ตามคาด! ถกตั้งคกก.สมานฉันท์ฯ ไม่ลงล็อค เสนอคุยกันเองก่อน - เอ็นจีโอขู่ใครจ้องล้มพ.ร.บ.คุ้มครองฯ เจอดีแน่
ตามคาด! ถกตั้งคกก.สมานฉันท์ฯ ไม่ลงล็อค เสนอคุยกันเองก่อน - เอ็นจีโอขู่ใครจ้องล้มพ.ร.บ.คุ้มครองฯ เจอดีแน่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 สิงหาคม 2553 15:33 น.
อีกยาว! "หมอไพจิตร์" เผยประชุมหาคณะกรรมการเสริมสร้างสมานฉันท์ฯ ยังไม่ลงตัว หลังเครือข่ายผู้ให้บริการฯ ขอเพิ่มสัดส่วนกรรมการ ปรับรูปแบบการประชุม ขณะที่สมาพันธ์แพทย์ฯ ร่อนหนังสือกลางที่ประชุมฯ เสนอให้แต่ละฝ่ายถกกันเอง ก่อนคุยร่วมทุกฝ่าย ด้านภาคประชาชน รุกจัดทำเอกสาร 20 ข้อดี พ.ร.บ.คุ้มครองฯ แจกแพทย์-ประชาชน ขู่ใครจ้องล้มพ.ร.บ.พร้อมขัดขวางเต็มที่ ย้ำ เชื่อใจ นายกฯ - รมว.สธ. -ปลัด สธ. หนุนให้เกิดกฎหมายได้โดยไร้ความขัดแย้ง
ภายหลังจากที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สธ. ให้ดำเนินการประชุมร่วมระหว่างเครือข่ายผู้ให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข กับเครือข่ายผู้รับบริการสาธารณสุข ถึงประเด็นในการจัดตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาในสัดส่วนของคณะกรรมการฯ ที่มีแพทย์บางกลุ่มไม่เห็นด้วย และเสนอให้มีการปรับสัดส่วนเพิ่มเติม เพื่อหาทางออกร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... นั้น
ล่าสุดในช่วงสายวันนี้( 7 ส.ค.) นพ.ไพจิตร์ ได้จัดประชุมในประเด็นดังกล่าว และให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นการหารือร่วมกันครั้งที่ 2 เพื่อหาคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข หลังจากได้หารือกันในวันแรก(2 ส.ค.) ที่ผ่านมา เนื่องจากเครือข่ายผู้ให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเห็นควรให้มีการเพิ่มสัดส่วนของคณะกรรมการเพิ่มเติม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขยายวงของคณะกรรมการฯ เพื่อความสบายใจตามที่สมาพันธ์แพทย์ฯ ได้เสนอมา อย่างไรก็ตามการหารือในวันนี้เป็นการหารือใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1.สถานการณ์ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ในปัจจุบันมุ่งเน้นให้เกิดความสุขทั้งแพทย์และผู้ป่วย โดย สธ.จะทำหน้าที่อำนวยการในการจัดประชุม 2.ประเด็นเรื่องขององค์ประกอบขณะกรรมการฯ ที่ต้องมีความครอบคลุมมากขึ้น หรือขยายวงเพิ่ม 3 ในการประชุมจะต้องไม่ใช้วิธีการโหวตเสียงส่วนใหญ่ แต่จะดูที่ข้อเสนอเป็นหลัก 4.เห็นควรให้แต่ละฝ่ายสามารถแยกกันเพื่อประชุมหารือก่อนเจรจาร่วมในทุกฝ่ายได้ และ 5 .ที่ประชุมเห็นชอบกับข้อเสนอของเครือข่ายผู้ป่วย ที่ระบุว่า ทุกฝ่ายจะไม่กล่าวให้ร้ายซึ่งกันและกัน แต่เน้นที่การกล่าวเฉพาะข้อเท็จจริง ทั้งนี้สำหรับคณะกรรมการเสริมสร้างฯนั้นจะยังคงมีต่อไป เพื่อร่วมกันหาทางออกโดยเร็ว
เนื่องจากมีการเสนอให้มีโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลสังกัดกรุงเพพมหานครเพิ่มเติม และจะมีการปรับรูปแบบการประชุม ดังนั้นการเสนอคณะกรรมการฯในครั้งใหม่จะไม่เรียกว่าคณะกรรมการ 3 ฝ่ายอีก เนื่องจาก สธ.ไม่ได้เข้าร่วม เป็นเพียงผู้อำนวยการจัดประชุมและบริการข้อมูลตามข้อเสนอของแต่ละฝ่ายเท่านั้น ปลัด สธ.กล่าว
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของระยะเวลาในการจัดหาและเพิ่มเติมสัดส่วนของคณะกรรมการแต่ละฝ่าย จะมีฝ่ายใดเข้าร่วมบ้างนั้นยังไม่สามารถระบุได้ แต่ก็จะพยายามดำเนินการโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีผู้ไม่เข้าร่วมที่ได้ถอนตัวก่อนหน้านี้ ได้แก่ พญ.พจนา กองเงิน ประธานสมาพันธ์แพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ/รพท.) พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย และ นายโชติศักดิ์ เจนพาณิชย์ จากแพทยสภา นอกจากนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องที่ไม่เข้าร่วมอีก คือ นายธรณินทร์ จรุงเกียรติ จากทันตแพทยสภา นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) และ นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.)
วันเดียวกันในเวลาประมาณ 10.30 น. พญ.พจนา กองเงิน ประธานสมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท. และ นพ.ศิริชัย ศิลปอาชา ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ ได้เข้ายื่นหนังสือเสนอแนวทางแก้ไขต่อนพ.ไพจิตร์ กลางที่ประชุม โดย นพ.ศิริชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยื่นหนังสือเสนอให้มีการจัดประชุมแยกเฉพาะของแต่ละฝ่าย เพื่อเสนอแนวทางที่เห็นชอบก่อนการประชุมร่วมโดยเชิญ รมว.สธ. และปลัด สธ. ร่วมประชุมด้วย
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวภายหลังการประชุมว่า ภาคประชาชนจะมีการจัดทำเอกสารชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อนำเสนอถึง 20 ข้อดี ที่แพทย์จะได้รับจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ และเอกสาร จริงหรือไม่จริงกับพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนและแพทย์ให้ได้รับทราบถึงประโยชน์ของ พ.ร.บ. ทั้งนี้ได้เสนอว่า สธ.ควรทำหน้าที่คนกลางในการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ในการจัดเวทีระดมความเห็นด้วย โดยภาคประชาชนจะขอติดตามการทำงานเพื่อให้พ.ร.บ.เดินหน้าไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ทั้งนี้หากพบว่าฝ่ายใดก็ตามพยายามจะล้มกฎหมายฉบับนี้ กลุ่มประชาชนจะรวมตัวกันเพื่อขัดขวางการกระทำ เนื่องจากเห็นว่า พ.ร.บ.ที่ทำขั้นนั้นใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่นานและเกิดขึ้นด้วยความยากลำบาก ตั้งแต่เดือน 15 มี.ค.51 - 18 ส.ค.52 จึงต้องทำหน้าที่เพื่อผลักดัน พ.ร.บ.ให้เกิดขึ้นให้ได้ตามขั้นตอนและกระบวนการที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ
ขณะที่ นางปรียานันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ กล่าวว่า ในด้านการดำเนินการของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งหาความเห็น อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.สธ.และ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.จะสามารถร่วมกันผลักดันให้เกิดกฎหมายฉบับนี้ โดยไม่เกิดความขัดแย้งบานปลาย
Posted by : thiopental , Date : 2010-08-07 , Time : 17:44:25 , From IP : 180.180.81.42
|