ความคิดเห็นทั้งหมด : 65

หน้าที่ใคร?


   สงสัยมาก สงสัยมานานแล้ว ว่าการทำแผล(รวมถึงการเตรียม set และการเก็บ), การ run EKG, นี่มันหน้าที่ของใครกันแน่
เห็นออกไปโรงพยาบาลข้างนอกพยาบาลทำให้หมด บางครั้งเราจะทำเองพยาบาลยังเข้ามาห้าม บอกว่าเดี๋ยวเค้าทำให้เอง
แต่ไหงกลับมาข้างในถึงกลับตาลปัตร ต้องทำเองทั้งหมด ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะอะไรมากเลย(ยกเว้นแผลยากๆนะ) จะว่าทำไม่เป็นก็คงไม่ใช่ เพราะเรียนมา 4 ปีเท่ากันกับพยาบาลข้างนอก หรือจะบอกว่าไม่ว่างก็ไม่น่าจริง เพราะพยาบาลข้างนอกงานยุ่งกว่าข้างในอีก เพราะคนไข้เยอะแต่พยาบาลมีจำกัด แต่ก็เห็นเค้าทำได้

ถ้าความเห็นส่วนตัว คิดว่างานบางอย่างเช่น run EKG ถ้าไม่ใช่เพราะ chest pain เช่น pre-op ควรจะเป็นหน้าที่ของพยาบาล เพราะ
1. ไม่ต้องใช้ทักษะไรมากเลย
2. ควรเก็บ extern ไว้ใช้ในงานที่จำเป็นมากกว่า เพราะเราอยู่เวรทั้งวัน ไม่ใช่แค่ 8 ชม. และวันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้ off ต้องมาทำงานตามปกติ ฉะนั้น งานอะไรที่พอจะช่วยกันได้ก็น่าจะช่วยกัน
ส่วนเตรียม set ทำหัตถการเนี่ย จะให้ช่วยก็ ok นะ แต่ถ้าจะให้เก็บด้วยนี่ คิดว่าเกินไป เพราะคนงานก็มี แถมเก็บผิดที่ยังโดนพยาบาลว่าอีก

ไม่ได้จะตำหนิใคร แต่อยากได้ความเห็นแบบเป็นกลาง ว่าจริงๆแล้ว ใครที่ควรเป็นคนทำ ?


Posted by : เอ็กซ์- สะ-เทิน , Date : 2004-01-12 , Time : 12:32:56 , From IP : 172.29.2.194

ความคิดเห็นที่ : 1


   พูดไป 2 ไพเบี้ย

Posted by : Fx , Date : 2004-01-12 , Time : 13:27:31 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 2


   ถ้ายังมีความคิดที่จะเป็นแพทย์ อะไรที่ทำให้ผู้ป่วยได้ก็ทำไปเถอะ ไม่งั้นก็ไปเป็นพยาบาลไป

Posted by : timberland , Date : 2004-01-12 , Time : 13:32:18 , From IP : 172.29.3.167

ความคิดเห็นที่ : 3


   ใครก็ทำได้ทั้งนั้นแหละว่ะ มันอยู่ที่สันดาน

Posted by : ปรีดี , Date : 2004-01-12 , Time : 15:38:28 , From IP : 172.29.3.155

ความคิดเห็นที่ : 4


   เพื่อการเรียนรู้งัยครับ
คิดเสียว่าอยู่ข้างนอกเราคือหมอใหญ่ อยู่ข้างในเราคือขี้ข้า


Posted by : Aqua , Date : 2004-01-12 , Time : 16:07:20 , From IP : 202.129.48.122

ความคิดเห็นที่ : 5


   ทำไมต้องเกี่ยงว่าเป็นหน้าที่ใครด้วยล่ะคุณพี่เอ๊กซ์ซะเทิน
คุณไม่อยากทำอะไรๆให้คนไข้คุณหรอ
หรือคุณคิดว่าหน้าที่ของคุณแค่มาเดินดูคนไข้เช้าๆเย็นๆแล้วก็ขีดๆเขียนๆลงชาร์ท
อ้อ.. เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นคีย์ลงคอมแล้วซินะ
คุณคิดว่าการเป็นหมอคืออะไรหรอ


Posted by : บี1บี2 , Date : 2004-01-12 , Time : 17:31:09 , From IP : 172.29.2.185

ความคิดเห็นที่ : 6


    ทนๆหน่อยน้องเดี๋ยวถ้ามาอยู่ข้างนอกก็ไม่ต้องเป็นขี้ข้าใครแล้ว

Posted by : เบื่อเหมือนกัน , Date : 2004-01-12 , Time : 20:10:42 , From IP : 202.129.18.132

ความคิดเห็นที่ : 7


   ความจริงทำเอง มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอกนะ แต่มันเสียเวลา เคยใหม ที่กำลังทำหัตถการอยู่ แล้ว มีเสียงกวนประสาทว่า หมอ รัน EKG ด้วยเนี่ย มันหงุดหงิดนะ บางทีเรายุ่งแทบตาย แต่ยังตามจิกอยู่ได้ ถ้าว่าง ๆ อะ มันก็ทำได้รหรอก ไม่บ่น
ตอนนี้ไม่รู้มีอยู่อีกหรือปล่าวนะ ที่วอร์ด ศัลย์ ซักวอร์ด จำไม่ได้ว่าวอร์ใหน มีการเอาเซท ทำแผล ลอ็กกุญแจ เวลานศพ จะทำแผลทีแทบต้องกราบกรานเธอ ให้ช่วยปลดล็อก แล้วเอาเซทให้ แถมต้องมีการเซ้นชื๋อด้วยนะ โห เป็นพระคุณอย่างสูงที่กรุณาให้กระผม ได้มีโอกาศใช้เซททำแผลของคุณเธอ
ความจริงอะไอ้ของพวกเนี่ย ก็เข้าใจว่าทำไปอะ มันก็ช่วยฝีก ทำให้เราทำอะไรหลายอย่างเป็น แต่เข้าใจใหม การเป็นเอกเทิร์น เนี่ย มันเหนื่อยนะ เห็นใจกันบ้าง


Posted by : Dr k ( เคยเป็น เอ็กเทิร์นมาก่อ , Date : 2004-01-12 , Time : 21:05:09 , From IP : proxy-mu2.mahidol.ac

ความคิดเห็นที่ : 8


   น้องลองช่วย list รายการออกมาได้ไหมครับว่าอะไรที่เป็นหน้าที่ของ extern และ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง) อะไรไม่ใช่หน้าที่ที่เหมาะสมที่ extern จะ "ลง" ไปทำ?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-12 , Time : 21:44:49 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 9


   เกินไปไหมครับเฮีย...เด็กเขาเหนื่อย...เขารำคาญ.....ยิ่งเฮียจะมาให้เขา list ออกมาให้เฮียอย่างนี้....ไม่ทราบว่าเฮียมีความหมายโดยนัยอะไรหรือเปล่า..... เขาคงรำคาญเพราะชุดขาวที่เอาแต่ Notify โดยไม่ใช้...คิดหรือไม่ก็มีแต่หัว.เหา..เข่าที่ใช้รองการทำงานของอวัยวะบางอย่าง.....เด็กเขาคงทนมาพอสมควรจนทนไม่ได้น่ะครับเฮียเขาถึงต้องออกมาประกาศต่อที่สาธารณะอย่างนี้

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-12 , Time : 22:07:08 , From IP : 172.29.3.208

ความคิดเห็นที่ : 10


   การที่ Extern ทำ ECG แล้วถ้าได้มีการนำมาอ่านผล ให้รุ่นพี่ช่วยสอนอ่านในส่วนที่ไม่เข้าใจ ก็ถือว่ายังได้ประโยชน์จากการทำงานบ้างนะคะ เพราะจริงๆ แล้วหน้าที่หลักของ Extern คือการเรียนรู้การทำงาน ไม่ใช้ให้มาถูกใช้งานอย่างเดียวคะ
แต่มีเรื่องที่ส่งสัยอยู่เรื่องหนึ่งอยากเรียนถามผู้บริหารภาควิชา Medicine ว่าทำไมต้องให้แพทย์เป็นผู้ต่อ IV ให้เลือดเองด้วย เรื่องการที่ต้องมา check เลือดก่อนให้ ก็คิดว่ายังมีเหตุผล แต่การที่ต้องมาต่อ IV เองด้วยนี่ ยังไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย ภาคอื่นๆ ก็ไม่มีการปฏิบัติเช่นนี้ ไม่ทราบว่าผู้ที่วางแนวทางการปฏิบัติอันนี้มีเหตุผลอะไร ช่วยมาตอบให้ด้วยนะคะ


Posted by : Extern , Date : 2004-01-12 , Time : 22:11:55 , From IP : 172.29.3.219

ความคิดเห็นที่ : 11


   ไม่ใช่ข้อเสนอของผมที่ให้ list หรอกนะครับ เห็นท่านผู้เริ่มกระทู้บอกว่าควรเก็บ extern ท่านไว้ทำงานที่จำเป็น ก็เลยขอให้ช่วยขยายความให้เห็นภาพพจน์

ผมอยากจะเสนอความเห็นอีกประการจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้นะครับ บางครั้งเราอาจจะประเมินความหนัก ความเหนื่อย ของการทำงานในต่างสาขาวิชาชีพได้ยาก ส่วนใหญ่เราจะรับทราบล่ะครับว่างานของ "เรา" นั้นหนักเหนื่อยอย่างไร แต่บางทีบ่นข้ามไปสายอาชีพอื่นๆก็อาจจะไม่ค่อยมีผลบวกต่อข้อเรียกร้องอะไร (ถ้ามี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอดใส่อารมณืลงไปในสำนวน ก็อาจจะเป็นการชักจูงให้เบี่ยงเบนออกไปจากเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอหรือเจตนาดั้งเดิมได้โดยง่าย

ผมเคยเสนอแนะหลักการไว้สั้นๆ ดูได้ใจความดี ถ้าเราจะทำอะไรแล้วขอแค่สองอย่าง อย่างแรกคือมีหลักการ อย่างสองหลักการเดียวที่เราจะอิงคือหลักปรัชญาของสมเด็จพระราชบิดาว่าประโยชน์ผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่งและของตนเองเป็นอันดับรอง ขอแค่นั้นล่ะครับ แล้วเราจะพบว่าการอภิปรายจะมีแต่ผลบวก

กราบขออภัยถ้ารบกวนเบื้องบาทใครเข้า มิได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น




Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-12 , Time : 22:23:51 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 12


   ทนๆไปเถอะครับ เดี๋ยวก็บแล้ว อย่าเอาเรื่งนี้มาเถียงกันอีกเลย

Posted by : นายจัมปุง , Date : 2004-01-12 , Time : 23:30:56 , From IP : 172.29.4.206

ความคิดเห็นที่ : 13


   ช่วงเป็นเอกซ์สะเทิ้น เป็นช่วงของการเรียนรู้ ฝึกสมาธิข่มความโกรธ โลภหลง ทำไปเหอะน่า แล้วก็ไปเปรียบเทียบว่าตัวเองเป็นขี้ข้าได้ไง ดูถูกตัวเองชัดๆ แล้วก็พยาบาลก็ไม่ได้เป็นขี้ข้าใครด้วย ต่างคนต่าง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วกัน จบแล้วจะได้เป็นแพทย์ที่ดีๆบ้างให้สังคมกล่าวถึง

Posted by : toom , Date : 2004-01-12 , Time : 23:33:11 , From IP : 172.29.3.254

ความคิดเห็นที่ : 14


   ความเห็นของผมก็คือว่า สาเหตุหนึ่งที่มีนโยบายให้หมอทำEKGเอง ก็เพื่อให้แน่ใจว่า ถ้าคนไข้มีภาวะรีบด่วนทางหัวใจ จะได้แน่ใจว่ามีหมออยู่ตรงนั้น1คน และให้การรักษาได้ทันท่วงที
แต่การทำEKG เดี๋ยวนี้ ไม่ได้ทำเพื่อ detect MI อย่างเดียวแล้ว แต่ลามไปภึงการทำ pre-op หรือ follow up EKG จากของเก่า ซึ่งไม่รีบทำในเวร แต่บังเอิญในเวลาเจ้าหน้าที่มาทำไม่ทันเลยต้องส่งเวรทำแทน
อันนี้แหละที่จะมีปัญหาว่าคนที่ทำทำไปก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรและไม่ได้เกี่ยวกับการรักษาคนไข้เลย แล้วก็พาลให้เบื่อและไม่อยากทำในทีสุด
แต่ถ้าถามว่าอย่างนี้ควรให้คนอื่นทำแทนมั้ย เพราะงานนี้ไม่ได้อาศัยทักษาะอะไรอย่างที่ว่าจริงๆ เพราะแค่วางlead ตามตำแหน่งนั้นๆเฉยๆ
สิ่งที่น้องๆต้องเข้าใจก่อนเป็นหมอก็คือ ในวงการนี้ คนที่เป็นนายหรือเป็นหัวหน้า มักจะมีนโยบายสวยหรูที่เอาใจคนอื่น แต่ลำบากลูกน้องตัวเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือโครงการสามสิบบาทที่กระทบวิชาชีพพวกเราอย่างรุนแรงตอนนี้งัย ถามว่าคนวงนอกชอบมั้ย ชอบมาก คนกุมนโยบายได้คะแนนเสียง แต่คนระดับปฏิบัติก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดไป แม้แต่ใน มอ.เอง ก็ยังบ่น หาว่าหมอในแพทยสภากะในกระทรวงไม่ปกป้องพวกกันเองมั่งล่ะ เลือกไปเสียแรงมั่งล่ะ แต่ไม่ได้ดูเลยว่าในหน่วยงานตัวเอง ก็กดขี่ลูกน้องตัวเองอยู่เหมือนกัน


Posted by : Ikarus , Date : 2004-01-12 , Time : 23:38:10 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 15


   ถ้าเป็นงานที่เกี่ยวกับคนไข้แล้วมีคนส่งมาให้เราซึ่งเป็นนศพ.หรือexternทำ ผมมีความเห็นว่าเราควรจะทำ เพราะทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น เอาไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต แต่เราต้องดูด้วยนะว่า คนที่ส่งมาให้เราทำมีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือเปล่า


Posted by : megumi , Date : 2004-01-13 , Time : 00:58:10 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 16


   เห็นด้วยกับความคิดข้างบนโน้น...พยาบาลไม่ใช่ขี้ข้าใคร คุณเอกซ์สะเทิน ไม่อยากทำแผล..ก็ร้องเรียน แจ้งเรื่องไปที่อาจารย์ /ภาค/...คุณไปซิ. จะมาประจานความขี้เกียจของคุณให้คนอื่นรู้ทำไม.. ส่วนเรื่องทำแผลคนไข้..ตอนนี้ที่ WARD ที่เราอยู่ก็ไม่เห็นจะมี Ext. หรือคุณหมอท่านไหนทำ เราทำเองก็ไม่เห็นว่ามันจะยาก ลำบากตรงไหน ..Believe it or not ? บางทีคนไข้มี Bed sore เท่าบ้าน ตั้งแต่วันAdmit จน D/C เป็นเดือนๆ ยังไม่มีคนเก่งคนไหนรู้ หรือเห็นเลย(อย่าว่าแต่จะทำแผล) คำถาม ..พวกคุณมาขึ้น Ward มาหาอะไร?


Posted by : oReGon , Date : 2004-01-13 , Time : 02:53:51 , From IP : 172.29.3.235

ความคิดเห็นที่ : 17


   เห็นด้วยกับความคิดข้างบนโน้น...พยาบาลไม่ใช่ขี้ข้าใคร คุณเอกซ์สะเทิน ไม่อยากทำแผล..ก็ร้องเรียน แจ้งเรื่องไปที่อาจารย์ /ภาค/...คุณไปซิ. จะมาประจานความขี้เกียจของคุณให้คนอื่นรู้ทำไม.. ส่วนเรื่องทำแผลคนไข้..ตอนนี้ที่ WARD ที่เราอยู่ก็ไม่เห็นจะมี Ext. หรือคุณหมอท่านไหนทำ เราทำเองก็ไม่เห็นว่ามันจะยาก ลำบากตรงไหน ..Believe it or not ? บางทีคนไข้มี Bed sore เท่าบ้าน ตั้งแต่วันAdmit จน D/C เป็นเดือนๆ ยังไม่มีคนเก่งคนไหนรู้ หรือเห็นเลย(อย่าว่าแต่จะทำแผล) คำถาม ..พวกคุณมาขึ้น Ward มาหาอะไร?


Posted by : oReGon , Date : 2004-01-13 , Time : 02:55:21 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 18


   ก่อนจะมาถกกันว่าใครผิดใครถูก ขอให้นึกถึงคนไข้ตาดำๆที่นอนอยู่บนward
การทำงานต้องเอื้ออาทรกันต้องให้เกรียติซึ่งกันและกันแต่ละอาชีพต่างก็มีความ
สำคัญที่ต่างกัน พยาบาลจะใช้extern ก็ทำด้วยท่าทีและคำพูดที่ดี extern
ก็ควรจะรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ที่จะต้องทำถ้าวันไหนเหนื่อยมากจะขอให้คนอื่นช่วย
ทำงานของเราก็ควรจะขอด้วยท่าทีและคำพูดที่ดี คงไม่มีใครใจดำพอจะไม่ช่วยน้อง งานไหนที่น้องคิดว่ามอบหมายให้ทำไม่เหมาะสมควรจะเสนอผ่านผู้

ใหญ่ที่รับผิดชอบเพื่อจะได้ปรับให้เหมาะสมต่อไปจะมีประโยชน์มากกว่า


Posted by : mm. , Date : 2004-01-13 , Time : 06:27:30 , From IP : 172.29.3.228

ความคิดเห็นที่ : 19


   ก่อนจะมาถกกันว่าใครผิดใครถูก ขอให้นึกถึงคนไข้ตาดำๆที่นอนอยู่บนward
การทำงานต้องเอื้ออาทรกันต้องให้เกรียติซึ่งกันและกันแต่ละอาชีพต่างก็มีความ
สำคัญที่ต่างกัน พยาบาลจะบอกหรืออธิบายงานextern ก็ทำด้วยท่าทีและคำพูดที่ดีอย่าคิดแค่ว่าเขาเป็นนักเรียนแพทย์ต้องให้เกรียติ externเอง
ก็ควรจะรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ที่จะต้องทำและเรียนรู้งานทุกอย่างที่ทำให้คนไข้กรุณาอย่าคิดว่ามันตำต้อย ถ้าวันไหนเหนื่อยมากจะขอให้คนอื่นช่วย
ทำงานของเราก็ควรจะขอด้วยท่าทีและคำพูดที่ดี คงไม่มีใครใจดำพอจะไม่ช่วยน้อง งานไหนที่น้องคิดว่ามอบหมายให้ทำไม่เหมาะสมควรจะเสนอผ่านผู้
ใหญ่ที่รับผิดชอบเพื่อจะได้ปรับให้เหมาะสมต่อไปจะมีประโยชน์มากกว่า ทุกคนต่างก็เหนื่อยในการทำงานเหมือนๆกัน ถ้าคนไข้เป็นพ่อ แม่เราคงเสียใจมากนะที่เรามานั่งเถียงเกี่ยงกันให้การดูแลท่าน...................


Posted by : mm. , Date : 2004-01-13 , Time : 06:41:48 , From IP : 172.29.3.228

ความคิดเห็นที่ : 20


   เฮียครับ...มิเจตนาจะว่าเฮียนะ...การดูแลคนไข้ต้องดูแลเป็น...สหวิชาชีพ...หรือที่เฮียเรียกหรูๆว่า..ว่า...อ๋อ multi อะไรซักอย่างนึงน่ะ.เอ่อ เห็นด้วยครับ ..ส่วนเรื่องในกระทู้น่ะ... เด็กเค้าคงจะไม่เกี่ยงงาน..แต่คงมีบางพวกที่..หลังยาว..น่ะครับ...ปัญหา...น่าจะอยู่ที่ขอบเขตของวิชาชีพ...กับเจตนาหรืออะไรบางอย่างของผู้ที่ notify หรือ order .... เช่น ถ้า...สั่ง sputum 4 กษัตรยิ๋ gramสตึ -AFบ้า- MAFบอ และไร้สติ ..... สั่งทิ้งไว้เลย...โดยหวังว่า externที่อยู่เวรจะย้อมให้...อย่างนี้ก็ไม่รู้เป้าหมายของ Order ว่าจำเป็นและรีบด่วนแค่ไหน..แต่ที่แน่ๆ คือ..คนสั่งต้องได้...ถ้าไม่ได้...พรุ่งนี้..เด็กที่อยู่เวรคงตายล่ะครับ....หรือ..บางคน..notify...ยังไม่ทันรู้เรื่องเลยแล้วสะบัดก้นหนีไป...เลยไม่ทราบว่าทำเพื่อผลประโยชน์คนไข้หรือปัดความรับผิดชอบออกจากตัวกันแน่....เด็ก...ก็คือเด็ก...ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใครหรอก...เขาเกรงใจ...กลัวโดนประเมินไม่ผ่าน...สุดท้าย...อยากรบกวนเฮียช่วยวิจารย์...เกี่ยวกับการขอเลือด...หน่อยน่ะครับ...เอ่อ...ขอบคุณครับ

Posted by : นะครับ , Date : 2004-01-14 , Time : 02:00:40 , From IP : 172.29.1.229

ความคิดเห็นที่ : 21


   ขออภัยนะครับ ผมไม่คุ้นกับการอ่านแบบบเว้นวรรคของภาษาปัจจุบันที่เขียนมาเท่าไหร่เลยมองไม่เห็นความเป็นมาเรื่องขอเลือดกับ extern ว่าจะให้อภิปรายกันว่าอะไร คุณเขียน style คล้ายๆนาย Death เลยคือมีผลอย่างเดียวกันกับผมม i.e. กว่าเราทำความเข้าใจกันต้องสื่อกันหลายรอบ

เห็นใจ extern ที่รับ order โดยไม่รู้วัตถุประสงค์และความเร่งด่วน ตรงนี้คิดว่าจะแก้ไขโดยวิธีไหนดีล่ะครับ ผมคิดว่าอันนี้ไม่อยู่เรื่อง job description ของ extern รึเปล่า? น่าจะเป็น knowledge management ว่าวิธีไหนจะให้เกิดการเรียนรู้มากกว่าจะขยายเป็นใครจะไม่ทำงานอะไร หรือถ้าคุณอยากจะตั้งประเด็นใหม่ theme ใหม่ที่ไม่อยู่ในร่มกระทู้เดิมก็ยินดีตามไปร่วม กระทู้จะได้ไม่สับสนหรือเปลี่ยนแนวรบแบบสายฟ้าแลบ (คนสมองมันช้าน่ะครับ ขออภัย)

อีกประการหนึ่ง ผมมีความเห็นว่าถ้าเป็นเรื่องสำคัญต่อวิชาชีพ และน่าจะมีแนวการปรับปรุงแก้ไข รูปแบบการอภิปรายหรือคำที่ใช้ก็อาจจะต้องเป็นไปในทางเดียวกัน ถ้าพูดเล่นๆ ไม่ได้หวังว่าเป็นเรื่องจริง หรือ serious ก็แล้วไป



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-14 , Time : 07:02:46 , From IP : 172.29.3.238

ความคิดเห็นที่ : 22


   .........ฮ้าาาา..โดนพาดพิงจนได้.....:D...:D.....กะว่าจะไม่เขียนแล้วเชียว....:D..:D...................
...............เกี่ยวกะเรื่องนี้.....จะบอกอะไรแปลกๆให้....สมัยผมเป็น Extern นะ....ผมต้องเจาะ DTX คนไข้เองด้วยนะ.....คิดดูสิ...ถ้าเจอแบบว่าดู DTX ทุก 1 ชั่วโมงสัก 3 เตียงจะเป็นไง......ไม่ต้องนอนไงหละ.....มีปั่น Hct ด้วยนะ.....ให้เลือดหมดตีสอง....ตีสามมาปั่น Hct.....แถมระหว่างปั่น Hct...เจาะ DTX....ย้อม Sputum...ย้อม Urine....เกือบทุกวันต้องมีคนไข้ตาย.....ต้อง CPR...ใส่ Tube....Cutdown....อยู่เวรทุกวันไม่เคยได้นอนเลย.....มันส์กว่าเป็น Extern ที่นี่หลายเท่านักครับ....และอย่าคิดว่าผมขยันนะ...ผมนะสุดยอด Extern สันหลังยาวแบบสุดๆ....ตอนช่วงหลังๆนั้นนะ...พี่ Resident แทบไม่อยากให้อยู่เวรเลย....แบบว่าไม่ได้นอนและอีกวันก็เป็นศพมาเดิน....แถมทุกคืนปริมาณคนไข้ใน Ward จะถูกลดจำนวนลงไปอีกด้วย...เช้่ามาก็โดน Staff ward ด่า.....คนไข้หายไปไหน..?...มันเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำครับ....อย่ามองว่ามันเนื่อยเลยครับน้องๆทั้งหลาย.....ชีวิตนี้น้องจะเหนื่อยเรื่องอื่นมากกว่านี้อีกเยอะ.....ประสบการณ์เหล่านี้จะไม่มีให้น้องๆได้เจออีกแล้วครับถ้าพ้นวัยนี้ไปแล้ว.....จริงนะ...:D...:D



Posted by : Death , Date : 2004-01-14 , Time : 11:50:00 , From IP : 172.29.3.151

ความคิดเห็นที่ : 23


   ผมก็เคยฟังประสบการณ์พี่ๆมานะครับ ว่าเขาเรียนกันมาหนักแค่ไหน และรู้สึกว่าตัวเราเองนั้นเรียนเบากว่ามาก(ถึงมากที่สุด)

แพทย์และพยาบาลนั้น มีหน้าที่ที่ต่างกันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีอะไรที่พยาบาลทำไม่ได้ แพทย์ก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเองไม่ใช่หรือครับ

อย่างที่เคยรู้มา การที่จะเป็นหัวหน้า เจ้านาย หรือผู้บัญชาที่ดีนั้น ควรที่จะต้องรู้งานระดับล่างสุดและทุกฝ่ายให้ดีกว่าคนอื่นๆ

และอีกอย่าง extern ก็ยังถือว่าเป็นนักศึกษาอยู่ไม่ใช่หรือครับ การที่จะถูกครูบาอาจารย์สั่งให้ทำงาน หรือให้การบ้านเนี่ย ถ้ามันไม่เหมาะสมอย่างไร ก็ควรจะพูดคุยกับอาจารย์ไม่ใช่หรือครับ

โตๆกันแล้ว ไม่ใช่เด็กอนุบาล ที่ต้องกลับบ้านร้องไห้ ให้แม่ทำการบ้านให้


Posted by : ArLim , Date : 2004-01-14 , Time : 18:50:16 , From IP : 203.156.38.144

ความคิดเห็นที่ : 24


   น้องครับ ปรมาจารย์ บู้ตึ้ง หรือผู้มีฝีมืออย่างเก่งกาจทั้งหลายล้วนผ่าน การยก และการแบกนำขึ้นเขากันทั้งนั้น

Posted by : Vicryl , Date : 2004-01-14 , Time : 19:08:06 , From IP : 172.29.3.167

ความคิดเห็นที่ : 25


   เสียใจแทน extern
เสีย.... เงินตั้งหลายหมื่น
มา.....เป็นพนักงาน EKG
มา.....เป็นพนักงานตาม Lab
มา.....เป็นพนักงาน print lab
มา.....เป็นพนักงานลอก lab
มา......เป็นพนักงาน แบกchart ตาม round
มา......เป็นพนักงานตามผล patho
มา.......เป็นพนักงานสรุป chart (ที่บาง ward )
มา.......เป็นพนักงาน ผสม chemo บาง ward (ซึ่งบาง ward ก็ไม่ให้แตะ)
อะ อะ ... จะเถียงละซิว่าเค้าไม่ต้องการให้มาทำอย่างนั้นซะหน่อย
เค้าให้มาเรียน !! เค้าให้มาเรียน !!!
...แล้วในทางปฏิบัติ ล่ะ ... รู้ ๆ กันอยู่.!!!!
extern ไม่ทำจะให้ใครมาทำ intern ward ,chirf ward หรือ staff ward !!
.....
ที่มา post ก็ไม่ได้อยากจะมาจุดประเด็น อะไรเพิ่มเติมอีก
เพราะ ผมก็ไม่ใช่ extern !!!
แต่.........
อยาก....ให้เห็นว่าในโรงพยาบาล... นี้
ยังมี dirty job อยู่อีกเยอะ !!! (จริง ๆ ก็ทุกโรงพยาบาลนั่นแหละ)
ที่ต้องหาใครซักคนมาทำ
การที่จะอ้างว่าตัวเองเคยทำมาก่อน
แล้ว... ต้องให้รุ่นน้องมาทนลำบาก เหมือนตัวเอง
ถามใจตัวเองดีกว่านะครับตอนคุณทำ
ว่าคุณ ชอบ.. หรือ ไม่
ถ้าไม่ชอบ .... ทำไม?? ยังต้องมาให้รุ่นน้องทนทำ ??
(นอกจากคุณคิดว่ามันได้ประโยชน์กับ น้อง ๆๆ)
จริง ๆ แล้ว ทางออกมันก็มีหรือเปล่า ??.
อยากให้ทางผู้บริหาร/ อาจารย์ที่มีอำนาจตัดสินใจ ลองคิดดู
ลองคิดดูสิครับ
สิ่งต่าง ๆที่ list อยู่ข้างบน
มีอะไร ได้ประโยชน์
มีอะไร ไม่ได้ประโยชน์
สิ่งที่มีประโยชน์ ... ก็คงไว้ในน้อง ๆ เค้าทำเหมือนเดิม
สิ่งที่ไม่มีประโยชน์
(eg ลอก lab ตาม lab ก็เขียน program ใส่ให้ com มันทำไป)
คอมก็มี ..... คนเขียน program ก็มี
ใช้ให้เป็นประโยชน์ ดีกว่าครับ
จะได้เอาเวลา ไปดูคนไข้กันได้มากกว่านี้....








Posted by : คนเคยเป็น extern , Date : 2004-01-14 , Time : 20:14:47 , From IP : 172.29.3.107

ความคิดเห็นที่ : 26


    อู๊ย ถูกใจจริงๆน้องเคยเป็น extern แสบๆๆคันๆๆ

Posted by : เป็น extern เมื่อ 7 ปีก่อน , Date : 2004-01-14 , Time : 20:26:54 , From IP : 202.129.18.132

ความคิดเห็นที่ : 27


   เคยฟังอาจารย์ขจรศักดิ์สอนไหมครับ ว่าเวลาลอก lab ก็ดูไปด้วยว่ามีอะไรผิดปกติ มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง ถ้าไม่รู้ก็ถาม discuss กับพี่ ไม่ใช่สักแต่ลอก ๆ ไปวันๆ
เวลาทำ EKG ก็หัดอ่านดูว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง ไม่อย่างนั้นก็เหมือนพนักงานทำ EKG
อย่างที่คนเคยเป็น extern บอก


Posted by : Pooh , Date : 2004-01-14 , Time : 20:36:53 , From IP : 172.29.3.146

ความคิดเห็นที่ : 28


   โอ้!!!!
เออ เนอะ ผมว่าเรื่องลอก lab นี่น่าจะมีอะไรมารองรับ อย่างที่คุณเคยเป็น extern กล่าวไว้น่าจะดีนะ

อย่างนึงที่ผมคิดคือ เรื่องที่คุณ pooh กล่าวว่า"ลอก lab ก็ดูไปด้วยว่ามีอะไรผิดปกติ มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง ถ้าไม่รู้ก็ถาม discuss กับพี่ ไม่ใช่สักแต่ลอก ๆ ไปวันๆ" ผมคิดของผมเองว่าแล้วเมื่อไหร่ผมจะลอกเสร็จล่ะครับ......

แต่อาจไม่มีปัญหาสำหร้บคนเก่งก็ได้เพราะว่าแน่นอยู่แล้ว



Posted by : 123 , Date : 2004-01-14 , Time : 20:50:15 , From IP : 172.29.4.237

ความคิดเห็นที่ : 29


   เฮ้อ ในเมื่อเอาภาษีของรัฐมาเรียนแล้วก็ตั้งใจเรียนและฝึกงานหน่อย แล้วก็แน่ใจหรือว่า จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น?? ดูแลคนไข้????????? คุณหนุทั้งหลาย เอาแต่??????????????ไร้สาระ

Posted by : tamarin , Date : 2004-01-14 , Time : 22:59:58 , From IP : 172.29.3.234

ความคิดเห็นที่ : 30


   บางครั้งการแก้ปัญหานั้น เราอาจจะทำได้โดยการเปลี่ยน "มุมมอง" พยายามดัดแปลง "threat" ให้เป็น "opportunity"

สาย "วิชาชีพ" นั้น จะต้องมี psychomotor skill เป็นส่วนประกอบใหญ่ พิสัยนี้ไม่มีการเรียนลัด แต่ความชำนาญจะเกิดขึ้นได้จากการทำซ้ำๆ ทำจนมองเห็นแนวทาง เห็นระบบ เห็น pattern ตามที่เคยมีคนว่าไว้ สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งเห็นโคลนตม อีกคนหนึ่งเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย บางคนมีปีสบการณื แต่ไม่สามารถดึงออกเป็น "ของตนเอง" ได้เต็มที่ ก็เหมือน "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน"

ขออนุญาต "พยายาม" มองประเดนที่ยกมาว่าเป็นหรือไม่เป็นการเรียนรู้อย่างไร จะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่ปัจเจก แต่ขอให้ลองจินตนาการสักนิดว่าทำแบบไหนจะมีประโยชน์ต่อ "ตนเอง" มากกว่ากัน

มา.....เป็นพนักงาน EKG
มา.....เป็นพนักงานตาม Lab
มา.....เป็นพนักงาน print lab
มา.....เป็นพนักงานลอก lab
มา......เป็นพนักงาน แบกchart ตาม round
มา......เป็นพนักงานตามผล patho
มา.......เป็นพนักงานสรุป chart (ที่บาง ward )
มา.......เป็นพนักงาน ผสม chemo บาง ward (ซึ่งบาง ward ก็ไม่ให้แตะ)


ถ้าทำ EKG เป็นหัตถการ ความชำนาญในการทำ EKG นั้นจะเกิดจากการ"ทำ" อย่างแน่นอน เป็นการทำกับใคร? ฟังจากที่เล่ามาเป็นการทำกับคนไข้ หมอจะทำให้ต่างจาก technician ได้อย่างไร? หมอสามารถเปิด chart ดูว่าทำไม case นี้ต้องทำ EKG เพราะตอนทำ เราต้องไปคุย ไปบอกคนไข้ใช่ไหมครับ ว่า "คุณลุงคะ คุณป้าครับ หมอขอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหน่อยนะคะ/ครับ" และถ้าจะให้ดีก็อธิบายคนไข้ว่าขั้นตอนจะประกอบด้วยอะไรบ้าง ใช้เวลานานแค่ไหน เจ็บไหม ดีที่สุดคืออ่านให้ฟังด้วยว่าผลเป็นอย่างไร จะมองเป็นโอกาสในการพัฒนา communication skill ได้หรือเปล่า? จะมองเป็นโอกาสที่เราจะได้หัดอ่าน EKG หรือไม่? ถ้าเราไม่ convert ประสบการณ์เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพแพทย์ได้ ก็เข้าใจถูกต้องแล้วครับ เราจะเป็นแค่ technician

พนักงานตาม lab, print lab, ลอก lab ฯลฯ ผมเข้าใจว่าคงจะเป็นของคนไข้ในสายที่กำลังดูแลอยู่ใช่ไหมครับ ก็คงจะมาลองพิจารณาดูว่าที่เราส่ง lap ไปนั้น เราส่งเพราะเพื่อ diagnosis หรือ plan of treatment และทำอย่างไรข้อมูลต่างๆเหล่านี้จึง "ถูกบันทึก" และนำมาเป็นพื้นฐานความรู้ในการทำวิจัยต่อๆไปได้ บันทึกเวชระเบียนที่มีประโยชน์นั้น มีคุณค่ามหาศาลต่อวิชากการแพทย์ เราต้องสามารถรวบรวมเหตุการณืต่างๆที่เกิดขึ้น เป็น clinical experience เอามาใช้ภายหลังได้อย่างเป็นระบบ ถ้าพยาบาลจะใช้ในแง่พยาบาล เขาก็จะมีบันทึกส่วนข้อมูลที่พยาบาลจะใช้ เปิด chart ดูจะพบฟอร์มข้อมูลต่างๆอีกมากมาย (เป็นแหล่งที่ นศพ. อาจจะใช้ลอกมาลง progress note ดดยไม่ไปดูคนไข้ได้ด้วยซ้ำ ถ้าคนที่ชอบ "ทางลัด") สำหรับ extern ผมว่าเราต้องพยายาม "คิด" เสมือนเราอยู่ในทีมการรักษา คือ เราจะ plan อย่างไร จะรักษาอย่างไร จากข้อมูลที่เรามีอยู่ ถ้าเราไม่เห็นประโยชน์ของ investigations ต่างๆที่ส่งไป ก็คงไม่มีคนตาม หรือไม่ควรส่งตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ถ้าส่งไปแล้วก็แปลว่าอาจจะมี action ที่แตกต่างกันไปตามผลที่ได้กลับมา ถ้าจะทำอะไรให้รวดเร็ว ก็ต้องตามผลเร็ว

พนักงานแบก chart อืม... ถ้าเยอะ หรือหนักมาก ตอนผมเป็นนักเรียนแพทย์ผมทำ note ย่อๆ เพื่อจะ Present case ตอนราวน์ นั่นคือต้องมาราวนด์ก่อนรุ่นพี่ ก่อนอาจารย์รอบหนึ่ง เพราะเราดูคนไข้ช้ากว่าพี่เยอะ เราเลยต้องขึ้นมาดูก่อน ดูให้ละเอียด เดี๋ยวนี้มันมีรถเข็นไม่ใช่หรือครับ แบกทีละกี่ chart ครับ? ไม่ไหวก็แบ่งๆให้พี่เขาช่วยแบกได้ไหม

พนักงานสรุป chart เอ..ตรงนี้ชักสงสัย นอกจากหมอ หรือคนที่กำลังจะเป็นหมอนี่ ใครควรจะมีสิทธ์สรุปการรักษาผู้ป่วยได้บ้างนะครับ? ผมว่าตอนสรุป chart ฯแหละเป็น highlight ของการเรียนรู้ case น้นๆทีเดียว ตอน นศพ.ลงกองสมัยก่อน ต้องส่งคนไข้ต่อให้รุ่นต่อไป ต้องมา review order review problem list review lap etc ตอนนั้นเรียกว่าพอจะลงเราแทบจะจำคนไข้ได้ทั้งตัวตั้งแต่ต้นจนจบ เรียนหมดเป็น caSe เป็นโรคเลยทีเดียว ถ้า extern ท่านไหน พลาดการเรียนรู้จากการทำสรุป chart แล้ว น่าเสียดายมากทีเดียว เพราะนั่นจะเป็น summative knowledge ของโรคๆหนึ่งที่เราสมควรจะได้อย่างยิ่ง จากการดูแลผู้ป่วยรายนั้น ที่เขียนมาว่าเป็นคนสรุป chart แค่บาง ward นั้น ผมอยากจะแนะนำว่าถึงเป็น ward ที่ไม่ให้ extern เป็นคนสรุป chart ก็ควรลองทำดูเอง อย่างน้อยก็ตอนส่งคนไข้ต่อให้เพื่อน extern รุ่นต่อไปให้ทราบ เชื่อเถอะครับตรงนี้เราเปลี่ยนเป็น opportunity ในการเรียนได้มากที่สุด

ผสม chemo อันนี้มีการอภิปรายไปแล้วรอบหนึ่ง จนชักสับสนว่าทำได้/ไม่ได้ และ อยาก/ไม่อยากทำ กันแน่ เคยมี feedback ว่า ได้ทำน้อยไป ไม่ทำตอนนี้จะไปทำตอนไหน เคยมี feedback ว่าให้ทำมากไป ยังไม่เก่ง ไม่ชำนาญ น่าจะให้คนอื่นไปทำก่อน แล้วค่อยไปหัดข้างนอก ตรงนี้ขอไป clear ก่อน ว่าหลักการแล้วตกลงเป็นยังไงกันแน่

===========================================

นั่นเป็นแค่ความคิดเห็นของผมส่วนตัว ใรจะไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วยเป็นอิสระเต็มที่ แต่ผมคิดว่าบางครั้งเรามี "duty" ที่ต้องทำงาน เราน่าพยายามทำ duty นั้นๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเราให้ได้ ถ้าเราทำงานด้วยความโกรธ เกลียด ไม่ชอบ เราก็จะมองไม่เห็นความดีหรือประโยชน์จากงานนั้นๆ ลองแลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา อย่าพยายามคุยอยู่กับคนที่เราเห็นด้วย กรธด้วยกัน เกลียดด้วยกันเท่านั้น มุมมองอาจจะไม่หลากหลายเท่าที่ควร



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-14 , Time : 23:31:51 , From IP : 172.29.3.246

ความคิดเห็นที่ : 31


   เอ่อ...เฮีย....สมมติว่าเฮียเป็นเด็กนะ....มีตามจากชั้น 3 ให้มาทำEKG ขณะที่กำลังเข็นรถEKGอ่ยู่นั้น พยาบาลชั้น5โทรมาบอกว่า CVT สั่งเจาะBlood gas ขณะกำลังติดleadอยู่ศัลย์เด็กโทรมาบอกว่ามาย้อมอึด้วย โอเค....ไม่เป็นไรเดี่ยวค่อยเคลีย หลังจากที่ติดleadเสร็จเครื่องกลับไม่มีกระดาษ ต้องรอขอยืมเครื่องใหม่อีก 15นาที...หลังจากทำEKG เสร็จจะมีเวลามาเรียนEKGไหม.... อีกเรื่องคือคอมพิวเตอร์ ผมไม่เคยเห็นอ.อวุโสหรือคนที่มีแนวคิดที่อนุมัติใช้คอมมาคีย์สั่งยา สั่ง แลบ หรือสรุปชารจ์ด้วยตัวเองสักคน..หลังจากที่ลงคอมเสร็จยังต้องมาเขียนลงการดาษอีก เพิ่มการทำงานอีกหลายเท่า..ยังไม่รวมเวลาคอมเสีย...คอมช้า... เนี่ยครับ..ผมคิดว่าอาจมาจากสาเหตุนี้เด็กเขาเลยจะมีแนวคิดเรียนรู้แบบเฮียไม่ได้ครับ

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-15 , Time : 00:06:36 , From IP : 172.29.3.225

ความคิดเห็นที่ : 32


   
ถ้าเราจับหลักให้ดีว่า หลักสูตรการเรียนแพทย์ต้องการให้หมอจบใหม่มีความรู้ ความสามารถ และทำอะไรเป็นบ้าง ก่อนจะจบออกไปเป็นหมอ ดังนั้นการเรียนแพทย์ปี 6 คือโอกาสสุดท้ายที่เราจะshaping น้องหมอของเราให้ออกมาเป็นหมอที่ดีและมีความสามารถ แน่นอน ต้องพยายามให้ดีกว่าที่เราเป็นมา

แล้วเราก็ต้องมาดูว่า สภาวการณ์ที่เกิดกับextern ตอนนี้ ตอบโจทย์ข้างต้นได้หรือเปล่า

คำว่า learning by doing เป็นแนวทางที่ดีแน่นอน แต่เราต้องระมัดระวังว่า เส้นแบ่งของคำคำนี้ กับการใช้งานโดยเห็นพวกเขาเป็นแรงงานที่ไม่มีต้นทุน อยู่ที่ไหน

ตอนนี้เขากำลังฮิตเรื่องการจัดการเรียนการสอนแบบ child center คือเอานักเรียนเป็นศูนย์กลาง นัยว่าจะมีประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนมากขึ้น

เสียงสะท้อนจากเด็กนักเรียน ควรได้รับการรับฟังก่อนที่จะตำหนิว่า เด็กเดี๋ยวนี้ไม่ทนงาน ทำงานไม่เป็น ทำงานไม่เก่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประโยคที่ว่า สมัยฉันเรียนฉันก็ต้องทำงี้แหละ ทำไมสมัยนี้ทนกันไม่ได้

เราจะมีวันนี้ที่สุขสบายได้อย่างไร ถ้าบรรพชนรุ่นก่อนไม่สำรวจชีวิตของตนเองว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน แล้วปรับเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นเพื่อคนรุ่นหลัง

ถูกต้องอย่างที่คุณคนเคยเป็นextern ตั้งคำถามมา
ถ้าตอนคุณเป็น extern คุณเองก็ยังไม่ชอบมัน ทำไมเราไม่เปลี่ยนสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นเพื่อเด็กๆของเรา เพื่อน้องๆของเรา


Posted by : natalie , Date : 2004-01-15 , Time : 01:26:47 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 33


   ผมสงสัยมานานแล้วว่า "ประชาธิปไตย" หรือ "consensus" นั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้หรือเปล่า น่าจะตั้งกระทู้ต่างหากถ้ามีเวลาว่างๆ

ปัญหาก็คือหัตถการ (กระทู้นี้ ก็คงหมายถึงการทำ EKG ใช่ไหมครับ) ที่ว่านี้ เป็น consensus ของ extern ทั้วรุ่นหรือไม่ว่าไม่ใช่หน้าที่ extern และควรให้พยาบาลทำ? การรวบรวม feedback นั้นคงต้องมาจากหลักการและเหตุผล และหากสองอย่างนี้ไม่ได้ถูกนำเสนอไปกับข้อเสนอแนะในการเปลี่ยนแปลง ก็สมควรดึงกลับลงมาเพื่อแนบหลักการและเหตุผลไปก่อนที่จะคาดหวังการเปลี่ยนแปลง

ยกตัวอย่างเรื่องสรุป chart ตกลงเป็น consensus หรือไม่ว่าไม่ใช่หน้าที่ที่ extern ควรจะทำฦ รุ่นพี่เห็นว่าไม่ดี ก็ควรจะเปลี่ยนแปลง แต่ผมว่าเราคงจะต้องมีอะไรมากไปกว่านั้น แค่ "ไม่ชอบ" คงจะไม่พอ มาดูที่บริบทว่า "ทำไม" เราถึงไม่ชอบ (ข้อสำคัญ ทำไมถึงมีบางคนสามารถมองเห็นประโยชน์จากกิจกรรมนั้นๆ) ชอบหรือไม่ชอบมันเป็นเรื่องวัดไม่ได้ วัดไม่ได้ก็ประเมินไม่ได้พัฒนาไม่ได้ (Kaplan & Norton 1996, The Balanced Scorecard) ความชอบนั้นเป็น subjective ถ้าเรานำความชอบเป็นตัวตั้งในการเปลี่ยนแปลง โอกาสที่เราจะมี sustained policy แทบจะไม่มี สาเหตุที่มีการดึงเอาเหตุการณ์ในอดีตมาเปรียบเทียบคงจะไม่ตื้นๆแค่ฉันเคยทำ นายก็ต้องทำ แต่ภูมิปัญญารุ่นเก่าที่สั่งสมมานั้นก็มีค่าเหมือนกัน เราคงเอาบริบทมาตีค่าเป็นความหมายร่วมเป็นอย่างๆไป ไม่สิ้นสุดแค่ชอบไม่ชอบ เหตุผล และ เหตุผลครับ

จากตัวอย่างที่คุณ "นะครับ" ยกมานั้นดีมากที่จะนำมาอภิปราย ตกลงเหตุการณ์ดังกล่าว เราจะสรุปว่าการทำ EKG ไม่สมควรเป็นหัตถการของนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติหรือไม่? (ผมชอบภาษาไทยตรงนี้ เพราะคำว่า extern มันไม่สื่อว่าใครเป็นใครเท่าที่ควร) ตกลง "บริบท" ที่ยกมาว่ามีสาม wards รายงานว่ามี EKG ให้คุณนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติทำนั้น ต้องการ "สื่อ" ว่าอะไรครับ? การที่เครื่อง EKG ไม่มีกระดาษ หรือต้องยืมเครื่องมาทำนั้น ต้องการจะ "สื่อ" อย่างไรถึงเหตุผลว่า Extern ควรจะทำหรือไม่ทำ EKG? โดยคำว่า "นักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ" นั้น กิจกรรมทุกอย่างที่น้องทำเพื่อคนไข้นั่นแหละคือการเรียน และข้อสำคัญคือ "เจตคติ" ในการทำงาน ว่างานที่เราทำทุกอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาผู้ป่วย เป็นงานที่คนที่จะเข้ามาในอาชีพนี้ต้องรับผิดชอบ และมองเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของ commitment ความเหน็ดเหนื่อยนั้นมีแน่นอนครับ ในทุกๆสายการงาน ดังนั้นเขาถึงมีการศึกษาการบริหารจัดการงานให้มีเรื่อง "ประสิทธิภาพ" แต่อะไรก็คงจะไม่มาทดแทนการพัฒนา "เจตคติ" ไปได้

เรื่องจะให้อาจารย์คนที่ design หรืออนุมัติระบบ computer มาใช้ในโรงพยาบาลนั้น น้องคงไม่ทราบว่าที่ท่านไม่ได้นั่งสรุป chart ให้น้องเห็นนั้น บางทีท่านอาจจะมีข้อมูลประเภทอื่นที่กำลังสรุปและวิเคราะห์ทำอยู่ก็เป็นไปได้หรือไม่ ข้อมูลประเภท financial balance ของคณะฯ ของโรงพยาบาลเป็นอย่างไร ข้อมูลประเภทอะไรคือคงาม update ของแพทยศาสตร์ศึกษษในโลกปัจจุบันและจากงบประมาณที่มีอยู่เราจะนำมาใช้อย่างไร ข้อมูลประเภทอะไรคือ health treaten ของประชาชนที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลเรา และน้องคิดว่า skill จากไหนล่ะครับที่ท่านเหล่านั้นได้ฝึกมา ใช้มาสรุปข้อมูลเหล่านี้? เป็นไปได้หรือไม่คือความชำนาญในการวิเคราะห์ สรุป chart นี่แหละ ที่ทำให้เราสามารถสรุปและวิเคคาะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าตอนที่ท่านอาจารย์รุ่นก่อนเรียนหนังสือ ท่านก็ได้ผ่านขั้นตอนหัดสรุป chart เขียนรายงาน ทำ EKG คนไข้ และความชำนาญต่างๆเหล่านั้นเป็นพื้นฐานที่ท่านกลายเป็นผู้บริหารโรงพยาบาล ผู้บริหารคณะแพทย์ในปัจจุบัน? หรือน้องคิดว่าความชำนาญเหล่านี้เกิดขึ้นเองภายหลังโดยไม่มีจุดเริ่มต้นของการฝึก?

ถ้าคิดว่าการสรุป chart มีประโยชน์ การ copy & paste ข้อมูลจาก computer มาลงแบบฟอร์มมันไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้หรอกครับ ปัญหาอยู่ที่ในฐานะ "นักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ" นั้น น้องคิดว่าอะไรคือนิยามของหน้าที่นี้ ตำแหน่งนี้ และมันจะมีประโยชน์ต่อสายอาชีพที่น้องกำลังจบไปอย่างไร? คุณ "นะครับ" ดูจะมีข้อมูลเยอะ ขอความเห็นเยอะ จะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะขอฟังการวิเคราะห์และข้อสรุปของคุณว่า สิ่งที่คุณนำเสนอมา justify การจัดระบบประสบการณ์การเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกใจ ถ้าให้ดีนอกจากถูกใจแล้วขออีกอย่างเดียวคือตรงตามปรัชญาแพทย์ของสมเด็จพระราชบิดา ผมว่าข้อสรุปวิเคราะห์ของคุณจะมีน้ำหนักและมีคนรับไปพิจารณา



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-15 , Time : 03:08:03 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 34


   ควรจะสร้างทัศนคติ แนวคิด และวิธีแก้ปัญหาที่ดีตั้งแต่เด็กหรืออย่างน้อยก็ตั้งแต่ปี 1 นะครับ
ไม่อย่างนั้นเรื่องทำนองนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีหยุด


Posted by : ArLim , Date : 2004-01-15 , Time : 12:53:46 , From IP : 203.156.38.144

ความคิดเห็นที่ : 35


   น่าคิด

-การที่เสียค่าหน่วยกิจเป็นหมื่น เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะไม่ต้องทำสิ่งเหล่านี้หรือ?
-การได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษาเวชปฎิบัติทำให้เรามีสิทธิล้วงแคะแกะเกาตาสียายมาโดยไม่ต้องสนใจผลหรือไม่สนใจที่จะอยู่ในทีมรักษางั้นหรือ ?
-การจะตั้งตนเป็น"หมอ"ออกปาก"สั่ง"ให้คนอื่นทำหัตถการโดยที่เรา เราเองก็ไม่มีความชำนาญที่จะทำ สมควรแล้วหรือ ?
-การทำหัตถการครบจำนวนที่ลงในสมุดบันทึก เพียงพอที่จะบอกคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำหรือเปล่าว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเวชกรรม?
-การ copy & paste ข้อมูลจาก computer เรียกได้ว่าเป็นการสรุป Chart หรือไม่?
-นักศึกษา กับ อาจารย์ ต่างกันตรงที่ว่า นักศึกษาจ่ายค่าหน่วยกิจ แต่อาจารย์ได้รับเงินเดือน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสนใจความเป็นอาจารย์ใช่ใหม?
-การรายงานความเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยให้กับแพทย์เวร เป็นการกระทำที่ควรตำหนิงั้นหรือ? หรือเขาควรตัดสินใจและรับผิดชอบการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเองได้?

ผมว่าเราใกล้จะมีคณะแพทยศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธราชเข้าไปเต็มทีแล้วครับ!


Posted by : Dhan , Date : 2004-01-15 , Time : 23:22:20 , From IP : 172.29.3.244

ความคิดเห็นที่ : 36


   อ่านกระทู้มาถึงตอนนี้รู้สึกว่า ทำไมทัศนะคติของคนที่กำลังจะจบเป้น แพทย์อีกไม่กี่เดือน ไม่กี่วันนี้ ถึงเปนอย่างนี้ กระทู้นี้น่าจะเป็นกระจกส่อง สะท้อน การเรียนการสอน ในระบบใหม่นี้ได้ในบางส่วน หากมีแพทย์ที่จบใหม่มีความคิดเช่นนี้ การแพทย์ ไทยคงจะถอยหลังลงคลอง เป็นแน่ เห็นด้วยกับน้อง dhan มากมาก ผมรู้สึกได้ถึงความต่างกันมากในเรื่องของความคิดของน้องรุ่นใหม่นี้ กับรุ่นก่อนก่อนไม่ทราบว่าเพราะอะไร เพราะสังคมที่ซับซ้อนขึ้นสะดวกสบายมากขึ้น หรือ ระบบการเรียนที่เปลี่ยนไป
แพทย์หลักสูตรใหม่นี้กำลังจะรักษาเป็นแต่โรคไข้หวัด กับท้องร่วงเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องรักษาก็ได้ หายเอง นอกนั้นก็จะ refer แหลก สร้างปัญหาตามมาให้กับ สาธารณสุขอีก
ไม่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยที่มากพอที่จะนำมาใช้ ในการตัดสินใจ รู้จักแต่คนไข้ในกระดาษ ไม่มีความอดทนอดกลั้น ไม่มีความนอบน้อมถ่อมตน
(ขออภัยคนที่ไม่มีลักษณะนิสัยเช่นนั้น)
การทำแผลบ่อยนั้น ทำให้เรารู้จักประเมินได้ว่า แผลแบบไหนที่ไม่ดี หรือ แผลแบบไหนที่ดี หรือแบบไหนต้องรีบด่วนทำการรักษาเนื่องจากเป้นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ผมทำแผลมาตั้งแต่ นศพ ปี 4ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ อย่าว่าแต่น้อง extern เลยครับ บางครั้งพวกพี่พชท เองยังประเมินแผลกันไม่ป็นเนื่องจากไม่มีประสบการณืในการดูแผล แล้วประสบการณืเหล่านั้นจะได้มาอย่างไรละ อยู่ๆมันจะลอยมาเข้าหัวน้องเองหรือ บอกแล้วว่าจะฝึกวิชาดี ต้องมีพลังวัตรให้ดีก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าการแบกน้ำขึ้นเขาหรือ การทำงาน routien นั้น น่าเบื่อไม่มีประโยชน์ มันจะช่วยเพิ่มทักษะและประสบการณ์ทีละเล็กละน้อย โดยที่วันนึงข้างหน้าจะมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้ป่วยของน้องเองอย่างแน่นอน กำลังจะจบเป็นแพทย์ในอีกไม่กี่วัน ลองนึกดูว่าเราทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว ช่วยคนไข้วิกฤตได้หรือไม่ ยืนบนขาของตนเองได้หรือเปล่า
โดยส่วนตัวไม่ชอบกับระบบการเรียนแบบนี้มานานแล้วครับ น่าจะถึงเวลาแล้วที่ควรมีการหันหน้ามาคิดกันว่า เราตัองการมีแพทย์จบใหม่แบบไหน


Posted by : Vicryl , Date : 2004-01-16 , Time : 00:41:55 , From IP : 202.183.151.43

ความคิดเห็นที่ : 37


   ปัญหาอยู่ที่การคิด "เหตุและผล" นั้น ควรจะนึกย้อนไปให้ไกลจากจุดเริ่ม (ในที่นี้คือ "ผล") พอสมควร ไกลแค่ไหน ไกลจนไปถึงหลักการและหลักปรัชญา โดยระหว่างทางให้มั่นใจว่าเรายังมีตัวเชื่อมที่เป็นเหตุเป็นผลลากตามไปได้เรื่อยๆเพราะถ้ามาหยุดตรงครึ่งๆกลางๆ หรือกระโดดข้ามพรวดพราด มันจะได้ set ของเหตุและผลที่ทะแม่งๆแย่างที่คุณ Dhan ได้ demonstrated เนื่องจาก "ตัวเชื่อม" มันหายไปเป็น gap ใหญ่

ผมเข้าใจว่ามี mis-conception ของคำว่า "student-centred" เกิดขึ้นอย่างมาก จากบาง posters ที่ส่งเข้ามา student-centred ไม่ได้มีแค่ students demand หรือ students satisfaction อย่างเดียว ที่เราต้องการมากไม่น้อยกว่ากันคือ performance-based หรือ outcome-based มาประสานกับ student-centred นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวนักศึกษาเป็นสำคัญ ถ้าการจัดประสบการณ์การเรียนการสอนแบบไหนในแง่ความถี่หรือโอกาสที่จะได้ทำ "หัตถการมาตรฐาน" (รายการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภา) student-centred ในที่นี้จะหมายความว่าเราต้องเพิ่มประสบการณ์นั้นมากขึ้น ไม่ใช่ถามนักเรียนว่าชอบยังไง พอนักเรียนตอบว่าไม่ต้องทำเลยยิ่งดี ก็เลยลดงานลงไปอีก ยังนี้ไม่เรียก student-centred หรอกนะครับ

ทั้งนี้เป็นเพราะอย่างที่คุณ Vicryl ชี้แจงมาเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดของประโยชน์จาก "ประสบการณ์" ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในโพย เป็นสิ่ง "เดียว" ที่จะนำมาซึ่งความชำนาญ แพทย์ เป็นสายอาชีวะ ซึ่งความรู้กับความชำนาญต้องไปด้วยกัน เกณฑ์พิจารณาสถาบันฝึกหัดแพทย์เฉพาะทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เน้นหัตถการ เช่น ศัลยศาสตร์ ออร์โธปิดิกส์ หรือสูติศาสตร์ จะพิจารณาเรื่อง "จำนวน case และความหลากหลาย" เพียงพอหรือไม่ มิฉะนั้นสถาบันนั้นๆจะไม่สามารถการันตีว่าความชำนาญของแพทย์ผู้ฝึกอบรมเฉพาะทางจะเพียงพอ ยกตัวอย่าง requirement ก่อนสมัครสอบวุฒิบัตรศัลยแพทย์ ก็ยังต้องมีรายการจำนวน case ที่ช่วยทำและทำเองหลายร้อย cases

แต่แพทย์ทุกสาขาก็จะต้องมี psychomotor domain อยู่ทั้งสิ้น ถึงแม้จะไม่มากเท่าศัลย์ สูติ ออร์โธ ก็ตาม รวมทั้งแพทย์ทั่วไป หรือ พ.บ. ด้วย

ที่น่าผิดหวังอย่างมากคือที่มีคนยกตัวอย่างการสรุป chart เป็นหัตถการที่ไม่จำเป็น การสรุปการดูแลผู้ป่วยแต่ละรายนั้นให้มากยิ่งกว่า psychomotor แต่เป็น highlight ของ cognitive domain ในการเรียนรู้ case นั้นๆที่ดีที่สุด การมองไม่ว่าเห็นการสรุป chart เป็นการเรียนรู้นั้นเป็นความล้มเหลวจริงๆ

ผมยังสงสัยที่คุณ Vicryl ลงท้ายว่า มันเป็นความผิดของระบบการเรียนหรือไม่ จริงอยู่ระบบใหม่มี lecture ลดลง มีการให้โอกาสนักศึกษาได้แสดงออก อภิปราย และให้ความเห็นของตนเองมากขึ้น แต่จุดไหนที่ทำให้เกิดการเบี่ยงเบน "เจตคติ" ในการปฏิบัติไป หรือการมี concept ต่อหน้าที่ปฏิบัติงาน ผมว่าเป็นเรื่องที่เราต้องวิเคราะห์ให้ดี ถ้าเกิดจากระบบจริงๆอย่างที่คุณ Vicryl ตั้งสมมติฐาน ก็ serious พอที่เราจะต้องรีบดำเนินการแก้ไข



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-16 , Time : 15:07:43 , From IP : 172.29.3.103

ความคิดเห็นที่ : 38


   ทนอ่านทุกความคิดเห็นซี่งคิดว่าท่านเป็น extern หรือ แพทย์เกือบทั้งหมด
กรณีนี้เราเข้าใจคุณ Death ดี พี่เค้าไม่ได้ต้องการให้น้องต้องลำบากเหมือนที่เค้าเป็นหรอก แค่เค้าต้องการให้เรียนรู้เท่ากับหรือมากกว่าที่เค้าเคยเรียน
-ถ้าคุณไม่ทำเพราะเหนื่อย แล้วคนอื่นที่คุณใช้ให้ทำแทนไม่เหนื่อยหรือ
-ถ้าคุณไม่ทำเพราะคุณไม่ชอบ แล้วคิดว่าคนอื่นเค้าชอบอย่างงั้นหรือ
-คุณต้องยอมรับนะว่าคุณยืนอยุ่ที่ไหน สถานะอะไร ประเทศเรามีหมอน้อยออกอย่างนี้ พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ก็น้อย ลองหารกับจำนวนผู้ป่วยดูสิว่าใครมันสบายบ้าง ลองบอกมาสักหน้าที่ ทำใจให้กว้าง หัดมองงานของคนอื่นบ้าง ทุกคนต้องทำ ต้องรับผิดชอบ
-เคยเข้าไปห้องพักอาจารย์บ้างไหม อาจารย์นั่งเล่นอยู่เหรอคุณถึงไปว่าท่านไม่ไปช่วยคุณ run EKG ทำแผล หรือลอก lab ถ้าคุณอยากให้ท่านทำสิ่งเหล่านี้ด้วย คุณนั้นแหละแย่จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว กรุณาไปเรียนรู้ job description ของอาจารย์คุณบ้างนะ ว่าวันๆ ถ้าคุณเป็นท่านคุณจะทำได้ดีอย่างนั้นหรือเปล่า
ความเห็นของคุณ Dhan ดีมาก น้องเค้าคงอยากเรียนหมอทาง net หรือเรียน ด้วยตัวเองที่บ้านมั้ง
และที่สำคัญเวลา extern ท่านที่ว่านี่จบออกมาก็อย่าได้กระทำสิ่งที่เคยว่าคนอื่นไว้ก็แล้วกัน อ้อแล้วอย่าลืมไปเปิดหน้งสือกฏหมายวิชาชีพดูด้วยนะว่าอย่างไหนหมอต้องเป็นคนทำอย่างไหนเป็นหน้าที่ของพยาบาลแล้วคุณอาจได้คำตอบว่าทำไมต้องให้ iv ให้เลือดคนไข้เอง


Posted by : คนหนึ่ง , Date : 2004-01-16 , Time : 17:10:16 , From IP : 172.29.3.93

ความคิดเห็นที่ : 39


   เอ่อ...ถึงเฮีย.. Posted by คนเคยเป็น extern ...ผมว่าสรุปการรักษาคนไข้สำคัญนะ..เด็กๆ..เขาก็คงรู้..เพราะถ้าเขาสรุปคนที่เขาเคยดูแลไม่ได้..นั่นแสดงว่าเขาเสียเงินค่าเทอมมาเดินเล่น..หรือเราไม่สามารถทำให้เด็กเขาเข้าใจคนไข้ไปพร้อมกับเราได้...ในความคิดส่วนตัวนะเฮีย Dhan... computerที่เอามาใช้ในการสรุปทำให้เข้าใจคนไข้ได้น้อยกว่าเดิมหรือเปล่า? เพราะถ้าตัดแปะแล้วได้เป็นหนึ่ง summary จะทำให้เราใช้ความคิดน้อยกว่าการที่ค่อยๆคิดแล้วสรุปปัญหาหรือเขียนรายงานผู้ป่วยด้วยมือตัวเองหรือเปล่า...คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก..หรือเป็นเครื่องมือที่ทำให้การเรียนรู้ถดถอยลง..ทำให้เด็กๆจำdoseและการสะกดชื่อยาไม่ได้หรือเปล่า?...ทำให้ดูคนไข้น้อยลงหรือ?..โดยส่นตัวนะครับ...ไม่เห็นด้วยที่เอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการสั่งยา สรุปการรักษา รวมทั้งบันทึกการเปลี่ยนแปลงผู้ป่วย...มันดีแค่ใช้ดูlabเท่านั้น..ดูcomputer แทนfilmผู้ป่วยในward เป็นความคิดที่ไร้สติมาก...ที่เขียนไปเพียงเพื่ออยากให้คนที่เปลี่ยนแปลงได้มาลองใช้จริงเท่านั้น
เอ๋อ...ส่วนเฮีย นก...ครับ...โดยส่วนตัวคิดว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด..การที่ดูคนไข้คนหนึ่งก็ทำให้เรามีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น...อย่าเอา EKG มาเป็นตัวสำคัญเลย.. ที่สำคัญคือจะทำอย่างไงให้เกิดการเรียนรู้ได้... learning by doing เป็นสิ่งที่น่าสนใจ..แต่บางครั้งขณะที่กำลังเรียนรู้อยู่นั้น..ความรับผิดชอบก็สำคัญ...และสำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด..ในการทำงาน.ถ้าเด็กๆเขาไม่มีผมจะเตือนในทันที... ส่วนสิ่งที่ได้พาดพิงเกี่ยวกับการถูกตาม..เฮียจะรู้สึกอย่างไร..ถ้าเฮียโดนตามโดยหลังจากที่เฮียรับหูโทรศัพท์..เขาก็รายงานอย่างรวดเร็ว..หลังจากนั้นเขาก็วางหูไป...ยังต้องโทรกลับไปถามหลายครั้งว่าคุณรายงานอะไร เตียงไหน... พอขึ้นไปดูเหลือบไปเห็นกระดาษบันทึกข้อความเขียนว่า...Ext...รับทราบ...ผมทราบอะไร.ถ้าผมไม่โทรขึ้นมาถาม...เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้...ถ้าคนไข้มีปัญหาขึ้นมาใครรับผิดชอบ..อย่างนี้เรียกว่าคุณคนที่รายงานทำงานอย่างสมบูรณ์หรือปัดความรับผิดชอบ..ในตอนนั้นถ้า Ext..ไปดูคนไข้ไม่ได้..รายงานอย่างนั้น..และเขียนบันทึกอย่างนั้นเป็นการทำงานให้เรียบร้อยหรือการปัดความรับผิดชอบ....นะครับ


ผมเป็นคนที่ไม่เก่งไม่มีความคิดดีๆหรอก..นะครับ


Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-16 , Time : 17:31:13 , From IP : 172.29.3.229

ความคิดเห็นที่ : 40


   ไม่ได้เข้ามานาน ดีใจที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นเยอะขนาดนี้
- เรื่องหัตถการต่างๆ เช่น run EKG นั้น ขอย้ำว่าเฉพาะ EKG pre-op ที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องทำโดย นักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ(ขอยืมคำที่คุณฟีนิกส์ใช้นะ) เพราะสิ่งที่ได้เรียนก็คือวิธีการทำ EKG (ที่ทำจนชินตอนเป็น นศพ. ปี 4 ปี 5) และการอ่าน EKG ที่น้อยรายจะ abnormal (ซึ่งอันที่จริง นักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติที่เป็นเจ้าของไข้ก็ต้องเรียนรู้เรื่องการอ่าน EKG ของคนไข้ตัวเองอยู่แล้ว) และจะเข้าใจความรู้สึกไม่ต้องการทำได้ดีขึ้น เมื่อโดนตามให้ไปทำ EKG ในขณะที่กำลัง cut down หรือทำงานอื่นที่สำคัญอยู่(ขออนุญาตไม่ list ให้คุณฟีนิกส์นะ เพราะเราเชื่อว่าหลายๆ คน คงมีวิจารณญาณว่า งานอันไหนที่จำเป็นต้องทำ และงานอันไหนที่ไม่ใช่)
- ส่วนกรณีคนไข้ chest pain นั้น ยังไงก็ควรทำเอง เพราะรีบและต้องนั่งเฝ้าคนไข้อยู่แล้ว
- เรื่องทำแผลนั้น ก็เห็นด้วยว่าเป็นการเรียนรู้ แต่ตอนอยู่ปี 4 ปี 5 ก็ได้ทำมาพอสมควรแล้ว และตอนเป็นนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติก็มีงานอย่างอื่นที่ต้องทำอีกมากมาย อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ แม้แต่อาจารย์บางท่านยังบอกกับ น.ศ.เอง ว่าไม่ได้ต้องการให้มาเรียนรู้การทำแผล แต่ให้มาเรียนรู้ทักษะการทำงานอื่นๆ
- ส่วนเรื่องลอก lab และการสรุป chart นี่ เห็นด้วยที่จะเป็นหน้าที่ของนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ เพราะมันก็เป็นการเรียนรู้จริงๆ ถ้ารู้จักที่จะสนใจมัน ไม่ใช่สักแต่ทำ
- และอีกประเด็นที่ยังไม่ค่อยมีใครแสดงความคิดเห็นก็คือ เหตุใด พยาบาลที่โรงพยาบาลอื่นๆ จึงทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เอง ทั้งการให้เลือด, การ run EKG, การเตรียมและเก็บ set ทำหัตถการต่างๆ ในขณะที่ข้างในกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราคิดว่าในฐานะที่เราเป็นคนที่มีความรู้ และถูกสอนให้รู้จักสงสัย น่าที่จะมีสิทธิ์ตั้งคำถามเหล่านี้ได้ ไม่ใช่จะมาหาว่าขี้เกียจอะไรกัน เพราะสิ่งที่เราทำ เราควรจะทำเพราะว่ามีเหตุผลว่ามันจำเป็นต้องทำ ไม่ใช่ว่าสักแต่ทำให้มันเสร็จๆ โดยที่ไม่รู้ว่า ทำไมต้องเราต้องทำเอง(อย่างนั้นคงไม่ผิดถ้าจะเรียกว่าคนรับใช้หรือขี้ข้า)
- ส่วนเรื่องกฎหมาย ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ก็คงต้องสังคายนากันใหม่ ไม่แก้กฎหมายก็ต้องแก้การทำงานของโรงพยาบาลข้างนอก ไม่อย่างนั้นมันก็กลายเป็น double standard
- และเข้าใจถูกแล้วว่า ที่มาพูดนี้ก็เพราะหวังจะเห็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพราะเรานักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติทั้งหลาย เหลืออีกไม่ถึง 2 เดือนก็จะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว แต่เราหวังว่ารุ่นน้องที่กำลังจะขึ้นมา ไม่ควรจะเจอกับสิ่งที่มันไม่ดีหรือไม่ถูกต้องอย่างที่เราเคยเจอ ถ้ามัวแต่พูดว่ารุ่นพี่เจอมาหนักกว่านี้อีกยังทนได้ แค่นี้ทำไมรุ่นน้องทนไม่ได้ ก็คงไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
- ส่วนน้องๆ ทั้งหลายที่ยังไม่ได้ผ่านการเป็นนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัตินั้น พี่ขออนุญาตมา discuss กันอีกที ตอนที่น้องเป็นนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติแล้ว จะได้เข้าใจว่า ที่พี่ๆ พูดกันนั้น หมายความว่าอย่างไร


Posted by : เอ็กซ์-สะ-เทิน , Date : 2004-01-16 , Time : 18:48:37 , From IP : 172.29.4.254

ความคิดเห็นที่ : 41


   การสรุป chart เคยอ่านใบ refer ที่ห่วยแตกมั้ย หรือ ใบสรุป chart ที่เฮงซวย แล้วเราต้องรักษาคนไข้ต่อ จะรู้เลยว่าการสรุปการรักาหรือเขียนใบ refer มีความสำคัญแค่ไหน เพราะประโยชน์อยู่ที่คนไข้ทั้งนั้น
การทำแผลหรือเตรียม set ถ้าทำไม่เป็นเลย เราจะไปสั่งคนอื่นได้อย่างไร แผลที่เราผ่าเอง เราไม่อยากดูเองหรือ แผลดีไม่ดีก็ประโยชน์คนไข้ทั้งนั้น ให้พยาบาลทำ วันหลังก็ให้พยาบาลรักษาซิ
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเป็น extern นะถึงพูดแบบนี้ได้ ก็เพราะรู้ว่ามันมีส่วนดี ถึงต้องเอามาเล่าให้ฟัง เพราะตอนที่มาตรวจคนไข้ที่นัด FU แล้วใบสรุปห่วยแตกนั้นมันรู้สึกว่า เราจะดูผู้ป่วยต่อได้งัยเพราะไม่รู้ประวัติเก่า ได้แต่สาบแช่งไอ้คนที่ทำใบสรุป


Posted by : ธเนศ , E-mail : (p_gthanate@yahoo.com) ,
Date : 2004-01-16 , Time : 19:31:44 , From IP : 172.29.3.167


ความคิดเห็นที่ : 42


   ........เฮ้ออออ....ทำไมเราไม่มองว่ามันสนุกบ้างนะการทำงานเนี่ย.....ผมเคยคิดเหมือนกันนะตอนผมเป็น Extern นะ.....ว่าบางอย่างที่ทำเนี่ย....มันไม่มีประโยชน์เท่าไร....แต่เชื่อเถอะ...วันหนึ่งที่คุณได้ใช้สิ่งที่คุณคิดว่ามันไม่มีประโยชน์เนี่ย...เพื่อคนอื่น...เพื่อคนไข้....คุณจะลืมไปเลยหละว่าในชีวิตของคุณ....ไอ้ตอนที่คุณเรียนการทำหัตถการเหล่านี้เป็นเรื่องที่แย่.....คุณคิดว่าการหัดทำ EKG ไม่มีประโยชน์ใช่หรือเปล่า....ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง....[ขออภัยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย].....สักสองสามเดือนก่อนหน้านี้....ผมถูกเรียกไป CPR....[เรื่องประจำของผม].....ผมไปที่ ward แห่งหนึ่ง....คนไข้ไม่ได้ Arrest หรอก....แค่นิ่งไปและ Pulse rate ช้าๆ...ผมเลยขอเครื่อง EKG มาเพื่อดู EKG คนไข้....เชื่อหรือเปล่าครับ....ว่าคนที่เป็น Chief เวรของแผนกนั้น....ติด lead EKG ไม่เป็น....ผมเองก็เคยทำ EKG ทั้งคืนเหมือนที่พวกคุณบ่นๆกันมาเนี่ยหละ....เคยคิดด้วยว่ามันไม่มีประโยชน์เท่าไร.....แต่วันนั้นที่ผมได้ติด lead EKG อีกครั้ง....เพื่อช่วยใครสักคน....ที่ไม่มีคนทำได้....คุณว่ามันน่าดีใจไหมหละ.....สิ่งที่คิดว่ามันไร้ค่า.....แต่มีความหมายกับชีวิตใครสักคน....ผมรู้ว่าตอนนี้ผมเป็นแพทย์ใช้กรรม....ผมไม่เหนื่อยเหมือนตอนเป็น Extern หรอก.....แต่ผมไม่ค่อยรู้สึกสนุกเลยสิ....เวลาว่างมากๆเนี่ย....บางทีผมกลับไปคิดถึงตอนเป็น Extern แล้ว.....ผมว่าตอนนั้นสนุกกว่านี้นะ....เชื่อที่ผมบอกเถอะ....เวลาคุณจบไปเป็นแพทย์แล้ว.....คุณจะต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าเรื่องบ้าๆพวกนี้เยอะ....คุณจะไม่เหนื่อยการหรอก....แต่เหนื่อยใจเนี่ยหละ....แย่กว่าเยอะ....ลองนึกถึงสิ่งที่ผมพูดไปตอนที่คุณจบไปแล้วเถอะ.....คุณอาจจะอยากกลับมาเป็นเด็กเหมือนผมก็ได้......:D...:D



Posted by : Death , Date : 2004-01-16 , Time : 19:48:39 , From IP : 172.29.3.170

ความคิดเห็นที่ : 43


   เรียนคุณ เอ็กซ์-สะ-เทิน ครับ

บางครั้งเรามีโอกาสที่จะคิดได้บ่อยๆว่าของบางอย่าง เรื่องบางเรื่องเราชำนาญแล้ว ไม่สามารถจะชำนาญไปกว่านั้นอีกแล้ว หลังจากนั้น more often than not เราพบว่าไม่เป็นจริงตามที่คิดไว้ แค่เรื่องวิ่ง เรื่องเดิน ที่ทำกันทุกวันตั้งแต่จำความได้ พวกที่เป็นแชมป์โอลิมปิกยังต้องมาหัดวิ่งหัดเดิน "ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น" ไปอีกได้ ประเด็นเรื่อง "ทำจนชิน" หรือ "เห็นมามากพอสมควร" นั้น สำหรับคนที่ "ผ่านชีวิต" แพทย์มาได้ 2-3 ปี จะสรุปว่าพอแล้ว รู้แล้ว เก่งพอควรแล้วนั้น อาจจะเป็นการตั้ง ambition ที่ต่ำเกินไปสักนิด หลังจากอ่านคำชี้แจงเพิ่มเติม ก็ไม่แน่ใจว่าคุณต้องการให้ extern เจ้าของสายเดิมเป็นคน clear หรือว่าจะให้พยาบาลเป็นคนทำแทน ซึ่งอันนี้ก้จะไม่เหมือนประเด็นที่ได้ตั้งไว้แต่แรก แต่จะเป็นการทำข้อตกลงกันกับเพื่อน extern เจ้าของสายนั้นๆ หรือระหว่างนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติด้วยกันเองว่าเรื่องแบบนี้จะให้เวร clear หรือเจ้าของสาย clear

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยว่าเจ้าของสายควรจะ clear งานของสายให้หมด มากกว่า (ขอใช้คำโบราณสมัยผมเรียน) "สะบัดตูดทิ้งขี้เยี่ยวให้เพื่อนล้างเช็ด" เพราะงานที่คั่งค้างเป็นส่วนหนึ่งของ treatment ของผู้ป่วยที่ตนเองอยู่ในทีมดูแลรักษา

ประเด็นที่โอกาส EKG จะผิดปกติมากเท่าไหร่นั้น ผมเกรงว่าคุณ เอ็กซ์-สะ-เทิน อาจจะมีประสบการณ์น้อยเกินกว่าที่จะสรุปว่ามันจะปกติไปหมด และไม่สมควรจะให้ความสำคัญ เพราะเรื่อง pre-operative investigation นั้น ผมว่าเขามีการศึกษาเรื่อง RISK มาเรียบร้อยแล้วว่าอะไรที่ถึงเกิดน้อย แต่ถ้าเกิดแล้วเรื่องใหญ่ เกิดแล้วไม่ได้เตรียมอะไรล่วงหน้าจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการผ่าตัด ที่เขาเรียก ASA class พอจะจำได้ไหมครับ?

"ดูแผลเป็น" นี่ก็น่าสนใจครับ แผลนั้นมีมากมายจริงๆ และผมว่าแม้แต่ resident ศัลย์ที่เพิ่งจบใหม่ๆก็ไม่แน่ว่าจะเคยเห็นครบทุกอย่าง ประเด็นสำคัญก็คือการประเมินแผลนั้นเกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยรึเปล่า เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความชำนาญหรือไม่ ถ้าใช้ การได้ทำเพิ่มมาหนึ่ง case การได้มีประสบการณ์เพิ่มมาหนึ่งรายก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้อย่างแน่นอน ขอให้คุณ เอ็กซ์-สะ-เทิน ใช้วิจารณญานส่วนตัวได้ครับว่าการทำแผลเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และเป็นประโยชน์ต่อความเป็นแพทย์ของคุณ เอ็กซ์-สะ-เทิน หรือไม่ (ตรงนี้แหละที่เราหวังว่า student-centred จะมาช่วยในการตัดสินใจว่าประโยชน์ของอาชีพที่เราจะทำคืออะไร)

พยาบาลข้างนอกที่เขาทำได้นั้นเป็นอย่างไรล่ะครับ? เขาก็มีประสบการณ์ใช่ไหมครับ เขามี competency ในการทำแผลประเมินแผลเพราะสิ่งที่เขาทำบ่อยๆใช่ไหมครับ รู้ไหมครับว่าถ้าพยาบาลเขาเกิดมีปัญหาในการทำแผลแล้ว เขาจะปรึกษาใคร? เขาจะปรึกษาคุหมอ หรือคุณ เอ็กซ์-สะ-เทิน ที่จบไปนี่แหละรับ เพราะเรานั้นถูกคาดหวังว่าเรียนมามากกว่าเขา มีความรู้ที่ลึกซึ้งมากกว่าเขา นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ "สายการทำงาน" คงอยู่ได้ จริงอยู่ระบบการทำงานปัจจุบันเราก็พึ่งพาความเชี่ยวชาญจากต่างสาขาวิชาชีพเยอะ แต่แพทย์ก็ยังคงดำรงเป็นหัวหน้าทีมการรักษาอยู่ดีเนื่องจากเราเรียนหกปี เรียน basic science ซึ่งจำเป็นในการอธิบายและแก้ปัญหายากๆ ถ้าคุณ เอ็กซ์-สะ-เทิน ไปบอกพยาบาลคนที่ทำแผลเก่งๆอล้วเผอิญมาปรึกษาคุณว่าอันนี้ยาก ควรจะทำอย่างไร แล้วตอบว่าพี่ทำเก่งกว่าผมอีก รู้มากกว่าผมอีกเรือ่งแผล คิดว่าความเชื่อถือและการทำงานในอนาคตจะเป็นอย่างไร?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-16 , Time : 20:19:24 , From IP : 172.29.3.236

ความคิดเห็นที่ : 44


   เรียนคุณ นะครับ,

ตกลง "ประเด็น" ที่ต้องการอภิปรายคืออะไรครับ? ลอง set objective ชัดๆให้หน่อยได้ไหมครับ ดูจะเป็นการปลิ้นออกไปเรื่องการรายงาน case ไม่เกี่ยวกับเรื่องหัตถการอีกต่อไป ถ้าต้องการตั้งประเด็นใหม่ ขออนุญาตแนะนำว่าตั้งกระทู้ใหม่เลยก็ดีครับ เพราะ theme จะได้ชัดเจน อภิปรายเรื่องเดียวกันหมดแต่ต้นจนจบ



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-16 , Time : 20:23:22 , From IP : 172.29.3.236

ความคิดเห็นที่ : 45


    OK...นะครับเฮีย....แล้วกำลังอธิปรายเรื่องอะไรนะ...อ๋อขอโทษที่ไม่ได้อธิบาย..เรื่องรายงานcase ผมเจอตอนเป็น.อะไรนะ...อ๋อ..ที่คุณเรียกว่านักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ..ผมว่าการกระทำแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้...ของผม..อาจจะไม่ใช่ของเฮีย..นะครับ เป็นแค่การยกตัวอย่างไม่ใช่การปลิ้น..อะไรนะ..เฮียต้องการต่อด้วยคำว่าอะไรนะ..สิ่งที่ทำทุกวัน...ที่หยุดพิมพ์ไปเพราะไป...น้ำมา Ok..นะครับ
เอ่อ...ตกลงตอนนี้...เฮียจะให้พูดว่าEKGจำเป็นหรือไม่หรือครับ?? ผมชัก..งง..งง..แล้วนะครับเฮีย...EKGเนี่ยถ้า ติดlead ไม่ถูกก็ดูข้างขวด...เอ่อ..ไม่ใช่นะครับข้างเครื่องก็มีคำอธิบายครับ...อะไรที่ไม่ได้ใช้นาน..นาน..ลืมก็ไม่แปลก.....ผมชักสับสนประเด็นแล้ว..นะครับ..เฮีย


Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-16 , Time : 21:07:06 , From IP : 172.29.3.212

ความคิดเห็นที่ : 46


   .....พวกเราจบวุฒิ พ.บ. มาเหมือนกันหรือเปล่าเนี่ย.........ผมไม่ค่อยแน่ใจ requirement ของการจบเป็นแพทย์ว่าควรจะทำอะไรได้บ้างหรือไม่ได้.....แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่ว่าไม่ได้ใช้นานแล้วไม่แปลกที่จะลืม....ถ้าเราเรียนมาเหมือนกัน...เพื่อนเราที่เป็น พ.บ. ทำได้....อย่าง EKG นี่ก็ได้....มันแปลกนะครับที่เราจะอ้างว่าเราไม่ได้ใช้...แล้วเราจะลืมได้.....แน่ใจเหรอครับว่าข้างเครื่องมีให้คุณอ่านนะ?......ทุกเครื่องหรือเปล่า.....ถ้าเจอเครื่องที่ไม่มีคุณจะทำไงเหรอ?.....แหกปากร่ำร้องให้ใครมาช่วยอย่างงั้นเหรอครับ......นี่เหรอครับหลักสูตร พ.บ.......ทำได้แค่นี้เองเหรอครับ.......ผมเองไม่ได้เก่งมากหรอกครับ....เป็นแพทย์ใช้กรรมแบบนี้ก็พอทนแล้ว.....แต่บอกได้เลยว่าเรื่องพื้นฐานนี่.....ผมก็ไม่กลัวใครที่ได้วุฒิ พ.บ.เหมือนกันหรอกครับ......แล้วคุณหละ?......เคยไหมที่คุณต้องใส่ Tube คนไข้ให้ได้...เพราะไม่มีใครแล้ว...เคยไหมที่คุณต้อง CPR โดยตัวคุณคนเดียว...เคยทำคลอดคนเดียวไหมครับ....Cesarean section คนเดียว....Appendectomy คนเดียว.....มั่นใจในสิ่งที่คุณทำแค่ไหน....นี่คือหลักสูตร พ.บ. เหมือนกันหรือเปล่า?.......................
............ลองนึกถึงตอนที่คุณเลือกที่จะเป็นหมอสิครับ.....อยากเป็นเพราะอะไร.....คุณสนุกกับมันหรือเปล่า......แล้วตอนนี้คุณยังรู้สึกสนุกแบบที่คุณเคยคิดมาก่อนหรือไม่.....เราจะผ่านช่วงเวลาของชีวิตนี้ไป.....อย่างไม่มีอะไรดีๆให้จดจำ....ว่าเราเป็นหมอเพราะอะไร....อย่างงั้นเหรอครับ?....



Posted by : Death , Date : 2004-01-16 , Time : 23:10:41 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 47


   เป็นภาวะปกติที่เวลามีใครอภิปรายแล้วกำลังนึก "เหตุผล" ไม่ออกจะมีอาการสับสนและ บางทีก็ regression ครับ ลูกสาวผมบางทีจะกลับไปดูดนิ้วหัวแม่มือใหม่ เคยพูดยาวๆเป็นประโยคก็กลายเป็นพูดอ้อแอ้ นัยว่าชั้นไม่เอาแล้ว

แต่เราหวังว่าเวลลาบัณฑฺตอภิปรายเรื่อง serious เช่นภาระหน้าที่ของอาชีพแพทย์ คุณลักษณะที่เป็นอุดมคติ หรือคงามสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับสายอาชีพการงานอื่นนี้ พวกเราจะ "ทน" ใช้สติปัญญาและเหตุผลได้นานกว่าเธออยู่บ้าง ไม่เปนไร ลองกลับไปนอน อาบน้ำอาบท่ากินข้าวแล้วมาคุยกันใหม่ก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบตอบตอนกำลังรู้สึกสับสน



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-17 , Time : 09:15:46 , From IP : 172.29.3.202

ความคิดเห็นที่ : 48


    อะไรกันจะเป็นแพทย์กันอีกไม่กี่วันแล้ว ไม่รู้เลยเหรอว่าแพทย์ต้องให้เลือดเอง คุณคิดจะไปเลียนแบบโรงพยาบาลนอกๆที่พยาบาลให้ งั้นเราเป็นรพ.คณะแพทย์ไปก็ไม่มีความหมายอะไรสิ แทนที่จะเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่นกลับเดินอยู่กับที่ การเดินย่ำอยู่กับที่ก็เหมือนถอยหลังนั่นแหละ อย่าคิดสิว่าการที่ต้องทำอะไรมากมายเหมือนพนักงานอะไรสักอย่าง มันจะเป็นประโยชน์กับเราเอง
แต่บางอย่างถ้ามันมากเกินไปและคิดว่าจุกจิกกันปลีกตัวไม่ทันก็ลอง รวมกลุ่มปรึกษากันแล้วคุยกับอาจารย์ดูสิ ว่ามันหนักไปหรือป่าว ควรทำหรือไม่


Posted by : แก้ว , Date : 2004-01-17 , Time : 11:33:27 , From IP : 172.29.1.146

ความคิดเห็นที่ : 49


   เฮีย เดท..ถ้าไม่แน่ใจเรื่อง minimal require ลองไปขอชั้น 7 นะครับ...ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่าลืมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้..นั่นเป็นสิ่งที่เป็นแนวคิดของคุณ..โดยเอาตัวคุณเป็นบรรทัดฐาน..ถ้าสักวันเราลืมการที่จะหา reference ก็ย่อมดีกว่าทำไปมั่วโดยคิดว่าคุณจำได้...ผมว่าพบ.ที่ไหนไม่สำคัญนะ..สำคัญที่ใครจะทำเพื่อคนไข้ให้คนไข้ได้ผลประโยชน์ในการรักษาได้มากที่สุด...ถ้าไม่มีใครทำหรือต้องทำคนเดียวผมก็จะทำ..แต่ผู้ป่วยต้องปลอดภัยและได้รับประโยชน์มากที่สุด..ถ้าเป็นแบบที่คิดว่าแน่ถึงทำ..ไม่ใช่แบบของผม ถ้ามีคนที่สามารถทำได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดอยู่ใกล้ๆ แน่นอนผมย่อมต้องปรึกษา..หรือว่าคุณจะทำไปเลย..(พบ.หลักสูตรคุณว่าไง..)
ส่วนเฮีย..นกไฟ..นะครับต้องขอโทษตอนนี้ตกลงจริงจริงแล้วประเด็นคืออะไรรู้สึกงง..ช่วย list เป็นข้อๆได้ไหมครับ


Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-17 , Time : 13:05:27 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 50


   ...........แล้วเราต้อง Consult Cardio-Med มาทำ EKG ให้หรือเปล่า....ถ้าอย่างที่คุณว่า.....ถ้าคุณไม่ถนัดคุณจะปรึกษาไง?....เครื่อง EKG ที่ไม่มีวิธีทำปะอยู่....คุณจะทำไงเหรอครับ.....เอาแค่เรื่อง EKG ที่คนตั้งกระทู้ยกตัวอย่างมาก็ได้....แต่.....ถ้าตามใช้ทุน Cardio มาทำ EKG ก็อาจจะไม่เก่งเท่าเอา Staff Cardio มาทำ EKG ใช่หรือเปล่า.....ถ้าถึงขั้นนั้น......อนาคตการแพทย์เราจะเป็นอย่างไรเนี่ย?.....อาจจะอย่างที่ท่าน Vicry ว่าไว้ก็ได้ครับ....เราอาจจะรักษาได้แต่ท้องร่วงและหวัด....???.....ไม่ยักกะทราบว่าการที่เราเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง....จะเป็นทางอนุญาตให้ลืมพื้นฐานที่เราเรียนมาเท่าๆกันได้.....ผมอาจจะมีบรรทัดฐานของผมที่ค่อนข้างบ้าๆ.....นั่นขอโทษด้วย....แต่ผมคิดว่าหมอสักคนที่เป็นแพทย์เฉพาะทางและมีพื้นฐานการแพทย์ที่แน่น.....ย่อมน่าจะเป็นที่น่าเชื่อถือมากกว่าหมอเฉพาะทาง.....ที่เฉพาะทางจริงๆ.......เหมือนขาดทุนนะ....เรียนมาตั้งกี่ปี...สุดท้ายก็ลืมหมด.....อีกหน่อยน่าจะมี Entrance ศัลยแพทย์....อายุรแพทย์....สูติแพทย์....ดีไหม?.....ไม่รู้จะเรียน Basic ไปทำไม.....เพื่อลืมงั้นเหรอ?.....นี่หรือ.....หลักสูตร พ.บ........ที่เราภูมิใจกันนักหนา.....แค่นี้เองเหรอ?.....ขออภัยที่บรรทัดฐานของผมทำให้คุณรู้สึกไม่มีความสุข.....ผมแค่อยากเป็นหมอดีๆสักคน....ผมไม่ได้อยากเป็นหมอที่เก่งนักหรอกครับ.....เพราะคนเก่ง...อาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้........เฮ้อออออออออ..........เบื่อ........



Posted by : Death , Date : 2004-01-17 , Time : 14:24:09 , From IP : 172.29.3.170

ความคิดเห็นที่ : 51


   โดยปกติ Theme ของกระทู้คือชื่อเรื่อง ซึ่ง "คนตั้ง" อยากให้มีการอภิปรายในเรื่องนั้นๆ คนที่มาอ่านทีหลังจะประเมินจาก "หัวข้อ หรือชื่อเรื่อง" ก่อน เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ไม่ต้องอ่านลุยทั้งหมด หาสิ่งที่ตนเองสนใจ และที่สุดก็สานต่อ theme เดียวกันทั้งหมด จากหลายๆ ideas สรุปเป็นข้อนำเสนอ หรืออาจจะไม่สรุปเพราะความหลากหลายหรือ เป็น debatable issues แต่ทั้งหมดยังคงความเป็น theme อยู่

หัวข้อกะรทู้นี้คือ "หน้าที่ของใคร" และ scenario นำ คือเรื่องกรทำ EKG ซึ่งภายหลังแตกเป็นรายการอื่นๆ แต่ยังคงกระทู้เดิมคือ "หน้าที่ใคร"

OK ไหมครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-17 , Time : 16:02:44 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 52


   เรียนเฮีย..เดท..รบกวนเฮียช่วยเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายหน่อย..ผมไม่เข้าใจวัตถุประสงค์..การเปรียบเทียบระหว่าง EKG กับ cardio-med ว่าต้องการสื่ออะไร ...มีหลายวิธีที่จะหา reference..ถ้าคิดได้แบบนี้คงจนใจ..นะครับ..ว่าหลักสูตรพบ.คุณทำให้คิดได้แปลกและน่าสนใจมาก...ในการหา reference ....(ปล. อย่าพูดถึงหลักสูตร พบ.ของคุณหรือของผม ดีกว่า..ผมว่าไม่สร้างสรรค์..นะครับหรือถ้าคุณอยากพูด..ตั้งการทู้ใหม่น่าจะดี..นะครับ..)

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-17 , Time : 23:04:04 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 53


   เรียนเฮียนก...ผมขอไปนอนก่อน..นะครับเดี๋ยวจะถูกหาว่าเกิดภาวะถดถอยอีก

Posted by : นะครับ.... , Date : 2004-01-17 , Time : 23:06:47 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 54


   ถดถอยน่ะผม referenced ถึงลูกสาวผมครับ ไม่จำเป็นต้องมี idea of reference มากเกินไป เดี๋ยวเดือดร้อนอาจารย์ลิลลี่หรือพี่อานนท์

ฝันดีครับ ตื่นมาสดชื่นแจ่มใส



Posted by : Phoenix , Date : 2004-01-17 , Time : 23:10:46 , From IP : 203.155.144.22

ความคิดเห็นที่ : 55


   ...........:D



Posted by : Death , Date : 2004-01-18 , Time : 23:08:28 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 56


   ถ้า..... อยาก......เป็นผู้บริหาร ....ที่ดี....ต้องรู้ว่าระดับปฏิบัติการเขาทำกันอย่างไรและจะรู้อย่างเดียวไม่ได้ต้องทำเป็นด้วย คนอื่นเขาก็มีหน้าที่ของเขาอยู่แล้วไม่มีเวลาที่จะตาม Please ใครหรอก

Posted by : non , E-mail : (.) ,
Date : 2004-01-22 , Time : 00:47:06 , From IP : 172.29.3.176


ความคิดเห็นที่ : 57


   อย่าทะเลาะกันเลยครับพี่ๆ

สมมติว่าน้องๆ extern เค้าอยู่เวรและวันนั้นมันเหนื่อยมาก ยังไม่ได้นั่งพัก น้ำข้าวยังไม่ถึงท้อง ไอ้งานอะไรที่มันไม่รีบด่วนจริงๆ เช่น preop. EKG พวกพี่ๆอย่างเราถ้าบังเอิญไปพบเข้าก็น่าจะคุยกับพี่พยาบาลให้ว่า ยังไม่ต้องทำก็ได้ ค่อยทำในเวลาพรุ่งนี้ หรือถ้ามีน้ำใจจะช่วยน้องๆก็ไปช่วยทำ ยกเว้นกรณีเร่งด่วน อย่างที่น้องextern เค้ายกตัวอย่างมา อย่างงั้นก็โอเค

อืม แต่พี่ๆพชท.ศัลย์เราเต็มใจอย่างยิ่งที่จะไปช่วยเหลือน้องexternตาดำๆกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?



Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2004-01-22 , Time : 19:11:32 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 58


   ฉันคิดว่า ฉันจะช่วยน้องนะ



Posted by : ซาดาโกะ , Date : 2004-01-24 , Time : 15:46:01 , From IP : 172.29.3.244

ความคิดเห็นที่ : 59


   พี่กระหลั่วเป็ดตอบมาน้ำตาแทบไหลเลยครับ ที่พี่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมดเลย พี่เขาเป็นคนใจดีมากครับ เห็นน้องเหนื่อยเป็นต้องเข้าไปช่วยทุกครั้ง ขนาดน้องอยู่med พี่กระหลั่วยังไปขับรถทางไกลไปช่วยเจาะ Blood gas ให้ น้องๆต้องเอาอย่างเค้านะ

Posted by : ร่วมด้วยช่วยกันล่ม , Date : 2004-01-26 , Time : 14:20:47 , From IP : 172.29.1.192

ความคิดเห็นที่ : 60


   เอ่อ.. คุณธเศ...ดีจริงๆเลยนะการที่ได้อ่านใบ refer ที่ห่วยแตกเนี่ย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองอ่านดูสักครั้ง ว่าแต่ว่า ไอ้ใบ refer ที่ห่วยแตกเนี่ย มันเกี่ยวกับ ECG ตรงไหนเหรอ ผมว่าการเขียนใบสรุป chart ก็เหมือนกันถ้าเราไม่ได้มีส่วนในการรักษา ไม่รู้เหตุผลในการรักษาแบบนั้นๆ จะเขียนได้ดีได้ยังไง อย่าถามนะว่าทำไมไม่ดูคนไข้เหรอถึงไม่รู้...ผมว่าดีจริงๆเลยนะการที่ได้ดูคนไข้เนี่ย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองดูคนไข้สักครั้ง ขนาดคนที่ดูเองยังไม่ขียนเองเลย " แผลที่เราผ่าเอง เราไม่อยากดูเองหรือ " อันนี้ฟังดูดี แล้ว การผสม chemo ที่รับปากสาวมาว่าจะทำให้ แล้วเราไม่อยากทำเองหรือ ทำไมไปใช้คนอื่นต่อ เห็นเขาว่างนัก....ใช่มั้ย
เอ่อ.. คุณธเศ...ดีจริงๆเลยนะการที่ได้ผลงานโดยที่ไม่ได้ออกแรงนี่ย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะได้ผลงานโดยที่ไม่ออกแรงดูสักครั้ง "ใบสรุปห่วยแตกนั้นมันรู้สึกว่า เราจะดูผู้ป่วยต่อได้งัยเพราะไม่รู้ประวัติเก่า ได้แต่สาบแช่งไอ้คนที่ทำใบสรุป" สรุปว่ามีปากเอาไว้หม้อ กับด่าคนอื่นอย่างเดียวใช่มั้ยครับ ไม่คิดจะซัก Hx คนไข้เองเลยหรือ เอ่อ.. คุณธเศ...ดีจริงๆเลยนะการที่ได้สาบแช่งคนอื่นเนี่ย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองสาบแช่งคนอื่นดูสักครั้ง


Posted by : เอ่อ...ดีจริงๆเลยนะ , Date : 2004-01-30 , Time : 11:43:35 , From IP : 172.29.2.98

ความคิดเห็นที่ : 61


    เป็นไงค่ะคุณ เอ็กซ์-สะเทิ้นน้ำ-สะเทิ้นบก ได้ระบายความอัดอั้นตันใจอันแสนจะเหนื่อยล้าบากมากกกกกกกกกของคุณเสร็จแล้วเหลอค่ะ สงสัยพวกคุณคงจะเป็นกบในกะลาเหมือนที่เค้าว่ากันจริงๆละนะ ถึงได้คิดว่างานของคุณนั้นชั่งเป็นงานที่หนักหนาเสียจริงๆ แต่ว่านะค่ะนางมารอย่างดิฉันเนี้ยะอยู่มาก็หลาย ward นะคะ แต่ทำไมนะวันๆนึงถึงได้เห็นแต่ พวกคุณ Ext. ทั้งหลายที่บ่นกันปาวๆๆว่าเหนื่อยอย่างโน้นเหนื่อยอย่างนี้ถึงได้มีเวลาไป Dry ผมกันซะตรงพริ้งกันละคะ อีกอย่างนะคะงานอันนี้ก็เหนื่อยอันโน้นก็เหนื่อย อยากถามว่าคนอื่นเค้าไม่เหนื่อยกันรึไง รู้จักหันมองรอบๆข้างซะบ้างไม่ใช่วันๆคอยแต่เดินตามตูดรุ่นพี่อย่างเดียว หัดสังเกตบ้าง ชีวิตจะได้หลุดออกจากคำว่าเห็นแก่ตัว คนอื่นเค้าก็เหนื่อยแต่เค้าก็รู้จักคิดก่อนพูด ไม่ใช่ดีแต่เห่าหอนเรียกร้องแต่ให้ตัวเองสบายอยู่คนเดียว แค่ทำแผลแค่เนี้ยะยังบ่น นับอะไรกับต่อไปที่ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ อยากสบายนักแล้วมาเรียนทำไมไม่เกิดมาเป็นหมอตั้งแต่เกิดซะเลยละ จะได้ไม่ต้องเป็นเอ็กซ์-สะเทิ้นน้ำ-สะเทิ้นบกอยู่

Posted by : นางมาร บน ward , Date : 2004-03-24 , Time : 15:14:12 , From IP : 192.168.33.25

ความคิดเห็นที่ : 62


   คือว่าอยากจะถาม "คนเคยเป็นเอ็กเทิร์น" นะคะว่าลำบากมากมั้ยกับการเป้นเอ็กเทิร์น เพราะถ้าลำบากมากนักก็ลาออกกลับไปทำนาทำสวน หรืออยุ่บ้านเฉยๆให้พระบิดา พระมารดา เลี้ยงดูซะนะคะจาได้ไม่ลำบาก ดีซะอีกลาออกไปซะเพราะอยู่ไปก้ไร้ประโยชน์ วันๆก้อไม่เห็นจะทำกอะไร ดีแต่เดินเชิดอยู่บน ward คงคิดว่าดูดีตายล่ะ บางทีถ้าไม่มีคนบอกว่าเป้นหมอยังคิดว่าเป็นพนักงานเข็นเตียงด้วยซำไป และที่โอดครวญว่า wardศัลยกรรม ล็อกกุญแจ ก้จะไม่ให้ล็อกได้งัยล่ะค่ะในเมื่อคุณเธอเล่นมักง่าย อย่าว่าแต่setทำแผลเลยขนาด stetบนwardยังเอาไปไปใช้เป็นของส่วนตัวไม่มีเหลือซักอัน ไม่ทราบว่าไม่มีปัญญาซื้อใช้เองรึงัย แล้วไอ้ที่บอกว่าต้องเก็บsetเองน่ะ ไม่ทราบว่าต้องการให้ใครเก็บให้เหรอค่ะ คือเผอิญเห็นว่าเอ็กเทิร์นเองก็มีมือ มีเท้า ไม่ได้เป้นบุคคลพิการอ่ะนะคะ จาได้ตามเก็บให้ รอไว้ให้เห็นเอ็กเทิร์นคนไหนพิการไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ก่อนนะคะแล้วจะลองพิจรณาดูอีกทีว่าสมควรจะช่วยมั้ย ถ้ามีสมองหน่อยก็คิดดูเอาเองนะคะว่างานบางอย่างเอ็กเทิรืนสมควรจะทำเองมั้ย คุณไม่ใช่พระเจ้า หรือเทวดา ที่จะต้องมีคนมาคอยเอาใจ ยังงัยก็เป็นมนุษย์เดินดินเหมือนกัน และพยาบาลก้ไม่ใช่คนใช้ของคุณที่จะต้องคอยทำให้คุณทุกอย่าง ที่พยาบาลทำให้ก็เพราะเป้นหน้าที่ที่สมควรจะทำและความมีนำใจที่พึงมีให้กับผู้ร่วมงานเท่านั้น ไม่ได้คิดอย่างคนใจแคบว่าอันนี้ต้องเป็นหน้าที่ของหมอ อันนี้หน้าที่พยาบาล หน้าที่คนงานเพราะถึงอย่างไรทั้งแพทย์และพยาบาลก็ควรจะนึกถึงผลประโยชน์ของคนไข้เป็นสำคัญไม่ใช่มัวแต่คิดถึงแต่ตัวเอง เพราะถ้าคุณคิดถึงแต่ตัวเองคุณก็ไม่เหมาะกับอาชีพแพทย์ ไม่เหมาะกับชุดที่คุณใส่อยู่หรอกค่ะ ถ้าไม่โง่นักก็คงจะคิดได้นะคะ

Posted by : นางมารร้าย , E-mail : (................) ,
Date : 2004-03-24 , Time : 15:20:11 , From IP : 192.168.33.26


ความคิดเห็นที่ : 63


   เอ คุณนางมารร้าย ไม่ทราบว่าเก็บกดมาจากไหนถึงได้มองเอ็กซเทิร์นในแง่ร้ายอย่างนั้น ทุกสังคมย่อมต้องมีทั้งคนที่ดีและคนที่ไม่ดี กรุณาอย่าเหมารวมเอาว่าเอ็กซเทิร์นจะเป็นอย่างที่คุณว่าซะทั้งหมด แล้วกระทู้นี้ก็ไม่มีคนตอบมานานเกือบ 2 เดือนแล้ว ทำไมอยู่ดี ๆ คุณถึงมาระบายเอาในเมื่อเค้าจบเรื่องกันไปตั้งนานแล้ว และช่วงนี้ก็ไม่มีเอ็กซเทิร์นขึ้นปฏิบัติงานมาเกือบเดือนแล้วด้วย และการที่คุณมาพูดในกระดานข่าวนี้มันก็ไม่ต่างกับการ"เห่าหอน"ที่คุณใช้คำนี้กับคนที่คุณกำลังว่าหรอกนะ ไม่รู้จะเห่าไปทำไม ไม่เห็นจะสร้างสรรค์อะไรเลย มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่คุณว่าเขาหรอกนะ มันก็แสดงให้เห็นอะไรบางอย่างในตัวคุณ อย่าทำให้ตัวคุณทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างวิชาชีพมันบาดหมางกันเลย หัดมองอะไรในด้านบวกซะบ้าง คนที่ปฏิบัติตัวดีก็มีให้เห็นเยอะแยะ คนที่ทำไม่ดี ถ้าคุณทนไม่ไหว ก็บอกเขาตรง ๆ เพียงแต่ขอให้บอกดี ๆ อย่าใช้อารมณ์ อย่าพูดแต่ให้ได้ความสะใจลองคิดถึงตัวคุณบ้างว่า ถ้าคุณรู้ว่ามีคนมาว่าคุณเหมือนที่คุณกำลังว่าเอ็กซเทิร์นทั้ง ๆ ที่คุณไม่ได้เป็นคนก่อ แต่เพื่อนร่วมวิชาชีพเพียงไม่กี่คนของคุณเป็นต้นเหตุ คุณจะรู้สึกอย่างไร...ขอเหอะ วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์หน่อย

Posted by : อะไรกันนักกันหนา , Date : 2004-03-24 , Time : 20:43:01 , From IP : 202.129.19.218

ความคิดเห็นที่ : 64


   เคยได้ยินคำว่า " ฉือจี้ " หรือ " พุทธฉือจี้ " หรือเปล่า

การให้บริการด้วยหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ คำนี้ล่ะ เคยได้ยินไหม ตั้งแต่ HA National Forum # 7 เมื่อปีที่แล้ว
ถ้ายังไม่เคยได้ยิน ปีนี้ลองไปเตร่ๆแถวเมืองทอง ที่จัดประชุม HA ...Forum # 8

เป็นหมอได้ไงเนี่ยะ


Posted by : บุญศิริ , Date : 2007-02-21 , Time : 18:57:23 , From IP : ppp-124.121.38.38.re

ความคิดเห็นที่ : 65


   ไม่รู้สิอ่านดูแล้วบางคนก็เข้าใจว่าทำไมต้องทำบางคนก็ว่าไม่ใช่งานของตัวเองแต่จากประสบการณ์นะแพทย์บางคนจบไปยังติด EKG ไม่เป็นหรือทำแผลไม่ถูกวิธีเลยเพราะคิดว่ามีพยาบาลทำให้ เจอมามากแล้วพวกปากดีแต่สั่งพอถึงเวลาทำเองก็เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

Posted by : oo , E-mail : (thanitthar@hotmail.com) ,
Date : 2007-02-28 , Time : 15:13:20 , From IP : ppp-124.120.228.71.r


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.024 seconds. <<<<<