ความคิดเห็นทั้งหมด : 9

การขึ้นเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรสถาบันอุดมศึกษา 8% ที่หลงดีใจนั้น ความจริงก้อครือว่า ...


   ...เป็นที่กล่าวขานอีกเรื่องการปรับ 8% ซึ่งครูหลายท่านเข้าใจผิดว่าทุกคนจะได้ปรับ 8% จากฐานเงินเดือนแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ แต่เป็นอย่างนี้

องค์กรครู ชี้ ครม.ไฟเขียว พ.ร.บ.เงืนเดือนฯ แค่ขยายเพดาน ครูเงินเดือนตันรับผลเต็มๆ

ดีใจเก้อ! องค์กรครู ปูด ครม.ไฟเขียว พ.ร.บ.เงินเดือนฯ แต่ไม่ใช่ขึ้นเงิน เพียงแค่ขยายเพดานเงินเดือน ชี้ผลดีแค่มีสิทธิ์เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนเท่านั้น ระบุครูใหม่ไม่ได้อานิสงส์ ยกเว้นครูอาวุโสที่เงินเดือนตัน

วันนี้ (22 ก.ย.) นายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เปิดเผยกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ. ... โดยจะมีผลให้ข้าราชการครูฯ กว่า 4 แสนคน ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 ว่า ถ้าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและประกาศใช้เป็นกฎหมาย ก็จะส่งผลให้ระบบการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูฯ ที่ปัจจุบันใช้ระบบ “ขั้น” เปลี่ยนไปเป็นการเลื่อนเงินเดือนในระบบ “เปอร์เซ็นต์” เหมือนกับที่ข้าราชการพลเรือนใช้อยู่แทน และ ก.ค.ศ.จะต้องปรับแก้พระราชกฤษฎีกา กฎระเบียบต่างๆ ให้สอดคล้องกันด้วย รวมถึงต้องมากำหนดหลักเกณฑ์วิธีการในการปรับเงินเดือนระบบเดิมเข้าสู่ระบบใหม่ให้กับข้าราชการครูฯ อีกด้วย ส่วนว่า ข้าราชการครูฯ จะได้ปรับเงินเดือนขึ้นร้อยละ 8 หรือไม่นั้น ตนยังตอบไม่ได้เพราะยังต้องรอดูสาระของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาก่อน แต่ยอมรับว่า เงินเดือนของข้าราชการครูฯ ในปัจจุบันเหลื่อมล้ำกับข้าราชการพลเรือนอยู่ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทันก่อนวันที่ 1 เม.ย.2554 ก็จะส่งผลให้ข้าราชการครูมีสิทธิ์ที่ได้รับการปรับเงินเดือนขึ้นอีกร้อยละ 5 ของเงินเดือนเหมือนกับข้าราชการพลเรือน

ด้านนายนิพนธ์ ชื่นตา ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดปรินายก และประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ กล่าวว่า ข่าวครม.ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ไม่ได้ทำให้ครูดีใจมากมาย แต่แค่โล่งใจที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนเท่ากับข้าราชการพลเรือนเท่านั้นเพราะครูรุ่นใหม่ไม่ได้อานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ ยกเว้นครูอาวุโสที่เงินเดือนตันเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครูอาวุโสระดับ 7-11 แต่ตอนนี้เหลืออยู่จำนวนน้อย เพราะส่วนใหญ่เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดไปหมดแล้ว ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ การขยายเพดานเงินเดือนให้สูงขึ้นเท่ากับข้าราชการพลเรือน หรือประมาณร้อยละ 8 และมีการเปลี่ยนระบบการเลื่อนเงินเดือนจากขั้นมาเป็นร้อยละ ซึ่งเท่ากับว่า ณ วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ใครได้รับเงินเดือนเท่าใดอยู่ ก็ยังคงได้รับเท่านั้น

“ตอนที่ออก พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ซึ่งมีการปรับโครงสร้างเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนนั้น ทำให้เพดานเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสูงกว่าข้าราชการครูประมาณร้อยละ 8 เช่น ซี 8 ข้าราชการพลเรือนมีเพดานเงินเดือนสูงสุด อยู่ที่ 37,000 บาท แต่ซี 8 ของข้าราชการครู เพดานเงินเดือนตันอยู่ที่ประมาณ 33,000 บาทเท่านั้น เราพยายามต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอดนับแต่ปี 2551 เพื่อให้มีการแก้ไขกฎหมาย แต่ก็ไม่สำเร็จ” นายนิพนธ์ กล่าว

อ่านรายละเอียดที่ http://www.koso1.com/read.php?tid=415


Posted by : ช่วย , Date : 2011-06-07 , Time : 09:16:56 , From IP : 172.29.1.125

ความคิดเห็นที่ : 1


   และที่ว่ารัฐบาลมีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ(กพ.) ทั่วประเทศ 5% นั้น อันที่จริงในส่วนของราชการสถาบันอุดมศึกษาก้อมะด้ายขึ้นกะเขาด้วย (แต่ข้าราชการพลเรือนเขาได้ขึ้นไปแล้น) ส่วนเรายังต้องดักดานกับเงินเดือนเดิมที่ต่ำกว่าข้าราชการพลเรือน ยังไงก้อลองดูเงินเดือนใหม่ของท่านสิว่าปรับขึ้นไปคนละกี่เปอร์เซ็นต์ ตามระบบแท่ง

อีแบบนี้ ข้าราชการของมหาลัยที่ภาคภูมิใจนักหนาว่ามีศักดิ์มีศรีนั้น แท้ที่จริงแล้วมีฐานเงินเดือนที่ต่ำกว่าข้าราชการพลเรือนซะอีก ..... และเพิ่งจะได้รับการพิจารณาให้มีการปรับเงินเดือนตามเขาปาย



Posted by : ช่วย , Date : 2011-06-07 , Time : 09:32:15 , From IP : 172.29.1.125

ความคิดเห็นที่ : 2


   กรมบัญชีกลางชี้แจงให้ครูเบิกเงินเดือนตามที่มีคำสั่งปรับเงินเดือนใหม่ต่อไปได้ ไม่ต้องชะลอการเบิกจ่าย พร้อมเผยสถานศึกษาหลายแห่งเบิกจ่าย และอนุมัติไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม 2554


นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ในการปรับโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการ คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ หรือ กงช. ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในภาพร่วม และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 อนุมัติงบประมาณ 13,000 ล้านบาท สำหรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง ทุกประเภท ข้าราชการส่วนท้องถิ่นและพนักงานองค์กรของรัฐ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 เป็นต้นไป โดยปรับเงินเดือนร้อยละ 5 และหลักเกณฑ์การปรับเงินเดือน คือ ให้ปรับหลังจากเลื่อนขั้นเงินเดือน ณ วันที่ 1 เมษายน 2554 ก่อน ซึ่งถือปฏิบัติเหมือนกัน


นายรังสรรค์ กล่าวว่า สำหรับการปรับเงินเดือนครู ประมาณร้อยละ 8 ในวันที่ 31 มีนาคม 2554 ทางกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาปรับตามพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่ ก.ค.ศ. มีคำสั่งนั้น มีสถานศึกษาหลายแห่งทำการเบิกจ่ายเงินเดือนที่ปรับและกรมบัญชีกลางก็ได้อนุมัติแล้วตั้งแต่เดือน เมษายน และพฤษภาคม โดยการปรับเงินเดือนดังกล่าวจะปรับเงินเดือนประมาณร้อยละ 8 ในวันที่ 31 มีนาคม 2554 ก่อน และเลื่อนขั้นเงินเดือนตามรอบระยะเวลาปกติช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้นก็ปรับเงินเดือนอีกร้อยละ 5 ตามหลักเกณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเบิกจ่ายเงินเดือนครูตามคำสั่งไปแล้ว

“สำหรับกรณีที่มีประเด็นว่าให้ชะลอการเบิกจ่ายเงินนั้น เนื่องจากมีข้อสังเกตจาก กงช. จึงได้มีการหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้วแจ้งว่าการปรับเงินเดือนครูนั้นเป็นอำนาจตามพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้น จึงสามารถเบิกเงินเดือนครูตามที่มีคำสั่งปรับอัตราได้ สำหรับการขอใช้เงินงบประมาณก็จะมีกระบวนการกำหนดไว้อยู่แล้ว” นายรังสรรค์ กล่าว

จาก นสพ.ฐานเศรษฐกิจ http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=70205:2011-06-06-09-43-40&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524


Posted by : ช่วย , Date : 2011-06-07 , Time : 10:15:22 , From IP : 172.29.1.125

ความคิดเห็นที่ : 3


   ขรก.อุดมศึกษาเฮปรับขึ้นเงินเดือน 2 เด้ง !

คมชัดลึก :“ชินวรณ์”เผยครม.ไฟเขียวร่างกฎก.พ.อ.ปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนอุดมศึกษา 5 หมื่นคน ใช้งบรองรับ 380 ล้านบาท พร้อมให้ปรับเงินเดือนร้อยละ 5 เช่นเดียวกับข้าราชการกลุ่มอื่นมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบตามที่ศธ.เสนอผลการพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ สำนักงบประมาณเรื่องการปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูงและการได้รับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา สืบเนื่องจากที่ครม.ได้เห็นชอบปรับบัญชีเงินเดือนค่าจ้าง ค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1เมษายน 2554 และได้มอบให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ อีกทั้งครม.ยังได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการปรับบัญชีเงินเดือนค่าจ้าง ค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ ดังนั้นศธ.จึงได้เสนอขอความเห็นชอบในการปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูงและการได้รับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา

ทั้งนี้ การจัดทำเป็นร่างกฎก.พ.อ.สองฉบับ คือ 1.ร่างกฎก.พ.อ.ว่าด้วยการปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ... ซึ่งในร่างกฎก.พ.อ.ดังกล่าวนี้ให้ปรับขั้นเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนฯ เพื่อให้เหมาะสมกับค่าของงาน ค่าครองชีพและอัตราเงินเดือนในตลาดแรงงาน โดยแนวทางเทียบเคียงกับบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ที่ได้ปรับใหม่แล้ว ทั้งนี้ ข้าราชการพลเรือนทุกคนจะได้ปรับเงินเดือน 5 % ในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาโดยให้มีผลย้อนหลัง ซึ่งจะใช้งบประมาณจำนวน 380 ล้านบาท

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ครม.ยังเห็นชอบร่างกฎ ก.พ.อ.ว่าด้วยให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ได้รับเงินเดือนพ.ศ... จะมีผลให้บัญชีเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาเป็นไปตามบัญชีแนบท้ายบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูงของข้างราชการพลรเรือนนใสถาบันอุดมศึกษา โดยมีการปรับเงินเดือนขั้นสูงดังนี้ 1.ตำแหน่งวิชาการ ศาสตราจารย์ ปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูงเป็น 67,560 บาท ยกเว้นแต่ผู้ผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก.พ.อ.กำหนดจะได้รับเงินเดือนไม่เกิน 69,810 บาท ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ เพดานเงินเดือนขั้นสูง 63,960 บาท ผู้ช่วยศาตราจารย์ เพดานเงินเดือนขั้นสูงเป็น 54,090 บาท อาจารย์ เพดานเงินเดือนขั้นต่ำ 10,190 บาท ขั้นสูง 39,630 บาท

2.ตำแหน่งประเภทผู้บริหาร ผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า เงินเดือนขั้นต่ำชั่วคราว 19,860 บาท ขั้นต่ำ 26,660 บาท ขั้นสูง 54,090 บาท ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดีหรือเทียบเท่า ขั้นต่ำชั่วคราว 24,400 บาท ขั้นต่ำ 32,850 บาท ขั้นสูง 63,960 บาท

3.ตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะ ระดับปฏิบัติการ ขั้นต่ำ 8,340 บาท ขั้นสูง 24,450 บาท ระดับชำนาญการ ขั้นต่ำชั่วคราว 13,160 บาท ขั้นต่ำ 15,050 บาท ขั้นสูง 39,630 บาท ระดับชำนาญการพิเศษ ขั้นต่ำชั่วคราว 19,860 บาท ขั้นต่ำ 22,140 บาท ขั้นสูง 53,080 บาท ระดับเชี่ยวชาญ ขั้นต่ำชั่วคราว 24,400 บาท ขั่นต่ำ 31,400 บาท ขั้นสูง 62,760 บาท ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ ขั้นต่ำชั่วคราว 29,980 บาท ขั้นต่ำ 43,810 บาท ขั้นสูง 67,560 บาท และ 4.ตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ขั้นต่ำ 4,870บาท ขั้นสูง 19,100 บาท ระดับชำนาญการ ขั้นต่ำ 10,190 บาท ขั้นสูง 35,220 บาท ระดับชำนาญการพิเศษ ขั้นต่ำ 15,410 บาท ขั้นสูง 49,830 บาท

ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า การปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามมติครม.วันนี้นั้น จะครอบคลุม ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 5 หมื่นคน แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ ส่วนแรกเป็นการปรับขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงตามร่างกฎก.พ.อ.ว่าด้วยการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาพ.ศ…

ซึ่งแบ่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกเป็น 4 กลุ่มตำแหน่งผู้บริหาร เช่น ผู้บริหารระดับกอง ระดับสำนัก กลุ่มวิชาการ กลุ่มวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะ และกลุ่มทั่วไปซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 5 หมื่นคนโดยมีผลย้อนหลังก่อนวันที่ 1 เมษายนนี้ เนื่องจากเป็นการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงตามการปรับปฏิรูประบบราชการจากระบบซีมาเป็นระบบแท่ง

นอกจากนี้ ส่วนที่สองจะมีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาทั้ง 4 กลุ่มข้างตำแหน่งในอัตราร้อยละ 5-7 ซึ่งได้รับการปรับขึ้นเช่นเดียวกับข้าราชการอื่นๆโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้

ที่มา คมชัดลึก วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2554

สรุปว่า ข้าราชการในส่วนของมหาลัย จะขึ้นตามปกติ (ไม่มี 8%) คือ ปรับเพดานเงินเดือนเป็นระบบแท่ง + ขึ้นเงินเดือน 5% ตามข้าราชการพลเรือน

------------------------------------ จบบริบูรณ์ -----------------------------------


Posted by : ช่วย , Date : 2011-06-07 , Time : 13:02:59 , From IP : 172.29.1.125

ความคิดเห็นที่ : 4


   ขอบคุณ คุณช่วย มากๆครับ มัวขึ้นเวร ไม่ได้ติดตามข่าวเลย แต่พอลิงค์ไปแล้วอ่านไม่ได้ซะงั้น แต่ก็พอจะคาดเดาอะไรออกได้เพิ่มขึ้น ว่าเหตุการต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก ผมก็พอจะมีทางออกให้นะครับแต่ พูดไปก็เท่านั่น......

Posted by : บวบเองคับ , Date : 2011-06-07 , Time : 18:28:18 , From IP : 172.29.9.139

ความคิดเห็นที่ : 5


   ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือค่ะ เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงก็ไม่ออกมาให้ความกระจ่าง ธุระไม่ใช่ ก่อให้เกิดความสับสน งงกันปาย.....

พวกเราก็ต้องหาข่าวกันเองเพื่อความชัดเจน จะได้รู้อนาคตและวางแผนชีวิตของตัวเองต่อไป ว่าจะไปทางไหนดีเอ่ย.....

อันที่จริง การออกนอกระบบราชการเพื่อจะสามารถปรับอัตราเงินเดือน และอีกหลาย ๆ อย่างให้สู้กับเอกชนหรือสู้กับภาวะค่าครองชีพที่สูงงงง ได้นั้น ก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ฝ่ายบริหารควรนำมาพิจารณาเหมือนกัน เพียงแต่ต้องมีระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เป็นธรรมและมีธรรมาภิบาลมาก ๆ ด้วย ซึ่งความจริงก็คือ ไม่มีการประเมินที่เป็นธรรม.... เพราะหัวหน้าเขาจะประเมินแบบถูกใจฉัน คิดว่าตัวมีอำนาจล้นฟ้า สักวัน ที่หลุดจากอำนาจนั่นแหละ จะเป็นบทพิสูจน์ "คน" ที่แท้จริง

สู้ ๆ คร้า ทางออกที่สดใสรอเราอยู่....


Posted by : ช่วย , Date : 2011-06-08 , Time : 07:58:42 , From IP : 172.29.1.186

ความคิดเห็นที่ : 6


   "ไม่มีการประเมินที่เป็นธรรม.... เพราะหัวหน้าเขาจะประเมินแบบถูกใจฉัน คิดว่าตัวมีอำนาจล้นฟ้า สักวัน ที่หลุดจากอำนาจนั่นแหละ จะเป็นบทพิสูจน์ "คน" ที่แท้จริง"

จะว่ามันมันก็จริงน่ะ เคยเห็นเวลาไปทำงานที่ OPD ด้านล่างเมื่อก่อนเอานู้นี้นั่น เดี่ยวนี้ หลายๆคนก็ยังไม่ค่อยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แต่หากใช้หลัก "ธรรมาภิบาล" ปกครอง จะดีกว่าใช้ "พระเดช" ที่หาพระคุณไม่ค่อยจะได้เลย มันก็มองได้หลายมุมเหมือนกัน บางครั้งหลายคน คิดว่าเราก้าวร้าว เป็นเพราะนำข้อมูลจริงมาเสนอ ในที่สาธารณะชน เพราะมีคนบางกลุ่มปกปิดเอาไว้ หากลองคิดให้ลึก ผมทำงานมาถึงแม้จะไม่นานก็ผูกพัน กับองค์กรนี้มาก อยากให้ที่นี้เป็นต้นแบบขององค์กรอื่นๆ และอยากให้เป้นองค์ชั้นนำของประเทศ กล่าวคือ เราอยู่ในรั่วของการศึกษาถึงแม้จะก่อตั้งมาไม่ถึง 50 ปี แต่ มหาวิทยาลัยเราก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว มันก็เสมือน เราขับรถด้วยความเร็วสูง เครื่องยนต์ก็ต้องการน้ำมันเพื่อหล่อเลี้ยงเยอะเช่นกัน ฉันใดฉันนั่น เมื่อเปรียบเทียบกับที่นี้ ถ้าอยากได้ผลลัพธ์สูง อะไรต่างๆก็น่าจะให้กับเครื่องยนต์ ที่ช่วยทำให้รถวิ่งเร็วบ้างนะครับ (คนข้างทางส่วนใหญ่มองไม่เห็นเครื่องยนต์หรอก มองเห็นแต่โครงรถ *ว่าเครื่องยนต์นี้สึกหรอกมากแล้ว )


Posted by : บวบเองคับ , Date : 2011-06-08 , Time : 12:53:10 , From IP : 172.29.10.190

ความคิดเห็นที่ : 7


   อยู่อย่างพอเพียง


Posted by : D_D_T , Date : 2011-06-09 , Time : 11:24:56 , From IP : mx-ll-110-164-58-114.static.3bb.co.th

ความคิดเห็นที่ : 8


   ยอมรับนะคับว่าการพอเพียงเป็น สิ่งที่ดี และน่าทำตาม แต่อย่าลืมว่าแต่ละคนมีปัจจัยพื้นฐาน หรือทุนที่แตกต่างกัน พูดง่ายๆความพอเพียงของเศรษฐี ความพอเพียงของขอทาน มันเท่ากันรึป่าว หรือเพียงแต่ตัวได้สิ่งที่พอใจแล้ว ครบทุกอย่างแล้ว จึงใช้กฎความพอเพียง มันก็เปรียบเหมือนตัวแปรต้นและตัวแปรตาม ในปั่นปลายคุณไม่หวังอะไรมากเพราะมีพร้อมหมดแล้ว โดยจะอยู่ให้ผู้ร่วมงานหมั่นใส่เล่นๆ ใช้ชีวิตหายใจไปวันๆ ที่รอเพียงแต่ จะสิ้นลม ที่หากได้ทำประโยชน์ให้เพื่อน มนุษย์เลย อย่างนั่นเหรอ มันก็น่าคิด... ขอบคุณสำหรับคำว่า "ความพอเพียง" ที่นำมาเตือน แต่อย่าลืมว่า บางคน ต้องเลี้ยงครอบครัว อีกหลายๆคน ความพอเพียงมันอาจจะไม่เท่ากัน นั่นเพราะเรามีปัจจัยพื้นฐานที่ต่างกัน

Posted by : บวบเองคับ , Date : 2011-06-09 , Time : 16:54:34 , From IP : 172.29.9.78

ความคิดเห็นที่ : 9


   คำว่า พอ มีลิมิตสำหรับตนเองหรือไม่
ถ้าไม่มี คำจำกัดความว่า พอ หาเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางได้เจอ
ไปให้สุดแล้วหยุดที่คำว่า "พอ"


Posted by : D_D_T , Date : 2011-06-10 , Time : 08:49:32 , From IP : mx-ll-110-164-58-114.static.3bb.co.th

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<