ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

"สามชาติไม่อาจได้เคียงคู่"


   "สามชาติไม่อาจได้เคียงคู่"


... เสียงเพลงประกอบหนังจีนเรื่อง "สามชาติไม่อาจได้เคียงคู่" ดังก้องอยู่ในโสตประสาทข้าพเจ้า ทำให้จิตใจหวนไปนึกถึงเรื่องราว ของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งเกิดความรักขึ้น จากการเล่นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอินเตอร์เนต..

หนุ่มสาวคู่นี้ เดิมทีก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ด้วยความสามารถในการเล่นคอมพิวเตอร์ และความเหงา จึงทำให้วันหนึ่ง มีโอกาสได้คุยกันทางอักษรหน้าจอคอมพิวเตอร์
"ฉันเหงาเหลือเกิน อยากให้มีใครสักคนช่วยเป็นเพื่อน คอยระบายความในใจ"
ข้อความจากแดนไกล ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ และลงชื่อข้างท้ายว่า
"สาวนิรนาม"

หนุ่มน้อยนายหนึ่ง อ่านพบเข้าโดยบังเอิญ ด้วยคามคึกคะนองอารมณ์ดี จึงพิมพ์ข้อความตอบไปว่า
"ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากเป็นเพื่อนด้วยสักคนจะได้ไหม" และลงชื่อ
"หนุ่มนิรนาม"
"เธอเป็นใครหรือ เธอจะเข้าใจฉันได้หรือ ฉันเป็นคนมีเพื่อนน้อย แต่มีเรื่องในใจจะเล่ามากมาย ถ้าเธอไม่เบื่อหน่าย ฉันยินดีรับเธอเป็นเพื่อน" สาวนิรนามตอบ
"ผมเป็นหนุ่มร่าเริง จิตใจอ่อนไหวง่าย บ้านอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล คนเรานั้นอยู่ใกล้กัน แต่ไม่รู้จักกันก็เหมือนอยู่ห่างไกล เวลานี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว แม้อยู่ไกลก็ถือว่า เราอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม หากมีอะไรที่จะช่วยเหลือได้ ผมยินดี" หนุ่มนิรนาม พิมพ์ข้อความตอบไป
"ความช่วยเหลือด้วยการลงมือนั้น ฉันไม่ต้องการ ฉันเพียงอยากจะให้ช่วยเป็นเพื่อน รับฟังความเหงาจากฉัน ก็พอแล้ว" สาวนิรนามตอบกลับมาในทันที
"ผมจะรับฟังความเหงาของเธอได้อย่างไร เมื่อเราไม่เคยเจอกัน ความเหงาและว้าเหว่นั้น หากไม่ถ่ายเทให้กับคนที่เข้าใจแล้ว มันจะทำลายร่างกายผู้เป็นเจ้าของ เธอถ่ายเทมันมาให้ฉันซิ ฉันจะช่วยเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น" หนุ่มนิรนามแสดงความรู้สึกเห็นใจ สาวนิรนามเป็นอย่างยิ่งด้วยความจริงใจ

หลังจากนั้น ทั้งสองจึงนัดหมายมาพบกัน สาวนิรนามนั้นเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง ผิวเข้ม นัยน์ตาคมเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย มีมารยาท และท่าทางเป็นคนมีการศึกษา คำแรกที่สามนิรนามกล่าวทักทายคือ
"ขอโทษทีเถอะนะ ขออย่าถามว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงยอมมาพบเธอ หรือคำถามเยิ่นเย้อที่จะทำให้ฉันลำบากใจ" หนุ่มนิรนามกล่าวบ้าง
"ก็ได้ ผมจะไม่บอกว่า ผมเป็นใคร มาจากไหนเช่นกันเพราะว่า เราต่างเป็นคนนิรนาม"
พูดแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ตามภาษาคนขี้เล่นอารมณ์ดี

ท่าทางที่สาวนิรนามแสดงออกต่างๆ นั้น ดูเหมือนว่า จะแฝงอะไรไว้
"ถ้าให้เดาเธอคงจะมีความเศร้า เหงาเปล่าเปลี่ยวมิใช่น้อย สาวสวยหน้าตาดีอย่างเธอ ความจริงน่าจะมีหนุ่มๆ มารุมตอม และใกล้ชิดอย่างไม่ขาดสาย น่าสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมจึงอยู่คนเดียวอย่างเดียวดาย หรือ... เธอเพิ่งจะอกหักจากคนรัก" นี่คือ ความนึกคิดของหนุ่มนิรนามยามที่พบกันใหม่ๆ

เมื่อคบหาสมาคมกันไปได้หลายวัน ทั้งสองจึงตัดสินใจมาอยู่ร่วมกัน ในบ้านเช่าหลังหนึ่ง ถึงแม้จะอยู่ด้วยกัน ดูเหมือนว่า เธอจะเป็นคนไว้ตัว ไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับชายหนุ่ม บางทีเธออาจจะมีเหตุผล เธอบอกว่า
"เราเป็นคนรักกันแค่ใจก็พอแล้วนะ อย่าเกินเลยให้มากกว่าความเป็นคู่รักเลย"
หนุ่มนิรนามตามใจ เพราะเห็นว่า เวลาที่คบหากันนั้น คงยังไม่นานพอที่เธอสาวนิรนามจะฝากชีวิตไว้กับเขา

เช้าวันหนึ่ง สาวนิรนามลุกขึ้นมาแต่เช้า ทำกับข้าวกับปลาอย่างดีเตรียมไว้ให้ พร้อมกับพูดว่า
"วันนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันนานหน่อยน่ะ ฉันอยากเห็นหน้าคุณนานๆ ฉันอยากจะจดจำดวงหน้า ท่าทางของคุณให้ได้แม่นยำ และอยากฟังเสียงหัวเราะด้วย"
"วันนี้มาแปลก...แต่ก็ดี ผมอยากอยู่มองหน้าคุณนานเหมือนกัน จะได้จำได้ว่าครั้งหนึ่ง เคยมีผู้หญิงสวยสุดอยู่เคียงข้าง เผื่อว่าคุณจะหนีผมไปหาคนรักเก่า ไม่รู้ว่าผมพูดจาผิดไปหรือเปล่า บางทีผมอาจทำให้คุณไม่สบายใจ ผมขอโทษไว้ล่วงหน้าก็แล้วกัน"
หนุ่มนิรนามย้อนตอบอย่างอารมณ์ดีเช่นเดิม แต่แฝงความในใจไว้นิดๆ แล้วหนุ่มนิรนามก็ไปทำงานในอาชีพของตนเองตามปกติ

เย็นวันนั้น ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันเรื่องหนึ่ง ซึ่งหนุ่มนิรนามไม่เคยคิดมาก่อน สาวคนรักนอนตายอยู่บนเตียง ในชุดที่สวยงามและเรียบร้อย มือข้างหนึ่งถูกกรีดเป็นแผลลึก บริเวณข้อมือและมีเลือดไหลหยดรินนองอยู่กับพื้นข้างเตียง ใบหน้าของเธอแฝงรอยยิ้มอย่างเศร้าๆ

บนหัวเตียง มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง วางอยู่เคียงคู่กับดอกกุหลาบ และรูปถ่ายของหนุ่มสาวนิรนามทั้งสอง ภายในสมุดบันทึก มีเรื่องราวความในใจ ของสาวนิรนามมากมาย หากใครได้อ่านคงคล้อยตามความคิดของเธอ และถูกชักชวนไปดินแดนแห่งความฝัน จินตนาการที่เธอวาดไว้.. สาวนิรนาม ช่างเป็นหญิงผู้งามพร้อมทั้งกายและใจ ทำไมโชคชะตาจึงได้ชักพาให้เธอมาพบกับฝันร้าย ในตอนท้ายของบันทึก เธอเล่าว่า
"ฉันเคยมีและอยู่ร่วมกับคนรักฉันสามีภรรยามาก่อน แต่ว่าวันหนึ่ง เขาหนีจากไปพร้อมกับทิ้งจดหมายไว้ว่า เขาติดเชื้อเอดส์ เขาจะหนีไปยังที่ห่างไกลจากผู้คน หากรักษาไม่หายก็คงตายอย่างเงียบๆ สิ่งสุดท้ายในชีวิตคือ ขออย่าให้ฉันติดเชื้อเอดส์ไปด้วย และอวยพรขอให้ฉันโชคดี"

"ฉันมีความเปลี่ยวเหงาเหลือเกิน ฉันกลัวและไม่กล้าไปเจาะเลือดตรวจเอดส์ นี่เป็นสาเหตุที่ฉัน ไม่กล้านอนกับคุณ (หนุ่มนิรนาม) ฉันมีความสุขมาก กับการร่วมชีวิตกับคุณ (หนุ่มนิรนาม) แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ จริงๆ แล้ว ฉันอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ และมีลูกกับคุณ แต่...เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว...

2 วันก่อน ฉันได้ไปเจาะเลือดที่คลินิกนิรนาม นักจิตวิทยาบอกฉันว่า ฉันมีเลือดเอดส์บวก และขอร้องฉันอย่าตื่นเต้นตกใจเกินไป ในระยะเวลาอันใกล้ วงการแพทย์คงคิดค้นยารักษาเอดส์ได้ แต่...ฉันไม่เชื่อ...

ฉันไม่อยากจากคุณไป ในลักษณะของคนเป็นโรคเอดส์ ฉันอยากให้คุณจำฉันไว้ในลักษณะของคนสวย น่ารักแต่งตัวเรียบร้อย พูดจาไพเราะ ฉันทำความดีมาตลอด ทำไมถึงเกิดโชคร้ายกับฉันได้ เมื่อฉันตายไป คิดถึงฉันบ้าง และแจ้งข่าวให้ทางพ่อแม่ฉันทราบด้วย ฝากขอโทษท่านทั้งสอง ขอให้ท่านทั้งสอง มีสุขภาพดีและอายุยืนนาน เกิดชาติไหนขอเป็นลูกหลานท่านอีกทุกชาติไป

พูดถึงเรื่องของเราดีกว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ฉันไม่เคยร้องไห้หรือเหงาเลย คุณทำให้ฉันหัวเราะได้ เสียงหัวเราะของคุณน่ารักมาก เกิดชาติหน้าขอให้เราได้แต่งงานอยู่ร่วมกัน ลาก่อน จากสาวนิรนาม"
หนุ่มนิรนาม ร้องไห้และอาลัยในความรัก เขาพยายามกินยาฆ่าตัวตายตาม แต่อาการทุรนทุราย ทำให้คนข้างบ้านช่วยเหลือไว้ได้ทัน...

เรื่องราวที่เล่านี้ เป็นเรื่องจริง..

ข้าพเจ้าเอง เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่หนุ่มสาว จึงอยากเขียนเล่ามา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ โรคเอดส์เป็นโรคร้ายติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หญิงชายมีโอกาสเสี่ยงเท่ากัน หากไม่รู้จัก "ยับยั้งชั่งใจ" และ "ซื่อสัตย์ต่อคนรัก"

เสียงเพลง "หยาดน้ำตาแห่งความรัก" ประกอบเรื่อง "สามชาติไม่อาจได้เคียงคู่" ฟังดูให้รู้สึกวังเวงในหัวใจ เนื้อเพลง ช่างมีความหมายสอดคล้อง กับเรื่องราวข้างต้นเหลือเกิน บทเพลงมีอยู่ว่า
"อย่าบอกว่า แสงจันทร์ คือ สายน้ำ เพราะนั่นคือ หยาดน้ำตา ของหญิง ต่างหาก ฉันไม่ยอม พูดว่า แสงจันทร์เปรียบเสมือน น้ำตา ฉันพูดแล้ว กลัวว่า ใจของหญิง จะแตกสลาย หากมีความรักที่มากล้น ก็จะมี ความเศร้าระคนอย่างเต็มที่ มีความสุขอย่างที่สุด ย่อมจะมี ความทุกข์อย่างที่สุด ดุจเดียวกัน พระจันทร์เดี๋ยวกลม เดี๋ยวเสี้ยว กลม...กลม...เสี้ยว...เสี้ยว เพราะ ความรักนั้น หามีวันจบสิ้นไม่ คนเราเจอกันแล้วจาก เจอ...เจอ...จาก...จาก เหตุฉะนี้ เหล้าแก้วเดียว ไหนเลย...จะพอดื่ม..."



Posted by : No name No.1 , E-mail : (warit74@hotmail.com) ,
Date : 2003-12-11 , Time : 22:46:45 , From IP : 203.113.71.169


ความคิดเห็นที่ : 1


   ....
จริงๆแล้วเป็นการฆาตกรรมอำพราง

...ล้อเล่นน่า

น่าแปลกใจเนอะ ทำไมผู้ชายจึงยังไม่มีแฟนกับเขาด้วย


Posted by : ArLim , Date : 2003-12-15 , Time : 12:39:56 , From IP : 203.113.76.75

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<<