ไปดูมาแล้ว โหมโรง
โหมโรง หนังยอดเยี่ยมประจำปีนี้ ที่กำลังจะเจ๊ง
วันแรกคนดู 10 คน
วันที่สอง เหลือ 4 คน
จาก ที่เห็นในโทรทัศน์ ทำให้เราทราบว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ ระนาด ดนตรีไทยแค่นั้น ส่วนที่ว่ากระหึ่มทุกโรงนั้นคงจะเป็นลาโรงเร็วกว่าปกติเสียมากกว่า โฆษณาเรื่องนี้ทำหน้าที่ของมันได้แย่มากๆ
เครดิตของ อิทธิสุนทรที่เป็นหนึ่งในกลุ่มซูโม่ และทำหนังครั้งสุดท้ายเมื่อ สิบปีก่อน อาจจะไม่เป็นที่รู้จักกันล้วในสมัยนี้ บอกตรงๆว่าตัวผมเองรู้สึกเฉยๆ จนไม่เคยคิดจะไปดู จนกระทั่งได้พบกับรุ่นพี่ที่ทำงานในวงการ บอกว่าเป็นหนังที่ดีมากๆและเสียดายที่คงจะลาโรงเร็วๆนี้
ทำให้ผมต้องรีบไปดู!
หลังจากดูจบผมก็ได้เหตุผลสิบข้อที่ ทำให้คุณๆควรไปดูข้อดีของหนังเรื่องนี้
1.นับจากนางนาก มีหนังพีเรียดทยอยสร้างตามกันมาเรื่อยๆ และแน่นอน มันก็ห่วยลงเรื่อยๆ แต่ โหมโรง มีธีมที่เกิดขึ้นในอดีต แต่สารที่ต้องการสื่อ นั้นกลับพุ่งตรงมาสู่คนในพ.ศ. นี้โดยตรง หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเอาคนมาแต่งตัวให้โบราณ หรือ อลังการ แล้วขายความเป็นไทย ขอบอกว่าไม่ใช่เลย หนังทำได้ดีกว่านั้นโดยถ่ายทอเป็นพีเรียด ออกมาทาง อารมณ์ ความคิดและ ความรู้สึกของตัวละคร
2.หนังฮอลลีวู้ด ที่ดีหลายเรื่อง นำชีวิตของตัว คนธรรมดาที่มีอยู่จริงมาถ่ายทอดได้อย่างมีแง่มุมที่น่าสนใจ
เช่น a beautiful mind , Mr. Holland opus , schindens list จะหาหนังไทยที่ทำแบบนี้ได้น้อยมากๆ ทำให้บางครั้ง อดสงสัยไม่ได้ว่า เราหาคนไทยที่เป็นคนธรรมดาที่มีแง่มุม อะไรสักอย่างในชีวิตมาเล่าไม่ได้เชียวหรือจนกระทั่งโหมโรง นำเรื่องของ ครูศร ศิลปบรรเลง มาเล่าให้เราฟังอย่างสวยงาม
3.กลวิธีการนำเสนอเรื่อง มีตัวละคร ศร เป็นตัวเอก แต่ใช้การตัดต่อผสมกับกันไปมาระหว่างชีวิตในสมัยที่ดนตรีไทยรุ่งเรือง กับสมัยที่ดนตรีไทยถูกดูถูก โดยการตัดสลับไปมา ตั้งแต่เรื่องเริ่ม set up ตัวละคร และ ดำเนิน เรื่องตั้งแต่developmentไปจนถึง confict ของศร ทั้งในยามหนุ่มและ ยามชรา ให้คนดูได้รับรู้ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจังหวะการตัด ทำได้กลมกลืนทำให้อารมณ์ของเหตุการณ์ทั้งสองขับดันซึ่งกันและกัน และสื่อความหมายเชิงนามธรรมให้คนดูเอากลับไปตีความเอง ในหลายๆด้านด้วย
4.นักแสดงที่เล่นเป็นศรในวัยหนุ่มไปหัดตีระนาดจริงๆอยู่ 6 เดือนเพื่อทำให้คนดูเชื่อว่าเล่นเก่ง และ หนังเรื่องนี้ไม่มีการใช้มุมกล้องหลบมือกับหน้าตัวละคร แต่ถ่ายตอนเล่นกันจะๆ และ คุณลุง อดุลย์ บุญรัตน์ พระเอกหนังไทยเก่าแก่ของเรา เล่นได้ดีมากๆ ลึกจริงๆ เก๋าสุดๆ
5. หลายคนที่คิดว่าไปฟังดนตรีไทยแล้วคงจะฟังไม่รู้เรื่องเพราะเสพยาก ขอบอกว่า เรื่องนี้เพลงสวยมาก และ ใช้ศิลปะการเล่าด้วยภาพได้ดี โดยแสดงอารมณ์เพลงออกมาโดยใช้สิ่งที่อยู่รอบๆเป็นตัวเล่าบรรยากาศ เช่น ความพริ้ว ของผ้าม่าน ,น้ำในแก้ว สีหน้าผู้ชม เป็นต้น
โดยเฉพาะเพลงสุดท้ายที่หลวงประดิษฐ์เล่นคือเพลงแสนคำนึง เศร้าและไพเราะมาก
6.หนังเรื่องนี้วิพากษ์สังคม ความเป็นคนไทยของเราในปัจจุบัน แต่ สื่อออกมาอย่างลุ่มลึก และนุ่มนวล
7.หนังเรื่องนี้ มี รสละเมียด ซึ่งเป็นรสชาติที่คนดูจะค่อยๆรู้สึกมากขึ้น มากขึ้น ในแต่ละซีนที่ผ่านไป
8.ฉากที่ลูกชายของครูศร นำเครื่องดนตรีต่างประเทศ เข้ามาในบ้าน เขียนบทและกำกับได้ดีจริงๆ
(ฉากนี้ขอไม่เล่าต่อเดี๋ยวรู้หมด)
9.ก่อนวันวาเลนไทน์ ผมกับคนรักเราplanว่าจะไปดูหนังกัน แฟนผมเธออยากดูปล้นนะยะมากกว่า เพราะเพื่อนเธอบอกว่าขำตลอด เราไปเที่ยวกันหลายที่ตั้งแต่เช้า พอตอนเย็น ผมก็ขัดใจเธอโดยการพาไปดูโหมโรง เมื่อดูเสร็จ ระหว่างทางกลับ บ้านเธอขอบคุณผม ที่ทำให้ครั้งนี้เธอไม่พลาดเรื่องที่สวยงามในชีวิต และบอกว่า เธอมีความสุขมากกับภาพยนตร์ ( a moment of happiness)
10.ไปดูกันเถอะอย่าให้ การโปรโมทห่วยๆทำลายหนังเรื่องนี้ เสียดาย
Posted by : moviemania , Date : 2004-02-13 , Time : 20:57:44 , From IP : 172.29.3.231
|