.ใบไม้ที่ปลิดปลิว

เเดดบ่ายปลายเมษาต่อหน้าฝนยังคงความร้อนเเรงอยู่อย่างไม่ยอมลดละ
มองออกนอกชายคาเรือนเห็นเเดดเต้นระยิบอย่างกับว่ามันมีตัวตน ร้อนร้ายราวว่าต้องการเเผดเผาสรรพสิ่งในเบื่องต่ำให้เกรียมไหม้เป็นจุน
ลมร้อนนั้นก็พอปานกัน ยังกระหน่ำโบยหอบหิ้วเอาไอเเดดพลัดจากพยับโบกผิน ทั้งยังอุ้มเอาเศษดินเศษหญ้าเเห้งย้ายโยนกระหน่ำเข้าเถียงนาน้อยอยู่อย่างไม่ลดละเช่นกัน
หญ้าเเฝกใบคมเรียวคล้ายหญ้าปาดลิ้นนกที่มัดเป็นตับมุงหลังคาเถียงน้อยนั้น ก็กรอบเเห้งจวนเจียนจะต้านทานเเรงเเผดเผาเเละวายุคลั่งไม่ไหว บางคราโดนเเรงลมล้อเข้าสักวูบ ตับหญ้ากรอบก็เเตกเป็นเสี้ยนลอยลิ่วไปกับเเรงลม
พ่อเฒ่าวัยปัจฉิม นั่งโดดเดียวใต้ชายคานั้นอย่างเงียบงัน ความคิดอ่านเเตกกระสานซ่านเซน วุ่นวายสับสนอยู่ในหัว เเต่บางครั้งก็สุขุมล่มลึกด้วยการก้าวย่างของชีวิตที่ผ่านเลยมาหลายทศวรรษ อาการรอบคอบระะเเวงระไวต่อสรรพสิ่งรอบข้างด้วยสายตาที่กรำกล้าเเต่ฝ้ามัวตามวัยสังขาร
นานนับนาทีกว่าจะมีเสียงอันโหยเเหบหลุดลอยออกจากปาก เอ่ยขึ้นกับนกกากับกาไปตามประสาหวังคลายโดดเดี่ยว เป็นวันเวลาที่เฉาเปลี่ยวเอกา
เเกอยู่ในวัฏจักรนี้มานานนัก ปีเเล้วปีเล่า ตารางชีวิตเวียนว่ายอยู่ในรูปเเบบที่ซ้ำ ๆ ตั้งเเต่เมื่อวันนั้น
วันที่เจ้าจากไป....ลูกชายของพ่อ
ยอดผักบุ้งอวบน้ำจากหนองชี กับใบผักกระโดนรสฝาดเปรี้ยววางเคียงกันในกระด้ง ถ้วยตะไลน้อยกาไก่ทำหน้าที่เดิมซ้ำซากจำเจกับน้ำพริกมะขามสดที่หล่อเลี้ยงละลายความโหยหิวอยู่เชื่อวัน
วันเเล้ววันเล่าความเปล่าเปลี่ยวเป็นเพื่อนเคียงกันทั้งกลางวันเเละกลางคืน ปีเเล้วปีเล่า
เจ้าก็ยังไม่กลับมา....ลูกชายของพ่อ
ตะวันลับอับเเสง ดาวเดือนเคลื่อนขึ้นจากขอบฟ้า เสียงหริ่งเรไรกังวานกล่อมทุ่งมาพร้อมกับความมืดมิดเเละลมเย็น เถียงนาน้อยโดดเดี่ยวริมทุ่งสว่างไสวด้วยเเรงไฟไต้กะบอง
อีกหนึ่งความคำนึงเเละการรอคอย ทางเกวียนที่ตัดผ่านจากทางหลวงนั้น ดินทรายขาวโพลนสะท้อนต้องเเสงดาวเดือนเห็นเป็นคล้ายดังงูยักษ์เลื้อยเเหวกฝ่าเเปลงนาตากล้าเข้ามา
เเต่ทางเส้นสีขาวนั้นมันว่างเปล่าไรคนเทียว บนเถียงน้อยยังมีชีวิต เเละลมหายใจเเผ่วอุ่นของชายชรา ที่นั่งอยู่ในซอกมุมของความมืด ไร้ศัพท์เสียงใด ๆ
ดวงตาที่ฝ้ามัว สาดวาดเบิ่งทางเทียว ...ไร้เเม้เงา
ห้วงคำนึงอันรันทดกับความคิดถึงที่พลุ้งขึ้นมาจับจิตใจ หรือเจ้าลืมเเล้วหนหลังที่เคยอยู่ร่วมกัน เจ้าเด็กน้อยของพ่อในครั้งนั้นเจ้าลืมเสียเเล้วกระมัง
พ่อยังจดจำเรื่องราวเก่าหลังนั้นถนัดใจ อย่างกับว่าพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันเด่นชัดอยู่ในมโนนึกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ลูกพ่อเจ้าช่างดื้อช่างซนสมวัย วัน ๆ ได้เเต่วิ่งเล่นไปตามประสาร่าเริง
เเต่มีวันหนึ่งเจ้าหกล้มคลุกกับดินลูกรังลานบ้าน หัวเข่าเจ้าเป็นรอยถลอกเลือดซิบ เจ้าร้องไห้ระงมเพราะเจ็บ พ่อยังช่วยปลอบเจ้า เเละกอดเจ้าไว้ในอ้อมเเขนของพ่อ
หรือว่าคืนวันที่ผ่านเลยทำให้เจ้าเติบใหญ่จนละอายที่จะถูกพ่อโอบกอด...
ความอดทนปริ่มล้นทะลักจุกลำคอ นานนักที่ทนฝืนเปลี่ยวดาย น้ำตาหยาดใสรวยรินจากดวงตาคู่ ระรินรวยอย่างช้าๆผ่านเสี้ยวหน้าที่ย่นย้วย
อีกนานไหมที่ต้องทนเฝ้ารอ อีกนานไหมที่พ่อต้องทนโดดเดี่ยว เมื่อไรเจ้าจะกลับมาสู่อ้อมอกพ่ออีกสักครั้ง
หรือมันจะเป็นไปไม่ได้เเล้ว..ที่เจ้าจะกลับมา.....
Posted by : น้ำตาเทียน , Date : 2009-02-27 , Time : 10:53:30 , From IP : 172.29.12.241
|