ความคิดเห็นทั้งหมด : 2

กาแฟไทย 400 บาท ต่อ 1 แก้ว


   ทันทีที่ร้าน "กาแฟบ้านไร่" ออกข่าวจะเปิดขายกาแฟตัวใหม่รสเลิศหรู ราคาแก้วละ
400 บาท


เสียงร้องอู้ฮู้...ของบรรดาคนชอบกาแฟ ก็ดังกระหึ่มไปทั้งเมืองศ


"อยากจะบ้าตาย" "อะไรกันวะ" "กินแล้วเหาะได้เหรอ?"
เป็นคำถามเมาธ์แหลกจากคนทั่วทุกวงการ


เท่านั้นยังไม่พอ กาแฟราคาแก้วละ 400 ยังไปปรากฏเป็นกระทู้
ให้แสดงความคิดเห็นในพันธุ์ทิพย์ดอทคอม เอ็มไทยดอทคอมอีกต่างหาการ


เรียกว่าไม่ต้องเสียสตางค์ค่าโฆษณา


เหตุที่กาแฟบ้านไร่แก้ว 400 โดนวิจารณ์เละ
เพราะคนนิยมกาแฟทั้งหลายเอาไปเปรียบเทียบราคากับกา
แฟนอก อย่าง สตาร์บัคส์ หรือกลอเรีย จีนส์ ที่ขายกันแก้วละอย่างมาก 90 บาท หรือ 100 ไม่เกินนี้


ทำไมกาแฟบ้านไร่ ที่มีแหล่งกำเนิดในไทย ถือสัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
จึงแพงเป็นอภิมหากาแฟขนาดนี้


คนที่ตอบได้ดีไม่พ้น สายชล เพยาว์น้อย เจ้าของกาแฟบ้านไร่ หรือเรียกโก้ๆ
ประธานบริหารบ้านไร่ กาแฟ ซึ่งมีที่ทำงานอยู่ที่ร้านสาขาอันดับล่าสุด ร้านใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่แยกเอกมัย


ก่อนพบกับเจ้าของกาแฟแบรนด์ดัง
ใครที่คิดจะไปดื่มกาแฟที่ร้านบ้านไร่สาขานี้ อันดับแรกต้องตื่นตะลึงกับ
การตกแต่งร้านสไตล์ไทยประยุกต์ ที่บรรเจิดกว่าทุกสาขา


เพราะนอกจากพื้นที่กว้างขวางกว่า 2 ไร่แล้ว
การตกแต่งยังขนเอาบรรดาไม้หนักๆ มาตกแต่ง ตั้งแต่ หน้าจั่ว เฉลียง ใช้โทนสีเข้ม หรือสีโอ๊ก


ภายนอกร้อนมีลานดินแดง และแปลงปลูกดอกทานตะวัน
ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงต้องเป็นทานตะวันตลอด
แต่ จะผลัดเปลี่ยนชนิดของดอกไม้ไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาลที่ดอกไม้ออกดอก


พิเศษสุดกว่าสาขาไหนคือ ที่บ้านไร่สาขานี้ จะเปิดการแสดงทั้งละครคน ละครหุ่น
ให้คนมาจิบกาแฟได้ชม ไปพร้อมๆ ด้วย แบบไม่ต้องเสียตังค์


"สายชล เพยาว์น้อย" ออกมาต้อนรับด้วยยูนิฟอร์มของบ้านไร่กาแฟเต็มยศ เสื้อสีส้ม กางเกงสีดำ เช่น เดียวกับพนักงานคนอื่นๆ


เรื่องราคากาแฟ เป็นคำถามแรกที่ต้องถามอยู่แล้ว


สายชลเองก็ดูเหมือนจะรู้ดีว่าต้องเจอกับประเด็นนี้แน่นอน
เจ้าตัวจึงมีการเตรียมตัวไว้เป็นอย่างดี


เจ้าของร้านบ้านไร่ ยกมือขอเล่าถึงรายละเอียดของบ้านไร่สาขาใหม่ล่าสุดเสียก่อน แล้วจึงจะตอบคำถาม


สายชลบอกว่า ร้านบ้านไร่สาขาแยกเอกมัย เป็นสาขาน้องใหม่ล่าสุด นับได้ลำดับที่ 91 พอดี เลยตั้งชื่อ
"บ้านเก้าเอ็ดเอก"


มาจากเลขที่ 91 และสาขาเอกมัย และกาแฟแก้วละ 400 ก็จะใช้ชื่อ "กาแฟเก้าเอ็ดเอก บอรก"


คำว่า "บอรก" เป็นเหมือนนามสกุลของบ้านไร่ เป็นการสร้างแบรนด์
ทุกอย่างจะเป็นชื่อตามแล้วด้วย " บอรก" เสมอ


จากนั้นเจ้าของบ้านไร่ก็มาถึงคำถามที่ต้องตอบ


"กาแฟแก้วละ 400 บาท หรือเก้าเอ็ดเอก เป็นกาแฟเมล็ดโทน peaberey จากดอยวาวี บ้านช้าง จังหวัดเชียงราย
มีคำจำกัดความว่า เป็นกาแฟคั่วที่ลานดินแดง ตรงสามแยกเอกมัย
คั่วกันสดๆ วันละ 3 กิโลกรัมเท่านั้น
การคั่วนำมาคั่วเป็น 3 ระดับ คือ เข้ม กลาง อ่อน
เมื่อคั่วเสร็จจะต้องนำมาใส่ไว้ในข วดโหลหรูหรามีระดับ
เป็นโหลทองเหลือง มีโลโก้เป็นรูปอาคาร มีเลขเก้า เลขหนึ่งและคำว่าเอกอย่างสวยงาม"


กาแฟในขวดโหลจะถูกทิ้งไว้ 7 วัน เพื่อให้คลายก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อไม่ให้เกิด กลิ่นสาบ จึงจะนำมาขายได้


"พวกนี้จะอร่อยมาก นึกถึงกระเทียมโทนก็ได้ จะมีความจัดจ้าน
ความที่เนื้อเยอะจะทำให้เกิดความละมุน
ละไม และกาแฟชนิดนี้อยู่บนที่สูงมาก ประมาณ 1,200 ฟุต จากระดับน้ำทะเล
จึงมีจำนวนจำกัด"


ไม่เฉพาะราคาแพงหรูคู่คอเศรษฐีเท่านั้น ใครจะดื่มก็ต้องมีลุ้นกันด้วย
เพราะวันหนึ่งๆ จะคั่วกันแค่ 3 กิโลเท่านั้น ประมาณเป็นแก้ว ตก 80 แก้วต่อวัน


การบริการลูกค้าก็พิเศษจากปกติ คือ
ลูกค้าสามารถตักผสมกาแฟได้เองทั้ง 3 ระดับ
เพื่อให้เกิดสุนทรีย์ ของกลิ่นและรส หรือจะให้ที่เคาน์เตอร์ปรุงให้ก็ได้
ปรุงด้วยตัวเองก็ได้ แม้กระทั่งอยากจะให้บดบรรจุ
ซองเพื่อนำกลับไปปรุงที่บ้านก็ยังได้


"ความสุนทรีย์นั้นสำคัญมาก"


สายชลบอกถึงอารมณ์ที่จะดื่มกาแฟให้อร่อย ดังนั้น
เพื่อความสุนทรีย์ของชาวบ้านไร่และลูกค้าคนดื่ม จึงมี
การนำกาแฟไปตั้งที่กลางลานดินแดง เพื่อให้เห็นกันกระบวนการคั่วกันตั้งแต่แรก
เพราะนั่นคือ สุนทรีย์


และยังรวมถึงองค์ประกอบ น้ำไหล ต้นไม้เขียว คนยิ้มแย้ม เสียงเพลงไพเราะ
และอากาศเย็น เหล่านี้ ก็เป็นสุนทรีย์


ความพิเศษไม่หยุดเพียงแค่นี้ สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเก้าเอ็ดเอกทุกคนจะได้
ใบรับรอง ด้วย 1 แก้วต่อ 1 ใบ


ประมาณว่า จบหลักสูตรสำคัญอะไรสักอย่าง


"ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าใบรับรองจะทำจากอะไร อาจจะเป็นไม้มะค่าดำ หรือ
แผ่นทองบางๆ ดี
เสร็จ แล้วจะนำไปยิงเลเซอร์เป็นตัวเลขลำดับ ทำให้ดูมีค่า เป็นเกียรติแก่ผู้ที่ได้ดื่ม



กาแฟเก้าเอ็ดเอก คัดเลือกจากกาแฟที่เป็นเมล็ดโทนล้วนๆ
ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบเมล็ดโทน เพื่อตรวจสอบรสชาติก่อนจะนำมาคั่วที่ร้าน


การขายกาแฟแก้วละ 400 รอบแรกจะขายเพียง 2 เดือน ในช่วงฤดูหนาว
แต่ยังไม่กำหนดวันที่แน่นอน
ถ้าขายดีจึงจะทำต่อไป


ขณะที่มีการตั้งราคาแก้วละ 400 บาท ไว้ให้คอกาแฟขั้นเศรษฐี


สายชลยังเพิ่มทางเลือกขึ้นมาอีกทางด้วยกาแฟราคาแก้วละ 200 บาท ชื่อ
กาแฟไทยเหนือวาวี บอรก


กาแฟชนิดนี้เก็บไว้นานถึง 3 ปี มี 8,000 กิโล ชงได้ประมาณ 300,000 แก้ว
และมีจำหน่ายทุกสาขา


ความพิเศษของกาแฟไทยเหนือวาวี บอรก นอกจากรสชาติแล้ว
ยังอยู่ที่บรรจุภัณฑ์ ที่ออกแบบเป็นกระป๋อง
พิเศษ มีการติดแสตมป์รันนัมเบอร์ตั้งแต่ 1 ถึง 3 แสน มีเป้าหมายขาย 6 เดือน


"เรื่องขายแพงหรือไม่..ผมมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน" สายชลบอกเสียงดังฟังชัด


เป็นกลุ่มเป้าหมายกลุ่มเดิมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ และมีรายได้มากกว่า 30,000
บาทต่อเดือนขึ้นไป๋อง


"ถ้าจะเปรียบกาแฟกับรถยนต์โตโยต้าแล้ว
กาแฟแก้วละ 400 คือ เลกซัส
ส่วนแก้วละ 200 คือ แคมรี่


"ฉะนั้นขอความกรุณาอย่าหมั่นไส้ผม"


เจ้าของบ้านไร่กาแฟสาธยายต่อว่า "คิดดู
มีคนขับรถตู้คนหนึ่งมาบอกว่าขายกาแฟอย่างนี้คนขับรถตู้อย่างผ
มจะกินได้ยังไง ผมก็บอกเขาว่า ไม่ควรกิน คุณเอาเงินไปเลี้ยงลูกดีกว่า
คุณไม่ควรจะซื้อรถเบนซ์ด้วย
คุณควรขับมอเตอร์ไซค์ เขาก็งงๆ ไม่เข้าใจ"


สายชลบอกว่าที่ต้องทำแบบนี้ เพราะอยากสร้างสัญลักษณ์ไทย แบรนด์ไทย
ให้ได้รับการยอมรับในระดับ
สากล และนำระบบสังคมวิถี เข้ามาสู้ระบบธุรกิจ


แค่ตั้งใจอยากทำให้เห็นว่าแบรนด์ไทยก็ทำได้ อยากทำอะไรแข่งกับฝรั่ง
และเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องของคนจนกิน ไม่สมควรกิน


แบบว่าคนจนไม่จำเป็นต้องขับเบนซ์นั่นแหละ!!!


"สตาร์บัคส์เขาเป็นเบนซ์ เรากาแฟรถเข็น จะทำอย่างไรให้สู้เขาได้
ก็ต้องทำแพ็กเกจ หูจับ แก้วที่พิมพ์
เปลี่ยนตลอด ผมมีอาร์ตอยู่ 3 คน เงินเดือนหลักหมื่นขึ้นทั้งนั้น
มีฝ่ายเขียนเรื่อง อย่างนี้ถึงจะสู้เขาได้
ผมเลยจะเปรียบเทียบว่าผมจะทำราชรถ จะไม่ทำเกวียนธรรมดา
จึงจะแย่งตลาดของเบนซ์ได้ ขอให้เข้าใจตรงนี้"


"ขอให้นึกเชิงสังคมนะว่าพอมี สุวรรณชาติ มาดีไหม
แล้วเป็นไงตอนนี้ให้รู้สำนึกกันเสียที
ม่วนใจ๋เบรนด์ ฝรั่งมันยังตั้งชื่อไทยเลย สำหรับผมถือว่าสำเร็จ คือ
มันดีมันเป็นการสร้างค่านิยม บางคนมาบอกอยู่
เรื่อยว่าให้สู้ ผมรู้ว่าสักวันหนึ่งจะถึงเป้าหมาย แล้วทุกคนจะภูมิใจว่า
บ้านไร่เป็นแบรนด์ของคนไทย"


ฟังแล้วก็ชักเคลิ้ม นอกจากจะเป็นคนขายกาแฟเจ้าความคิดแล้ว
สายชลยังเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อได้ไม่เลว


เสียดายแต่ว่าตอนไปคุย กาแฟแก้วละ 400 บาท อยู่ระหว่างการคัดสรร
ยังไม่มีคั่วมาขาย จะเริ่มก็ต้น
หนาวในปีหน้าโน้นนย


จึงเสียดายที่ไม่ได้บรรยายรสชาติของกาแฟหรูคู่คอเศรษฐีเมืองไทยให้ได้น้ำลายหกกัน
!!


---------------------------


จบข่าว...........


Posted by : No name No.1 , E-mail : (warit74@hotmail.com) ,
Date : 2003-11-23 , Time : 10:09:45 , From IP : cache-nst.inet.co.th


ความคิดเห็นที่ : 1


   ก็ไม่ได้มีอะไรกับเจ้าของร้านนี้หรอกนะครับ แต่ถ้าเป็นการทำวิจัยตลาดแล้วพบว่า approach นี้จะสำเร็จ ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าของคนกรุงเทพฯ หรือ potential customer เอามากๆ

customer satisfaction ตามทฤษฎี balance scorecard ของ Kaplan แบ่งออกได้เป็นสามทาง คือ smart-shopper (ของถูก มีครบทุกอย่าง บริการรวดเร็ว) เช่น Lotus หรือ loyalty (good brand) เช่น โรงแรม oriental หรือ ของดีสุดยอดแปลกใหม่ เช่นสินค้า electronics Benz computer อะไรเทือกนี้ จากคำบรรยายด้านบน (ซึ่งผมไม่ได้ verify ว่าเป็นคำสัมภาษณ์ที่ถูกต้องจากเจ้าของร้านจริงๆ) ก็ดูจะคล้ายอันที่สามมากที่สุด

ปัญหาคือ ขายของที่คนซื้อเพราะ brand นี่ ถ้าให้ดีมันควรจะไปกับ "คุณภาพ" ซึ่งแน่นอนที่คนรวยอยากจะได้ของที่ดีที่สุดใน range โดยไม่ต่อราคา ถ้าเขาคิดว่ามันสำคัญ แต่พอมาเป็น "กาแฟ" นี่ คุณภาพกาแฟที่ดีที่สุดอยู่ที่เมืองไทยรึเปล่า อันนี้เป็น innovation ส่วนบรรยากาศ ฯลฯ นั้นค่อนข้างจะเป็น marketing approach มากกว่า common requirement ของคอกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทำให้ quadruple ราคาแพงกว่า brand ที่เกือบจะแพงที่สุดอย่าง Starbuck (แถมซื้อกลับไปบ้านก็ได้ ก็จะสูญเสีบคุณค่าของบรรยากาศไปอย่างสิ้นเชิง Idea ที่มี certificate ว่าได้มากินกาแฟร้านนี้แล้วนั้น ไม่แน่ใจว่าจะให้เป็นนัยว่า "ข้าได้มากินกาแฟหายากที่รสกลมกล่อม ถึงจะแพงที่สุดในโลก" หรือเป็นแค่ "ข้ารวยพอจะมากิน" ผมสงสัยปฏิกิริยาของคนในกลุ่มสนทนาถ้ามีคนควัก certificate นี่มาโชว์แล้วมีคนชื่นชม จะแปลว่าอะไร



Posted by : Phoenix , Date : 2003-11-25 , Time : 11:38:53 , From IP : 172.29.3.110

ความคิดเห็นที่ : 2


   อยากให้มีPROMOTION มาก ๆ เช่น มีคูปอง หรือบัตรสมาชิกลดเป็นเปอร์เซนต์
มีการสะสมแต้มในใช้บริการ เพื่อแลกของ


Posted by : นางสุวรรณี โตเหล็ก , E-mail : (tolesuwa@longtex.co.th) ,
Date : 2006-11-18 , Time : 09:35:27 , From IP : isdnBKK-135-66.pacif


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<