บันทึกของ...เธอ...บันทึกของ...เธอ... เรื่องยาว จากอีเมล์ฉบับหนึ่ง... เหลือแค่เพียงความทรงจำ ดีๆ บนรถเมล์ 23-12-99 ตัวหนังสือสามารถบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก จึงไม่น่าแปลกที่ฉันจะหลงใหลในเสน่ห์ของตัวอักษรมาหลายปีดีดักแล้ว ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า "คนเขียนหนังสือ" อยู่เสมอ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า"กวี" ได้ล่ะมั้ง โลกของตัวอักษรสวยงามนัก แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว คงเพราะความบังเอิญที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ ได้เล่นละครด้วยกัน ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จนวันหนึ่ง "มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ" นี่แหล่ะประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด "ขอโทษนะ" เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม "ขอบคุณนะเฟิร์ส" ฉันพูดเขินๆ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้ว ส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่ "แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก" เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น "ก็คนมันไม่เก่งนี่นา" "ไม่ต้องสอนก็ได้นะ" ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ "วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา" เขาบอกยิ้มๆ ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก เราสนิทกันมากขึ้นทุกที สนิทท่ามกลางเสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่ "ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียนสวีทกันจังเลยคู่นี้" เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ "เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ" "เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย" เฟิร์สแก้ตัวให้ เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉันก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่ อื่นแทน "ช่างเขาเหอะ" ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป "มีน เรามีอะไรจะบอก" เขาพูดท่าทางเขินๆ อารายเหรออออ" ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว "เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ" สีหน้าอายๆของเขาทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆว่านี่ คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา แต่ . "คนนั้นไง" ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ฉันหันไปยิ้มล้อ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ "เรากลับแล้วนะ" ฉันบอกเบาๆ "ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ" "มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย" เขาพูดติดตลก "อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ" "ใครจะไปรู้ล่ะ ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส" ฉันพูดทีเล่นทีจริง แล้วเดินไปปิดกระจก และประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง "วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย" เขาบอกลาแล้วโบกมือให้ ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป "กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน" เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขานับตั้งแต่วันแรกที่รู้ จักกัน ตลอดเส้นทางกลับบ้าน ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู "สุขสันต์วันเกิดนะครับ" ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน "มีความสุขมากๆนะครับมีน" รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอมา .ไม่เคยลบเลือน "โครมมมมมมม!!!!!!" เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู เห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า "เพียงความทรงจำ เฟิร์ส" ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนนและค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก ก็บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี "เฟิร์ส รู้เรื่องมีนหรือยัง" เขาถามผมทันทีที่พบกัน สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่ ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ "ยังครับ มีนทำไมเหรอ" ผมถามยิ้มๆ เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้ ผมคิด "มีนรถคว่ำ" "ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล ." เขาบอก ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU โรงพยาบาลแห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม "เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 นาทีที่แล้วค่ะ" หูผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยิน เสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า เธอจากไปแล้ว .... ..... .......... ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า "รักกับชอบแตกต่างกัน" มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้ ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ "เธอคนนี้" เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้ ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้ เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา เธอคือรักครั้งแรกของผม อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว.... ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆเหมือนอย่างเคย เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน สักวันผมจะไปหาเธอ หลับให้สบายนะครับ มีน หลับตาเถอะนะ แล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ หลับตาเถอะนะ ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล หลับตานานนาน คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน หลับตาเถอะนะคนดี Posted by : No name No.1 , E-mail : (warit74@hotmail.com) , Date : 2003-11-23 , Time : 22:48:03 , From IP : 169.210.27.127 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<< |