สังคมที่เราต้องการ "เรา" ต้องช่วยกันสร้าง
กระแสสังคมนั้นแรง แรงจนบางครั้งเราลืมไปว่าเราก็เป็นเฟืองตัวหนึ่งของสังคม ลูกเราเมียเราคนข้างเคียงก็เป็นอีกเฟืองสองเฟือง ภาควิชาก็อีก 70-80 เฟือง วันก่อนผมเป็นประธานสีฟ้า ผมมี 800 เฟืองสังคมเดินตามผมต้อยๆน่ารักดี ถ้า "สังคม" สามารถชวนกันเดินได้อย่างเดินพาเหรด "สังคม" ที่เราต้องการจะสร้างน่าจะเสร็จวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ แต่ถึงมันจะเสร็จปีหน้า อีกสิบปีข้างหน้า ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ของบางอย่างถ้ามันมีค่าพอ ก็สมควรจะทำ เราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เห็นผลงานหรอกครับ เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันจะมีส่วนในผลสำเร็จอยู่บ้างก็พอแล้ว สาเหตุของพวกปฏิวัติรัฐประหารที่ใช้ความรุนแรง เพราะการ pursue ideology โดยหวังผลแบบ short-cut ผลที่ได้ถึงจะสำเร็จก็อายุสั้น เพราะฐานมันไม่มี อยากเห็นตัวอย่างฐานแน่นๆหรือครับ ดูพุทธศาสนาเป็นต้น ดูผลงานท่านเจ้าชายสิทธัทถะ ดูผลงานพระโพธิธรรม
การใช้หลักบริหารเศรษฐกิจ เช่น Balance Scorecard (Kaplan & Norton 1994) นั้นเป็นไปตามหลักการที่ว่า What is not measurable, we cannot manage. What is not measurable, we cannot improve ทีนี้มันดีครับ ถ้าเราว่าถึงอะไรที่ "วัดได้" หลักของพี่ท่านทั้งสองนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าดี ทีนี้วงการสาธารณสุขมันมีอีกประเด็นหนึ่งของ "ความสำเร็จ" ที่จะทำเป้น Key Performance Indicator (KPI) นั่นคือ "คุณภาพชีวิต" ตรงนี้ที่ยังถกเถียงกันอยู่ ว่าจะวัดยังไง (วัด ไม่วัดนั่นเลิกเถียงแล้วนะครับ "ต้องวัดแน่ๆ" เดี๋ยวเผื่อจะมีอ้ายบ่าวคนไหนบอกว่าไม่ต้องวัดก็แล้วกัน วัดยากนักล่ะก็) และในส่วนของสายวิชาชีพแพทย์ ตัววัดอีกอันที่ยังอึมครึมคือ "Professionalism"
ปัญหาที่ Challenge กว่าการหาทุนมา funding ค่าตอบแทนคือเป็นไปได้ไหมที่แพทย์จะคงตามหลักปรัชญาสมเด็จพระราชบิดาโดยเพิ่มความสำคัญอันดับรอง (ประโยชน์ส่วนตน) ขึ้นมาอีกสักนิดให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ ทางอุปสงค์อุปทาน ผมว่าอันนี้ถ้าจะลองคิดกันก่อนที่จะ Apply balance scorecard หรือทำอาชีพแพทย์ให้เป็น full business ซึ่งขณะนี้ดูเหมือนท่านผู้นำเรามองเป็นอย่างเดียว อ๋อ หมอไม่พอ มึงก็ผลิตแพทย์เพิ่ม อ๋อ อยากได้เงินเพิ่ม รพ.มึงเก๊าะต้องหามาให้ ไม่มีตังค์จ่าย รัฐบาลกูจ่ายให้ ถ้าอยู่ใน Disneyworld เรื่องนี้คงจะ happy ending แน่นอนครับ
Posted by : Phoenix , Date : 2004-03-06 , Time : 10:43:10 , From IP : 172.29.3.218
|