ความคิดเห็นทั้งหมด : 0

ราคากรรมของ "เจ้าตอก"




   

หากคุณเคยมองลึกลงไปในด้วงตาของสุนัขคุณจะพบว่ามีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ในนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้าคุณสังเกตดวงตาของมัน
คุณจะรู้ว่า สุนัขเป็นสัตว์ที่สื่อสารทางสายตาได้ดีทีเดียว

บ้านฉันตั้งอยู่กลางทุ่ง ฉันจึงนอนท่ามกลางอ้อมกอดของต้นข้าวแทบทุกคืน
บรรยากาศแบบนี้ใคร ๆ อาจมองว่าแสนโรแมนติก แต่ในความเป็นจริงบ้านฉันทั้งเงียบทั้งเหงา
ในช่วงเวลาแบบนี้ เจ้าข้าวตอก สุนัขเพื่อนยากเป็นผู้ช่วยคลายเหงาให้ฉันได้ดีทีเดียว
มันมักจะมานอนหมอบอยู่ใกล้ ๆ พลางส่งสายตาที่ (ดูเหมือน) เต็มไปด้วย
ความเห็นอกเห็นใจมาที่ฉัน และแน่นอนว่า วันนั้นทั้งวันมันจะไม่ทิ้งฉันไปไหน
ในวันที่ฉันยุ่งกับงานจนลืมคลุกข้าวให้ แววตาของมัน
ก็จะระคนไปด้วยการตัดพ้อ คล้ายจะต่อว่าว่า "ลืมกันได้อย่างไร"

คนที่เลี้ยงสุนัขหลายคนอาจนิยมพูดคุยกับสุนัขเพื่อคลายเหงา
แต่ฉันชอบสื่อสารกับเจ้าเพื่อนยากของฉันผ่านทางสายตามากกว่า
ไม่เว้นแม้ในยามที่มันเจ็บปวดจนสุดชีวิต

ข้าวตอกเป็นสุนัขที่น่ารักก็จริง แต่มันมีนิสัยเสียตรงที่
ชอบหนีเที่ยวไปวิ่งเล่นในทุ่งนา โดยไม่สนใจว่าพืชใบเขียว
ที่มันเหยียบย้ำคือต้นข้าวที่ชาวนาแสนหวง
"ถ้ามันกวนก็ตีมันได้นะลุง แค่นี้มันก็วิ่งแน่บกลับบ้านแล้ว"
ฉันบอกเจ้าของนาข้าวที่ทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะจัดการเจ้าข้าวตอกเสียเต็มแก่
ฉันได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า แม้แต่สุนัขที่เลี้ยงมากับมือ เขายังขายให้กับรถรับซื้อสุนัข
จากสกลนครอย่างไม่อาลัยอาวรณ์ ท่าทางคราวเคราะห์จะมาถึงเจ้าข้าวตอกของฉันแน่แล้ว
ฉันลงทุนล่ามข้าวตอกไว้ที่บ้าน แต่มันก็ร้องเสียงหลงจนฉันสงสาร
ฉันปล่อยมันพร้อมกับเดินไปหาชาวนาคนนั้น
"คิดว่าเห็นแก่ฉันเถอะ ข้าวลุงเสียหายไปเท่าไร มาเกี่ยวคืนในนาฉันก็ได้ แต่อย่าฆ่า อย่าวางยามันนะลุง"

แต่คำตอบของลุงกลับทำให้ฉันเสียวสันหลัง
"หมาตัวเดียวลุงไม่เอาไว้หรอกนะ มากกว่านี้ก็จัดการมาแล้ว"

เช้าวันนั้นข้าวตอกวิ่งออกจากบ้านไปแต่เช้า แต่คราวนี้ไม่ต้องเสียเวลาร้องเรียก
เพราะมันวิ่งกลับบ้านเอง..พร้อมกับน้ำลายที่ไหลฟูมปาก
ฉันมือไม้สั่น รีบตอกไข่ขาวใส่ปากมันเพื่อล้างพิษ แต่ก็ช้าเกินไป
ข้าวตอกชักกระตุกอยู่ราวสิบนาทีก็ล้มลงในวินาทีที่สิ้นใจ
ดวงตาของมันยังเบิ่งโพลง แววตาเหลือกลานคู่นั้น
บ่งบอกถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
ถ้าความเจ็บมีน้ำหนัก วันนั้นเจ้าข้าวตอกคงถูกกดทับด้วยน้ำหนักมหาศาล
ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น หลับให้สบายเถอะนะข้าวตอก
ดวงตาของข้าวตอกยังไม่ปิดลง
ฉันเห็นแววตาคู่นั้นแล้วได้นึกผวา รีบไปหาดอกไม้ธูปเทียนมาวางไว้ใกล้ ๆ
ร่างอ้วนพีซึ่งบัดนี้ไม่มีลมหายใจแล้ว
"ชาติหน้ามาเกิดเป็นคนนะข้าวตอก"
ฉันบอกกับมันอย่างนั้นในวินาทีที่เอื้อมมือไปปิดดวงตาของข้าวตอก
ก่อนจะนำร่างที่อ่อนปวกเปียกของมันลงหลุม และกลบอย่างเบามือ
พยายามร้องไห้ออกมาให้เบาที่สุด ทั้ง ๆ ที่ภายในใจอยากสะอื้นดัง ๆ

ฉันปลูกมะลิต้นเล็ก ๆ ไว้ที่ปากหลุมเป็นอนุสรณ์สุนัขที่ฉันทั้งรักทั้งผูกพัน
เวลาผ่านไปสามปีแล้ว แต่มะลิต้นนั้นก็ยังไม่เคยออกดอก..

กระทั่งเช้าวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังตื่นเต้นกับมะลิดอกแรกที่แตกออกมาเหมือนข้าวตอกไม่มีผิด
เด็กหนุ่มในชุดดำก็เดินเข้ามาที่บ้าน ลูกชายของลุงคนนั้นเอง
ลุงที่เคย "จัดการ" เจ้าข้าวตอกของฉันอย่างไร้ความปรานี
"คุณช่วยไปอโหสิกรรมให้พ่อผมหน่อยเถอะครับ"

ฉันงงไปหมด "อโหสิกรรม" อะไรกันหรือ
"พ่อแกป่วยเป็นโรคพาร์กินสันมาร่วมสามปีแล้ว
ตอนพ่อป่วยตัวแกสั่นเหมือนหมาคุณตอนถูกยาเบื่อไม่มีผิด
แกบ่นว่าทรมานเหลือเกิน และเอาแต่คร่ำครวญว่าทำกรรมอะไรไว้หนอ
ถึงได้ทุกข์ทรมานอย่างนี้ อยากจะตายเสียให้พ้นเวรพ้นกรรม"

บ่ายวันนั้น..ฉันเดินขึ้นไปบนเมรุพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ
ต่างกันก็แต่ในขณะที่วางดอกไม้จันทน์ลงบนเชิงตะกอน
ฉันกล่าวอโหสิกรรมในใจ ขณะที่บรรจงวางมะลิดอกเล็ก ๆ หนึ่งดอกลงพร้อม ๆ กัน

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือซีเคร็ต


Posted by : ลงพุง , Date : 2009-11-16 , Time : 14:42:35 , From IP : 172.29.11.65

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<<