ความคิดเห็นทั้งหมด : 0

เรื่องของการให้อภัย กับสถานการณ์ในปัจจุบัน


   ใครเป็นแบบนี้บ้าง : การให้อภัยเป็นเรื่องดี แต่บ้างครั้งก็อยากโกรธไม่มีวันหาย

เมื่อหลายปีก่อนมีเสียงอึกทึกดังไม่ยอมหยุดมาจากห้องในอพาร์ทเมนต์เหนือห้องที่ครอบครัวเราอยู่ เหมือนมีลูกช้าง 100 ตัวมาแข่งวิ่งร้อยเมตรข้างบน ในที่สุดผมตัดสินใจขึ้นไปสอบถามอย่างสุภาพ "ที่นี่ไม่มีใครทำเสียงดังหรอก" สองสามีภรรยาประสานเสียงกันยืนยัน "แสดงว่าเสี่ยงที่คุณได้ยินต้องดังมาจากห้องอื่นแน่ๆ" ขณะพูดก็มีเด็กอายุราวห้าขวบสองคนถือลูกบอลคนละลูกยืนอยู่หลังพ่อแม่ "เป็นไปได้ไหมว่าเสียงที่ว่าเกิดจากลูกๆของคุณวิ่งเล่นไล่กันหรือบางทีอาจเล่นฟุตบอลกันในห้อง" ผมถาม "เป็นไปไม่ได้เพราะเราไม่อนุญาตให้เด็กๆวิ่งเล่นในบ้าน" ผมต้องทนเสียงโครมครายอยู่เช่นนี้หลายเดือน เมื่อทนไม่ไหวผมก็ลุกขึ้นไปถามอย่างสุภาพ คำตอบคือการ ปฏิเสธเสียงแข็งทุกครั้ง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เห็นสองสามีภรรยาคู่นี้ ผมจะจ้องมองตรงๆโดยไม่ทักทายแม้แต่คำเดียว เมื่อครอบครัวนี้ย้ายออก เสียงหนวกหูก็หายไป

......... ทุกวันนี้การให้อภัยไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นกฎเกณฑ์ที่เราต้องปฏิบัติตาม ..............

ผมเคยคิดว่าน่าจะให้อภัยเพื่อนบ้านครอบครัวนี้และไม่ควรถลึงตาใส่พวกเขา ยิ่งในยุคนี้ซึ่งทุกคนพูดถึงการให้อภัยจนกลายเป็นกระแสที่มาแรง ซึ่งถ่ายทอดออกมาในรูปของหนังสือติดอันดับขายดีหลายเล่ม มีการตั้งมูลนิธิและสถาบันวิจัยออกมารองรับแนวคิดที่กำลังแพร่หลายนี้ก้าวไกลเกินคำสั่งสอนของศาสดาทั้งหลายซึ่งสอนแค่ว่าการให้อภัยจะส่งผลดีต่อจิตวิญญาณของงมนุษย์ในทางตรงข้าม หากไม่ยอมให้อภัยผู้อื่นเราเองจะจมดิ่งอยู่กับความเจ็บปวดและขมขื่น ปัจจุบัน งานวิจัยหลายฉบับในวงการแพทย์ยืนยันว่าการให้อภัยจะช่วยป้องกันหัวใจวายและลดความดันโลหิตกับภาวะเครียดได้ด้วย
ผมอาจเป็นคนกลุ่มน้อย และเชื่อมั่นในพลังบำบัดของความโกรธแค้นผมมองว่าความโกรธแค้นอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้นที่มีต่อครูและเพื่อนร่วมชั้น เจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวและเพื่อนๆ บอกตามตรงว่าผมเคยหยุดพูดกับบางคนหรือบางครั้งพูดกับคนเหล่านั้นในทางไม่ดีที่ทำอย่างนั้นเพราะความเคลือบแคลงมากกว่าจะเป็นการแก้แค้น ผมไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจหรือละอายใจแต่อย่างใดแต่กลับรู้สึกพอใจด้วยซ้ำที่บ่มเพาะความโกรธแค้นให้งอกงามต่อไปเรื่อยๆ
เจ้านายเก่าคนหนึ่งไม่ชอบหน้าผมตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าทำงานทั้งที่เธอเป็นคนรับผมเข้าทำงานด้วยตัวเองแท้ๆ เธอไม่เคยตักเตือนผมเรื่องการทำงาน แต่ผมรู้ทีหลังว่าหล่อนโกหกเรื่องการทำงานของผมให้เพื่อนร่วมงานฟังบ่อยๆในที่สุด เธอปลดปล่อยผมออกจากงานหลังเริ่มงานเพียงสองเดือนครึ่งโดยไม่มีคำอธิบายใดๆผมต้องดูแลครอบครัว แล้วอย่างนี้ผมควรให้อภัยหญิงผู้นี้หรือไม่ หาเหตุผมดีๆให้ผมสักข้อสิ ความโกรธแค้นในใจผมสมสมกับความอยุติธรรมที่เธอหยิบยื่นให้ผมแล้ว อย่างน้อยโลกนี้ยังมีความชอบธรรมอยู่บ้าง ความคิดนี้ทำให้ผมอบอุ่นใจในหลายค่ำคืนแห่งความหนาวเหน็บ
ผมคิดแบบนี้คนเดียวหรือไม่ ถ้ายึดตามแนวคิดการให้อภัยแบบไม่เลือกเป้าหมาย ผมควรให้อภัยกับญาติที่เชิญผมกับภรรยาไปกินอาหารเย็นเพื่อหลอกขายสินค้าหรือไม่ หรือให้อภัยเพื่อนที่ส่งลูกค้าประชาสัมพันธ์มาให้ จากนั้นกระหน่ำโทรฯมาทวงค่านายหน้าร้อยละสิบอยู่นานหลายเดือน
ผมไม่ได้ต่อต้านการให้อภัยแบบเต็มใจ ผมเคยอภัยคนหยาบคายหรือการเข้าใจผิดอย่างรุ่นแรง และให้อภัยอย่างเต็มที่โดยไม่ถือโทษแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ผมคิดค้านคือคำโฆษณาชวนเชื่อของการให้อภัย ทุกวันนี้การให้อภัยไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นกฎเกณฑ์ที่เราต้องปฏิบัติตามแบบไม่มีเงื่อนไข การให้อภัยแบบสมัครใจเป็นการลดคุณค่าของการอภัยเสียแล้ว
ความโกรธแค้นที่สั่งสมมานานกระตุ้นให้เราตั้งมาตรฐานไว้ในระดับหนึ่งซึ่งเคารพตัวเองมากพอที่จะปฏิเสธพฤติกรรมแย่ๆทั้งหลายได้ การไม่ให้อภัยอาจเป็นเรื่องถูกต้องและสมควรแก่การยกย่องพอๆกับการให้อภัย
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคนขอโทษด้วยความจริงใจไม่ใช่ขอโทษเพื่อให้ได้รับการให้อภัยผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน ช่วงมัธยมผมเคยมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แต่พอจบมหาวิทยาลัยเขาไม่ยอมพบหน้าผมอยู่ประมาณสิบกว่าปีจนกระทั่งในงานเลี้ยงรุ่นมัธยมปีที่ 15 ผมมีโอกาสถามหาเหตุผลจากปากเพื่อนคนนี้ เขาบอกผมว่าผมทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยราวกับทำผิดอะไรร้ายแรง เขาพูดถูกเผงเพราะผมชอบล้อเลียนเขาตอนนั้นผมคิดว่าผมล้อเลียนด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่คิดถึงว่าจะทำให้เพื่อนไม่พอใจจนหนีห่างไป เมื่ออยู่ต่อหน้ากันในงานเลี้ยงรุ่น ผมจึงเอ่ยปากขอโทษเขา เพื่อนคนนี้ไม่ยอม ยกโทษให้ผมซาบซึ้งแล้วว่าคนที่ไม่ได้รับการให้อภัยนั้นรู้สึกอย่างไรคุณรู้ไหม ผมว่าก็สาสมดีแล้ว
ที่มา : สรรสาระ ฉบับเดือน กรกฎาคม 2553


Posted by : OMG , Date : 2010-07-05 , Time : 01:07:17 , From IP : 172.29.9.81

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<<