Debate IX: ใครสร้างคน ใครสร้างตน
Posted by <203.170.234.4 >Phoenix on February 03, 19103 at 02:17:04:
สืบเนื่องมาจาก Debate VIII, คุณ mercury เสนอแนะว่าเราควรจะมี "ภาคต่อ" ในเรื่องบทบาทของอาจารย์ ในแง่การสร้างความรักสถาบัน เพื่อมิให้เป็นการซับซ้อนกับประเด็นรักสถาบัน (ในกรณที่อาจจะยังมี comment เพิ่มเติม) ก็เลยถือวิสาสะเปิดมุมใหม่ของสภากาแฟแห่งนี้ขึ้นมาอีกมุมนึง
.
แต่ดั้งเดิม ครูบาอาจารย์เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง หลายๆคนรุ่นพ่อเราจะมาเรียนก็ต้องมาเป็นลูกศิษฐ์วัดอยู่กับหลวงพ่อ หลวงตา ปรนนิบัติวัฏถาก (sp?) ไป เรียนไป คนยุคนั้นจึงไม่นาแปลกใจที่มีความเคารพนบนอบผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ อย่างที่เด็กสมัยนี้เห็นแล้วอาจจะอ้าปากค้าง ผมยังทันยุคที่มีการ "คลานเข่า" เข้าหาครู ตอนประถมต้นๆ ฝึกมาดีเนื่องจากบ้านเก่าอยู่กลางดงวัด เล่าให้ฝรั่งฟังเขาพูดไม่ออก (เผอิญแกเป็นคนสุภาพมากๆ เลยไม่ได้โพล่งออกมาว่าทำไมเราถึงได้เชยขนาดนั้น) แต่ผมอ้างเรื่องนี้ประกอบหลังจากที่เข้า lecture กับแก (แกเป็นโปรเฟสเซอร์) แล้วเด็กฝรั่งบางคนมันนั่งเอาส้นตีนพาดเก้าอี้ตัวหน้าแถมสั่นด๊กๆเลาจด lecture ผมยเลยแถมให้แกอีกหน่อยนึงว่าผมรู้สึกแปลกใจมากที่ teacher-student relationship แบบนี้ แต่ก็ดูนักเรียนของแกจะมี spirit รักใคร่สถาบันดี แกยิ้มแห้งๆแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย!!
.
ผมก็เลยอยากจะฟังความคิดเห็นคนรุ่นปัจจุบัน (หมายถึงทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน) ว่ามีความเห็นยังไงกับบทบทาของครูอาจารย์กันบ้าง ในโปสเตอร์ที่แล้วๆมา มีนักเรียนท่านหนึ่งเปรยมาว่ามิสามารถจะหาความดีความชอบของอาจารย์คณะแพทย์เราที่เคยทำอะไรๆให้นักศึกษาเลยแม้แต่อย่างเดียว ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่แปลกกว่าก็คือไม่เห็นมีความเห็นขัดแย้งกับข้อความที่ว่าออกมา หรือมันจะเป็นจริงอย่างที่ว่า? ครูในปัจจุบันเป็นเพียงแค่ mercenary มาอ่าน texbook ให้ฟัง ไม่มี "สถาบันครู" หลงเหลืออยู่จริงหรือ? เรามี "crisis" ทาง teacher-student relationship จริงหรือไม่? ถ้าจริงยังมีทางแก้ไข หรือว่านี่เป็นกระแสสังคมที่อีกหน่อยครูก็จะลดบทบาทลงเป็นแค่ virtual teacher ทาง monitor เท่านั้น?
.
กติกาเดิมครับ ขอความเห็น ภาษาสุภาพ และ ติเพื่อก่อ ขอพระคุณล่วงหน้าครับ
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
ความเห็น : ขอบคุณ คุณ Phoenix มากครับที่ช่วยต่อยอดแนวความคิดที่ Debate กันจนได้ประเด็นใหม่จากกระทู้ ความรักสถาบันมาไว้ในกระทู้ใหม่นี้ คาดว่าคงจะได้แนวความคิดดี ๆ ที่ตรงประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของครูอาจารย์ในปัจจุบันต่อลูกศิษย์ รวมถึงมุมมองของลูกศิษย์ต่อบรรดาครูอาจารย์ด้วย
.
แม้ผมจะเกิดไม่ทันยุคที่ต้องคลานเข่าไปพบอาจารย์ แต่ก็ยังทันยุคไม่ยืนค้ำหัวอาจารย์นะครับคือเวลาเข้าไปคุยก็ต้องนั่งให้ต่ำกว่า อาจจะยืนเขา หรือนั่งเก้าอี้ (ถ้าอาจารย์มีให้) เวลาเดินผ่านหน้าผู้ใหญ่ก็จะต้องค้อมศรีษะ จะว่าไปแล้วช่วงเวลาที่ผมว่านี่ก็ยังไม่นานสักเท่าไหร่ แต่เดียวนี้รู้สึกวัฒนธรรมแบบนี้ชักจะหายไปมากทีเดียวครับ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
.
เอาเป็นว่าขออนุญาติ หยุดไว้เท่านี้ก่อนนะครับอยากฟังความคิดเห็นของ ท่านอื่น ๆ มากกว่านะครับ :-)
Mercury 11:46:13 2/03/103 <172.29.1.100> (0)
--------------------------------------------------------------------------------
ความเห็น : ผมว่าเรามาเริ่มสอนมารยาทไทยๆกันใหม่ได้นะครับ ถึงแม้ว่านักศึกษาของเราจะอยู่ในมหาลัยแล้วก็ตาม
.
จัดเป็นการสอนเป็นชั่วโมงเลยก็ได้ เอาแบบการสอนหัตถการไง
... 17:51:12 2/03/103 <172.29.2.173> (0)
--------------------------------------------------------------------------------
ความเห็น : ขยายความกระทู้...
.
กระทู้นี้มีสองตอน นั่นคือ ๑) ใครสร้างคน และ ๒) ใครสร้างตน วัตถุประสงค์ให้มองทั้งเข้าและออก คือในฐานะคน observe และฐานะของตนเอง
.
ข้อที่ ๑: ใครสร้างคน ===
===============
อยากจะทราบบทบาท และความสัมพันธ์ในปัจจุบันระหว่างครู ลูกศิษย์ว่ายังเป็นยังไงกันบ้าง คนมีการ "ถูกสร้าง" ได้จริงรึเปล่า หรือเป็นแค่การบังเอิญที่คำกลุ่ม "พี่เลี้ยง ครู อาจารย์ teacher mentor roshi อุปัจฌา (sp?)" มีความหมายค่อนข้างลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่ (มาก่อน?) อยากทราบว่าเวลาที่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ทำดีกับเรานั้น เรานึกกันว่าเป็นเพราะทำไปตามหน้าที่ ค่านิยม รักษาหน้า ถูกจ้างมา หรือว่ามีอะไรมากไปกว่านั้น? อยากทราบว่า "นิยาม" ของกตัญญูรู้คุณที่เป็นรูปธรรม มีจริงรึเปล่า? หรือคำๆนี้กลายเป็นแค่ "คำ" คำหนึ่งที่ abstract ซะจนกระทั่งไม่มีกิริยาแสดงออกได้?
.
ข้อที่ ๒: ใครสร้างตน ===
================
อยากให้พวกเราลอง reflect ตัวเองว่า ที่ที่เรากำลังนั่งอ่านกระทู้มาถึงตรงนี้นั้น มีใครที่มีบุญคุณต่อเราบ้าง และเราเคยทำอะไรเพื่อตอบสนองบุญคุณอันนั้นหรือไม่ อย่างไร หากเคย เรารู้สึกอย่างไรตอนที่เราทำ? บ่อยครั้งที่การแสดงความรู้คุณนั้น มิได้หมายความถึงสิ่งตอบแทนตรงๆ แค่ acknowledge ว่าเราเคยรับพระคุณมาก่อน ส่วนใหญ่ผู้มีพระคุณของเราก็เต็มตื้นแล้ว ผมเคยปราศัยสั้นๆให้แก่คนที่มีพระคุณต่อผมอย่างสูงแค่สั้นๆว่า เนื่องจากผมอาจจะไม่ได้เจอพวกเขาเหล่านั้นอีก สิ่งเดียวที่ผมจะทำเพื่อแสดงถึงความสำนึกคุณของผมได้ ก็คงมีเพียงแค่ผมสัญญาว่าจะสอน จะดีกับคนอื่น ต่อๆไป เท่าๆกับที่พวกเขาดีกับผม แค่นี้ก็ดูเป็นที่ที่พอใจกันพอสมควร
.
"มารยาทไทย" เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่ Unique มาก สัมมาคารวะต่อผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นของที่ westerns ไม่คุ้นเคย humble as a virtue ก็เป็นสิ่งที่ฝรั่งไม่เข้าใจ การถ่อมตัวนั้น เขาจะมองเป็นหงอ ไม่สู้ มีดีไม่อวด แล้วจะวัดความสามารถกันได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้วัฒนธรรมตะวันตกไอจจะ grap ได้ หารู้ไม่ว่าการที่เราทำตัว "ถ่อม" ไว้ก่อนนั้น เราได้วางหมากของเราอยู่ในที่ที่มีเปรียบหลายต่อหลายด้าน ดูจากการเต้นรำไทยก็รู้ เราไม่จำเป็นต้องเต้นแหกแข้งขาเพื่อซาบซึ้งความงามของเรือนร่าง หรือความเป็นสตรี แต่เราใช้ความอ่อนช้อย และแค่ฉม้ายมอง ก็เหลือกินแล้ว เชื่อหรือไม่ว่า ฝรั่งเนี่ยทำท่า "ค้อน" ไม่เป็นหรอกนะครับ ในทวีปเอเชียเองก็เถอะ สาวไทยเท่านั้นที่ "ค้อนประหลับประเหลือก" ได้น่ารักน่าชังที่สุด (เอ....ดูท่ามารยาทไทย นี่อาจจะจะต้องยกไปอีกกระทู้ซะละมั้งเนี่ย?...)
Phoenix 23:08:36 2/03/103 <172.29.3.208> (0)
Posted by : Phoenix , Date : 2003-02-04 , Time : 18:25:08 , From IP : 172.29.3.203
|