาย อันไม่โปร่งใส ที่ท่านคณบดีพยายามอย่างยิ่งในการยัดเยียดให้กรรมการคณะมีมติรับรองอีกครั้งหนึ่งในการประชุมคนั้งนี้ แต่องค์กรนี้รู้ทันความคดของท่านจึงได้มีมติให้คัดเลือกกรรมการประเมินการทำงานของคณบดีใหม่ในวันนั้นเลย โดยมีการเสนอชื่อผู้ที่สมควรต่อตำแหน่งอย่างอิสสระ มีการลงมติและนับคะแนนอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้  ซึ่งระบบที่โปร่งใสเช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการปกครองด้วยธรรมาภิบาลที่เราใฝ่หาครับ
   อาจารย์แพทย์หนุ่มน้อยไฟแรงที่ยึดการทำงานด้วยความบริสุทธ์ใจเป็นที่ตั้ง ที่นั่งข้างๆผม บ่นรำคาญว่ามัวแต่มาจับผิดท่านคณบดีกันแบบนี้เลยไม่ต้องทำงานกัน ใครๆก็อยากทำงานให้ดีทั้งนั้นแหละ ผมจึงตอบท่านว่า เราจะคิดว่าเราบริสุทธ์ใจในการทำงานแล้วคนอื่นเขาคงเหมือนกับเราคือบริสุทธ์ใจในการทำงานอย่างตรงไปตรงมาด้วยนั้น ถึงแม้เป็นความคิดที่ดี แต่อาจไม่ถูกต้องครับ ก็จะเหมือนกับชาวอีสาน หรือพวกเสื้อแดงที่ซื่อใสบริสุทธ์ และเชื่อว่า บรรดา สส.ที่คอยช่วยเหลือพวกเขานั้นเป็นคนดีทั้งต่อหน้าและลับหลังครับ เขาคงคิดไม่ออกครับว่าบรรดานักการเมืองที่พวกเขารักเคารพและเชื่อว่าเป็นคนดีเหมือนพวกเขาจะพูดต่อหน้าอย่างหนึ่งแต่ทำลับหลังอีกอย่างหนึ่งได้อย่างไร
 ดังนั้นการทำงานในองค์กรอย่างถูกต้องก็ต้องถือว่า แม้จะวางใจกันก็ไม่มีการยกเว้นที่จะใช้ระะบบและกฎเกณฑ์ที่เป็นกลางในการทำงานให้เกิดความโปร่งใสและให้เกิดความไว้ใจได้ต่อทุกผู้คนและสังคม ไม่ใช่เกิดความไว้ใจกันเฉพาะคนที่เรารู้จักกันเท่านั้นครับ
 ผมยังกล่าวกับท่านอาจารย์แพทย์ผู้นั้นอีกว่า  อาจารย์ลองคิดดูเรื่องการตั้งกรรมการประเมินท่านคณบดีนั้น ทำไมจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะถ้าการประเมินมีความถูกต้องและครอบคลุมแล้ว เสียงของคนไร้อำนาจตัวเล็กๆท่ีทำงานอยู่ตาม หลีบเล็กๆของคณะแพทยศาสตร์อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ยอมได้รับการรับฟัง ซึ่งจะทำให้ท่านคณบดีต้องทำงานด้วยความระมัดระวังและใช้จริยธรรมต่อพวกเขามากขึ้นครับ และถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆแล้ว ท่านคณบดีคงไม่ถึงกับต้องลงทุนคิดคดวางแผนที่จะแต่งตั้งกรรมการให้ได้ตามใจตนเองอย่างผิดจริยธรรมอีกครั้งหนึ่งหรอกครับ ถึงแม้จะไม่สำเร็จก็ตาม
 ท้ายสุดผมพูดกับท่านอาจารย์แพทย์ว่า สมมติว่านี่เป็นการตั้งกรรมการมาเพื่อประเมินจำนวนเงิน  top up ของตัวท่านอาจารย์แพทย์เอง ท่านยังปราถนาให้มีการตั้งกรรมการกันไปอย่างรวดเร็วลวกๆตามความปรารถนาของท่านคณบดีคนเดียวโดยตัวท่านเองไม่มีส่วนร่วมเลยอีกหรือไม่ และเรื่องนี้จะมีความสำคัญมากขึ้นมหาศาลในอีกสองปีข้างหน้า ที่คณะแพทยศาสตร์ต้องออกจากระบบราชการ เพราะการตัดสินใจของกรรมการประจำคณะในแต่ละตรั้งคราว สำหรับในช่วงเวลานั้นอาจหมายถึง การทำลายชีวิตการทำงานของคนกลุ่มหนึ่งที่อาจรวมถึงตัวท่านอาจารย์แพทย์เองด้วย และแน่นอนย่อมหมายถึงความอยู่รอดของครอบครัวทุกชีวิตที่พวกเขาต้องรับผิดชอบครับ
  และท้ายสุดที่เป็นบทสรุปของจดหมายฉบับนี้ก็คือว่า กระบวนการที่ถูกต้องโปร่งใสและยุติธรรมนั้น ย่อมนำมาสู่ผลลัพธ์ ที่ดีและงดงามครับ ในที่สุดกรรมการคณะได้ใช้กระบวนการที่ถูกต้อง เลือก "ท่่านอดีตคณบดีในดวงใจ" ของพี่น้องทุุกๆท่านเข้ามาเป็นประธานกรรมการประเมินการทำงานของคณบดี โดยไม่ใช้รายชื่อที่ท่านคณบดีเคยเสนอเองเออเองทางจดหมายแต่อย่างใดครับ

                                    เคารพในวิจารณญาณของทุกท่าน
                                            อานนท์ วิทยานนท์




Send from my iPad


Posted by : อานนท์ , E-mail : (arnontvittayanont@yahoo.com) ,
Date : 2013-06-18 , Time : 14:34:08 , From IP : 172.29.11.111


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.071 seconds. <<<<<