"โอเด็ต" ชี้ข้อด้อยแฟชั่นไทยโกอินเตอร์ อุปสรรคอยู่ที่สังคมยังล้าหลัง
คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
"โอเด็ต" ชี้ข้อด้อยแฟชั่นไทยโกอินเตอร์ อุปสรรคอยู่ที่สังคมยังล้าหลัง
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
แรงอย่างต่อเนื่องจากกระแส "นมหก" เมื่อปีที่แล้วสำหรับวงการแฟชั่นในบ้านเรา ล่าสุดรัฐบาลก็ใจป้ำเตรียมจัดงานใหญ่ถึง 2 งานติดๆ ทั้ง THE BANGKOK FASHION CITY GRAND OPENING : SILK ROAD ON THE RIVER OF KINGS และ BANGKOK FASHION CITY EXTRAVAGANZA ด้วยการดึงนางแบบชั้นนำของโลกอย่าง "Mila Jovovich" ร่วมเดินแฟชั่นกับนางแบบชั้นนำของเมืองไทย
กับจุดประสงค์หลักเพื่อจะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองแฟชั่นของโลกเทียบเท่ากับ "ปารีส" หรือว่า "ลอนดอน" ฯ ในครั้งนี้จะเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใดลอง ไปฟังความคิดเห็นจากนางแบบสาวใจกล้า "โอเด็ต (แจ็คโคมิน) เฮนเรียต" ดู
"ก็ดีนะ เป็นโครงการที่ดีมากทีเดียวอย่างน้อยการที่รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนและจัดโครงการนี้ขึ้นมามันมีผลพลอยได้ค่อนข้างเยอะ" นางแบบสาวเอ่ยปากชมรัฐฯ ก่อนที่จะบอกถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในการจัดงานครั้งนี้
"มันเป็นการประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยกำลังก้าวเข้ามาเป็นผู้นำในวงการแฟชั่น ไม่รู้นะส่วนตัวโอเด็ตคิดว่ามีแต่รายรับเข้ามาประเทศก็ดูง่ายๆ อย่างเรื่องเสื้อผ้าที่งานนี้ยังไม่แน่ชัดแต่คงนำมาเป็นจุดเด่นของงานแน่นอนละเพราะมันเป็นจุดขายด้วยไง ผ้าไหมถือเป็นสิ่งที่สวยงามและมีความประณีต งานนี้คงทำให้ผ้าไหมเป็นที่รู้จักในวงที่กว้างมากขึ้น"
"ในส่วนตัวนางแบบเองก็จะได้มีงานที่เพิ่มขึ้นด้วย เป็นการช่วยส่งเสริมไม่ให้คนว่างงานไปได้อีกทาง การที่เขาเข้ามาสนับสนุนช่วยสนับสนุนตรงนี้ อย่างวงการแฟชั่นโอเด็ตทำงานมาปีกว่าถึงจะไม่นานเท่าไหร่แต่ก็พอจะรู้อะไรบ้าง วงการนี้มันเดินไปเรื่อยๆ"
เอ่ยถามถึงโอกาสของความเป็นไปได้ที่จะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองแฟชั่นของโลกอีกเมืองหนึ่งนางแบบสาวบอกว่าถึงขั้นนี้แล้วน่าจะมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว
"มาถึงขั้นนี้โอเด็ตว่าความเป็นไปได้สูงแล้วละ แล้วเป็นสิ่งดีที่รัฐฯ มองเห็นความสำคัญตรงนี้ แฟชั่นใช่จะมีแต่เรื่องความสวยความงามอย่างเดียว เราในฐานะนางแบบเป็นแค่คนที่ต้องออกมาพรีเซ็นต์ชุดที่เราใส่ให้มันดูสวยที่สุด แต่ลึกกว่านั้นเป็นการสื่อให้เห็นถึงฝีมือของดีไซน์เนอร์ไทยที่เดียวนี้มีการพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ คำว่าแฟชั่นมันก็มีความหมายในตัวอยู่แล้ว"
"แฟชั่นไม่เคยตาย แล้วจะให้ดีไซเนอร์เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่การเดินแบบจะต้องมีการแกล้งทำเต้าหลุดอย่างเดียว ความจริงเป็นแค่เหตุบังเอิญแต่หลายคนไม่เข้าใจก็เอาไปพูดกันต่างๆ นานา อันนี้ก็แล้วแต่ ไม่แน่นะถ้ารัฐฯ ยังให้การสนับสนุนแบบนี้อีก 2-3 ปีวงการแฟชั่นไทยอาจจะมีการกระเตื้องขึ้นจนสามารถพัฒนาในระดับโลกได้ อันนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไป"
"โอเด็ตว่ามันควรจะเริ่มจากทุกส่วนพร้อมๆ กันนะไม่ว่าจะเป็นดีไซน์เนอร์ สไตลิสท์ หรือแม้กระทั่งตัวนางแบบมันต้องมีการประสานงานกันอยู่แล้ว คงเจาะจงไม่ได้ว่าจะเริ่มจากใครก่อน แต่ที่สำคัญต้องมีจุดหมายเดียวกันแล้วร่วมกันเพื่อที่จะมุ่งไปที่เป้าหมายนั้นให้สำเร็จ แล้วการที่รัฐบาลเข้ามาตรงนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรทำที่สุด น่าจะมีมาตั้งนานแล้วด้วย นางแบบไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงที่มีดีแต่ความสวยอย่างเดียวแล้วไม่มีสมอง เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ทุกคนมีการศึกษามีความเป็นคนเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งแยก"
"ส่วนนี้อาจทำให้เรามีงานเยอะขึ้นหรือเปล่าไม่รู้ ข้างในเขามีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงไม่ทราบแต่สิ่งที่กำลังทำอยู่มาถูกทางแล้ว ใช้แฟชั่นเป็นตัวที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทยให้เด่นชัดขึ้นในสายตาทั่วโลก การท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มันสามารถเข้ามาเกี่ยวเนื่องกันได้หมด"
นางแบบสาวแสดงความคิดเห็นต่อไปว่าโดยส่วนตัวแล้วจุดเด่นของวงการแฟชั่นไทยก็คือเรื่องของทรัพยากรต่างๆ ที่มีอย่างเพียงพอรวมกับความอ่อนช้อยที่บ่งบอกถึงความมีเอกลักษณ์ แต่ที่เป็นข้อด้อยก็คือเรื่องของความคิดของคนในสังคมไทยที่ยังล้าหลังและไม่เข้าใจในเรื่องของความเป็นแฟชั่นอย่างเพียงพอ
"ดีไซน์เนอร์ของเรานี่จะเป็นอะไรที่ชัดเจนมาก เพราะถ้าพูดถึงฝีมือสู้กันได้สบายอย่างเรามีความพร้อมในเรื่องทรัพยากรบวกกับความเป็นไทยที่อ่อนช้อยอยู่ในตัว เป็นอะไรที่พอนำมาผสมผสานกันแล้วมันลงตัวและก็ดูดี แต่ถ้าเกิดจะพูดถึงข้อด้อยก็เยอะเหมือนกันนะ อย่างสังคมไทยเป็นสังคมที่ล้าหลังในเรื่องพวกนี้ เหมือนการเดินแบบที่มีการทำเต้าหลุด ก็เป็นกระแสออกมามากมายว่าตั้งใจบ้าง อยากโชว์บ้าง ทั้งที่มันไม่ใช่ความตั้งใจก็เป็นสิ่งที่ติดตาตลอด สังคมมันแคบ ยังไม่เปิดกว้างในเรื่องนี้"
"ส่วนเทรนด์แฟชั่นในปีนี้ไม่รู้ซินะ โอเด็ตก็ทำงานทุกวันทำไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีเวลาได้ติดตามข่าวสารเท่าไหร่แต่เท่าที่ดูปีหน้านางแบบเขาจะเน้นสวยๆ นะ ประมาณโอเด็ตคงไม่ได้เพราะดูแปลกเกินไป (หัวเราะ) อาจจะตกงานได้"
ถ้าเป็นจริงคงมีหวังได้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง...
Posted by : 1234 , Date : 2004-01-09 , Time : 17:31:32 , From IP : 192.168.33.12
|
