ความคิดเห็นทั้งหมด : 34

การทำเคสไพรเวทของอาจารย์สูติ


   บางครั้งมากเกินไป และบางครั้งก็ไร้ indicaitonอย่างเห็นได้ชัด
มันไม่ยุติธรรมเลยนะ
นักเรียนแพทย์จะเห็นแบบอย่างที่ไม่ค่อยเหมาะสมออกมาจากโรงเรียนแพทย์
พวกเขาจะสงสัยมั้ยว่า ทำไม_fetal distress` ที่อาจารย์บอกก่อนผ่าตัดคนไข้ไพรเวท ถึงไม่เหมือนกับfetal distress เวลาคนไข้ธรรมดาเข้ามา หรือfetal distressที่เห็นในตำรา มันจึงไม่เหมือนกัน
และพอถึงเวลาผ่าตัดแต่ละที เราก็จะได้เห็นหมอดมยาบ่นซุบซิบๆ หมอเด็กเดินหน้างอเข้ามา จัดของล้งเล้งๆ
มันเป็นบรรยากาศการทำงานที่ดีรึเปล่า


Posted by : เฝ้าดู , Date : 2003-12-04 , Time : 21:51:18 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 1


   แล้วทำไมเหรอ จริงๆมันก็ไม่เห็นแปลก เพราะว่าที่ไหนๆก็มี
อาจารย์ที่เค้าทำเคสส่วนตัว และใช้indicationอย่างเหมาะสมก็มี
แล้วทำไมไม่เดือดร้อนกับภาคอื่นมั่งล่ะ
ศัลย์ ออร์โธ Med ก็มีเคสไพรเวท
เพียงแต่คนอื่นอาจไม่ได้เห็นเท่านั้นแหละ


Posted by : Nemo , Date : 2003-12-04 , Time : 22:46:19 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 2


   ร้อนตัวเหรอจ๊ะ

Posted by : เด็กเลี้ยงควาย , Date : 2003-12-05 , Time : 01:12:14 , From IP : 172.29.1.194

ความคิดเห็นที่ : 3


   จะเป็น case แบบไหน นศพ.ก็สามารถเรียนรู้ได้
ขึ้นกับว่าอยากจะเรียนรู้รึเปล่า ไม่เห็นต้องคิดให้มากเลย
ในเมื่อรู้ว่าเป็น case ฝากพิเศษ แน่นอนมันต้องไม่เหมือน
ในหนังสืออยู่แล้ว แล้วจะไปตั้งแง่ทำไม ดูซิ วิธีการ c/s
ที่ถูกต้องทำกันยังไง คิดซิขั้นตอนของอาจารย์กับเราเหมือนกันไหม
เทคนิคแต่ละคนเป็นยังไง เวลาที่ต้องช่วยผ่าหรือต้องทำเองจะได้
เกิดการเรียนรู้ได้เต็มที่ยังไงหละ นี่ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากเลยนะ
ฉะนั้นอย่าสนใจเลยว่าจะเป็น case พิเศษหรือไม่ เพราะเราสามารถ
เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ทั้งนั้น และไม่ต้องไปเสียเวลางงกับมันอยู่


Posted by : Extern Guru , Date : 2003-12-05 , Time : 12:39:20 , From IP : 172.29.3.107

ความคิดเห็นที่ : 4


   จะเป็น case แบบไหน นศพ.ก็สามารถเรียนรู้ได้
ขึ้นกับว่าอยากจะเรียนรู้รึเปล่า ไม่เห็นต้องคิดให้มากเลย
ในเมื่อรู้ว่าเป็น case ฝากพิเศษ แน่นอนมันต้องไม่เหมือน
ในหนังสืออยู่แล้ว แล้วจะไปตั้งแง่ทำไม ดูซิ วิธีการ c/s
ที่ถูกต้องทำกันยังไง คิดซิขั้นตอนของอาจารย์กับเราเหมือนกันไหม
เทคนิคแต่ละคนเป็นยังไง เวลาที่ต้องช่วยผ่าหรือต้องทำเองจะได้
เกิดการเรียนรู้ได้เต็มที่ยังไงหละ นี่ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากเลยนะ
ฉะนั้นอย่าสนใจเลยว่าจะเป็น case พิเศษหรือไม่ เพราะเราสามารถ
เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ทั้งนั้น และไม่ต้องไปเสียเวลางงกับมันอยู่


Posted by : Extern Guru , Date : 2003-12-05 , Time : 12:39:35 , From IP : 172.29.3.107

ความคิดเห็นที่ : 5


   จะว่าไป เรื่องcaesarแบบไม่ค่อย strong indication ก็ซาๆไปเยอะแล้วนะ
คิดในแง่ดี มันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ นศพ.ได้เดินตาม พชท.ไปรับเด็ก ไปดูการเตรียมเครื่องมือรับเด็ก ซึ่งถ้ารอแต่case emergency จริงๆ เราก็จะไม่ค่อยมีเวลาสอน นศพ. ซะอีก กลายเป็นว่าเดินตามมาเฉยๆ ไม่ทันได้เรียนอะไรเลย เพราะพี่ก็ยุ่งๆอยู่อีก

แต่ข้องใจนิดนึง ที่ว่าเดินหน้างอคงมีมั่งล่ะ แต่ถึงกับทำล้งเล้งๆ หมอเด็กน่าจะไม่มีนะ


Posted by : หมอเด็ก , Date : 2003-12-05 , Time : 12:55:52 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 6


   .........เห็นด้วยครับว่าคุณ Nemo ดูจะร้อนตัวนะครับ.....ทำไมต้องพาดพิงถึงภาควิชาอื่นๆด้วยหละครับ.....มีตัวอย่างที่ยกตัวอย่างมาให้ดูให้ได้ฟังกันพอเข้าใจบ้างไหมครับ.....????.......ภาควิชาที่ผมอยู่นี่....ไม่มีการทำอะไรที่นอกเหนือ Indication ครับ.....การที่คุณ Nemo พูดถึงการใช้ Indication ที่เหมาะสมก็มี? นั้นหมายความว่าคุณยอมรับกลายๆหรือเปล่าครับว่ามีการใช้ Indication ที่ไม่เหมาะสมด้วย......คุณ Nemo ทราบไหมครับว่าการทำ Operation โดยใช้ Indication ที่ไม่เหมาะสมเรียกว่าอะไรครับ.....เขาเรียกกันว่า Malpractice ครับ......น่าสนใจจังเลยครับเรื่องนี้....แสดงว่าสิ่งที่เราให้นักเรียนแพทย์เราดูนี่....เราสอนทั้งด้านดีและด้านมืดครบเลยนะครับ.....:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-12-05 , Time : 14:08:17 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 7


   จริงๆ แล้ว fetal distress ที่เราพูดถึงกัน มันก็มีหลาย severity นะคะ บางคนมี spontaneous deceleration คือ อยู่ก็ drop เองเลย อันนี้คง distress จริง.. ไม่ต้องสงสัย ไม่รู้ว่าจะ drop อีกเมื่อไร แต่บางคน เราไป induction เค้า หรือ drip เพื่อให้ได้ adequate contraction เวลามี FHS drop หลัง resuscitate แล้วก็เลยพอจะรอได้ อาจารย์ท่านมีประสบการณ์มาก พอจะประเมินได้ว่าเด็กจะทนได้แค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ขอบคุณที่ช่วยแสดงความคิดเห็น

"จงเป็นคนถ่อมตน คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้ว ตั้งแต่เรายังไม่เกิด"


Posted by : เด็กเลี้ยงแกะ , Date : 2003-12-06 , Time : 23:25:13 , From IP : 172.29.3.219

ความคิดเห็นที่ : 8


   มีประสบการณ์ พอจะประเมินได้ จะบ้าเหรอ
แล้วก้อเห็นๆกันอยู่
fetal distress ของ ward ใช้ทุนมาทำ และก้อ distress จริง
ส่วน private คงไม่ต้องพูด มากกว่า 90 % เด็กออกมาดี หมายความว่าไง
ตั้งใน diag ผิดเหรอ?
เราว่าอยากฝากพิเศษ ก้อไม่น่าจะทำกันอย่างนี้นะ
set เป็น OT ก้อได้ จะได้ fairๆ กับคนที่อยู่เวรเนอะ
ได้ตังค์คนเดียวก้อกะไรอยู่นะ
แต่ก้อรู้ๆกันอยู่ ไม่พูดไม่พูด


Posted by : เห็นๆกันอยู่ , Date : 2003-12-07 , Time : 02:20:33 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 9


   .........คุณเด็กเลี้ยงแกะครับ.....ผมชอบที่คุณพูดนะครับ.....จงเป็นคนถ่อมตน....ชอบแค่ตรงนี้ครับ....ที่ผมพยายามจะเป็นอยู่....[แต่เป็นไม่ได้ซะที]......แต่ส่วนหลังที่ว่า...."คนเขาทำอะไรสำเร็จมามากมายก่อนเราเกิด"......ผมไม่เชื่อหรอกครับ.....ถ้าจะมีเช่นนั้นจริง.....มันก็จะมี...."คนเขาทำอะไรกันล้มเหลวมามากมายก่อนเราเกิด".....ตามมาด้วยอย่างแน่นอน.....เราควรจะนับถือและใช่สิ่งที่ผ่านมาแล้วเป็นประสบการณ์......เพื่อที่จะไม่ให้วงจรอุบาทว์เกิดซ้ำๆซากๆ.....คุณกล้าพอที่จะรับคำท้าผมไหมครับ....คุณกล้าที่จะไป review case ที่ทำ Cesarean section ทั้งหมดแล้วดู indication กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น.....หรือเปล่าครับ.....อย่ามานั่งแก้ตัวให้ใครเพื่อเสียเวลาอันเปล่าประโยชน์เลย............ผมนับถือคนที่แน่จริงครับ....ในสิ่งที่ควรจะทำด้วยนะครับ.....:D...:D....[นั้นไง.....สุดท้ายผมก็ถ่อมตนไม่ได้อยู่ดี.......]



Posted by : Death , Date : 2003-12-07 , Time : 10:12:22 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 10


   เคยเจอเหมือนกันที่ เซตผ่าตัดแบบนี้บอกว่าเป็น fetal distress แต่พอถามว่าตาม
หมอเด็กหรือเปล่ากลับบอกว่าไม่ได้ตามไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้อีก
อย่างอ.บางท่านเคสของตัวเองแท้ๆ ให้คนอื่นเข้าช่วยแทนที่จะขอบใจสักคำก็เปล่าเลย กลับถูกต่อว่าบ้างละในเคส พอใช้ทุนเข้ามาสายก็ถูกว่า พอดมยาเริ่มเคสช้าก็ไม่พอใจแต่เวลาตัวเองเข้ามาสาย(ไปอยู่คลินิกมา)ไม่เห็นพูดอะไร เคยเจอเคสนึง
in labour แล้วเข้ามานอนในห้องผ่าตัด30 นาทีแล้วอ.ก็ยังไม่เห็นโผล่หน้ามา ถามพยาบาลก็บอกว่าอ.อยู่ในห้องแต่งตัว(อ.ว่างั้น)ไม่รู้จะเปลี่ยนผ้ากันอีท่าไหนคนไข้ก็นอนปวดท้อง ดมยาจะเริ่มเคสก็ไม่ได้ แต่พอมาถึงก็โวยวายหาว่าป่านนี้แล้วทำไมไม่เริ่มเคสเสียที ถ้ารักจะทำคลินิกมากก็อย่ามาเป็นเลยนะอ.เนี่ยไปเฝ้าคลินิกตัวเองเหอะไม่รู้จะว่าไง


Posted by : ไม่บอก , E-mail : (ไม่บอก) ,
Date : 2003-12-07 , Time : 18:46:22 , From IP : 172.29.3.209


ความคิดเห็นที่ : 11


   เรื่อง จริยธรรมและจรรยาบรรณ เป็นเรื่องที่สมควรอภิปราย แต่ผมสงสัยว่ากระดานข่าวสาธารณเช่นนี้ และ style การอภิปรายแบบที่แล้วมาจะมีผลบวกหรือผลลบมากกว่ากัน

generalization stereotyping dramatizing นั้น เมือ่ไหร่ก็ตามใช้ในการอภิปรายด้าน moral แล้ว หลีกเลี่ยงยากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่ใช้อารมณ์ คนที่ดีอยู่แล้วแต่ถูกครอบชื่อรวมไปก็ไม่พอใจ (เหมือนอย่างที่ถ้า "หมอ" ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชีพหน้าเลือด กลายเป็นปาราไซท์สูบเลือด พวกเราก็คงจะไม่พอใจ) ผมเสนอให้เอาเรื่องนี้นำเข้าที่ประชุมภาคฯ หรือคณะฯ ใน session ethics และเปิดอภิปรายกัน ถ้ามี interaction จากหลายฝ่าย หลายภาควิชาก็ทำในระดับคณะ คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้นอนหลับฝันดี

ขอให้พวกเราเขียนอะไรลงไปนั้น ลองพยายามนึกถึงผลกระทบที่จะเกิดทั้งทางบวกและทางลบ การสื่อทางการเขียนและอ่านนั้นตัดกระบวนการการสื่อสารไปมากพอที่จะลดประสิทธิภาพไปมากอยู่แล้ว ยิ่งมาพูดด้านจริยธรรมจรรยาบรรณ โดยมีจำเลยที่ไม่ได้ถูก investigate มีเจ้าทุกข์ที่เป็นนิรนาม มี expert ที่สามารถตีค่าประเมินผลได้รวดเร็วมาก จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ไกล และอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่อุดมคติสำหรับนักเรียนแพทย์ในการอภิปรายเรื่องทำนองนี้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-07 , Time : 19:44:34 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 12


   ไม่เข้าใจ.. เวลา set fetal distress แล้ว อยากเห็นเด็กออกมา apgar ต่ำๆ หรือไงจะได้เข้ากับ indication
review OB stat อยู่แล้วทุกเดือน.. อยากจะเข้าไปฟังบ้างก็เชิญ
ประหลาดคน


Posted by : เด็กเลี้ยงแกะ , Date : 2003-12-07 , Time : 22:42:20 , From IP : 172.29.3.236

ความคิดเห็นที่ : 13


   แล้วคุณ death จะนับถือใครไม่สำคัญ... คุณรู้ตัวหรือเปล่า.. ว่าอะไรควรทำ.. อะไรไม่ควรทำ

Posted by : เด็กเลี้ยงแกะ , Date : 2003-12-07 , Time : 23:02:47 , From IP : 172.29.3.236

ความคิดเห็นที่ : 14


   .......ผมเคยเข้าฟัง OB Stat ครับ......ทำไมไม่ลอง Reviews แบบที่กำลังถกเถียงดูหละครับ......แล้วเอาข้อมูลมาเปิดเผยระดับภาควิชาก็ได้ครับ.....ไม่ต้องให้ชาวบ้านมานั่งดูก็ได้ครับ....หรือถ้าจะใจกล้าพอก็ไม่ว่ากัน....ว่าไงหละครับคุณเด็กเลี้ยงแกะ....กล้าที่จะทำไหม?....คุณยังไม่ตอบผมเลย......ผมตอบคำถามคุณก่อนก็ได้ครับ......ผมทราบว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำครับ....แต่คุณเคยรู้สึกผิดบ้างหรือเปล่าครับ....เวลาที่คุณเห็นสิ่งที่ผิด....แต่ก็ยังทนดูอยู่.....คุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่าครับ......ปฎิเสธผมมาสิครับ....ปฎิเสธออกมาให้เต็มปากเต็มคำสิครับว่าไม่เคยมีเหตุการณ์ที่คนด้านบนกล่าวอ้างเขียนมาเกิดขึ้นที่นี่เลย.....แสดงออกมาให้ผมเห็นสิครับ....ว่าผมเข้าใจผิด....ว่าคนที่เขียนมาทั้งหมดนี้เข้าใจผิด......แสดงให้ผมเห็นหน่อยสิครับว่าคุณเป็นคนจริง.....ผมนับถือคุณอยู่นะครับ....:D



Posted by : Death , Date : 2003-12-08 , Time : 12:47:22 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 15


   Dis-เลาะ (discuss+ทะเลาะ)
น่ารักจังเหมือนเด็กเลย
คุณ Nemo ไม่น่าเริ่มนอกเรื่องเล้ย
และคำว่า "ที่ไหนๆก็มี"
ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ควรจะทำ

ได้ ไม่ได้ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างไร
คุยกันแบบคนโตๆนะ จุ๊ๆๆๆอายคนอื่นเค้า
เดี๋ยวจะเค้าสูตร "สาวไส้ให้การับประทาน"




Posted by : แวะผ่านมา , Date : 2003-12-09 , Time : 13:18:28 , From IP : 172.29.2.42

ความคิดเห็นที่ : 16


   จิงๆๆ แล้วไม่อยากให้เรื่องมันยืดยาวนะคับ ผมอยากจะบอกว่า ข้อบ่งชี้เป็นสิ่งที่ดี ที่ช่วยให้แพทย์มีมาตรฐานในการดูแลรักษาคนไข้นะคับ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อบ่งชี้บางอย่างยังมี range ของข้อบ่งชี้ที่กว้างซึ่งแพทย์แต่ละคนมีการยอมรับในแต่ละจุดไม่เหมือนกัน ขอยกตัวอย่างcase ง่ายๆๆ เช่นคนไข้ชายคนหนึ่งปวดท้องน้อยด้านขวา แพทย์บางคนตรวจแล้วบอกโรคลำไส้ บางคนกลังไส้ติ่ง บางคนสงสัยนิ่ว หากคนไข้มีGI symptom ทำให้แพทย์บางคนสงสัยไส้ติ่งเพิ่มมากขึ้น และยิ่งหากมีไข้ และ มีก้อนซึ่งเกิดจากการที่ลำไส้และomentumมาคลุม ยิ่งทำให้แพทย์ทั้งหมดวินิจฉัยได้โดยไม่อยาก
เช่นกันในรายของสูติแพทย์ หากตรวจพบเด็กตาย ก็เหมือนศัลย์ เจอไส้ติ่งแตก ซึ่งคงไม่อยากทั่จะวินิจฉัย แต่แน่นอนหากมีแค่หัวใจเด็กลดเพียงเล็กน้อย ก็มีโอกาสผิดพลาดมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการดูแลคนไข้ดังกล่าวคงต้องขึ้นกับประสบการณ์ ความรู้ และการเอาใจใส่คนไข้ร่วมด้วย ผมไม่แน่ใจว่าคนที่โพสไว้ มีประสบการณ์มากน้อยเพียงไร ความรู้ด้านนี้มากน้อยเพียงใด และดูแลเอาใจใส่คนไข้ได้มากน้อยเพียงไร
สุดท้ายนี้ผมจะบอกว่า จงเลือกเรียนรู้สิ่งที่ดี และหลีกเลี่ยงสิ่งไม่ดี แล้วคุณจะดีเอง


Posted by : พชท. สูติคนหนึ่ง , Date : 2003-12-11 , Time : 17:52:03 , From IP : 172.29.1.230

ความคิดเห็นที่ : 17


   look like OB resident want to blame surgical resident????

Posted by : Amadius , Date : 2003-12-12 , Time : 16:53:47 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 18


   จะด่าใครก็ด่าไปเลย ไม่ต้องมาอ้ำๆอึ้งๆ ถ้ากลัวก็หดตูดกลับไปไม่ต้องมาซ่าส์ในนี้ ไม่งั้นตั้งกระทู้แบบนี้มาก็เท่ากับไปด่าคนอื่นเค้าทั้งภาควิชา คนดีไม่ดีซวยกันหมด แถมอ่านไปอ่านมาเหมือนเป็นกระทู้คน2คนทะเลาะกันอีก เสื่อม


Posted by : Prolene , Date : 2003-12-13 , Time : 08:04:21 , From IP : 172.29.3.173

ความคิดเห็นที่ : 19


   ........ขอโทษเถอะครับ...หมายถึงผมหรือเปล่า.....แล้วคุณ Prolene ละแน่จริงแค่ไหนกันครับ....ทำไมไม่ใช้ชื่อปกติที่นิยมเขียนในนี้ให้คนอื่นทราบหละครับ....หรือว่าเก็บกดที่ไหนมาเลยเอาชื่อนี้มาใช้เพื่อระบายโดยที่คิดว่าคนอื่นจะไม่ทราบเหรอครับว่าคุณเป็นใครนะ......แย่จัง......:D...:D

....นี่ นี่ คุณ Prolene ผมจะบอกให้.....เวลาจะป่วนนะ....หัดเปลี่ยนเครื่องที่พิมพ์บ้างก็ดีนะ....:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-12-13 , Time : 13:20:49 , From IP : 172.29.3.105

ความคิดเห็นที่ : 20


   ตกลงว่าตั้งกระทู้นี้มาเพื่อทำอสุจิอะไรกันเนี่ย เอามาด่าใครกัน หรือล่อเป้าให้หมามากัดกัน

Posted by : mouth , Date : 2003-12-15 , Time : 00:38:56 , From IP : 172.29.3.167

ความคิดเห็นที่ : 21


   คนไข้pectสูติ เรื่องมาก แตะไม่ได้

Posted by : """""" , Date : 2003-12-15 , Time : 19:10:36 , From IP : 172.29.2.147

ความคิดเห็นที่ : 22


   ผมกำลังเกรงว่าแนวการอภิปรายในกระทู้นี้กำลังบ่งชี้แนวโน้มของวัฒนธรรมความคิดอ่านของบัณฑิตหรือของแพทย์บางส่วนในสถาบันแห่งนี้หรือไม่ อ่านดูแล้วอาจจะหาร่องรอยของพระราชดำรัสสมเด็จพระราชบิดายากขึ้นเรื่อยๆ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-15 , Time : 19:43:57 , From IP : 172.29.3.247

ความคิดเห็นที่ : 23


   เคยคิดเหมือนกันว่าจะลงความเห็นในกระทู้นี้ดีมั้ย
เพราะชื่อกระทู้ดูรุนแรงไปนิด
เนื่องจากเนื้อหา....ที่เราพยายามเข้าใจเอาเองว่าเจ้าของกระทู้ต้องการสื่อ
คือการcaesar โดยไม่มีข้อบ่งชี้ ในคนไข้ส่วนตัวของอาจารย์สูติ และน่าจะเป็นบางท่าน
ที่เราคิดคือ ชื่อกระทู้ดูจะ generalized ไปหน่อย คือเหมาอาจารย์สูติทั้งหมด ซึ่งล่อแหลมมากสำหรับสังคมเราที่ยังให้ความเคารพครูบาอาจารย์กันในระดับสูง
ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย...คืออาจารย์สูติคนอื่นๆ ...เสียเส้น...ไปด้วย
ถามว่าการcaesarโดยไม่มีindicationเป็นสิ่งสมควรหรือไม่
คำตอบคือไม่สมควรแน่นอน
คนไข้จำนวนหนึ่งใช้สิทธิเบิกจากราชการในการคลอดลูกครั้งนั้นๆ
นั่นคือเงินภาษีของคนไทยทุกคน ถูกจ่ายไปเป็นค่าดมยา ค่าเปิดอุปกรณ์ ผ้าก๊อส ไหมเย็บ หรือแม้แต่ค่าแอร์ห้องผ่าตัด เพื่อความสบายของผู้หญิงที่ไม่กล้าเสียสละ ยอมเจ็บปวดเพื่อลูกตัวเอง (ลองตั้งคำถามง่ายๆว่า แม้แต่คลอดลูกยังกลัวเจ็บ แล้วต่อไปจากนี้ จะยอมเสียสละอะไรเพื่อลูกได้อีก )
โดยที่ลองสมมติว่าเราเป็นคนทั่วไปที่ไม่ใช่หมอ มองในมุมนี้มุมเดียวก็ไม่ยุติธรรมแล้ว
แต่ถามว่าคนไข้พิเศษคือcontraindicationรึเปล่า
มองในมุมนี้เราว่าไม่นะ
แต่เราควรจำกัดขอบเขตและปริมาณให้มันอยู่ในระดับพอดี
ถามว่าหมอสูติก็เป็นคนธรรมดา มีญาติ มีคนรู้จัก
ถ้าคุณมีพี่เป็นหมอสูติ
คุณอยากให้พี่คุณดูแลลูกในท้องคุณรึเปล่า
หรือทำไม่ได้เพียงเพราะเขาเป็นอาจารย์แพทย์ ห้ามมีคนไข้พิเศษ
แต่ถ้าถามว่า ระดับไหนจึงจะพอ
เราว่าเกินความสามารถของเราละล่ะ

ก่อนจบขอเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังอีกได้มั้ย+
หลายปีก่อนเราเคยไปทำผมที่ร้านชื่อดังใน กทม.
แต่ช่างชื่อดังคนนั้นทำผมเราออกมาได้แย่มาก

ถูกต้องที่ความห่วยความแย่ที่เกิดขึ้น มาจากช่างไร้ฝีมือหรือไม่มีความสามารถ

แต่ถ้าเราคิดอีกที นอกจากช่างแล้ว คนที่ควรถูกตำหนิอีกคนก็คือ คนที่นั่งดูการทำผมที่ใช้ไม่ได้ครั้งนั้นอยู่ตลอดทุกวินาที แต่ไม่คิดจะเอ่ยปากห้ามหรือแจ้งให้ช่างเปลี่ยนทรงใหม่

ไม่แตกต่างกัน
ถ้าเรานั่งมองสิ่งที่เราคิดว่าไม่ดีงาม
เกิดขึ้นอยู่ใกล้ตัวเรา ในสังคมเรา บนหัวของเรา
โดยที่เราไม่คิดจะแก้ไข หรือปรับปรุงมัน
เรายอมรับที่จะมีทรงผมแปลกๆเดินให้คนอื่นดูได้รึเปล่า

เราเชื่อว่า กระทู้อันนี้ คือคำวิจารณ์อันนึงที่พยายามบอกเราว่า
ทรงผมของพวกเราตอนนี้ อาจจะยังสวยไม่พอ


Posted by : natalie , Date : 2003-12-16 , Time : 12:00:28 , From IP : 172.29.3.143

ความคิดเห็นที่ : 24


   ผมเห็นด้วยกับคุณ Natalie เกือบทุกอย่างยกเว้นเรื่องความรักของแม่กับการกลัวเจ็บตอนคลอด รู้สึกว่าเรื่องราวถูกสรุปอย่าง oversimplified ไปนิดนึง

ความกลัวเจ็บกับความรักของแม่นั้นคงไม่ได้มีความสัมพันธ์ตรงไปตรงมา ถ้าผู้หญิงถูก offered ให้มีลูกได้โดยไม่เจ็บ ใครๆก็คงจะเอา ไม่ได้แปลว่าไหนๆคลอดธรรมชาติต้องเจ็บแล้ว แม่ทุกคนควรจะทนเจ็บไม่ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นคำถาม "ง่ายๆ" ที่ว่า ลองตั้งคำถามง่ายๆว่า แม้แต่คลอดลูกยังกลัวเจ็บ แล้วต่อไปจากนี้ จะยอมเสียสละอะไรเพื่อลูกได้อีก ก็น่าจะมีคำตอบว่าคุณแม่หลายท่านที่กลัวเจ็บ เลือก caesarian section หรือแม้แต่ painless labour นั้นยอมเสียสละให้ลูกได้ไม่แม่คุณแม่ใจกล้า ชอบทนเจ็บโดยไม่พึ่งยาชาหรือยาสลบหรอกครับ การรักษาทั้งกายและใจที่ผู้ป่วยต้องการนั้นเป็น "อุดมคติ"

ทีนี้เรื่องใช้เงินของใครนั้นเป็นประเด็นต่างหาก คงไม่โยงเกี่ยวกันกับข้างต้น เป็นเรื่องในแง่ ethics ของ resource allocation แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเบิกได้ เบิกไม่ได้ อันนี้จะเกี่ยวกับนโยบายของคนให้เบิกว่าต้องการทดแทนอะไร เช่น ข้าราชการเงินเดือนน้อย ถ้าอยากให้คนดีมีฝีมือไม่ถูกเอกชนดึงตัวไปกคงต้องเน้นสวัสดิการ ถ้าเงินเดือนน้อยด้วย ไม่มีสวัสดิการด้วย แพทย์หรือข้าราชการก็อาจจะมองหาช่องทางที่ใช้ความรู้ความสามารถของตนที่มีอยู่ในที่ที่มีค่าตอบแทน "เหมาะสม" ตามวุฒิของเขา

case private นี่อาจจะหลุดออกทั้งสองประเดนข้างต้น เพราะค่าหมอ private ผมเข้าใจว่าเขาเบิกกันไม่ได้ (ไม่รู้ระบบนะครับ) indication ว่ากลัวเจ็บจะขอ caesarian หรือ painless labour ก็ดูไม่แปลก มันขึ้นอยู่กับทีมคนทำและแหล่งปัจจัยที่ใช้ว่ามีการใช้โดยไม่เบียดเบียนและไม่ถูกวัตถุประสงคที่ให้ใช้หรือไม่



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-16 , Time : 20:23:28 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 25


   ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน เพราะรู้สึกว่าเรื่องที่เขียนใน webboard มักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล แต่ขอใช้สิทธิในการถูกพาดพิงเรื่องนี้ เพราะเป็นอาจารย์สูติคนหนึ่ง ไม่แปลกที่จะมีคนมีอคติกับการรับทำคลอด private case ของหมอสูติ ถ้ามองแบบผิวเผินว่าจุดมุ่งหมายอยู่ที่เงินเพียงอย่างเดียว โดยละเลยถึงข้อดีอื่น ๆ ไป การขอรับบริการโดยระบุหรือเจาะจงหมอไม่ได้มีเฉพาะการฝากครรภ์และการคลอด ถ้าสามารถเลือกได้และรู้ว่าหมอคนไหนฝีมือดี อัธยาศัยดี เราจะเลือกหรือเจาะจงหมอมั้ย อยากให้มีหมอหรือใครดูแลเป็นพิเศษมั้ย แน่นอนอาจจะไม่จำเป็น ถ้าคุณเป็นแค่ไข้หวัด แต่ถ้าเป็นมะเร็งในสมองหรือถ้าต้องทำผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ จำเป็นต้องเจาะจงหมอมั้ย หรือใครก็ได้ เรื่องของการฝากคลอดพิเศษ เริ่มมาจาก demand ของคนไข้ที่ต้องการความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับตัวเองและลูก โดยมีการให้สิ่งตอบแทนเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

คำถามคือ หมอควรจะดูแลให้เป็นพิเศษมั้ย ถ้ามีคนต้องการมาฝากท้องและให้ทำคลอดด้วย ถ้ารับทำคลอดให้ แล้วจะรับสิ่งตอบแทนเหล่านี้ได้มั้ย ถือว่าผิดจริยธรรมมั้ย ถ้ารับทำคลอดพิเศษโดยไม่รับสิ่งตอบแทนเลย จะดีมั้ย จะได้ไม่ต้องโดนใครว่า หรืออยู่เฉย ๆ ดีกว่า ไม่เหนื่อย ไม่ต้องอดหลับอดนอนมาทำคลอดหรือผ่าตัดดึก ๆ ไม่ต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหา

เรื่องการรับทำคลอดพิเศษและการรับเงินค่าทำคลอด (ซึ่งก็เหมือน DF) คงไม่ต่างอะไรกับการไปหาหมอที่รพ.เอกชน แล้วคุณต้องจ่ายค่า DF เพียงแต่ว่าบางคนอาจจะคิดว่าที่นี่เป็นรพ.รัฐ ไม่ควรจะมี แต่การแก้ปัญหาคงไม่ใช่ห้ามรับ private ในรพ.รัฐ เพราะคงเป็นไปไม่ได้

เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้คงจะติดใจหรือสงสัยในมาตรฐานการดูแลคนไข้พิเศษว่าแตกต่างจากสามัญ โดยเฉพาะการผ่าคลอดโดยไม่มี indication ที่ชัดเจน ขอยืนยันว่าภาควิชามีกระบวนการควบคุมและดูแลตรงนี้อยู่ ทั้งใน conference และกระบวนการ QA ของภาค แต่ fetal distress เป็นกรณีที่วินิจฉัยยาก การที่บางครั้งเด็กคลอดออกมาดี ไม่ได้แปลว่าหมอวินิจฉัยผิด แต่เราอาจจะต้องยอม overdiagnosed บ้างเพื่อป้องกันเด็กตายหรือเกิด morbidity ถ้าหากเจ้าของกระทู้มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าอาจารย์ท่านใดทำแบบนั้น ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง แต่อย่าเหมารวม ๆ ไปหมด



Posted by : อาจารย์กระแต , Date : 2003-12-17 , Time : 17:03:59 , From IP : 172.29.1.158

ความคิดเห็นที่ : 26


   เกลียดนังกระแต

Posted by : ผู้พิพากษา , Date : 2003-12-18 , Time : 13:18:41 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 27


   คุณ ผู้พิพากาษา
ห้ามไม่ได้เรื่องความเกลียด แต่ ! ถ้า อาจารย์กระแตเป็นแพทย์สูติที่ ดิฉันรู้จัก คุณ เหมือนคนที่ทำร้ายคนดีคนหนึ่ง แต่ถ้าคุณ ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรคะ คุณลองมองรอบข้างดูสิคะว่ามีคนเกลียดคุณใหม? ถ้าคุณคิดและเขียนออกมาได้ขนาดนี้ โดยที่ไม่รู้จักหรือรู้จัก เชื่อว่าอาจมากกว่า เป็นพันเท่า ที่มีคนเกลียดคุณ อาจารย์กระแตเป็นอาจารย์ดีเด่นของคณะแพทย์ และยอมที่จะลงชื่อจริง
และเป็นปุถุชนคนหนึ่ง เท่าที่ผ่านมาได้สัมผัสกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายท่าน ที่เป็นอาจารย์ดีเด่นก็ไม่ชัดเจนเชกเช่นอาจารย์
หมอก็เป็นคน ที่มี ทั้งเสียสละ และเห็นแก่ตัว !
การจะเขียนกระทู้ ใด ขอให้ลงความคิดเห็น ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ไม่ได้ตำหนิคนที่เปิดประเด็น กลับจะเห็นด้วยที่ กล้านำเรื่องจริงมาเปิดเผย
และเมื่อตัดสินใจฝากคลอดกับอาจารย์ กระแต ทำให้มีข้อมูลเรื่อง การฝากพิเศษพาดพิงไปถึงคุณหมอท่านอื่นที่ เป็นจริงดังที่เปิดประเด็น
คุณหมอหลายท่านเป็นอาจารย์ที่ดี อย่าทำร้ายกันเลยคะ
ท่านได้ปิดเผยชื่อจริงแล้ว


Posted by : คนไข้อาจารย์ , Date : 2003-12-19 , Time : 16:59:57 , From IP : 172.29.1.158

ความคิดเห็นที่ : 28


   ..........ผมว่านะครับ.....เราคงหากระทู้ที่ตั้งแล้วระบุว่า อาจารย์ท่านโน้นท่านนี้....ได้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ได้ยากครับ....เพราะผมคิดว่าคนตั้งกระทู้คงให้เกียรติอาจารย์เหล่านั้นพอสมควร.....แต่ประเด็นที่ว่าโดนเหมารวมหมดทั้งภาควิชาคงทำใจลำบากเหมือนกัน.....เพราะถ้าระบุชื่อลงไปกระทู้จะน่าโดนลบมากกว่านี้เยอะครับ.....พอไม่ระบุ....คนที่ไม่เกี่ยวก็โดนกันหมด...แต่เรียนอาจารย์และผู้ที่เขียนหลายๆท่านในนี้ทราบเถอะครับ.....ผมเชื่อว่าเราๆท่านๆรู้กันอยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าใครเป็นอย่างไร....สถานที่ที่ผมเรียนจบมาก็มีแบบนี้....ผมไม่แปลกใจที่ที่นี่ก็มีหรอกครับ....ตอนแรกผมก็อ่านเฉยๆแล้วไม่ได้สนใจกระทู้นี้อย่างจริงจังหรอกครับ...จนมาเห็นข้อความที่หลายๆท่านในที่นี่เขียน.....พยายามจะทำให้สิ่งที่เป็น"เทา"....กลายเป็น"ขาว"......พยายามสร้างภาพบ้างหละ....ร้อนตัวบ้างหละ....ใส่ร้ายภาควิชาอื่นทำนองหาพวกมาให้โดนด่าด้วยบ้างหละ....ซึ่งผมก็โดนพาดพิง...ผมเองก็อดไม่ได้ที่เป็นสันดานเสียๆส่วนตัวของผมอยู่แล้ว...ผมเกลียดพวกโกหกครับ....รู้อยู่แล้วว่ามี....ก็ไม่ต้องมาแก้ตัวหรอก.....ทำอะไรไม่ได้....อยู่เฉยๆก็พอแล้ว....ยิ่งลงมาแก้ตัว มาโยนให้คนอื่นบ้าง...ยิ่งทำให้ไปกันใหญ่ครับ......
..........เรียนอาจารย์กระแตครับ.....เรื่องร้องเรียนไปที่ภาควิชาอะไรพวกนั้น....ผมเคยเห็นเมื่อสักปีสองปีก่อนมาแล้วครับ....รุ่นพี่ท่านนึงเคยบอกผมว่าร้องเรียนไปแล้วจะดีขึ้นสักพัก....พอเวลาผ่านไปก็เป็นอีก...ช่วงนี้ผมไม่ทราบจริงๆว่าขั้นตอนของทางภาควิชาสูติเป็นอย่างไรบ้าง....ถ้าควบคุมได้อย่างที่ว่าจริงนับเป็นเรื่องดีครับ....
......ผมไม่ติดใจเรื่องอะไรที่เป็นสี"เทา"นักหรอกครับ....เพราะในสังคมเรามันมีแบบนี้อยู่เสมอ.....หลายๆอย่างอาจจะไม่มีเหตุผลในสายตาอีกคน...แต่กับอีกคนมันอาจจะมีเหตุผลที่ดีที่รองรับได้ก็ได้ครับ.....ขอร้องแค่ว่าอย่าให้คนหลายคนที่เขียนในนี้มานั่งเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เป็นสี"ขาว"เพื่อหลอกลวงคนอื่นเลย.....
........
.......ด้วยความเคารพครับ [ยืมพี่ Dhan มาใช้อีกแล้วครับคำนี้]
........


Posted by : Death , Date : 2003-12-19 , Time : 18:07:16 , From IP : 172.29.3.105

ความคิดเห็นที่ : 29


   รักอาจารย์กระแต ยืนยันคะ อาจารย์เป็นคนดี
พวกเราเป็นกำลังใจ
สู้ต่อไปคะอาจารย์


Posted by : ลูกศิษย์ที่รัก , Date : 2003-12-19 , Time : 21:32:14 , From IP : 172.29.1.120

ความคิดเห็นที่ : 30


   กระดานข่าวไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมในการตัดสินความถูกผิดอยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร เพราะทุกๆกระทู้เป็นการลงความเห็นส่วนบุคคลโดยไม่จำเป็นต้องเสนอหลักฐาน ดังนั้นที่เราทำได้บนนี้เป็นแค่เสนอ "เหตุและผล" ของเรื่องราว ไม่ใช่ของตัวบุคคลแค่นั้น

การแสดงความเห็นในที่สาธารณะนั้นต้องการ "จิตสำนึกความรับผิดชอบ" ของผู้แสดงว่ามีความเคารพในปัจเจกบุคคลขนาดไหน ส่วนใหญ่จะสะท้อนถึงความคาดหมายที่เขาหวังจากผู้อื่นด้วย ซึ่งเราอาจจะคาดได้ไปถึงมุมมองได้ว่าต้องการผลบวกหรือลบจากการแสดงความเห็นนั้นๆ มีการอภิปรายครั้งยาวพอสมควรไปแล้วหลายครั้งเรื่องการ "เหวี่ยงแหด่า" หรือ personal attack บนกระดานข่าว ผมคิดว่านั่นเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ "วัฒนา" เท่าไหร่ ไม่สร้างสรรค์ หาก set วัตถุประสงค์ในทางสร้างสรรค์ในเรื่องเดียวกันนี้ มีหนทางที่ดีกว่านี้ ขณะที่ผมตระหนักว่าการสร้างวัฒนธรรมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บางครั้งเราอาจจะอดนึกไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเราควรจะหวังอะไรได้มากกว่านี้รึเปล่าจากบัณฑิตเรียนระดับปริญญาโทปริญญาเอก



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-21 , Time : 20:23:52 , From IP : 172.29.3.232

ความคิดเห็นที่ : 31


   คงไม่แปลกที่จะมีทั้งคนรักและคนเกลียด เพราะดิฉันเองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียหลาย ๆ อย่างในตัว แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับท่านที่ให้กำลังใจและชื่นชม

อย่างน้อยกระทู้นี้ก็มีความดีอยู่ คือ ทำให้ได้ทราบและรับรู้ว่ามีหลาย ๆ คนที่ไม่ค่อยชอบหรือเกลียดอาจารย์สูติอยู่มาก หรืออาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดโดยมีความลำเอียงอยู่เดิม บางครั้งเรามองกันคนละมุมย่อมเกิดการรับรู้และเข้าใจที่แตกต่างกัน การรับฟังความเห็นหรือคำวิจารณ์ของผู้อื่นแล้วนำมาคิด เพื่อหาข้อบกพร่องและแก้ไขปรับปรุงตนเอง เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้สังคมเราดีขึ้น ขอบคุณเจ้าของกระทู้และทุก ๆ ความเห็นที่ช่วยเป็นกระจกสะท้อนให้มองเห็นภาพของพวกเราจากมุมมองของคนภายนอก


Posted by : อาจารย์กระแต , Date : 2003-12-22 , Time : 00:48:20 , From IP : 172.29.3.228

ความคิดเห็นที่ : 32


   เกลียดนังกระแตจอมกระแดะอยู่ดี

Posted by : ผู้พิพากษาเต้ย , Date : 2003-12-22 , Time : 17:42:58 , From IP : 172.29.3.144

ความคิดเห็นที่ : 33


   ปัญหาของ so-called บัณฑิตในปัจจุบันคือ การไม่ทราบว่าพฤติกรรมบางอย่าง หรือการแสดงออกบางอย่างนั้นนอกจากสามารถ discredit ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดมาได้แล้ว ยังสะท้อนถึง "คุณค่า" อะไรที่คนสักคนพึงมีว่าเหลืออยู่สักกี่มากน้อยด้วย และพอที่จะสะท้อนถึงสิ่งที่คิดว่า "สำคัญ" ได้ เช่น ผรุสวาทเป็นสิ่งที่เจ็บแสบที่สุดที่ตนเองรู้สึกจึงใช้วิธีนั้นมาแสดงความเกลียดชังเพราะคิดว่าคนอื่นมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่เมื่อคำนึงถึงผลที่เกิดจริงที่อาจจะเป็นได้ทั้งความสมเพศเวทนา ความรู้สึกเสียดายของการลงทุนทางการศึกษาของประเทศ ความรู้สึกเห็นใจแต่ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ฯลฯ วัฏสังสารที่แต่ละคนวนเวียนอยู่ก็จะจำกัดความเข้าใจเรื่องนี้อยู่แต่ในบริบทที่สั่งสมเท่านั้น มิอาจเรียนรู้ต่อไปได้ในชาติภพนี้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-22 , Time : 18:19:27 , From IP : 172.29.3.252

ความคิดเห็นที่ : 34


   เราขอชื่นชมความจริงใจของอาจารย์กระแต ที่ให้ความสนใจกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นบนกระทู้ข้อนี้ ทั้งๆที่เราเชื่อเหมือนที่หลายๆคนทราบว่า ตัวอาจารย์เองไม่ได้เป็นเป้าหรือจุดหมายตามที่กระทู้นี้กำลังพูดถึง และขอให้กำลังใจอาจารย์ในฐานะลูกศิษย์(ที่อยู่วงนอกเล็กน้อย) และเท่าที่สัมผัสอาจารย์ จากเนื้อหาที่ท่านได้ลงความเห็นมา เราขอบอกว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่อาจารย์เสนอแนะทั้งสองครั้ง

เรายังเชื่อว่า การลงความเห็นในกระทู้นี้มีประโยชน์ ตราบใดที่มันยังเป็นแค่ "ความเห็น" หรือ "แนวคิด" ที่คนเราไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกัน แต่แบ่งปันกันได้เพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แต่การจะตำหนิ กล่าวโทษหรือสร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นแก่ใครคนใดคนหนึ่ง เราเชื่อว่ากระดานข่าวคงไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์อย่างนั้น

คุณเคยโกรธหรือโมโหใครมากๆ บ้างหรือเปล่า
ลองสมมติว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าคุณ
ให้คุณยื่นมือชี้นิ้วไปด่าเขาตอนนี้
แล้วลองมองไปที่ปลายมือของคุณช้าๆ
ขณะที่นิ้วชี้ พุ่งความโกรธ คำกล่าวโทษ และความผิดไปที่คนอื่น
ยังมีอีกสามนิ้ว
ที่เราชี้เข้าหาตัวเอง



Posted by : natalie , Date : 2003-12-22 , Time : 21:22:05 , From IP : 172.29.3.219

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.021 seconds. <<<<<