ความคิดเห็นทั้งหมด : 142

แพทย์ไร้จรรยาบรรณ


   ไร้จรรยาบรรณ



ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสมิหลาไทมส์ มีโอกาสได้สัมผัสและรับทราบถึงเรื่องราวหนึ่งอย่างใกล้ชิด เรื่องราวนี้ทำให้เราเกิดคำถามมากมายและ ขาดความเชื่อมั่นอย่างสูงยิ่ง ว่าในปัจจุบันจะมีแพทย์ที่ยึดมั่นอยู่ในจรรยาบรรณสักมากน้อยเท่าไร ?

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ มีนายแพทย์มือศัลยกรรมมือหนึ่ง ระดับอาจารย์แพทย์ ประจำโรงเรียนแพทย์ชื่อดัง กับผู้ป่วยหญิงชรา ฐานะปานกลาง ที่เป็นก้อนเนื้อในเต้านม และนี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น....

โปรดพิจารณาดูว่า ที่เรากล่าวหาแพทย์คนนี้ว่า "เงินสำคัญกว่า จรรยาบรรแพทย์ และแพทย์คนนี้ ก็ไม่เหมาะสมจะเป็นอาจารย์แพทย์"นั้นเหมาะสมหรือไม่ ?

หญิงชรา พบก้อนเนื้อผิดปกติ ในเต้านม จึงไปพบแพทย์คนดังกล่าว เพราะได้รับคำโฆษณาชวนมาก่อนหน้านี้ว่า เป็นแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ เป็นอาจารย์แพทย์สอนนักเรียนแพทย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะดีจริง และที่สำคัญที่สุดน่าจะสามารถช่วยเธอให้หลุดพ้นจากโรคร้ายที่ใครๆ ก็หวาดกลัวได้

เธอไปพบแพทย์คนดังกล่าวที่คลีนิคส่วนตัว ในเมืองหาดใหญ่ อาจารย์คนนี้ตรวจสอบก้อนเนื้อซึ่งเบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมะเร็งจริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนด้วยวิธีทางการเมืองอีกครั้ง ....

แต่สิ่งหนึ่ง..ที่เรารับไม่ได้ก็คือ ค่าใช้จ่ายที่แพงมหาศาลที่แพทย์คนนี้เรียกร้อง เป็นค่าวิชาและค่าฝีมือของตัวเอง ที่จัดได้ว่าเป็นมือศัลยกรรมระดับอาจารย์แพทย์ รวมทั้งค่าห้องผ่าตัด และค่าเครื่องมือแพทย์ รวมแล้วมากกว่า 150,000 หมื่นบาท

และที่สำคัญแพทย์คนนี้ ยืนยันว่าตนจะต้องผ่าในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่เท่านั้น จะไม่ผ่าที่โรงพยาบาลรัฐ ทั้งๆ ที่ตนเองก็รับราชการและเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่นั่น และหากผ่าที่นั่น หญิงชราคนนี้ ก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมากมายมหาศาล

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เกิดอะไรขึ้น ?

หญิงชรา กลับบ้าน มาปรึกษาลูกๆ เพื่อนฝูง และคนอื่นๆ ที่รู้จัก เพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ว่าจะทุ่มเงินเฉียด 2 แสนผ่าตัด กับอาจารย์แพทย์คนนี้หรือไม่ ? เพราะหากเธอตัดสินใจผ่า เท่ากับว่าทั้งชีวิตที่เหลืออยู่เธอก็คงยังจ่ายหนี้ค่าผ่าตัดไม่หมด !

มีที่ไหนจะแพงมากมายมหาศาลขูดรีดทารุณ เหมือนผ่าตัดกับอาจารย์แพทย์คนนี้ ! หญิงชรา เลยตัดสินใจขึ้นไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็เป็นความจริงจริง ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าที่แพทย์คนนี้บอกมามากกว่าครึ่ง

ที่น่าอเน็จอนาจ !! ไปกว่านั้น เมื่อทราบว่าหญิงชราคนดังกล่าวจะขึ้นไปผ่าตัดรักษาตัวที่กรุงเทพฯ อาจารย์แพทย์ แสดงอาการหิวกระหาย และเสียดายเงินแสน ที่คาดว่าจะได้มาง่ายๆ ขึ้นมาทันที ด้วยการโทรศัพท์มาโน้มน้าวดึงดูดใจอีกหลายครั้ง เพื่อ ให้หญิงชราไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนที่ตนทำงานรับใช้อยู่

ถึงกับออกปากว่าค่าผ่าตัด ตนยินดีให้จ่ายด้วยวิธีการผ่อนเป็นงวดๆ ก็ได้ ในเบื้องต้นให้จ่ายเฉพาะค่าเช่าห้องและเช่าเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการผ่าตัดให้กับโรงพยาบาลเอกชนไปก่อน

และยิ่งแสดงอาการไร้จรรยาบรรณมากขึ้น ด้วยการบ่ายเบี่ยงที่จะให้ข้อมูลใดๆ ที่ตนเองตรวจไว้ในเบื้องต้น เมื่อหญิงชราขอเพื่อไปให้หมอที่กรุงเทพ ฯ ใช้ประกอบการวินิจฉัยและรักษา ?

เราเกิดคำถามขึ้นมากมากมายว่า ..อาจารย์แพทย์ ศัลยกรรมมือหนึ่งคนนี้ ได้เปอร์เซนต์จากการผ่าตัดและเปอร์เซนต์จากการหาลูกค้าซึ่งเป็นคนไข้ให้โรงพยาบาลเอกชนครั้งละเท่าไร?

แพทย์คนนี้ กับโรงพยาบาลเอกชน ฮั้วกันใช่หรือไม่ ?

แพทย์คนนี้เบียดบังเวลาราชการไปแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองหรือไม่ ?

แพทย์คนนี้เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตหญิงชราคนหนึ่งหรือไม่ ?



*** ที่มา บทบรรณาธิการ นสพ.สมิหลาไทมส์ ฉ.วันที่ 6-12 กุมภาพัน์ 2547


Posted by : คนหาดใหญ่ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-05 , Time : 20:30:39 , From IP : 203.154.27.205


ความคิดเห็นที่ : 1


   น่าเห็นใจคุณป้าคนนี้ครับที่ได้เจอประสบการณ์แบบนี้ ที่จริงหมอในหาดใหญ่ยังมีอีกเยอะ เฉพาะใน รพ.หาดใหญ่และมอ.สองที่ก็เหยียบพันคน ผมยังเชื่อว่าถ้าคุณป้าคนนี้ไม่ผิดหวังกับหมอคนนี้มากเกินไป เข้ามาที่รพ.รัฐ จะมีโอกาสที่ได้รับรักษาและดแลตามที่ได้คาดหวังไว้อยู่

จะเห็นว่าพฤติกรรมของหมอแค่บางคนก็เพียงพอที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความไม่มั่นใจและสะเทือนใจต่อหมอทั้งโรงพยาบาลหรือแม้แต่ทั้งจังหวัดได้



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-05 , Time : 20:40:13 , From IP : 172.29.3.241

ความคิดเห็นที่ : 2


   เรื่องอย่างนี้ต้องฟังหูไว้หูครับ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ เพราะอาจเป็นการยืมมือหนังสือพิมพ์จัดการกับศัตรูได้ครับ

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเป็นเรื่องจริงนะครับ ผมมองว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะแพทย์ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ย่อมยังมีกิเลศอยู่ในตัวทั้งนั้น อีกทั้งเงินก็เป็นสิ่งหอมหวาน หากรู้สึกว่ามันได้มาโดยง่าย ก็อาจทำให้ปีศาจที่อยู่ในใจมันโผล่ออกมาก็ได้

ถ้าหญิงชราคนนั้นมีตัวตนจริง ผมว่าน่าจะออกมาให้ข่าวอย่างจริงจังไปเลย ว่าเขาเป็นใคร หมอคนนั้นเป็นใคร จะได้ไม่ต้องมาเดาสุ่มกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ข่าวเต้า

แต่ก็คงเหมือนอาจารย์นกไฟว่าแหละครับ ยังมีศัลยแพทย์อีกหลายคนที่พร้อมจะแสดงให้คุณป้าหญิงชรารู้ว่า หมอที่ดีๆก็ยังมี แอ๊ปเปิ้ลลูกอื่นบนต้นอาจจะไม่มีหนอนไชอยู่เหมือนลูกในมือก็ได้ครับ



Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2004-03-05 , Time : 21:11:38 , From IP : 203.156.23.198

ความคิดเห็นที่ : 3


   เรื่องนี้ คือเรื่องจริงครับ ตอนนี้หญิงคนดังกล่าว รักษาตัวอยู่ที่ศูนย์ มะเร็งกรุงเทพ จะเข้ารับการผ่าตัด ในวันพฤหัสบดี ที่จะถึงนี้ หมอคนที่เขียนถึงในบทบรรณาธิืการนี้ทำงานเอกชน นอกเวลา อยู่ที่โีรงพยาบาลบนถนนคลองเรียน

และหมอคนนี้ก็เปิดคลีนิคอยู่บริเวณหน้า ตลาดฉื่อฉางกลางเมืองหาดใหญ่



Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , Date : 2004-03-05 , Time : 21:25:38 , From IP : 203.154.27.205

ความคิดเห็นที่ : 4


   IP เดียวกับคนตั้งกระทู้เลยนะครับ คุณ บก. น่าแปลกดีนะครับ โฮะๆๆๆ

Posted by : เด๋อ , Date : 2004-03-05 , Time : 22:23:48 , From IP : 172.29.4.89

ความคิดเห็นที่ : 5


   ผมคิดว่าประเด็นที่สำคัญในเรื่องนี้มีสองประเด็น หนึ่งคือพฤติกรรมที่เหมาะสมในการสื่อสารและปฏิบัติของแพทย์ และสองคือการเสนอเรื่องที่มีการตรวจสอบแล้วจาก "ทั้งสองฝ่าย" ก่อนที่เราจะสรุป ประเด็นแรกผมด้แสดงความเห็นไปแล้ว จึงขอแสดงความเห็นในประเด็นที่สอง

ดังที่ทุกคนน่าจะรู้สึกหลังจากอ่านบทความครั้งแรกคือผู้ป่วยรายนี้ไม่พอใจในการติดต่อระหว่างเธอกับแพทย์คนนั้น และถ้าเราจะมองไปถึงความหมายที่กว้งไปกว่านั้นคือหลายๆคนจะคาดว่าเธอมีความรู้สึกว่าหมอคนแรกไร้จรรยาบรรณ ทีนี้เราเคยมีเรื่องทำนองนี้มาเรื่อยๆในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสื่อต่างๆ คำถามที่สำคัญคือเรื่องแบบนี้ควรที่จะมีการสืบสวนและฟังความจากทุกฝ่ายหรือไม่ก่อนที่จะมีการ "ตัดสิน"

ถ้าเราพูดถึง "จรรยาบรรณ" ของวิชาชีพ ผมคิดว่าทุกคนคงจะทราบน้ำหนักของคำๆนี้ค่อนข้างดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจรรยาบรรณแพทย์ หรือจรรยาบรรณนักหนังสือพิมพ์ คุณค่าพื้นฐานบางอย่างที่หลายๆอาชีพยึดถือเช่น "ความจริง" หรือ "ข้อเท็จจริง" เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมดอย่างที่คุณผู้ป่วยรู้สึกและเขียนในบทความ หรืออาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งของ "communication failure" เช่น มะเร็งเต้านม "บางชนิด" นั้น ยาเคมีบำบัดในขณะนี้แพงมาก ได้แก่ มะเร็งที่มี HER2 positive และต้องใช้ยา herceptin ราคา course (ปี) ละประมาณล้านกว่าบาท แต่ราคาค่ารักษามะเร็งเต้านมไม่ได้แพงอย่างนั้นทุกราย และ varied ได้เยอะมากตามระยะ ตามความต้องการการรักษา และตามผลการตอบสนอง การสื่อที่ไม่ดีสามารถทำให้ข้อมูลบางส่วนถูกข้อมูลบางชิ้นที่น่าตกใจกลบกลืนไปได้ รวมทั้งข้อแนะนำประการอื่นที่แพทย์ท่านนั้นให้แก่ผู้ป่วย ได้แก่ ทางเลือกที่จะมาที่ รพ.รัฐ และอาจจะได้การรักษาที่ถูกกว่า

ในขณะนี้เรายังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่เราได้ถูกขอให้เชื่อข้อมูลที่มีอยู่ และกำลังสรุปว่าแพทย์ท่านหนึ่งไม่มีจรรยาบรรณโดยยังไม่ได้สอบสวน หากแต่ใช้ channel โดยสื่อมวลชน

ผมว่าองค์กรแพทย์ หรือแพทยสภา สามารถจัดคณะกรรมการตรวจสอบที่จะได้รับข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะมีใครถูกตัดสิน และโดยที่ทั้งผู้ป่วยและแพทย์ได้รับความยุติธรรมอย่างที่สมควรจะได้ หลังจากนั้นค่อยให้การตีตราหรือตีค่าเกิดขึ้นจะดีกว่าหรือไม่ จะดีกว่าการที่ทำเหมือนปกปิด identity ของแพทย์ท่านนั้นแต่ก็บอกมาเกือบจะทราบอยู่แล้วว่าเป็นใครหรือไม่? เราน่าจะช่วยกันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรือ่งจรรยาบรรณของอาชีพๆหนึ่ง ซึ่งความเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาโรค พอๆกับความแม่นยำและการตรวจสอบข้อมูลอย่างเคร่งครัดก็สำคัญต่อจรรยาบรรณของสถาบันฐานันดรที่สี่ เรามาทำตามตัวบทกฏเกณฑ์กันดีไหมครับ ในการจัดการเรื่องแบบนี้?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-05 , Time : 23:06:50 , From IP : 172.29.3.234

ความคิดเห็นที่ : 6


   แย่นะครับ ถูกทุบอยู่ฝ่ายเดียว

Posted by : เหอๆๆ , Date : 2004-03-06 , Time : 00:09:34 , From IP : 172.29.4.73

ความคิดเห็นที่ : 7


   ผมเป็นคนที่เสื่อมศรัทธาต่อสถาบันหนังสือพิมพ์เป็นอย่างมาก ถึงกับอยากจะพูดว่าข่าวจากหนังสือพิมพ์เชื่อได้เพียง ไม่ถึงร้อยละ 10 และบางฉบับเชื่อไม่ได้เลย เพราะข้อเขียนทั้งหมดแต่งแต้มเติมสีไปหมด เพื่อนผมที่เป็นแพทย์เคยประสบปัญหาเรื่องการให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์เรื่องหนึ่ง แต่นักข่าวมีความสามารถเป็นอย่างยิ่งที่จะเขียนข่าวให้เป็นอีกเรื่อง และทำให้เพื่อนของผมเสียหายเป็นอย่างมาก นักข่าวเขียนเพื่อให้คนสนใจและหนังสือขายได้
ข่าวที่อ้างมานี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเชื่อถือได้หรือไม่ และผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง คงจะมีการเข้าใจผิดกันบางเรื่อง
1.ผู้ป่วยเองไม่เข้าใจเรื่องที่แพทย์อธิบาย
2. ผู้ป่วยเข้าใจแต่นักข่าวเขียนเรื่องให้มากขึ้น
3. นักข่าวไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่มีการสอบถามก่อน พอเห็นเป็นข่าวแบบนี้เรียกว่าเข้าทางหากินได้สบาย
4. นักข่าวเข้าใจแต่อยากเขียนให้เป็นเรื่อง
และอื่นๆ
ผมคิดว่าคงจะต้องฟังหูไว้หูและพิจารณาอย่างถ่องแท้เสียก่อน ก่อนที่จะตีประเด็นและบอกว่าแพทย์คนนั้นผิด เรากำลังใช้กระดานข่าวว่าคนข้างเดียว โดยที่ผู้เสียหายไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นจริงหรือไม่?
ผมคิดว่าอย่าวิจารณ์เรื่องต่างๆ เพราะความมันหรือความสนุกปาก หรือแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง และการบอกว่าแพทย์คนนั้นคือใครด้วยวิธีการดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมว่าเป็นการประจานคนอื่นโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่


Posted by : เพื่อนแพทย์ , Date : 2004-03-06 , Time : 00:33:28 , From IP : r87-skaHS1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 8


   คุณ เต๋อ..ไม่ต้องสงสัยเรื่อง ไอพี.เดียวกับคนโพสเรื่อง เพราะผม บก.สมิหลาไทมส์ โพสเอง

ใครอยากรู้ข้อมูลอะไรมากกว่านี้ โทรติดต่อได้ตลอดเวลา วิชาญ ช่วยชูใจ 06-7491212 แล้วจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงอย่างไร และหมอคนนั้นคือใคร และก็เจตนาที่จะเข้ามาโพสในเวปบอร์ดนี้ด้วย




Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-06 , Time : 00:48:34 , From IP : 203.154.27.205


ความคิดเห็นที่ : 9


   เรื่องนี้เป็นความจริงแค่ไหน อยากทราบเหมือนกันค่ะ เพราะทุกวันนี้เห็นว่าจริยธรรมแพทย์แย่ลงมากในสายตาของประชาชน อยากทราบว่าผู้อื่นมีความเห็นอย่างไรโดยเฉพาะการระบุตัวตนของอาจารย์แพทย์ท่านนี้ หากเจ้าของกระทู้รู้ข้อเท็จจริง"ที่เป็นจริง"ทั้งหมด โปรดช่วยกรุณาให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทู้นี้ทำให้เกิดความเสียหายกับทั้งตัวบุคคลและสถาบัน

เป็นไปได้ไหมที่....
- แพทย์ท่านนั้นอาจจะมีข้อจำกัด เช่น การผ่าตัดในแต่ละสาขาวิชาโดยที่ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
- แพทย์ท่านนั้นอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหลายด้านแต่เนื่องจากกฎเกณฑ์บางอย่างในการปฏิบัติงานด้านวิชาชีพศัลยกรรมอาจไม่อนุญาตให้แพทย์ท่านนั้นปฏิบัติงานในรพ.ของรัฐตามธรรมนูญองค์กรแพทย์
- แพทย์ท่านนั้นอาจจะไม่ได้เรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อค่าฝีมือ แต่รพ.เอกชนเองต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในหลายๆด้าน ซึ่งจริงๆแล้วค่าใช้จ่ายที่กล่าวมาถูกกว่าค่าใช้จ่ายในรพ.เอกชนที่กรุงเทพฯมาก
- แพทย์ท่านนั้นอาจอธิบายข้อมูลทุกอย่างที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องทราบหรืออยากทราบหรือควรทราบ แต่ไม่ได้ยกมาประกอบในบทความนี้

ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าเข้าข้างศัลยแพทย์ แต่เพียงอยากรู้ว่าแพทย์ผู้นี้ผิดจริยธรรมจริงเหมือนที่หนังสือพิมพ์และผู้เขียนกล่าวหาหรือไม่ เพื่อจะได้หยิบยกเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีในการปฏิบัติวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมอย่างที่สังคมต้องการ

และท้ายนี้ทั้งที่เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์มาแล้ว ทำไมถึงมาโพสต์วันนี้?


Posted by : ศิษย์แพทย์คนหนึ่ง , Date : 2004-03-06 , Time : 01:03:25 , From IP : 203.113.76.72

ความคิดเห็นที่ : 10


   สำหรับเรื่องเจตนาที่ทำเรื่องนี้ลงในที่สาธารณะ ถ้าไม่รังเกียจขอให้แถลงมาตรงนี้เลยดีไหมครับ ไหนๆก็สาธารณะไปแล้ว คำว่า "เรื่องจริง" นั้นมีมาตรฐานการสืบสวนและตรวจสอบอย่างไรบ้างครับ?

อีกประการหนึ่งคือไม่ทราบว่าคุณ บก. ได้สัมภาษณ์เพื่อรับฟังเรื่องจากปากของแพทย์ท่านนี้แล้วหรือยังครับ? หรือว่าได้ข้อมูลฝายเดียว?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 01:08:39 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 11


   เห็นด้วยกับคุณ Phoenix ค่ะ ท่านบก.ควรมาแจ้งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจนค่ะ

Posted by : ศิษย์แพทย์คนหนึ่ง , Date : 2004-03-06 , Time : 01:16:22 , From IP : 203.113.76.72

ความคิดเห็นที่ : 12


   นั่นสิครับอยากทราบข้อมูลที่ได้มาเป็นอย่างไร
และแหล่งข้อมูลเป็นใคร และวิธีการของข้อมูลเป็นอย่างไร

อย่าให้ผมโทรไปถามข้อมูล เจตนา หรือว่าเป็นใครเองเลยครับ เพราะว่าโพสตรงนี้ก็จะทำให้คนหลายคนได้ข้อมูลในคราวเดียวไม่ต้องโทรไปถามหลายครั้ง อย่างนี้จะดีไหมครับ

ตอนนี้ก็ขาดแต่เจตนาของคุณที่โพสที่นี่เท่านั้นเพราะว่าเป็นใครผมพอจะเดาได้ครับ ข้อมูลนี่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าน่าเชื่อหรือไม่เพราะว่าไม่ทราบวิธีการได้มาครับ


Posted by : เหอๆๆ , Date : 2004-03-06 , Time : 01:43:09 , From IP : 172.29.4.73

ความคิดเห็นที่ : 13


   เรื่องจะจริงเท็จอย่างไร คงจะต้องติดตามต่อไปเรื่อย ๆ ....
แต่สิ่งที่ประชาชนคนจนๆ ทุกคนอยากรู้ก็คือ...
1.อาชีพแพทย์คือผู้ที่มีหน้าที่ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยใช่หรือไม่
2.จรรยาบรรณและจริยธรรมของอาชีพแพทย์มีว่าอย่างไรบ้าง (ผู้เป็นแพทย์ทุกท่านคงจะทราบดีที่สุด...) เรื่องแปลกแต่จริง... อยู่หาดใหญ่มาหลายสิบปี ยังไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า ไปรักษากับหมอ...สิ เก่ง แถมค่ารักษา+ ค่ายา ถูกกว่าหมออื่น ๆ ตั้งเยอะ.... ไม่ทราบว่าหาดใหญ่มีหมอที่เก่ง ๆ และทำการรักษาเพื่อคนที่เจ็บป่วยจริง ๆ บ้างมั๊ย ช่วยแจ้งให้ทราบบ้างซิ เก่งทางด้านไหนก็ได้... เก่งและถูก ( ถ้าใครที่คิดจะตอบว่า ไป รพ.ของรัฐ สิ ไม่ต้องตอบนะครับ ขอบคุณมาก ) .... ทุกอาชีพทุกธุรกิจ เราสามารถหาคำตอบได้ว่า ที่นั่น...ที่นี่... ราคาถูก และคุณภาพดี จริงมั๊ย... แล้วคนที่อยู่ในอาชีพแพทย์ ไม่มีความรู้สึกแปลกบ้างเลยหรือว่าทำไมอาชีพของเราถึงไม่มีคำตอบดังกล่าวเหมือนอาชีพอื่น ๆ หรือเป็นเพราะ อาชีพแพทย์เป็นอาชีพผูกขาด คุณไม่พอใจก็ไม่ต้องมารักษา คุณไม่มีเงินก็ไปรักษาวิธีอื่นที่ถูกกว่า...
3.จุดประสงค์ที่สำคัญของการเปิดคลินิค คืออะไร 1.การตั้งหน้าตั้งตาโกยเงิน 2.การรักษาผู้ป่วยนอกเวลาราชการ 3. ถูกต้องที่สุดทั้ง 2 ข้อเลยค่ะ...
4.รัฐบาลออกโปรโมชั่นเอื้ออาทรมาหลายอาชีพแล้ว แต่คงจะลืมไปว่า นอกจากระบบ 30 บาท แล้ว ควรจะเร่งเปิดโครงการแพทย์เอื้ออาทร น่าจะดีที่สุด แพทย์ 1 คน 1 ตำบล เรียน ฟรี ตลอดหลักสูตร ไม่รู้ว่าชาวแพทย์ทั้งหลายจะว่าอย่างไรบ้าง...(คุณ Phoenix จะว่าอย่างไรบ้าง ตอบแบบชาวบ้านนะ ...วิชาการมากเกินตามไม่ค่อยทัน)



Posted by : คนหาดใหญ่เหมือนกัน , Date : 2004-03-06 , Time : 02:33:18 , From IP : 202.183.151.120

ความคิดเห็นที่ : 14


   ขออณุญาตตอบครับ

1.อาชีพแพทย์คือผู้ที่มีหน้าที่ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยใช่หรือไม่
แน่นอนครับ ผมเห็นแพทย์ในหาดใหญ่ก็ทำหน้าที่นั้นกันอยู่นะครับ

2.จรรยาบรรณและจริยธรรมของอาชีพแพทย์มีว่าอย่างไรบ้าง (ผู้เป็นแพทย์ทุกท่านคงจะทราบดีที่สุด...) เรื่องแปลกแต่จริง... อยู่หาดใหญ่มาหลายสิบปี ยังไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า ไปรักษากับหมอ...สิ เก่ง แถมค่ารักษา+ ค่ายา ถูกกว่าหมออื่น ๆ ตั้งเยอะ.... ไม่ทราบว่าหาดใหญ่มีหมอที่เก่ง ๆ และทำการรักษาเพื่อคนที่เจ็บป่วยจริง ๆ บ้างมั๊ย ช่วยแจ้งให้ทราบบ้างซิ เก่งทางด้านไหนก็ได้... เก่งและถูก ( ถ้าใครที่คิดจะตอบว่า ไป รพ.ของรัฐ สิ ไม่ต้องตอบนะครับ ขอบคุณมาก ) .... ทุกอาชีพทุกธุรกิจ เราสามารถหาคำตอบได้ว่า ที่นั่น...ที่นี่... ราคาถูก และคุณภาพดี จริงมั๊ย... แล้วคนที่อยู่ในอาชีพแพทย์ ไม่มีความรู้สึกแปลกบ้างเลยหรือว่าทำไมอาชีพของเราถึงไม่มีคำตอบดังกล่าวเหมือนอาชีพอื่น ๆ หรือเป็นเพราะ อาชีพแพทย์เป็นอาชีพผูกขาด คุณไม่พอใจก็ไม่ต้องมารักษา คุณไม่มีเงินก็ไปรักษาวิธีอื่นที่ถูกกว่า...

ตรงข้อนี่มีหลายประเด็นมากเลยครับ
เรื่องอยู่หาดใหญ่มาหลายสิบปี ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการได้ยินใครพูดเรื่องหมอเก่ง ค่ารักษาถูกนี่ครับ โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้ป่วยเอง มีญาติป่วย หรือมีความรู้เพียงพอที่จะตัดสินได้ว่าใครเก่ง และใครไม่เก่ง ขนาดหมอด้วยกันเองหลายครั้งก็ไม่สามารถบอกได้อย่างเต็มที่ว่าใครเก่งที่สุด (หากจะรวมเอาเรื่องค่ารักษาถูกด้วยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ครับ บอกยากมาก เก่ง+ถูก)

มีจรรยาบรรณเรื่องของการโฆษณาหน้าร้านของแพทย์ ก็ไม่ให้ขึ้นป้ายนะครับว่ารักษานี้นั้นนู้นกี่บาท ดังนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับว่าคนทั่วไปจะรู้ว่าคลินิคไหนถูกกว่าคลินิคไหน

แต่ผมว่าถ้าหากคุณอยากรู้ว่าหมอที่ไหนรักษาดี ถูก ลองไปตระเวนถามคลินิคทุกคลินิคในหาดใหญ่ดูนะครับ ผมว่าน่าจะได้คำตอบว่า รพ.รัฐแน่นอนครับ

3.จุดประสงค์ที่สำคัญของการเปิดคลินิค คืออะไร 1.การตั้งหน้าตั้งตาโกยเงิน 2.การรักษาผู้ป่วยนอกเวลาราชการ 3. ถูกต้องที่สุดทั้ง 2 ข้อเลยค่ะ...

หาเงินเลี้ยงครอบครัวสิครับผมว่าไม่เห็นจะผิดตรงไหน หรือว่าจะให้แพทย์ไปขายเต้าฮวยหลังเวลาราชการ ผมก็เห็นว่าไม่ค่อยสู้จะเหมาะเท่าไรนะครับ

4.รัฐบาลออกโปรโมชั่นเอื้ออาทรมาหลายอาชีพแล้ว แต่คงจะลืมไปว่า นอกจากระบบ 30 บาท แล้ว ควรจะเร่งเปิดโครงการแพทย์เอื้ออาทร น่าจะดีที่สุด แพทย์ 1 คน 1 ตำบล เรียน ฟรี ตลอดหลักสูตร ไม่รู้ว่าชาวแพทย์ทั้งหลายจะว่าอย่างไรบ้าง...

เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นที่ใหญ่มากนะครับ แพทย์เอื้ออาทรน่าจะดีครับ ถ้ามันสามารถแก้ปัญหาได้จริง แต่มันไม่น่านะ
1 ตำบลเรียนฟรีตลอดหลักสูตร ดีครับ จบแล้วกลับไปอยู่ตำบลนั้นตลอดชีวิตใช่มั้ยครับ ห้ามย้ายไปไหนด้วยรึเปล่าครับ หรือว่าห้ามออกนอกพื้นที่ตำบลนั้นเกิน 6 ชม จะได้แก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด

หรือว่าจะบอกว่าต้องใช้ทุนที่ตำบลนั้น 3-5 ปี หลังจากนั้นจะไปไหนก็ได้


โอยประเด็นมากเหลือเกิน เก็บไม่หมดทุกประเด็น รอคุณ pheonix ดีกว่า น่าจะเพิ่มอีกหลายประเด็น


Posted by : เหอๆๆ , Date : 2004-03-06 , Time : 04:20:45 , From IP : 172.29.4.73

ความคิดเห็นที่ : 15


   คุณเหอๆตอบได้ดีมากไปหลายอย่างแล้ว ผมขอเพิ่มในประเด็นจริยธรรมอีกสักนิดก็แล้วกัน

จริยธรรมหรือจริยศาสตร์มีหลักใหญ่สี่หัวข้อคือ
๑) การเคารพปัจเจกบุคคล ความเป็นคนที่มีความสามารถตัดสินใจและดำเนินชีวิตอย่างที่เห็นชอบแล้วของผู้ป่วย
๒) การคำนึงถึงโทษหรือผลเสียอันอาจจะเกิดแก่ผู้ป่วย
๓) การคำนึงถึงคุณประโยชน์อันอาจจะเกิดแก่ผู้ป่วย
๔) ความยุติธรรม

ทีนี้ "จรรยาบรรณ" จะเป็นกฏกติกามารยาทของวิชาชีพ อย่างที่คุณเหอๆว่ามาบางอย่างแล้ว แพทย์จะไม่โฆษณาสรรพคุณของตนเอง อาจจะให้ข้อมูลแค่ว่าเขาทำอะไร รักษาอะไรได้บ้าง แตจะไม่มีการทับถมหรือยกตนข่มท่านว่าใครดีที่สุด ใครไม่ดีที่สุด ใครตัดราคามีโปรโมชัน หรือขณะนี้ตัดไฝแถมดูดหนองฟรี ฯลฯ คล้ายๆกับของพระสงฆ์ที่จะไม่มี "อวดวิเศษ" ว่าอาตมาสำเร็จอรหันต์แล้ว อาตมามีฤทธิ์บอกหวยใบ้หวยเหาะเหินเดินอากาศได้ (แม้ว่าอาจจะทำได้จริงๆ) หรือหนังสือพิมพ์ (ฐานันดรที่สี่) จะสามารถมีรากฐานตามสี่ข้อของจริยศาสตร์ที่ผมว่าไว้ได้เลยคือเคารพปัจเจก ไม่จงใจทำอะไรที่เกิดผลร้ายโดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูล และให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่เสียก่อน เพราะอำนาจของสื่อมวลชนนั้นมากมายนัก อย่างในหนังเรื่อง spiderman นั่นแหละครับ The Greater the power, the higher responsibility"

เนื่องจากภาวะที่ "ห้าม" ไม่ให้มีการโฆษณาอวดวิเศษไปนอกเหนือจากบอกว่าทำอะไรได้บ้าง คุณคนหาดใหญ๋คงจะมีปัญหาแหละครับที่จะหาข้อมูล "โดยตรง" ที่มีคลินิกหรือ รพ.ประกาศอะไรทำนองนั้นออกมา พูดยังงั้นแล้ว แต่เรา "สามารถ" หาข้อมูลทางอ้อมได้หลายวิธีเช่น
๑) ถามเพื่อนฝูงญาติมิตร เคยรักษากับใครที่ไหนดีไม่ดีอย่างไร ผมว่าวิธีนี้ใช้ได้ระดับหนึ่งทีเดียว แต่ "ความชอบ" ของคนต่างกัน เพื่อนเรา ญาติเราอาจจะชอบไม่เหมือนเรา ต้องถามให้ดีว่าที่ชอบเพราะอะไร ชอบเพราะแต่งร้านดี ชอบเพราะพยาบาลสวยก็อาจจะไปคนละเรื่อง
๒) รพ.ของรัฐ ได้รับ subsidization (อืม...คือเงินที่รัฐบาลจ่ายสำรองเพื่อลดราคาต้นทุน และทำให้รพ. สามารถคิดเงินในราคาที่ย่อมเยาลงมาได้) จากรัฐ เพราะฉะนั้นโอกาสสูงมากหากคำนึงถึง "ค่าใช้จ่าย" รพ.ของรัฐจะถูกกว่า ตรงนี้ไม่เข้าใจว่าทำห้ามตอบรพ.ของรัฐ หากช่วยกรุณาขยายความเราอาจจะเข้าใจประเด็นของคุณคนหาดใหญ่ได้ดีขึ้น)
๓) ลองไปดูเอง อย่างที่เป็นหลักพื้นฐานของแพทย์คือ ผู้ป่วยมี autonomy นั่นคือความเป็นอิสระในการตัดสินใจ เพราะฉะนั้นคนไข้สามารถเดินเข้าไปถามรายละเอียดต่างๆก่อน แล้วก็ตัดสินใจว่าไม่เอาหละคลินิกนี้ไม่เหมาะกับฉัน เพราะฉะนั้นถามใครเรื่องความชอบว่าดีไม่ดีก็ไม่สู้ลองเองครับ เสียเวลาก็เหมือนกับที่เราจะปลูกบ้าน ซื้อเสื้อ ซื้อรถนั่นแหละ เรายังหาข้อมูลเป็นเดือนๆปีๆ ทำไมจะหาหมอที่เหมาะกับเราทั้งทีไม่ลงทุนให้มากกว่า ไม่เสียตังค์ หรืออาจจะเสียแค่ลองชิมลาง ไปตรวจร่างกายประจำปี ดูว่าหมอคนนี้มีอัธยาศัยอย่างไร charge เท่าไหร่ เท่าดวงดาวหรือแค่หลังคามุงจาก เราก็จะได้ข้อมูลที่เป็น first hand จริ_ๆ ไม่ต้องเชื่อโฆษณาของหมอ หรือคำเล่าลือจากเพื่อน

เปิดคลินิกเพราะอะไร?
ถ้าหมอมีเวลาว่างตอนเย็นแล้ว เขาก็อาจจะอยากจะใช้เวลาว่างอันนั้นทำประโยชน์ที่เห็นสมควรแก่ตนเองและครอบครัว เช่น ไป aerobic ไปสวนสาธารณะ ทำอะไรก็ได้ที่ถูกศีลธรรมและถูกกฏหมาย เปิดคลินิกก็เป็นประโยชน์ต่อหลายฝ่าย ต่อหมอ ครอบครัวหมอ และคนไข้มันก็แค่เป็นการใช้เวลาในชีวิตประจำวันอีก 2-3 ชม.หลังงานเลิกแหละครับ ไม่ทราบตอบแล้วถูกใจรึเปล่า

เรื่องเปิด รพ.แพทย์หรือขยายกำลังผลิตแพทย์นี่ผมทุกข์ทรมานในการวิเคราะห์มากพอสมควร อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ "ผลิตเพิ่ม" มันจะไปเจอตอตรง "คุณภาพ" เสมอ เรื่องนี้ผมว่าต้องแก้ที่ระบบ ต้องให้ระบบดีก่อน ส่วนอื่นๆจึงแก้ได้ ไม่งั้นมันจะเป็นการแก้ short-term และผลเสียมันจะยิ่งฝังรากลึก โผล่มาอีกทีตอก็ผุดทะลุพื้นบ้านมาแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ต้องย้ายบ้าน

ปัญาหาใหญ่คือเรื่องการกระจายของแพทย์ และการดึงให้แพทย์คงการกระจายนั้นไว้ พวกเราคงจะทราบว่า incentive หรือผลดีในการเป็นข้าราชการนั้นถูก ripped ออกไป โดยรัฐบาล ขณะที่ผลดีในการออกนอกระบบราชการก็ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ภาระงานต่างๆก็จะเริ่มแสดงน้ำหนักกดคนในระบบมากขึ้น ระบบประกันคุณภาพที่เน้นเรื่อง paperwork นั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนักกับคุณภาพ ตาราบเท่าที่ "วัฒนธรรม" คุณภาพยังไม่มีการปลูกฝังให้ได้ผล วัฒนธรรมคุณภาพในที่นี้ไม่ได้หม่ยถึง "process" ว่า ดูเหมือนเราทำอะไรมีคุณภาพ แต่เป็นตัว "คุณภาพ" จริงๆ ยกตัวอย่าง Communication Skill ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของวิชาชีพนี้ประการหนึ่งนั้น ไม่มีการสอนอย่างเป็นทางการ และใช้น้อยมากในวัฒนธรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน เคยอ่าน positive criticism หรือ "ติเพื่อก่อ" สักกี่มากน้อยในกระดานกระทู้แห่งนี้? พอปล่อยเป็นอิสระไม่มีใครรู้ว่าใครพูด ลักษณะของภาษากลายเป็นอย่างไร มีการย้อนยุคไปหาพ่อขุนรามฯมากน้อยแค่ไหน และการโจมตีตัวบุคคลเปนสัดส่วนสักกี่เปอร์เซนต์ของเนื้อหาใจความทั้งหมด?

คำถามเรื่องผลิตแพทย์เพิ่มนั้น โดยส่วนตัวยังไม่คิดว่าสำคัญเท่ากับคิดปรับระบบสาธารณสุขใหม่ และปรับหลักสูตรเน้นคุณภาพของบัณฑิตแพทย์ให้เรียบร้อยซะก่อน คิดให้จริงจังเราจะได้ทราบว่าด้วยทรัพยากรอาจารย์แพทย์ คนไข้ในรพ.โรงเรียนแพทย์ และบุคลากรเราเต็มที่ที่จะสอน จะแสดง จะผลิตบัณฑิตนั้นได้เต็มที่กี่คน จะสร้างอะไรก็ต้องสร้าง infrastructure นี้ก่อน ผลิตแพทย์ไม่ใช่ขยายโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือ ที่สร้างโรงงานเพิ่ม มีช่าง ก็ OK แต่สอนคนนั้นสำคัญเหมือนกับหาครูอนุบาล ครูประถมมัธยมแหละครับ ถ้าเราได้แต่คนที่คะแนนต่ำสุดในการสอบ Entrance เขาก็สอนลูกหลานเราได้แค่นั้น ถ้าเราได้แต่สร้างตึก แต่บีบอาจารย์แพทย์ออก ให้ผลิตแพทย์เพิ่ม ก็จะได้แต่ผลงานที่ถูกจำกัดด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้

คำตอบที่ผมให้ อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจก็ขออภัยด้วย ยินดีชี้แจงเพิ่มเติมตามสติปัญญาของผม ความเห็นผมแถวนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่หรอกนะครับ ต้องขอออกตัวไว้ก่อน



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 10:09:42 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 16


   ผมอยากให้หมอในเมืองไทยลาออกให้หมอ แล้วให้พวกความคิดอย่างคุณคนหาดใหญ่เหมือนกันมาเรียนหมอจริงๆ อยากให้รู้ซึ้งซะบ้าง...

ขอโทษนะครับ ผมอยากจะบอกว่าคุณเป็นคนที่ใจแคบ ไม่มีความยุติธรรม มองโลกด้านเดียว และก็เห็นแก่ตัว...

ถ้าเปลี่ยนจากบอร์ดนี้เป็นที่อื่นละก็....ผมอยากยืมภาษาของพี่ บ.บู๋ แห่งสยามกีฬามาด่าคุณจริงๆ




Posted by : ชอเอี้ยเอ้ย , Date : 2004-03-06 , Time : 10:13:53 , From IP : 172.29.4.186

ความคิดเห็นที่ : 17


   ผมขอแสดงความคิดเห็นอีกมุมมองหนึ่งซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ เพราะผมก็มีสิทธิ์ที่จะคิดว่าคนหาดใหญ่อาจไม่ชอบแพทย์ท่านนั้น เคยเสียผลประโยชน์ หรือไม่พอใจเรื่องบางเรื่องพยายามจะทำให้แพทย์ท่านนั้นเสื่อมเสีย โดยเอาประเด็นที่อาจจะไม่มีส่วนของความเป็นจริง มาทำให้แพทย์ท่านนั้นเสียหาย เพราะการแสดงออกในรูปแบบนั้นบ่งบอกให้ผมชวนคิดอีกนัยหนึ่งได้เช่นกัน

Posted by : คนสงขลา , Date : 2004-03-06 , Time : 11:12:36 , From IP : 172.29.2.82

ความคิดเห็นที่ : 18


   ถูกแล้วครับ ขณะนี้เราได้ฟังเรื่องแค่มุมมองเดียว และผ่านทาง media โดยภาษาที่ค่อนข้างจะ sensationalize ไม่ใช่ในลักษณะ "รายงาน" ข่าว ผมคิดว่าเราหลายคนในที่นี้กำลังรอคำตอบที่ว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ผ่านการตรวจสอบอย่างไร และจากการให้การกี่ฝ่าย เพื่อที่เราจะนำมาประกอบการตัดสินความน่าเชื่อถือ เรื่องจรรยาบรรณเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นความยุติธรรมควรจะเป็นวิธีการที่ทุกฝ่ายยึดมั่นก่อนจะลงความเห็นหรือตัดสิน



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 11:55:19 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 19


   ผมอยู่ไกลหน่อย "นครสวรรค์" แต่เข้ามาอ่านบ่อย จบ ปวส.ช่างยนต์ กระทู้นี้มีแต่คนพูดถึง"จรรยาแพทย์" ผมขอถามถึง"จรรยานักหนังสือพิมพ์"บ้าง ข้อมูลนั้นคุณหาจากทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ ประเภทใช้ชื่อย่อเพ่อป้องกันการถูกฟ้อง ลงข่าวเอามันไว้ก่อน พอถูกฟ้องก็ยอมความลงขอโทษตัวนิดเดียว อายกันบ้างไหม

Posted by : ผ่านมา , Date : 2004-03-06 , Time : 13:15:03 , From IP : 210.120.128.117

ความคิดเห็นที่ : 20


   หนังสือพิมพ์ ท. ชอบเขียนข่าวเท็จจากเรื่องหนึ่งให้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่แตกต่างจากหนังสือพิมพ์ ข ที่ชอบรับเงินเขียนข่าว หรือว่าหนังสือพิมพ์ ผ. ที่ขอนอนกับดารา และแบ่งปันให้กับหนังสือพิมพ์ ด

พวกนักหนังสือพิมพ์เป็นคนที่คบไม่ได้ และไม่ควรจะย่างกรายเข้าใกล้ชิดเพราะไม่เคยเห็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีจรรยาบรรณทางวิชาชีพเลย(เกือบร้อยเปอร์เซ้นต์)

ไม่รู้ว่ามีการเรียนจริยธรรมและมรรยาททางวิชาชีพของหนังสือพิมพ์หรือไม่



Posted by : อ , Date : 2004-03-06 , Time : 13:26:07 , From IP : 203.113.76.74

ความคิดเห็นที่ : 21


   เรื่องจริงหรือเปล่าก้อไม่รู้แล้วเอามาพูด

Posted by : mickeymouse , Date : 2004-03-06 , Time : 13:34:10 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 22


   คุณ บก ทำไมเงียบไปเลยละครับ


Posted by : K , Date : 2004-03-06 , Time : 14:36:56 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 23


   มีมาโพสไว้ตรงนี้ด้วย
http://www.hatyaitoday.com/cgi-bin/webboard/generate.cgi?content=5610&board=board_1

ยังไม่ค่อยเข้าใจเจตนาและจุดประสงค์ของคนที่.โพสกระท้สักเท่าไร
หรือว่า ....... ต้องการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อโปรโมตหนังสือพิมพ์ตัวเองหรือเปล่า
ถาม จากเพื่อนๆ มีคนบอกว่า นสพ ฉบับนี้ มี economic problem ด้วยละ


Posted by : K , Date : 2004-03-06 , Time : 14:44:32 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 24


   ไม่อยากทราบเลยว่าหมอผู้นั้นเป็นใคร เพราะจะไปเข้าทางนักข่าวที่อยากขายข่าวและอยากให้ทุกคนเป็นกลางทั้งคู่ เพราะทั้งแพทย์และนักข่าวนั้นต้องมี
จรรยาบรรณทั้งคู่ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนั่นคือเรากำลังทำให้มีเหยื่อของข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย คือแพทย์คนนี้ ที่ไม่มีโอกาสเลยสักนิดที่จะแก้ตัวไม่ว่าจะออกมาเปิดเผยตัวหรือไม่ก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องไม่จริง บาดแผลทางจิตใจนี้คงใหญ่หลวงนัก และคงไม่มีใครรับผิดชอบ
ถ้าวิเคราะห์ในเรื่องทั้งหมดเท่าที่มีมูล หมอคนดังกล่าวคงพยายามจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตนเองอยากบอกแก่คนไข้ โดยที่ไม่ได้ประเมินว่าคนไข้อยากรับรู้แค่ไหน มีpast experienceเกี่ยวกับโรคมาอย่างไร มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นในขณะมาพบหมอและในขณะที่ฟังหมอเล่าเรื่องของหมอ นอกจากนี้ผู้ป่วย มี personnal meaningของมะเร็งมาอย่างไร เมื่อหมอไม่ได้ประเมินการพูดของหมอไม่ว่าข้อมูลอะไรก็ตามจะไปลงในช่องที่คนไข้คาดหวังอยากได้ยิน แล้วส่วนที่ไม่คาดหวังจะได้ยินหล่ะก็ทำให้เกิดอารมณ์ และเมื่ออามณ์มาก็จะเลือกรับperceptionแต่บางส่วน เรื่องที่เล่าให้คนอื่นฟังหลังจากนี้ก็เกิดจากการรับรู้ของคนไข้นั่นเอง แล้วอะไรคือเรื่องจริงหล่ะ คนที่สามมาฟังเรื่องไม่ว่าจากคนไข้หรือหมอก็ผ่านขบวนการรับรู้เช่นกันแล้วมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่สามสี่ห้าหก......
อีกอย่างหมอคงต้องทราบว่าถ้าคนไข้คาดหวังกับการมาพบเรามากเท่าไรเวลาผิดหวังก็จะผิดหวังได้มากกว่าที่คาดหวังนัก


Posted by : pisces , Date : 2004-03-06 , Time : 15:00:01 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 25


   

เหตุผลสำคัญที่ผม นำเรื่องราวนี้มาขึ้นโพสในเวปบอร์ดแห่งนี้ ก็เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่มีเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง และไม่มีเจตนา จะโจมตีหรือให้่ร้า้ยนายแพทย์ คนที่กล่าวถึง เพราะถ้ามีเบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือต้องการโจมตีนายแพทย์ คนนั้น

ทำไมผมต้องเปิดตัวออกมา โดยประกาศชัดเจนทั้งชื่อจริง นามสกุลจริง และเบอร์โทรศัพท์ สามารถตรวจาสอบและติดต่อผมได้ตลอด

ถ้าผมต้องการเล่นสกปรก หรือโจมตีให้ร้ายจริงๆ เรื่องอะไร ผมจะเปิดเผยตัวเองละ

ที่ผมเปิดเผยตัวเอง ก็เพื่อยืนยันว่าเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องจริง

ถ้าถามว่าทำไมผมไม่เปิืดเผยชื่อหมอคนนั้นออกมาเลยละ ผมบอกได้เลยว่ายังไม่ถึงเวลา

แต่ถึงผมไม่เปิดเผย ผมก็เชื่อว่า นักเรียนแพทย์ และแพทย์หลายคน ก็คงจะเดาออกแล้วว่า นายแพทย์ คนที่ผมกล่าวถึงคือใคร

ยิ่งไปกว่านั้น ผมยืนยันได้ว่าผมเป็นนักข่าวอาชีพ

ผมวิชาญ ช่วยชูใจ จบปริญญาตรี จาก คณะวิทยาการจัดการ ม.สงขลานครินทร์หาดใหญ่ รหัส 3336066

เรียนปริญญาโท ที่คณะเดิมรุ่นที่ 10 รหัส 4437851

ผมเป็นนักข่าวที่เดอะเนชั่นมานาน 3 ปี เป็นผู้บริหารในสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี.มานาน 7 ปี

ปัจจุบันลาออกมาทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อีก 3 ปี

ไม่จำเป็นอะไรเลยที่ผมจะต้องไปกล่าวร้ายป้ายสี นายแพทย์ที่ผมกล่าวถึง

ทุกคนลองตรวจสอบประวัติผมได้ เพราะผมเชื่อมั่นว่า แพทย์และพยาบาล ที่เรียน มอ.และขึ้นต้นด้วยรหัส 33 คงรู็จักผมบ้างไม่มากก็น้อย

เมื่อตอนเช้ามีแพทย์ศัลยกรรมโทรศัพท์มาคุยกับ ผมก็อธิบายไปอย่างนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าเขาก็เข้าใจ

ถ้าหากใครไม่เข้าใจ หรือสงสัยอะไร ตรงไหน พบกับผมโดยตรงก็ได้ ที่สำนักงาน หนังสือพิมพ์ สมิหลาไทมส์ 41 ถถนคลองเรียน 2 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันจันทร์ นี้เป็นต้นไป


Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-06 , Time : 15:51:26 , From IP : 203.154.27.237


ความคิดเห็นที่ : 26


   คุณวิชาญครับ

ผมคิดว่านักศึกษาแพทย์และแพทย์ส่วนใหญ่จะเดาได้เรียบร้อยแล้วว่าคุณกำลังพูดถึงแพทย์ท่านไหน ถ้าการทำอย่างนั้นมีผลต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลๆหนึ่งในสังคม โดยยังมิได้มีการสอบสวนให้เรียบร้อยก่อน ผมอยากจะเรียนถามคุณวิชาญว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือไม่?

กฏหมายเรานั้น persume innocent until proved หรือไม่? การราหน้าใครในที่สาธารณะนั้น ความเสียหายได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ผมยังสงสัยว่าทำไมคุณวิชาญถึงยืนยันว่าจะชี้แจงเหตุผลเป็นการส่วนตัวเท่านั้นล่ะครับ? ในเมื่อสื่อต่างๆในการรายงานผลทางลบอยู่ในที่สาธารณะเรียบร้อย ไม่ให้เหตุผลและวิธีการสืบสวนสอบสวนมาอยู่ในที่เดียวกัน ปัญญาชนทั้งหลายจะได้สามารถวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือได้ ส่วนใครเป็นคนพูดนั้นผมว่าไม่เกี่ยวเท่าไหร่เท่ากัน "หลักฐาน" และการ "สืบพยาน" โดยขบวนการยุติธรรมใช่ไหมครับ?

ผมอยากจะเรียนถามคุณวิชาญว่าการลงหนังสือพิมพ์ บอกเป็นนัยอย่างพอเพียงถึงบุคคลที่สามว่ามีความผิดจรรยาบรรณ โดยยังมิได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมนั้น เป็นการถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณฐานันดรที่สี่หรือไม่? ส่วนประวัติความเป็นมาของคุณวิชาญนั้นก็ขอบพระคุณที่ให้มาครับ แต่ไม่ได้ช่วย address คำถามที่หลายต่อหลายคนถามมาแล้ว คือคำถามข้างบน กับที่ว่ารายละเอียดที่คุณวิชาญสรุปว่าเป็นเรื่องจริงนี้นั้นมีแหล่งที่มาจากทั้งสองฝ่ายหรือไม่ ก่อนที่คุณวิชาญจะสรุปและลงตีพิมพ์ให้แก่สาธารณชนทราบ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 16:13:14 , From IP : 172.29.3.248

ความคิดเห็นที่ : 27


   คุณวิชาญ คุณกำลังจะทำอะไรเนี่ย งง

Posted by : เด็กหาดใหญ่ , Date : 2004-03-06 , Time : 16:55:12 , From IP : 203.113.76.71

ความคิดเห็นที่ : 28


   เรื่องพฤติกรรมของนายแพทย์คนดังกล่าว ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นบทความที่บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พร้อมกับทั้งคำถาม ให้ทุกๆ คนที่ได้อ่านบทความหรือเรื่องเล่านี้ คิดกันเอาเองว่า นายแพทย์คนนี้มีจรรยาบรรณเพียงพอหรือไม่

ผมไม่ได้ตัดสิน หรือพิพากษาเลยว่า เขาไร้จรรยาบรรณ แต่ผมตั้งคำถามให้ทุกๆ คนได้ตอบ เมื่อประมวลเหตุการณ์จากเรื่องเล่าทั้งหมดที่ผมได้เล่าไป ด้านบน

โปรดอ่านโดยพิจารณากันอีกครั้ง

ผมถือว่าผมตั้งใจ และผมมั่นใจพอ ที่ผมเข้ามาโพส ใน เวปไซค์และในเวปบอร์ดนี้ เพราะคา่ดเดาได้ไม่ยาก ว่าคนอ่านเกือบทั้งหมด ก็เป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงของคณะแพทย์ศาสตร์นั่นแหละ

และผมก็เดาได้ไม่ยาก ว่าเมื่อมีการโต้เถียงกันขึ้นในเวปบอร์ดแห่งนี้ ผลสรุปจะออกมาเช่นไร

******หมายเหตุ


ยังมีเรื่องเล่าต่อ.....

คุณรู้มั้ย..หลังจากที่หญิงชราคนดังกล่าว ได้ตัดสินใจไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ พร้อมกับให้ลูกชายโทรศัพท์ ไปที่หมายเลข 01-8.........ซึ่งเป็นหมายเลขของหมอคนดังกล่าว เพื่อจะขอผลการตรวจ แมมโมแกรม จากหมอ เพื่อนำไปให้หมอที่กรุงเทพ ใช้ประกอบการวินิจฉัยโรค

ตอนแรกที่โทรเข้าไป นายแพทย์ คนดังกล่าวบอกว่าไม่ว่าง เพราะติดสอนนักเรียนอยู่

เมื่อลูกชายของหญิงคนดังกล่าว ถามกลับไปว่าแล้วเมื่อไรหมอจะว่าง ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า

"ยังไม่รู้ว่าจะว่างเมื่อไร" แล้วอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร นายแพทย์คนนี้บ่ายเบี่ยงที่จะให้ข้อมูลหรือไม่ หรือไม่พอใจที่หญิงชราคนนั้นไม่รักษากับตนเอง จึงแสดงอากัปกิริยาออกมาอย่างนั้น





Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-06 , Time : 18:22:54 , From IP : 203.154.27.237


ความคิดเห็นที่ : 29


   คุณวิชาญครับ

ขออภัยที่ถามไม่ชัดเจน ลองอีกที

๑) ข้อมูลดังกล่าวผ่านการตรวจสอบโดยเป็นธรรมอย่างไรบ้างก่อนที่หนังสือพิมพ์ลงโจมตีแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งไม่มีเครื่องมือเครื่องไม้อะไรในการป้องกันชื่อเสียงเลย

๒) การตัดสินจรรยาบรรณอาชีพของใครคนใดคนหนึ่ง โดยไม่ผ่านการสอบสวนเปนเรื่องยุติธรรมหรือไม่?

เหมือนกับการที่คุณวิชาญจะรู้สึกอย่างไร หากมีคนกล่าวหาว่าหนังสือพิมพ์ของคุณไร้จรรยาบรรณฐานันดรที่สี่ (ครับผมทราบว่าไม่ค่อยมีใครกล้ามาหาเรื่องกับหนังสือพิมพ์อย่างนี้ แต่เป็นการสมมติน่ะครับ) เพราะมีการลงความข้างเดียวโดยไม่ได้รับการสอบถาม สัมภาษณ์จากทั้งสองฝ่าย (กลไกความยุติธรรมมาตรฐานของทุกประเทศที่เจริญแล้ว)

การสื่อสารนั้นขึ้นอยู่กับ "บริบท" ของการสื่ออย่างมาก "เป็นไปได้หรือไม่?" ที่เร่องนี้เป็นความเข้าใจผิด หรือความล้มเหลวในการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยรายนี้? ขออนุญาตดึงการวิเคราะห์ข้างบนจากคุณ Pisces
ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนั่นคือเรากำลังทำให้มีเหยื่อของข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย คือแพทย์คนนี้ ที่ไม่มีโอกาสเลยสักนิดที่จะแก้ตัวไม่ว่าจะออกมาเปิดเผยตัวหรือไม่ก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องไม่จริง บาดแผลทางจิตใจนี้คงใหญ่หลวงนัก และคงไม่มีใครรับผิดชอบ
ถ้าวิเคราะห์ในเรื่องทั้งหมดเท่าที่มีมูล หมอคนดังกล่าวคงพยายามจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตนเองอยากบอกแก่คนไข้ โดยที่ไม่ได้ประเมินว่าคนไข้อยากรับรู้แค่ไหน มีpast experienceเกี่ยวกับโรคมาอย่างไร มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นในขณะมาพบหมอและในขณะที่ฟังหมอเล่าเรื่องของหมอ นอกจากนี้ผู้ป่วย มี personnal meaningของมะเร็งมาอย่างไร เมื่อหมอไม่ได้ประเมินการพูดของหมอไม่ว่าข้อมูลอะไรก็ตามจะไปลงในช่องที่คนไข้คาดหวังอยากได้ยิน แล้วส่วนที่ไม่คาดหวังจะได้ยินหล่ะก็ทำให้เกิดอารมณ์ และเมื่ออามณ์มาก็จะเลือกรับperceptionแต่บางส่วน เรื่องที่เล่าให้คนอื่นฟังหลังจากนี้ก็เกิดจากการรับรู้ของคนไข้นั่นเอง แล้วอะไรคือเรื่องจริงหล่ะ คนที่สามมาฟังเรื่องไม่ว่าจากคนไข้หรือหมอก็ผ่านขบวนการรับรู้เช่นกันแล้วมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่สามสี่ห้าหก......


ถ้าเกิดเป็นไปได้ที่การสื่อสารบางอย่างจากแพทย์ท่านนี้ ไม่ได้ส่งผ่านถึงผู้รับ และผู้รับที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งนั้น อาจจะไม่สามารถรับข้อมูลทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ เหลือแต่ข้อมูล negative (โดยธรรมชาติครับ theme ขอ_ตอนนั้นคงจะเป็นข่าวร้าย และข่าวร้ายเท่านั้น) เป็นไปได้หรือไม่? ที่ทางเลือกต่างๆ เช่น การรักษาที่ รพ.ของรัฐ ถูกเสนอมาด้วย หรือ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั้นเป็นการยกตัวอย่างในกรณีที่มีการฉายแสงและให้เคมีบำบัดบางตัว (ซึ่งบางอย่าง อย่างที่เรียนให้ทราบมันแพงมากกว่านี้ด้วยซ้ำ) และเป็นแค่ "ความเป็นไปได้" ที่ค่ารักษาจะถึงขนาดนั้น? คุณวิชาญเห็นว่า "เปนไปได้หรือไม่" ที่เหตุการณ์อาจจะเป็นทำนองนี้ ถ้าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกเราในที่นี้อยากทราบครับว่าทำไมคุณวิชาญถึงเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้

ข้อสำคัญคือเวลาคุณวิชาญลงข่าว ซึ่งคูรวิชาญบอกเองว่าขนาดนี้ก็เพียงพอให้คนรู้แล้วว่าเป็นใคร ทำไมคุณวิชาญจึงปฏิเสธในการให้เหตุผลประกอบในที่สาธารณะเช่นเดียวกัน? ทั้งๆที่ทำได้และทำไมจะชี้แจงเป็นรายบุคคลเท่านั้น? ที่ว่ามีศัลยแพทย์โทรมาหาคุณวิชาญ และเข้าใจนั้นก็เป็นการเสนอข้อมูลฝ่ายเดียวเหมือนเดิมอยู่ดี

หรือคำถามเหล่านี้ไม่สำคัญต่อเรื่องนี้ ไม่สำคัญต่อจรรยาบรรณนักข่าว ไม่สำคัญต่อจรรยาบรรณแพทย์ว่าควรจะต้องถูกสอบสวนในลักษณะอย่างไรก่อนจะตราหน้าใครในที่สาธารณะครับ?




Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 18:48:21 , From IP : 172.29.3.253

ความคิดเห็นที่ : 30


   ไม่อยากรู้คุณสมบัติที่มาของบก แต่คิดว่าควรจะ boycott สมิหลาไทม์

Posted by : mickeymouse , Date : 2004-03-06 , Time : 21:58:26 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 31


   .....พอเถอะครับคุณ Phoenix.....ผมอ่านกระทู้นี้มาตั่งแต่แรกที่ตั้งแล้วครับ....ผมถามอะไรคุณนิดสิครับ....."ไม่แปลกใจเหรอครับ...ที่ผมไม่ตอบอะไรเลย"......ลองคิดที่ผมถามดีๆนะครับ....ถ้านึกอะไรไม่ออก....ผมจะใบ้ให้...."วิธีนี้มันเก่าแล้วครับ"......



Posted by : Death , Date : 2004-03-06 , Time : 22:28:28 , From IP : 202.133.188.192

ความคิดเห็นที่ : 32


   ผมพอจะบอกได้ว่าถ้าจะมีแพทย์ที่คุ้นเคยและเห็นชอบกับการตัดสินใครลงที่สาธารณะโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมเป็นใครเหมือนกัน เพราะเราเคยเห็นตัวอย่างและการกระทำอย่างนี้มาเมื่อไม่นานนี้เอง ใช่ไหมครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 22:55:48 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 33


   อ่านข้อความของคุณบก. ยิ่งทำให้รู้ว่านักหนังสือพิมพ์นี่มีปากกาเป็นอาวุธจริงๆ ไว้ทิ่มแทงคนอื่น และยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเชื่อถือไม่ได้ ยิ่งส่าธยายประวัติของตัวเองยิ่งบ่งบอกให้รู้ถึงแก่นของตัวเองว่าเป็นเช่นไร ผมไม่แปลกใจที่ผมยังยืนหยัดคำพูดเดิมว่านักหนังสือพิมพ์เชื่อถือไม่ได้อย่างยิ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Posted by : อ , Date : 2004-03-06 , Time : 23:21:40 , From IP : 203.113.76.71

ความคิดเห็นที่ : 34


   ขอเสนอให้ปิดกระทู้ข่าวนี้ครับ อย่าให้นักข่าวได้ใช้เวทีนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างข่าวของตัวเองและเสียใจกับมอ.เป็นอย่างยิ่งครับ

Posted by : อ , Date : 2004-03-06 , Time : 23:24:06 , From IP : 203.113.76.71

ความคิดเห็นที่ : 35


   .....โอเค....ถ้างั้นเขียนต่อไปเลย....แสดงให้คนที่อ่านและคุณ บ.ก. เข้าใจความสามารถของคุณหน่อยสิครับ......ผมจะนั่งอ่านเงียบๆต่อหละครับ.....ขอโทษด้วยครับที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง.....



Posted by : Death , Date : 2004-03-06 , Time : 23:46:48 , From IP : 202.133.188.192

ความคิดเห็นที่ : 36


   ผมแปลกใจมากที่คุณสรุปออกมาว่าผมทำเพื่อแสดงความสามารถของผม

การที่มีการกล่าวหาพยาบาลลงกระดานข่าวโดยไม่มีการสอบสวนนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง อาจจมองเป็นเหมือนขิงกับข่า หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ผมนึกไม่ถึงก็คือการ approve เรื่องทำนองเดียวกันกับวงอาชีพแพทย์ คุณ Death คงไม่สนใจว่าใครเป็นใครและเสื่อมเสียแค่ไหนจากไอ้ "วัฒนธรรม" แบบนี้ รวมทั้งคนๆนี้อาจจะเป็นคนที่สอนคุณ Death มากับมือรึเปล่านั่นก็คงไม่สำคัญเหมือนกันใช่ไหมครับ?

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความสามารถของใครหรอกครับ ไม่มีใครอยากเอามือมาซุกหีบ ทะเลาะกับนักหนังสือพิมพ์นั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ผมเคยไม่เห็นด้วยกับการทำอย่างนี้กับพยาบาล ผมก็แสดงความไม่เห็นด้วยแบบเดิมเมื่อเกิดขึ้นกับหมอ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-07 , Time : 00:27:58 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 37


   อ่านมาถึงตอนนี้แล้่วก็สะดุดกับข้อความของคุณ Death

ถ้าปล่อยนิ่งเงียบไว้เฉยๆแล้วมันจะดีหรือครับ

อย่างน้อยน่าจะสร้างประโยชน์ด้านการรับรู้และพิจารณาข่าวสารให้เกิดขึ้นจากกรณีนี้บ้าง
หรือไม่ก็ควรลบทิ้งตั้งแต่แรกเจอเลยทีเดียว


Posted by : ArLim , Date : 2004-03-07 , Time : 00:49:10 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 38


   เรื่องพฤติกรรมของนายแพทย์คนดังกล่าว ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นบทความที่บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พร้อมกับทั้งคำถาม ให้ทุกๆ คนที่ได้อ่านบทความหรือเรื่องเล่านี้ คิดกันเอาเองว่า นายแพทย์คนนี้มีจรรยาบรรณเพียงพอหรือไม่

ผมไม่ได้ตัดสิน หรือพิพากษาเลยว่า เขาไร้จรรยาบรรณ แต่ผมตั้งคำถามให้ทุกๆ คนได้ตอบ เมื่อประมวลเหตุการณ์จากเรื่องเล่าทั้งหมดที่ผมได้เล่าไป ด้านบน

จากข้อความข้างต้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณบก.ท่านนี้มีความไม่บริสุทธิ์ใจ และลำเอียงอย่างมาก ไม่เหมาะที่จะเป็นนักหนังสือพิมพ์เลย เนื่องจาก คุณฟังความข้างเดียว จากหญิงชราผู้นั้น ซึ่งไม่รู้ว่ามีการใส่ความแพทย์ท่านนั้นหรือไม่ และการที่คุณซึ่งไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลยนั้น ได้ลงข้อความหรือบทความป้ายสีผู้อื่น ในที่สาธารณะแบบนี้ ระวัง!!! จะโดนข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ ไม่อยากจะเหมาหรอกนะว่านักหนังสือพิมพ์ทุกคนจะเป็นแบบนี้แต่ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ ทำมาเป็นถามหาถึงจรรยาบรรณแพทย์ เคยถามถึงจรรยาบรรณนักหนังสือพิมพ์บ้างไหม ว่าตัวคุณเองมีมากน้อยแค่ไหน???


Posted by : นอ ศอ พอ , Date : 2004-03-07 , Time : 00:55:32 , From IP : 172.29.4.185

ความคิดเห็นที่ : 39


   มีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่อไปนี้ครับ
1.ประเด็นแพทย์เอื้ออาทร ของคุณคนหาดใหญ่เหมือนกัน
คิดเห็นอย่างนี้ครับ การผลิตแพทย์เพิ่มคงไม่ใช่ทางออกทั้งหมดของปัญหา ทุกวันนี้ต่อให้มีแพทย์แบบ 1 ตำบล 1 คน ก็คงไม่สามารถลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในชนบทลงได้เท่าไรนัก แพทย์ผู้นั้นก็ยังคงต้องรับงานหนักอยู่เช่นเดิม ตราบใดที่ยังไม่มีการจัดระบบให้ดีพอ(เป็นต้นว่าจัดการกระจายของแพทย์ด้วยการพัฒนาระบบสาธารณสุข)อย่างที่คุณลุงนกไฟท่านว่า
2.ที่อ่านมานี้ผมจะเชื่อถือได้เพียงไร ว่าเรากำลังตอบโต้อยู่กับใคร มีวัตถุประสงค์อะไรในการวางเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา คนที่มาpost


Posted by : Scorpion , Date : 2004-03-07 , Time : 02:13:23 , From IP : 172.29.4.238

ความคิดเห็นที่ : 40


   ต่อครับ
2.คนที่มา post เป็นบุคคลที่ได้มากล่าวอ้างไว้จริงหรือไม่หรืออาจจะเป็นเพียงใครสักคน ที่ต้องการสร้างความพิพาทให้เกิดขึ้นแก่บุคคลทั้ง 2 ฝ่าย
3.ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจจริง ควรมีการชี้แจงให้ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจร็งทั้งหมด ไม่ใช่มาโฆษณาหาดีใส่ตัวป้ายร้ายให้ผู้อื่น ทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการแต่งเติมเรื่องขึ้นมาหาความน่าเชื่อถือใดๆ มิได้ (บ้านเราว่านักเลงไม่จริงนะครับ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ไม่กล้าชี้แจง)
4. ว่ากันแบบไม่ Biasนะครับ ว่าหากมีการชี้แจงข้อเท็จ อย่างถูกต้องและเป็นธรรมเราก็คงสามารถสรุปกันได้ว่าผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกนะครับ หรืออาจมีเหตุการณ์เข้าใจผิดกัน อันนี้คงต้องชี้แจงกันอีกครั้ง





Posted by : Scorpion , Date : 2004-03-07 , Time : 02:26:15 , From IP : 172.29.4.238

ความคิดเห็นที่ : 41


   ตกลงพี่วิชาญ ได้ สัมภาษณ์ แพทย์ท่านนั้น หรือ ผู้บริหาร รพ. หรือยัง ถ้ายัง ก็ควรจะรีบไปติดต่อสัมภาษณ์ซะ ข่าวจะได้ดูน่าเชื่อถือ
อันนี้หวังดี เพราะประเด็นอยู่ที่ว่า คุณฟังความข้างเดียว และจะไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้เลย ถ้าข่าวนี้เป็นข่าวเท็จ
แต่คนไข้ก็แปลก รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีเงิน แต่ทำไมไม่มารักษาที่ รพ. ผมว่า ถ้าจะให้ดี คุณควรจะตีประเด็นนี้ด้วย ว่าทำไมผู้ป่วยในหาดใหญ่จึงเสื่อมศรัทธากับ สาธารณสุขของภาครัฐ
ขยันหาข้อมูลหน่อยครับ ข่าวที่ดีไม่ได้หมายถึง ข่าวที่แรง หรือ ข่าวที่ด่วนฉับไว แต่ควรจะเป็นข่าวที่ตรง ตรวจสอบข้อมูลได้ และมีการเปิดเผยแหล่งข่าว รวมทั้งสัมภาษณ์ ทั้งผู้รับและเสียประโยชน์


ปล. โต๊ะบอลใหญ่โตในหาดใหญ่ตั้งอยู่เส้นเดียวกับ ที่ทำการหนังสือพิมพ์ของคุณ ห่างกันไม่เกินสองร้อยเมตร มีไม่ต่ำกว่า สองร้าน เงินหมุนเวียนนับล้านบาท เคยมีพลเมืองดี แจ้งไปที่สถานีตำรวจแล้ว ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร


Posted by : โซดา โค้ก , Date : 2004-03-07 , Time : 06:18:43 , From IP : 172.29.3.233

ความคิดเห็นที่ : 42


   ......เรียนคุณ Arlim.....
.....ปล่อยไว้ก็ไม่ดีหรอกครับ....เพียงแต่ถ้าคุณอ่านดีๆตั้งแต่แรกๆ....จะมี Keyword ที่กระชากให้คนเข้ามาอ่านอยู่ทั้งนั้น....มีการกั๊กข้อมูล...เพื่อให้คนสนใจ...ทำท่าว่าจะเปิดเผยข้อมูลบ้างหละ....เพื่อให้คนติดตาม....พยายามทำให้น่าเชื่อถือ....แล้วไง....นี่มันวิธีการปั่นกระทู้แบบโบราณ....ผมนั่งอ่านโดยพยายามไม่สนใจ....เพราะถ้าลงมาเขียนเมื่อไหร....จะเข้าวัตถุประสงค์ทันที....ลองอ่านดูทั้งหมดอีกรอบก็ได้ครับ.....ยิ่งมีคนสนใจมาก...ยิ่งมันส์....ตรงข้าม....ถ้าไม่สนเลย....เดี๋ยวไอ้ข้อมูลที่กั๊กไว้ก็จะปล่อยออกมาเป็นช่วงๆเพื่อเรียกคนให้สนใจ....สุดท้ายใครที่อดใจไม่ไหว...ก็จะตอบ....ไม่ว่าจะตอบอะไรก็ตาม....ทุกอย่างสามารถนำไปแปรเปลี่ยนเพื่อให้เข้าทางของการปั่นกระทู้ได้ทั้งนั้น....ยิ่งแสดงความเห็นมากๆ....ยิ่งพลาดมาก....ยิ่งมีโอกาสที่จะถูกย้อนรอยได้ง่ายมาก....แล้วที่สำคัญ....ลบกระทู้เหล่านี้ไม่ได้.....เพราะลบได้...มันก็ลงใหม่ได้....ลงที่เป็น 10 ยังได้เลย.....

.....พิสูจน์ง่ายๆ.....มีใครบ้างที่อ่านหัวข้อกระทู้แล้วจะไม่สนใจ???.....

......เรียนคุณ Phoenix....ถ้าคุณอ่านถึงตอนนี้แล้วยังอยากจะเป็นเครื่องมือของคนอื่น....ก็ตามใจครับ....คุณเอาชนะกระดานข่าวไม่ได้หรอกครับ....ถึงคุณจะปิดกระดานนี้ทิ้ง....มันก็มีกระดานอื่นอีกเป็นกอง.....ส่วนคุณจะตัดสินผมว่าเลวชั่วช้าอย่างไรในสายตาคุณก็ตามใจครับ....ในสายตาคนอื่น....ผมก็เป็นคนเลวอยู่แล้วครับ....ต่อให้ทำดีแทบตายแค่ไหน....ทำเลวสักครั้งก็จบครับ...สังคมมันก็แบบนี้หละครับ.....เชิญคุณเอาผมไปสอนคนอื่นได้เลย...."ดูไว้นะ...ไอ้ Death มันเลวอย่างไร....".....ถ้าผมจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างก็ยินดีครับ....เพราะผมไม่คิดว่าตัวผมเองมีค่าเท่าไรในสังคมอย่างนี้....ขอบคุณครับ.....



Posted by : Death , Date : 2004-03-07 , Time : 08:23:51 , From IP : ppp-203.118.98.85.re

ความคิดเห็นที่ : 43


   จนบัดนี้คุณก็ยังไม่เชื่อผมว่าผมไม่ชอบ label ใคร ใครจะดีจะชั่วขึ้นอยู่กับ "การกระทำ" และ "การแสดงออก" ไม่ต้องรอให้ใครตัดสินไม่ว่าจะเป็นผมหรือใครทั้งสิ้น

ผมไม่ได้ต้องการ "เอาชนะ" อะไรหรอกครับ เอาชนะนั่นมันเป็นเกม เป็นการละเล่น ถ้าเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่พอก็จะเลิกเอาชนะ เป็นคนมีหลักการและเหตุผล คุณอาจจะมองว่าทุกคนในที่นี้ตกเป็นเครื่องกระทู้ล่อเป้า แต่ผมคิดว่าผมคิดเหมือนๆกันหลายคนในทีนี้คือเรื่องนี้เราไม่ควรปล่อยและไม่สนใจ สาเหตุที่มีคนคิดว่าเรา "ไม่สามารถ" จะทำอะไรได้ ปรีบเปลี่ยนอะไรได้เพราะ "community" เราไม่แข็งแรง ไปหลงคิดว่าลัทธิอะไรนั้นแข็งแกร่ง ไปหลงคิดว่ากระดานข่าวชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าคุณอ่านคนที่เข้ามาวิจารณ์ในที่นี้ เขาไม่ได้คิดเอาชนะ แต่เชื่อมั่นว่าถ้าเรามีหลักการ และสามัคคี ชุมชนเราจะแข็งแรง และเป็นตัวอย่างต่อน้องรุ่นหลังได้ ไม่ได้ยังชีวิตแบบ inert

การแสดงออกของแต่ละคนนั้นมันกลายเป็นนายของเราทั้งสิ้น รวมทั้งความคิด ถ้าคุณคิดว่ากระดานข่าวเป็น invincible มันก็จะเป็น ถ้าคุณคิดว่าสังคมที่เหลวแหลกมันก็จะเป็น ถ้าคุณคิดว่าการตัดสินคนโดยไม่มีการพิจารณาสอบสวนให้ดีก่อนเป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับทำอะไรไม่ได้ คุณก็จะยอมรับและไม่ทำอะไรกับมัน มีคนมาอ่านเยอะในกระทู้นี้น่ะหรือ ก็ดีซิครับ การใช้กระดานข่าวแบบผิดๆ หรือ abuse สิทธิผู้อื่นนั้น คนจะได้ทราบว่าเรามีหนทางในการอภิปรายให้คนธรรมดาๆเห็นว่าเราควรจะจัดการกับข้อมูลข่าวสารอย่างไร คำถามอะไรคือกุญแจสำคัญในการที่เราจะรับข้อมูลมาวิเคราะห์ มาสรุป ในเรื่องนี้บทบาทของคุณว่าดีหรือเลวนั้นไม่ได้อยู่ในประเด็นของพวกเราเลย คุณออกจะ self referenced ไปสักนิด แต่ถ้าคุณจะ reflect ถึงการกระทำของคนอื่นในที่นี้ว่านอกเหนือจากเป็นการสนับสนุนกระทู้ล่อเป้าเท่านั้นอย่างที่คุณคิด คนเหล่านี้มีสติปัญญาพอที่จะทำเพราะสาเหตุอื่นที่คุณยังไม่ได้ทำความเข้าใจหรือไม่?

การนำเอาข้อมูลฝ่ายเดียวมานำเสนอแล้วสรุป ไม่ว่าจะใส่ไข่อะไรลงไปเท่าไหร่ แล้วมีคนรับไปเป็นเรื่องจริงนั้นเกิดขึ้นเยอะ และผมว่าเยอะเกินไปแล้ว พวกเราในสถาบันการศึกษา และอาชีพนี้เรายังชีวิตอยู่ได้ด้วยข้อมูล ข้อมูลที่คนไข้ให้เรา ข้อมูลที่เราให้คนไข้ ข้อมูลเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้มันมีมาตรฐาน ตรวจสอบได้ และเป็นความจริง เพราะการกระทำของเราจะมีรากฐานมาจากข้อมูลนี้เท่านั้น อ้อ..บวกกับเจตคติและความรู้ในอาชีพด้วย

แพทย์ท่านนี้อาจจะผิดอย่างที่ว่า จริงหรือไม่เราได้ยินข้อมูลข้างเดียว และคนส่งกระทู้ไม่ปราถนาจะอธิบายที่มาของข้อมูล ปฏิเสธในการชี้แจงกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เราก็ไม่สามารถจะสรุปอะไรได้ถึงแม้ว่าแพทย์ท่านนั้นจะผิดจริง เราก็จะมองเห็นว่าการ discredit ตัวเราเองโดยการนำเสนอข้อมูลนั้น แม้บางครั้งเป็นเรื่องจริงมันก็ทำให้คนไม่เชื่อถือได้ แต่ถ้าแพทย์ท่านนี้ไม่ผิดเป็นความล้มเหลวทางการสื่อสารเท่านั้น ถ้ามีคนหลงเชื่อข้อมูลนี้ไป ก็จะเป็นกรเสื่อมเสียต่อตัวแพทย์ท่านนั้นอย่างอยุติธรรมอย่างยิ่ง และจะมีผลกระทบต่อคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก สถานะในสังคม เหนือไปกว่านั้นก็คือ accountability ขอ_อาชีพของเรานั้นก็จะ vulnerable ต่อการสูญเสียความเชื่อถือง่ายขึ้นๆ ใครไม่พอใจแพทย์คนไหน ก็เดินไปหาหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ เล่าเรื่องต่างๆยืนยันว่าจริง สื่อเหล่านี้แค่ออกมาตีข่าวโดยไม่ต้องตรวจสอบ ไม่ต้องมีขั้นตอนสอบสวน กลายเป็นว่าสื่อทำหน้าที่เป็น พยาน ตำรวจ ศาล และเพชรฆาต ไปในทีเดียว

จรรยาบรรณวิชาชีพของเราเป็นสิ่งมีค่า และ worth fighting for การสอนนักเรียนเรา และทำให้ชุมชนของเราสามารถรับเรื่องราวอย่างมีหลักวิธีในการเชื่อไม่เชื่อเป็นเรื่องสำคัญมาก มากจนกระทั่งผมคิดว่าไม่ต้องไปสนใจกับเป็นล่อเป้าไม่ล่อเป้า เราต้อง take it seriously มากเท่าที่จะทำได้ เหมือนกับเรื่องความมั่นคงของชาติ สถาบันศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าเราคิดว่าล่อเป้าแล้วไม่ต้องไปแตะต้อง ไม่ต้องไปป้องกัน ผมว่าผลร้ายจะเกิดมากกว่าผลดี เราจะงอมืองอเท้าและยอมรับมันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ในที่สุดทุกๆสถาบันก็จะลดความสำคัญ ไม่มีค่าควรปกป้องอีกต่อไปเพียงเพราะแค่เรากลัวจะไปแตะกระทู้ล่อเป้าเท่านั้น

ก็เป็นทางเลือกของพวกเราเองในชุมชนแห่งนี้ คิดว่าอะไรมีค่า อะไรควรปกป้อง อะไรควรแสดงความเห็น แต่ทั้งหมดนั่นคือเหตุผลของผมที่ได้ร่วมอภิปรายในที่นี้




Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-07 , Time : 09:14:45 , From IP : 172.29.3.240

ความคิดเห็นที่ : 44


   อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ


Posted by : The Gunner , Date : 2004-03-07 , Time : 13:07:34 , From IP : medicine.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 45


   อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ


Posted by : The Gunner , Date : 2004-03-07 , Time : 13:08:06 , From IP : medicine.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 46


   อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ


Posted by : The Gunner , Date : 2004-03-07 , Time : 13:08:55 , From IP : medicine.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 47


   คุณที่อ้างตัวว่าเป็น บก. ครับ ผมคิดว่าหลายคนที่ได้อ่านในกระดานข่าวนี้ คงอยากทราบข้อมูลที่แท้จริง แต่ในเมื่อคุณไม่เปิดเผย... ข้อมูลจริงๆ เขียนแต่บทความที่ใส่อารมณ์ ความคิดของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหามาก ดังนั้นเพื่อให้เรื่องราวมันกระจ่างชัด ผมใคร่อยากจะทราบข้อมูลของหญิงชราท่านนั้นครับ ไม่ทราบว่าคุณจะบอกเบอร์โทรบุตรชาย หรือบุตรสาวของเขาได้หรือไม่

เชื่อว่าในเมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ให้คุณ บก. ได้ (ซึ่งเขาน่าจะคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นเช่นไร) เขาก็น่าจะยินดีแจ้งให้เราในที่นี้ ทราบด้วยนะครับ..

สรุปผมคิดว่าการได้รับข้อมูลโดยตรงจากผู้เสียหายหรือญาติก่อนจะมีประโยชน์ต่อการอภิปรายและการดำรงอยู่ของกระทู้นี้อย่างมาก (ก่อนที่มันจะโดนลบ) เพราะ

1. ข้อมูลจากผู้เสียหาย จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ใจของคุณ บก. ว่าไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาให้ร้ายป้ายสีสร้างความเสียชื่อเสียงให้แก่ผู้อื่น หรือเพื่อเจตนาขายข่าว ขายหนังสือพิมพ์
2. ข้อมูลจากผู้เสียหาย จะได้ให้เราทราบว่าเรื่องราวจริงๆ เป็นอย่างไร เกิดจากการเข้าใจผิดกันหรือไม่ (ผมขออนุญาญตีความไว้ก่อนในตอนนี้ว่า เรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมดมันโป้ปดมดเท็จ)

ส่วน..ประวัติการเรียนหรือการทำงานหนังสือพิมพ์ ทีวี ที่คุณกล่าวมาทั้งหมด..ไม่ได้ช่วยให้ความน่าเชื่อถือของเนื้อความเพิ่มขึ้นมาเลย...
หากเอาคุณงามความดีของนายแพทย์ท่านนั้นในการเป็นแพทย์ รักษาผู้ป่วยนานมากกว่าครึ่งชีวิตมาเทียบกันแล้ว เด็กอนุบาลก็น่าจะบอกได้ว่าควรจะเชื่อใคร...


Posted by : สะหนี่พอ , Date : 2004-03-07 , Time : 13:32:29 , From IP : 172.29.4.111

ความคิดเห็นที่ : 48


   คุณ บก.หายไปไหนแล้วหรือว่าไม่กล้าสู้ความจริง
กล้าpost ให้ผู้อื่นเสียหายก้อน่าจะกล้าออกมายอมรับความจริงหรือจะเปลี่ยนใจไม่สู้แล้ว แต่สายไปเสียแล้วทำขนาดนี้ถ้าไม่ขอโทษปิดสำนักพิมพ์ไปเลยดีกว่า
ถ้าแพทย์คนที่คุณบก พยายามชี้นำเป็นคนที่ผมรู้จัก ขอบอกว่า ผมยังเคยได้รับความช่วยเหลือจากท่านเลย ไม่ได้เสียเงินด้วย มีแต่ความซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน


Posted by : nutty , Date : 2004-03-07 , Time : 13:46:50 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 49


   อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ


Posted by : The Gunner , Date : 2004-03-07 , Time : 13:48:01 , From IP : medicine.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 50


   อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ


Posted by : The Gunner , Date : 2004-03-07 , Time : 13:48:05 , From IP : medicine.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 51


   อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ


Posted by : The Gunner , Date : 2004-03-07 , Time : 13:48:27 , From IP : medicine.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 52


   เพื่อความชัดเจนและยืนยันว่าคุณวิชาญไม่ได้รับรู้บิดเบี้ยว(false perception) ไม่ได้เลือกรับข้อมูลแบบอคติ(selection bias)เพื่อให้ได้ข้อมูลที่อยากให้เป็นไปตามthemeที่ว่าหมอไร้จรรยาบรรณแล้วหล่ะก็ ขอความกรุณาส่งหลักฐานทั้งหมดที่กล่าวอ้างว่ามีมูลไปยังองค์กรแพทย์ของคณะแพทย์แห่งนี้ให้ตรวจสอบได้ และที่สำคัญถ้าผลออกมาไม่ได้เป็นตามที่คาดไว้ดังthemeที่กล่าวหาไว้กรุณาแก้ข่าวให้ ที่สำคัญคงต้องยิ่งใหญ่กว่าครั้งนี้ เพราะที่คุณทำไว้มันหมายถึงคุณลบหลู่คุณค่าทางจิตใจของหมอคนที่คุณกล่าวหา และเท่านี้คุณก็ได้ข่าวไปเขียนมากพออยู่แล้ว

Posted by : pisces , Date : 2004-03-07 , Time : 14:29:33 , From IP : 172.29.3.208

ความคิดเห็นที่ : 53


   คุณวิชาญครับ

ผมคิดว่าการที่คุณปฏิเสธที่มาของข้อมูล ปฏิเสธการให้รายละเอียดในการตรวจสอบข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ความน่าเชื่อถือและจรรยาบรรณของฐานันดรที่สี่หรือสื่อสารมวลชนสูญเสียไป มันจะกลายเป็นวัฒนธรรมการใช้สื่อโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ไม่ต้องขึ้นศาลคุณวิชาญก็ตัดสินได้ว่าจะลงข่าวแบบไหน ลักษณะการลงข่าวอย่างที่ว่านั้น ผมไม่ทราบว่าคุณเรียกเป็นการรายงานเหตุการณ์เฉยๆได้อย่างไร เพราะมีทั้งการใช้คำ dramatize และ one-side อย่างชัดเจน ไม่เปิดโอกาสถึงความเป็นไปได้ที่แพทย์ท่านนั้นจะไม่ผิด หรือที่ว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิดของฝ่ายคุณป้าคนนั้นแม้แต่นิดเดียว

หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ แพทย์ท่านนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ลูกหลานของเราจะเติบโตขึ้นมาในสังคมแบบไหน? แบบที่ว่าไม่พอใจใครก็ใช้กฏหมู่ ใช้เสียงดังเข้าว่ารึเปล่า ในขณะนี้ก็มีการใช้กระดานข่าว และความที่ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลมาใช้ในการโจมตีตัวบุคคลให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เพราะคิดว่านี่เป็นนโยบายและวิธีที่ไม่มีทางแพ้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสนอความเห็น ซึ่งผมว่าทิ้งรอยคิดแบบนี้ในสังึคมเรานั้นอันตรายมาก ขนาดปัญญาชนยังเรียกวิธีนี้เป็น winning method แล้ว ผมว่าระบบการศึกษาเราคงจะกระทบกระเทือน เพราะนี่เป็นรากฐานที่บัณฑิตจะใช้ approach ข้อมูลประจำวัน ทั้งที่เราเรียนรู้ในบทเรียน ทั้งที่เรารับรู้ในเรื่องราวอื่นๆ

หากคุณวิชาญหวังดี และอยากให้กรณีนี้เปน case ตัวอย่าง ที่คุณ Pisces แนะมานก็เป็นวิธีที่ดีมากประการหนึ่ง ให้องค์กรแพทย์จัดการ สังคมแพทย์ก็ต้องการจะรักษา integrity หรือความน่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน เราจะได้เริ่มขั้นตอนต่างๆที่เหมาะสมตามครรลองของชุมชนที่เจริญแล้ว จะดีกว่าการเอาข้อมูลข้างเดียวมาโจมตีโดยไม่คำนึงถึงผลเสียของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างน้อยก็คิดถึงลูกหลานของคุณเองที่จะเติบโตและเลียนแบบบุรพการี ให้พวกแกโตมาในสังคมที่มีหลักการและศิวิไลซ์เถอะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-07 , Time : 17:00:22 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 54


   ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผม เพื่อนผมหลายๆคน "เคย" รู้สึกชื่นชมหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่บ้าง แต่วันนี้ มัน "หมด" ไปแล้วครับ เมื่อได้เห็นสันดานของ บก.
ที่ใช้อารามณ์เขียนข่าว "ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด" อนาคตคงมืดมนล่ะครับ คุณ บก.


Posted by : พี่เดือด , Date : 2004-03-07 , Time : 18:00:15 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 55


   ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผม เพื่อนผมหลายๆคน "เคย" รู้สึกชื่นชมหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่บ้าง แต่วันนี้ มัน "หมด" ไปแล้วครับ เมื่อได้เห็นสันดานของ บก.
ที่ใช้อารามณ์เขียนข่าว "ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด" อนาคตคงมืดมนล่ะครับ คุณ บก.


Posted by : พี่เดือด , Date : 2004-03-07 , Time : 18:00:26 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 56


   ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผม เพื่อนผมหลายๆคน "เคย" รู้สึกชื่นชมหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่บ้าง แต่วันนี้ มัน "หมด" ไปแล้วครับ เมื่อได้เห็นสันดานของ บก.
ที่ใช้อารามณ์เขียนข่าว "ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด" อนาคตคงมืดมนล่ะครับ คุณ บก.


Posted by : พี่เดือด , Date : 2004-03-07 , Time : 18:00:33 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 57


   เวบไซต์ของหนังสือพิมพ์นี้ครับ

สมีหลาไทม์







Posted by : สะหนี่พอ , Date : 2004-03-07 , Time : 19:03:10 , From IP : 172.29.4.111

ความคิดเห็นที่ : 58


   กรุณาอย่าเข้าใจผิด ว่าผมปฏิเสธในให้ข้อมูลหือรายละเอียดต่างๆ เกียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจะบอกให้ว่า...

การที่ผมให้สถานที่ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือประวัติส่วนตัวผมไปมากมายขนาดนี้แล้ว นี่ก็คือนัยยะสำคัญที่บอกได้แล้วว่า ผมพร้อมที่จะให้ข้อเท็จจริง ทั้งหมดแก่บุคคลที่ต้อง ซึ่งบุคคลคลนั้นต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องจริงๆ

ผมมองว่า สำหรับบนเวปบอร์ดนั้น ข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องประกาศชื่อหรือลูกหลาน ของผู้เสียหาย

หากใคร หรือสถาบันแพทย์ไหน ต้องการทราบอะไรมากไปกว่านี้ พรุ่งนี้ติดต่อผมได้ตามสถานที่ และัเบอร์ไทรศัพท์ ที่ให้ไว้

เพราะพรุ่งนี้

ลูกชาย ,ลูกสาว,และหญิงชรา คนที่กล่าวถึง ก็อยู่ที่หาดใหญ่



Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-07 , Time : 20:04:08 , From IP : 203.154.27.207


ความคิดเห็นที่ : 59


   ถ้าคุณทำร้ายแพทย์ได้ตรง ๆแต่คุณยังคงปกป้องตัวคุณเองและคนที่กล่าวหาไว้ในที่ลึกลับ แสดงว่าคุณไม่เป็นลูกผู้ชาย น่าจะเอาปริญญาบัตรกลับมาคืนสถาบัน ตอนเอามาคลุมหน้ามาด้วยนะ

Posted by : วิจารณ์ , Date : 2004-03-07 , Time : 20:13:47 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 60


   หนูเข้าใจพี่ Death อย่างที่สุด หนูรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของพี่แตกต่างจากใบหน้าพี่อย่างสิ้นเชิง ขอใ้ห้พี่ทำความดีต่อไป ทำแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ดูแลคนไข้ด้วยหัวใจ บางทีอาจโดนด่าบ้าง ไม่เป็นไร น้อง Born เป็นกำลังใจ

Posted by : ฺฺBorn , Date : 2004-03-07 , Time : 20:13:55 , From IP : 172.29.3.143

ความคิดเห็นที่ : 61


   คุณ บก. ครับ

คุณให้ข้อมูลมากพอที่เรา ทุกคน รู้ว่าแพทย์ท่านนั้นเป็นใคร คุณได้ให้ข้อมูลฝ่ายเดียวมากพอที่จะให้ "ทุกคน" ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องนี้คิดว่าแพทย์ท่านนี้ไร้จรรยาบรรณ แต่ทำไมคุณถึงจำกัดข้อมูลเบื้องหลังเฉพาะบางคนที่ติดต่อเป็นการส่วนตัวกับคุณเท่านั้นล่ะครับ?

และคุณ บก. ก็ไม่ได้สัญญาด้วยว่าจะให้ข้อมูลกับ "ทุกคน" ที่ติดต่อ แต่จะให้เฉพาะคนที่คุณ บก. คิดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ

คุณ บก.ใช้คำว่า "ผู้เสียหาย" คงไม่ได้รวมแพทย์ที่คุณ บก.จงใจให้ข้อมูลจนคนส่วนใหญ่ทราบ (จากที่คุณ บก.พูดเอง) ว่าเป็นใคร นั่นก็ค่อนข้างจะ inconsistent กับที่คุณพูดว่าคุณพยายามปกปิด identity ของผู้เสียหายเท่าไหร่นะครับ

อยากจะเรียนถามคุณ บก.ว่าได้อธิบายกับหญิงชราผู้ป่วยรายนี้ว่าคุณบก.จะทำอย่างที่ทำขณะนี้ และข้อสำคัญกว่านั้นคือได้อธิบายหรือไม่ว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความล้มเหลวทางการสื่อสารหรือไม่? มีการกระทำที่คุณ บก.พยายามสืบค้นเพื่อหาข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายอย่างไร?

ทำไมเวลาคุณ บก. โจมตี ชอบทำในที่สาธารณะ แต่เวลาให้คำอธิบายต้องทำลึกลับส่วนตัวครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-07 , Time : 20:21:18 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 62


   เอ่อ...ลุงนกครับเรื่องนี้ต่อให้พยายามอย่างไรก็ไม่เกิดประโยชน์ ตราบใดก็ตามที่กระทู้ยังลุกเป็นไฟเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและเปลืองตัวเปล่าๆ เขาก็จะพูดว่าปกป้องกันเอง. ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกก็ฟ้องให้เข็ดหลาบและเป็นตัวอย่าง เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ทำแต่ให้เสียชื่อ..

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-03-07 , Time : 20:31:56 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 63


   ผมอยากเรียนถามทุกคนที่ผมคาดว่า น่าจะรู้จักนายแพทย์ คนที่ผมกล่าวถึงนี้แล้ว

1.คุณได้ถามนายแพทย์คนนั้นหรือยังว่า ทั้งหมดที่เขียนปรากฏในเนื้อหาของผมนี้เป็นจริงหรือไม่
2.จริงหรือไม่ที่แพทย์ คนนั้นโทรมาถามว่า ลูกโอนเงินมาแล้วใช่มั้ย ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ ทำไมไม่ผ่าที่ตน ใช้วิธีการผ่อนส่งก็ได้
3.ทำไมแพทย์คนดังกล่าว ถึงบอกว่า ตนเป็นอาจารย์หมอ จึงผ่าหญิงชราที่โรงพยาบาลของรัฐซึ่งตนสังกัดอยู่ไม่ได้ อยากทราบว่าทำไม ช่วยอธิบายด้วย
3.เรื่องโทรศัพท์ ที่ลูกชายเขาโทรไปขอ แมมโมแกรม "แล้วนายแพทย์พูดว่าไม่ว่าง และไม่รู้จะว่างเมื่อไร" นั้นเป็นจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับผม

1.หญิงชราคนดังกล่างวนัดผ่าตัด วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ที่กรุงเทพฯ
2.แพทย์ระดับ ผู้อำนวยการ เป็นผู้ผ่าด้วยตนเอง
3.ค่าใช้จ่ายเป็นค่าวิชาหมอมือหนึ่งที่กรุงเทพฯ 10,000 เท่านั้น
4.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เบิกได้ เพราะลูกสาวเขารับราชการเป็นผู้พิพากษา
5.พรุ่งนี้ ลูกสาว ลูกชาย หญิงชรา และสามีของเขา จะกลับมาที่หาดใหญ่ เพื่อลางาน และเตรียมการจะขึ้นไปผ่าตัดในวันพฤหัสฯนี้



Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-07 , Time : 20:53:49 , From IP : 203.154.27.207


ความคิดเห็นที่ : 64


   ผมอยากเรียนถามทุกคนที่ผมคาดว่า น่าจะรู้จักนายแพทย์ คนที่ผมกล่าวถึงนี้แล้ว

1.คุณได้ถามนายแพทย์คนนั้นหรือยังว่า ทั้งหมดที่เขียนปรากฏในเนื้อหาของผมนี้เป็นจริงหรือไม่
2.จริงหรือไม่ที่แพทย์ คนนั้นโทรมาถามว่า ลูกโอนเงินมาแล้วใช่มั้ย ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ ทำไมไม่ผ่าที่ตน ใช้วิธีการผ่อนส่งก็ได้
3.ทำไมแพทย์คนดังกล่าว ถึงบอกว่า ตนเป็นอาจารย์หมอ จึงผ่าหญิงชราที่โรงพยาบาลของรัฐซึ่งตนสังกัดอยู่ไม่ได้ อยากทราบว่าทำไม ช่วยอธิบายด้วย
3.เรื่องโทรศัพท์ ที่ลูกชายเขาโทรไปขอ แมมโมแกรม "แล้วนายแพทย์พูดว่าไม่ว่าง และไม่รู้จะว่างเมื่อไร" นั้นเป็นจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับผม

1.หญิงชราคนดังกล่างวนัดผ่าตัด วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ที่กรุงเทพฯ
2.แพทย์ระดับ ผู้อำนวยการ เป็นผู้ผ่าด้วยตนเอง
3.ค่าใช้จ่ายเป็นค่าวิชาหมอมือหนึ่งที่กรุงเทพฯ 10,000 เท่านั้น
4.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เบิกได้ เพราะลูกสาวเขารับราชการเป็นผู้พิพากษา
5.พรุ่งนี้ ลูกสาว ลูกชาย หญิงชรา และสามีของเขา จะกลับมาที่หาดใหญ่ เพื่อลางาน และเตรียมการจะขึ้นไปผ่าตัดในวันพฤหัสฯนี้



Posted by : บก.สมิหลาไทมส์ , E-mail : (-) ,
Date : 2004-03-07 , Time : 20:54:17 , From IP : 203.154.27.207


ความคิดเห็นที่ : 65


   อ่ะแฮ่ม ถึงรู้ตัวว่าหาเรื่องเข้าตัว ก็ยังมาโพสอีกจนได้

อาจารย์นกไฟและเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบนเวปบอร์ดนี้ครับ

เราหยุดสนใจกระทู้นี้แล้วไปสนใจกระทู้น่าสนใจอื่นดีกว่าไหมครับ
เช่น กระทู้เรื่อง ผีช่องแอร์, ผีตู้เย็น, ผีทะเล อะไรข้างบนนั่น
ปล่อยให้เรื่องนี้มันเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องของมัน
ปล่อยให้ความสะใจของใครบางคนเป็นหมันไปดีกว่า

นะครับ
ผมว่าไปโพสกระทู้ ผีช่องอะไรพวกนั้น สบายอารมณ์กว่า ฮิฮิ



Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2004-03-07 , Time : 21:08:03 , From IP : 203.156.20.27

ความคิดเห็นที่ : 66


   อ่ะแฮ่ม ถึงรู้ตัวว่าหาเรื่องเข้าตัว ก็ยังมาโพสอีกจนได้

อาจารย์นกไฟและเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบนเวปบอร์ดนี้ครับ

เราหยุดสนใจกระทู้นี้แล้วไปสนใจกระทู้น่าสนใจอื่นดีกว่าไหมครับ
เช่น กระทู้เรื่อง ผีช่องแอร์, ผีตู้เย็น, ผีทะเล อะไรข้างบนนั่น
ปล่อยให้เรื่องนี้มันเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องของมัน
ปล่อยให้ความสะใจของใครบางคนเป็นหมันไปดีกว่า

นะครับ
ผมว่าไปโพสกระทู้ ผีช่องอะไรพวกนั้น สบายอารมณ์กว่า ฮิฮิ



Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2004-03-07 , Time : 21:08:55 , From IP : 203.156.20.27

ความคิดเห็นที่ : 67


   เรียน คุณนะครับ,

ถ้าแพทย์เป็นฝ่ายผิด ผมคิดว่าที่ทุกคนส่งกระทู้มานี่ก็จะยอมรับว่าผิดแน่นอน ไม่งั้นเราจะขอให้มีการสอบสวนหรือ? การสอบสวนไม่ได้หมายความว่าแพทย์จะเป็นฝ่ายถูกครับ แต่หมายถึงนั่นเป็นวิธีที่โลกศิวิไลซ์เขาทำกันก่อนมีการตัดสิน ผมเชื่อว่าวงการแพทย์จะมีมาตรการป้องกันและรักษาความเป็นธรรมเรื่องนี้อยู่แล้ว นึกถึงตอน conference palliative care ออกไหมครับ ในเรื่องตัวบทกฏหมาย เรื่องนี้ยากนักหนังสือพิมพ์อาชีพจะเขียนจนมัดตัวเองขึ้นศาลหมิ่นประมาท แต่ที่เราทำได้และที่พวกเรากำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้เป็นการปกป้องแพทย์ที่เราทราบว่าทำผิด เป็นแค่การขอให้มีกระบวนการสืบสวนที่เป็นธรรมก่อนเท่านั้น

การเปลืองตัวนั้นเกิดขึ้นแน่นอนครับ ถ้าเราลงมาทำความสะอาดโคลนที่สาดใส่กัน คุณนะครับลองคิดดูว่าถ้าบุคคลที่ถูกกล่าวหาในกรณีนี้เป็นคุณ นะครับ เอง เป็นบุคคลที่คุณนะครับรักเป็นห่วง เป็นลูกคุณนะครับ หรือเป็นบุรพการีคุณนะครับ คุณอยากจะให้มีการเรียกร้องความยุติธรรม ณ ที่นี้หรือไม่ หรือเราจะปล่อยให้อะไรเกิดก็เกิดไป ตราบใดที่ตนเองไม่เดือดร้อน ก็จะไม่มีใครต้องการจะ "เปลืองตัว" ใช่ไหมครับ? ก็อาจจะเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครสนใจเรื่องราวภายนอกตราบที่ไม่โดนด้วยตนเอง ส่วนที่พวกเราที่ส่งกระทู้มาลงในที่นี้จะเสียชื่ออย่างไรครับ? เราไม่ได้ปกป้องคนกระทำผิดแต่อย่างใดแล้วทำไมเราถึงจะเสียชื่อ อ่านกระทู้แรกสุดที่ผมตอบดูก็จะรู้ว่าความรู้สึกประการแรกที่เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นจริง เราจะรู้สึกอย่างไรกับแพทย์ท่านนี้อย่างไร

เรียนคุณ บก.

คำถามที่คุณถามมานั้น น่าจะถามกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ท่านนั้นรวมทั้งรายละเอียดว่าทำไมถึงผ่าได้ไม่ได้ที่ไหนด้วย ไม่ทราบว่าได้ถามหรือไม่? และได้ใจความว่าอย่างไร? จะมาอธิบายกับบุคคลที่สามโดยที่คุณ บก.ได้กวนน้ำให้ขุ่นในภายหลังนี่ คุณ บก. หมายความว่าหากเราได้ข้อมูลไม่ตรงกับที่ว่า คุณ บก.จะลงข่าวขออภัยหรืออย่างไร? ผมคิดว่ามันเป็น "หน้าที่" ของนักข่าวเสียอีกนะครับ ที่จะสืบเสาะข้อเท็จจริงให้ทราบแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะลงข่าว ไม่ใช่ให้คนอ่านข่าวสืบเอง คำถามสี่ข้อแรกที่สำคัญนั้น คุณ บก.ได้สัมภาษณ์ แพทย์ท่านนี้แล้วหรือยัง ถ้ายัง ทำไมคุณ บก.จึงสรุปว่าข้อมูลของคุณ บก.ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด?

ข้อมูลห้าข้อหลังไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณนักหนังสือพิมพ์ว่าควรปฏิบัติกับข้อมูลอย่างไร ตรวจสอบอย่างไรก่อนลงข่าวเลยครับ และไม่ได้เกี่ยวกับคุณ บก.แม้แต่นิดเดียว



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-07 , Time : 21:27:00 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 68


   วิชา คุณมี อคติ นะผมว่า
นักเขียนข่าวอย่างคุณ
นักเขียนข่าวอย่าง
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว




ขอชื่นชมในความสำเร็จของ ความเป็น นักเขียนข่าว ของคุณครับ ภูมิใจแทนทุกท่านที่เกี่ยวข้อง

นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าว



Posted by : ~~~~~~~~ , Date : 2004-03-07 , Time : 21:30:52 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 69


   เฮ้อ...รู้น้อย ว่ารู้มาก เริงใจ ...เอะ คุ้นๆ แฮ่ะ

Posted by : นายหัวครก , Date : 2004-03-07 , Time : 21:53:43 , From IP : 172.29.3.104

ความคิดเห็นที่ : 70


   ขอตอบคำถามบางข้อที่คุณบก.ต้องการรู้ แต่ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นคนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยครับ แต่ผมคิดว่าส่วนที่ผมรู้และกำลังจะตอบ ณ ที่นี้เนี่ย เป็น"ข้อมูลที่เป็นความจริง"ครับ

ที่คุณถามว่า "ทำไมแพทย์คนดังกล่าว ถึงบอกว่า ตนเป็นอาจารย์หมอ จึงผ่าหญิงชราที่โรงพยาบาลของรัฐซึ่งตนสังกัดอยู่ไม่ได้ อยากทราบว่าทำไม ช่วยอธิบายด้วย"... ทั้งนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ภายในรพ.แห่งนี้นะครับ อาจารย์แพทย์ท่านที่คุณกล่าวถึงเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาและสังกัดอยู่หน่วยเฉพาะนั้นครับ ส่วนการผ่าตัดมะเร็งเต้านมของผู้ป่วยในทางการแพทย์นี่จะเป็นหน้าที่ของหน่วยศัลยกรรมทั่วไปครับ แพทย์ท่านนั้นไม่สามารถที่จะ"แหก"กฎดังกล่าวได้ครับ มันจะเป็นการก้าวก่ายหน้าที่ของอีกฝ่าย และคงจะเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง จริงไหมครับ

และสุดท้ายนี้ขอเพิ่มเติมเล็กน้อยครับที่คุณบก.สงสัยว่าเหตุใดแพทย์ท่านนั้นจึงตอบคุณไม่ได้แน่นอนว่าจะว่างเมื่อไหร่นั้น ผมคิดว่ามันก็เป็นเรื่องปกตินี่ครับ คนเป็นแพทย์เค้าไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวหรอกครับ คำตอบแบบนี้ผมไม่เห็นว่าจะแปลกตรงไหนและที่สำคัญ มันไม่ได้แสดงถึงการปัดความรับผิดชอบหรือบ่ายเบี่ยงที่จะให้ข้อมูลแต่อย่างใด คุณมองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่าครับ หรือว่ามันเป็นนิสัยประจำของคุณอยู่แล้วครับเลยนึกว่าคนอื่นๆจะเป็นแบบเดียวกับคุณ

ขอโทษด้วยนะครับหากผมกล่าวอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆครับ



Posted by : บางความคิดเห็น , Date : 2004-03-07 , Time : 22:35:10 , From IP : 203.113.76.13

ความคิดเห็นที่ : 71


   เฮ้ยคุณ บก. ระดับผอ. ของศูนย์มะเร็งกรุงเทพ รับค่าผ่าตัดใต้โต๊ะด้วยเหรอ โรงบาลหลวงด้วย ทำไมไม่ร้องเรียนล่ะ หรือว่าถูกอุด

Posted by : นก , Date : 2004-03-07 , Time : 22:56:25 , From IP : 172.29.3.238

ความคิดเห็นที่ : 72


   นักข่าวชื่อดังชื่อย่อ ว. เรียกร้องเงินจากนายแพทย์ชื่อดังเพื่อโดยอ้างว่าจะไม่ลงข่าวหากให้เงินจำนวน 1แสนห้าหมื่นเพื่อปิดข่าว แต่แพทย์ชื่อดังแห่งภาคใต้ปฏิเสธ เพราะข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นจริงและไม่ขอพบ นักข่าว ว. โกรธมาก ทำแบบนี้ได้อย่างไรเราก็ดังมากแล้ว เรียนก็จบโท บังอาจมาก เลยเขียนข่าวโจมตีแพทย์ท่านนั้นต่างๆนานา

คุณวิชาญครับผมพอจะเป็นนักข่าวได้หรือไม่ครับ


Posted by : วิชาญศรี , Date : 2004-03-08 , Time : 00:11:15 , From IP : r68-skaHS1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 73


   มีมาลงที่นี่ด้วย

http://www.hatyaitime.com/webboard/show.php?que=25

ยัง งงๆ กับจุดประสงค์ของคุณวิชาญครับ


Posted by : ผ่านมาเห็น , Date : 2004-03-08 , Time : 00:26:47 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 74


   อ่านบทความโต้ตอบของคุณที่อ้างตัวว่าเป็นบ.ก.แล้ว
ทำไมเข้าใจอะไรยากอย่างนี้

ดูจากประวัติการทำงาน
ถ้าไม่ใช่เพราะโดนไล่ออกมา จนต้องมาทำหนังสือท้องถิ่น
ก็ไม่น่าจะเขียนข่าวเช่นนี้

หรือว่าคุณบ.ก.ตัวจริงถูกแอบอ้างจากผู้ไม่หวังดี



Posted by : ArLim , Date : 2004-03-08 , Time : 02:06:46 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 75


   ผมหมายความว่า
ทำไมคุณวิชาญเข้าใจอะไรยากอย่างนี้

ไม่ได้หมายความว่า ข้อเขียนของคุณเข้าใจยาก

รีบมาแก้ เพราะเดี๋ยวจะมั่วอีก


Posted by : ArLim , Date : 2004-03-08 , Time : 02:37:14 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 76


   จริงเหรอคะที่ว่านักข่าวว. เอะ เค้าทำงานที่หนังสือ ส. จบจากคณะ ว มอ. หรือเปล่าคะเรียกร้องเงินปิดปากจากจากแพทย์ถ้าอยากรู้จริง ๆนี่ต้องถามเบอร์ไหนเป็นการส่วนตัวคะ อยากรู้จังจะเปิดเผยเรื่องโกหกอะไรมาอีก นายคนบ้าวิชาญ หัดมีวิจารณญาน ในการเสนอข่าวบ้างนะ

Posted by : อยากรู้ , Date : 2004-03-08 , Time : 06:26:21 , From IP : 172.29.3.235

ความคิดเห็นที่ : 77


   คุณวิชาญ
คุณบอกว่าหญิงชราคนนี้ได้รับการผ่าตัดที่ กทม โดยเสียค่าDF 10000บาทในวันพฤหัสที่ผ่านมา แล้ววันนี้เป็นวันจันทร์หญิงชราคนดังกล่าวจะอยู่บ้านที่หาดใหญ่ให้เราไปถามข้อมูลได้
งงมากเลยว่าผ่าตัดอะไรหายได้เร็วจัง ไม่มีทางที่แผลผ่าตัด เต้านมจะหายได้เร็วและเดินทางกลับบ้านได้เร็วขนาดนี้นอกจากถูกผ่าไปกระจี๊ดนึงมั้ง คุณกรุเรื่องนี้ขึ้นมาเองทั้งหมดหรือเปล่า เดี๋ยวจับโกหกได้นะ อายเขาแย่เลย มันบ่งบอกว่าคุณคงใช้วิธีนั่งเทียนเขียนแบบนี้จนชินซึมซับอยู่สายเลือด จนสมองคุณชินไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือจินตนาการของคุณเอง ระวังนะว่าใช้แบบนี้บ่อยๆเดี๋ยวจะมีความคิดหลอน ประสาทหลอนได้ แบบผีช่องแอร์งัย


Posted by : pisces , Date : 2004-03-08 , Time : 10:33:08 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 78


   อ่านกระทู้แล้วมือเย็นสั่นไปหมดเลย นึกว่าใคร คุณตกต่ำมาเป็น บก หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่ฉันเลิกอ่าน แล้วไปอ่าน คู่แข่งคุณแทนนั่นเอง ฉันรู้จักคุณ เคยรักและเคารพในฐานะรุ่นพี่จังหวัด รุ่นพี่มหาลัย ในฐานะที่คุณเป็นนักกิจกรรม ถ้าเป็นวิชาญจริง ฉันยืนยันด้วยว่าเขาเป็นศิษย์เก่า ของ มอ. แต่เวลานี้ฉันอยากให้ไม่ใช่เหลือเกิน ฉันไม่ใช่หมอแต่จบแล้วทำงานที่ มอ. มาตลอด ฉันเป็นคนหนึ่งที่เป็นก้อนที่เต้านม ฉันเลยมือเย็นและรู้สึกว่าเวลานี้ฉันเกลียดและผิดหวังกับ พี่มาก ถ้าพี่เป็นนักข่าวด้วยจิตวิญญาณจริง ควรมาหาข้อมูลเชิงลึกอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ควรเก็บข้อมูลให้มากกว่านี้ ถามผู้ป่วยคนอื่น ถามพยาบาลทั้ง มอ. และ เอกชน คุณจะได้ข้อมูล อื่นๆ ง่ายๆ กว่านี้และเป็นธรรมกว่านี้
ถึงคุณไม่เปิดเผยและปฎิเสธว่าไม่ได้กล่าวหาหมอคนนั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณฆ่าเขาไปแล้ว ฉันจะไม่มีวันอ่านหนังสือพิมพ์ของคุณอีก เพราะว่ามันคงไร้ความน่าเชื่อถือเหมือนข่าวนี้นั่นเอง
และคนโง่คนหนึ่งที่จะให้เพิ่มจำนวนหมอโดยการเพิ่ม 1 คน 1 ตำบลอะไรนั่น ถามว่า ไม่เอามาตรฐานแล้วเหรอ ไม่ว่าใครก็รักษาโรคได้นะ หรือว่าจะให้พ่อแม่คุณไปรักษากับหมอที่รับมาตามคำแนะนำของคุณเอาไหม พูดดี พูดเพราะ คิดค่ารักษาถูก แต่โง่วิเคราะห์โรคไม่เป็นนะ


Posted by : mm , Date : 2004-03-08 , Time : 11:29:17 , From IP : 172.29.3.130

ความคิดเห็นที่ : 79


   ผมวิชาญ ช่วยชูใจ จบปริญญาตรี จาก คณะวิทยาการจัดการ ม.สงขลานครินทร์หาดใหญ่ รหัส 3336066

เรียนปริญญาโท ที่คณะเดิมรุ่นที่ 10 รหัส 4437851

ผมเป็นนักข่าวที่เดอะเนชั่นมานาน 3 ปี เป็นผู้บริหารในสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี.มานาน 7 ปี

ปัจจุบันลาออกมาทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อีก 3 ปี

ไม่จำเป็นอะไรเลยที่ผมจะต้องไปกล่าวร้ายป้ายสี นายแพทย์ที่ผมกล่าวถึง

ทุกคนลองตรวจสอบประวัติผมได้ เพราะผมเชื่อมั่นว่า แพทย์และพยาบาล ที่เรียน มอ.และขึ้นต้นด้วยรหัส 33 คงรู็จักผมบ้างไม่มากก็น้อย

เอาคร่าวๆแล้วกัน...ถ้าคุณไม่ได้ "ซิ่ว" ตอนนี้ก็น่าจะอายุประมาณ 32
เรียนจบมาแล้วประมาณ 10ปี

ตอนจบน่าจะอายุประมาณ 21-22ปี ก็ได้ทำงานที่เนชั่นแล้ว เก่งจริง!
ประมาณ 25ปี เป็นถึง"ผู้บริหาร" ITV เชียวหรือ อยู่อีก 7ปีจนอายุประมาณ32

ก็น่าจะถึงอายุจริงแล้ว แล้วที่เกินมา 3ปี มาจากไหน

การ บอกประวัติ ไม่ได้บอกถึงความบริสุทธิ์ใจ หรือเครดิตความน่าเชื่อถือ (มันสร้างกันมาคนละวิธี)
แต่การบอกอย่างนี้ มันเหมือน "การโอ้อวด"มากกว่าไหม

ทำไมไม่มีเพื่อนคุณในรุ่นเดียวกัน ออกมาการันตี บ้างเลยหรือว่าคุณเป็นคนดี
ปล่อยให้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวได้อย่างไร


Posted by : ระหัส มอ 26 , Date : 2004-03-08 , Time : 12:16:32 , From IP : 172.29.3.113

ความคิดเห็นที่ : 80


   นักข่าวอัปรีย์ตายไปซะไป เหี้ยจริงๆ

Posted by : เกลียดนักข่าว , Date : 2004-03-08 , Time : 13:11:21 , From IP : 172.29.2.108

ความคิดเห็นที่ : 81


   ผมคิดว่า มีบางประเด็นที่เบี่ยงเบนไปจากกระทู้มากแล้ว ทั้งการโจมตีเจ้าของกระทู้ เรื่องประวัติการศึกษา หรือ การด่าทอต่างๆนานา เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เราน่าจะมา discuss กันในเนื้อหา ว่า แพทย์ที่เจ้าของกระทู้อ้างถึงนั้น ผิดจริงหรือไม่

ผมคิดว่า น่าจะหันไปดูข้อเท็จจริงกันดีกว่า เจ้าของกระทู้เองก็อย่าพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่องของข้อเท็จจริงอีกเลยครับ เพราะ จะยิ่ง discredit ตัวเองในกระทู้มากขั้น กรุณาช่วยเปิดเผยข้อมูลที่เป็นกลาง เช่นว่าคุณเคยสัมภาษณ์แพทย์ท่านนี้หรือไม่? เรื่องราวข้อมูลที่ได้มาจากทั้ง 2 ทาง เป็นอย่างไร? ผมคิดว่าน่าจะได้รับการยอมรับมากขึ้น (ขอเดาว่า คุณคงอ้างว่าได้ไปสัมภาษณ์มาแล้ว แต่แพทย์ท่านที่คุณอ้างไม่ยอมให้สัมภาษณ์? แต่เหตุผลนั่นจะเพียงพอหรือครับ?) หวังว่าข้อมูลที่เราต้องการก่อนที่จะ label ใครว่าผิดจริง อย่างที่คุณเจ้าของกระทู้ต้องการแจ้งให้ทราบ จะสามารถบอกเล่าในกระทู้ได้นะครับ

ส่วนตัว ผมคิดว่า น่าจะมีการสื่อสารที่ผิดพลาดมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่พบบ่อย ไม่เฉพาะหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่หนังสือพิมพ์ชื่อดังก็ยังเอาข้อผิดพลาดพวกนี้มาลงเกือบทุกเดือน

โดยปกติผู้ป่วยที่ได้รับข่าวร้าย(รู้ว่าเป็นโรคร้ายแรง) มักมีอารมณ์ที่แปรปรวนอาจทำให้รับสารที่แพทย์ให้มาผิดพลาด แปรความไปคนละทาง โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของผู้ป่วย และไม่ใช่ความผิดของแพทย์ด้วย กรณีที่กล่าว ผู้ป่วยเมื่อได้รับข้อมูลแล้วแปรความคลาดเคลื่อนคงมี anger อยู่พอสมควร เหตุการณ์เลยบานปลายรุนแรง

ในส่วนของข้อเท็จจริงเรื่องราคาค่ารักษาที่คุณเจ้าของกระทู้อ้างมาผมไม่อาจ discuss ได้ เพราะ ไม่ทราบในเรื่องข้อมูลจริงๆ เรียนผู้มีข้อมูลจริงช่วยระบุหน่อยครับ ว่า ค่ารักษาจริงๆเป็นเท่าไร(แยกระหว่าง surgical cost และ chemotherapy) เทียบโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน และเหตุผลว่าทำไมถึงมีราคาแตกต่างกันด้วย


Posted by : Botsumu , Date : 2004-03-08 , Time : 13:28:38 , From IP : 172.29.2.174

ความคิดเห็นที่ : 82


   ไม่ทราบว่าจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อสารมวลชนหรือที่ทำหน้าที่เป็นนักหนังสือพิมพ์มันมีจรรยาบรรณในการเขียนหรือสักแต่ว่าให้ได้ขายข่าวได้ ซึ่งจากที่ได้สังเกตถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแพทย์จะชอบใส่ไฟนัก มักสะไจมากนักเหรอ น่าจะตายไปให้หมดกับนักหนังสือพิมพ์พวกนี้ แน่จริงก็กล่าวข้อเท็จเรื่องนี้ให้หมดเลย ไม่ใช่สักแต่ให้ติดต่อเป็นการส่วนตัว ถ้าไม่กล้าสมควรยึดใบประกอบวิชาชีพหรือไปตายซะ

Posted by : ... , Date : 2004-03-08 , Time : 13:54:50 , From IP : 172.29.2.108

ความคิดเห็นที่ : 83


   เป็นอาจารย์แพทย์ในคณะแพทย์ มอ.เหมือนกัน อ่านข้อความที่โพสลงในกระทู้ทั้งหมดแล้ว สงสัยว่าเรื่องที่โพสมีความเป็นจริงหรือไม่อย่างไร เข้าใจว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับญาติผู้ที่โพสซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดกันบางประการหรือเกิดจากการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ที่กล่าวถึง เรื่องทั้งหมดถ้าเป็นความจริงน่าจะทำความตกลงกันได้ด้วยดีโดยการกลับไปคุยกับแพทย์ที่เกี่ยวข้อง คิดว่าอะไรๆคงดีขึ้น ไม่ควรมาโพสโดยใช้กระทู้เหมารวมแพทย์ว่าไร้จรรยาบรรณ ซึ่งไม่เป็นการยุติธรรมกับแพทย์อื่น ถ้าให้เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผู้ที่โพสควรมีหลักฐานที่ชี้ชัดมาแสดงด้วยโดยเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนนะ อย่างนี้ถึงจะเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา

Posted by : ไม่ชอบชื่อกระทู้ , Date : 2004-03-08 , Time : 15:37:17 , From IP : 172.29.1.248

ความคิดเห็นที่ : 84


   ผมคิดว่าคุณวิชาญอะไรเนี่ยไม่ควรที่จะเป็นนักข่าวนะเพราะว่าการเขียนข่าวเนี่ยควรที่จะวางตัวกลางไม่กระเดียดไปข้างใดข้างหนึ่งและไม่ควรใช้อารมฌ์ในการเขียนข่าวและอีกอย่างทีหลังถ้าอยากจะเขียนข่าวอีกควรที่จะถามข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยนำมาเขียนข่าวแต่ขอยำว่าไม่ควรมั่วข่าวขึ้นมาเอง สุดท้ายนี้อยากถามว่าหญิงชราคนนั้นใช่มารดาของคุณหรือเปล่า

Posted by : Asakura yo , Date : 2004-03-08 , Time : 21:16:09 , From IP : 202.57.175.98

ความคิดเห็นที่ : 85


   คุณวิชาญกระผมขอปรบมือให้กับเรื่องราวที่คุณเขียนขึ้นสนุกมากๆว่าแต่คุณเป็นนักแต่งนิยายมืออาชีพหรือเปล่า ได้รับรางวัล ซีไรด์แน่ๆเลย

Posted by : Asakura Yo , Date : 2004-03-08 , Time : 21:29:17 , From IP : 202.57.175.98

ความคิดเห็นที่ : 86


   Dear PSU Hospital friend,
Please tell Hatyai public the way you do in medicine web-board. There are very limited people outside PSU read your comments here. Please write to Samila, Focus, Kom Chat Ruk as well.
I would like to see the unlucky Surgeon call Mr.Vicharn for lunch. Perhaps, thing might be better


Posted by : KT Rollings , E-mail : (jamesbenenati@yahoo.com) ,
Date : 2004-03-08 , Time : 21:48:35 , From IP : 203.113.76.76


ความคิดเห็นที่ : 87


   Dear PSU Hospital friend,
Please tell Hatyai public the way you do in medicine web-board. There are very limited people outside PSU read your comments here. Please write to Samila, Focus, Kom Chat Ruk as well.
I would like to see the unlucky Surgeon call Mr.Vicharn for lunch. Perhaps, thing might be better


Posted by : KT Rollings , E-mail : (jamesbenenati@yahoo.com) ,
Date : 2004-03-08 , Time : 21:51:32 , From IP : 203.113.76.76


ความคิดเห็นที่ : 88


   เรียนลุงนกไฝ...การที่ลุงเรียกร้องความยุติธรรมโดยวิธีนี้มีประโยชน์ต่อคนที่ลุงรักและเคารพจริงหรือครับ...ถ้าลุงคิดว่ามีประโยชน์เพราะเป็นวิธีของคนมีวัฒนธรรม ทำให้คนที่คุณรักได้ความยุติธรรมผมก็จนใจ....กระดาษหนังสือพิมพ์วันนี้ก็จะกลายเป็นขยะในวันรุ่งขึ้นครับ..กระทู้ที่ถูก post โดยไม่มีใครสนใจก็จะจางหายไปจากความทรงจำ

Posted by : นะครับ.. , Date : 2004-03-08 , Time : 23:56:01 , From IP : 172.29.3.94

ความคิดเห็นที่ : 89


   คุณนะครับ

หนังสือพิมพ์จะกลายเป็นขยะในวันรุ่งขึ้น
แต่ความคิดในตัวคนล่ะครับ
มันจะเป็นพื้นฐานของสำนึกเราที่เติบโตขึ้นทุกวันนะครับ
อย่างน้อยผมก็ไม่อยากเห็นเพื่อนๆนอกคณะแพทย์อ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกไปตามข่าวนะครับ


Posted by : ArLim , Date : 2004-03-09 , Time : 00:17:45 , From IP : 203.113.76.11

ความคิดเห็นที่ : 90


   ผมมีสองเรื่อง ขอแยกตอบเป็นสองกระทู้

เรียนคุณนะครับ,

ประการที่หนึ่ง ผมต่อต้านการใส่ร้ายคนโดยการใช้กระดานข่าว เพราะไม่มีความเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ผมรักเคารพ แม้แต่ครั้งที่แล้วที่มีการวิจารณ์พยาบาลทั้งหอผู้ป่วยบนที่นี้ และผมอาจจะรู้จักแค่คนสองคนในที่นั้น ผมก็ไม่เห็นด้วย และแสดงความไม่เห็นด้วย ณ ที่นี้เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของหลักการ และผมคิดว่ามันฝังรากลึกจนปัญญาชน (หรือคนที่คิดว่าเป็นปัญญาชน) มองไม่เห็นอีกต่อไปว่าอะไรคือความยุติธรรมในสังคม ความยุติธรรมเป็นหนึ่งในสี่พิสัยหลักตามหลักจริยศาสตร์ แต่ด้วยความสำคัญระดับนี้ยังมีคนจำนวนมากหลายคนพอสมควรเถียงคอเป็นเอ็นปกป้องการกระทำแบบนี้ ในตอนนั้นเด็กหลายคนในที่นี้อาจจะเห็นแค่ว่าเป็นเรื่องหมอทะเลาะพยาบาล แต่พอมาถึงตอนนี้ผมอยากจะให้พวกเราทุกคนในที่นี้สำนึกว่า ไอ้ perception ที่ว่ากระดานข่าว บัตรสนเท่ห์เป็นเจ้าโลก ชนะหมดทุกอย่างนั้นน่ะเป็นอวิชชา อวิชชาที่ถ้าใช้ๆไปเพียงพอที่จะมีผลต่อชื่อเสียงของแพทย์ที่อาจจะทำงานมานับสิบปีได้ และตอนนี้ก็มีคนทำอย่างที่ว่าจริงๆ

ประการที่สอง โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เข้าใจการเลือกคำ "จนใจ" ของคุฯนะครับ ผมอาจจะมีความเห็นไม่ตรงกับคนอื่น แต่ผมไม่พยายามจะ patronize ความเห็นคนอื่นว่ามันไร้เดียงสา หรือทำทีเป็นว่าข้าเหนือกว่าเอ็ง พูดกันถ้าจะไม่รู้เรื่องอะไรทำนองนั้น เพราะผมคิดว่าเวทีนี้เป็นเวทีแห่งเหตุและผล ไม่ใช่คารมเป็นต่อ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต่อให้เกิดขึ้นกับตัวคุณนะครับ หรือหมอคนไหนก็ตาม ผมก็จะวิจารณ์อย่างเดียวกัน ผมไม่แน่ใจว่าคุณ "นะครับ" grab concept ของคำว่า "ชื่อเสียงทั้งชีวิต" ของหมออายุเกือบเกษียณว่าเป็นแค่ "ข่าวรายวัน" ที่คนอ่านเฮฮา นินทาตามร้านกาแฟไปวันหนึ่งๆ แล้วลืมหรือไม่ แต่ผมคิดว่าถ้ามี attitude แบบนั้นนั่นแหละที่ทำให้นักหนังสือพิมพ์บางคนคิดว่ามัน "ไม่เป็นไร" กูจะล่อใครก็ได้เพราะในชุมชนเราไม่มีใครให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีคนเดือดร้อนก็แค่หมอแก่ๆคนหนึ่ง สอนลูกศิษย์ลูกหามามากก็คงไม่มีคนสนใจว่าชื่อเสียงของแกจะเป็นยังไง เพราแนวโน้มสังคมมันเป็นแบบนั้น แต่ผมคิดว่ามัน "ไม่ใช่" แบบนั้นครับ หรืออย่างน้อย ผมไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น

ประการที่สาม คุณ "นะครับ" underestimate ความรู้สึกของคนที่ถูกโจมตีในเรื่องนี้อย่างมาก under-estimate ความรู้สึกของคนในครอบครัว ของภรรยาของแกซึ่งเป็นอาจารย์ที่เป็นที่เคารพมากที่สุดคนหนึ่ง ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ของลูกซึ่งกำลังดำเนินรอยตามพ่อและแม่ ลูกเต้าของหมอท่านนี้จะคิดอย่างไรถ้าเรือ่งนี้กคนมี attitude อย่างเดียวกันคือมันก็แค่ข่าวซุบซิบนินทา ไม่มีสลักสำคัญอย่างไร คุณนะครับคิดว่าพวกเขาเหล่านี้มีความรู้สึกรู้สมไหมครับ? มีคนจำหรือเปล่า? คำตอบคือมีแน่ครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่มีใครต่อต้านและชื่อเสียงที่สั่งสมมาของแพทย์ท่านนี้เสียไปเฉยๆโดยไม่มีใครประท้วงในวิธีการนี้เลย ผมคิดว่าท่านคงเสียใจและ "จดจำ" ไปตลอดไป ลูกหลานของท่านก็จะ "จดจำ" ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพ่อของเขาไปตลอดไป คุณนะครับคิดว่ามีคน "จดจำ" แค่นี้พอไหมครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-09 , Time : 00:23:26 , From IP : 172.29.3.208

ความคิดเห็นที่ : 91


   เรื่องที่สอง ผมได้รับโทรศัพท์จากแพทย์ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ท่านอนุญาตให้ผมทำในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ

อาจารย์ประเสริฐเป็นอาจารย์สอนเรามานานเท่าที่เราเกือบทุกคนในที่นี้รู้จักแพทย์ และเรียนแพทย์มา ท่านสอนจริยธรรม ท่านสอนและท่านปฏิบัติ ท่านแนะและให้พวกเราทำตาม จริยศาสตร์ทั้งสี่ด้านคือ autonomy nonmaleficence beneficence และ justice ท่านได้แปรมาเป็นภาคปฏิบัติและอยู่ในอาชีพนี้มานานกว่าที่คุณวิชาญเป็นนักหนังสือพิมพ์หลายสิบปี ท่านบอกผมว่าท่านได้โทรไปหาคุณวิชาญแล้ว ท่านคงจะมีการดำเนินการต่อไปในการรักษาชื่อเสียงของท่าน ซึ่งได้ถูกกระทบโดยตรงในเรื่องนี้ ใครที่อ่านข้อมูลตั้งแต่ต้นทราบกันทั้งนั้นว่าหมายถึงใคร มีคลินิกศัลยแพทย์ซักที่คนบนถนนแห่งนั้นที่เป็นอาจารย์แพทย์และทำงานเพื่อคนหาดใหญ่มานานขนาดนี้

ท่านไม่ได้ขอให้ผมแสดงความเห็นปกป้องท่าน สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้คือ "สิ่งเดียว" ที่ท่านขอให้พวกเราทุกคน ลูกศิษย์หลานศิษย์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาและตามหลักการคือการใช้วิจารณญาน ท่านก็จะพอใจ แค่นั้นแหละครับ ท่านอยากจะให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนต่อแพทย์รุ่นน้องรุ่นลูกว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น และสิ่งเดียวที่จะปกป้องตัวเราคือหลักจริยศาสตร์ทั้งสี่ประการ ท่านอยากจะให้เราอภิปรายเรื่องนี้ต่อไป ทำให้จริยศาสตร์เป็นหัวข้อ และเป็น theme เดียวที่แพทย์ ณ ที่นี้ใช้ในการอภิปราย อย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้การโจมตีส่วนตัวเป็น main theme ท่านอยากให้พวกเราปกป้องจรรยาบรรณอย่างมีเกียรติ มี dignity อย่างที่ท่านจะภูมิใจในรุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลานของท่าน

อาจารย์ประเสริฐจะดำเนินการตามครรลองกฏหมายในเรื่องนี้ เพื่อต่อสู้กับมลทินต่างๆที่มีผลต่อชื่อเสียงของอาจารย์ ท่านจะทำเพื่อชื่อเสียงของท่านในฐานะบุคคล ท่านจะทำเพื่อครอบครัว ท่านจะทำเพื่อสถาบันมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่เป็นนายจ้างจ้างท่านสอนลูกศิษย์แพทย์มาเป็นสามสิบรุ่นในที่นี้ และท่านจะทำเพื่อรักษาปกป้องจรรยาบรรณแพทย์ให้กระจ่างชัดว่าเป็นอย่างไร ท่านอยากให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางจริยธรรมของแพทย์ และการรักษาเกียรติและจรรยาบรรณ ผมคิดว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยที่หมอคนหนึ่งจะขอร้องกับหมอคนอื่นๆใช่ไหมครับ? พวกเราจงใช้วิจารณญานกันเอาเองว่าต่อไปนี้ เราจะอภิปรายเรื่องนี้กันอย่างไร ไพ่ต่างๆก็แบบนโต๊ะหมดแล้ว ขอให้คุณวิชาญออกมาเปิดเผยวิธีการหาข้อมูล วิธีการยืนยันความถูกต้องว่า ก่อนที่คุณวิชาญจะคุยกับอาจารย์ประเสริฐในเรื่องนี้เมื่อคืนนี้เอง (๘ มีนาคม) และได้ตีพิมพ์อะไรลงไปในบทบรรราธิการเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนั้นได้ตรวจสอบข้อมูลหรือไม่และอย่างไรครับ ขอความเป็นธรรมให้เองนี้กระจ่างแจ้งด้วย




Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-09 , Time : 00:44:52 , From IP : 172.29.3.208

ความคิดเห็นที่ : 92


   คุณนกไฟเขียนได้ดีมาก ขอชื่นชมจากใจจริง

ดีค่ะ เห็นด้วยที่หมอลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง จะได้เป็นแนวทางแก่รุ่นน้อง ๆ และเป็นบทเรียนที่มีค่าแก่ทุกคนที่เข้ามาอ่านกระดานข่าว

การอ่านกระดานข่าว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ต้องรู้จักใช้สมองและวิจารณญานเสมอ ที่พันทิพย์มีให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่เรื่อย ๆ มิฉะนั้นอาจจะตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการทำร้ายคนอื่นได้ เพราะคนที่อ่าน ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเชื่อคนเขียนอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม การใช้กระดานข่าวเพื่อโจมตีตัวบุคคลโดยตรงเป็นวิธีหนึ่งที่ชอบทำกัน เพราะมันสะใจดี ยิ่งถ้าไป post ไว้หลาย ๆ ที่เนี่ย ยิ่งบ่งบอกวัตถุประสงค์ของคนเขียนได้เป็นอย่างดี คนที่ post กระทู้นี้ก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของต้วเองไปแล้ว คือ การได้ประจานผู้อื่นในที่สาธารณะ โดยใช้ลีลาการเขียนเพื่อให้น่าติดตาม ปล่อยข้อมูลออกมาล่อเป็นระยะ ๆ เคยมีคนใช้มาก่อนแล้วในกระทู้เรื่อง Steven-Johnsons syndrome ในพันทิพย์เมื่อหลายปีก่อน ถ้าใช้ช่องทางของรพ.หรือองค์กรแพทย์หรือแพทยสภา จะไม่ค่อยสะใจเท่า เพราะไม่ค่อยมีใครรู้หรือติดตาม

อยากให้ใช้กระดานข่าวในทางสร้างสรรค์มากกว่านี้ค่ะ


Posted by : ผ่านมาเห็น , Date : 2004-03-09 , Time : 02:49:47 , From IP : 172.29.3.234

ความคิดเห็นที่ : 93


   ขอให้กำลังใจอาจารย์ต่อสู้เพื่อป้องศักดิ์ศรี เกียรติยศ และขจัดอวิชชาในสังคม พวกเรานักศึกษาแพทย์ปี 5 ยังรักและเคารพอาจารย์ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ.. (สอบคอมพรี เสร็จจะไปกินหมูย่างเมืองตรังแสนอร่อย อิอิ)



Posted by : ปี 5 ลูกป๋าทุกคนครับ....เย้ , Date : 2004-03-09 , Time : 07:47:31 , From IP : 172.29.4.111

ความคิดเห็นที่ : 94


    Samilatimes

Posted by : janjao , Date : 2004-03-09 , Time : 07:57:17 , From IP : 172.29.2.125

" />
ความคิดเห็นที่ : 95


   a href="http://www.samilatimes.com" target="_blank">

Posted by : my , Date : 2004-03-09 , Time : 08:04:59 , From IP : 172.29.2.138

ความคิดเห็นที่ : 96


   เช่นเดียวกับนศพปีห้า และดีใจที่อาจารย์แข่งแกร่งดังเช่นที่ผ่านมา

Posted by : pisces , Date : 2004-03-09 , Time : 08:05:10 , From IP : 172.29.3.210

ความคิดเห็นที่ : 97


   Again

Posted by : my , Date : 2004-03-09 , Time : 08:06:47 , From IP : 172.29.2.138

ความคิดเห็นที่ : 98


   เป็นกำลังใจให้ ขอให้อาจารย์พิสูจน์ให้ชัดๆ ขจัดคนไม่ดีออกจากสังคม คิดว่าวิชาญไม่ต้องการให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ แต่สิ่งที่เขาทำ เขาเรียกว่าคิดไม่ถึง หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเปล่านี่พยายามมองในแง่ดีนะ ในฐานะที่เคยเป็นศิษย์มอ. เหมือนเรา
ถ้าวิชาญไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าได้ทำการสืบค้นข้อมูลอย่างเป็นธรรมก่อนเขียนข่าวก็จงออกจากอาชีพนี้ก่อนที่คุณจะทำลายชีวิตของใครต่อใครด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือความโง่เขลาของคุณ
อยากให้วิชาญอ่านสัมภาษณ์การทำงานของ producer รายการทำผิดอย่าเผลอซึ่งเป็นคน ITV ที่คุณเคยทำงานที่นั่น แล้วคุณจะรู้ว่าถ้าคุณทำงานแบบเขา เรื่องราวแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน คุณเป็นฐานันดรที่ 4 ไม่ใช่ ขาโจ๋ในโลก cyber ที่จะมา post อะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่คาดถึงผลที่จะตามมา คุณอยู่ในฐานะที่ควรปกป้องความถูกต้องในสังคม ให้ความยุติธรรมกับสังคม
ใช่ ผู้ป่วยก็น่าสงสาร พ่อแม่ฉันเองก็เป็นคนจน แต่เป็นคนจนที่ไม่งี่เง่า ไม่ใจร้าย ไม่ทำลายใคร
ลองมองกลับกัน ผู้ป่วยที่มาหมออาจเป็นคนหนึ่งที่เป็นโจร เป็นคนไม่ดี แต่หมอก็ไม่เคยถามรักษาเท่ากันทุกคน แม้แต่ผู้ก่อการร้ายที่ถูกยิง ก็รักษาอย่างดี แต่ถ้าเป็นคุณล่ะ ทำใจได้อย่างนี้หรือเปล่า หมอก็เป็นคนหนึ่งในสังคม รวมถึงข้าราชการทั้งหลาย เขาก็คือหนึ่งในประชาชนที่คุณควรให้ความเป็นธรรมเท่ากัน ถูกก็ว่าตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนชี้ชะตาคนอื่น คุณไม่ใช่ศาล ไม่ใช่พระเจ้าจะมาตัดสินชะตาคนอื่น
เคยได้ยินไหมว่า ปล่อยคนร้ายไปร้อยคน ไม่บาปเท่าฆ่าคนบริสุทธิ์ไปเพียงคนเดียว พ่อฉันเคยสอน แล้วคุณล่ะ กำลังทำบาปนี้อยู่หรือเปล่า


Posted by : nr , Date : 2004-03-09 , Time : 08:34:32 , From IP : 172.29.3.130

ความคิดเห็นที่ : 99


   ผมว่าทางที่ดีอื่มทาง บก.ควรโพสบิลใบเสร็จให้เห็นค่าใช่จ่ายว่าเท่านั้นเท่านี่จริงแต่ผมว่า บก.หนังสือพิมพ์ไม่น่าจะประสีประสาอะไรมากมายทางทีดี ไปหาข้างแกงกินข้างๆสำนักพิมพ์ แล้วตามด้วยเต้าทึงจะเหมาะกว่า ไม่รู้ดีอย่าอ้าปากเห่าเลย อยากให้หนังสือพิมพ์ดังไม่มีปัญญาหาทางอื่นทำแล้วหรอ

Posted by : I WILL GO PATTAYA , Date : 2004-03-09 , Time : 10:39:39 , From IP : 203.113.77.4

ความคิดเห็นที่ : 100


    ขอสาบแช่งให้ครอบครัวหรือทั้งตระกูลของคุณวิชาญมีแต่ความหายนะ ไม่ได้ผุดได้เกิด ทำอะไรก็ขอให้ฉิบหาย สิ้นเนื้อประดาตัว หรือจบชีวิตภายในชาตินี้ ณ วินาทีนี้ ผมเป็นหนึ่งในนักศึกษาแพทย์ที่เคยเรียนกับอาจารย์ประเสริฐ ท่านเป็นปูชนียบุคคลที่มีคุณค่าสำหรับพวกเราศิษย์ของท่านครับ ขอให้ท่านอาจารย์ต่อสู้อย่าไปใส่ใจกับอวิชชานรกสกเปรตอย่างคุณวิชาญชาติชั่วนั่นเลยครับ

Posted by : ศิษย์อาจาย์คนหนึ่งครับ , Date : 2004-03-09 , Time : 12:31:49 , From IP : 172.29.2.108

ความคิดเห็นที่ : 101


    อย่าทำลายชื่อเสียงอาจารย์ประเสริฐมากไปกว่านี้อีกเลย
สำหรับคนที่เขียนด่าว่า คุณ บก.อย่างไร้คุณสมบัติ นศพ.
แล้วยังมาอ้างว่าเป็นศิษย์อาจารย์ประเสริฐอีก ถ้าคนนอกมาอ่านจะรูสึกอย่างไร และอย่างที่ อ.นกไฟว่า การที่ไม่ให้มีการลบกระทู้นี้น่าจะมาจาก อาจารย์ต้องการให้พวกเรา disscuss ในเรื่องของจริยธรรมในการเป็หมอ มากกว่าที่จะปล่อยให้มีการด่าว่ากันในกระทู้แห่งนี้


Posted by : i , Date : 2004-03-09 , Time : 13:10:36 , From IP : 172.29.4.185

ความคิดเห็นที่ : 102


   เรียน พี่น้องนศพ.ทุกท่าน

ผมอยากขอเสนอให้ทุกท่านกรุณารอคำตอบของคุณวิชาญ ต่อคำถามของคุณ Phoenix ก่อนที่จะว่ากล่าวรุนแรงมากไปกว่านี้ การโจมตีแบบสาบแช่งไม่ได้ก่อประโยชน์ สร้างแค่ความสะใจช่วงสั้นๆ แต่ส่งผลลด credit ความน่าเชื่อถือของกระทู้ และความน่าเชื่อถือของพวกเราเอง เรามาตอบโต้กันด้วยหลักการและเหตุผลน่าจะดีกว่าครับ

ผ่านไปหลายวัน ไม่ทราบว่า คุณวิชาญยังเข้ามาติดตามผลงานที่คุณทำไว้หรือไม่ ผมคนนึงที่อยากทราบว่า คำตอบที่คุณวิชาญจะตอบต่อพวกเราจะเป็นอย่างไร? กรุณาเข้ามาตอบด้วยนะครับ เราจะได้เรียนรู้เป็นตัวอย่างว่า เราควรจะมีวิธีการ approach ผู้ป่วยในสถานการณ์นี้เช่นไร เราสามารถป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ผมคิดว่านี่จะเป็นประโยชน์แก่เรา นศพ.อย่างมาก


Posted by : Botsumu , Date : 2004-03-09 , Time : 16:54:25 , From IP : 172.29.4.211

ความคิดเห็นที่ : 103


   เรียนลุงนก..ผมดีใจมากที่อ.จะใช้วิธีทางกฎหมายจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผมไม่เข้าใจว่าการdiscuss ของคุณมีประโยชน์ อย่างไรในสถาณการณ์เช่นนี้ การที่ทำให้กระทู้นี้ดังเป็นการแทงข้างหลังคนที่คุณรักและเคารพหรือเปล่า.. การที่คุณเรียกร้องความเป็นธรรมโดยการอภิปรายในการดานข่าวถ้าคุณชนะ จะสามารถเรียกชื่อเสียงที่สร้างมาทั้งชีวิตของอาจารย์กลับมาได้จริงหรือไม่. นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ. ผมไม่เคยดูถูกความคิดของใครว่า non-sense ความว่าจนใจของผมคือ " คุณไม่เห็นด้วยกับผมผมก็ไม่ได้ว่าว่าความคิดคุณไม่มีค่า แต่ผมคงจะไม่พูดอีกเพื่อให้คุณตระหนักถึงสิ่งที่คุณคิด จะให้คิดง่ายๆก็คิดว่าผมเป็นจิ้งจกก็ได้ครับ" ส่วนประเด็นที่ว่าผมไม่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของอาจารย์ ผมคิดว่าเพราะผมรักท่านการที่เขียนโต้ตอบกันในกระทู้จึงทำให้ท่านเสียชื่อเสียง เพราะยิ่งมีคนมาอ่านมากก็จะทำให้ชื่อเสียของท่านดังขึ้นถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นความจริงก็ตาม แล้วถ้าวันหนึ่งคุณวิชาญเกิดไม่ตอบมา.. เราสามารถแก้ชื่อเสียของท่านได้จริงหรือครับ

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-03-09 , Time : 19:03:50 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 104


   I am wrong, the medinfo web-board is not just dust in the wind
I talked with him this afternoon but nothing about this issue. He is doing fine.
He is still what he was and I still admire "The golden personality" he has
The ununlucky Surgeon is a 60 years-old man who is going to retire from his devoted serve for medical and non-medical community for more than 30 years. He did a lot of the right things make us good doctors. Many of doctors who do good to this country were inspired by him
In this year home-coimg day , I would like to call all of Medicine alumni to come back and cheer up this mind in his tired-retired year.
KT Rollings


Posted by : KT Rollings , E-mail : (jamesbenenati@yahoo.com) ,
Date : 2004-03-09 , Time : 22:13:13 , From IP : 203.113.76.8


ความคิดเห็นที่ : 105


   อาจารย์เปลี่ยนไป อาจารย์เปลี่ยนไป อาจารย์เปลี่ยนไป

Posted by : Black angle , Date : 2004-03-09 , Time : 23:05:04 , From IP : 172.29.3.253

ความคิดเห็นที่ : 106


   คนไข้ไม่มีเงินก็ไม่ควรไปคลินิก หรือ ร.พ. เอกชน
ไม่มีอะไรที่ถูกแล้วดีหรอกในโลกนี้
ถ้าหมอผ่าแล้วคนไข้ตาย หมออาจผิดโดนฟ้อง
ผ่าเสร็จแล้วก็ต้องดูต่อไปจนคนไข้รอดหรือตายไปข้าง เหนื่อยไปอีกนานอย่างน้อย 5 ปี
ถ้าคนไข้มะเร็งหาย หมอก็ดีใจแต่คนไข้ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยนึกถึงหมอหรอก
ทำงานร.พ. รัฐบาลมากกว่า 10 ปี ปีใหม่ปีนี้ไม่ได้กระเช้าสักใบ
เจอแต่คำบ่นจากคนไข้ว่า ถ้ารักษาไม่หายแล้วหมอจะทำอย่างไร ไม่ตายหรือ
อยากจะตอบว่า กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ลองไปที่อื่นดู กูก็เหนื่อยมาพอแล้ว
จรรยาบรรณหมอลดลงสัมพันธ์กับค่าครองชีพที่แพงขึ้น
คนไข้ก็ไม่เข้าใจคิดว่าหมอรวยแล้วและต้องมีจิตใจเหมือนเทวดามาโปรดสัตว์โลก
เมื่อวันก่อน ก็โดนคนไข้ตะคอกใส่ ถ้าอยู่เอกชนได้เงินก็คงทำใจได้
สุดท้าย ถ้าคุณเป็นมะเร็ง คุณจะยอมเสียแสนห้า หรือ 30 บาทละ


Posted by : Black angle , Date : 2004-03-09 , Time : 23:37:06 , From IP : 172.29.3.253

ความคิดเห็นที่ : 107


   ขณะนี้เวลา 3.35 am จริงๆแล้วผมกำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบขึ้นปี 6 อยู่แต่อยากอ่านกระทู้นี้มาก ซึ่งผมได้ยินข่าวมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้อ่านมาพอสมควรแล้ว เริ่มรู้สึกแล้วว่าสังคมภายนอกที่ผมยังไม่เคยออกไปเผชิญนี่มันน่ากลัวจริงๆครับ อ่านแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเลยล่ะครับ ว่าพวกผมจะต้องไปเจออะไรบ้างถ้าจบออกไป สังคมภายนอกนี่มันก็เหมือนกับการดูละครเรื่องหนึ่งเลยครับ มีทั้งคนดี คนไม่ดี ตัวอิจฉา นี่ถ้าผมจบไปแล้วต้องออกไปเผชิญกับสังคมแบบนี้เนี่ยผมคงจะรู้สึกแย่นะครับ ไม่ทราบว่าคุณวิชาธจะรู้สึกเหมือนผมรึเปล่าครับ โดยส่วนตัวผมไม่ทราบเหมือนกันว่าสาขาที่คุณเรียนนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับสาขาที่ผมเรียนนี่ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่ามันเป็นสิ่งที่ลำบากเป็นอบ่างมาก คุณวิชาญอาจจะไม่เคยต้องรับผิดชอบกับชีวิตที่เราต้องดูแล ไม่เคยเห็นผู้ป่วยที่เราดูแลตายไปต่อหน้าต่อตา คุณคงไม่รู้หรอกมั้งครับว่าเวลานั้นเรารู้สึกอย่างไรบ้าง ผมว่าคนที่จบหมอทุกคนคงจะผ่านความรู้สึกในช่วงเวลานั้นมา ทำให้เรารู้ว่าเราต้องมีความรอบคอบแค่ไหน เราต้องอ่านหนังสือมากแค่ไหน เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นแค่ไหนกว่าที่จะเรียนในสาขานี้จบและออกมาทำงานเป็นแพทย์ที่รักษาคนไข้ ถ้าเทียบกับการเขียนข่าวของคุณที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเหมือนกับข่าวที่ผมได้เคยสัมผัสมา มันคงเทียบกันไม่ได้ คุณเขียนเสร็จแล้วงัยล่ะครับถ้าคุณให้ข่าวผิดนี่ คุณจะทำใครตายได้มั้ยครับ ไม่มีใช่มั้ยครับ ฉะนั้นการที่คุณจะเขียนอะไรคุณจึงไม่มีความกังวลในการที่จะทำเช่นนั้นเลย ผิดกับสาขาที่พวกผมเรียนมา การที่จะทำอะไรซักอย่างต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวว่าจะพลาด เกิดรักษาไม่ดี ก็ถูกฟ้องอีก พอทำการตรวจเพิ่มเติมก็หาว่าแพงอีก ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นาว่าอาการที่คุณเป็นมันเป็นอย่างไร แล้วการที่ผมจะส่งตรวจเพื่อที่จะบอกคุณว่าตกลงคุณปกติดีหรือเปล่าเนี่ยมันผิดด้วยเหรอครับ พอดูแล้วไม่เจออะไรก็หาว่าส่งมั่วอีก รู้ว่าตัวเองสบายดีแล้วไม่พอใจ ความรู้สึกผมคงเหมือนกับคุณ black angle เลยล่ะครับ เวลาปิดปีใหม่ ปิดสงกรานต์ก็ไม่ได้ไปไหน ต้องอยู่คอยรักษาคนไข้อุบัติเหตุทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ไปชนเค้าซะหน่อย บอกก็แล้วว่าอย่าขับเร็ว อย่ากินเหล้า ห้ามก็ไม่ฟัง พอชนแล้วมาโรงพยาบาล รักษาไม่ทันตาย พิการก็บอกว่าหมอไม่เก่ง รักษาไม่ดี ไม่มีความสามารถ แล้วทำไมพวกคุณๆทั้งหลายถึงต้องไปทำเรื่องให้มันเกิดขึ้นมาล่ะครับ คิดว่าผมอยากรักษามากนักเหรองัย ไม่เลยครับ แต่ที่ทำเพราะ 1. มันเป็นหน้าที่ของคนที่เข้ามาเรียนหมอ 2. มันเป็นจิตสำนึกของคน พอทำงานไม่ได้หยุด เสร็จแล้วพอได้เงินมากก็หาว่าทำงานไม่คุ้มกับเงินที่ได้อีก พอไม่ไปทำงานในชนบทก็หาว่าไม่ไปพัฒนาชนบทอีก เห็นแก่ความสบาย ไม่รู้จะสาธยายยังงัยหมด สรุปว่าอ่านกระทู้นี้แล้วท้อใจเลยครับ แล้วเราจะเรียนหมอไปเพื่ออะไร ถ้าจบแล้วต้องไปให้คนด่าเวลารักษาโรคมะเร็งไม่ได้ ก้มันไม่มีวิธีรักษานี่ครับจะให้ทำงัยล่ะครับ ขอระบายความรู้สึกให้คุณบรรณราธิการได้รับรู้หน่อย ไม่รู้ว่าจะยังอยู่อีกรึเปล่า ไม่รู้ว่าที่ผมเขียนไปนี่จะมีคนภายนอกได้มาอ่านรึเปล่านะครับ ก็อยากให้รู้ถึงความรู้สึกของคนที่กำลังจะจบไปเป็นแพทย์บ้างเท่านั้นล่ะครับ
พอดีอ่านข้อความของคุณ black angel แล้วเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาอยากให้คนทั่วไปเข้าใจบ้าง
ที่ผมเคยสังเกตเห็นมาจากชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ของข่าวที่เขียนมักจะเป็นเรื่องจริง(เป็นส่วนน้อย) เอามาตกแต่งให้ดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก สรุปแล้วความคิดผมก็เหมือนคนอื่นๆที่มาโพสต์เลยครับ คือผมไม่ค่อยจะมีความเชื่อถือในข่าวซักเท่าไหร่ อย่างพวกเรื่องไข้หวัดนกระบาดก้อเอามาเขียนข่าวซะว่าห้ามกินไก่ทำให้ไก่ ทำให้คนขายไก่ขาดรายได้ ส่วนตัวพวกคุณที่เขียนข่าวก็นั่งกินข้าวอย่างสบายใจ พวกคุณนักเขียนข่าวคงไม่รู้หรอกมั้งครับว่าข่าวที่เขียนไปมีผลกับผู้อื่นอย่างไรบ้าง ทั้งๆทีไม่ได้ไปศึกษาหาความรู้มาเลยว่ามันเป็นอย่างไร ทั้งๆที่ตอนเรียนหนังสือยังทำได้เลยนี่ครับ แย่นะครับแบบนี้ ไม่เอาตัวอย่างแบบรายการบางรายการที่เอาข้อมูลทางวิชาการมานำเสนอให้รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ตัวอย่างเหตุการณ์นี้ก็เหมือนกับประเด็นที่คุณเอามาโจมตีอาจารย์แพทย์ท่านนี้ล่ะครับ ผมคงไม่อภิปรายประเด็นนี้ต่อเพราะเค้าก็เขียนกันมาเยอะแล้ว ปล่อยให้ความจริงปรากฎเองจะดีกว่า
ปกตินี่ผมจะไม่ค่อยได้เข้ามาโพสต์อะไรหรอกนะครับ แต่ประเด็นนี้ขอโพสต์ซักทีก็แล้วกัน โดยส่วนตัวจากการที่ผมรู้จักอาจารย์ท่านนี้มายังงัยผมก็เชื่อใจท่านครับว่านี่คงเป้นความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างอาจจะเป็นเรื่องการสื่อสารระหว่างแพทย์กับคนไข้ รึ การรับรู้เรื่องร้ายของคนไข้ที่เพื่อนยกประเด็นมาอภิปราย ขอเอาใจช่วยอาจารย์ครับ เห็นด้วยกับอาจารย์ phoenix ด้วยครับ และสุดท้าย ไม่ค่อยเข้าใจคุณ Death เลยครับ ว่าเค้าทำอะไร ขอบคุณครับ ขอตัวนะครับ


Posted by : นศพ. ปี 5 คนหนึ่งครับ , Date : 2004-03-10 , Time : 03:42:10 , From IP : 172.29.4.53

ความคิดเห็นที่ : 108


    ได้อ่านที่คุณ นศพ. ปี 5 คนหนึ่ง post แล้วเห็นด้วยในหลายประเด็นเลยครับ ผมว่าบางทีก่อนจะเข้ามาเรียนหมอหลายๆคนไม่เคยได้รับรับทราบข้อมูลทางด้านวิชาชีพแพทย์มามากเท่าไร ว่าต้องทำงานหนักเหนื่อยมากเพียงไร(ทราบเพียงแต่ว่าเรียนหนัก) แต่พอมาเรียนเข้าจริงๆ ชีวิตการเรียนแพทย์ของจริงเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อคุณอยู่ปี 4เองครับ ซึ่งก็ยังเทียบกันไม่ได้อีก กับเมื่อคุณจบออกไปปฏิบัติงาน และต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางสังคมและผู้คนที่หลากหลายต่างจิตต่างใจต่างความคิด
ประเด็นที่เราจะต้องออกไปพบกับคนอีกมากมายหลายลักษณะ และความสกปรกในสังคมนั้น ความจริงผมว่าพวกเราอาจจะสามารถค่อยๆ เรียนรู้กลยุทธ์(ใช้คำนี้เพราะรู้สึกว่ามันคล้ายจะเป็นศิลปะแขนงหนึ่งเลย) และวิธีการต่างๆ ของผู้คนเหล่านั้นได้พอสมควรในชีวิตที่เราเรียนในมหาวิทยาลัย
เพียงแต่การเรียนของพวกเราไม่ค่อยเอื้อให้เราได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับผู้คนที่หลากหลายมากนัก หรือเป็นเพราะพวกเราไม่ค่อยสนใจที่จะร่วมทำเอง เพราะผมมีความเห็นว่าหากพวกเราอยากทำแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องมีเวลา ทั้งนี้การทำงาน/กิจกรรมต่างๆในคณะ-มหาวิทยาลัยทำให้เราๆได้พบกับผู้คนมากหน้าหลายตา หลายความคิดหลายวัตถุประสงค์ที่เข้าร่วม เช่นเพื่อหนทางการศึกษาต่อในอนาคตซึ่งข้อนี้คงเห็นได้ชัดเจนที่สุด ทำให้เราได้รู้จักบุคคลหลายระดับ รู้วิธีการทำงานและแนวคิดของเจ่หน้าที่/ผู้บริหารบางคน(จนบางทีทำให้เราท้อใจไม่อยากทำงานไปเลยก็มี) บางครั้งเราต้องมองคนพวกนี้อย่างระมัดระวังมากขึ้น ต้องดูคน 2 ด้าน โลกไม่ได้ขาวละอาดไปหมดหรอกครับ สิ่งที่คุณคิดว่ามันขาวสะอาด บางทีอีกด้านหนึ่งของมันอาจจะเทา-ดำก็ได้ มิตรแท้และศัตรูถาวรอาจจะหายากนะครับ
สุดท้ายที่ผมpost นี้เพียงเพื่อจะบอกว่าเราน่าจะให้เวลากับประสบการณ์ชีวิตที่เราจะได้จากการเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย จบออกไปเราจะได้ไม่รู้สึกเสียดายในวันเวลาที่มีค่าเหล่านี้.........มีความรู้ด้านการแพทย์เพียงอย่างเดียว........ขาดประสบการณ์ทางสังคม...........รู้น้อย-รู้มาก เริงใจ (ยืมคำพี่เป็ดมาใช้หน่อยนะครับ)



Posted by : Scorpion , Date : 2004-03-10 , Time : 11:24:16 , From IP : 172.29.4.238

ความคิดเห็นที่ : 109


   ....เรียนคุณ นศพปี5 ครับ......
.....ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆครับ.....ผมคิดว่าการมานั่งเขียนอะไรในนี้ไม่แก้ปัญหาให้อาจารย์ครับ....รังแต่จะเป็นเครื่องมือให้แก่ผู้ไม่หวังดี....แต่ก็แล้วแต่เถอะครับ.....ผมออกจะกลัวอยู่ว่าการเขียนอะไรของผม....จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีที่จะได้เสียอีก....ปัญหากรณีนี้การมานั่งเขียนอะไรในนี้ไม่ช่วยอะไรครับ...ผมเห็นด้วยที่อาจารย์เลือกใช้วิธีทางกฎหมายครับ....ผมอาจะชอบทำอะไรแปลกๆ....ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ....อะไรหลายๆอย่างในโลกนี้มันไม่ตรงไปตรงมาเสมอหรอกครับ....บางทีผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดๆก็ได้.....ขอบคุณครับ.....



Posted by : Death , Date : 2004-03-10 , Time : 12:25:07 , From IP : 172.29.2.98

ความคิดเห็นที่ : 110


   อาจารย์จะทำอย่างไรเหรอ รายงานให้ทราบบ้างสิ เอาใจช่วยอยู่ทุกวัน

Posted by : k , Date : 2004-03-10 , Time : 13:39:34 , From IP : 172.29.3.114

ความคิดเห็นที่ : 111


   เพิ่งจะทราบเรื่องว่าเป็นอาจารย์ ผมเชื่อในสิ่งที่อาจารย์ทำครับ ลูกศิษย์คนนี้ยังสำนึกใน
บุญคุญความรู้ที่อาจารย์สั่งสอนให้จนทุกวันนี้
ความรู้เป็นบ่อเกิดเเห่งปัญญาที่เรานำไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย
ก่อคุณอนันต์แก่ชาติบ้านเมือง
ใครก็ตามที่คิดทำร้ายอาจารย์แพทย์ เป็นความคิดที่เลวมาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจบโท แต่โง่
เป็นคนที่ไม่มีวิจารณญาณเลย ฟังความข้างเดียว เป็นคนที่ไม่น่านับถือ ไม่สมควรได้เป็นบุพการีสั่งสอนลูกของตัวเอง แย่มาก ๆ
คุณกำลังเอาความเปราะบางของคนที่ประกอบอาชีพเวชกรรมมาเล่น มาละเลงด้วยเท้าของคุณ
คุณกำลังดูถูกแพทย์ทั้งประเทศ ถึงแม้ว่าคุณจะแก้ตัวตลอดกระทู้ก็ตาม คุณเป็นคนที่สมควรจะได้รับการรักษาจากแพทย์ที่ไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่แม้แต่เด็กที่เพิ่งจะสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ เพราะเขาสูงเกินไปกับคนระดับอย่างคุณ และคุณเป็นคนแรกแน่ ๆ ที่แพทย์ มอ.จะปฏิเสธการรักษาถึงแม้ว่าคุณจะตายอยู่ตรงหน้า คอยดู คุณวิชาญ


Posted by : เด็กที่ไม่ดี , E-mail : (don0342000@yahoo.com) ,
Date : 2004-03-10 , Time : 19:55:26 , From IP : lvs3.moph.go.th


ความคิดเห็นที่ : 112


   เท่าที่ได้รู้จักอาจารย์มา
อาจารย์ท่านนี้เป็นผู้ที่ผมเคารพมากที่สุดคนหนึ่ง
ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าอาจารย์จะมีพฤติกรรมเยี่ยงที่คุณ บ.ก.กล่าวหา
ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์และครอบครัวครับ


Posted by : peter , Date : 2004-03-10 , Time : 20:24:55 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 113


   เรียน คุณเด็กไม่ดี ครับ
เป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่นะครับ ที่บอกว่า "แพทย์ มอ.จะปฏิเสธการรักษาถึงแม้ว่าคุณจะตายอยู่ตรงหน้า คอยดู คุณวิชาญ" นี่คือบทพิสูจน์ข้อหนึ่ง ของคำว่า"จรรยาบรรณ" เลยละครับ อยากให้คุณลองกลับไปคิด สิ่งที่ อาจารย์ท่านนี้ พูดอยู่เสมอ ถ้าเป็นอาจารย์ละก็ ผมมั่นใจแน่นอนครับ ว่าอาจารย์ไม่ใช่คนเลือกที่รักมักที่ชัง ชีวิตคนไข้สำคัญเสมอ ไม่ว่าคนๆนั้น จะดีจะชั่วอย่างไร จะเป็นศัตรูเรามั๊ย แต่ว่า ผมคงไม่ซื้อ สมิหลาไทม์มาอ่านอีกแล้วละครับ


Posted by : พี่เดือด , Date : 2004-03-10 , Time : 20:54:35 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 114


   เราเป็นนายของการกระทำและคำพูดของเราเอง หลังจากเราทำไปแล้วเราก็จะตกเป็นทาสแห่งการกระทำนั้นๆ และต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้นๆ กฏแห่งกรรมและวิบาก

ไม่ว่าเราจะพูด จะสื่อ จะเขียนอย่างไร เรามี "ทางเลือก" อยู่ตลอดเวลาครับว่าอะไรคือวัตถุประสงค์และเราอยากจะให้อะไรอยู่ในนั้นบ้าง "การสื่อสาร" นั้นรวมทั้งการไม่พูด ไม่เขียน ไม่แสดง ก็เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งเหมือนกัน แปลได้หลายอย่าง เช่น มีคนเคยถามพระพุทธเจ้า (พุทธประวัติ) ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดมาได้อย่างไร สำเร็จเป็นอรหันต์แล้วจะทำปาฏิหาริย์อย่างไรได้บ้าง รู้สึกอย่างไรเวลาสำเร็จ มีเทวดาหรือหรือมีพระเจ้าหรือไม่ ท่านทรงนิ่งเฉยเสีย ณ ที่นั้นและต่อมาเรียกสานุศิษย์สั่งสอนว่ามีบางคำถามที่ไม่มีเอื้อประโยชน์ต่อการพ้นทุกข์ (ในคัมภีร์ขนอนฉบับภาษาอังกฤษเรียก "imponderable questions")

ตรงนี้มีสองช่วงที่น่าสนใจคือ ของบางอย่างอธิบายไม่ได้ ต้องรู้เอง ก็ป่วยการอธิบายเพราะคนอาจเกิดอวิชชาเข้าใจไปเองต่างๆนานา หรือพวกที่เชื่ออีกอย่างก็จะไม่พอใจและไม่มีทางที่จะเข้าใจได้หากบารมีไม่ถึง อีกช่วงหนึ่งคือหลังจากภาวะการเผชิญหน้านั้นหมดไป พูดอยู่กับคนที่พร้อมจะสื่อได้ ท่าน"จะอธิบาย"ว่าทำไม เพราะการไม่อธิบาย คนจะเกิดความ "เข้าใจไปเอง" และหลงทางได้

ของบางอย่างนั้นอธิบายไม่ได้ก้ไม่ต้องอธิบาย แต่บางอย่างอธิบายได้ และ "ควร" ต้องอธิบายหากว่าปล่อยไว้จะเกิดเมล็ดพันธุ์ความเข้าใจผิดที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น สิ่งเหล่านี้ทางโลกได้แก่เรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทางอปรัชญาได้แก่ จริยศาสตร์ จริยธรรม จรรยาบรรณ หน้าที่ ซึ่งเป็นสาขาย่อยของปรัชญา

ในฐานะบัณฑิตหรือผู้ที่จะเป็นบัณฑิต คุณสมบัติสามประการคือ หนึ่ง ความรู้ความชำนาญในวิชาของตน สอง ความรับผิดชอบในหน้าที่ต่อตนเอง ต่อครอบครัว และต่อสังคม และสาม การถึงพร้อมซึ่งการแสดงออกที่งามทั้งกาย วาจา ใจ หากยังไม่บรรลุทั้งสามประการนั้นหาได้เป็นบัณฑิตไม่ ในส่วนของข้อที่สามนี่แหละที่ "พวกเรา" จะต้องหัดให้ได้ ทำให้ได้ เพราะอาชีพของเรานั้นการสื่อสารสำคัญมากที่สุด เราจะรักษาผู้ป่วยได้ก็ต่อเมื่อมีการสื่อสารที่ถูกต้องทั้งให้และรับโดยแพทย์และผู้ป่วยก่อน หากเราไม่มีความสามารถแม้กระทั่งอภิปรายว่าอะไรถูก อะไรไม่ควร อะไรดี อะไรไม่ดี "เพราะกลัวผิด" แม้แต่บนกระดานข่าวคณะแพทย์ ซึ่งปัญญาชนสื่อสารกัน นึกหรือว่าเราจะประสบความสำเร็จข้างนอกกับคนที่เจ็บป่วย ทางร่างกายและจิตใจ และลดความพร้อมในการสื่อสารลง? เราจะบอกว่าขอโทษครับเดี๋ยวผมพูดไปจะไม่ดี ผมไม่กล้ารึเปล่า? ตอนนี้แหละที่เป็นโอกาสของเราที่จะฝึกสื่อสารกับพวกเรากันเอง กับคนที่เข้ามาอยากจะสื่อ ก็ลองทำกันดูเถอะครับ ผิดถูกเราก็อภิปรายกัน ถ้าไม่แสดงความเห็นให้รู้กันซะตอนนี้ เจอกันอีกทีก็อาจจะอยู่ในคอกพยานหรือเลวร้ายกว่านั้นคือคอกจำเลยไปแล้ว



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-10 , Time : 23:24:38 , From IP : 203.155.144.21

ความคิดเห็นที่ : 115


   คุณวิชาญ ครับ ต่อให้คุณเมามาเอะอะโวยวาย เราก็ยินดีรักษาคุณครับ เพราะเป็นหน้าที่ แม้แต่คุณจะเครียดเรื่องนี้และต้องมาให้การรักษาเพราะความเครียด เราก็ยินดีรักษาครับ เพราะเราเคารพและรักศักดิ์ศรีของความเป็นคนของคุณและหน้าที่ของเราครับ Autonomy, Benificence, Non-maleficence, and Justice ครับ


Posted by : แพทย์มอ. , Date : 2004-03-11 , Time : 00:42:24 , From IP : ppp-203.144.235.68.r

ความคิดเห็นที่ : 116


    สมมุติว่าคุณวิชาญจะเป็นคนเลวยิ่งกว่านักหนังสือพิมพ์ไร้จรรยาบรรณอย่างในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นฆาตกรฆ่าคนตายมานับร้อยนับพันศพ ถ้าหากคุณเกิดไม่สบาย กำลังจะตายแล้วมารักษาที่ รพ.มอ จะไม่มีใครถามคุณซักคำว่าคุณเป็นใคร ทำความชั่วร้ายโสมมใดๆไว้บ้าง แพทย์ทุกคนที่นี่จะรักษาคุณอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ รวมถึงแพทย์ที่ชื่อ อ.ประเสริฐ ก็จะทำเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าคุณจะได้ให้ร้าย ใส่ร้ายป้ายสี ทำให้ท่านเสื่อมเสียชือเสียงที่ท่านสั่งสมมาตลอดชีวิตก็ตามที
รู้เหตุผลมั้ยคะว่าเพราะอะไรที่เรารักษาคุณ ก็เพราะเรามีคำว่า "จรรยาบรรณ" อยู่ในจิตใจ จรรยาบรรณของความเป็นแพทย์ที่ต้องรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเสมอภาค (justice)
ทุกคนทุกอาชีพต้องมีจรรยาบรรณในการทำงาน เพื่อเป็นสิ่งที่คอยเตือนสติเราให้ทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรตามครรลองครองธรรม
แค่คุณวิชาญรู้ตัวหรือไม่ว่าคุณไม่เคยมี "จรรยาบรรณ" ในอาชีพของคุณเลย นี่หรือบัณฑิตปริญญาโท นี่หรืออดีตนักข่าว the nation นี่หรืออดีตผู้บริหาร itvบอกได้คำเดียวว่าน่าสมเพศ!!!


Posted by : do(g)tor , Date : 2004-03-11 , Time : 07:26:53 , From IP : 172.29.4.38

ความคิดเห็นที่ : 117


    สมมุติว่าคุณวิชาญจะเป็นคนเลวยิ่งกว่านักหนังสือพิมพ์ไร้จรรยาบรรณอย่างในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นฆาตกรฆ่าคนตายมานับร้อยนับพันศพ ถ้าหากคุณเกิดไม่สบาย กำลังจะตายแล้วมารักษาที่ รพ.มอ จะไม่มีใครถามคุณซักคำว่าคุณเป็นใคร ทำความชั่วร้ายโสมมใดๆไว้บ้าง แพทย์ทุกคนที่นี่จะรักษาคุณอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ รวมถึงแพทย์ที่ชื่อ อ.ประเสริฐ ก็จะทำเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าคุณจะได้ให้ร้าย ใส่ร้ายป้ายสี ทำให้ท่านเสื่อมเสียชือเสียงที่ท่านสั่งสมมาตลอดชีวิตก็ตามที
รู้เหตุผลมั้ยคะว่าเพราะอะไรที่เรารักษาคุณ ก็เพราะเรามีคำว่า "จรรยาบรรณ" อยู่ในจิตใจ จรรยาบรรณของความเป็นแพทย์ที่ต้องรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเสมอภาค (justice)
ทุกคนทุกอาชีพต้องมีจรรยาบรรณในการทำงาน เพื่อเป็นสิ่งที่คอยเตือนสติเราให้ทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรตามครรลองครองธรรม
แค่คุณวิชาญรู้ตัวหรือไม่ว่าคุณไม่เคยมี "จรรยาบรรณ" ในอาชีพของคุณเลย นี่หรือบัณฑิตปริญญาโท นี่หรืออดีตนักข่าว the nation นี่หรืออดีตผู้บริหาร itvบอกได้คำเดียวว่าน่าสมเพศ!!!


Posted by : do(g)tor , Date : 2004-03-11 , Time : 07:27:23 , From IP : 172.29.4.38

ความคิดเห็นที่ : 118


   ก็ขอเป็นกำลังใจให้ฝ่ายที่ถูกแล้วกันนะคะ โดยส่วนตัวเชื่อค่ะ ว่ามีแพทย์ที่มีจรรยาบรรณมากกว่าแพทย์ที่ไร้จรรยาบรรณ( เคยเจอมาทั้งสองแบบค่ะ)
แต่อยากถามนิดนะคะ หนูเมย์เจอปัญหาเรื่องการสื่อสารไม่ตรงกันระหว่างแพทย์กะคนไข้มาเยอะจังเลยค่ะ เราจะมีวิธีแก้ปัญหานี้กันอย่างไรดีล่ะค่ะ


Posted by : หนูเมย์ , Date : 2004-03-11 , Time : 09:02:59 , From IP : 202.133.134.250

ความคิดเห็นที่ : 119


   สะกดคำว่าสมเพศผิดครับ ที่ถูกควรจะเป็น"สมเพช "

Posted by : เมย์วดี , Date : 2004-03-11 , Time : 11:23:02 , From IP : 172.29.2.118

ความคิดเห็นที่ : 120


   ไม่อยากจะเข้าข้างใคร เพราะต่างคนต่างมีอาชีพเป็นของตนเอง มีแนวทางการทำงานที่ต่างกันไป
อยากให้ทั้งสองฝ่ายออกมาคุยกันให้เข้าใจ แจกแจงให้ชัดเจนกว่านี้ดีกว่าไหมคะ เพื่อความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย

คุณวิชาญคะ ดิฉันสงสัยในตัวคุณนิดหนึ่งนะคะ
รหัสประจำตัวคุณ คือ 3336066
33 เป็นปีที่คุณเข้าเรียน
36 เป็นคณะที่คุณเรียน
xxx คือรหัสประจำตัวของคุณ
แต่ที่ดิฉันอยากจะบอกคือรหัสประจำคณะวิทยาการจัดการ คือ 35 นะคะ ืไม่ใช่ 36 อย่างที่คุณกล่าวถึง


Posted by : หมูอ้วน , Date : 2004-03-11 , Time : 16:58:36 , From IP : 203.113.76.8

ความคิดเห็นที่ : 121


   คุณหนูเมย์ครับ

ผมคิดว่าคำถามของคุณที่ว่าปัญหาการสื่อสารที่ไม่ตรงกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วยนั้นสำคัญ เพื่อเป็นการช่วยให้เรา focus การอภิปราย ผมขออนุญาตไปเปิดกระทู้ใหม่ "Debate LXII: การสนทนาจริยศาสตร์ "การแจ้งความข่าวร้าย" ขอเชิญไปร่วมพูดคุยกันที่นั่นนะครับ

ประเด็นหนึ่งที่ผมสามารถชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อกระทู้นี้คือเรื่องระเบียบโรงพยาบาล อาจารย์ประเสริฐ ใน มอ. เป็นอาจารย์ผ่าตัดโรคหัวใจ และเรามีอาจารย์ศัลยแพทย์เฉพาะทางต่างๆครบทุกหน่วย เช่น กุมาร ระบบทางเดินปัสสาวะ Plastic ระบบประสาท นอกเหนือจากโรคหัวใจ นอกเหนือจากที่ว่าเราจะเรียกรวมเป็น "ศัลยศาสตร์ทั่วไป" การเป็นหมอผ่าตัดหัวใจนั้น ศัลยแพทย์จะจบการฝึกอบรมเป็นศัลยแพทย์ทั่วไปก่อน และเรียนต่อเพิ่มเติมอีก 3-5 ปี (แล้วแต่สถานการณ์) อาจารย์ประเสริฐเองก็ทำงานเป็นศัลยแพทย์ทั่วไปอยู่เป็นสิบปีก่อนที่จะไปฝึกอบรมเพิ่มเป็นหมอผ่าตัดหัวใจที่อเมริกา แต่หมอทุกคนในภาคใต้ (และผมว่าจำนวนมากในประเทศไทย) ทราบดีว่าอาจารย์ผ่าตัดได้ทุกอวัยวะ และได้ "ครอบครู" ให้อาจารย์ศัลยแพทย์ทั่วไปรุ่นน้อง รุ่นหลานจำนวนนับไม่ถ้วนตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แม้แต่ตอนใกล้เกษียณ ถ้าอาจารย์พอจะเจียดเวลาได้ อาจารย์ยังเดินทางไปเยี่ยมศัลยแพทย์รุ่นลกหลานเหล่านี้ ว่ากันตั้งแต่ นครฯ สุราษฎร์ ลงไปถึงยะลา เบตง และสอนผ่าตัด case ยากๆให้ หรือผ่าให้ดู เป็นบริการที่อาจารย์ทำเองฟรีๆ เพราะความเอ็นดูหมอรุ่นน้องที่ยังอ่อนประสบการณ์ และเพื่อประโยชน์ของคนไข้

ดังนั้นในสถานการณ์ที่ว่าในรพ.มอ.นั้น เพราะระบบที่โรงพยาบาลได้ตั้งไว้ อาจารย์จึงไม่สะดวกที่จะ set ผ่าตัด case มะเร็งเต้านมซึ่งเป็น case ศัลยกรรมทั่วไป อาจารย์ไม่ต้องการจะละเมิดกฏโดยไม่จำเป็นเพราะอาจารย์ทราบว่ามีคนมองขึ้นมาหาอาจารย์เป็น role model อยู่เป็นจำนวนมาก น่าเสียดายที่คนไข้รายนี้ไม่เข้าใจความสำคัญในเรื่องนี้ และคุณวิชาญไม่ได้สนใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ (ซึ่งน่าจะทำได้ง่ายดายมาก) ก่อนที่จะทำให้เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้

รายละเอียดอื่นๆจะกระทบกระเทือนการดำเนินการหากจำเป็นทางกฏหมาย ผมคิดว่าประเด็นนี้ประเด็นเดียวที่จำเป็นต้องชี้แจง ณ ที่นี้



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-11 , Time : 17:17:26 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 122


   

อ่านกระทู้ไม่หมดนะคะ แต่อยากเล่าอะไรบางอย่างที่เราเจอกับตัวเองดีกว่า เป็นพยาบาลอยู่ห้องผ่าตัด รพ. รัฐบาลค่ะ ในกรณีผู้ป่วยสูติกรรม จะต้องมีการฝากพิเศษ และในรายฝากพิเศษ โดยเฉพาะแพทย์ท่านนี่มักจะเป็นคนไข้มา c/s มากกว่าแพทย์อื่น ๆๆ ขนาดแพทย์แผนกเดียวกัน หรือห้องคลอดก้อรู้ๆๆ กันอยู่แต่พูดอะไรไม่ได้ มักชอบ set case มีเช้ามืดเป็นส่วนใหญ่หารายได้ก่อนไปเปิดคลีนิค ช่วงเวลา 6.00 -7.00 น. ซึ่งทางห้องผ่าตัดตกลงกันว่าจะเปิดเฉพาะ emergency case แต่แพทย์ท่านนี้ปฎิบัติเช่นนี้เป็นประจำ โดย วินิืจฉัยว่า CPD แต่ผู้ป่วยไม่เจ็บท้อง นอนยิ้มมาตลอด แถมเบิก OT นอกเวลาอีกต่างหาก ยังไม่จบนะค่ะ มีญาติห่าง ของพยาบาลในห้องผ่าตัดซึ่งแกก้อใช่ว่าจะรวย ไปตรวจวันที่เขาออกตรวจคนไข้ ปรากฎว่าเป็น เนื้องอกในมดลูก รู้ไหมค่ะ เขาบอกว่าต้องรอคิวอีกนาน ป้าแกก้อไม่รู้จะทำงัย มาปรึกษาบางคน ก้อแนะนำให้ฝากพิเศษ เงินทีีฝากพิเศษ 3000 บาท สำหรับแกรับรองได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆๆ แน่ แต่จะทำงัยได้ค่ะ เลือดแกออกทางช่องคลอดทุกวัน ๆๆ แำกกลัวตายเหมือนกันนะค่ะ ก้อเลยต้องพยายามไปหาเงินจำนวนนี้มา หลังจากบอกว่าขอฝากพิเศษ เหตุการณ์เปลี่ยนทันทีเลยค่ะ ผ่าตัดได้ใน อาทิตย์ต่อมา จรรยาบรรณ คืออะไร ไม่ทราบว่าแพทย์ท่านนี้จะรู้หรือเปล่า ท่านคงรู้แค่ว่า จะทำอย่างไร ให้ได้เงินมากที่สุดมากกว่า ณ.ปัจจุบัน แพทย์ท่านนี้ก้อยังเป็นอย่างนี่อยู่นะค่ะ เรื่องเปิดผ่าตัดนอกเวลา โดยเอา case elective มาทำ
เรื่องต่อไปก้อเกิดในห้องผ่าตัดอีกเหมือนกัน เกิดกับตัวดิฉันเอง ปกติตาม โรงเรียนแพทย์ เวลาผ่าตัว ศัลยแพทย์ต้องมาพร้อมที่ห้องผ่าตัดกันก่อน แต่ที่ รพ. ดิฉัน เขามักโทรมาบอกว่า เริ่มได้ปูผ้ารอกำลังจะไป เมื่อก่อน เราต้องทำให้เพราะ เราหน่ะไม่รู้จำทำงัย ตอนนี้เพื่อมาตรฐานที่ดีต่อผู้ป่วยมากขึ้น ทางวิสํญญจึงขอร้องให้เป็นตามแบบ โรงเรียนแพทย์ คือให้ศัลยแพทย์มาก่อนให้เห็นตัวในห้องผ่าตัดก่อนจึงจะดมยา รู้ไหมค่ะ ศัลยแพทย์บ่นกันตรึม แค่ 5 - 10 นาทีที่ตนเองต้องรอ บ่นค่ะ แต่วันนี้นะค่ะ ผู้ป่วย เป็นแผลที่ขา มาปะหนังค่ะ ก้อ block หลังเรียบร้อย resident วิสัญญีแพทย์จึง block หลัง แต่ resident รอ แพทย์เจ้าของไข้ค่ะ แกก้อเดินเอ้อระเหยตามสไตล์ของแกจนเข้ามาให้ห้องผ่าตัด ก้อไม่ได้รีับอะไร ก้อเลยเขาว่า หมอเร็วเขาเถอะ block คนไข้มา 25 นาทีแล้ว ยังไม่ได้ลงมีดเลย รู้ไหมค่ะ เขาบอกว่าอย่างไร "ไม่เห็นเป็นไรเลย " ดูซิค่ัะ เขารอแค่ 5-10 นาทีมีปัญหา แต่ปล่อยให้คนไข้นอนรอหลัง block 25 นาที บอกไม่เป็นไร ดิฉันก้อเลยบอกไปว่า เราควรทำผ่าตัดให้เร็วที่สุด หลัง block ไม่ใช่หรือ เรื่องที่เล่ามานี่แค่อยากบอกให้อีกหลายๆๆ ท่านทราบที่ว่าอย่าเชื่อหนังสือพิมพ์ ดิฉันไม่ใช่หนังสือพิมพ์ เพียงแต่ต้องการเล่าสู่กันฟังแค่นั้นเองค่ะ


Posted by : nurse , Date : 2004-03-11 , Time : 23:09:04 , From IP : palo7.pacific.net.th

ความคิดเห็นที่ : 123


   มันคนละประเด็นกันครับอย่าสับสน

Posted by : ..... , Date : 2004-03-12 , Time : 00:09:25 , From IP : 172.29.4.123

ความคิดเห็นที่ : 124


   มันคนละประเด็นกันจริงๆนะครับ ตอนนี้เราไม่ได้ถกกันถึงประเด็นนี้นะครับ คือว่าผมว่าโรคนี้มันก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีนะครับ ทุกๆอาชีพแหล่ครับ ไม่ควรเอามาเหมารวมนี่ครับ ไม่งั้นก็คงว่ากันไม่จบหรอกนะครับคุณ nurse เพราะว่าเรื่องเล่านี่ผมก็มีเหมือนกันแหล่ะครับเรื่องเกี่ยวกับพยาบาลที่ผมเจอน่ะครับว่าเค้ามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง แต่ทางที่ดีผมว่าเราควรจะพูดถึงสิ่งดีๆที่พยาบาลและแพทย์ส่วนใหญ่มีจะไม่ดีกว่าเหรอครับ

Posted by : K@tzu , Date : 2004-03-12 , Time : 01:32:26 , From IP : 172.29.4.53

ความคิดเห็นที่ : 125


   ในเมื่อโลกนี้มีขาวก็ต้องมีดำ มีทั้งเพื่อนที่ดีและเพื่อนที่ไม่ดี ตัวเราก็เหมือนกันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาสิ่งดีหรือเสียของเขามาพูด ถ้าเรายังมัวแต่จะมองข้อเสียของเขาอยู่ คุณก็จะเห็นว่าเขาเป็นคนไม่ดีอยู่ตลอด แต่ถ้าเราหันมามองในแง่ดีของเขาบ้าง บางทีคุณอาจจะเห็นว่า ข้อเสียของเขานั้น มีเพียงน้อยนิด หรืออาจจะเทียบกันไม่ได้เลยกับข้อดีของเขา หรือคุณประโยชน์ของเขา
สุดท้าย สิ่งที่อยากจะบอกคือ ในกระทู้แห่งนี้ ถ้าเรามัวแต่เอาเรื่องไม่ดีมาพูดกัน ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะเป็นคนไม่ดีไปด้วย เลิกซะเถอะครับการโจมตีกันไม่ว่าใครก็ตามต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งนั้น เรื่องในโรงพยาบาลมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่มาพูดกัน สิ่งดีๆที่คนเขาปิดทองหลังพระ สิ่งที่คนอื่นๆไม่ค่อยรู้น่ะ น่าจะมาเล่าสู่กันฟัง
เฮ้อ ! โลกนี้ ช่างน่า อนิจจัง


Posted by : ไร้ความรู้สึก , Date : 2004-03-12 , Time : 07:15:32 , From IP : 172.29.4.44

ความคิดเห็นที่ : 126


    อ่านกระทู้ทั้งหมดแล้วยอมรับว่าเหนื่อยมากค่ะแต่ก็อ่านจนจบทำให้ได้เรียนรู้อะไรเยอะมากที่สำคัญที่สุดก็คือหลายคนยังไม่เข้าใจคำว่า "จรรยาบรรณ" ทำให้ตัดสินทุกการกระทำว่าผิดจรรยาบรรณอีกจุดนึงที่ได้บทเรียนคือเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ตรงกับใจหรือความต้องการของเราเราพยายามมองหรือหาเหตุผลมาสนับสนุนในทางที่ไม่ดีหรือทางลบทั้งสิ้นถ้าทุกๆคนที่รับรู้หรืออ่านทุกถ้อยคำในกระทู้นี้ใช้ positive thinking กระทู้นี้ต้องเป็นสีชมพูแน่ๆ ค่ะ อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ นะคะ พิจารณาไตร่ตรองมองทุกฝ่ายอย่างเข้าใจ หรือวิธีหนึ่งที่ดิฉันใช้เวลาใครทำไม่ดี หรือพูดไม่ดีกับดิฉัน ดิฉันก็จะคิดว่าเค้าเป็นคนไข้ที่ดิฉันจะต้องบำบัดอีกแล้วมันก็จะลดการปะทะแล้วดิฉันก็จะกลายเป็นนางฟ้าเหมือนเดิมค่ะ
สำหรับอาจารย์ขอให้คิดในแง่ตลกว่าอาจารย์คงดังมากนะคะเลยมีข่าวออกมาเปรียบเหมือนพระเอกดังๆ ที่มีข่าวเกือบทุกวันแต่นี่ของอาจารย์แค่ข่าวเดียวเองค่ะขอให้อาจารย์มองอย่างสนุกและคิดว่าเป็นสีสันของชีวิตนะคะ


Posted by : สาวน้อยสีชมพู , Date : 2004-03-12 , Time : 20:43:33 , From IP : ppp-203.144.235.68.r

ความคิดเห็นที่ : 127


   ช่ายเลยล่ะครับ คุณสาวน้อยสีชมพู ชอบที่คุณเขียนจัง

Posted by : K@tzu , Date : 2004-03-12 , Time : 21:21:50 , From IP : 172.29.4.53

ความคิดเห็นที่ : 128


   โดยสรุปอ่านดูก็รู้ว่าพอตัวเองเสียผลประโยชน์หรืออยากได้ประโบชน์ก็เป็นเรื่องเลย เข้าทำนองอยากได้ของดีแต่ราคาถูกและอยากได้อภิสิทธิ์ พอพูดเรื่องเงิน ก็เอา จรรยาบรรณมาอ้าง พยาบาลนี้แหละตัวดี อยากได้หมอดีตรวจแต่ไม่ยอมจ่ายเงิน แม้แต่นอกเวลา พอคิดเงินก็หาว่าโหด

Posted by : สาวน้อยสีดำ , Date : 2004-03-12 , Time : 23:28:32 , From IP : r214-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 129


   รู้หน้าไม่รู้ใจ

Posted by : ea , Date : 2004-03-13 , Time : 06:16:01 , From IP : 172.29.3.123

ความคิดเห็นที่ : 130


   เรียนคุณที่ใช้นามแฝงว่า"สาวน้อยสีดำ"ตามที่คุณได้ Posted คำว่า "พยาบาลนี้แหละตัวดี" ดิฉันคิดว่าอาจจะเป็นประโยคที่อ่านแล้วทำร้ายจิตใจมากๆ เลยค่ะ คำว่าพยาบาล หมายถึงกลุ่มบุคคลที่ประกอบวิชาชีพพยาบาลทั้งหมด ถ้าคุณ Posted รวมๆ อย่างนี้เดี๋ยวมันจะจุดประกายความโต้แย้งประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก ตัวดิฉันเองใช้วิชาชีพนี้เลี้ยงชีพ สร้างพยาบาล และสร้างคุณงามความดีมากมาย ถ้ามองดิฉันในภาพของพยาบาลดิฉันว่าดิฉันว่าดิฉันทำได้อย่างสมบูรณ์ แต่อีกภาพนึงของความเป็นผู้หญิง ความเป็นตัวตนของดิฉัน ดิฉันอาจทำอะไรไม่ดีมากมาย เพระดิฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่ยังมีกิเลส มีอารมณ์ และยังไม่หลุดพ้น เพราะฉะนั้นเวลาตัดสินคนหนึ่งคนขอให้ตัดสินจากความเป็นตัวตน หรือ individual ของคนคนนั้นอย่าไปตัดสินจากหมวกที่เค้าสวม เพราะมีอีกหลายร้อยหลายพันคนในสังคมที่สวมหมวกใบเดียวกับเค้า เพราะไม่อย่างนั้นจะมีคนอีกหลายร้อยหลายพันคนที่โดนพิพากษาโดยบริสุทธิ์ ดิฉันจำได้ตั้งแต่เริ่มออกจากบ้านมาใช้ชีวิตในสังคมสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ดิฉันพร่ำสอนตลอดคือห้ามสนทนา หรือ debate ในเรื่องที่ sensitive เช่น ศ่าสนา การเมือง และวิชาชีพ ยังมีเรื่องอื่นๆ สวยงามในสังคมให้เราพูดคุยถึงอีกมากมายนะคะ ถ้าเราเปิดใจให้กว้างมากขึ้นเราจะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีคุณค่าในตัวมันเองทั้งสิ้น ถ้าไม่มีคนไม่สวยเราก็คงไม่รู้ว่าคนสวยเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีความชั่วก็คงไม่มีใครรู้ว่ามีความดี หรือถ้าไม่มีความสกปรกเราก็คงไม่รู้ว่าความสะอาดเป็นอย่างไร bye bye ค่ะ ขอตัวไปทำงานในวันพักผ่อนอันแสนสุขก่อนนะคะ

Posted by : สาวน้อยสีชมพู , Date : 2004-03-13 , Time : 08:22:37 , From IP : 192.168.33.249

ความคิดเห็นที่ : 131


   ที่ผู้ใหญ่เตือนเรื่องหัวข้อที่พึงหลีกเลี่ยงในการสนทนาได้แก่ การเมือง ศาสนา สถาบันนั้น มีเหตุผลอยู่ครับ เพราะเรื่องประเภทนี้มี "ความเสี่ยง" ที่จะโดนกระทบกับ "คุณค่า" ของส่วนตัวบุคคล และความขัดแย้งที่กระทบ "คุณค่า" แบบนี้มี "ความเสี่ยง" ที่การอภิปรายนั้นๆจะไม่อยู่ในกรอบ "เหตุผล" และใช้ "อารมณ์" แทน

แต่ความทุกข์ต่างๆนั้น เราจะพบว่าการหลบเลี่ยงนั้นไม่ใช่วิถีที่ถาวร และไม่ได้ทำให้มันไม่เกิดปัญหาขึ้น เมล็ดพันธุ์บางชนิดปล่อยทิ้งไว้มันกลายเป็นวัชพืชและแย่งอาหารจากรากแก้วรากแขนงของเมล็ดพันธุ์หลัก ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ ถ้าเรา "ตั้งใจ" จะให้การอภิปรายเกิดประโยชน์ ถึงแม้จะเป็นสามเรื่องที่ว่า เราก็สามารถพอจะหามาตรการที่จะช่วย "ลดความเสี่ยง" ของสิ่งไม่พึงปราถนาลงได้

แหละนั่นคือที่มาของ "Be mature, be positive, and be civilized" สมาคมที่จะอภิปรายเรื่องนี้ได้ สมาชิกต้องถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติอย่างที่ว่า ซึ่งก็คล้ายๆคุณสมบัติของบัณฑิตที่เราพูดถึงกันมาหลายครั้งแล้ว ได้แก่ ความรู้เรื่องที่สนใจ ความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม และการถึงพร้อมซึ่งการแสดงออกที่งามทั้งกายวาจาใจ การ debate ที่ดีนั้น เรา debate ของที่อยู่บนโต๊ะ idea ที่อยู่บนผืนผ้าใบ และปลด attachment ของ "คุณค่า" ในความเชื่อนั้นๆออกไปก่อน เพื่อที่สมองเราจะได้มี "ที่ว่าง" รับความคิดเห็นของผู้อื่น ทำอย่างนี้ emotional attachment and reflection จะลดน้อยลง เหตุผลจะเป็น theme และ only tool ที่ทั้งสองฝ่ายใช้

ที่ผมว่ามานี้เขาทำกันจริงๆครับ และในสถาบันการศึกษาที่ knowledge is VIRTUE นั้น การทำแบบนี้เป้นวิธีเดียวที่ innovation หรือ breakthrough ทาง science จะเกิดขึ้นมาได้ ผมคิดว่าเราก็มี "ศักยภาพ" ที่จะทำแบบนั้นเหมือนกัน (หรืออย่างน้อยก็เป้น optimism ของผมว่าเรามีเหมือนกัน)



Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-13 , Time : 20:10:27 , From IP : ppp-203.118.117.204.

ความคิดเห็นที่ : 132


   โพสมาร้อยกว่าแล้ว...

สุดท้ายผมยังไม่รู้ว่า คุณวิชาญ มาโพสในกระทู้นี้ทำไม...

แถมโพสครั้งแรก โดยใช้นามปากกา คนหาดใหญ่ ทำเป็นเอาบทความของตัวเองที่ตีพิมพ์ในหนังสือมาโพส แล้วต่อมาพอคุณเด๋อ สงสัย IP ก็มายอมรับว่าโพสเอง...

ตกลงว่า เขาเข้ามาโพสเพื่อ ต้องการกระแส ต้องการคนซื้อหนังสือพิมม์ใช่มั้ย...

ไม่ใช่บรรณาธิการข่าวธรรมดาๆนะ ...

กระดานข่าวนี้ดีอย่างตรงที่ชอบมีคนมาใช้ชื่อแปลกๆ แอบโพสโน่นโพสนี่ จับไม่ค่อยได้ แต่พอจับได้แล้วนี่.... เสียงชื่อ เสียเครดิต (เสียหมาด้วย) ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของพวกชอบปั่นกระทู้อย่างพี่ dead ว่า...



Posted by : สะหนี่พอ , Date : 2004-03-13 , Time : 22:47:44 , From IP : 172.29.4.201

ความคิดเห็นที่ : 133


   คุณ บก. (วิชาญ) ..... อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่อง ... จริงๆแล้วคุณเป็นคนชอบโกหก คุณไม่ใช่ คนหาดใหญ่ แต่เป็นคน นครศรีฯ...แสดงว่าชอบโกหก จริงๆ
คนหาดใหญ่ รักอาจารย์ท่านนี้กันทุกคน ....นะจะบอกให้


Posted by : คนหาดใหญ่ตัวจริง , Date : 2004-03-16 , Time : 22:51:07 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 134


   แน่จริงขอเชิญไอ้วิชาญออกมาปรากฎตัวและนำข้อมูลที่มีมาพิสูจน์ความจริงกัน ดีกว่าเอากระโปรงแม่มาคุมหัวอยู่ ถ้าโกหกจะได้ดำเนินการทางกฏหมายซะเลย เพราะมีหลักฐานหลายอย่างที่บ่งว่ากำลังโกหกอยู่ ถ้าคิดว่าตัวถูกจริงก็ออกมาปรากฎตัวพิสูจน์ความจริงและนำตัวเจ้าทุกข์ตัวจริงออกมาด้วยนะ

Posted by : เบื่อนักข่าว , Date : 2004-03-16 , Time : 23:16:31 , From IP : 202.183.159.105

ความคิดเห็นที่ : 135


   เราเป็นคนนครศรีธรรมราช และอาจารย์หลายท่านในที่นี้ก็เป็นคนนครหรือมีภรรยาเป็นคนนคร แต่ไม่โกหกนะคนหาดใหญ่ กรุณาอย่าทำเรื่องจังหวัดให้เป็นเรื่องใหญ่ไปอีกเรื่องนะ แค่ประเด็นนี้ก็ใหญ่พออยู่แล้ว คนจังหวัดไหนๆ ก็รักอาจารย์กันทั้งนั้นแหละไม่รู้เหรอ ภาวนาให้คุณที่ใช้ชื่อว่าคนหาดใหญ่ตัวจริงไม่ใช่หมอนะไม่งั้นเสียใจแย่เลยที่มีความคิดคับแคบอย่างนี้ สมเพชจริงๆ พี่ Phoenix ว่าไง เราไม่ค่อยใจเย็น เลยขอความเห็นพี่แบบคนดีๆ เค้าคิดกันน่ะ

Posted by : คนนคร , Date : 2004-03-17 , Time : 15:11:34 , From IP : 172.29.3.107

ความคิดเห็นที่ : 136


   

ผม วิชาญ ช่วยชูใจ เข้ามาอัพเดทกระทู้ให้ใหม่ ขอเชิญเข้ามา่้ร่วม
เสวนา วิจารณ์ และด่ากันได้เต็มที่ ไม่ต้องเป็นห่วงผมเข้ามาอ่านทุกวัน ด้วยความยินดียิ่ง

วิชาญ ช่วยชูใจ



แพทย์ไร้จรรยาบรรณ

ไร้จรรยาบรรณ



ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสมิหลาไทมส์ มีโอกาสได้สัมผัสและรับทราบถึงเรื่องราวหนึ่งอย่างใกล้ชิด เรื่องราวนี้ทำให้เราเกิดคำถามมากมายและ ขาดความเชื่อมั่นอย่างสูงยิ่ง ว่าในปัจจุบันจะมีแพทย์ที่ยึดมั่นอยู่ในจรรยาบรรณสักมากน้อยเท่าไร ?

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ มีนายแพทย์มือศัลยกรรมมือหนึ่ง ระดับอาจารย์แพทย์ ประจำโรงเรียนแพทย์ชื่อดัง กับผู้ป่วยหญิงชรา ฐานะปานกลาง ที่เป็นก้อนเนื้อในเต้านม และนี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น....

โปรดพิจารณาดูว่า ที่เรากล่าวหาแพทย์คนนี้ว่า "เงินสำคัญกว่า จรรยาบรรแพทย์ และแพทย์คนนี้ ก็ไม่เหมาะสมจะเป็นอาจารย์แพทย์"นั้นเหมาะสมหรือไม่ ?

หญิงชรา พบก้อนเนื้อผิดปกติ ในเต้านม จึงไปพบแพทย์คนดังกล่าว เพราะได้รับคำโฆษณาชวนมาก่อนหน้านี้ว่า เป็นแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ เป็นอาจารย์แพทย์สอนนักเรียนแพทย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะดีจริง และที่สำคัญที่สุดน่าจะสามารถช่วยเธอให้หลุดพ้นจากโรคร้ายที่ใครๆ ก็หวาดกลัวได้

เธอไปพบแพทย์คนดังกล่าวที่คลีนิคส่วนตัว ในเมืองหาดใหญ่ อาจารย์คนนี้ตรวจสอบก้อนเนื้อซึ่งเบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมะเร็งจริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนด้วยวิธีทางการเมืองอีกครั้ง ....

แต่สิ่งหนึ่ง..ที่เรารับไม่ได้ก็คือ ค่าใช้จ่ายที่แพงมหาศาลที่แพทย์คนนี้เรียกร้อง เป็นค่าวิชาและค่าฝีมือของตัวเอง ที่จัดได้ว่าเป็นมือศัลยกรรมระดับอาจารย์แพทย์ รวมทั้งค่าห้องผ่าตัด และค่าเครื่องมือแพทย์ รวมแล้วมากกว่า 150,000 หมื่นบาท

และที่สำคัญแพทย์คนนี้ ยืนยันว่าตนจะต้องผ่าในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่เท่านั้น จะไม่ผ่าที่โรงพยาบาลรัฐ ทั้งๆ ที่ตนเองก็รับราชการและเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่นั่น และหากผ่าที่นั่น หญิงชราคนนี้ ก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมากมายมหาศาล

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เกิดอะไรขึ้น ?

หญิงชรา กลับบ้าน มาปรึกษาลูกๆ เพื่อนฝูง และคนอื่นๆ ที่รู้จัก เพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ว่าจะทุ่มเงินเฉียด 2 แสนผ่าตัด กับอาจารย์แพทย์คนนี้หรือไม่ ? เพราะหากเธอตัดสินใจผ่า เท่ากับว่าทั้งชีวิตที่เหลืออยู่เธอก็คงยังจ่ายหนี้ค่าผ่าตัดไม่หมด !

มีที่ไหนจะแพงมากมายมหาศาลขูดรีดทารุณ เหมือนผ่าตัดกับอาจารย์แพทย์คนนี้ ! หญิงชรา เลยตัดสินใจขึ้นไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็เป็นความจริงจริง ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าที่แพทย์คนนี้บอกมามากกว่าครึ่ง

ที่น่าอเน็จอนาจ !! ไปกว่านั้น เมื่อทราบว่าหญิงชราคนดังกล่าวจะขึ้นไปผ่าตัดรักษาตัวที่กรุงเทพฯ อาจารย์แพทย์ แสดงอาการหิวกระหาย และเสียดายเงินแสน ที่คาดว่าจะได้มาง่ายๆ ขึ้นมาทันที ด้วยการโทรศัพท์มาโน้มน้าวดึงดูดใจอีกหลายครั้ง เพื่อ ให้หญิงชราไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนที่ตนทำงานรับใช้อยู่

ถึงกับออกปากว่าค่าผ่าตัด ตนยินดีให้จ่ายด้วยวิธีการผ่อนเป็นงวดๆ ก็ได้ ในเบื้องต้นให้จ่ายเฉพาะค่าเช่าห้องและเช่าเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการผ่าตัดให้กับโรงพยาบาลเอกชนไปก่อน

และยิ่งแสดงอาการไร้จรรยาบรรณมากขึ้น ด้วยการบ่ายเบี่ยงที่จะให้ข้อมูลใดๆ ที่ตนเองตรวจไว้ในเบื้องต้น เมื่อหญิงชราขอเพื่อไปให้หมอที่กรุงเทพ ฯ ใช้ประกอบการวินิจฉัยและรักษา ?

เราเกิดคำถามขึ้นมากมากมายว่า ..อาจารย์แพทย์ ศัลยกรรมมือหนึ่งคนนี้ ได้เปอร์เซนต์จากการผ่าตัดและเปอร์เซนต์จากการหาลูกค้าซึ่งเป็นคนไข้ให้โรงพยาบาลเอกชนครั้งละเท่าไร?

แพทย์คนนี้ กับโรงพยาบาลเอกชน ฮั้วกันใช่หรือไม่ ?

แพทย์คนนี้เบียดบังเวลาราชการไปแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองหรือไม่ ?

แพทย์คนนี้เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตหญิงชราคนหนึ่งหรือไม่ ?



*** ที่มา บทบรรณาธิการ นสพ.สมิหลาไทมส์ ฉ.วันที่ 6-12 กุมภาพัน์ 2547

Posted by คนหาดใหญ่(-) 2004-03-05 , 20:30:39 , 203.154.27.205






น่าเห็นใจคุณป้าคนนี้ครับที่ได้เจอประสบการณ์แบบนี้ ที่จริงหมอในหาดใหญ่ยังมีอีกเยอะ เฉพาะใน รพ.หาดใหญ่และมอ.สองที่ก็เหยียบพันคน ผมยังเชื่อว่าถ้าคุณป้าคนนี้ไม่ผิดหวังกับหมอคนนี้มากเกินไป เข้ามาที่รพ.รัฐ จะมีโอกาสที่ได้รับรักษาและดแลตามที่ได้คาดหวังไว้อยู่

จะเห็นว่าพฤติกรรมของหมอแค่บางคนก็เพียงพอที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความไม่มั่นใจและสะเทือนใจต่อหมอทั้งโรงพยาบาลหรือแม้แต่ทั้งจังหวัดได้



Posted by Phoenix() 2004-03-05 , 20:40:13 , 172.29.3.241






เรื่องอย่างนี้ต้องฟังหูไว้หูครับ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ เพราะอาจเป็นการยืมมือหนังสือพิมพ์จัดการกับศัตรูได้ครับ

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเป็นเรื่องจริงนะครับ ผมมองว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะแพทย์ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ย่อมยังมีกิเลศอยู่ในตัวทั้งนั้น อีกทั้งเงินก็เป็นสิ่งหอมหวาน หากรู้สึกว่ามันได้มาโดยง่าย ก็อาจทำให้ปีศาจที่อยู่ในใจมันโผล่ออกมาก็ได้

ถ้าหญิงชราคนนั้นมีตัวตนจริง ผมว่าน่าจะออกมาให้ข่าวอย่างจริงจังไปเลย ว่าเขาเป็นใคร หมอคนนั้นเป็นใคร จะได้ไม่ต้องมาเดาสุ่มกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ข่าวเต้า

แต่ก็คงเหมือนอาจารย์นกไฟว่าแหละครับ ยังมีศัลยแพทย์อีกหลายคนที่พร้อมจะแสดงให้คุณป้าหญิงชรารู้ว่า หมอที่ดีๆก็ยังมี แอ๊ปเปิ้ลลูกอื่นบนต้นอาจจะไม่มีหนอนไชอยู่เหมือนลูกในมือก็ได้ครับ



Posted by กะหลั่วเป็ด() 2004-03-05 , 21:11:38 , 203.156.23.198






เรื่องนี้ คือเรื่องจริงครับ ตอนนี้หญิงคนดังกล่าว รักษาตัวอยู่ที่ศูนย์ มะเร็งกรุงเทพ จะเข้ารับการผ่าตัด ในวันพฤหัสบดี ที่จะถึงนี้ หมอคนที่เขียนถึงในบทบรรณาธิืการนี้ทำงานเอกชน นอกเวลา อยู่ที่โีรงพยาบาลบนถนนคลองเรียน

และหมอคนนี้ก็เปิดคลีนิคอยู่บริเวณหน้า ตลาดฉื่อฉางกลางเมืองหาดใหญ่



Posted by บก.สมิหลาไทมส์() 2004-03-05 , 21:25:38 , 203.154.27.205






IP เดียวกับคนตั้งกระทู้เลยนะครับ คุณ บก. น่าแปลกดีนะครับ โฮะๆๆๆ

Posted by เด๋อ() 2004-03-05 , 22:23:48 , 172.29.4.89






ผมคิดว่าประเด็นที่สำคัญในเรื่องนี้มีสองประเด็น หนึ่งคือพฤติกรรมที่เหมาะสมในการสื่อสารและปฏิบัติของแพทย์ และสองคือการเสนอเรื่องที่มีการตรวจสอบแล้วจาก "ทั้งสองฝ่าย" ก่อนที่เราจะสรุป ประเด็นแรกผมด้แสดงความเห็นไปแล้ว จึงขอแสดงความเห็นในประเด็นที่สอง

ดังที่ทุกคนน่าจะรู้สึกหลังจากอ่านบทความครั้งแรกคือผู้ป่วยรายนี้ไม่พอใจในการติดต่อระหว่างเธอกับแพทย์คนนั้น และถ้าเราจะมองไปถึงความหมายที่กว้งไปกว่านั้นคือหลายๆคนจะคาดว่าเธอมีความรู้สึกว่าหมอคนแรกไร้จรรยาบรรณ ทีนี้เราเคยมีเรื่องทำนองนี้มาเรื่อยๆในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสื่อต่างๆ คำถามที่สำคัญคือเรื่องแบบนี้ควรที่จะมีการสืบสวนและฟังความจากทุกฝ่ายหรือไม่ก่อนที่จะมีการ "ตัดสิน"

ถ้าเราพูดถึง "จรรยาบรรณ" ของวิชาชีพ ผมคิดว่าทุกคนคงจะทราบน้ำหนักของคำๆนี้ค่อนข้างดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจรรยาบรรณแพทย์ หรือจรรยาบรรณนักหนังสือพิมพ์ คุณค่าพื้นฐานบางอย่างที่หลายๆอาชีพยึดถือเช่น "ความจริง" หรือ "ข้อเท็จจริง" เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมดอย่างที่คุณผู้ป่วยรู้สึกและเขียนในบทความ หรืออาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งของ "communication failure" เช่น มะเร็งเต้านม "บางชนิด" นั้น ยาเคมีบำบัดในขณะนี้แพงมาก ได้แก่ มะเร็งที่มี HER2 positive และต้องใช้ยา herceptin ราคา course (ปี) ละประมาณล้านกว่าบาท แต่ราคาค่ารักษามะเร็งเต้านมไม่ได้แพงอย่างนั้นทุกราย และ varied ได้เยอะมากตามระยะ ตามความต้องการการรักษา และตามผลการตอบสนอง การสื่อที่ไม่ดีสามารถทำให้ข้อมูลบางส่วนถูกข้อมูลบางชิ้นที่น่าตกใจกลบกลืนไปได้ รวมทั้งข้อแนะนำประการอื่นที่แพทย์ท่านนั้นให้แก่ผู้ป่วย ได้แก่ ทางเลือกที่จะมาที่ รพ.รัฐ และอาจจะได้การรักษาที่ถูกกว่า

ในขณะนี้เรายังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่เราได้ถูกขอให้เชื่อข้อมูลที่มีอยู่ และกำลังสรุปว่าแพทย์ท่านหนึ่งไม่มีจรรยาบรรณโดยยังไม่ได้สอบสวน หากแต่ใช้ channel โดยสื่อมวลชน

ผมว่าองค์กรแพทย์ หรือแพทยสภา สามารถจัดคณะกรรมการตรวจสอบที่จะได้รับข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะมีใครถูกตัดสิน และโดยที่ทั้งผู้ป่วยและแพทย์ได้รับความยุติธรรมอย่างที่สมควรจะได้ หลังจากนั้นค่อยให้การตีตราหรือตีค่าเกิดขึ้นจะดีกว่าหรือไม่ จะดีกว่าการที่ทำเหมือนปกปิด identity ของแพทย์ท่านนั้นแต่ก็บอกมาเกือบจะทราบอยู่แล้วว่าเป็นใครหรือไม่? เราน่าจะช่วยกันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรือ่งจรรยาบรรณของอาชีพๆหนึ่ง ซึ่งความเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาโรค พอๆกับความแม่นยำและการตรวจสอบข้อมูลอย่างเคร่งครัดก็สำคัญต่อจรรยาบรรณของสถาบันฐานันดรที่สี่ เรามาทำตามตัวบทกฏเกณฑ์กันดีไหมครับ ในการจัดการเรื่องแบบนี้?



Posted by Phoenix() 2004-03-05 , 23:06:50 , 172.29.3.234






แย่นะครับ ถูกทุบอยู่ฝ่ายเดียว

Posted by เหอๆๆ() 2004-03-06 , 00:09:34 , 172.29.4.73






ผมเป็นคนที่เสื่อมศรัทธาต่อสถาบันหนังสือพิมพ์เป็นอย่างมาก ถึงกับอยากจะพูดว่าข่าวจากหนังสือพิมพ์เชื่อได้เพียง ไม่ถึงร้อยละ 10 และบางฉบับเชื่อไม่ได้เลย เพราะข้อเขียนทั้งหมดแต่งแต้มเติมสีไปหมด เพื่อนผมที่เป็นแพทย์เคยประสบปัญหาเรื่องการให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์เรื่องหนึ่ง แต่นักข่าวมีความสามารถเป็นอย่างยิ่งที่จะเขียนข่าวให้เป็นอีกเรื่อง และทำให้เพื่อนของผมเสียหายเป็นอย่างมาก นักข่าวเขียนเพื่อให้คนสนใจและหนังสือขายได้
ข่าวที่อ้างมานี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเชื่อถือได้หรือไม่ และผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง คงจะมีการเข้าใจผิดกันบางเรื่อง
1.ผู้ป่วยเองไม่เข้าใจเรื่องที่แพทย์อธิบาย
2. ผู้ป่วยเข้าใจแต่นักข่าวเขียนเรื่องให้มากขึ้น
3. นักข่าวไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่มีการสอบถามก่อน พอเห็นเป็นข่าวแบบนี้เรียกว่าเข้าทางหากินได้สบาย
4. นักข่าวเข้าใจแต่อยากเขียนให้เป็นเรื่อง
และอื่นๆ
ผมคิดว่าคงจะต้องฟังหูไว้หูและพิจารณาอย่างถ่องแท้เสียก่อน ก่อนที่จะตีประเด็นและบอกว่าแพทย์คนนั้นผิด เรากำลังใช้กระดานข่าวว่าคนข้างเดียว โดยที่ผู้เสียหายไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นจริงหรือไม่?
ผมคิดว่าอย่าวิจารณ์เรื่องต่างๆ เพราะความมันหรือความสนุกปาก หรือแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง และการบอกว่าแพทย์คนนั้นคือใครด้วยวิธีการดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมว่าเป็นการประจานคนอื่นโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่

Posted by เพื่อนแพทย์() 2004-03-06 , 00:33:28 , r87-skaHS1.S.loxinfo






คุณ เต๋อ..ไม่ต้องสงสัยเรื่อง ไอพี.เดียวกับคนโพสเรื่อง เพราะผม บก.สมิหลาไทมส์ โพสเอง

ใครอยากรู้ข้อมูลอะไรมากกว่านี้ โทรติดต่อได้ตลอดเวลา วิชาญ ช่วยชูใจ 06-7491212 แล้วจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงอย่างไร และหมอคนนั้นคือใคร และก็เจตนาที่จะเข้ามาโพสในเวปบอร์ดนี้ด้วย




Posted by บก.สมิหลาไทมส์(-) 2004-03-06 , 00:48:34 , 203.154.27.205






เรื่องนี้เป็นความจริงแค่ไหน อยากทราบเหมือนกันค่ะ เพราะทุกวันนี้เห็นว่าจริยธรรมแพทย์แย่ลงมากในสายตาของประชาชน อยากทราบว่าผู้อื่นมีความเห็นอย่างไรโดยเฉพาะการระบุตัวตนของอาจารย์แพทย์ท่านนี้ หากเจ้าของกระทู้รู้ข้อเท็จจริง"ที่เป็นจริง"ทั้งหมด โปรดช่วยกรุณาให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทู้นี้ทำให้เกิดความเสียหายกับทั้งตัวบุคคลและสถาบัน

เป็นไปได้ไหมที่....
- แพทย์ท่านนั้นอาจจะมีข้อจำกัด เช่น การผ่าตัดในแต่ละสาขาวิชาโดยที่ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
- แพทย์ท่านนั้นอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหลายด้านแต่เนื่องจากกฎเกณฑ์บางอย่างในการปฏิบัติงานด้านวิชาชีพศัลยกรรมอาจไม่อนุญาตให้แพทย์ท่านนั้นปฏิบัติงานในรพ.ของรัฐตามธรรมนูญองค์กรแพทย์
- แพทย์ท่านนั้นอาจจะไม่ได้เรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อค่าฝีมือ แต่รพ.เอกชนเองต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในหลายๆด้าน ซึ่งจริงๆแล้วค่าใช้จ่ายที่กล่าวมาถูกกว่าค่าใช้จ่ายในรพ.เอกชนที่กรุงเทพฯมาก
- แพทย์ท่านนั้นอาจอธิบายข้อมูลทุกอย่างที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องทราบหรืออยากทราบหรือควรทราบ แต่ไม่ได้ยกมาประกอบในบทความนี้

ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าเข้าข้างศัลยแพทย์ แต่เพียงอยากรู้ว่าแพทย์ผู้นี้ผิดจริยธรรมจริงเหมือนที่หนังสือพิมพ์และผู้เขียนกล่าวหาหรือไม่ เพื่อจะได้หยิบยกเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีในการปฏิบัติวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมอย่างที่สังคมต้องการ

และท้ายนี้ทั้งที่เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์มาแล้ว ทำไมถึงมาโพสต์วันนี้?


Posted by ศิษย์แพทย์คนหนึ่ง() 2004-03-06 , 01:03:25 , 203.113.76.72






สำหรับเรื่องเจตนาที่ทำเรื่องนี้ลงในที่สาธารณะ ถ้าไม่รังเกียจขอให้แถลงมาตรงนี้เลยดีไหมครับ ไหนๆก็สาธารณะไปแล้ว คำว่า "เรื่องจริง" นั้นมีมาตรฐานการสืบสวนและตรวจสอบอย่างไรบ้างครับ?

อีกประการหนึ่งคือไม่ทราบว่าคุณ บก. ได้สัมภาษณ์เพื่อรับฟังเรื่องจากปากของแพทย์ท่านนี้แล้วหรือยังครับ? หรือว่าได้ข้อมูลฝายเดียว?



Posted by Phoenix() 2004-03-06 , 01:08:39 , 172.29.3.242






เห็นด้วยกับคุณ Phoenix ค่ะ ท่านบก.ควรมาแจ้งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจนค่ะ

Posted by ศิษย์แพทย์คนหนึ่ง() 2004-03-06 , 01:16:22 , 203.113.76.72






นั่นสิครับอยากทราบข้อมูลที่ได้มาเป็นอย่างไร
และแหล่งข้อมูลเป็นใคร และวิธีการของข้อมูลเป็นอย่างไร

อย่าให้ผมโทรไปถามข้อมูล เจตนา หรือว่าเป็นใครเองเลยครับ เพราะว่าโพสตรงนี้ก็จะทำให้คนหลายคนได้ข้อมูลในคราวเดียวไม่ต้องโทรไปถามหลายครั้ง อย่างนี้จะดีไหมครับ

ตอนนี้ก็ขาดแต่เจตนาของคุณที่โพสที่นี่เท่านั้นเพราะว่าเป็นใครผมพอจะเดาได้ครับ ข้อมูลนี่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าน่าเชื่อหรือไม่เพราะว่าไม่ทราบวิธีการได้มาครับ

Posted by เหอๆๆ() 2004-03-06 , 01:43:09 , 172.29.4.73






เรื่องจะจริงเท็จอย่างไร คงจะต้องติดตามต่อไปเรื่อย ๆ ....
แต่สิ่งที่ประชาชนคนจนๆ ทุกคนอยากรู้ก็คือ...
1.อาชีพแพทย์คือผู้ที่มีหน้าที่ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยใช่หรือไม่
2.จรรยาบรรณและจริยธรรมของอาชีพแพทย์มีว่าอย่างไรบ้าง (ผู้เป็นแพทย์ทุกท่านคงจะทราบดีที่สุด...) เรื่องแปลกแต่จริง... อยู่หาดใหญ่มาหลายสิบปี ยังไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า ไปรักษากับหมอ...สิ เก่ง แถมค่ารักษา+ ค่ายา ถูกกว่าหมออื่น ๆ ตั้งเยอะ.... ไม่ทราบว่าหาดใหญ่มีหมอที่เก่ง ๆ และทำการรักษาเพื่อคนที่เจ็บป่วยจริง ๆ บ้างมั๊ย ช่วยแจ้งให้ทราบบ้างซิ เก่งทางด้านไหนก็ได้... เก่งและถูก ( ถ้าใครที่คิดจะตอบว่า ไป รพ.ของรัฐ สิ ไม่ต้องตอบนะครับ ขอบคุณมาก ) .... ทุกอาชีพทุกธุรกิจ เราสามารถหาคำตอบได้ว่า ที่นั่น...ที่นี่... ราคาถูก และคุณภาพดี จริงมั๊ย... แล้วคนที่อยู่ในอาชีพแพทย์ ไม่มีความรู้สึกแปลกบ้างเลยหรือว่าทำไมอาชีพของเราถึงไม่มีคำตอบดังกล่าวเหมือนอาชีพอื่น ๆ หรือเป็นเพราะ อาชีพแพทย์เป็นอาชีพผูกขาด คุณไม่พอใจก็ไม่ต้องมารักษา คุณไม่มีเงินก็ไปรักษาวิธีอื่นที่ถูกกว่า...
3.จุดประสงค์ที่สำคัญของการเปิดคลินิค คืออะไร 1.การตั้งหน้าตั้งตาโกยเงิน 2.การรักษาผู้ป่วยนอกเวลาราชการ 3. ถูกต้องที่สุดทั้ง 2 ข้อเลยค่ะ...
4.รัฐบาลออกโปรโมชั่นเอื้ออาทรมาหลายอาชีพแล้ว แต่คงจะลืมไปว่า นอกจากระบบ 30 บาท แล้ว ควรจะเร่งเปิดโครงการแพทย์เอื้ออาทร น่าจะดีที่สุด แพทย์ 1 คน 1 ตำบล เรียน ฟรี ตลอดหลักสูตร ไม่รู้ว่าชาวแพทย์ทั้งหลายจะว่าอย่างไรบ้าง...(คุณ Phoenix จะว่าอย่างไรบ้าง ตอบแบบชาวบ้านนะ ...วิชาการมากเกินตามไม่ค่อยทัน)



Posted by คนหาดใหญ่เหมือนกัน() 2004-03-06 , 02:33:18 , 202.183.151.120






ขออณุญาตตอบครับ

1.อาชีพแพทย์คือผู้ที่มีหน้าที่ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยใช่หรือไม่
แน่นอนครับ ผมเห็นแพทย์ในหาดใหญ่ก็ทำหน้าที่นั้นกันอยู่นะครับ

2.จรรยาบรรณและจริยธรรมของอาชีพแพทย์มีว่าอย่างไรบ้าง (ผู้เป็นแพทย์ทุกท่านคงจะทราบดีที่สุด...) เรื่องแปลกแต่จริง... อยู่หาดใหญ่มาหลายสิบปี ยังไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า ไปรักษากับหมอ...สิ เก่ง แถมค่ารักษา+ ค่ายา ถูกกว่าหมออื่น ๆ ตั้งเยอะ.... ไม่ทราบว่าหาดใหญ่มีหมอที่เก่ง ๆ และทำการรักษาเพื่อคนที่เจ็บป่วยจริง ๆ บ้างมั๊ย ช่วยแจ้งให้ทราบบ้างซิ เก่งทางด้านไหนก็ได้... เก่งและถูก ( ถ้าใครที่คิดจะตอบว่า ไป รพ.ของรัฐ สิ ไม่ต้องตอบนะครับ ขอบคุณมาก ) .... ทุกอาชีพทุกธุรกิจ เราสามารถหาคำตอบได้ว่า ที่นั่น...ที่นี่... ราคาถูก และคุณภาพดี จริงมั๊ย... แล้วคนที่อยู่ในอาชีพแพทย์ ไม่มีความรู้สึกแปลกบ้างเลยหรือว่าทำไมอาชีพของเราถึงไม่มีคำตอบดังกล่าวเหมือนอาชีพอื่น ๆ หรือเป็นเพราะ อาชีพแพทย์เป็นอาชีพผูกขาด คุณไม่พอใจก็ไม่ต้องมารักษา คุณไม่มีเงินก็ไปรักษาวิธีอื่นที่ถูกกว่า...

ตรงข้อนี่มีหลายประเด็นมากเลยครับ
เรื่องอยู่หาดใหญ่มาหลายสิบปี ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการได้ยินใครพูดเรื่องหมอเก่ง ค่ารักษาถูกนี่ครับ โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้ป่วยเอง มีญาติป่วย หรือมีความรู้เพียงพอที่จะตัดสินได้ว่าใครเก่ง และใครไม่เก่ง ขนาดหมอด้วยกันเองหลายครั้งก็ไม่สามารถบอกได้อย่างเต็มที่ว่าใครเก่งที่สุด (หากจะรวมเอาเรื่องค่ารักษาถูกด้วยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ครับ บอกยากมาก เก่ง+ถูก)

มีจรรยาบรรณเรื่องของการโฆษณาหน้าร้านของแพทย์ ก็ไม่ให้ขึ้นป้ายนะครับว่ารักษานี้นั้นนู้นกี่บาท ดังนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับว่าคนทั่วไปจะรู้ว่าคลินิคไหนถูกกว่าคลินิคไหน

แต่ผมว่าถ้าหากคุณอยากรู้ว่าหมอที่ไหนรักษาดี ถูก ลองไปตระเวนถามคลินิคทุกคลินิคในหาดใหญ่ดูนะครับ ผมว่าน่าจะได้คำตอบว่า รพ.รัฐแน่นอนครับ

3.จุดประสงค์ที่สำคัญของการเปิดคลินิค คืออะไร 1.การตั้งหน้าตั้งตาโกยเงิน 2.การรักษาผู้ป่วยนอกเวลาราชการ 3. ถูกต้องที่สุดทั้ง 2 ข้อเลยค่ะ...

หาเงินเลี้ยงครอบครัวสิครับผมว่าไม่เห็นจะผิดตรงไหน หรือว่าจะให้แพทย์ไปขายเต้าฮวยหลังเวลาราชการ ผมก็เห็นว่าไม่ค่อยสู้จะเหมาะเท่าไรนะครับ

4.รัฐบาลออกโปรโมชั่นเอื้ออาทรมาหลายอาชีพแล้ว แต่คงจะลืมไปว่า นอกจากระบบ 30 บาท แล้ว ควรจะเร่งเปิดโครงการแพทย์เอื้ออาทร น่าจะดีที่สุด แพทย์ 1 คน 1 ตำบล เรียน ฟรี ตลอดหลักสูตร ไม่รู้ว่าชาวแพทย์ทั้งหลายจะว่าอย่างไรบ้าง...

เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นที่ใหญ่มากนะครับ แพทย์เอื้ออาทรน่าจะดีครับ ถ้ามันสามารถแก้ปัญหาได้จริง แต่มันไม่น่านะ
1 ตำบลเรียนฟรีตลอดหลักสูตร ดีครับ จบแล้วกลับไปอยู่ตำบลนั้นตลอดชีวิตใช่มั้ยครับ ห้ามย้ายไปไหนด้วยรึเปล่าครับ หรือว่าห้ามออกนอกพื้นที่ตำบลนั้นเกิน 6 ชม จะได้แก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด

หรือว่าจะบอกว่าต้องใช้ทุนที่ตำบลนั้น 3-5 ปี หลังจากนั้นจะไปไหนก็ได้


โอยประเด็นมากเหลือเกิน เก็บไม่หมดทุกประเด็น รอคุณ pheonix ดีกว่า น่าจะเพิ่มอีกหลายประเด็น

Posted by เหอๆๆ() 2004-03-06 , 04:20:45 , 172.29.4.73






คุณเหอๆตอบได้ดีมากไปหลายอย่างแล้ว ผมขอเพิ่มในประเด็นจริยธรรมอีกสักนิดก็แล้วกัน

จริยธรรมหรือจริยศาสตร์มีหลักใหญ่สี่หัวข้อคือ
๑) การเคารพปัจเจกบุคคล ความเป็นคนที่มีความสามารถตัดสินใจและดำเนินชีวิตอย่างที่เห็นชอบแล้วของผู้ป่วย
๒) การคำนึงถึงโทษหรือผลเสียอันอาจจะเกิดแก่ผู้ป่วย
๓) การคำนึงถึงคุณประโยชน์อันอาจจะเกิดแก่ผู้ป่วย
๔) ความยุติธรรม

ทีนี้ "จรรยาบรรณ" จะเป็นกฏกติกามารยาทของวิชาชีพ อย่างที่คุณเหอๆว่ามาบางอย่างแล้ว แพทย์จะไม่โฆษณาสรรพคุณของตนเอง อาจจะให้ข้อมูลแค่ว่าเขาทำอะไร รักษาอะไรได้บ้าง แตจะไม่มีการทับถมหรือยกตนข่มท่านว่าใครดีที่สุด ใครไม่ดีที่สุด ใครตัดราคามีโปรโมชัน หรือขณะนี้ตัดไฝแถมดูดหนองฟรี ฯลฯ คล้ายๆกับของพระสงฆ์ที่จะไม่มี "อวดวิเศษ" ว่าอาตมาสำเร็จอรหันต์แล้ว อาตมามีฤทธิ์บอกหวยใบ้หวยเหาะเหินเดินอากาศได้ (แม้ว่าอาจจะทำได้จริงๆ) หรือหนังสือพิมพ์ (ฐานันดรที่สี่) จะสามารถมีรากฐานตามสี่ข้อของจริยศาสตร์ที่ผมว่าไว้ได้เลยคือเคารพปัจเจก ไม่จงใจทำอะไรที่เกิดผลร้ายโดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูล และให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่เสียก่อน เพราะอำนาจของสื่อมวลชนนั้นมากมายนัก อย่างในหนังเรื่อง spiderman นั่นแหละครับ The Greater the power, the higher responsibility"

เนื่องจากภาวะที่ "ห้าม" ไม่ให้มีการโฆษณาอวดวิเศษไปนอกเหนือจากบอกว่าทำอะไรได้บ้าง คุณคนหาดใหญ๋คงจะมีปัญหาแหละครับที่จะหาข้อมูล "โดยตรง" ที่มีคลินิกหรือ รพ.ประกาศอะไรทำนองนั้นออกมา พูดยังงั้นแล้ว แต่เรา "สามารถ" หาข้อมูลทางอ้อมได้หลายวิธีเช่น
๑) ถามเพื่อนฝูงญาติมิตร เคยรักษากับใครที่ไหนดีไม่ดีอย่างไร ผมว่าวิธีนี้ใช้ได้ระดับหนึ่งทีเดียว แต่ "ความชอบ" ของคนต่างกัน เพื่อนเรา ญาติเราอาจจะชอบไม่เหมือนเรา ต้องถามให้ดีว่าที่ชอบเพราะอะไร ชอบเพราะแต่งร้านดี ชอบเพราะพยาบาลสวยก็อาจจะไปคนละเรื่อง
๒) รพ.ของรัฐ ได้รับ subsidization (อืม...คือเงินที่รัฐบาลจ่ายสำรองเพื่อลดราคาต้นทุน และทำให้รพ. สามารถคิดเงินในราคาที่ย่อมเยาลงมาได้) จากรัฐ เพราะฉะนั้นโอกาสสูงมากหากคำนึงถึง "ค่าใช้จ่าย" รพ.ของรัฐจะถูกกว่า ตรงนี้ไม่เข้าใจว่าทำห้ามตอบรพ.ของรัฐ หากช่วยกรุณาขยายความเราอาจจะเข้าใจประเด็นของคุณคนหาดใหญ่ได้ดีขึ้น)
๓) ลองไปดูเอง อย่างที่เป็นหลักพื้นฐานของแพทย์คือ ผู้ป่วยมี autonomy นั่นคือความเป็นอิสระในการตัดสินใจ เพราะฉะนั้นคนไข้สามารถเดินเข้าไปถามรายละเอียดต่างๆก่อน แล้วก็ตัดสินใจว่าไม่เอาหละคลินิกนี้ไม่เหมาะกับฉัน เพราะฉะนั้นถามใครเรื่องความชอบว่าดีไม่ดีก็ไม่สู้ลองเองครับ เสียเวลาก็เหมือนกับที่เราจะปลูกบ้าน ซื้อเสื้อ ซื้อรถนั่นแหละ เรายังหาข้อมูลเป็นเดือนๆปีๆ ทำไมจะหาหมอที่เหมาะกับเราทั้งทีไม่ลงทุนให้มากกว่า ไม่เสียตังค์ หรืออาจจะเสียแค่ลองชิมลาง ไปตรวจร่างกายประจำปี ดูว่าหมอคนนี้มีอัธยาศัยอย่างไร charge เท่าไหร่ เท่าดวงดาวหรือแค่หลังคามุงจาก เราก็จะได้ข้อมูลที่เป็น first hand จริ_ๆ ไม่ต้องเชื่อโฆษณาของหมอ หรือคำเล่าลือจากเพื่อน

เปิดคลินิกเพราะอะไร?
ถ้าหมอมีเวลาว่างตอนเย็นแล้ว เขาก็อาจจะอยากจะใช้เวลาว่างอันนั้นทำประโยชน์ที่เห็นสมควรแก่ตนเองและครอบครัว เช่น ไป aerobic ไปสวนสาธารณะ ทำอะไรก็ได้ที่ถูกศีลธรรมและถูกกฏหมาย เปิดคลินิกก็เป็นประโยชน์ต่อหลายฝ่าย ต่อหมอ ครอบครัวหมอ และคนไข้มันก็แค่เป็นการใช้เวลาในชีวิตประจำวันอีก 2-3 ชม.หลังงานเลิกแหละครับ ไม่ทราบตอบแล้วถูกใจรึเปล่า

เรื่องเปิด รพ.แพทย์หรือขยายกำลังผลิตแพทย์นี่ผมทุกข์ทรมานในการวิเคราะห์มากพอสมควร อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ "ผลิตเพิ่ม" มันจะไปเจอตอตรง "คุณภาพ" เสมอ เรื่องนี้ผมว่าต้องแก้ที่ระบบ ต้องให้ระบบดีก่อน ส่วนอื่นๆจึงแก้ได้ ไม่งั้นมันจะเป็นการแก้ short-term และผลเสียมันจะยิ่งฝังรากลึก โผล่มาอีกทีตอก็ผุดทะลุพื้นบ้านมาแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ต้องย้ายบ้าน

ปัญาหาใหญ่คือเรื่องการกระจายของแพทย์ และการดึงให้แพทย์คงการกระจายนั้นไว้ พวกเราคงจะทราบว่า incentive หรือผลดีในการเป็นข้าราชการนั้นถูก ripped ออกไป โดยรัฐบาล ขณะที่ผลดีในการออกนอกระบบราชการก็ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ภาระงานต่างๆก็จะเริ่มแสดงน้ำหนักกดคนในระบบมากขึ้น ระบบประกันคุณภาพที่เน้นเรื่อง paperwork นั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนักกับคุณภาพ ตาราบเท่าที่ "วัฒนธรรม" คุณภาพยังไม่มีการปลูกฝังให้ได้ผล วัฒนธรรมคุณภาพในที่นี้ไม่ได้หม่ยถึง "process" ว่า ดูเหมือนเราทำอะไรมีคุณภาพ แต่เป็นตัว "คุณภาพ" จริงๆ ยกตัวอย่าง Communication Skill ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของวิชาชีพนี้ประการหนึ่งนั้น ไม่มีการสอนอย่างเป็นทางการ และใช้น้อยมากในวัฒนธรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน เคยอ่าน positive criticism หรือ "ติเพื่อก่อ" สักกี่มากน้อยในกระดานกระทู้แห่งนี้? พอปล่อยเป็นอิสระไม่มีใครรู้ว่าใครพูด ลักษณะของภาษากลายเป็นอย่างไร มีการย้อนยุคไปหาพ่อขุนรามฯมากน้อยแค่ไหน และการโจมตีตัวบุคคลเปนสัดส่วนสักกี่เปอร์เซนต์ของเนื้อหาใจความทั้งหมด?

คำถามเรื่องผลิตแพทย์เพิ่มนั้น โดยส่วนตัวยังไม่คิดว่าสำคัญเท่ากับคิดปรับระบบสาธารณสุขใหม่ และปรับหลักสูตรเน้นคุณภาพของบัณฑิตแพทย์ให้เรียบร้อยซะก่อน คิดให้จริงจังเราจะได้ทราบว่าด้วยทรัพยากรอาจารย์แพทย์ คนไข้ในรพ.โรงเรียนแพทย์ และบุคลากรเราเต็มที่ที่จะสอน จะแสดง จะผลิตบัณฑิตนั้นได้เต็มที่กี่คน จะสร้างอะไรก็ต้องสร้าง infrastructure นี้ก่อน ผลิตแพทย์ไม่ใช่ขยายโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือ ที่สร้างโรงงานเพิ่ม มีช่าง ก็ OK แต่สอนคนนั้นสำคัญเหมือนกับหาครูอนุบาล ครูประถมมัธยมแหละครับ ถ้าเราได้แต่คนที่คะแนนต่ำสุดในการสอบ Entrance เขาก็สอนลูกหลานเราได้แค่นั้น ถ้าเราได้แต่สร้างตึก แต่บีบอาจารย์แพทย์ออก ให้ผลิตแพทย์เพิ่ม ก็จะได้แต่ผลงานที่ถูกจำกัดด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้

คำตอบที่ผมให้ อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจก็ขออภัยด้วย ยินดีชี้แจงเพิ่มเติมตามสติปัญญาของผม ความเห็นผมแถวนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่หรอกนะครับ ต้องขอออกตัวไว้ก่อน



Posted by Phoenix() 2004-03-06 , 10:09:42 , 172.29.3.218






ผมอยากให้หมอในเมืองไทยลาออกให้หมอ แล้วให้พวกความคิดอย่างคุณคนหาดใหญ่เหมือนกันมาเรียนหมอจริงๆ อยากให้รู้ซึ้งซะบ้าง...

ขอโทษนะครับ ผมอยากจะบอกว่าคุณเป็นคนที่ใจแคบ ไม่มีความยุติธรรม มองโลกด้านเดียว และก็เห็นแก่ตัว...

ถ้าเปลี่ยนจากบอร์ดนี้เป็นที่อื่นละก็....ผมอยากยืมภาษาของพี่ บ.บู๋ แห่งสยามกีฬามาด่าคุณจริงๆ




Posted by ชอเอี้ยเอ้ย() 2004-03-06 , 10:13:53 , 172.29.4.186






ผมขอแสดงความคิดเห็นอีกมุมมองหนึ่งซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ เพราะผมก็มีสิทธิ์ที่จะคิดว่าคนหาดใหญ่อาจไม่ชอบแพทย์ท่านนั้น เคยเสียผลประโยชน์ หรือไม่พอใจเรื่องบางเรื่องพยายามจะทำให้แพทย์ท่านนั้นเสื่อมเสีย โดยเอาประเด็นที่อาจจะไม่มีส่วนของความเป็นจริง มาทำให้แพทย์ท่านนั้นเสียหาย เพราะการแสดงออกในรูปแบบนั้นบ่งบอกให้ผมชวนคิดอีกนัยหนึ่งได้เช่นกัน

Posted by คนสงขลา() 2004-03-06 , 11:12:36 , 172.29.2.82






ถูกแล้วครับ ขณะนี้เราได้ฟังเรื่องแค่มุมมองเดียว และผ่านทาง media โดยภาษาที่ค่อนข้างจะ sensationalize ไม่ใช่ในลักษณะ "รายงาน" ข่าว ผมคิดว่าเราหลายคนในที่นี้กำลังรอคำตอบที่ว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ผ่านการตรวจสอบอย่างไร และจากการให้การกี่ฝ่าย เพื่อที่เราจะนำมาประกอบการตัดสินความน่าเชื่อถือ เรื่องจรรยาบรรณเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นความยุติธรรมควรจะเป็นวิธีการที่ทุกฝ่ายยึดมั่นก่อนจะลงความเห็นหรือตัดสิน



Posted by Phoenix() 2004-03-06 , 11:55:19 , 172.29.3.218






ผมอยู่ไกลหน่อย "นครสวรรค์" แต่เข้ามาอ่านบ่อย จบ ปวส.ช่างยนต์ กระทู้นี้มีแต่คนพูดถึง"จรรยาแพทย์" ผมขอถามถึง"จรรยานักหนังสือพิมพ์"บ้าง ข้อมูลนั้นคุณหาจากทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ ประเภทใช้ชื่อย่อเพ่อป้องกันการถูกฟ้อง ลงข่าวเอามันไว้ก่อน พอถูกฟ้องก็ยอมความลงขอโทษตัวนิดเดียว อายกันบ้างไหม

Posted by ผ่านมา() 2004-03-06 , 13:15:03 , 210.120.128.117






หนังสือพิมพ์ ท. ชอบเขียนข่าวเท็จจากเรื่องหนึ่งให้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่แตกต่างจากหนังสือพิมพ์ ข ที่ชอบรับเงินเขียนข่าว หรือว่าหนังสือพิมพ์ ผ. ที่ขอนอนกับดารา และแบ่งปันให้กับหนังสือพิมพ์ ด

พวกนักหนังสือพิมพ์เป็นคนที่คบไม่ได้ และไม่ควรจะย่างกรายเข้าใกล้ชิดเพราะไม่เคยเห็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีจรรยาบรรณทางวิชาชีพเลย(เกือบร้อยเปอร์เซ้นต์)

ไม่รู้ว่ามีการเรียนจริยธรรมและมรรยาททางวิชาชีพของหนังสือพิมพ์หรือไม่



Posted by อ() 2004-03-06 , 13:26:07 , 203.113.76.74






เรื่องจริงหรือเปล่าก้อไม่รู้แล้วเอามาพูด

Posted by mickeymouse() 2004-03-06 , 13:34:10 , 172.29.3.222






คุณ บก ทำไมเงียบไปเลยละครับ


Posted by K() 2004-03-06 , 14:36:56 , 172.29.3.220






มีมาโพสไว้ตรงนี้ด้วย
http://www.hatyaitoday.com/cgi-bin/webboard/generate.cgi?content=5610&board=board_1

ยังไม่ค่อยเข้าใจเจตนาและจุดประสงค์ของคนที่.โพสกระท้สักเท่าไร
หรือว่า ....... ต้องการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อโปรโมตหนังสือพิมพ์ตัวเองหรือเปล่า
ถาม จากเพื่อนๆ มีคนบอกว่า นสพ ฉบับนี้ มี economic problem ด้วยละ

Posted by K() 2004-03-06 , 14:44:32 , 172.29.3.220






ไม่อยากทราบเลยว่าหมอผู้นั้นเป็นใคร เพราะจะไปเข้าทางนักข่าวที่อยากขายข่าวและอยากให้ทุกคนเป็นกลางทั้งคู่ เพราะทั้งแพทย์และนักข่าวนั้นต้องมี
จรรยาบรรณทั้งคู่ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนั่นคือเรากำลังทำให้มีเหยื่อของข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย คือแพทย์คนนี้ ที่ไม่มีโอกาสเลยสักนิดที่จะแก้ตัวไม่ว่าจะออกมาเปิดเผยตัวหรือไม่ก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องไม่จริง บาดแผลทางจิตใจนี้คงใหญ่หลวงนัก และคงไม่มีใครรับผิดชอบ
ถ้าวิเคราะห์ในเรื่องทั้งหมดเท่าที่มีมูล หมอคนดังกล่าวคงพยายามจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตนเองอยากบอกแก่คนไข้ โดยที่ไม่ได้ประเมินว่าคนไข้อยากรับรู้แค่ไหน มีpast experienceเกี่ยวกับโรคมาอย่างไร มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นในขณะมาพบหมอและในขณะที่ฟังหมอเล่าเรื่องของหมอ นอกจากนี้ผู้ป่วย มี personnal meaningของมะเร็งมาอย่างไร เมื่อหมอไม่ได้ประเมินการพูดของหมอไม่ว่าข้อมูลอะไรก็ตามจะไปลงในช่องที่คนไข้คาดหวังอยากได้ยิน แล้วส่วนที่ไม่คาดหวังจะได้ยินหล่ะก็ทำให้เกิดอารมณ์ และเมื่ออามณ์มาก็จะเลือกรับperceptionแต่บางส่วน เรื่องที่เล่าให้คนอื่นฟังหลังจากนี้ก็เกิดจากการรับรู้ของคนไข้นั่นเอง แล้วอะไรคือเรื่องจริงหล่ะ คนที่สามมาฟังเรื่องไม่ว่าจากคนไข้หรือหมอก็ผ่านขบวนการรับรู้เช่นกันแล้วมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่สามสี่ห้าหก......
อีกอย่างหมอคงต้องทราบว่าถ้าคนไข้คาดหวังกับการมาพบเรามากเท่าไรเวลาผิดหวังก็จะผิดหวังได้มากกว่าที่คาดหวังนัก

Posted by pisces() 2004-03-06 , 15:00:01 , 172.29.3.222








เหตุผลสำคัญที่ผม นำเรื่องราวนี้มาขึ้นโพสในเวปบอร์ดแห่งนี้ ก็เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่มีเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง และไม่มีเจตนา จะโจมตีหรือให้่ร้า้ยนายแพทย์ คนที่กล่าวถึง เพราะถ้ามีเบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือต้องการโจมตีนายแพทย์ คนนั้น

ทำไมผมต้องเปิดตัวออกมา โดยประกาศชัดเจนทั้งชื่อจริง นามสกุลจริง และเบอร์โทรศัพท์ สามารถตรวจาสอบและติดต่อผมได้ตลอด

ถ้าผมต้องการเล่นสกปรก หรือโจมตีให้ร้ายจริงๆ เรื่องอะไร ผมจะเปิดเผยตัวเองละ

ที่ผมเปิดเผยตัวเอง ก็เพื่อยืนยันว่าเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องจริง

ถ้าถามว่าทำไมผมไม่เปิืดเผยชื่อหมอคนนั้นออกมาเลยละ ผมบอกได้เลยว่ายังไม่ถึงเวลา

แต่ถึงผมไม่เปิดเผย ผมก็เชื่อว่า นักเรียนแพทย์ และแพทย์หลายคน ก็คงจะเดาออกแล้วว่า นายแพทย์ คนที่ผมกล่าวถึงคือใคร

ยิ่งไปกว่านั้น ผมยืนยันได้ว่าผมเป็นนักข่าวอาชีพ

ผมวิชาญ ช่วยชูใจ จบปริญญาตรี จาก คณะวิทยาการจัดการ ม.สงขลานครินทร์หาดใหญ่ รหัส 3336066

เรียนปริญญาโท ที่คณะเดิมรุ่นที่ 10 รหัส 4437851

ผมเป็นนักข่าวที่เดอะเนชั่นมานาน 3 ปี เป็นผู้บริหารในสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี.มานาน 7 ปี

ปัจจุบันลาออกมาทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อีก 3 ปี

ไม่จำเป็นอะไรเลยที่ผมจะต้องไปกล่าวร้ายป้ายสี นายแพทย์ที่ผมกล่าวถึง

ทุกคนลองตรวจสอบประวัติผมได้ เพราะผมเชื่อมั่นว่า แพทย์และพยาบาล ที่เรียน มอ.และขึ้นต้นด้วยรหัส 33 คงรู็จักผมบ้างไม่มากก็น้อย

เมื่อตอนเช้ามีแพทย์ศัลยกรรมโทรศัพท์มาคุยกับ ผมก็อธิบายไปอย่างนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าเขาก็เข้าใจ

ถ้าหากใครไม่เข้าใจ หรือสงสัยอะไร ตรงไหน พบกับผมโดยตรงก็ได้ ที่สำนักงาน หนังสือพิมพ์ สมิหลาไทมส์ 41 ถถนคลองเรียน 2 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันจันทร์ นี้เป็นต้นไป

Posted by บก.สมิหลาไทมส์(-) 2004-03-06 , 15:51:26 , 203.154.27.237






คุณวิชาญครับ

ผมคิดว่านักศึกษาแพทย์และแพทย์ส่วนใหญ่จะเดาได้เรียบร้อยแล้วว่าคุณกำลังพูดถึงแพทย์ท่านไหน ถ้าการทำอย่างนั้นมีผลต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลๆหนึ่งในสังคม โดยยังมิได้มีการสอบสวนให้เรียบร้อยก่อน ผมอยากจะเรียนถามคุณวิชาญว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือไม่?

กฏหมายเรานั้น persume innocent until proved หรือไม่? การราหน้าใครในที่สาธารณะนั้น ความเสียหายได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ผมยังสงสัยว่าทำไมคุณวิชาญถึงยืนยันว่าจะชี้แจงเหตุผลเป็นการส่วนตัวเท่านั้นล่ะครับ? ในเมื่อสื่อต่างๆในการรายงานผลทางลบอยู่ในที่สาธารณะเรียบร้อย ไม่ให้เหตุผลและวิธีการสืบสวนสอบสวนมาอยู่ในที่เดียวกัน ปัญญาชนทั้งหลายจะได้สามารถวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือได้ ส่วนใครเป็นคนพูดนั้นผมว่าไม่เกี่ยวเท่าไหร่เท่ากัน "หลักฐาน" และการ "สืบพยาน" โดยขบวนการยุติธรรมใช่ไหมครับ?

ผมอยากจะเรียนถามคุณวิชาญว่าการลงหนังสือพิมพ์ บอกเป็นนัยอย่างพอเพียงถึงบุคคลที่สามว่ามีความผิดจรรยาบรรณ โดยยังมิได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมนั้น เป็นการถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณฐานันดรที่สี่หรือไม่? ส่วนประวัติความเป็นมาของคุณวิชาญนั้นก็ขอบพระคุณที่ให้มาครับ แต่ไม่ได้ช่วย address คำถามที่หลายต่อหลายคนถามมาแล้ว คือคำถามข้างบน กับที่ว่ารายละเอียดที่คุณวิชาญสรุปว่าเป็นเรื่องจริงนี้นั้นมีแหล่งที่มาจากทั้งสองฝ่ายหรือไม่ ก่อนที่คุณวิชาญจะสรุปและลงตีพิมพ์ให้แก่สาธารณชนทราบ



Posted by Phoenix() 2004-03-06 , 16:13:14 , 172.29.3.248






คุณวิชาญ คุณกำลังจะทำอะไรเนี่ย งง

Posted by เด็กหาดใหญ่() 2004-03-06 , 16:55:12 , 203.113.76.71






เรื่องพฤติกรรมของนายแพทย์คนดังกล่าว ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นบทความที่บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พร้อมกับทั้งคำถาม ให้ทุกๆ คนที่ได้อ่านบทความหรือเรื่องเล่านี้ คิดกันเอาเองว่า นายแพทย์คนนี้มีจรรยาบรรณเพียงพอหรือไม่

ผมไม่ได้ตัดสิน หรือพิพากษาเลยว่า เขาไร้จรรยาบรรณ แต่ผมตั้งคำถามให้ทุกๆ คนได้ตอบ เมื่อประมวลเหตุการณ์จากเรื่องเล่าทั้งหมดที่ผมได้เล่าไป ด้านบน

โปรดอ่านโดยพิจารณากันอีกครั้ง

ผมถือว่าผมตั้งใจ และผมมั่นใจพอ ที่ผมเข้ามาโพส ใน เวปไซค์และในเวปบอร์ดนี้ เพราะคา่ดเดาได้ไม่ยาก ว่าคนอ่านเกือบทั้งหมด ก็เป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงของคณะแพทย์ศาสตร์นั่นแหละ

และผมก็เดาได้ไม่ยาก ว่าเมื่อมีการโต้เถียงกันขึ้นในเวปบอร์ดแห่งนี้ ผลสรุปจะออกมาเช่นไร

******หมายเหตุ


ยังมีเรื่องเล่าต่อ.....

คุณรู้มั้ย..หลังจากที่หญิงชราคนดังกล่าว ได้ตัดสินใจไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ พร้อมกับให้ลูกชายโทรศัพท์ ไปที่หมายเลข 01-8.........ซึ่งเป็นหมายเลขของหมอคนดังกล่าว เพื่อจะขอผลการตรวจ แมมโมแกรม จากหมอ เพื่อนำไปให้หมอที่กรุงเทพ ใช้ประกอบการวินิจฉัยโรค

ตอนแรกที่โทรเข้าไป นายแพทย์ คนดังกล่าวบอกว่าไม่ว่าง เพราะติดสอนนักเรียนอยู่

เมื่อลูกชายของหญิงคนดังกล่าว ถามกลับไปว่าแล้วเมื่อไรหมอจะว่าง ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า

"ยังไม่รู้ว่าจะว่างเมื่อไร" แล้วอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร นายแพทย์คนนี้บ่ายเบี่ยงที่จะให้ข้อมูลหรือไม่ หรือไม่พอใจที่หญิงชราคนนั้นไม่รักษากับตนเอง จึงแสดงอากัปกิริยาออกมาอย่างนั้น





Posted by บก.สมิหลาไทมส์(-) 2004-03-06 , 18:22:54 , 203.154.27.237






คุณวิชาญครับ

ขออภัยที่ถามไม่ชัดเจน ลองอีกที

๑) ข้อมูลดังกล่าวผ่านการตรวจสอบโดยเป็นธรรมอย่างไรบ้างก่อนที่หนังสือพิมพ์ลงโจมตีแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งไม่มีเครื่องมือเครื่องไม้อะไรในการป้องกันชื่อเสียงเลย

๒) การตัดสินจรรยาบรรณอาชีพของใครคนใดคนหนึ่ง โดยไม่ผ่านการสอบสวนเปนเรื่องยุติธรรมหรือไม่?

เหมือนกับการที่คุณวิชาญจะรู้สึกอย่างไร หากมีคนกล่าวหาว่าหนังสือพิมพ์ของคุณไร้จรรยาบรรณฐานันดรที่สี่ (ครับผมทราบว่าไม่ค่อยมีใครกล้ามาหาเรื่องกับหนังสือพิมพ์อย่างนี้ แต่เป็นการสมมติน่ะครับ) เพราะมีการลงความข้างเดียวโดยไม่ได้รับการสอบถาม สัมภาษณ์จากทั้งสองฝ่าย (กลไกความยุติธรรมมาตรฐานของทุกประเทศที่เจริญแล้ว)

การสื่อสารนั้นขึ้นอยู่กับ "บริบท" ของการสื่ออย่างมาก "เป็นไปได้หรือไม่?" ที่เร่องนี้เป็นความเข้าใจผิด หรือความล้มเหลวในการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยรายนี้? ขออนุญาตดึงการวิเคราะห์ข้างบนจากคุณ Pisces
ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนั่นคือเรากำลังทำให้มีเหยื่อของข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย คือแพทย์คนนี้ ที่ไม่มีโอกาสเลยสักนิดที่จะแก้ตัวไม่ว่าจะออกมาเปิดเผยตัวหรือไม่ก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องไม่จริง บาดแผลทางจิตใจนี้คงใหญ่หลวงนัก และคงไม่มีใครรับผิดชอบ
ถ้าวิเคราะห์ในเรื่องทั้งหมดเท่าที่มีมูล หมอคนดังกล่าวคงพยายามจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตนเองอยากบอกแก่คนไข้ โดยที่ไม่ได้ประเมินว่าคนไข้อยากรับรู้แค่ไหน มีpast experienceเกี่ยวกับโรคมาอย่างไร มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นในขณะมาพบหมอและในขณะที่ฟังหมอเล่าเรื่องของหมอ นอกจากนี้ผู้ป่วย มี personnal meaningของมะเร็งมาอย่างไร เมื่อหมอไม่ได้ประเมินการพูดของหมอไม่ว่าข้อมูลอะไรก็ตามจะไปลงในช่องที่คนไข้คาดหวังอยากได้ยิน แล้วส่วนที่ไม่คาดหวังจะได้ยินหล่ะก็ทำให้เกิดอารมณ์ และเมื่ออามณ์มาก็จะเลือกรับperceptionแต่บางส่วน เรื่องที่เล่าให้คนอื่นฟังหลังจากนี้ก็เกิดจากการรับรู้ของคนไข้นั่นเอง แล้วอะไรคือเรื่องจริงหล่ะ คนที่สามมาฟังเรื่องไม่ว่าจากคนไข้หรือหมอก็ผ่านขบวนการรับรู้เช่นกันแล้วมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่สามสี่ห้าหก......


ถ้าเกิดเป็นไปได้ที่การสื่อสารบางอย่างจากแพทย์ท่านนี้ ไม่ได้ส่งผ่านถึงผู้รับ และผู้รับที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งนั้น อาจจะไม่สามารถรับข้อมูลทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ เหลือแต่ข้อมูล negative (โดยธรรมชาติครับ theme ขอ_ตอนนั้นคงจะเป็นข่าวร้าย และข่าวร้ายเท่านั้น) เป็นไปได้หรือไม่? ที่ทางเลือกต่างๆ เช่น การรักษาที่ รพ.ของรัฐ ถูกเสนอมาด้วย หรือ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั้นเป็นการยกตัวอย่างในกรณีที่มีการฉายแสงและให้เคมีบำบัดบางตัว (ซึ่งบางอย่าง อย่างที่เรียนให้ทราบมันแพงมากกว่านี้ด้วยซ้ำ) และเป็นแค่ "ความเป็นไปได้" ที่ค่ารักษาจะถึงขนาดนั้น? คุณวิชาญเห็นว่า "เปนไปได้หรือไม่" ที่เหตุการณ์อาจจะเป็นทำนองนี้ ถ้าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกเราในที่นี้อยากทราบครับว่าทำไมคุณวิชาญถึงเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้

ข้อสำคัญคือเวลาคุณวิชาญลงข่าว ซึ่งคูรวิชาญบอกเองว่าขนาดนี้ก็เพียงพอให้คนรู้แล้วว่าเป็นใคร ทำไมคุณวิชาญจึงปฏิเสธในการให้เหตุผลประกอบในที่สาธารณะเช่นเดียวกัน? ทั้งๆที่ทำได้และทำไมจะชี้แจงเป็นรายบุคคลเท่านั้น? ที่ว่ามีศัลยแพทย์โทรมาหาคุณวิชาญ และเข้าใจนั้นก็เป็นการเสนอข้อมูลฝ่ายเดียวเหมือนเดิมอยู่ดี

หรือคำถามเหล่านี้ไม่สำคัญต่อเรื่องนี้ ไม่สำคัญต่อจรรยาบรรณนักข่าว ไม่สำคัญต่อจรรยาบรรณแพทย์ว่าควรจะต้องถูกสอบสวนในลักษณะอย่างไรก่อนจะตราหน้าใครในที่สาธารณะครับ?




Posted by Phoenix() 2004-03-06 , 18:48:21 , 172.29.3.253






ไม่อยากรู้คุณสมบัติที่มาของบก แต่คิดว่าควรจะ boycott สมิหลาไทม์

Posted by mickeymouse() 2004-03-06 , 21:58:26 , 172.29.3.222






.....พอเถอะครับคุณ Phoenix.....ผมอ่านกระทู้นี้มาตั่งแต่แรกที่ตั้งแล้วครับ....ผมถามอะไรคุณนิดสิครับ....."ไม่แปลกใจเหรอครับ...ที่ผมไม่ตอบอะไรเลย"......ลองคิดที่ผมถามดีๆนะครับ....ถ้านึกอะไรไม่ออก....ผมจะใบ้ให้...."วิธีนี้มันเก่าแล้วครับ"......



Posted by Death() 2004-03-06 , 22:28:28 , 202.133.188.192






ผมพอจะบอกได้ว่าถ้าจะมีแพทย์ที่คุ้นเคยและเห็นชอบกับการตัดสินใครลงที่สาธารณะโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมเป็นใครเหมือนกัน เพราะเราเคยเห็นตัวอย่างและการกระทำอย่างนี้มาเมื่อไม่นานนี้เอง ใช่ไหมครับ



Posted by Phoenix() 2004-03-06 , 22:55:48 , 172.29.3.221






อ่านข้อความของคุณบก. ยิ่งทำให้รู้ว่านักหนังสือพิมพ์นี่มีปากกาเป็นอาวุธจริงๆ ไว้ทิ่มแทงคนอื่น และยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเชื่อถือไม่ได้ ยิ่งส่าธยายประวัติของตัวเองยิ่งบ่งบอกให้รู้ถึงแก่นของตัวเองว่าเป็นเช่นไร ผมไม่แปลกใจที่ผมยังยืนหยัดคำพูดเดิมว่านักหนังสือพิมพ์เชื่อถือไม่ได้อย่างยิ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Posted by อ() 2004-03-06 , 23:21:40 , 203.113.76.71






ขอเสนอให้ปิดกระทู้ข่าวนี้ครับ อย่าให้นักข่าวได้ใช้เวทีนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างข่าวของตัวเองและเสียใจกับมอ.เป็นอย่างยิ่งครับ

Posted by อ() 2004-03-06 , 23:24:06 , 203.113.76.71






.....โอเค....ถ้างั้นเขียนต่อไปเลย....แสดงให้คนที่อ่านและคุณ บ.ก. เข้าใจความสามารถของคุณหน่อยสิครับ......ผมจะนั่งอ่านเงียบๆต่อหละครับ.....ขอโทษด้วยครับที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง.....



Posted by Death() 2004-03-06 , 23:46:48 , 202.133.188.192






ผมแปลกใจมากที่คุณสรุปออกมาว่าผมทำเพื่อแสดงความสามารถของผม

การที่มีการกล่าวหาพยาบาลลงกระดานข่าวโดยไม่มีการสอบสวนนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง อาจจมองเป็นเหมือนขิงกับข่า หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ผมนึกไม่ถึงก็คือการ approve เรื่องทำนองเดียวกันกับวงอาชีพแพทย์ คุณ Death คงไม่สนใจว่าใครเป็นใครและเสื่อมเสียแค่ไหนจากไอ้ "วัฒนธรรม" แบบนี้ รวมทั้งคนๆนี้อาจจะเป็นคนที่สอนคุณ Death มากับมือรึเปล่านั่นก็คงไม่สำคัญเหมือนกันใช่ไหมครับ?

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความสามารถของใครหรอกครับ ไม่มีใครอยากเอามือมาซุกหีบ ทะเลาะกับนักหนังสือพิมพ์นั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ผมเคยไม่เห็นด้วยกับการทำอย่างนี้กับพยาบาล ผมก็แสดงความไม่เห็นด้วยแบบเดิมเมื่อเกิดขึ้นกับหมอ



Posted by Phoenix() 2004-03-07 , 00:27:58 , 172.29.3.221






อ่านมาถึงตอนนี้แล้่วก็สะดุดกับข้อความของคุณ Death

ถ้าปล่อยนิ่งเงียบไว้เฉยๆแล้วมันจะดีหรือครับ

อย่างน้อยน่าจะสร้างประโยชน์ด้านการรับรู้และพิจารณาข่าวสารให้เกิดขึ้นจากกรณีนี้บ้าง
หรือไม่ก็ควรลบทิ้งตั้งแต่แรกเจอเลยทีเดียว

Posted by ArLim() 2004-03-07 , 00:49:10 , 203.113.76.75






เรื่องพฤติกรรมของนายแพทย์คนดังกล่าว ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นบทความที่บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พร้อมกับทั้งคำถาม ให้ทุกๆ คนที่ได้อ่านบทความหรือเรื่องเล่านี้ คิดกันเอาเองว่า นายแพทย์คนนี้มีจรรยาบรรณเพียงพอหรือไม่

ผมไม่ได้ตัดสิน หรือพิพากษาเลยว่า เขาไร้จรรยาบรรณ แต่ผมตั้งคำถามให้ทุกๆ คนได้ตอบ เมื่อประมวลเหตุการณ์จากเรื่องเล่าทั้งหมดที่ผมได้เล่าไป ด้านบน

จากข้อความข้างต้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณบก.ท่านนี้มีความไม่บริสุทธิ์ใจ และลำเอียงอย่างมาก ไม่เหมาะที่จะเป็นนักหนังสือพิมพ์เลย เนื่องจาก คุณฟังความข้างเดียว จากหญิงชราผู้นั้น ซึ่งไม่รู้ว่ามีการใส่ความแพทย์ท่านนั้นหรือไม่ และการที่คุณซึ่งไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลยนั้น ได้ลงข้อความหรือบทความป้ายสีผู้อื่น ในที่สาธารณะแบบนี้ ระวัง!!! จะโดนข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ ไม่อยากจะเหมาหรอกนะว่านักหนังสือพิมพ์ทุกคนจะเป็นแบบนี้แต่ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ ทำมาเป็นถามหาถึงจรรยาบรรณแพทย์ เคยถามถึงจรรยาบรรณนักหนังสือพิมพ์บ้างไหม ว่าตัวคุณเองมีมากน้อยแค่ไหน???

Posted by นอ ศอ พอ() 2004-03-07 , 00:55:32 , 172.29.4.185






มีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่อไปนี้ครับ
1.ประเด็นแพทย์เอื้ออาทร ของคุณคนหาดใหญ่เหมือนกัน
คิดเห็นอย่างนี้ครับ การผลิตแพทย์เพิ่มคงไม่ใช่ทางออกทั้งหมดของปัญหา ทุกวันนี้ต่อให้มีแพทย์แบบ 1 ตำบล 1 คน ก็คงไม่สามารถลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในชนบทลงได้เท่าไรนัก แพทย์ผู้นั้นก็ยังคงต้องรับงานหนักอยู่เช่นเดิม ตราบใดที่ยังไม่มีการจัดระบบให้ดีพอ(เป็นต้นว่าจัดการกระจายของแพทย์ด้วยการพัฒนาระบบสาธารณสุข)อย่างที่คุณลุงนกไฟท่านว่า
2.ที่อ่านมานี้ผมจะเชื่อถือได้เพียงไร ว่าเรากำลังตอบโต้อยู่กับใคร มีวัตถุประสงค์อะไรในการวางเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา คนที่มาpost

Posted by Scorpion() 2004-03-07 , 02:13:23 , 172.29.4.238






ต่อครับ
2.คนที่มา post เป็นบุคคลที่ได้มากล่าวอ้างไว้จริงหรือไม่หรืออาจจะเป็นเพียงใครสักคน ที่ต้องการสร้างความพิพาทให้เกิดขึ้นแก่บุคคลทั้ง 2 ฝ่าย
3.ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจจริง ควรมีการชี้แจงให้ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจร็งทั้งหมด ไม่ใช่มาโฆษณาหาดีใส่ตัวป้ายร้ายให้ผู้อื่น ทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการแต่งเติมเรื่องขึ้นมาหาความน่าเชื่อถือใดๆ มิได้ (บ้านเราว่านักเลงไม่จริงนะครับ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ไม่กล้าชี้แจง)
4. ว่ากันแบบไม่ Biasนะครับ ว่าหากมีการชี้แจงข้อเท็จ อย่างถูกต้องและเป็นธรรมเราก็คงสามารถสรุปกันได้ว่าผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกนะครับ หรืออาจมีเหตุการณ์เข้าใจผิดกัน อันนี้คงต้องชี้แจงกันอีกครั้ง





Posted by Scorpion() 2004-03-07 , 02:26:15 , 172.29.4.238






ตกลงพี่วิชาญ ได้ สัมภาษณ์ แพทย์ท่านนั้น หรือ ผู้บริหาร รพ. หรือยัง ถ้ายัง ก็ควรจะรีบไปติดต่อสัมภาษณ์ซะ ข่าวจะได้ดูน่าเชื่อถือ
อันนี้หวังดี เพราะประเด็นอยู่ที่ว่า คุณฟังความข้างเดียว และจะไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้เลย ถ้าข่าวนี้เป็นข่าวเท็จ
แต่คนไข้ก็แปลก รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีเงิน แต่ทำไมไม่มารักษาที่ รพ. ผมว่า ถ้าจะให้ดี คุณควรจะตีประเด็นนี้ด้วย ว่าทำไมผู้ป่วยในหาดใหญ่จึงเสื่อมศรัทธากับ สาธารณสุขของภาครัฐ
ขยันหาข้อมูลหน่อยครับ ข่าวที่ดีไม่ได้หมายถึง ข่าวที่แรง หรือ ข่าวที่ด่วนฉับไว แต่ควรจะเป็นข่าวที่ตรง ตรวจสอบข้อมูลได้ และมีการเปิดเผยแหล่งข่าว รวมทั้งสัมภาษณ์ ทั้งผู้รับและเสียประโยชน์


ปล. โต๊ะบอลใหญ่โตในหาดใหญ่ตั้งอยู่เส้นเดียวกับ ที่ทำการหนังสือพิมพ์ของคุณ ห่างกันไม่เกินสองร้อยเมตร มีไม่ต่ำกว่า สองร้าน เงินหมุนเวียนนับล้านบาท เคยมีพลเมืองดี แจ้งไปที่สถานีตำรวจแล้ว ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร

Posted by โซดา โค้ก() 2004-03-07 , 06:18:43 , 172.29.3.233






......เรียนคุณ Arlim.....
.....ปล่อยไว้ก็ไม่ดีหรอกครับ....เพียงแต่ถ้าคุณอ่านดีๆตั้งแต่แรกๆ....จะมี Keyword ที่กระชากให้คนเข้ามาอ่านอยู่ทั้งนั้น....มีการกั๊กข้อมูล...เพื่อให้คนสนใจ...ทำท่าว่าจะเปิดเผยข้อมูลบ้างหละ....เพื่อให้คนติดตาม....พยายามทำให้น่าเชื่อถือ....แล้วไง....นี่มันวิธีการปั่นกระทู้แบบโบราณ....ผมนั่งอ่านโดยพยายามไม่สนใจ....เพราะถ้าลงมาเขียนเมื่อไหร....จะเข้าวัตถุประสงค์ทันที....ลองอ่านดูทั้งหมดอีกรอบก็ได้ครับ.....ยิ่งมีคนสนใจมาก...ยิ่งมันส์....ตรงข้าม....ถ้าไม่สนเลย....เดี๋ยวไอ้ข้อมูลที่กั๊กไว้ก็จะปล่อยออกมาเป็นช่วงๆเพื่อเรียกคนให้สนใจ....สุดท้ายใครที่อดใจไม่ไหว...ก็จะตอบ....ไม่ว่าจะตอบอะไรก็ตาม....ทุกอย่างสามารถนำไปแปรเปลี่ยนเพื่อให้เข้าทางของการปั่นกระทู้ได้ทั้งนั้น....ยิ่งแสดงความเห็นมากๆ....ยิ่งพลาดมาก....ยิ่งมีโอกาสที่จะถูกย้อนรอยได้ง่ายมาก....แล้วที่สำคัญ....ลบกระทู้เหล่านี้ไม่ได้.....เพราะลบได้...มันก็ลงใหม่ได้....ลงที่เป็น 10 ยังได้เลย.....

.....พิสูจน์ง่ายๆ.....มีใครบ้างที่อ่านหัวข้อกระทู้แล้วจะไม่สนใจ???.....

......เรียนคุณ Phoenix....ถ้าคุณอ่านถึงตอนนี้แล้วยังอยากจะเป็นเครื่องมือของคนอื่น....ก็ตามใจครับ....คุณเอาชนะกระดานข่าวไม่ได้หรอกครับ....ถึงคุณจะปิดกระดานนี้ทิ้ง....มันก็มีกระดานอื่นอีกเป็นกอง.....ส่วนคุณจะตัดสินผมว่าเลวชั่วช้าอย่างไรในสายตาคุณก็ตามใจครับ....ในสายตาคนอื่น....ผมก็เป็นคนเลวอยู่แล้วครับ....ต่อให้ทำดีแทบตายแค่ไหน....ทำเลวสักครั้งก็จบครับ...สังคมมันก็แบบนี้หละครับ.....เชิญคุณเอาผมไปสอนคนอื่นได้เลย...."ดูไว้นะ...ไอ้ Death มันเลวอย่างไร....".....ถ้าผมจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างก็ยินดีครับ....เพราะผมไม่คิดว่าตัวผมเองมีค่าเท่าไรในสังคมอย่างนี้....ขอบคุณครับ.....



Posted by Death() 2004-03-07 , 08:23:51 , ppp-203.118.98.85.re






จนบัดนี้คุณก็ยังไม่เชื่อผมว่าผมไม่ชอบ label ใคร ใครจะดีจะชั่วขึ้นอยู่กับ "การกระทำ" และ "การแสดงออก" ไม่ต้องรอให้ใครตัดสินไม่ว่าจะเป็นผมหรือใครทั้งสิ้น

ผมไม่ได้ต้องการ "เอาชนะ" อะไรหรอกครับ เอาชนะนั่นมันเป็นเกม เป็นการละเล่น ถ้าเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่พอก็จะเลิกเอาชนะ เป็นคนมีหลักการและเหตุผล คุณอาจจะมองว่าทุกคนในที่นี้ตกเป็นเครื่องกระทู้ล่อเป้า แต่ผมคิดว่าผมคิดเหมือนๆกันหลายคนในทีนี้คือเรื่องนี้เราไม่ควรปล่อยและไม่สนใจ สาเหตุที่มีคนคิดว่าเรา "ไม่สามารถ" จะทำอะไรได้ ปรีบเปลี่ยนอะไรได้เพราะ "community" เราไม่แข็งแรง ไปหลงคิดว่าลัทธิอะไรนั้นแข็งแกร่ง ไปหลงคิดว่ากระดานข่าวชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าคุณอ่านคนที่เข้ามาวิจารณ์ในที่นี้ เขาไม่ได้คิดเอาชนะ แต่เชื่อมั่นว่าถ้าเรามีหลักการ และสามัคคี ชุมชนเราจะแข็งแรง และเป็นตัวอย่างต่อน้องรุ่นหลังได้ ไม่ได้ยังชีวิตแบบ inert

การแสดงออกของแต่ละคนนั้นมันกลายเป็นนายของเราทั้งสิ้น รวมทั้งความคิด ถ้าคุณคิดว่ากระดานข่าวเป็น invincible มันก็จะเป็น ถ้าคุณคิดว่าสังคมที่เหลวแหลกมันก็จะเป็น ถ้าคุณคิดว่าการตัดสินคนโดยไม่มีการพิจารณาสอบสวนให้ดีก่อนเป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับทำอะไรไม่ได้ คุณก็จะยอมรับและไม่ทำอะไรกับมัน มีคนมาอ่านเยอะในกระทู้นี้น่ะหรือ ก็ดีซิครับ การใช้กระดานข่าวแบบผิดๆ หรือ abuse สิทธิผู้อื่นนั้น คนจะได้ทราบว่าเรามีหนทางในการอภิปรายให้คนธรรมดาๆเห็นว่าเราควรจะจัดการกับข้อมูลข่าวสารอย่างไร คำถามอะไรคือกุญแจสำคัญในการที่เราจะรับข้อมูลมาวิเคราะห์ มาสรุป ในเรื่องนี้บทบาทของคุณว่าดีหรือเลวนั้นไม่ได้อยู่ในประเด็นของพวกเราเลย คุณออกจะ self referenced ไปสักนิด แต่ถ้าคุณจะ reflect ถึงการกระทำของคนอื่นในที่นี้ว่านอกเหนือจากเป็นการสนับสนุนกระทู้ล่อเป้าเท่านั้นอย่างที่คุณคิด คนเหล่านี้มีสติปัญญาพอที่จะทำเพราะสาเหตุอื่นที่คุณยังไม่ได้ทำความเข้าใจหรือไม่?

การนำเอาข้อมูลฝ่ายเดียวมานำเสนอแล้วสรุป ไม่ว่าจะใส่ไข่อะไรลงไปเท่าไหร่ แล้วมีคนรับไปเป็นเรื่องจริงนั้นเกิดขึ้นเยอะ และผมว่าเยอะเกินไปแล้ว พวกเราในสถาบันการศึกษา และอาชีพนี้เรายังชีวิตอยู่ได้ด้วยข้อมูล ข้อมูลที่คนไข้ให้เรา ข้อมูลที่เราให้คนไข้ ข้อมูลเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้มันมีมาตรฐาน ตรวจสอบได้ และเป็นความจริง เพราะการกระทำของเราจะมีรากฐานมาจากข้อมูลนี้เท่านั้น อ้อ..บวกกับเจตคติและความรู้ในอาชีพด้วย

แพทย์ท่านนี้อาจจะผิดอย่างที่ว่า จริงหรือไม่เราได้ยินข้อมูลข้างเดียว และคนส่งกระทู้ไม่ปราถนาจะอธิบายที่มาของข้อมูล ปฏิเสธในการชี้แจงกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เราก็ไม่สามารถจะสรุปอะไรได้ถึงแม้ว่าแพทย์ท่านนั้นจะผิดจริง เราก็จะมองเห็นว่าการ discredit ตัวเราเองโดยการนำเสนอข้อมูลนั้น แม้บางครั้งเป็นเรื่องจริงมันก็ทำให้คนไม่เชื่อถือได้ แต่ถ้าแพทย์ท่านนี้ไม่ผิดเป็นความล้มเหลวทางการสื่อสารเท่านั้น ถ้ามีคนหลงเชื่อข้อมูลนี้ไป ก็จะเป็นกรเสื่อมเสียต่อตัวแพทย์ท่านนั้นอย่างอยุติธรรมอย่างยิ่ง และจะมีผลกระทบต่อคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก สถานะในสังคม เหนือไปกว่านั้นก็คือ accountability ขอ_อาชีพของเรานั้นก็จะ vulnerable ต่อการสูญเสียความเชื่อถือง่ายขึ้นๆ ใครไม่พอใจแพทย์คนไหน ก็เดินไปหาหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ เล่าเรื่องต่างๆยืนยันว่าจริง สื่อเหล่านี้แค่ออกมาตีข่าวโดยไม่ต้องตรวจสอบ ไม่ต้องมีขั้นตอนสอบสวน กลายเป็นว่าสื่อทำหน้าที่เป็น พยาน ตำรวจ ศาล และเพชรฆาต ไปในทีเดียว

จรรยาบรรณวิชาชีพของเราเป็นสิ่งมีค่า และ worth fighting for การสอนนักเรียนเรา และทำให้ชุมชนของเราสามารถรับเรื่องราวอย่างมีหลักวิธีในการเชื่อไม่เชื่อเป็นเรื่องสำคัญมาก มากจนกระทั่งผมคิดว่าไม่ต้องไปสนใจกับเป็นล่อเป้าไม่ล่อเป้า เราต้อง take it seriously มากเท่าที่จะทำได้ เหมือนกับเรื่องความมั่นคงของชาติ สถาบันศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าเราคิดว่าล่อเป้าแล้วไม่ต้องไปแตะต้อง ไม่ต้องไปป้องกัน ผมว่าผลร้ายจะเกิดมากกว่าผลดี เราจะงอมืองอเท้าและยอมรับมันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ในที่สุดทุกๆสถาบันก็จะลดความสำคัญ ไม่มีค่าควรปกป้องอีกต่อไปเพียงเพราะแค่เรากลัวจะไปแตะกระทู้ล่อเป้าเท่านั้น

ก็เป็นทางเลือกของพวกเราเองในชุมชนแห่งนี้ คิดว่าอะไรมีค่า อะไรควรปกป้อง อะไรควรแสดงความเห็น แต่ทั้งหมดนั่นคือเหตุผลของผมที่ได้ร่วมอภิปรายในที่นี้




Posted by Phoenix() 2004-03-07 , 09:14:45 , 172.29.3.240






อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ

Posted by The Gunner() 2004-03-07 , 13:07:34 , medicine.psu.ac.th






อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ

Posted by The Gunner() 2004-03-07 , 13:08:06 , medicine.psu.ac.th






อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ

Posted by The Gunner() 2004-03-07 , 13:08:55 , medicine.psu.ac.th






คุณที่อ้างตัวว่าเป็น บก. ครับ ผมคิดว่าหลายคนที่ได้อ่านในกระดานข่าวนี้ คงอยากทราบข้อมูลที่แท้จริง แต่ในเมื่อคุณไม่เปิดเผย... ข้อมูลจริงๆ เขียนแต่บทความที่ใส่อารมณ์ ความคิดของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหามาก ดังนั้นเพื่อให้เรื่องราวมันกระจ่างชัด ผมใคร่อยากจะทราบข้อมูลของหญิงชราท่านนั้นครับ ไม่ทราบว่าคุณจะบอกเบอร์โทรบุตรชาย หรือบุตรสาวของเขาได้หรือไม่

เชื่อว่าในเมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ให้คุณ บก. ได้ (ซึ่งเขาน่าจะคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นเช่นไร) เขาก็น่าจะยินดีแจ้งให้เราในที่นี้ ทราบด้วยนะครับ..

สรุปผมคิดว่าการได้รับข้อมูลโดยตรงจากผู้เสียหายหรือญาติก่อนจะมีประโยชน์ต่อการอภิปรายและการดำรงอยู่ของกระทู้นี้อย่างมาก (ก่อนที่มันจะโดนลบ) เพราะ

1. ข้อมูลจากผู้เสียหาย จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ใจของคุณ บก. ว่าไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาให้ร้ายป้ายสีสร้างความเสียชื่อเสียงให้แก่ผู้อื่น หรือเพื่อเจตนาขายข่าว ขายหนังสือพิมพ์
2. ข้อมูลจากผู้เสียหาย จะได้ให้เราทราบว่าเรื่องราวจริงๆ เป็นอย่างไร เกิดจากการเข้าใจผิดกันหรือไม่ (ผมขออนุญาญตีความไว้ก่อนในตอนนี้ว่า เรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมดมันโป้ปดมดเท็จ)

ส่วน..ประวัติการเรียนหรือการทำงานหนังสือพิมพ์ ทีวี ที่คุณกล่าวมาทั้งหมด..ไม่ได้ช่วยให้ความน่าเชื่อถือของเนื้อความเพิ่มขึ้นมาเลย...
หากเอาคุณงามความดีของนายแพทย์ท่านนั้นในการเป็นแพทย์ รักษาผู้ป่วยนานมากกว่าครึ่งชีวิตมาเทียบกันแล้ว เด็กอนุบาลก็น่าจะบอกได้ว่าควรจะเชื่อใคร...

Posted by สะหนี่พอ() 2004-03-07 , 13:32:29 , 172.29.4.111






คุณ บก.หายไปไหนแล้วหรือว่าไม่กล้าสู้ความจริง
กล้าpost ให้ผู้อื่นเสียหายก้อน่าจะกล้าออกมายอมรับความจริงหรือจะเปลี่ยนใจไม่สู้แล้ว แต่สายไปเสียแล้วทำขนาดนี้ถ้าไม่ขอโทษปิดสำนักพิมพ์ไปเลยดีกว่า
ถ้าแพทย์คนที่คุณบก พยายามชี้นำเป็นคนที่ผมรู้จัก ขอบอกว่า ผมยังเคยได้รับความช่วยเหลือจากท่านเลย ไม่ได้เสียเงินด้วย มีแต่ความซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน

Posted by nutty() 2004-03-07 , 13:46:50 , 172.29.3.215






อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ

Posted by The Gunner() 2004-03-07 , 13:48:01 , medicine.psu.ac.th






อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ

Posted by The Gunner() 2004-03-07 , 13:48:05 , medicine.psu.ac.th






อ่านมาตั้งนาน นึกว่าเรื่องอะไรกัน ..เฮ้อ ..คนเราเนี่ยก็แปลก
เรื่องตัวเองมีกจะไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องคนอื่นโดยเฉพาะที่เขาว่าคนอื่นไม่ดียังงั้นไม่ดียังงี้
รู้กันดีนักแล ทั้งๆ ที่เป็นความจริงหรือ เปล่าไม่รู้ ...
บางทีหากผมอยากรู้เรื่องของผม เนี่ยสงสัยต้องไปถามผู้รู้แหล่ะว่าตอนนี้เรื่องของผมไป ถึงใหนแล้ว .
อ๋อ พี่วิชา ครับ ..ผมคงเป็นนักศึกษาตอนพี่เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าพี่เรียนปี 33
แต่ขอโทษครับ พี่ถ้า ผมจะบอกว่า ผมไม่รู้จักพี่ พี่เป็นใคร ____ผมก็ว่าผมรู้จักคนพอสมควรน่ะ
และสุดท้ายด้วยความเคารพครับพี่ เวรกรรมมันมีจริงครับ

Posted by The Gunner() 2004-03-07 , 13:48:27 , medicine.psu.ac.th






เพื่อความชัดเจนและยืนยันว่าคุณวิชาญไม่ได้รับรู้บิดเบี้ยว(false perception) ไม่ได้เลือกรับข้อมูลแบบอคติ(selection bias)เพื่อให้ได้ข้อมูลที่อยากให้เป็นไปตามthemeที่ว่าหมอไร้จรรยาบรรณแล้วหล่ะก็ ขอความกรุณาส่งหลักฐานทั้งหมดที่กล่าวอ้างว่ามีมูลไปยังองค์กรแพทย์ของคณะแพทย์แห่งนี้ให้ตรวจสอบได้ และที่สำคัญถ้าผลออกมาไม่ได้เป็นตามที่คาดไว้ดังthemeที่กล่าวหาไว้กรุณาแก้ข่าวให้ ที่สำคัญคงต้องยิ่งใหญ่กว่าครั้งนี้ เพราะที่คุณทำไว้มันหมายถึงคุณลบหลู่คุณค่าทางจิตใจของหมอคนที่คุณกล่าวหา และเท่านี้คุณก็ได้ข่าวไปเขียนมากพออยู่แล้ว

Posted by pisces() 2004-03-07 , 14:29:33 , 172.29.3.208






คุณวิชาญครับ

ผมคิดว่าการที่คุณปฏิเสธที่มาของข้อมูล ปฏิเสธการให้รายละเอียดในการตรวจสอบข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ความน่าเชื่อถือและจรรยาบรรณของฐานันดรที่สี่หรือสื่อสารมวลชนสูญเสียไป มันจะกลายเป็นวัฒนธรรมการใช้สื่อโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ไม่ต้องขึ้นศาลคุณวิชาญก็ตัดสินได้ว่าจะลงข่าวแบบไหน ลักษณะการลงข่าวอย่างที่ว่านั้น ผมไม่ทราบว่าคุณเรียกเป็นการรายงานเหตุการณ์เฉยๆได้อย่างไร เพราะมีทั้งการใช้คำ dramatize และ one-side อย่างชัดเจน ไม่เปิดโอกาสถึงความเป็นไปได้ที่แพทย์ท่านนั้นจะไม่ผิด หรือที่ว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิดของฝ่ายคุณป้าคนนั้นแม้แต่นิดเดียว

หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ แพทย์ท่านนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ลูกหลานของเราจะเติบโตขึ้นมาในสังคมแบบไหน? แบบที่ว่าไม่พอใจใครก็ใช้กฏหมู่ ใช้เสียงดังเข้าว่ารึเปล่า ในขณะนี้ก็มีการใช้กระดานข่าว และความที่ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลมาใช้ในการโจมตีตัวบุคคลให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เพราะคิดว่านี่เป็นนโยบายและวิธีที่ไม่มีทางแพ้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสนอความเห็น ซึ่งผมว่าทิ้งรอยคิดแบบนี้ในสังึคมเรานั้นอันตรายมาก ขนาดปัญญาชนยังเรียกวิธีนี้เป็น winning method แล้ว ผมว่าระบบการศึกษาเราคงจะกระทบกระเทือน เพราะนี่เป็นรากฐานที่บัณฑิตจะใช้ approach ข้อมูลประจำวัน ทั้งที่เราเรียนรู้ในบทเรียน ทั้งที่เรารับรู้ในเรื่องราวอื่นๆ

หากคุณวิชาญหวังดี และอยากให้กรณีนี้เปน case ตัวอย่าง ที่คุณ Pisces แนะมานก็เป็นวิธีที่ดีมากประการหนึ่ง ให้องค์กรแพทย์จัดการ สังคมแพทย์ก็ต้องการจะรักษา integrity หรือความน่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน เราจะได้เริ่มขั้นตอนต่างๆที่เหมาะสมตามครรลองของชุมชนที่เจริญแล้ว จะดีกว่าการเอาข้อมูลข้างเดียวมาโจมตีโดยไม่คำนึงถึงผลเสียของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างน้อยก็คิดถึงลูกหลานของคุณเองที่จะเติบโตและเลียนแบบบุรพการี ให้พวกแกโตมาในสังคมที่มีหลักการและศิวิไลซ์เถอะครับ



Posted by Phoenix() 2004-03-07 , 17:00:22 , 172.29.3.218






ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผม เพื่อนผมหลายๆคน "เคย" รู้สึกชื่นชมหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่บ้าง แต่วันนี้ มัน "หมด" ไปแล้วครับ เมื่อได้เห็นสันดานของ บก.
ที่ใช้อารามณ์เขียนข่าว "ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด" อนาคตคงมืดมนล่ะครับ คุณ บก.

Posted by พี่เดือด() 2004-03-07 , 18:00:15 , 172.29.4.123






ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผม เพื่อนผมหลายๆคน "เคย" รู้สึกชื่นชมหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่บ้าง แต่วันนี้ มัน "หมด" ไปแล้วครับ เมื่อได้เห็นสันดานของ บก.
ที่ใช้อารามณ์เขียนข่าว "ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด" อนาคตคงมืดมนล่ะครับ คุณ บก.

Posted by พี่เดือด() 2004-03-07 , 18:00:26 , 172.29.4.123






ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผม เพื่อนผมหลายๆคน "เคย" รู้สึกชื่นชมหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่บ้าง แต่วันนี้ มัน "หมด" ไปแล้วครับ เมื่อได้เห็นสันดานของ บก.
ที่ใช้อารามณ์เขียนข่าว "ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด" อนาคตคงมืดมนล่ะครับ คุณ บก.

Posted by พี่เดือด() 2004-03-07 , 18:00:33 , 172.29.4.123






เวบไซต์ของหนังสือพิมพ์นี้ครับ

สมีหลาไทม์







Posted by สะหนี่พอ() 2004-03-07 , 19:03:10 , 172.29.4.111






กรุณาอย่าเข้าใจผิด ว่าผมปฏิเสธในให้ข้อมูลหือรายละเอียดต่างๆ เกียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจะบอกให้ว่า...

การที่ผมให้สถานที่ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือประวัติส่วนตัวผมไปมากมายขนาดนี้แล้ว นี่ก็คือนัยยะสำคัญที่บอกได้แล้วว่า ผมพร้อมที่จะให้ข้อเท็จจริง ทั้งหมดแก่บุคคลที่ต้อง ซึ่งบุคคลคลนั้นต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องจริงๆ

ผมมองว่า สำหรับบนเวปบอร์ดนั้น ข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องประกาศชื่อหรือลูกหลาน ของผู้เสียหาย

หากใคร หรือสถาบันแพทย์ไหน ต้องการทราบอะไรมากไปกว่านี้ พรุ่งนี้ติดต่อผมได้ตามสถานที่ และัเบอร์ไทรศัพท์ ที่ให้ไว้

เพราะพรุ่งนี้

ลูกชาย ,ลูกสาว,และหญิงชรา คนที่กล่าวถึง ก็อยู่ที่หาดใหญ่



Posted by บก.สมิหลาไทมส์(-) 2004-03-07 , 20:04:08 , 203.154.27.207






ถ้าคุณทำร้ายแพทย์ได้ตรง ๆแต่คุณยังคงปกป้องตัวคุณเองและคนที่กล่าวหาไว้ในที่ลึกลับ แสดงว่าคุณไม่เป็นลูกผู้ชาย น่าจะเอาปริญญาบัตรกลับมาคืนสถาบัน ตอนเอามาคลุมหน้ามาด้วยนะ

Posted by วิจารณ์() 2004-03-07 , 20:13:47 , 172.29.3.250






หนูเข้าใจพี่ Death อย่างที่สุด หนูรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของพี่แตกต่างจากใบหน้าพี่อย่างสิ้นเชิง ขอใ้ห้พี่ทำความดีต่อไป ทำแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ดูแลคนไข้ด้วยหัวใจ บางทีอาจโดนด่าบ้าง ไม่เป็นไร น้อง Born เป็นกำลังใจ

Posted by ฺฺBorn() 2004-03-07 , 20:13:55 , 172.29.3.143






คุณ บก. ครับ

คุณให้ข้อมูลมากพอที่เรา ทุกคน รู้ว่าแพทย์ท่านนั้นเป็นใคร คุณได้ให้ข้อมูลฝ่ายเดียวมากพอที่จะให้ "ทุกคน" ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องนี้คิดว่าแพทย์ท่านนี้ไร้จรรยาบรรณ แต่ทำไมคุณถึงจำกัดข้อมูลเบื้องหลังเฉพาะบางคนที่ติดต่อเป็นการส่วนตัวกับคุณเท่านั้นล่ะครับ?

และคุณ บก. ก็ไม่ได้สัญญาด้วยว่าจะให้ข้อมูลกับ "ทุกคน" ที่ติดต่อ แต่จะให้เฉพาะคนที่คุณ บก. คิดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ

คุณ บก.ใช้คำว่า "ผู้เสียหาย" คงไม่ได้รวมแพทย์ที่คุณ บก.จงใจให้ข้อมูลจนคนส่วนใหญ่ทราบ (จากที่คุณ บก.พูดเอง) ว่าเป็นใคร นั่นก็ค่อนข้างจะ inconsistent กับที่คุณพูดว่าคุณพยายามปกปิด identity ของผู้เสียหายเท่าไหร่นะครับ

อยากจะเรียนถามคุณ บก.ว่าได้อธิบายกับหญิงชราผู้ป่วยรายนี้ว่าคุณบก.จะทำอย่างที่ทำขณะนี้ และข้อสำคัญกว่านั้นคือได้อธิบายหรือไม่ว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความล้มเหลวทางการสื่อสารหรือไม่? มีการกระทำที่คุณ บก.พยายามสืบค้นเพื่อหาข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายอย่างไร?

ทำไมเวลาคุณ บก. โจมตี ชอบทำในที่สาธารณะ แต่เวลาให้คำอธิบายต้องทำลึกลับส่วนตัวครับ?



Posted by Phoenix() 2004-03-07 , 20:21:18 , 172.29.3.196






เอ่อ...ลุงนกครับเรื่องนี้ต่อให้พยายามอย่างไรก็ไม่เกิดประโยชน์ ตราบใดก็ตามที่กระทู้ยังลุกเป็นไฟเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและเปลืองตัวเปล่าๆ เขาก็จะพูดว่าปกป้องกันเอง. ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกก็ฟ้องให้เข็ดหลาบและเป็นตัวอย่าง เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ทำแต่ให้เสียชื่อ..

Posted by นะครับ....() 2004-03-07 , 20:31:56 , 172.29.3.231






ผมอยากเรียนถามทุกคนที่ผมคาดว่า น่าจะรู้จักนายแพทย์ คนที่ผมกล่าวถึงนี้แล้ว

1.คุณได้ถามนายแพทย์คนนั้นหรือยังว่า ทั้งหมดที่เขียนปรากฏในเนื้อหาของผมนี้เป็นจริงหรือไม่
2.จริงหรือไม่ที่แพทย์ คนนั้นโทรมาถามว่า ลูกโอนเงินมาแล้วใช่มั้ย ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ ทำไมไม่ผ่าที่ตน ใช้วิธีการผ่อนส่งก็ได้
3.ทำไมแพทย์คนดังกล่าว ถึงบอกว่า ตนเป็นอาจารย์หมอ จึงผ่าหญิงชราที่โรงพยาบาลของรัฐซึ่งตนสังกัดอยู่ไม่ได้ อยากทราบว่าทำไม ช่วยอธิบายด้วย
3.เรื่องโทรศัพท์ ที่ลูกชายเขาโทรไปขอ แมมโมแกรม "แล้วนายแพทย์พูดว่าไม่ว่าง และไม่รู้จะว่างเมื่อไร" นั้นเป็นจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับผม

1.หญิงชราคนดังกล่างวนัดผ่าตัด วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ที่กรุงเทพฯ
2.แพทย์ระดับ ผู้อำนวยการ เป็นผู้ผ่าด้วยตนเอง
3.ค่าใช้จ่ายเป็นค่าวิชาหมอมือหนึ่งที่กรุงเทพฯ 10,000 เท่านั้น
4.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เบิกได้ เพราะลูกสาวเขารับราชการเป็นผู้พิพากษา
5.พรุ่งนี้ ลูกสาว ลูกชาย หญิงชรา และสามีของเขา จะกลับมาที่หาดใหญ่ เพื่อลางาน และเตรียมการจะขึ้นไปผ่าตัดในวันพฤหัสฯนี้



Posted by บก.สมิหลาไทมส์(-) 2004-03-07 , 20:53:49 , 203.154.27.207






ผมอยากเรียนถามทุกคนที่ผมคาดว่า น่าจะรู้จักนายแพทย์ คนที่ผมกล่าวถึงนี้แล้ว

1.คุณได้ถามนายแพทย์คนนั้นหรือยังว่า ทั้งหมดที่เขียนปรากฏในเนื้อหาของผมนี้เป็นจริงหรือไม่
2.จริงหรือไม่ที่แพทย์ คนนั้นโทรมาถามว่า ลูกโอนเงินมาแล้วใช่มั้ย ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ ทำไมไม่ผ่าที่ตน ใช้วิธีการผ่อนส่งก็ได้
3.ทำไมแพทย์คนดังกล่าว ถึงบอกว่า ตนเป็นอาจารย์หมอ จึงผ่าหญิงชราที่โรงพยาบาลของรัฐซึ่งตนสังกัดอยู่ไม่ได้ อยากทราบว่าทำไม ช่วยอธิบายด้วย
3.เรื่องโทรศัพท์ ที่ลูกชายเขาโทรไปขอ แมมโมแกรม "แล้วนายแพทย์พูดว่าไม่ว่าง และไม่รู้จะว่างเมื่อไร" นั้นเป็นจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับผม

1.หญิงชราคนดังกล่างวนัดผ่าตัด วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ที่กรุงเทพฯ
2.แพทย์ระดับ ผู้อำนวยการ เป็นผู้ผ่าด้วยตนเอง
3.ค่าใช้จ่ายเป็นค่าวิชาหมอมือหนึ่งที่กรุงเทพฯ 10,000 เท่านั้น
4.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เบิกได้ เพราะลูกสาวเขารับราชการเป็นผู้พิพากษา
5.พรุ่งนี้ ลูกสาว ลูกชาย หญิงชรา และสามีของเขา จะกลับมาที่หาดใหญ่ เพื่อลางาน และเตรียมการจะขึ้นไปผ่าตัดในวันพฤหัสฯนี้



Posted by บก.สมิหลาไทมส์(-) 2004-03-07 , 20:54:17 , 203.154.27.207






อ่ะแฮ่ม ถึงรู้ตัวว่าหาเรื่องเข้าตัว ก็ยังมาโพสอีกจนได้

อาจารย์นกไฟและเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบนเวปบอร์ดนี้ครับ

เราหยุดสนใจกระทู้นี้แล้วไปสนใจกระทู้น่าสนใจอื่นดีกว่าไหมครับ
เช่น กระทู้เรื่อง ผีช่องแอร์, ผีตู้เย็น, ผีทะเล อะไรข้างบนนั่น
ปล่อยให้เรื่องนี้มันเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องของมัน
ปล่อยให้ความสะใจของใครบางคนเป็นหมันไปดีกว่า

นะครับ
ผมว่าไปโพสกระทู้ ผีช่องอะไรพวกนั้น สบายอารมณ์กว่า ฮิฮิ



Posted by กะหลั่วเป็ด() 2004-03-07 , 21:08:03 , 203.156.20.27






อ่ะแฮ่ม ถึงรู้ตัวว่าหาเรื่องเข้าตัว ก็ยังมาโพสอีกจนได้

อาจารย์นกไฟและเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบนเวปบอร์ดนี้ครับ

เราหยุดสนใจกระทู้นี้แล้วไปสนใจกระทู้น่าสนใจอื่นดีกว่าไหมครับ
เช่น กระทู้เรื่อง ผีช่องแอร์, ผีตู้เย็น, ผีทะเล อะไรข้างบนนั่น
ปล่อยให้เรื่องนี้มันเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องของมัน
ปล่อยให้ความสะใจของใครบางคนเป็นหมันไปดีกว่า

นะครับ
ผมว่าไปโพสกระทู้ ผีช่องอะไรพวกนั้น สบายอารมณ์กว่า ฮิฮิ



Posted by กะหลั่วเป็ด() 2004-03-07 , 21:08:55 , 203.156.20.27






เรียน คุณนะครับ,

ถ้าแพทย์เป็นฝ่ายผิด ผมคิดว่าที่ทุกคนส่งกระทู้มานี่ก็จะยอมรับว่าผิดแน่นอน ไม่งั้นเราจะขอให้มีการสอบสวนหรือ? การสอบสวนไม่ได้หมายความว่าแพทย์จะเป็นฝ่ายถูกครับ แต่หมายถึงนั่นเป็นวิธีที่โลกศิวิไลซ์เขาทำกันก่อนมีการตัดสิน ผมเชื่อว่าวงการแพทย์จะมีมาตรการป้องกันและรักษาความเป็นธรรมเรื่องนี้อยู่แล้ว นึกถึงตอน conference palliative care ออกไหมครับ ในเรื่องตัวบทกฏหมาย เรื่องนี้ยากนักหนังสือพิมพ์อาชีพจะเขียนจนมัดตัวเองขึ้นศาลหมิ่นประมาท แต่ที่เราทำได้และที่พวกเรากำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้เป็นการปกป้องแพทย์ที่เราทราบว่าทำผิด เป็นแค่การขอให้มีกระบวนการสืบสวนที่เป็นธรรมก่อนเท่านั้น

การเปลืองตัวนั้นเกิดขึ้นแน่นอนครับ ถ้าเราลงมาทำความสะอาดโคลนที่สาดใส่กัน คุณนะครับลองคิดดูว่าถ้าบุคคลที่ถูกกล่าวหาในกรณีนี้เป็นคุณ นะครับ เอง เป็นบุคคลที่คุณนะครับรักเป็นห่วง เป็นลูกคุณนะครับ หรือเป็นบุรพการีคุณนะครับ คุณอยากจะให้มีการเรียกร้องความยุติธรรม ณ ที่นี้หรือไม่ หรือเราจะปล่อยให้อะไรเกิดก็เกิดไป ตราบใดที่ตนเองไม่เดือดร้อน ก็จะไม่มีใครต้องการจะ "เปลืองตัว" ใช่ไหมครับ? ก็อาจจะเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครสนใจเรื่องราวภายนอกตราบที่ไม่โดนด้วยตนเอง ส่วนที่พวกเราที่ส่งกระทู้มาลงในที่นี้จะเสียชื่ออย่างไรครับ? เราไม่ได้ปกป้องคนกระทำผิดแต่อย่างใดแล้วทำไมเราถึงจะเสียชื่อ อ่านกระทู้แรกสุดที่ผมตอบดูก็จะรู้ว่าความรู้สึกประการแรกที่เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นจริง เราจะรู้สึกอย่างไรกับแพทย์ท่านนี้อย่างไร

เรียนคุณ บก.

คำถามที่คุณถามมานั้น น่าจะถามกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ท่านนั้นรวมทั้งรายละเอียดว่าทำไมถึงผ่าได้ไม่ได้ที่ไหนด้วย ไม่ทราบว่าได้ถามหรือไม่? และได้ใจความว่าอย่างไร? จะมาอธิบายกับบุคคลที่สามโดยที่คุณ บก.ได้กวนน้ำให้ขุ่นในภายหลังนี่ คุณ บก. หมายความว่าหากเราได้ข้อมูลไม่ตรงกับที่ว่า คุณ บก.จะลงข่าวขออภัยหรืออย่างไร? ผมคิดว่ามันเป็น "หน้าที่" ของนักข่าวเสียอีกนะครับ ที่จะสืบเสาะข้อเท็จจริงให้ทราบแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะลงข่าว ไม่ใช่ให้คนอ่านข่าวสืบเอง คำถามสี่ข้อแรกที่สำคัญนั้น คุณ บก.ได้สัมภาษณ์ แพทย์ท่านนี้แล้วหรือยัง ถ้ายัง ทำไมคุณ บก.จึงสรุปว่าข้อมูลของคุณ บก.ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด?

ข้อมูลห้าข้อหลังไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณนักหนังสือพิมพ์ว่าควรปฏิบัติกับข้อมูลอย่างไร ตรวจสอบอย่างไรก่อนลงข่าวเลยครับ และไม่ได้เกี่ยวกับคุณ บก.แม้แต่นิดเดียว



Posted by Phoenix() 2004-03-07 , 21:27:00 , 172.29.3.196






วิชา คุณมี อคติ นะผมว่า
นักเขียนข่าวอย่างคุณ
นักเขียนข่าวอย่าง
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว




ขอชื่นชมในความสำเร็จของ ความเป็น นักเขียนข่าว ของคุณครับ ภูมิใจแทนทุกท่านที่เกี่ยวข้อง

นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าว
นักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าวนักเขียนข่าว



Posted by ~~~~~~~~() 2004-03-07 , 21:30:52 , 172.29.3.242






เฮ้อ...รู้น้อย ว่ารู้มาก เริงใจ ...เอะ คุ้นๆ แฮ่ะ

Posted by นายหัวครก() 2004-03-07 , 21:53:43 , 172.29.3.104






ขอตอบคำถามบางข้อที่คุณบก.ต้องการรู้ แต่ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นคนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยครับ แต่ผมคิดว่าส่วนที่ผมรู้และกำลังจะตอบ ณ ที่นี้เนี่ย เป็น"ข้อมูลที่เป็นความจริง"ครับ

ที่คุณถามว่า "ทำไมแพทย์คนดังกล่าว ถึงบอกว่า ตนเป็นอาจารย์หมอ จึงผ่าหญิงชราที่โรงพยาบาลของรัฐซึ่งตนสังกัดอยู่ไม่ได้ อยากทราบว่าทำไม ช่วยอธิบายด้วย"... ทั้งนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ภายในรพ.แห่งนี้นะครับ อาจารย์แพทย์ท่านที่คุณกล่าวถึงเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาและสังกัดอยู่หน่วยเฉพาะนั้นครับ ส่วนการผ่าตัดมะเร็งเต้านมของผู้ป่วยในทางการแพทย์นี่จะเป็นหน้าที่ของหน่วยศัลยกรรมทั่วไปครับ แพทย์ท่านนั้นไม่สามารถที่จะ"แหก"กฎดังกล่าวได้ครับ มันจะเป็นการก้าวก่ายหน้าที่ของอีกฝ่าย


Posted by : แพทย์ไร้จรรยาบรรณ , E-mail : (channakhon@hotmail.com) ,
Date : 2004-03-18 , Time : 00:47:16 , From IP : 203.154.27.222


ความคิดเห็นที่ : 137


   อ่านมานานค่อนข้างเหนื่อย
เริ่มสงสัยว่าครั้งแรกที่ผู้ป่วยเลือกที่จะไปรักษาที่คลินิคหรือโรงพยาบาลเอกชนเพราะอะไรคะ สะดวก บริการรวดเร็ว แพทย์มีชื่อเสียง หรืออะไรก็ตาม แล้วคิดว่า
ที่เหล่านั้นตรวจรักษาฟรีหรือคะ คิดว่าแพทย์ที่ทำงานที่นั่น หรือแพทย์อื่นๆเป็นนักบุญเกิดมาเพื่อทำเพื่อปวงชน...อยากได้สิ่งที่ดีกว่า(ในความคิดตัวเอง)ก็ต้องยอมจ่ายสิคะ อยากบอกว่าไม่มีของฟรีในโลกหรอกค่ะ คิดว่าเป็นแพทย์แล้วเป็นเทพแล้วอิ่มทิพย์ไม่ต้องกินต้องใช้ หมดแล้วซึ่งกิเลสหรือคะ กรุณาเข้าใจผ้อื่นด้วยใจที่เป็นกลางบ้าง ถ้าไม่อยากจ่ายแพงก็ไปโรงพยาบาลที่ไม่ต้องจ่ายแพง ที่ไปรักษาที่กรุงเทพ หายดีกลับมาก็ทำถูกแล้ว ดีแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมจะต้องโพสท์ลงกระดานข่าวให้ผู้เกี่ยวข้องเสียชื่อเสียง
มองตัวเองในกระจก ทำใจเป็นกลาง คิดว่าแพทย์คนนั้นผิดตรงไหน หรือผิดมากเพราะเกิดกับบุคคลที่ตัวเองรัก ถ้าเกิดกับใครที่ไม่รู้จักจะทำอย่างไร เพิกเฉย ไม่ใช่เรื่องฉัน ใช่หรือเปล่าคะ ถึงเวลาเลิกโกรธได้แล้วเถอะค่ะ***


Posted by : แพทย์ , Date : 2004-03-19 , Time : 13:28:17 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 138


   เท่าที่อ่านมาคิดว่าพอจะเดาถูกว่าเป็นแพทย์คนไหน
แต่แพทย์ที่ดี ๆ ก็มีน่าจะระบุชื่อกันได้นะ เพื่อจะได้
ทำให้นมีกำลังใจที่จะทำความดีต่อไปได้ เพราะเคย
ไปตรวจกับท่านที่คลีนิคและเห็นด้วยตาของตนเอง
ท่านคือ อ.รุ่งดรจน์ กั่วพานิจ ขอให้ความดีเหล่านี้
คงอยู่ตลอดไปนะคะ


Posted by : สดใส , E-mail : (3m) ,
Date : 2004-04-24 , Time : 23:40:56 , From IP : 172.29.1.176


ความคิดเห็นที่ : 139


   ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ มีชีวิตอยู่ได้
ไม่ไปหาหมอ อยู่ไม่ได้นะครับ
(โปรดใช้วิจารณญานในการชม)


Posted by : . , Date : 2004-06-06 , Time : 11:16:55 , From IP : 203.113.41.104

ความคิดเห็นที่ : 140


   ผมเชื่อคุณวิชาญครับ เพราะผมรู้จักป้าคนนั้น และที่สำคัญผมรู้ว่าหมอมักจะหมกเม็ดได้ ลองเข้ามาเป็นจริงๆ แล้วจะรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร มันดีและเลวพอกัน

Posted by : kamon , E-mail : (kamon@hotmail.com) ,
Date : 2005-07-06 , Time : 01:06:16 , From IP : 172.29.3.67


ความคิดเห็นที่ : 141


    ก่อนอื่นถ้าไม่เรื่องนี้จริงก็น่าสงสารคุณหมอ ค่ะ
ค่ารักษาเนื้องอกแพงมหาแพงแบบนี้มีด้วยหรือ ดิฉันเคยเจอเหมือนกันนะมีคุณหมอที่ชอบชาร์ทเงินลูกเดียวคนหนึ่งที่เชียงใหม่แถมเล่นตัวเล่นท่ามากไม่แพงขนาดนี้แต่ก็ทำให้ดิฉันรีบถอยเหมือนกัน แต่ถ้ามีข้อเสนอค่ารักษาแพง ๆจากหมอคนนี้จริง ผู้ป่วยก็ควรมีทางเลือกอื่นที่จะรักษา ไม่ได้มีหมอคนนี้เพียงคนเดียวในโลก
ทำไมไม่ใช้บริการบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรคคะ ดิฉันเคยผ่าเนื้องอกที่เต้านมก็เสีย 30 บาท หมอก็ผ่ารักษาดี ตอนนี้ก็หายดีด้วยค่ะและเท่าที่ทราบมา รัฐบาลให้สิทธิผู้สูงอายุ เกิน 60 ปี มีบัตรผู้สูงอายุไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐเลยแม่ดิฉันก็ใช้บริการนี้อยู่ ฟังหูไว้หูก็ดีนะ


Posted by : หญิง , Date : 2006-03-21 , Time : 08:37:50 , From IP : 203-154-52-24.inter.

ความคิดเห็นที่ : 142


   เงินยังไม่เท่าไร
อาจารย์หมอจากโรงบาลชื่อดังในกรุงเทพ
ให้ลูกศิษย์รักษาแล้วเซนชื่อส่งเดชพอคนไข้อาการหนักตัวเองต้องมารับผิดชอบ
ก็บอกให้เขาหยุดกลับมารักษาที่รพ. ใกล้บ้าน ทุเรศน่าดู


Posted by : ya , E-mail : (ya@yahoo.com) ,
Date : 2006-06-09 , Time : 17:40:32 , From IP : 203-151-140-118.inte


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.06 seconds. <<<<<