Burnout Touches Surgeons on Wide Scale: Survey

ผลสำรวจโดย Charles M. Balch, MD จาก Johns Hopkins รายงานใน "The 2009 American Surgical Association meeting" พบว่า ศัลยแพทย์ในอเมริกา 4 ใน 10 คน ประสบภาวะ Burnout และ 1 ใน 3 เข้าข่าย Depression
(10-15% เข้า criteris ของ Major depressive disorder ด้วย!!!
ถ้าตัวเลขนี้ถูกต้องแล้วนำมาใช้แถวนี้ได้ แปลว่า ในภาคศัลยศาสตร์ จะมีคนที่เป็น major depression ประมาณ 3 คน .... ตัวเลขขำ ๆ ครับ อย่าคิดมาก)
เขาสำรวจโดยส่งแบบสอบถามไปให้ศัลยแพทย์ทั่วอเมริกา 25,000 คน ตอบกลับ 32% (7,095 คน)
เขาพบอีกว่าอุบัติการณ์ของ "burnout" นี้พบสูงสุดใน Trauma surgeon, vascular surgeon, general surgeon, urologist.
"it is a potentially lethal condition,
คุณหมอ carlos จาก U. of washington เขาว่า burnout นี่เป็นอันตรายต่อทั้งตัว surgeon เอง ครอบครัว และคนไข้
ภาวะนี้นำไปสู่ความผิดพลาดได้ โดยมีการศึกษาที่สัมพันธ์กันระหว่างภาวะ burnout กับ medical errors, impaired prescribing habits, poor patient compliance, low patient satisfaction and medical malpractice
เนื่องจากศัลยแพทย์ต้องใช้ชีวิตที่อยู่กับความเครียด ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน การตัดสินใจในภาวะกดดัน เผชิญหน้ากับภาวะ "รอด หรือ ตาย"ในขณะที่ความคาดหวังจากคนไข้และญาติสูง การทำงานในสภาวะที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ( เช่น นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ห้องพักแพทย์ทั้งวัน เงียบสงบดี พอจะเริ่มกินข้าวหรืออาบน้ำ ก็มีคนไข้ถูกมีดปักอกมา เข้านอนได้ 2 ชั่วโมง ผับเลิกตอนตีสองก็มี คนเมา MCA มา หรือ set OR ตั้งแต่เช้า รอจนเย็น ยังไม่ได้เลยตัดสินใจเดินออกไปกินข้าวที่ 108 สั่งข้าว พอเขายกมาเสริฟปุ๊บ เสียงโทรศัพย์ก็ดังพร้อมเสียงที่มาตามสาย อาจารย์ครับ คนไข้ที่ set ไว้ตอนนี้นอนใน OR แล้วครับ ...ฮา เป็นต้น)
มีศัลยแพทย์แค่ 35% ที่รู้สึกว่ามีเวลาเพียงพอให้ครอบครัว และศัลยแพทย์ทุกคนที่ตอบแบบสอบถาม มีความรู้สึก ไม่สบายใจ โศกเศร้า ect. จากการทำงาน ครั้งสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หรือ เดือนที่แล้ว
ที่น่าสนใจก็คือ ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่พึงพอใจกับความเป็นศัลยแพทย์ของตน และถ้าหากเลือกใหม่ได้ 75% ของผู้ตอบแบบสอบถาม บอกว่ายังเลือกที่จะมาเป็นศัลยแพทย์ (ข้อมูลจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเท่าที่เคยสำรวจด้วยปากเปล่า ถึงแม้จะบ่นยังไง ร้อยละร้อยของคนที่ผมคุยด้วยหรือถามบอกว่า เลือกได้ใหม่ก็ยังคงเลือกเป็นศัลยแพทย์นี่แหละ)
Dr. Balch บอกว่า ถ้าการตอบสนองต่อภาวะนี้ออกมาในทางที่ดี พวกเขาก็จะปรับตัวได้ แล้วชีวิตก็จะก้าวต่อไปได้ แต่ถ้าปรับตัวในทางที่ผิดอาจเกิดผลร้ายเช่น ซึมเศร้า ติดสุราเรื้อรัง ติดยา เกษียรก่อนวัย หรือแม้กระทั่งอัตวินิบาตกรรม
โชคดีที่เราปรับตัวเก่ง ส่วนใหญ่ของเราจึงไม่ได้เลวร้ายอย่าที่ Dr. Balch บอก
หนักเข้ามาก ๆ เราก็มักจะมีทาง"ออก"ครับ ... ฮาอีก
รออ่านรายงานฉบับเต็มใน Annuals of surgery ฉบับหน้าครับ
: ที่มา General surgery NEWS, JULY, 2009 VOLUME: 36:07
โดย Christina Frangou
Posted by : dhan , Date : 2009-07-18 , Time : 22:15:36 , From IP : 172.29.5.201
|