ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

.ใบไม้ที่ปลิดปลิว




   เเดดบ่ายปลายเมษาต่อหน้าฝนยังคงความร้อนเเรงอยู่อย่างไม่ยอมลดละ


มองออกนอกชายคาเรือนเห็นเเดดเต้นระยิบอย่างกับว่ามันมีตัวตน ร้อนร้ายราวว่าต้องการเเผดเผาสรรพสิ่งในเบื่องต่ำให้เกรียมไหม้เป็นจุน

ลมร้อนนั้นก็พอปานกัน ยังกระหน่ำโบยหอบหิ้วเอาไอเเดดพลัดจากพยับโบกผิน ทั้งยังอุ้มเอาเศษดินเศษหญ้าเเห้งย้ายโยนกระหน่ำเข้าเถียงนาน้อยอยู่อย่างไม่ลดละเช่นกัน

หญ้าเเฝกใบคมเรียวคล้ายหญ้าปาดลิ้นนกที่มัดเป็นตับมุงหลังคาเถียงน้อยนั้น ก็กรอบเเห้งจวนเจียนจะต้านทานเเรงเเผดเผาเเละวายุคลั่งไม่ไหว บางคราโดนเเรงลมล้อเข้าสักวูบ ตับหญ้ากรอบก็เเตกเป็นเสี้ยนลอยลิ่วไปกับเเรงลม

พ่อเฒ่าวัยปัจฉิม นั่งโดดเดียวใต้ชายคานั้นอย่างเงียบงัน ความคิดอ่านเเตกกระสานซ่านเซน วุ่นวายสับสนอยู่ในหัว เเต่บางครั้งก็สุขุมล่มลึกด้วยการก้าวย่างของชีวิตที่ผ่านเลยมาหลายทศวรรษ อาการรอบคอบระะเเวงระไวต่อสรรพสิ่งรอบข้างด้วยสายตาที่กรำกล้าเเต่ฝ้ามัวตามวัยสังขาร

นานนับนาทีกว่าจะมีเสียงอันโหยเเหบหลุดลอยออกจากปาก เอ่ยขึ้นกับนกกากับกาไปตามประสาหวังคลายโดดเดี่ยว เป็นวันเวลาที่เฉาเปลี่ยวเอกา

เเกอยู่ในวัฏจักรนี้มานานนัก ปีเเล้วปีเล่า ตารางชีวิตเวียนว่ายอยู่ในรูปเเบบที่ซ้ำ ๆ ตั้งเเต่เมื่อวันนั้น

วันที่เจ้าจากไป....ลูกชายของพ่อ

ยอดผักบุ้งอวบน้ำจากหนองชี กับใบผักกระโดนรสฝาดเปรี้ยววางเคียงกันในกระด้ง ถ้วยตะไลน้อยกาไก่ทำหน้าที่เดิมซ้ำซากจำเจกับน้ำพริกมะขามสดที่หล่อเลี้ยงละลายความโหยหิวอยู่เชื่อวัน

วันเเล้ววันเล่าความเปล่าเปลี่ยวเป็นเพื่อนเคียงกันทั้งกลางวันเเละกลางคืน ปีเเล้วปีเล่า

เจ้าก็ยังไม่กลับมา....ลูกชายของพ่อ


ตะวันลับอับเเสง ดาวเดือนเคลื่อนขึ้นจากขอบฟ้า เสียงหริ่งเรไรกังวานกล่อมทุ่งมาพร้อมกับความมืดมิดเเละลมเย็น เถียงนาน้อยโดดเดี่ยวริมทุ่งสว่างไสวด้วยเเรงไฟไต้กะบอง

อีกหนึ่งความคำนึงเเละการรอคอย ทางเกวียนที่ตัดผ่านจากทางหลวงนั้น ดินทรายขาวโพลนสะท้อนต้องเเสงดาวเดือนเห็นเป็นคล้ายดังงูยักษ์เลื้อยเเหวกฝ่าเเปลงนาตากล้าเข้ามา

เเต่ทางเส้นสีขาวนั้นมันว่างเปล่าไรคนเทียว บนเถียงน้อยยังมีชีวิต เเละลมหายใจเเผ่วอุ่นของชายชรา ที่นั่งอยู่ในซอกมุมของความมืด ไร้ศัพท์เสียงใด ๆ

ดวงตาที่ฝ้ามัว สาดวาดเบิ่งทางเทียว ...ไร้เเม้เงา

ห้วงคำนึงอันรันทดกับความคิดถึงที่พลุ้งขึ้นมาจับจิตใจ หรือเจ้าลืมเเล้วหนหลังที่เคยอยู่ร่วมกัน เจ้าเด็กน้อยของพ่อในครั้งนั้นเจ้าลืมเสียเเล้วกระมัง

พ่อยังจดจำเรื่องราวเก่าหลังนั้นถนัดใจ อย่างกับว่าพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันเด่นชัดอยู่ในมโนนึกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ลูกพ่อเจ้าช่างดื้อช่างซนสมวัย วัน ๆ ได้เเต่วิ่งเล่นไปตามประสาร่าเริง

เเต่มีวันหนึ่งเจ้าหกล้มคลุกกับดินลูกรังลานบ้าน หัวเข่าเจ้าเป็นรอยถลอกเลือดซิบ เจ้าร้องไห้ระงมเพราะเจ็บ พ่อยังช่วยปลอบเจ้า เเละกอดเจ้าไว้ในอ้อมเเขนของพ่อ

หรือว่าคืนวันที่ผ่านเลยทำให้เจ้าเติบใหญ่จนละอายที่จะถูกพ่อโอบกอด...

ความอดทนปริ่มล้นทะลักจุกลำคอ นานนักที่ทนฝืนเปลี่ยวดาย น้ำตาหยาดใสรวยรินจากดวงตาคู่ ระรินรวยอย่างช้าๆผ่านเสี้ยวหน้าที่ย่นย้วย

อีกนานไหมที่ต้องทนเฝ้ารอ อีกนานไหมที่พ่อต้องทนโดดเดี่ยว เมื่อไรเจ้าจะกลับมาสู่อ้อมอกพ่ออีกสักครั้ง

หรือมันจะเป็นไปไม่ได้เเล้ว..ที่เจ้าจะกลับมา.....




Posted by : น้ำตาเทียน , Date : 2009-02-27 , Time : 10:53:30 , From IP : 172.29.12.241

ความคิดเห็นที่ : 1


   T_T ฮือๆ เศร้าจริงๆค่ะ

Posted by : pa , Date : 2009-03-01 , Time : 16:50:02 , From IP : 172.29.1.131

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<