ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

บรรยากาศเครียดจัง


   ผู้บริหารยุคนี้ทำเอาบรรยากาศเครียดจัง
ไซ่นิ
หรือว่าเข้าสู่ยุคเข้ายากหมากแพง
กลุ่ม Generation Y ภายใต้ยุคโลกาภิวัฒน์ ต้องปรับตัวให้เข้ากับ Baby Boomer
หรือ Baby Boomer ต้องปรับตัวให้เข้ากับGeneration Y
ท้ายที่สุดโลกคงไม่หมุนย้อนกลับ หรือหมุนทับเส้นเดิม
หรือต่อเติมในสิ่งดีๆ
หรือความคิดมีแต่ห้ามใช้

บางคนมีกระบี่อยู่ในมือกลับไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ กลับทำให้เกิดโทษ หรือเอาอีโต้มาใช้แทน

บางคนก็นั่งทับกระบี่ไว้ มีเหมือนไม่มี

บางคนมาเพราะเพื่อน จริงแล้วไม่อยากมา เองจะทำทำอะไรก็ทำไป อยากให้มานั่งก็มาแล้ว


Posted by : frodo , Date : 2012-09-26 , Time : 09:01:48 , From IP : 172.29.1.115

ความคิดเห็นที่ : 1


   เจอกันครึ่งทางจะดีมั้ย ???

บริหารคน GENERATION Y



หากถามว่าระหว่างการบริหารงานและการบริหารคนนั้น อะไรยากกว่ากัน พบว่าโดยส่วนใหญ่คำตอบที่ได้รับก็คือ “การบริหารคน ยากกว่าการบริหารงาน” เนื่องจากคนมีการรับรู้และทัศนคติที่แตกต่างกันไป อีกทั้งคนยังเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมและการแสดงออกให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนาได้

ดังนั้น “งานบุคคล” จึงมีความสำคัญและมีแนวโน้มที่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นทุกขณะ เหตุเพราะคนถือได้ว่าเป็นปัจจัยหรือ ทรัพยากรหลักที่จะช่วยให้ผลประกอบการและผลงานมีความได้เปรียบในการแข่งขัน จึงทำให้ไม่มีองค์การใดที่ไม่ตระหนักถึงหรือไม่ใส่ใจในคุณค่าของคน พบว่าองค์การส่วนใหญ่ต่างก็พยายามที่จะแสวงหาและนำระบบการบริหารจัดการมาใช้ในการคัดสรรคนให้มีคุณสมบัติ มีความสามารถเหมาะสม และสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่ต้องการ

พบว่าในแต่ละองค์การมีบุคลากรที่มีคุณลักษณะทั้งด้าน อายุ ความสามารถ และศักยภาพในการทำงานแตกต่างกันไป จึงยากที่จะบริหารความแตกต่างเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์การ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าท่านเป็นผู้บริหารรุ่นเก่า (Baby Boomer-Generation ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าใจคนรุ่นใหม่(Generation X, Generation Y) รวม ๆ แล้ว จึงรู้สึกลำบากใจ กับการเป็นผู้บริหารในยุคปัจจุบัน การที่ผู้บริหารรุ่นเก่าจะเข้าใจและสามารถบริหารพนักงานรุ่นใหม่ได้อย่างราบรื่นนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่คิด ตามหลักสากลจะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้คือ

Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 – 2507 อายุ 44 – 62 ปี จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการทำงานและองค์การมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจาก มีความจงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก

Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508 – 2522 อายุ 29 – 43 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work – life balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพังไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติงเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง

Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 – 2543 อายุ 8 – 28 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่าสิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน

หากเราศึกษาและทำความเข้าใจความคาดหวัง ค่านิยม วิถีชีวิต และแรงจูงใจของพนักงานรุ่นใหม่ ตามที่มีผู้รู้ได้ศึกษาและให้คำแนะนำไว้ ซึ่งพอจะสรุปประเด็นหลักๆ ได้ดังนี้

1. มอบหมายงานที่ท้าทายและมีเป้าหมายชัดเจน เพราะ Gen Y ส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และชอบแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ และในการมอบหมายงาน ไม่ใช่เพียงแค่บอกว่า ทำอะไร เมื่อไร แต่ต้องบอกภาพรวมเหตุผล และความสำคัญของงานนั้น ๆ เพื่อเขาจะได้มีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทสำคัญต่องานดังกล่าว

2. ให้โอกาสได้ทำงานที่หลากหลาย เพราะคนกลุ่มนี้เป็นคนในยุคที่สามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน มีความกระตือรือร้น และมีความสนใจที่หลากหลาย เช่น อาจโทรศัพท์ในขณะที่ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ดังนั้นไม่ควรมองว่าเป็นคนจับจด

3. การใช้อารมณ์ความรู้สึกกับคนรุ่นใหม่ในการสร้างความผูกพันต่องานมีบทบาทสำคัญเพราะเขาจะรู้สึกถึงการได้รับการยอมรับการรับฟัง เพื่อเกิดความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทพลังให้กับงานที่ได้รับมอบหมาย

4. การสร้างบรรยากาศในการทำงานให้สนุก มีสีสัน มีชีวิตชีวา ซึ่งในบางครั้งต้องมีการเปิดโอกาสให้พนักงานทำกิจกรรมที่สนุกสนานร่วมกับผู้บริหารบ้าง


สำหรับ “เจนเนอเรชั่นวายในที่ทำงาน” ตามการศึกษาวิจัยของ รัชฎา อสิสนธิสกุล และอ้อยอุมา รุ่งเรือง พบว่า เจนเนอเรชั่นวายในสถานที่ทำงาน หมายถึง บุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างดี มีความคิดสร้างสรรค์ มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ต้องการทำงานที่มีความก้าวหน้า สามารถแสดงความคิดเห็นและบริหารจัดการด้วยตนเอง ทั้งในเรื่องเวลาและสถานที่ ให้ความสำคัญต่อสัมพันธภาพที่ดีในการทำงาน นอกจากนี้ เจนเนอเรชั่นวายบางคนยังบอกว่า พวกเขาต้องการงานที่มีความท้าทาย และขอเลือกวิธีปฏิบัติงานด้วยตนเอง พวกเขามักอึดอัดเมื่อไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นหรือเมื่อความคิดเห็นของพวกเขาไม่ได้รับการยอมรับจากหัวหน้างาน เจนเนอเรชั่นวายจะพอใจอย่างมากถ้าสามารถเลือกเวลาทำงานตามความสะดวกของตนเอง หรือทำงานจากสถานที่อื่นได้ เช่น ที่บ้าน หรือนอกสถานที่ทำงาน โดยยึดผลงานตามกำหนดเวลา สิ่งที่พวกเขาไม่ชอบอย่างมาก คือ ระเบียบวินัยที่มากเกินไป เช่น ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างทำงาน ห้ามใช้คอมพิวเตอร์ในเรื่องส่วนตัว ฯลฯ

เจนเนอเรชั่นวายบางคนสามารถลาออกจากงานทันทีโดยไม่ต้องรอสมัครงานใหม่ เธอบอกว่า ถ้าไม่ชอบ ไม่สบายใจ ก็ลาออกดีกว่าทนอยู่ แล้วต้องลางานไปสัมภาษณ์ที่ใหม่ เกรงใจ! Eric Chester นักเขียนและนักพูดเกี่ยวกับเจนเนอเรชั่นวาย บอกว่าเจนเนอเรชั่นวายไม่สนหรอกถ้าจะถูกไล่ออก ผู้จัดการบางคนไม่มีโอกาสนั้นด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาไปเสียก่อน...


อ่านต่อที่ บริหารคน GENERATION Y



Posted by : ช่วย , Date : 2012-09-26 , Time : 10:11:00 , From IP : 172.29.1.202

ความคิดเห็นที่ : 2


   เปิดใจกว้าง จับเข่าคุย เห็นใจซึ่งกันและกัน ยอมรับความแตกต่างแต่ไม่แต่แยก จบป่ะ


Posted by : หนอ , Date : 2012-09-28 , Time : 12:35:11 , From IP : 172.29.12.58

ความคิดเห็นที่ : 3


   บางคนมีกระบี่อยู่ในมือกลับไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ กลับทำให้เกิดโทษ หรือเอาอีโต้มาใช้แทน

บางคนก็นั่งทับกระบี่ไว้ มีเหมือนไม่มี

*-* จริงๆเห็นด้วยกับประโยคนี้ที่สุดค่ะ


Posted by : chadaporn , Date : 2012-10-09 , Time : 09:16:31 , From IP : 172.29.52.197

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<