ในหลักของการบริหารและพัฒนาคุณภาพผลการปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จโดยง่าย ประการแรกคือ การที่โรงพยาบาลสามารถกำหนดแผนงาน นโยบาย ที่ได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการ หรือความคาดหวังของทั้งผู้ใช้บริการและบุคลากรผู้ให้บริการ แผนงานนั้นสามารถนำสู่การปฏิบัติได้ โดยเฉพาะในกลุ่มการพยาบาลซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่และมีจำนวนบุคลากรมากที่สุดในโรงพยาบาล เป็นส่วนที่สำคัญจำเป็นเพราะเป็นหน่วยงานที่ควบคุมกำกับการบริหารงานให้เกิดบริการพยาบาลที่มีคุณภาพ(โอษถา วิสัชนา,2544) ทำหน้าที่โดยตรงในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้านการรักษาพยาบาล ป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ประชาชนทุกเพศทุกวัยร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพและโดยทางอ้อมในการเชื่อมโยงประสานงานการดูแลผลการปฏิบัติงานในภาพรวมของโรงพยาบาลให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดกองการพยาบาล สำ นักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (2541) กำหนดไว้ว่า ประกอบด้วยลักษณะงานด้านการบริหารจัดการ ด้านการปฏิบัติการพยาบาลและด้านวิชาการ อันเป็นลักษณะงานหลักในหน้าที่ความ รับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพ และเมื่อพิจารณาถึงการได้รับแรงสนับสนุนด้านขวัญกำลังใจ หรือแรงจูงใจให้พยาบาลปฏิบัติงานในโรงพยาบาลภาครัฐ ยังอยู่ในวงจำกัด ขณะที่ผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลภาครัฐเพิ่มมากขึ้นในทุกปี พยาบาลวิชาชีพเป็นกลุ่มผู้ให้บริการที่ต้องรับภาระงานเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนของผู้ใช้บริการ ลักษณะงานที่ต้องปฏิบัติในสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายได้ง่าย เช่น ท่ามกลางสภาพที่ทุกข์ทรมานของผู้เจ็บป่วยการปฏิบัติงานที่จำเจและต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายประเภทหลายอารมณ์ การปฏิบัติงานจึงต้องใช้ความอดทนและ ความรับผิดชอบอย่างมากหากพยาบาลวิชาชีพมีความคาดหวังในการปฏิบัติงานและความเป็นจริงในการปฏิบัติงานทีแตกต่างกัน ก็จะไม่เอื้อต่อการเกิดพฤติกรรมบริการที่ดี ที่จะนำไปสู่ผลของการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพหรือทำให้พยาบาลปฏิบัติงานอย่างมีความสุขได้ นอกจากนี้ในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพให้สูงขึ้น ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้พยาบาลวิชาชีพ ยิ่งจำเป็นจะ ต้องได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถยิ่งขึ้นไปอีก การศึกษาของปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์(2544) กล่าวว่า การเกิดความเบื่อหน่ายท้อแท้จากความคาดหวังและความเป็นจริงในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน แรงจูงใจในการปฏิบัติงานก็จะไม่เกิด ผลการปฏิบัติงานก็จะลดลงในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพยาบาลจะมีมาตรฐานที่เป็นสากลทางการพยาบาลเพื่อใช้วัดระดับผลการปฏิบัติงานของพยาบาล เนื่องจากมาตรฐานการพยาบาลถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะบอกให้ทราบถึงระดับการพยาบาลที่มีคุณภาพว่าอย่างน้อยที่สุดควรมีลักษณะหรือวิธีปฏิบัติอย่างไร โดยต้องพัฒนาการปฏิบัติงานพยาบาลให้สูงขึ้น เพื่อให้ผลการปฏิบัติงานมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญปัจจัยหนึ่งคือปัจจัยด้านตัวผู้ปฏิบัติ งานพยาบาลเอง การที่เกิดช่องว่างระหว่างความคาดหวังและความเป็นจริงในการปฏิบัติ
งานเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระดับผลการปฏิบัติงานของพยาบาลลดลง จนอาจไม่สามารถคงไว้ซึ่งบุคลากรในโรงพยาบาลภาครัฐได้อีกต่อไป ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่นอัตราบุคลากรไม่เพียงพอกับภาระงาน นโยบายการบริหารงานที่ไม่ยืด หยุ่น บรรยากาศการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะสม การขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ก็ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมบริการและผลการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาล จากการวิเคราะห์ที่มาของปัญหาสาเหตุที่ได้มีผู้เสนอ แนะไว้ว่า ความไม่พึงพอใจในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพมักเกิดจากความไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างความคาดหวังและสภาพความเป็นจริงในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการขาดการได้รับแรงจูงใจ หรือนโยบายการสนับสนุนส่งเสริมจากองค์กรที่เหมาะสมอย่างเพียงพอจึงทำให้ประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานลดลง ความต้องการหรือความคาดหวังในการปฏิบัติงานของผู้ให้บริการจึงมีความสำคัญมากเพราะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการที่จะวางแผนพัฒนาบุคลากรในองค์กรเพื่อสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มความรู้ ความสามารถ เพื่อผลการปฏิบัติที่มีคุณภาพ หากเกิดช่องว่างระหว่างความคาดหวังและความเป็นจริงในการปฏิบัติงานแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขผลการปฏิบัติงานก็จะยังไม่ได้คุณภาพตามเป้าหมายยิ่งช่องว่างระหว่างความคาดหวังและความเป็นจริงมีมากเพียงใดก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็ นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเพื่อลดช่องว่างนั้น และการค้นหาระดับความต้องการหรือความคาดหวังในการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานจะเป็นขั้นตอนแรกของการดำเนินการเพื่อกำหนดแนวทางพัฒนาคุณภาพผลการปฏิบัติงานของพยาบาล ทัศพันธ์ พงษ์เภตรา (2545)กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการนั้นจะต้องเกิดจากความต้องการของผู้ปฏิบัติและสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นขององค์กร จากการศึกษาของ พิมพ์ผกา สุริยงศ์ (2547) ที่ได้เสนอแนะไว้ว่าควรมีการศึกษาผลการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในแต่ละด้านของการปฏิบัติงาน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการปฏิบัติการพยาบาล ด้านวิชาการเพื่อนำผลการวิจัยมาจัดการอบรมส่งเสริมให้สอดคล้องกับความต้องการตามที่คาดหวังของพยาบาลวิชาชีพ
สรุป
เมื่อภาระงานมากขึ้น ก็จะมีนโยบายต่างๆขึ้นมา ความคาดหวังสูงขึ้น แรงสนับสนุนด้านขวัญกำลังใจ หรือแรงจูงใจให้พยาบาลปฏิบัติงานในโรงพยาบาลภาครัฐ ยังอยู่ในวงจำกัด จำนวนพยาบาลเท่าเดิมหรือลดลง จะทำให้เกิดความล้าในการทำงาน จนทำให้เกิดเป็นความเบื่อหน่ายในการทำงาน จะเห็นได้ว่า พยาบาลที่มีอายุ ลักษณะงาน ภาวะผู้นำของผู้บริหาร บรรยากาศในการทำงาน นโยบาย แรงจูงใจ ซึ่งมีความ แตกต่างกันจะมีความเบื่อหน่ายในการทำงานแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ
Posted by : บวบเองคับ , Date : 2011-06-07 , Time : 02:06:28 , From IP : 172.29.9.139
|