ความคิดเห็นทั้งหมด : 14

ถุงยางหยอดเหรียญใน ม. "เซฟเซ็กซ์" หรือ "ฟรีเซ็กซ์"


   ถุงยางหยอดเหรียญใน ม. "เซฟเซ็กซ์" หรือ "ฟรีเซ็กซ์"

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
ทันทีที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องการตั้งเครื่องขายถุงยางในสถานศึกษาเกิดขึ้น แนวคิดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยอัตโนมัติในสถาบันอุดมศึกษามีคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวก และแง่ลบ ทางผู้ไม่เห็นด้วยถือเป็นการสร้างสิ่งไม่ดีงามและอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เยาวชนฟรีเซ็กซ์ เชื่อนักศึกษาได้รับความรู้ด้านเพศศึกษาที่ถูกต้องอยู่แล้ว ขณะที่ สธ.ก็ได้เตรียมติดตั้งเครื่องขายถุงยางในศูนย์การค้าและแหล่งรวมวัยรุ่นต้นปี 47 ย้ำ พ.ศ.นี้แล้ว ต้องแจกถุงยางพร้อมคู่มือ ไม่ใช่ปิดบัง ผู้คนในกระทรวงศึกษาธิการก็ออกมาคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าวทันที

สุดารัตน์ย้ำ พ.ศ.นี้แล้วต้องแจกถุงยางอนามัย พร้อมคำนำการใช้

นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับนพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แต่มีแนวคิดที่จะจำหน่ายถุงยางอนามัยในสถานที่เป็นแหล่งรวมของวัยรุ่น เช่นศูนย์การค้า ซึ่งการตั้งเครื่องขายถุงยางอนามัยไม่ใช่การสนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์ แต่ต้องยอมรับว่า วัยรุ่นในปัจจุบันมีปัญหามีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย ติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 การใช้ถุงยางอนามัยอย่างเดียวไม่สามารถแก้ได้

ดังนั้นในสถานศึกษาต้องทำโครงการควบคู่กับโครงการทักษะชีวิต เบื้องต้นจะตั้งเครื่องขายถุงยางอนามัยในศูนย์การค้าก่อน คาดว่า จะติดตั้งได้ในราวต้นปี 2547 และประสานให้สถานศึกษามีโครงการสอนเพศศึกษาที่เหมาะสมในสถานศึกษา ใส่คุณธรรมจริยธรรมในกลุ่มวัยรุ่น ฝ่ายชายให้เกียรติผู้หญิง และฝ่ายหญิงเองต้องรักนวลสงวนตัว ป้องกันปัญหาเอดส์และยาเสพติด

“ต้องยอมรับว่าวัยรุ่นวันนี้เขามีเพศสัมพันธ์แล้ว การรณรงค์ให้เขามีเพศสัมพันธ์ในวัยอันควรเราก็ต้องทำ แต่อีกปัญหาหนึ่งคือ เขามีเพศสัมพันธ์ในวัยอันไม่ควร แล้วเขาท้อง ติดเชื้อเอดส์ ต้องสนับสนุนให้เขาใช้ถุงยางอนามัยให้มากขึ้น”

นางสุดารัตน์ กล่าวและว่าในสถานศึกษาต้องแจกถุงยางอนามัย พร้อมคำแนะนำการใช้ สอนให้เด็กป้องกันตนเอง ถึง พ.ศ.นี้ปัญหาปะทุแล้ว ต้องถึงขั้นนี้แล้ว รวมทั้งให้ความรู้ด้านอนามัยเจริญพันธุ์เน้นให้เขารู้ว่าความเหมาะสมของการมีเพศสัมพันธ์ควรปฏิบัติอย่างไร โดยปรับปรุงหลักสูตรร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ

กระทรวงศึกษาชี้บรรดาครูๆ อาจทำใจไม่ได้

เริ่มจากหัวหน้ากระทรวง นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่กล่าวว่า ขณะนี้ยังให้ความเห็นว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีไม่ได้ เพราะต้องพูดคุยกันก่อนในระดับผู้ใหญ่และนักศึกษา แต่การทำอะไรต้องให้เกิดความพอดี ไม่ใช่ว่าล้ำเส้นเกินไป ซึ่งการหาจุดตรงกลางพอดีก็เป็นเรื่องลำบาก แม้ว่าถุงยางอนามัยปัจจุบันไม่ใช่เรื่องปกปิดและใช้กันอยู่เป็นประจำ ส่วนผู้ที่จะหาวิธีป้องกันโรคเอดส์ก็ต้องดำเนินการ แต่ป้องกันมากเกินไปก็จะเป็นการชี้นำ

เช่นเดียวกับนางสิริกร มณีรินทร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่แสดงความคิดเห็นว่า โดยส่วนตัวเห็นว่ายังไม่ควรนำเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติไปตั้งในสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะใกล้อาคารเรียน เชื่อว่าในสายตาครูผู้หญิงก็คงทำใจไม่ได้ เพราะสถาบันการศึกษาควรเป็นแหล่งประเทืองปัญญามากกว่าเป็นแหล่งส่งเสริมกิจกรรมทางเพศ หากจะนำไปขายที่ร้านสะดวกซื้อจะเหมาะกว่า

ส่วนคนอื่นๆ ก็มีความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกัน อาทิ ศ.ดร.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) หรือนางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

"อาจารย์แม่" ตำหนิขายถุงยางใน ม.หนุนฟรีเซ็กซ์

รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อดีตอาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมติดตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติในสถาบันอุดมศึกษาว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะสถานศึกษาเป็นสถานที่ควรสร้างแต่บรรยากาศที่ดีงาม ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ หรือสิ่งมอมเมา หรือการพนัน รวมทั้งการที่จะขายถุงยางอนามัยเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เยาวชนฟรีเซ็กส์มากขึ้น นอกจากนี้ นักศึกษาถือเป็นเยาวชนยังไม่ใช่ผู้ใหญ่ ยังอ่อนต่อโลก ต้องมีการอบรมบ่มนิสัยให้เข้าใจในเพศศึกษาอย่างถ่องแท้ ว่าเพศสัมพันธ์เป็นเครื่องปรุงชีวิตอย่างหนึ่งเมื่อถึงเวลาอันสมควร

“อยากถามว่ามีการตีความคำว่า สถานศึกษา กันอย่างไร จะบอกว่าไหน ๆ สังคมเป็นแบบนี้แล้ว ก็เปิดขายบริการไปเลย เป็นการไม่เหมาะไม่ควร หากถามว่าถุงยางไม่ดีหรืออย่างไร ขอบอกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งต้องปิดบังซ่อนเร้นของชีวิต เพศสัมพันธ์ไม่ใช่เพียงเห็นหน้ากันแล้วเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ สถานที่ขายถุงยางปัจจุบันมีจำนวนมากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มจุดขายขึ้นอีก” รศ.สุนีย์กล่าว

นอกจากนี้ยังย้ำว่า หนทางที่ดีคือ อาจารย์ผู้สอนทุกคนทุกวิชา ควรปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ อย่าสอนแต่เนื้อหาในวิชาเท่านั้น เช่น อ้างว่าสอนวิชาคณิตศาสตร์ ก็ต้องสอนแต่คณิตศาสตร์ เป็นต้น วิชาของตนไม่เกี่ยวกับเพศศึกษา จึงไม่ใช่หน้าที่

"แต่ความเป็นครู ต้องอบรมดูแล หวังดีต่อศิษย์ ฉะนั้น ควรสอดแทรกเนื้อหาด้านเพศศึกษา ศีลธรรมอันดีงาม การประพฤติอันควรระหว่างเพศของชั่วโมงสอนด้วย รวมทั้งต้องคอยสอดส่องดูแลนอกเวลาเรียนด้วยว่านักศึกษามีพฤติกรรมอย่างไร โดยเฉพาะอาจารย์ด้านกิจกรรมนักศึกษา" อาจารย์แม่กล่าว

รศ.สุนีย์ กล่าวด้วยว่า ในสถาบันอุดมศึกษามีการสอนด้านเพศศึกษาอยู่แล้ว นักศึกษาทุกคนก็มีความรู้เรื่องโรคติดต่อโดยเฉพาะเอดส์เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องเปิดขายถุงยางเพื่อป้องกันเอดส์ในสถานศึกษา เพราะนักศึกษาทราบอยู่แล้วว่ามีขายที่ใดบ้าง สถานศึกษาเพียงอาจจะเน้นย้ำถึงอันตรายจากการป้องกันโรค มีการสอดแทรกในเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง หรืออาจมีแพทย์เป็นอาจารย์สอนเป็นครั้งคราว รวมทั้งร่วมมือกับทางครอบครัวในการให้ความรู้อีกทางหนึ่ง ถือว่าเพียงพอแล้ว

นานาทัศนะจากนักศึกษา

น.ส.ฉัตรสุดา หาญพิทักษ์พงศ์ คณะศิลปศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าตนไม่เห็นด้วยที่จะนำเข้ามาติดตั้งที่สถานศึกษาเพราะไม่เหมาะสม เข้าใจว่ารัฐกำลังพยายามจะทำให้สังคมยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาแต่น่าจะไปติดตามโรงแรม ที่ลับตาคนหรือห้องน้ำชายจะดีกว่า ส่วนเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์หากมีการนำมาติดจริงๆ นั้น ส่วนตัวคิดว่าก็น่าจะมีคุณภาพน่าเชื่อถือได้ ถึงจะมีราคาถูกลงแต่ถ้ามีตรามาตรฐานรับรองก็คงปลอดภัย

นายชาตรี ชื่นชมลดา คณะเศรษฐศาสตร์ ปี3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าเห็นด้วยที่จะมีการติดตั้ง เพราะหากมองในมุมผู้ชายมีติดตัวไว้ก็ปลอดภัยดี ซึ่งหากจะติดตั้งจริงๆ ของมธ.เองฝั่งท่าพระจันทร์นี้ไม่มีความจำเป็นต้องมาติดเพราะไม่มีสถานที่ที่จะเกิดเหตุได้ น่าจะนำไปติดที่ศูนย์รังสิตมากกว่าเนื่องจากมีนศ.ที่อาศัยอยู่หอพักจำนวนมากซึ่งมีโอกาสที่จะเสี่ยงสูงกว่ามาก ส่วนที่มีนโยบายจะลดราคาเป็น 2 ชิ้น 5 บาทเพื่อให้มีผู้สนใจใช้จะได้ปลอดภัยนั้น ความจริงแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับราคาแต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพ หากภาครัฐทำมาดีก็ต้องมีคนใช้อยู่แล้ว

“เรื่องที่อาจมีการติดตั้งที่สถานศึกษานั้นหากจำกัดได้อยู่แค่โรงเรียนที่มีเฉพาะระดับมัธยมศึกษาก็ไม่ถือเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เพราะเด็กวัยนี้มีความคิดเป็นของตัวเองและควรรู้จักที่จะป้องกันตัวเองได้แล้ว แต่หากจะติดตั้งที่โรงเรียนที่มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปะปนอยู่ด้วยก็ยังไม่เหมาะเพราะเด็กยังไม่มีความรู้เรื่องเพศศึกษาเท่าใดนักและจะก่อให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นจนเกิดปัญหาตามมาได้” นายชาตรี แสดงความเห็น

นายชนกานต์ สัจจวโรดม และนายอัครพล วิชัยธนารักษ์ คณะบัญชี ปี3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งสองว่าตนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เนื่องจากร้านสะดวกซื้อต่างๆ ก็มีขายอยู่แล้วคงไม่ต้องถึงกับมาขายในสถานศึกษา แม้ว่าจะดูเจตนารมณ์แล้วจะเป็นการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยก็ตามแต่ก็ยังเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอยู่ดี ยิ่งถ้าจะนำไปติดที่โรงเรียนด้วยแล้วยิ่งคิดว่าไม่เหมาะมากขึ้นไปอีก เพราะเรื่องนี้ผู้ปกครองก็ต้องมองแล้วว่าส่งลูกมาเรียนแล้วทำไมโรงเรียนของลูกถึงมีถุงยางอนามัยขาย ซึ่งตนมองทางแก้ปัญหานี้ว่าปัจจุบันประเทศไทยนั้นก็ได้มีการสอนเรื่องเพศให้กับเด็กมากพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับตัวเด็กหรือวัยรุ่นเองมากกว่าว่าจะปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากโรคเอดส์ได้มากแค่ไหน

นายพงศ์พิชญ์ ปรีชาบริบริสุทธิ์กุล และนายนรินทร์ เกิดพะยัค คณะจิตรกรรมฯ ปี2 มหาวิทยาลัยศิลปากร มีความเห็นตรงกันว่า การนำตู้ขายอัตโนมัติมาติดก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เกรงว่าจะไม่ค่อยมีผู้มาใช้บริการเพราะบางคนอายไม่กล้าหยอด ส่วนตัวแล้วที่ผ่านมาเคยเห็นมีเครื่องแบบนี้ในห้างสรรพสินค้าบางแห่งซึ่งถ้าคับขันจริงๆ ก็คงซื้อใช้ แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบกันระหว่างตู้หยอดกับร้านเซเว่น อิเลเว่นคงซื้อในเซเว่นดีกว่า ดังนั้นถ้าจะให้ดีน่าจะขายให้เป็นสินค้าสะดวกซื้อในร้านค้าต่างๆ เหมือนกับร้านเซเว่น น่าจะมีคนมาใช้มากขึ้น

“ถ้ามีมาติดจริงผมคงไม่กล้าซื้อใช้ เพราะไม่มั่นใจในคุณภาพ ยิ่งถ้าลดราคาเป็น 2 อัน 5 บาทก็ยิ่งไม่มั่นใจมากขึ้นเพราะมันอาจรั่วหรือเสื่อมสภาพก็ได้ ส่วนเรื่องการจะติดตั้งในโรงเรียนนั้นดูเป็นการชี้นำให้เกิดพฤติกรรมเกี่ยวกับเพศมากเกินไป ขนาดที่สูบบุหรี่ยังไม่มีแล้วจะมาติดตั้งเครื่องขายถุงยางมันดูจะมากเกินไป ถ้าอยากจะป้องกันเด็กในวัยนี้จริงๆ น่าจะติดตั้งหรือวางขายในร้านค้าใกล้กับโรงเรียนจะดีกว่า” ทั้งสองคนแสดงความเห็น

นายนรินทร์ มีความเห็นเพิ่มเติมว่าถ้าผู้หญิงทั่วๆ ไปพกถุงยางติดตัวเพื่อป้องกันยามฉุกเฉินแล้วมีคนรู้ อาจทำให้เสียภาพพจน์ได้ เพราะส่วนตัวก็ยังมีทัศนคติต่อเรื่องนี้ในทางที่ไม่ดีอยู่บ้าง ดังนั้นน่าจะมีการทำบรรจุภัณฑ์ของถุงยางใหม่ โดยมีข้อความบ่งบอกว่าเป็นสิ่งที่พกไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคเอดส์ควบคู่ไปกับการรณรงค์ด้วย จะได้สะดวกกับผู้หญิงในการพกพามากขึ้น

นส.อนัญญา ไทยบุญนาค นศ.ปริญญาโท ปี1 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการเปิดเสรีมากเกินไป ส่วนตัวมองว่าภายในมหาวิทยาลัยไม่ควรมีเรื่องของเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าจะขายก็ขายตามซูเปอร์มาร์เกต หรือร้านขายยาจะดีกว่าเพราะเด็กหรือวัยรุ่นที่ยังไม่รู้วิธีใช้จะได้มีคนคอยให้คำแนะนำการใช้ให้ถูกวิธีด้วย ส่วนเรื่องการจะให้ผู้หญิงพกไว้เพื่อป้องกันนั้นก็ถือเป็นความคิดที่ดี แต่น่าจะเหมาะกับผู้ที่ทำงานกลางคืนหรือนิยมเที่ยวกลางคืนมากกว่า ส่วนนักศึกษาที่มาเรียนไม่ควรพกเพราะคงไม่มีใครตั้งใจมามีเพศสัมพันธ์ในสถานศึกษา

นายมานัส สุทธรินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าเป็นเรื่องที่รับได้ ซึ่งการติดตั้งนี้น่าจะติดตามร้านค้าสหกรณ์ในมหาวิทยาลัยเพราะเป็นส่วนของเรื่องค้าขายอยู่แล้ว หรือเป็นห้องน้ำชายก็ได้เพราะลับตาคน แต่ถ้าเป็นตามตึกเรียนก็ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

ส่วนเรื่องราคานั้น ถ้าลดเป็น 2 ชิ้น 5 บาทนั้นมันถูกก็จริงแต่ก็ยังดีกว่าของที่อนามัยนำมาแจกฟรี ซึ่งในความรู้สึกมันดูไม่ค่อยปลอดภัยนัก สำหรับถุงยางอนามัยนี้ผู้ชายพกไว้ก็ไม่แปลกอะไร แต่ถ้าเห็นมีผู้หญิงพกก็อาจจะดูแปลกๆ ในสายตาของเรา อาจจะมองว่าผู้หญิงคนนี้ดูเจนโลกเกินไปหรือเปล่า

นส.สุพรรษา สมณกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกตกใจมากและคิดว่าเป็นเรื่องตลกเสียอีก เพราะการที่ภาครัฐตัดสินใจแก้ปัญหาเรื่องเอดส์อย่างนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและเป็นการเพิ่มค่านิยมในเรื่องเพศให้กับเด็กมากจนเกินไป อีกอย่างหากนำไปติดที่สถานศึกษาใด ก็เหมือนกับสถานศึกษานั้นๆ เปิดกว้างและสนับสนุนให้มีเรื่องเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น ทั้งนี้เครื่องขายถุงยางอัตโนมัตินี้น่าจะเอาไปขายที่สถานเริงรมณ์ โรงแรม หรือสถานที่เสี่ยงอื่นๆ มากกว่า และคงไม่ต้องถามถึงเรื่องความมั่นใจในการใช้เพราะแค่นี้ตนก็ยอมรับไม่ได้แล้ว

น.ส.ปวีณา แซ่เตีย คณะโบราณคดี ปี2 มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากสถานศึกษาเป็นสถานที่ราชการและสถานที่สุภาพ ไม่ควรนำสิ่งที่อาจก่อให้เกิดการอนาจาร ล่อแหลม หรือเป็นการยั่วยุเข้ามาไว้ อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นสังคมที่ไม่ยอมรับกับเรื่องนี้ ถ้าจะติดจริงๆ น่าจะไปติดที่หน้าผับ หรือร้านค้าดีกว่า ส่วนเรื่องการลดราคาให้ถูกลงนั้นอย่าลืมว่าคนไทยมีค่านิยมว่าสินค้าราคาถูกมักจะมีคุณภาพต่ำ ของแพงถึงจะมีคุณภาพดี ดังนั้นน่าจะให้ราคาแพงเหมือนเดิมดีกว่า เพราะประโยชน์อีกอย่างของการตั้งราคาแพงคือเด็กจะได้ไม่ซื้อใช้และไม่คิดที่จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรด้วย

นายกิติพล แก้วมณี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 โปรแกรมวิชาการจัดการทั่วไป คณะวิทยาการจัดการ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า ไม่สนับสนุนให้มีการนำเครื่องขายถุงยางอนามัยมาติดตั้งที่สถานศึกษา เพราะเหมือนเอายาบ้ามาขายในสถานศึกษา เป็นการส่งเสริมอย่างโจ่งแจ้งเกินไป และยิ่งทำให้สถาบันดูตกต่ำมากขึ้น สำหรับเรื่องราคาที่จะขายถูกกว่าตามท้องตลาดนั้นไม่ต้องพูดถึงแต่ควรสนใจในเรื่องศีลธรรมมากกว่า

ถ้ารัฐบาลอยากจะขายโดยอ้างว่าวัยรุ่นยังอายที่จะซื้อถุงยางฯตามร้านค้าทั่วไปนั้น แนะนำว่าให้นำไปติดตั้งที่หอพักนักศึกษาจะดีกว่า วัยรุ่นตอนนี้อยู่กันอย่างเปิดเผยและเป็นครอบครัวมากขึ้น เรื่องเซ็กซ์ก็ต้องเกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้สื่อก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา ร่วมทั้งสิ่งเร้าต่างๆ ที่อยู่ตามผับสิ่งเหล่านี้วันเดียวก็ทำให้มีเซ็กซ์เกิดขึ้นได้ ซึ่งบางคนอาจไม่กล้าซื้อมาใช้ก็ได้เพราะเหมือนเป็นการประจาน

ร้านสะดวกซื้อแจงขายดี 5 กล่องต่อวัน

“ผู้จัดการออนไลน์”ได้รับการยืนยันจากทางร้านสะดวกชื้อบริเวณสถานศึกษาว่า ลูกค้าที่ซื้อถุงยางอนามัยจะเป็นวัยรุ่นหรือนักศึกษาซะส่วนใหญ่ และจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ทั้งนี้ยอดขายในแต่ละวันตกประมาณ 2 กล่องต่อวัน ยิ่งในช่วงเวลากลางคืนหรือช่วงเทศกาลจะขายดีเป็นพิเศษประมาณ 5 กล่องต่อวัน

ในส่วนของร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้หอพักนักศึกษานั้น ได้รับการยืนยันเช่นเดียวกันว่า ลูกค้าส่วนมากที่มาซื้อถุงยางอนามัยเป็นผู้ชาย ซึ่งมีทั้งวัยรุ่นและคนทำงาน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่เป็นนักศึกษาจะมีมากกว่า สำหรับยอดขายนั้นมีไม่มากวันหนึ่งตกประมาณ 1-2 กล่อง บางวันก็ขายไม่ได้เลย



Posted by : durex , Date : 2003-11-30 , Time : 15:46:39 , From IP : 172.29.2.156

ความคิดเห็นที่ : 1


   ไม่เข้าใจประเด็นที่ว่าเด็กเห็นถุงยางเป็นการกระตุ้นให้อยากมีเพศสัมพันธ์ หรือการไม่มีร้านขายถุงยางในลานสายตาช่วยให้ยับยั้งชั่งใจไม่มีเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-01 , Time : 02:14:46 , From IP : 172.29.3.252

ความคิดเห็นที่ : 2


   เรื่องนี้มัน Safe sex ชัวร์อยู่แล้วล่ะ ของ free มีที่ไหนกัน

ประเด็นมันน่าจะอยู่ที่การสร้างทัศนิคติของวัยรุ่นมากกว่า จริงอยู่ที่โอกาสของการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ใหญ่น่าจะมีมากกว่านักเรียนนักศึกษา (และเป็นตัวการใหญ่ในการแพร่โรคเอดส์ - - นร. นศ. เป็นตัวการของท้องในวัยเรียน)
จะเห็นได้ว่าจากบทสัมภาษณ์ แต่ละคนจะมีทัศนคติต่อถุงยางเหมือนกันหมด คือ ส่งเสริมให้มีเพศสัมพันธ์ แทนที่จะมองว่าควรจะพกติดตัวไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น กลับกลายเป็นว่า หากใครพกถุงยาง โดยเฉพาะผู้หญิง จะกลายเป็นคนเจนโลกไปอีกต่างหาก ...
ถ้ามีค่านิยมของการพกถุงยางหรือเห็นถุงยางเป็นเรื่องธรรมดา การที่จะวางขายที่ไหนนั้น มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ

อ้อ.. ถ้าขายได้เยอะๆ ราคามันก็คงถูกลงเองล่ะนะ


Posted by : ArLim , Date : 2003-12-01 , Time : 02:25:13 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 3


   ถ้าตั้งจริง ๆ อาจไม่เห็นผลใน 1-2 ปี นี้ แต่อีกหลาย ๆ ปีต่อไป วัฒนธรรมเรื่อง sex อาจแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ ตอนนี้เราคงพูดได้ว่าไม่มี freesex แต่คิดถึงเด็กรุ่นถัด ๆ ไป ที่เห็นเครื่องขาย condom หยอดเหรียญวางคู่กะเครื่องขายน้ำอัดลม อาจมีทัศนคติเห็นการมี sex เหมือนแค่การดื่มน้ำอัดลมก็ได้ครับ

ผมว่าให้พ่อแม่ซื้อถุงยางให้ลูกชายหรือลูกสาวติดกระเป๋าสตางค์ไว้เลยดีกว่าครับ safe sex กว่าเยอะครับ อย่างน้อยพ่อแม่จะได้รู้ครับ ผมเองน้าสาวที่เป็นพยาบาลก็ให้ condom ไว้ติดกระเป๋าตั้งแต่ ม.3 ครับ (แต่ไม่ได้ใช้ จนมันหมดอายุ อิ ๆ ๆ )


Posted by : superman , Date : 2003-12-01 , Time : 08:04:44 , From IP : 172.29.1.122

ความคิดเห็นที่ : 4


   แน่นอนล่ะครับว่า ถุงยางคงไม่ได้มีส่วนอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้คนมี sex กันมากขึ้น เพราะถึงแม้ไม่ต้องมีตู้ขายถุงยางอัตโนมัติแถวบ้าน แต่เราก็มีทีวี หนังสือพิมพ์ หนังสือการ์ตูน หนังสือโป๊ ... กันในบ้านเลยล่ะครับ

งานนี้ก็บ้านใครบ้านมันล่ะครับ


Posted by : ArLim , Date : 2003-12-01 , Time : 17:38:56 , From IP : 172.29.2.80

ความคิดเห็นที่ : 5


   ถ้ามหาลัยอนุญาตให้ขายก็หมายความว่า มหาลัยได้ยอมรับให้ นศ. มี sex กันได้ (ถึงตอนนั้นละก็ พวกที่กำลังลังเลอยู่ก็คง ... อย่างไม่ต้องกลัว)

แต่เขาไม่เอาไปตั้งที่มหาลัยแล้วนะ เขาบอกว่ารอไปก่อนไม่มีกำหนด .. จนกว่าสังคมจะยอมรับเรื่องนี้ได้


Posted by : ปีศาจลูกหมี , Date : 2003-12-01 , Time : 20:05:06 , From IP : 172.29.2.183

ความคิดเห็นที่ : 6


   ผมสงสัยว่านักศึกษามี sex หรือไม่มี sex นั้นเป็นเพราะ "อนุญาต" ของมหาวิทยาลัยหรือไม่?

ผมสงสัยใน "กฏใหม่" ที่จะออกนี้เช่นกันว่า ขณะนี้ถุงยางมันหาซื้อยากเย็นขนาดไหน จึงต้องตั้งเป็นนโยบายจากรัฐบาล ฟังดูเป็นแค่สัญญลักษณ์ว่าสุดารัตน์กำลังคิดทำอะไรบางอย่าง ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ แถมแทนที่จะเป็นตัวนำการอภิปรายระดับเวทีประเทศทั้งๆที่เป็นคนจะออกนโยบาย กลับซ่อนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

เรื่องนี้ (เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่เรื่องขายถุงยาง") เป็นเร่องสำคัญที่ควรจะ address เพราะ consequences มันเยอะ อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเด็ก มันจะมีผลระยะยาวระดับประเทศ แต่เราน่าจะมองออกมาระดับห่างจากเรื่อง trivial อย่างเช่น ตู้ขายถุงยางควรจะตั้งที่ไหนได้บ้างจึงไม่น่าเกลียด หรือไม่เป็นการ promote การมี sex ก่อนวัยอันควร หรือว่าเรื่องมี sex ก่อนวัยอันควรนั้นมันมี mechanism อยู่ที่ถุงยางมากน้อยแค่ไหน (โดย design แล้ว มันมีไว้ให้มี sex อย่างปลอดภัยจาก complications ได้แก่ มีลูก กับ โรค STD)




Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-01 , Time : 20:28:01 , From IP : 172.29.3.208

ความคิดเห็นที่ : 7


   ยังอ่อนต่อโลก ไม่ขอแสดงความคิดเห็นดีกว่า ผู้ใหญ่คงตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้วัยรุ่นอยู่แล้วล่ะน่า

Posted by : น้ำมนต์ , Date : 2003-12-02 , Time : 11:51:12 , From IP : proxy6.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 8


    จริงๆแล้วคนคิดนโยบายเรื่องที่ตั้งขายถุงยางก็คงไม่ได้มีเจตนาที่จะส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์ในมหาลัยอยู่แล้วล่ะครับ เพราะไม่ว่าใครก็น่าจะรู้ว่ามันไม่เกี่ยวกันระหว่างความคิดเรื่องเซ็กส์ของวัยรุ่นกับตู้ขายถุงยาง
กระแสที่ออกมาต่อต้านนี่ก็อาจมองได้แง่ว่า สังคมเรายังคงไม่เข้าใจถึงการให้เพศศึกษาแก่เยาวชนจริงๆกันเลย ถึงได้เป็นห่วงกันแปลกๆ


Posted by : ArLim , Date : 2003-12-02 , Time : 20:31:32 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 9


   น่าเสียดายที่วัฒนธรรมตะวันออกที่สวยงามกำลังจะเลือนหายไปเรื่อยๆ

Posted by : isaki , Date : 2003-12-02 , Time : 21:58:29 , From IP : 172.29.3.107

ความคิดเห็นที่ : 10


   ตอนนี้ที่ 7 ก็มีขายนี่ แต่ติดที่ว่าต้องซื้อกับคนขาย แย่จัง

มีถุงยางซัก 100000000 อัน แต่ไม่มีคู่นอน เฮ้ออออ
บางคนมีคู่นอนแต่ไม่มีถุงยาง

อันตรายจริงๆ


Posted by : 000 , Date : 2003-12-03 , Time : 14:35:41 , From IP : 172.29.2.199

ความคิดเห็นที่ : 11


    ผมสงสัยว่านักศึกษามี sex หรือไม่มี sex นั้นเป็นเพราะ "อนุญาต" ของมหาวิทยาลัยหรือไม่?

แน่นอนครับ อ. ถ้าหอพักมหาวิทยาลัย "อนุญาต" ให้มี sex กันได้ ป่านนี้นศ. คงไม่ต้องลำบากไปแอบทำกันตามพุ่มไม้ อิอิ


Posted by : ปีศาจลูกหมี , Date : 2003-12-03 , Time : 19:37:42 , From IP : 172.29.2.183

ความคิดเห็นที่ : 12


   หากเราคิดถึงหัวอกคนเฒ่าคนแก่หรือหัวอกพ่อแม่ คงจำนวนไม่น้อยหรอกค่ะที่รับไม่ได้หากลูกที่ยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ประพฤติตัวสำส่อนหรือแอบมีอะไรกับคนอื่นนอกสายตาพ่อแม่ และคงไม่อยากให้มีขายถุงยางให้ักับลูกหลานตัวเองด้วยซ้ำไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัยหรือที่ไหนก็ตาม
เชื่อว่าคงมีเด็กไม่น้อยหรอกค่ะ ที่จะเห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิทธิที่จะทำได้โดยเสรี และซื้อถุงยาง..เตรียมตัว..ไว้ เผื่อใน..ยามฉุกเฉิน..ที่ตัวเองต้องการ


Posted by : อยากพูดหน่อย , Date : 2003-12-07 , Time : 01:57:38 , From IP : 202.129.50.16

ความคิดเห็นที่ : 13


   เตรียมไปจากมหาวิทยาลัยเลยนะ ขอเสริมอีกหน่อย

Posted by : อยากพูดหน่อย , Date : 2003-12-07 , Time : 02:00:00 , From IP : 202.129.50.16

ความคิดเห็นที่ : 14


   ขึ้นอยู่กับว่าเราเห็นว่า อยากให้ หรือต้องการ ให้นักศึกษาเรามีระดับความเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน และ "ความรับผิดชอบ" ของระดับต่างๆกันนั้นก็จะมีรายการของมันเองออกมา

อาจจะเป็นการอภิปรายที่ดีได้ในหัวข้อ "sexual relationship, pro & con" ซึ่งหนีไม่พ้น "บริบท" ที่จะต้องใส่รายการมาด้วย กฏนั้นจะไม่ work ตราบเท่าที่ถูก designed มาโดยไม่แสดง clear objective ให้ชัดเจน และจะไม่ work เหมือนกันถ้าเป็นกฏที่ patronize คนเกินไป ขณะเดียวกันเรื่องบางเรื่องไม่ต้องเป็นกฏแต่คนก็ไม่แหกหรือดันดึงจะกระทำ exactly เพราะเหตุผลทำนองเดียวกันในทางตรงกันข้าม

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องถุงยางนี้เป็นปลายเหตุเอามากพอสมควร เป็นการป้องกันเรื่องมีลูกกับการติดเชื้อเท่านั้นซึ่งก็ไม่ได้มี 100% ประสิทธิภาพ แต่เรื่องการมีเพศสัมพันธ์มันคงจะมีอะไท่จะพูดถึงมากกว่านั้น ถ้าเรา focus บนประเด็นรอง หรือบอกแต่เพียงเป็นสิ่งที่ "ผู้ใหญ่" ต้องการ เราอาจจะต้องมาเรียบเรียงระดมความคิดว่านั่นจะเป็นสิ่งที่วัยรุ่นจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามได้จริงหรือไม่



Posted by : Phoenix , Date : 2003-12-07 , Time : 18:51:38 , From IP : 172.29.3.224

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<