ความคิดเห็นทั้งหมด : 8

เก็บมาฝาก


   ประสบการณ์ที่ให้ประโยชน์ไปชั่วชีวิต

เขียนโดย...หงหลาน (หัวหน้าศูนย์วิจัยสาขาประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจงยาง)

ลูกของเพื่อนคนหนึ่ง เรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้ครึ่งปีแล้วยังไม่ยอมไปหางานทำ
เอาแต่หมกตัวอยู่กับบ้าน กลางวันนอน กลางคืนเล่นอินเตอร์เน็ต

ไม่นานก่อนหน้านี้ลูกของเพื่อนคนนี้ได้ขอเงินพ่อแม่ไปทัศนศึกษาที่อเมริกา
เพื่อนจึงมาถามผมว่าควรจะให้เขาไปดีไหม ผมมองผมสีขาวโพลนของเพื่อน แล้วพูดว่า
“หากนายหวังดีต่อลูกจริง ก็ให้ลูกนายไป แต่อย่าให้เงินเขา”
แล้วผมก็คิดถึงเรื่องของน้องเขยของผม

น้องเขยผมเป็นชาวอเมริกัน เขาอยากเป็นกลาสีเรือมาแต่เด็ก อยากจะเผชิญโลกกว้าง
อยากจะลองเที่ยวรอบโลกแล้วค่อยกลับมาเรียนหนังสือ

แม้พ่อของเขาจะเป็นหมอ ฐานะครอบครัวก็ดี แต่พ่อแม่กลับไม่ได้ให้เงินเขา
และตัวเขาเองก็ไม่ได้ขอเงินจากทางบ้านด้วยเช่นกัน

พอจบชั้นมัธยมปลาย เขาก็ไปอลาสกาทำงานตัดไม้เพื่อเก็บเงิน
เนื่องจากที่อลาสกานั้นกลางวันยาวนานกลางคืนสั้น
กว่าพระอาทิตย์จะตกก็เป็นเวลาเที่ยงคืน และตีสาม พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว
หากเขาทำงาน 16 ชั่วโมงใน 1 วัน
เงินค่าจ้างตัดไม้ของหนึ่งฤดูกาลก็จะทำให้เขาสามารถเที่ยวรอบโลกได้ 3 ฤดูกาล

เขาเดินทางท่องเที่ยวไปรอบโลกเป็นเวลา 2 ปี จึงค่อยกลับมาเรียนมหาวิทยาลัย
เนื่องจากเขาเรียนเลือกคณะที่ตัวเองได้ผ่านการตัดสินใจและครุ่นคิดเลือกสรรอย่างรอบคอบแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเก็บหน่วยกิตของ 4 ปีได้ครบภายในเวลาเพียง 3 ปี แล้วออกมาทำงาน

การงานของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น กล่าวได้ว่าก้าวหน้าเร็วมาก
จนได้เป็นหัวหน้าวิศวกร

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้ผมฟัง
เขาบอกว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตเขาทั้งชีวิตเลยทีเดียว

ตอนที่เขาทำงานอยู่ในอลาสกา ขณะที่เขากับเพื่อนคนหนึ่งอยู่บนภูเขา
ก็ได้ยินเสียงหมาป่าครางโหยหวน เขาสองคนจึงออกค้นหาไปทั่วบริเวณด้วยความตกใจ
สุดท้ายไปเจอแม่หมาป่าตัวหนึ่งถูกกับดักสัตว์หนีบขาและกำลังร้องครวญครางโหยหวนอยู่

เขาเห็นกับดักสัตว์หน้าตาประหลาดนั้นปุ๊บก็ทราบทันทีว่าเป็นของคนงานเฒ่าคนหนึ่ง
คนงานเฒ่าคนนั้นมักดักจับสัตว์เป็นงานอดิเรกเพื่อจะนำหนังสัตว์ไปขายเสริมรายได้ในครอบครัว
แต่คนงานเฒ่าคนนี้เพิ่งจะถูกเฮลิคอปเตอร์พาไปส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนด้วยอาการโรคหัวใจ
ดังนั้นแม่หมาป่าตัวนี้จึงมีโอกาสอดตายเพราะไม่มีใครมาช่วยจัดการ

เขาคิดจะปล่อยแม่หมาป่า แต่แม่หมาป่าดุมากจนไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆ ได้เลย
เขายังเห็นด้วยว่าแม่หมาป่ามีน้ำนมหยดจากเต้านม แสดงว่ามีลูกอ่อนรออยู่ในรัง
ดังนั้นเขากับเพื่อนจึงพยายามค้นหารังหมาป่าอย่างสุดความสามารถ และหาพบในที่สุด
จากนั้นจึงอุ้มลูกหมาป่าทั้งสี่ตัวมาที่แม่หมาป่าเพื่อให้มันป้อนนมลูก
ลูกมันจะได้ไม่อดตาย

พวกเขาแบ่งเสบียงให้แม่หมาป่า มันจะได้รอดชีวิตต่อไป
กลางคืนยังต้องตั้งแคมป์อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้ช่วยคุ้มครองพวกมันได้
เพราะแม่หมาป่าโดนกับดักหนีบไว้ จึงป้องกันตัวเองไม่ได้

จนถึงวันที่ 5 ตอนที่เขาไปป้อนอาหาร พบว่าหางของแม่หมาป่ากระดิกเบาๆ
จึงทราบว่าเริ่มได้รับความไว้วางใจจากแม่หมาป่าแล้ว ผ่านไปอีก 3 วัน
แม่หมาป่าถึงได้ยอมให้เขาเข้าใกล้เพื่อจะได้ปลดกับดักสัตว์ออกให้

หลังจากแม่หมาป่าเป็นอิสระ ก็เลียมือของเขา ยอมให้เขาใส่ยารักษาแผลที่ขาให้
แล้วค่อยพาลูกๆ จากไป ระหว่างเดินจากไปยังหันกลับมามองพวกเขาอยู่หลายครั้ง

เขานั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่แล้วคิดว่า
หากมนุษย์สามารถทำให้สัตว์ป่าที่ดุร้ายเลียมือตัวเองและกลายเป็นเพื่อนกันได้
แล้วจะไม่สามารถทำให้มนุษย์ด้วยกันวางอาวุธลงและยอมเป็นเพื่อนด้วยได้เชียวหรือ?

เขาตัดสินใจว่านับจากนี้ไปจะแสดงความเป็นมิตรแก่คนอื่นก่อน
เพราะเขาได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้แล้วว่า ต้องแสดงความจริงใจของเราเองก่อน
อีกฝ่ายจึงจะยอมแสดงความจริงใจตอบ (เขายังพูดล้อเล่นว่า หากไม่เป็นเช่นนี้ล่ะก็
อีกฝ่ายก็คงเทียบไม่ได้กระทั่งเดรัจฉานแล้ว)

ดังนั้น เวลาทำงานในบริษัท เขาจึงมักปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ
เขาจะสมมติก่อนว่าคนอื่นนั้นมีเจตนาดี
แล้วค่อยไปคิดหาเหตุผลในพฤติกรรมของคนคนนั้น เขามักช่วยเหลือผู้อื่น
ไม่ถือสาหาความเรื่องเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งทุกปี
และก้าวหน้าเร็วมาก ที่สำคัญที่สุดคือ เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน
คนที่ช่วยเหลือผู้อื่นนั้นมักมีความสุขกว่าคนที่ได้รับความช่วยเหลือมาก
แม้เขาจะไม่ทราบว่าคนจีนมีคำกล่าวว่า “เป็นผู้ให้มีความสุขกว่าเป็นผู้รับ”
แต่ชีวิตของเขาได้ยืนยันความจริงของประโยคนี้แล้ว

เขาบอกผมว่า เขารู้สึกขอบคุณประสบการณ์ในอลาสกาอย่างมาก
เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อเขาไปชั่วชีวิต

ซึ่งก็จริง มีเพียงสิ่งที่ตัวเราปรารถนาเท่านั้นที่เราจะทะนุถนอม
มีเพียงลูกพลับที่เคยผ่านน้ำค้างแข็งมาแล้วเท่านั้นที่จะมีรสหวาน คนก็เช่นกัน
ต้องผ่านการฝึกฝนขัดเกลาจึงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์

หากคนคนหนึ่งเรียนจนจบมหาวิทยาลัยแล้วยังไม่รู้อีกว่าตัวเองอยากจะทำอะไร
ก็สมควรจะส่งเขาไปฝึกฝนขัดเกลาตัวเองในโลกภายนอกเสียบ้างแล้ว

อย่าให้เงินเขา ให้เขาหาเงินเลี้ยงปากท้องเอง
ให้โอกาสเขาไปแสวงหาตัวตนของตัวเอง และสัมผัสกับชีวิต

เชื่อว่าเขาย่อมได้พบกับประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขาไปจนวันตายอย่างแน่นอน


Posted by : superman , Date : 2004-01-15 , Time : 15:23:08 , From IP : 172.29.1.186

ความคิดเห็นที่ : 1


   เป็นบทความที่อ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน เป็นข้อคิดให้ผู้ท่กำลังเติบโตรู้จักใช้สติในการทำงาน อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากทำงานได้ และอยากปรับปรุงตัวเองมากขึ้น แต่คนท่กล้าทำเช่นนี้คงจะเป็นผู้ที่มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมากเลยครับ ดี จริง ๆ

Posted by : ผู้ผ่านมา , Date : 2004-01-15 , Time : 20:59:28 , From IP : 172.29.3.167

ความคิดเห็นที่ : 2


   ชอบครับ

Posted by : Dhan , Date : 2004-01-15 , Time : 21:18:26 , From IP : 202.57.185.12

ความคิดเห็นที่ : 3


   ถ้าระดับพี่ Dhan ยังชอบ มีเหรอที่ผมจะไม่กรี๊ดด้วย



Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2004-01-15 , Time : 21:57:35 , From IP : 172.29.3.170

ความคิดเห็นที่ : 4


   พอดีอ่านมาเจอ โดนใจมากค่ะ เพราะตอนนี้กำลังท้อกับการทำงาน อ่านแล้วทำให้รุ้สึกว่าตัวเองแย่มากเลย คงต้องพยายามปรับปรุงตัวเอง ขอบคุณที่มีอะไรดีๆมาให้อ่านค่ะ

Posted by : aishiteru , Date : 2004-01-16 , Time : 07:42:49 , From IP : 172.28.91.117

ความคิดเห็นที่ : 5


   ชอบมากๆ เลย และคิดว่าถ้าน้องเขยผู้นั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ ก็เป็นคนที่มีจิตใจงดงามมากๆ เรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายเรื่องรวมทั้งสิ่งที่พ่อแม่ควรปฏิบัติต่อลูกด้วย

Posted by : vivi , Date : 2004-01-16 , Time : 16:40:42 , From IP : 172.29.3.93

ความคิดเห็นที่ : 6


   ชอบมากเช่นเดียวกันครับ
ปัจจุบันหลายคนเข้ามาเรียนหรือเริ่มทำงานต่างๆ โดยยังไม่รู้จักตนเองดีพอ ยังไม่ทราบว่าสิ่งที่ตนเองชอบจริงๆคืออะไร
เราขาด Planของชีวิต?(เราน่าจะมีการแนะนำหรือการเรียนการสอนวิชาวางแผนชีวิต /วางแผนการศึกษากันบ้าง โดยอาจารย์ผู้มากด้วยประสบการณ์ของเราหลายๆท่าน) บางครั้งยังเป็นคำถามในใจเหมือนกันว่าพวกเราเข้ามาในมหาวิทยาลัยเพื่ออะไรกันแน่
ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นว่าสิ่งที่พวกเราควรจะเข้ามามหาวิทยาลัยเพื่อเก็บเอาประสบการณ์ชีวิตและประสบการณ์ การได้เริ่มพบปะผู้คนที่หลากหลาย ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้ได้อย่างคุ้มค่า คิดว่าบางครั้งเราควรคิดมาก่อนด้วยซ้ำว่าเมื่อเราเข้ามาเราจะทำอะไรบ้าง/เพื่ออะไร เราจะออกไปพร้อมกับประสบการณ์และสมบัติทางปัญญาที่มีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด หรือเพียงก้มหน้าก้มตาเรียนเก็บเอากระดาษ1 ใบออกไปโดยที่ยังไม่ได้เรียนรู้ชีวิต


Posted by : Scorpion , Date : 2004-01-17 , Time : 09:40:14 , From IP : 172.29.4.238

ความคิดเห็นที่ : 7


   ชอบอ่ะ อ่านแล้วดี

Posted by : peter , Date : 2004-01-18 , Time : 11:22:27 , From IP : 172.29.2.159

ความคิดเห็นที่ : 8


   อยากไปAlaskaบ้างง่ะ

Posted by : ce , Date : 2004-05-07 , Time : 18:42:33 , From IP : 172.29.4.170

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<