ก่อนอื่นรบกวนช่วยเอาแถบดำป้ายบริเวณตา ของทั้งชุดม่วงและชุดขาวที่แปลกปลอมไป (เหมือนเวลาที่ข่าวมูลนิธิปวีณาพาเด็กไปแจ้งความ) จำได้ว่าเช้าวันที่ 20 ธันวา แปดนาฬิกาสามสิบนาทีถึงเวลาที่ได้นัดหมายไว้กับอาจารย์หทัยรัตน์ เห็นนักศึกษาที่รับเวรอยู่อีกทีมหนึ่งพยามยามยืดคอมอง จึงเหมือนสัญญาณที่ทำให้นึกได้ว่าถึงเวลาต้องไป ใจหนึ่งก็รู้สึกคัดค้านว่าเราทำถูกหรือไม่เพิ่งรับเวรไปได้แค่เตียงเดียวอีกใจหนึ่งก็นึกว่าไม่เป็นไรเราไปไม่นาน ลำบากใจอยู่ได้ไม่นานพี่ๆน้องๆ ที่ SI เริ่มถามว่า แปดโมงครึ่งแล้วนะ ให้เด็กๆ หยิบร่มหลัง ward ไปได้ตามสบาย ขณะนั้นเลยไม่ต้องคิดอะไรแล้ว หกชีวิตวิ่งสี่คูณร้อยกันลงมา เห็นรถบัสจอดอยู่หน้าคณะไกลๆ ก็ยิ่งรีบกันเข้าไปใหญ่จน arrhythmia ก็ว่าได้ ขึ้นไปบนรถบัสมีแต่คนขับสุดหล่อ ใจหายไปอยู่ตาตุ่มว่าจะโดนสอบสวนมั๊ยเนี่ย แต่ก็นึกว่าเอาวะยังไงคงไม่ถึงกับประหารชีวิต เด็กๆ ดูมีความสุขจนออกนอกหน้าที่ไม่ต้อง conference รถออกไปรับน้องๆ พยาบาลที่ยืนสมทบหลบอยู่ใต้หลังคาตลาดสีเขียว แอบเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีของเกือบทุกคนว่า วันนั้นทุกคนแต่งหน้าแต่งตัวแบบจัดเต็มจริงๆ กว่าจะได้ขึ้นรถก็ผลัดกันเดินถอยหน้าถอยหลังกันไปมาเพราะเป็นห่วงว่าเพื่อนเวรดึกมาจะไม่เจอ จนสุดท้ายยอมขึ้นรถแต่โดยดีเมื่อบอกว่าเดี๋ยวจะให้กลับมารับอีกเที่ยว ทันทีที่ไปถึงป้อมยามศูนย์ประชุม มองเห็นคนในเครื่องแบบตำรวจทหารมากมาย อยู่ๆ ใจก็เต้นรัวขึ้นมา เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทำสิ่งที่เรียกว่า มาชุมนุม ลงจากรถไปพวกเราก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกเพราะแกนนำ His Excellency มนูญกับแม่ทัพโจ้ยังปักหลักยังกองกำลังอยู่ และคงด้วยความที่เป็นกรรมการใหญ่วันรับปริญญามาตลอดแนวหน้าวันดีกับหทัยรัตน์เริ่มสั่งการให้ตั้งแถวพร้อมๆ กับสายฝนที่เริ่มโปรยลงมาอย่างไม่ขาดสาย และนี่ก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ได้เห็นการแบ่งปันมีน้ำใจ สามคนกอดคอกันภายใต้ร่มเพียงคันเดียวไม่แบ่งแยกว่ากายภาพบำบัดหรือพยาบาล และเหมือนสวรรค์จะเมตตา มีทหารมาบอกว่าให้เราเข้าไปข้างใน ต่างฝ่ายต่างมาสัมภาษณ์พวกเรากันยกใหญ่แถมประกาศตัวประกาศใจอยู่เคียงข้าง ทำให้สีหน้าแนวร่วมทุกคนดูสดใสแววตาเป็นประกาย เมื่อตั้งแถวได้ที่ก็เริ่มคลี่กระจายป้ายข้อความออกมา ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคาดว่าเป็นข้อความที่กลั่นจากความรู้สึกและแปลงมาเป็นถ้อยคำที่สื่อไปในทางบวกและสร้างสรรค์ แต่ไม่ทันห้านาทีต่อมาก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจเมื่อมีบุคคลท่านหนึ่งเดินตรงปรี่มาพูดกับอาจารย์วันดีซึ่งส่งผลให้ลมออกหูว่า มาแบบนี้จะทำให้ผู้เช่าพื้นที่ไม่ไว้วางใจเราต่อไป ในใจตอนนั้นรู้สึกโกรธผิดหวังระคนเสียใจเพราะนึกว่าท่านจะมาถามไถ่แต่ไหงกลายเป็นหนังคนละตอน ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาภาพที่ทุกคนเห็นกับตาพร้อมกับเสียงเล่าต่อๆ กันว่า ให้เก็บป้ายเพราะเดี๋ยวออกสื่อไปจะกลายเป็นเสียภาพพจน์และให้ขยับมายืนเพียงข้างเดียว พร้อมกับข่าวกรองที่ว่ากำหนดการของท่านรัฐมนตรีที่เลื่อนถึง 3 ครั้ง บรรยากาศเริ่มห่อเหี่ยวรับรู้ได้ว่าเรี่ยวแรงกำลังที่น้องๆ เวรดึกรวบรวมกันมาดูเหมือนจะหมดลงในพริบตา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะนั้น คืออย่าว่าแต่ม็อบชาวนาชาวไร่นี่ขนาดเราไปแบบปัญญาชนยัง...........ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้มี gas น้ำตาเพราะว่าที่ตกอยู่ข้างในตัวพวกเราก็มากพอแล้ว ได้ยินเสียงฮือฮาว่าหรือว่าเราต้องเปลี่ยนจากการต่อสู้อหิงสามาใช้ความรุนแรง พร้อมๆ กับคำถามว่า นี่คือความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยที่ยังเหลืออยู่ใช่หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราก็สู้ยิบตาจากแปดนาฬิกาสามสิบนาทีถึงสิบเอ็ดนาฬิกาไม่มีใครที่จะแตกแถวหรือนั่งลง ในขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มอยู่ไม่ติดเพราะรู้สึกผิดว่านักศึกษาเสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมง สุดท้ายกลุ่มเห็นใจมวยรองก็แนะนำให้เราเปลี่ยนแผนใหม่ออกไปยืนสองข้างทาง ตำรวจที่อารักษ์ขาน่ารักมากแอบ ว. ต่อให้เรารับทราบว่าสิบเอ็ดนาฬิกามาแน่นอน ความหวังสลับกับการถอดใจเมื่อตำแหน่งถนนที่พวกเรายืนประจำการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับด้านที่ผู้มีอำนาจวาสนาจะลงมาจากรถ ใจที่หล่นหายไปเริ่มกลับมาเมื่อท่านผู้กำกับฯ มาบอกว่าให้ขยับแถวมาอยู่ใต้หลังคาเพราะท่านสั่งกำชับมาว่า อย่าให้เด็กๆ ที่มาตากฝน ศรัทธามาเป็นกองอย่างน้อยหากเจ้ากระทรวงคิดแบบนี้ก็สมควรคารวะท่านว่าไม่ผิดแล้วที่มาดูแลเด็กไทย ไม่ถึงสองนาทีต่อมาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็น ฯพณฯ ท่านลงจากประตูรถด้านขวาซึ่งก็แน่นอนว่าเผชิญหน้ากับกองกำลังของเราจังๆ และยิ่งตื้นตันใจจนแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นกลุ่มแกนนำได้สนทนากับท่านจากเดิมที่เวทีนี้ไม่มีเรา ไม่ว่าจะเป็นไปตามมารยาทหรือรับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะโดนเตะถ่วงอีกนานแค่ไหน อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันดีของเราอีกวันถ้าไม่รวมว่าเย็นวันนั้นต้องชด Ward กันเองกับเด็กถึงสิบแปดนาฬิกา ปล.หากโดนสอบวินัยช่วยส่งหน่วยสวาทไปช่วยด้วย ช่วยให้ได้ย้ายออกจากมหาลัยที Posted by : khomapak , E-mail : (khomapak.m@psu.ac.th) , Date : 2012-12-25 , Time : 19:28:07 , From IP : 115.67.135.198 |
ถึงท่านโฆษา (โฆษก + เลขา) จิรัชชยา & His / Her Excellencies ว่าด้วยเรื่อง Budget ดีๆ จ๊ะ โทษทีที่ฉบับก่อนรายงานข่าวตกไปเพราะนักข่าวเพิ่ง Clear คดีตัวเองเสร็จ อย่างที่ได้บอกพวกเราไปแล้วว่าทางคณะฯ กำลังรวบรวมเงินกันอยู่โดย อ. อ๋า (อ. วงจันทร์) หย่อนขวัญถุงให้ 5000 บาท และวันนั้นที่เราจับเข่ากันจะแอบเห็นว่า อาจารย์เกือบทุกท่านที่เข้าร่วม เช่น อ. เนตร อ. จา ควักเงินออกมาสบทบ จะมีก็แต่พี่คนเดียวที่ยังไม่ได้ควักเพราะวันนั้นในกระเป๋ามีแต่ slip บัตรเครดิตกับเครื่องประดับผมประมาณสามสี่สิบชิ้นที่สำคัญคือประมาณสองสามวันก่อนหน้านี้พี่ได้รับ email จาก อ. สุดศิริ สอบถามว่าจะให้ช่วยอะไรบ้างขาดเหลืออะไรให้ออก ยังไม่มีเวลาได้ตอบไปวันนี้ท่านบุกมาหาถึง office ถามโดยไม่ให้ตั้งตัวว่า บีบอกมาเลยว่าขาดเหลือเท่าไหร่ด้วยอารามดีใจแถม Good surprised สุดขีดเกือบหลุดปากตอบไปว่า เหลืออยู่สองล้านกว่าๆ ดีที่ยังมีสตินึกได้ว่านั่นมันคือราคาความเป็นไทของเราเอง เลยตอบอาจารย์ไปว่า แล้วแต่ศรัทธา เพราะทราบว่าศรัทธาของอาจารย์ประมาณค่าไม่ได้แน่นอน แต่เห็นว่าเป็นอาจารย์เลยขอแอบบอกว่า อ. อ๋า เปิดไปแล้วห้าพันถ้ายังไงอย่าให้ทิ้งห่างกันมากนักเดี๋ยวจะขัดใจกันเปล่าๆ เลยนึกออกว่าอย่างที่บอกพวกเราไปแล้วว่าเราน่าจะเปิดบัญชีให้เป็นเรื่องเป็นราวจะได้สะดวกสำหรับผู้มีจิตศรัทธาเผื่อว่าใครอยากจะบริจาคสี่ซ๊าห้าล้านแต่กลัวเกินหน้าเกินตาเพื่อนจะได้โอนเข้าบัญชีได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องฟอกเงินหากมีเงินไหลเข้าบัญชีผิดปกติขอให้แจ้งมาจะบอกเลขบัญชีกลับไปให้จะช่วยฟอกให้ไม่เหลือซักเซ็นต์เดียว เอาเป็นว่าช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ท่านโฆษาใจเย็งๆ นะ ไม่รับปากแต่สัญญาว่าทันทีที่กลับมาหลังปีใหม่จะจัดส่งให้แน่นอน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาดีๆ ตัวเองก็ขอหย่อนตัวลงไปในถุงเท้าเป็นของขวัญให้ครอบครัวและเช่นกันว่าอยากให้พวกเราถือเป็นโอกาสดีที่จะพักกาย พักใจ เติมพลังชีวิตใหม่และ Dialyses พิษจากมนุษย์และสังคมที่ Retained มาทั้งปี และแน่นอนว่าราตรีนี้อีกยาวไกลจ๊ะ เกือบพลาดประเด็นสำคัญไปอีกเรื่องนึง พวกเราลองสังเกตพี่ที่ใส่เสื้อบาติกสีส้มที่ยืนประจันหน้ากับ ฯพณฯ ท่าน อ. วันดีเล่าให้พี่ฟังว่าทันทีที่ประตูรถเปิดแกตะโกนอย่างไม่ care สื่อว่า ท่านคะพวกเราพยาบาล มอ มีเรื่องมากราบเรียนให้ท่านทราบค่ะ ทำเอาท่านนะจังงัง พี่เค้าเป็นพี่ นศ ป เอก คณะเราค่ะ และ Highlight สำคัญสุดๆ คือ พี่เค้ามาจากสุราษฎร์ค่ะ อย่างที่เคยบอกพวกเราบางคนว่า แกนนำสำคัญของอาจารย์กลุ่มพนักงานฯก็มาจากสุราษฎร์เช่นกัน ด้วยเหตุผลเดียวเพราะว่าเรามี สวนสราญรมย์ เป็น Back ที่สำคัญ (ยังไงๆ เค้ารับเราไป admit แน่) อันนี้ขำๆ นะแต่แก่นแท้ก็คือว่ามีอีกเรื่องที่อยากบอกพวกเราที่ link มาจากเรื่องนี้คือว่า ถึงแม้พี่เค้าไม่ได้จบที่เราพี่เค้ายังมาร่วมวงศ์ไพบูลย์ดังนั้นไม่อยากให้เราไปแค้นเคืองเพื่อนร่วมวิชาชีพที่เค้าได้บรรจุไปก่อนเราเพราะไม่ใช่ความผิดอะไรของเค้านะคะ พวกเค้าก็ Struggles ไม่ต่างจากเรา เอาเป็นว่าใครจะแก่งแย่งแบ่งแยกอะไรก็ไม่เป็นไร ทั้งพวกเราและวิชาชีพเราอย่าให้แรงเงามาทำให้เราแตกแยกกันนะ Merry XMas & Happy New Years Amen! Posted by : khomapak , E-mail : (khomapak.m@psu.ac.th) , Date : 2012-12-26 , Time : 15:31:50 , From IP : 115.67.135.222 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.046 seconds. <<<<< |