พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ บุญหรือบาป
แพทยสภา, ทันตแพทยสภา, สภาเทคนิคการแพทย์, สภาการพยาบาล, สภากายภาพบำบัด, สภาเภสัชกรรม ร่วมค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ชี้ประโยชน์ตกที่กรรมการ มั่นใจเอ็นจีโอหน้าเดิมนั่งเก้าอี้ "จุรินทร์"นัดถก 2 ส.ค.นี้...
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ สภาวิชาชีพทั้ง 6 ประกอบด้วย แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาเทคนิคการแพทย์ สภาการพยาบาล สภากายภาพบำบัด และสภาเภสัชกรรมได้มีการหารือเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข โดยมีความเห็นเช่นเดียวกันว่าคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เชิญผู้แทนสภาวิชาชีพทั้ง 6 เข้าหารือเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การมี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ จะทำให้คนส่วนน้อยได้ประโยชน์แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศเสียประโยชน์ เช่น การกำหนดให้สถานพยาบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนที่จะใช้ในการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ป่วย จะทำให้โรงพยาบาลของรัฐต้องเจียดเงินจากค่ารักษาพยาบาลที่รัฐจัดสรรให้มาสมทบเข้ากองทุนแทนที่จะใช้ในการรักษาพยาบาลได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนก็จะเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้บริการมากขึ้นเพื่อนำเงินมาจ่ายสมทบ อีกทั้งการจ่าย เงินให้โดยไม่มีการดูถูกหรือผิด แพทย์จะไม่รักษาผู้ป่วยที่ประเมินแล้วเห็นว่ามีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะต้องจ่าย ชดเชย ทำให้เกิดการส่งต่อคนไข้หนักมากขึ้น
นอกจากนี้ การอ้างว่าการให้ผู้เสียหายทำสัญญาประนีประนอมหลังรับเงินชดเชย จะเป็นประโยชน์กับแพทย์เพราะจะใช้เป็นหลักฐานประกอบให้ศาลลดโทษหรือไม่ลงโทษ ได้นั้น ในความเป็นจริงไม่มีความจำเป็นต้องเขียนกำหนดไว้ เนื่องจากตามกฎหมายอาญาหากแพทย์ยอมรับผิดและยินยอมจ่ายเงิน ศาลก็จะพิจารณาลดโทษแล้ว แต่การที่ระบุไว้ก็เพื่อเป็นการชี้ช่องว่าสามารถฟ้องอาญากับแพทย์ได้ด้วยเท่านั้น
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่บอกว่ามี พ.ร.บ.นี้แล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ของแพทย์และผู้ป่วยดีขึ้นนั้น ไม่จริง ในทางตรงกันข้ามอาจจะทำให้แย่ลง เนื่องจากกฎหมายนี้ไม่ได้มีมาตราใดที่เป็นรูปธรรมว่าจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ของแพทย์และผู้ป่วย แค่ช่วยให้การฟ้องศาลน้อยลงเท่านั้น เพราะคนไข้จะหันมาฟ้องศาลเตี้ยแทน ได้เงินเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ความผิดถูกเหมือนศาล แต่การร้องขอรับเงินชดเชยไม่ลดลงอย่างแน่นอน และแม้จะรับเงินไปแล้วก็ยังสามารถฟ้องศาลต่อได้อีก แบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายดีขึ้นได้อย่างไร
"พ.ร.บ.นี้จะทำให้เกิดประโยชน์กับคนแค่ส่วนน้อยและไม่เกิดประโยชน์กับแพทย์เลย แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการออก พ.ร.บ.นี้ คือ คณะกรรมการที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะเข้ามาบริหารกองทุนเป็นหมื่นล้านที่จะดูดมาจากรัฐบาลจากภาษีประชาชน"
นายกแพทยสภายังเชื่อว่าตัวแทนจากฝ่ายเอ็นจีโอที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะเป็นคนหน้าเดิมๆ กลุ่มเดิมๆ ขณะที่ในต่างประเทศที่ใช้กฎหมายลักษณะนี้จะให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เป็นคนตัดสินว่าควรได้รับเงินชดเชยหรือไม่และหากได้แล้วจะไม่มีการฟ้องร้องต่อ.
Posted by : thiopental , Date : 2010-08-01 , Time : 14:01:56 , From IP : 118.173.147.119.adsl.dynamic.totbb.net
|