ความคิดเห็นทั้งหมด : 4

แฉผู้ป่วยเมืองกรุงใช้สิทธิข้าราชการเบิกยานอกแพงเวอร์ เหลือทิ้งเพียบ!!


   แฉผู้ป่วยเมืองกรุงใช้สิทธิข้าราชการเบิกยานอกแพงเวอร์ เหลือทิ้งเพียบ!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กุมภาพันธ์ 2554 06:11 น.


เภสัชกรหญิง แฉพบผู้ป่วยพื้นที่ กทม.กว่า 1,000 ราย มียาเหลือใช้สูงสุด มูลค่ารวม 4 หมื่นบาทต่อราย ชี้ 20 เปอร์เซ็นใช้สิทธิ ขรก.เบิกยานอกบัญชีแพงเว่อร์

เภสัชกรหญิงรายหนึ่ง เปิดเผยว่า จากการศึกษาสถานการณ์ของการใช้ยาของผู้ป่วยในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ปี 2553 กว่า 89 ชุมชน ในกลุ่มผู้ป่วยจำนวน 1,059 ราย พบว่า ผู้ป่วยส่วนมากป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน และโรคอ้วน ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มียาเก็บไว้ในบ้านเรือนไม่ต่ำกว่า 10 ประเภท ในจำนวนนี้พบยาหมดอายุ เสื่อมสภาพราว 5-6 ประเภท บางรายพบยาซ้ำประเภทกว่า 2-3 ชุดและที่น่าห่วง และหมดอายุแล้ว ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องรับยาใหม่เรื่อยๆ ส่งผลให้ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ มียาเหลือใช้มูลค่าสูงสุดถึงรายละ 40,000 บาท


เภสัชกรรายเดิม กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่สำรวจยาเหลือใช้ในผู้ป่วยนั้นพบว่าร้อยละ 20 หรือราว 300 ราย เป็นผู้ป่วยที่ใช้สิทธิข้าราชการในการรักษาพยาบาล ที่เหลือเป็นประกันสังคม และรักษาฟรีโดยผู้ป่วยในสิทธิดังกล่าวได้ใช้ยาที่อยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ เช่น ยาลดไขมันที่เรียกว่า เครสเตอร์ (Crestor) ที่มีราคาสูงถึงกล่องละ 1,000 กว่าบาท โดยพบผู้ป่วยรายหนึ่งป่วยใช้สิทธิข้าราชการเพราะมีลูกสาวเป็นพยาบาลใน รพ.สังกัด กทม.พบว่ามีการเบิกจ่ายยานอกบัญชียาหลักแต่ละครั้งราว 5 ประเภท ขณะที่ผู้ป่วยรายดังกล่าวมียาบางตัวที่หมดอายุ เสื่อมสภาพเก็บไว้ในบ้านคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท

“สำหรับมูลค่าการใช้ยาโดยรวมของชาวชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น คาดว่า ต้องรอเวลารวบรวมข้อมูลอีกสักพักแล้วจะเผยแพร่ สู่สาธารณะ เพื่อกระตุ้นให้ภาครัฐเล็งเห็นความสำคัญของการจัดการระบบยาโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้ข่าวของการเบิกจ่ายยาในสิทธิข้าราชการพบตัวเลขการสูญเสียค่าใช้จ่ายจากการใช้ยาเกินความจำเป็นที่สูงขึ้น ซึ่งคิดว่าเป็นข้อมูลที่น่ากังวลอย่างมากสำหรับวงการรักษาพยาบาลของไทย เพราะขณะนี้เราล้าหลังจากต่างประเทศมาก” เภสัชกรรายเดิมกล่าว





Posted by : thiopental , Date : 2011-02-22 , Time : 07:18:03 , From IP : 212.200.150.203.sta.inet.co.th

ความคิดเห็นที่ : 1




   ......

Posted by : thiopental , Date : 2011-02-22 , Time : 07:21:22 , From IP : 212.200.150.203.sta.inet.co.th

ความคิดเห็นที่ : 2


   เป็นปัญหาที่ได้ยินมานานมาก แต่ก็ยังได้ยินอยู่เรื่อยๆ เรื่องนี้ผมว่าอยู่ที่หลายๆ ปัจจัย

- เรื่องการกินยาก็จริงอย่างที่มีรีพลายตอบไว้แต่ปัญหาคือผู้ป่วยส่วนมากที่ต้องกินยาเหล่านี้มักอายุเยอะ หลงๆ ลืมๆ เราถามไปว่าเหลือยาเท่าไร เขาก็มักจะตอบว่าจำไม่ได้ (ไม่แน่ใจด้วยว่าเคยนับหรือเปล่า) ครั้นถ้าจะให้พายามาด้วย ถ้าเกิดต้องมานับยาทุกคน วันหนึ่งๆ คงตรวจ OPD ได้ไม่มาก ทางแก้แบบที่รพ.เราทำอยู่ก็ดีนะครับที่เวลาสั่งยาระบบจะคำนวณยาที่เหลือให้โดยอัตโนมัติ

- เรื่องยาที่จะใช้ของ original ผมว่าพวกเราก็ทราบๆ กันดีว่าคุณภาพของยา local made กับ original อันไหนที่ดีกว่ากัน พูดกันแฟร์ๆ ถ้าเป็นเราๆ ก็อยากได้ยาที่ดีที่สุดแล้วยิ่งบวกกับไม่ต้องจ่ายเงินเอง ใครจะไม่อยากได้ของที่ (น่าจะ) ดีกว่าล่ะครับ อันนี้คงต้องไปหาทางแก้ไข ซึ่งผมเองก็ไม่มีปัญญาเสนอแนะวิธีการแก้ไขเหมือนกัน


Posted by : frank , Date : 2011-02-22 , Time : 09:56:43 , From IP : 172.29.16.53

ความคิดเห็นที่ : 3


   ปัญหาตอนนี้ คือ รัฐแบกภาระค่ารักษาพยาบาลไว้มาก จนงบประมาณไม่พอ ก็เลยต้องหามาตรการรัดเข็มขัด แล้วก็พบว่า เงินมีการรั่วไหลเยอะกับสิทธิข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ตอนนี้ก็มีการเข้มงวดการเบิกจ่ายยามากขึ้น ปรับบัญชียาใหม่ ยาบางตัวที่เคยเบิกได้ ก็จะเบิกไม่ได้แล้ว

น่าจะแก้โดย Co-pay ถ้าต้องการ original ก็ช่วยจ่ายบ้าง หรือเปลี่ยนเป็นระบบประกันสุขภาพแบบที่ทุกคนต้องซื้อประกัน มีหลายแบบ ตามความต้องการของแต่ละคน เหมือนในอเมริกาหรือออสเตรเลีย ถ้าเอาแบบพื้นฐาน เบี้ยประกันจะถูกกว่า
ถ้าเอาแบบทำฟัน เรียกรถพยาบาลมารับได้ ทำศัลยกรรมตบแต่งได้ เข้าเอกชนได้ ก็แพงกว่า

การที่ต้องจ่ายเงินบ้าง จะได้เห็นคุณค่าของยา ค่ะ


Posted by : จริงใจ , Date : 2011-02-22 , Time : 13:26:37 , From IP : 172.29.25.97

ความคิดเห็นที่ : 4


   อีกอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่ารพ.เราเป็นกรณีคล้ายๆ รัฐบาลหรือเปล่าที่ต้องแบกรับปัญหาค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่กลับไปตัดยาบางตัวที่จำเป็นในผู้ป่วย 30 บาท เช่นกรณี mucolytic ตอนนี้ทราบไหมครับว่าผู้ป่วย 30 บาทไม่มียากลุ่มนี้ใช้แล้วเพราะถูก lock เอาไว้ คนไหนที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ หรือแผนกที่จำเป็นจริงๆ ก็ต้องทำใจ

ตอนนี้ถ้าผู้ป่วยมีเสมหะมาก เสมหะเหนียวผมก็ทำได้แค่ให้ดื่มน้ำอุ่น จิบน้ำไปเรื่อยๆ หวังว่าอาการคงจะดีขึ้น


Posted by : frank , Date : 2011-02-22 , Time : 13:45:26 , From IP : 172.29.16.53

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<