ความคิดเห็นทั้งหมด : 4


   คุณ thiopental ขอบคุณมาก

Posted by : lIverS , Date : 2009-06-13 , Time : 22:47:01 , From IP : 172.29.20.17

สธ.ออกคำแนะนำ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ฉบับที่ 7 สธ.ออกคำแนะนำ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ฉบับที่ 7
ความคิดเห็นที่ : 1

สธ.ออกคำแนะนำ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ฉบับที่ 7




   สธ.ออกคำแนะนำ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ฉบับที่ 7

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มิถุนายน 2552 16:02 น.


คำแนะนำกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ(เอช1เอ็น1) ฉบับที่ 7

ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ(เอช1เอ็น 1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล
สำหรับผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์ สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ(เอช1 เอ็น 1) ดังต่อไปนี้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป

1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด
4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น
6. ติดตามคำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่

1. หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ
2. ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม
5. หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์

คำแนะนำสำหรับสถานศึกษา

1. แนะนำให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์
2. ตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่ขาดเรียนในแต่ละวัน หากพบขาดเรียนผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในห้องเรียนเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค
3. แนะนำให้นักเรียนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน
4. หากสถานศึกษาสามารถให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทุกคนหยุดเรียนได้ ก็จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ดี และไม่จำเป็นต้องปิดสถานศึกษา แต่หากจะพิจารณาปิดสถานศึกษา ควรหารือร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่ อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

คำแนะนำสำหรับสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน

1. แนะนำให้พนักงานที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้าน หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์
2. ตรวจสอบจำนวนพนักงานที่ขาดงานในแต่ละวัน หากพบขาดงานผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ในแผนกเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค
3. แนะนำให้พนักงานที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน
4. ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่แนะนำให้ปิดสถานประกอบการหรือสถานที่ทำงาน เพื่อการป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะทำงาน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกทั่วไปเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตู หน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง
6. ควรจัดทำแผนการประคองกิจการในสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง หากเกิดการระบาดใหญ่ (ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค http://beid.ddc.moph.go.th)

แหล่งข้อมูลการติดต่อ เพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
1. กรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่ กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 0 2245 8106 , 0 2246 0358 และ 0 2354 1836
2. ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

ติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 1994 ตลอด 24 ชั่วโมง




Posted by : thiopental , Date : 2009-06-14 , Time : 04:27:27 , From IP : 172.29.4.4

ความคิดเห็นที่ : 2


   เชียงใหม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รายแรก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มิถุนายน 2552 19:38 น.


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เชียงใหม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 รายแรก เป็นนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐฯ สั่งตรวจสอบอาการสมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดและติดตามเฝ้าระวังผู้โดยสารร่วมเที่ยวบินอย่างละเอียด หวั่นติดเชื้อ

วันนี้(14 มิ.ย.52)นายแพทย์วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตรวจพบนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่รายหนึ่งเป็นหญิงอายุ 20 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการไป Work & Travel ที่สหรัฐอเมริกาป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยเพิ่งได้รับผลแล็บยืนยันจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่วันนี้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อ H1N1 หลังจากที่คนไข้มีอาการป่วยและเข้ารับการที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.52 และเวลานี้มีอาการดีขึ้นเล็กน้อย

ส่วนการสกัดกั้นการระบาดของโรคนั้น ขณะนี้กำลังทำการสอบสวนโรคจากเพื่อนนักศึกษาอีก 2 คน ที่เดินทางกลับมาด้วยกัน รวมทั้งทำการติดตามตรวจสอบอาการสมาชิกทั้ง 5 คนในครอบครัวของผู้ป่วยรายนี้ที่มีบ้านอยู่ในอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ อย่างใกล้ชิด และตรวจสอบรายชื่อผู้ที่โดยสารเครื่องบินเที่ยวเดียวกันกับผู้ป่วยเพื่อติดตามต่อไป ขณะเดียวกันยังจะมีการติดตามเฝ้าระวังนักเรียนนักศึกษาที่เดินทางไปต่างประเทศในลักษณะของ Work & Travel อีกด้วย ซึ่งเฉพาะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพียงแห่งเดียวข้อมูลระบุว่ามีจำนวนกว่า 1,000 คน โดยที่ยังไม่รวมสถาบันการศึกษาอื่น

สำหรับผู้ป่วยรายนี้นั้น เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกามาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.52 จากนั้นในวันรุ่งขึ้น(11 มิ.ย.52)ได้เดินทางด้วยเครื่องบินเที่ยว TG102 ของการบินไทย ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 07.50 น.ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 09.00 น. กระทั่งมีอาการป่วยจนเข้ารับการรักษาในวันที่ 12 มิ.ย.52 และตรวจพบเป็นผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รายแรกของจังหวัดเชียงใหม่





Posted by : thiopental , Date : 2009-06-14 , Time : 21:17:31 , From IP : 172.29.4.4

ความคิดเห็นที่ : 3


   สธ.ยันไม่ปิดข้อมูลหวัด 09 เผยยอดติดเพิ่ม 109 คน เป็น นร.84 คน รวม 310 คนแล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มิถุนายน 2552 10:41 น.


ยอดผู้ติดเชื้อหวัด 2009 ไทยพุ่ง 310 รายแล้ว พบติดเชื้อรายใหม่รวดเดียว 109 ราย เป็นนักเรียนป่วย 84 ราย ติดจากต่างประเทศ 7 ราย ติดในประเทศ 6 ราย อยู่ระหว่างอบสวน 7 ราย ชลบุรี 5 ราย รวมยอดสะสม 310 ราย ยันไม่ปิดข้อมูลแถลงสถานการณ์ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ประสานแต่ละจังหวัดอย่าให้ข่าวตัวเลขก่อนกระทรวงฯ ป้องกันสับสน เร่งอบรมแพทย์ พยาบาล รับมือหวัดใหญ่ 2009 อย่างมีประสิทธิภาพ สธ.ปรับแนวทางรับมือ ให้ยาต้านไวรัสเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น กันเชื้อดื้อยา

จากการประชุมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 ในวันนี้ (16 มิ.ย.) พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ในประเทศไทยขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 109 ราย ทำให้ไทยมีผู้ป่วยสะสม จำนวน 310 รายแล้ว

ขณะที่ วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพมหานคร นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดการอบรมแพทย์ พยาบาล เรื่อง “แนวทางการวินิจฉัย ดูแลรักษา การให้ยาต้านไวรัสผู้ป่วย กรณีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดA H1N1 (Intensive course on case management for Influenza A/H1N1/2009)” เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ พัฒนางานให้พร้อมรับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ โรงพยาบาลสังกัดต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมกว่า 400 คน

นพ.ปราชญ์ กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีอาการคล้ายกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล วิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ทบทวนมาตรการด้านการรักษาโรค โดยเน้นการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจต่อระบบงานสาธารณสุข ในการดูแลให้ประชาชนปลอดภัย รวมทั้งปรับแนวทางการคัดกรอง และดูแลรักษาให้ทันกับสถานการณ์การระบาดของโรค เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็ว ถูกต้อง เหมาะสม ช่วยลดการเสียชีวิตและผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมาของการแพร่ระบาดของโรค

นพ.ปราชญ์ยืนยันว่า สธ.ไม่ได้ปิดบังข้อมูลหรือยุติการแถลงข่าวสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ แต่เพื่อป้องกันการตื่นตระหนกและให้ข้อมูลตัวเลขของสื่อมวลชนไม่ให้เกิดความสับสน สธ.จะให้ข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธุ์วันละ 1 ครั้ง โดยทุกจังหวัดหากพบผู้ป่วยให้รายงานสำนักระบาดวิทยาก่อนทุกวันเพื่อให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนั้นจังหวัดจึงสามารถให้รายละเอียดกับสื่อมวลชนได้ พร้อมให้แต่ละจังหวัดเฝ้าระวังผู้ป่วยในพื้นที่อย่างใกลชิด เน้นการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ การป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ และปฏิบัติตัวหลังติดเชื้อด้วย

นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ คนทั่วโลกยังไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าโรคนี้ความรุนแรงไม่มาก อัตราตายต่ำ ดังนั้น คณะทำงานด้านการรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รามาธิบดี และจุฬาลงกรณ์ ปรับแนวทางการวินิจฉัยและดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ให้เหมาะสมและใช้เป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ โดยในประเด็นของการให้ยาต้านไวรัสโอเชลทามีเวียร์ จะให้เฉพาะในกลุ่มที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ได้แก่ ผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน เป็นต้น เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งแพทย์ พยาบาล ที่เป็นผ่านการอบรมเป็นครู ก. ครั้งนี้ จะได้นำความองค์ความรู้ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมทั้งถ่ายทอดให้กับบุคลากรอื่นๆ ในโรงพยาบาลต่อไป

ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ.กล่าวถึงรายละเอียดข้อมูลผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มเติมว่า สธ.ได้ประกาศขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 109 ราย ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มนักเรียน 84 ราย เป็นผู้ป่วยเดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย ผู้ป่วยในประเทศ 6 ราย กำลังสอบสวน 7 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันเพิ่มจากชลบุรี 5 ราย รวมมียอดผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 310 ราย ส่วนใหญ่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ไม่มีรายใดเสียชีวิต เมื่อเปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วยจำนวน 5,607 ราย ไม่มีเสียชีวิต และในระยะ 4-5 เดือน ต่อไปนี้จะเป็นฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ทำให้ผู้ป่วยเพิ่มร้อยละ 20-30

สำหรับสถานการณ์โลก องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อเช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ตามเวลาในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 สะสมทั้งหมด 35,928 ราย ใน 76 ประเทศ เสียชีวิต 163 ราย ได้แก่ เม็กซิโก 108 ราย สหรัฐอเมริกา 45 ราย แคนาดา 4 ราย ชิลี 2 ราย คอสตาริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน โคลัมเบีย กัวเตมาลา ประเทศละ 1 ราย




Posted by : thiopental , Date : 2009-06-16 , Time : 15:18:21 , From IP : 172.29.14.221

ความคิดเห็นที่ : 4




   xxx

Posted by : thiopental , Date : 2009-06-16 , Time : 15:20:42 , From IP : 172.29.14.221

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<