ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ที่นี่คือสัปปายะ


   โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ที่นี่คือสัปปายะ



Posted by : phoenix , Date : 2011-02-18 , Time : 02:33:20 , From IP : 172.29.9.220

ความคิดเห็นที่ : 1


   รพ.ม.อ.ที่นี่คือสัปปายะ
สิ่งที่เหมาะกัน สิ่งที่เกื้อกูล ช่วยสนับสนุนในการบำเพ็ญภาวนาให้ได้ผลดี ช่วยให้สมาธิตั้งมั่น ไม่เสื่อมถอย
อาวาสสัปปายะ สถานที่เหมาะกัน

โคจรสัปปายะ การเดินทางเหมาะกัน

ภัสสสัปปายะ สนทนาที่เหมาะกัน

ปุคคลสัปปายะ ผู้คนที่เหมาะกัน

โภชนสัปปายะ อาหารการกินที่เหมาะกัน

อุตุสัปปายะ ดินฟ้าอากาศที่เหมาะกัน

อิริยาปถสัปปายะ กิริยาที่เหมาะกัน



วันนี้ วันก่อนวันมาฆบูชาหนึ่งวัน หน่วยชีวันตาภิบาลได้จัดเสวนา palliative care ครั้งแรกประจำปี 2554 ในหัวข้อ "ความงาม ความทรงจำสุดท้าย" เป็นการ share เรื่องเล่าที่บุคลากรของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ประสบตรง คัดมาสะท้อนท่ามกลางกัลยาณมิตร เพื่อที่เราจะเพ่ิมการ "เห็น" งาน เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เห็นชีวิต เห็นครู เห็นศิษย์ เห็นกัลยาณมิตร กันมากขึ้น หลีกพ้นจากความจำเจหรือ routine ที่เป็นสมุหฐานแห่งความเบื่อหน่าย ขี้เกียจ และขาดแรงบันดาลใจ


น่ายินดีที่วันนี้ผู้มาเข้าร่วมคับคั่ง เรียกว่าเต็มห้องทีเดียว จากทุกสารทิศ หลากหลายหอผู้ป่วยและแผนก เจ้าหน้าที่จากห้อง post-mortem ก็มานั่งฟังและร่วมอภิปรายจนจบ น้องๆนักเรียนพยาบาลก็มา แถมยังมี extern มาจาก รพ.พระมงกุฎมา elective palliative care ที่เราอีกในช่วงนี้ด้วย

ผมอารัมภบทเชื้อเชิญพวกเรา เอาประสบการณ์ตรงมาแลก มาเล่า เน้นว่าไม่มีเรื่องไหนเล็กเกินไป ไม่มีเรื่องไหนไม่ดี ขอเพียงเป็นประสบการณ์ตรงและเจ้าตัวอยากเล่า ก็เพียงพอ qualified ที่จะเล่าแล้ว อย่างไม่น่าเชื่อ เวลาอีก 2 ชั่วโมงก็หมดไปในพริบตา คนยังไม่ได้พูดอีกหลายคนแต่ต้องจบก่อน เพราะเขาจะไปเข้าเวรบ่ายกันแล้ว

ขอแตกเป็นเกร็ดย่อยแต่เป็นเพชรเม็ดงาม ที่กระโดดตะครุบ กระชอนช้อน สวิงชอน ตะกร้อสอยมาได้พอเป็นสังเขป

เรื่องราวไม่มีเล็กเกิน พี่จุฑประเดิมด้วยเรื่องเล็กๆแต่น่ารัก น้องพยาบาลห้องพิเศษเล่าให้ฟังและพี่จุฑได้เจอเอง วันหนึ่งมีญาติคนไข้มาบอกพี่จุฑว่าเมื่อคืนนี้ประทับใจ จนต้องขอเล่า
ยังไงหรือคะ
เมื่อคืนหนูนอนเฝ้าคุณพ่อ ตอนดึกก็ปกติจะมีพยาบาล เข้ามาวัดความดัน จับชีพจร
ค่ะ แล้วไง
เมื่อคืนก็มี แต่หนูเกือบจะไม่รู้ตัว เพราะว่าน้องเขาไม่ได้เปิดไฟ แต่ถือไฟฉายดวงเล็กๆเข้ามาดวงเดียว เข้ามาดูน้ำเกลือ จับชีพจร เงียบกริบเลย คุณพ่อไม่ตื่นขึ้นมาเลยค่ะ น่าชื่นชมน้องเขาจริงๆ เพราะคงจะทำงานไม่ได้สะดวกเท่าไหร่ แต่ถ้าเปิดไฟ บางทีคุณพ่อก็ตื่น แล้วเลยนอนไม่ได้ นี่น้องเขาน่ารักมาก เห็นแก่เรา
เหรอคะ แหมดีจัง
ไม่เท่านั้นนะ มีน้องอีกคนยิ่งไปกว่านั้น แกถอดรองเท้าก่อนเข้ามาในห้องด้วย เพราะรองเท้าเดินแล้วเสียงก้อง แกกลัวจะปลุก ก็เลยถอดรองเท้าไว้หน้าห้องแล้วค่อยเดินเข้ามา ไม่เคยเห็นที่ไหนละเอียดขนาดนี้เลย
ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
เรื่องราวไม่มี routine มีคนไข้อีกคน ผู้ชาย ตัวใหญ่ เสียงดัง เป็นมะเร็งถุงน้ำดีระยะสุดท้าย ปวดมาก จะขอยาบ่อย พูดจาเหมือนดุ อารมณ์หงุดหงิด วันหนึ่งกระสับกระส่ายมาก พอพยาบาลดู chart ก็ทราบว่าแกบ่นปวดแต่เช้า ใครพอเข้ามาแกก็จะขอยาฉีด พยาบาลฉีดให้จะรีบหลบออกมา เพราะแกจะมีอะไรไม่พอใจ ก็จะเสียงดังน่ากลัว ครั้งนี้พี่จุฑเข้ามาเห็นพอดี พอน้องฉีดยาเสร็จกำลังจะออกจากห้อง (พิเศษ) ลุงแกก็ร้องออกมาดังๆ "ไม่ใช่ ไม่ใช่ตรงนี้!" เสียงดังมาก ดุ
ว่าพรื่อ (ว่าอะไรนะลุง) พี่จุฑถาม น้องพยาบาลถอยไปเล็กๆ เพราะกลัวเสียงลุงแก
มันไม่ใช่ตร่งนี่ (ไม่ใช่ตรงนี้) มันตร่งนี่ (ชี้ไปที่แผลระบายน้ำจากช่องท้องที่วางไว้หลังผ่าตัด) น้ำมันชุ่มเม็ดแหระ (น้ำมันไหลชุ่มหมดเลย จากแผล)
พอไปดูก็เห็นว่าจริง มีน้ำ ascites (ท้องมาน) ผสมสีอะไรบอกไม่ถูกไหลชุ่มตรงข้างสะเอว คล้อยไปทางข้างหลัง
พี่จุฑบอกลุงว่า "อ้อ ขอบคุณที่ช่วยบอกห้าย เดี๋ยวพยาบาลจะทำให้นะคะ" แล้วก็เตรียม set เตรียมอะไรมาทำแผลให้
ปรากฏว่ายาก เพราะน้ำออกมาเยอะ เอากอสหนาๆโปะก็ยังชุ่ม เอาถุงมารองก็รั่ว เพราะตรงเอวนี่ปิดพลาสเตอร์ยากมากทีเดียว

"ไม่พรื่อ เดี๋ยวเราตาม APN มาช่วยแล" (advanced practicing nurse พยาบาลวุฒิเชี่ยวชาญพิเศษ) ก็ช่วยกันตามกันใหญ่ ทั้งมือถือ ทั้ง page เรียก อีกแป๊บหนึ่งก็มา ปรากฏว่า case นี้ท้าทายมาก จนต้องใช้ paste dressing พิเศษ ก่อเป็นเขื่อน ทำผิวหนังให้ราบ จะได้ปิดพลาสเตอร์ให้แน่นได้

ตอนนี้คุณลุงและลูกมามุงดูเงียบๆ ตอนหลังเราเลยทราบว่า ทั้งหมดประทับใจมากที่เราทุ่มเทสมาธิในการพยายามช่วยคุณลุงอย่างมาก ไม่มีใครถือสาที่คุณลุงเสียงดัง และดุในตอนแรกเลย พี่จุฑบอกว่า รอยยิ้งคุณลุงหลังจากแผลติดดีนั้น เป็นอะไรที่ทำให้ชื่นใจมาก ต่อทุกคนที่ได้พบเห็นทีเดียว คุ้มค่ากับที่เราหยุดฟัง และใช้สมาธิหาทางช่วยเหลือผู้ป่วย ไม่รีบจิตตกเพราะกลัวเสียงบ่นจากคนไข้ แต่ใช้ความเป็นมืออาชีพแทน

Departures ฉบับม.อ. พี่จุฑได้ริเริ่มการแต่งหน้าผู้ที่เสียชีวิตที่หอผู้ป่วยในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่เราจะให้ผู้เสีียชีวิตนอนรอก่อนไปห้องเก็บศพมานานแล้ว นึกถึงภาพยนต์ญี่ปุ่นเรื่อง departures ที่ผมตัดต่อเอามาฉายบรรยายแทบจะทั่วประเทศในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในตอนนี้ทุก ward ก็เริ่มมีฉบับ modified แตกต่างกันไป
น้องบางคนก็แต่งตามสีผิว บอกว่า "ถ้าผิวเข้มแต่งอ่อน หรือผิวขางแต่งเข้ม มันก็จะหลอกค่ะ เหมือนเราเลือกลิปสติกแล่ะ ต้องมี match"
น้องอีกคนบอกว่า "หนูดูอาชีพค่ะ ถ้าเป็นครู หนูจะแต่งแบบหนึ่ง ทำงานออฟฟิสแบบนึง แม่บ้านก็จะแบบนึง"
"บางทีเราก็ถามญาติเขาค่ะ ว่าอยากจะแต่งเองไหม บางคนก็เอาค่ะ ไม่กลัว พอแต่งเสร็จก็ขอบคุณเรามาก บอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ แต่ถ้าเขากลัว ก็จะขอให้เราแต่งให้ก็ไม่เป็นไร"
เครื่องแต่งหน้ามีเหลือเฟือ ปรากฏว่าห้างสรรพสินค้าในหาดใหญ่พอทราบเรื่องนี้ เขาก็ยินดีบริจาค set เครื่องสำอางค์ให้ รพ.ม.อ.ไม่คิดมูลค่า เพราะอยากจะมีส่วนร่วมในการทำประโยชน์ในการดูแลวาระสุดท้ายเช่นนี้ด้วย
อีกรายเป็นคุณแม่ของน้องพยาบาลของเราเอง คนไข้เป็นคนที่สวยมาก ชอบแต่งตัว น้องเขาก็ทราบอยู่แล้ว ก็เลยเตรียมการเป็นอย่างดี พาช่างแต่งหน้าส่วนตัวมาเลย พอแต่งเสร็จรอบแรก เหลียวมองรอบๆก็เห็นคุณลุง (สามีผู้ตาย) ยืนอยู่ด้วย ก็เลยถามว่า "เป็นพรื่อ ลุง ช้ายดายม่าย" (เป็นยังไงลุง ใช่ได้ไหม) ลุงมองๆอึ้งอยู่ชั่วครู่ก็บอกอ้อมแอ้มว่า "มันเข้มไปสักหีด เอาจืดๆลงหน่อยตะ" (มันเข้มไปหน่อย เอาสีอ่อนลงสักนิดเถอะ) ช่างก็เติมสีชมพูและเกลี่ยใหม่ เติมแป้งลงไป อีกพักหนึ่งก็ถามใหม่ "คราวนี้ละ" "ใช่ได้ๆ ดีเล้ย" ลุงยิ้มดีใจ ดูเหมือนว่ากระบวนการที่ญาติได้มาตัดสินใจในการแต่งหน้าผู้เสียชีวิต กลับทำให้ความเศร้าโศกเสียใจในขณะนั้นแปรเปล่ียนไปเป็นอย่างอื่นที่มีความหมายแทน การเยียวยาในการสูญเสียได้บังเกิดขึ้นแล้ว


Case ฉุกเฉินที่หอผู้ป่วยประสาทศัลยกรรม ในการดูแล case มะเร็ง หรือผู้ป่วยเรื้อรัง เรามักจะมีเวลามากพอประมาณ ที่จะทำพิธีกรรม หรือเตรียมผู้ป่วย เตรียมญาติ แต่หอผู้ป่วยศัลยกรรม ที่พี่เกศินีเป็นหัวหน้า ward นั้น ก็จะมีคนไข้อุบัติเหตุ คนไข้ที่บาดเจ็บเฉียบพลันและเสีียชีวิตในเวลาอันสั้นรวมอยู่ด้วย การทำ palliative care ดูแลแบบ holistic ใน case เหล่านี้ก็มีความแตกต่างกันออกไป
ป้าคนหนึ่ง ถูกโจรบุกเข้ามา แล้วยิงใส่บริเวณศีรษะ ญาติพาส่งโรงพยาบาลแต่ก็อาการหนักมากแล้ว ช่วยอะไรไม่ได้ แผลที่ศีรษะมีเลือดมีสมองไหลออกมาเป็นระยะๆ สามีและญาติๆทำใจกันหมด เหลือแต่ลูกชายคนเดียวที่สติสตังเสียไป เดินมาส่งที่ รพ.ใส่แค่กางเกงนอนขาสั้นตัวเดียว ร้องไห้มาส่งแม่ ไม่ยอมให้หยุดเครื่องช่วยหายใจ ไม่ยอมให้หยุดยา บอกหมอขอให้ทำให้ฟื้นให้ด้วย พวกเราช่วยประคับประคองคนไข้ไปก่อน ทั้งๆที่ทราบว่าไม่มีทางช่วย ระหว่างนี้พี่เกศก็ดูแลน้องบ่าวคนนี้เป็นพิเศษ ที่สุดก็บอกว่า "ลูกเอ๊ย ชีวิตเราก็คือวิญญาณอาศัยอยู่ในร่างกายก็เหมือนบ้าน แต่ตอนนี้ บ้านของแม่ลูกน่ะชำรุดแล้ว หลังคงหลังคารั่ว อยู่ไม่ได้ (ตรงนี้ค่อนข้างชัดมาก เพราะศีรษะมีแผลใหญ่เห็นชัดเจน) แม่เขาต้องหาที่อยู่ใหม่ หาได้แล้วก็ไม่ได้ไปไหนหรอก อยู่กับเรานี่แหละตลอดไป" ลูกชายก็เริ่มนิ่งขึ้น
ในที่สุด ไม่นานคุณป้าก็เสียชีวิต พวกที่ ward ก็เข้ามาช่วยกัน เอาเสื้อสี shocking pink ที่คุณป้าชอบที่สุดมาใส่ให้ แต่พอทุกคนมองไปที่ศีรษะ ก็มองหน้ากัน จะทำยังไงดี เพราะผมเผ้ายังเหมือนเดิม คือรุงรัง เลือดติดกรัง เพราะไหลออกมาตลอดตั้งแต่ admit พี่เกดก็ถามว่า "เอ.. ล้างเลือดแล้วสมองจะไหลออกมาไหมเนี่ย" "แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ญาติๆมาเจอจะรู้สึกยังไง?"
คิดไปคิดมาก็เลยเอาไงเอากัน ที่หอผู้ป่วยประสาทนี้ปีที่แล้วได้รางวัลชนะเลิศประกวดเครื่องสระผมผู้ป่วยเคลื่อนที่ ก็ได้นำมาใช้เลย เอาฝักบัวฉีด เอาน้ำลูบ ปรากฏว่าตอนนี้ไม่มีเลือด ไม่มีสมองไหลออกมาอีกแล้ว สระผมเสร็จ พยาบาลอีกคนซึ่งเป็นนักตกแต่งผม ก็ทำผมเกล้าให้คุณป้า รวบขึ้นไปมัดข้างหลัง พอเสร็จก็ดูไม่ออกเลยว่าเคยมีแผลกระสุนปืนที่ศีรษะ
ลูกชายมาเห็น ก็ร้องไห้อีก เพราะคุณแม่เหมือนยังมีชีิวิต และพวกเราก็เกิดความกังวลตามมา เพราะ case นี้เป็น case คดี กระสุนก็ยังค้างในกระโหลกศีรษะ ถ้าต้องชันสูตรพลิกศพ เอากระสุนออก ที่เราทำไว้ดิบดีก็คงจะหมด เสื้อผ้าสวยๆที่ใส่ไว้ก็อาจจะสกปรกเลอะเทอะ แต่ที่ ward ก็ไม่กล้าออกความเห็นอะไร ต้องแล้วแต่กฏหมาย หรือระเบียบต่อไป
case นี้ พี่เกดมาเจอคนที่เป็นญาติกับเจ้าหน้าที่ห้อง post ทีหลัง ก็ถามว่าเป็นไง
"อ้อ case นี้เหรอจำได้ แต่งตัวมาสวยวับเลย ทำผม ทำเผ้ามาอย่างดี"
"นั่นสิ แล้วตำรวจว่าไง ต้องชันสูตรอะไรไหม"
"เห็นแล้วล่ะ ญาติเขาก็คุยกันใหญ่ ตอนหลังสามีเขามาบอก ขอไม่ชันสูตร ขออโหสิกรรมให้ เพราะไม่อยากให้คุณป้าต้องถูกผ่าอะไรอีกแล้ว ขอให้สวยแบบนี้ไปเลยดีกว่า...."
บางที ความงามที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่ได้อยู่ในระเบียบแบบแผนเป็นทางการ กลับมีอิทธิพลเปลี่ยนชีวิตคนได้อย่างมากมายอย่างสุดจินตนาการ ตอนแรกที่คุณป้าถูกโจรยิง ใครๆก็มีความรู้สึกเคียดแค้น โกรธ และเศร้าเสียใจที่สุด มันเหมือนกับอารมณ์เกิดช่องสุญญากาศเป็นโพรงขึ้นมาอย่างกระทันหัน การล้างแค้น การเอาคืน ดูจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เกิดความยุติธรรม มีอะไรมาถมสุญญากาศตรงนี้ให้หมดไปได้

แต่ที่จริง การที่พวกเราช่วยกันตกแต่งร่างกายคุณป้าเป็นอย่างดี ทำด้วยความรัก ความใส่ใจ จนกระทั่งกายภายนอกของคุณป้ากลับสู่สภาพเดิมนั้น โดยที่เราไม่รู้ตัวก็คือ ความรัก ความใส่ใจของเรา และสภาพของคุณป้าที่ออกมาสวยงามนั้น ได้ถมหลุมสุญญากาศแห่งความทุกข์นั้นไปได้อย่างมหัศจรรย์ หลายๆชีวิตที่มีความโกรธ ความแค้น อารมณ์นั้นได้ถูกทดแทนด้วยร่างกายที่สวยงามอีกครั้งหนึ่งของคุณป้า จนเปลี่ยนจากจิตที่จะเอาคืน เอากลับ กลายเป็นจิตแห่งอโหสิกรรม และจิตแห่งอภัยทานไปได้

ขออนุโมทนา กราบขอบพระคุณที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ ผมเชื่อแล้วว่าเรากำลังทำงานอยู่ในที่สัปปายะโดยแท้ ขอเพียงมองไปรอบๆเท่านัั้นเอง


Posted by : thiopental , Date : 2011-02-18 , Time : 09:58:10 , From IP : 113.53.8.152

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<