เห็นด้วยว่าเราไม่ควรจะทำอะไร for the sake of technology อย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรจะ anti อะไรเพีงเพราะมันเป็น technology ใหม่เท่านั้นด้วย
ประเด็นจะคล้ายๆกับที่มีน้องถามว่าเราควรจะซื้อ PDA ไหม จะซื้อ laptop, computer ไหมนั่นแหละครับ ทุกอย่างเราต้องคำนึงถึง cost effectiveness เท๕โนโลยีที่จะนำมาใช้ส่วนใหญ่ค่า premium จะแพง แต่ที่ติดตลาดได้ก็เพราะมันจะทำให้การบริหารองค์มีปรสิทธิภาพ และตรงนี้ความ "คุ้มทุน" จะโผล่ตามมาทีหลัง ข้อมูลทางการแพทย์ที่สามารถถูกตามรวบรวมเรียกผลย้อนหลังได้เป็นรากฐานของการวิจัย การวิจัยควรจะเป็นรากฐานของความก้าวหนาและความประหยัด (หรือ cost effective) ดังนั้น technology หรือการบริหารจัดการอะไรที่ทำให้เป็นไปได้ก็จะต้องเปรียบเทียบ "ความคุ้มทุน" ที่ตรงปลายนี้
เทคโนโลยีไม่ทุกอย่างที่ทำให้คุ้มทุน อะไรที่ออกมาเป็น cosmetic aesthetic หรือ fashionable นั้นบวกค่าอะไรบางอย่างที่ไม่ใช้ประโยชน์โดยตรง (เช่นแก้วน้ำที่พอปะสติ๊กเกอร์มิกกี้เมาส์ลงไปแล้วราคา doublw หรือเสื้อ T-shirt พอมีลายบาร์บร้ก็เปลี่ยนราคาไปโดยไม่เกี่ยวกับ "คุณภาพ" ของสินค้าโดยตรง เป็นต้น)
สรุปคือถ้าจะใช้เทคโนโลยีก็จงเป็น "นาย" ไม่ใช่เป็น "ทาส" แต่เรายังคงต้องรักษาความมีหูตากว้างไกลไว้ด้วย นาโนเทคโนโลยีกำลังถูกนำมาใช้ในทางปฏิบัติเต็มที่ในอนาคตอันใกล็ อันนี้อาจจะเป็นการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ERA อีกครั้งหนึ่ง สิงค์โปร์เขามีคนที่แม้แต่ MIT กำลังพยายาม headhunter ไปเป็นโปรแกรม director อยู่ เราอาจจะต้องมาคิดกันว่าทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากสถานภาพ customer หรือ consumer มาเป็น producer ให้ได้ ไม่งั้นอาจจะต้องทนอยู่กับตู้เหล็กเก็บเอกสารต่อไป
Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-14 , Time : 17:53:04 , From IP : 172.29.3.200
|