What is the scientific background of this?? Posted by : Phoenix , Date : 2003-03-12 , Time : 03:51:02 , From IP : |
มี 3 กระแสครับกระแสดังนี้ กระแสแรกจากโฆษกกระทรวงสาธารณะสุข ชึ้ การดื่มปัสสาวะจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ไตเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ที่มีบทบาทขับสารพิษและของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการทางปัสสาวะ ในประชาชนบางรายที่รับสารพิษเข้าไปโดยไม่รู้ตัว สารโลหะหนักบางอย่าง จะถูกขับออกทางปัสสาวะประมาณ 76% ดังนั้น หากนำน้ำปัสสาวะที่มีการปนเปื้อนสารเหล่านี้ มาดื่มซ้ำอีก จะทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย อาจทำให้ไตวายได้เร็ว กระแสที่สองกลาง ๆ ไม่ปฏิเสธให้ดื่ม คือ พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่าการดื่มปัสสาวะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ควรดื่มปัสสาวะของตัวเองเท่านั้น เนื่องจากร่างกายจะมีภูมิต้านทานเชื้อโรคที่มาจากภายในตัวเอง อย่างไรก็ตามไม่ควรเสียโอกาสในการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน กระแสที่สาม ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี เชื่อว่าปัสสาวะเป็นยาที่เคยมีการกล่าวไว้ในตำราอายุรเวทของโยคีอินเดีย รวมถึงในพระไตรปิฏกที่มีกล่าวไว้ในพระธรรมวินัย เกี่ยวกับหลักสุขบัญญัติสี่ประการ ปูติมุตตเภสัช คือยาจากน้ำมูตรเน่า หรือฉันยาดองด้วยน้ำ "ปัสสาวะ" Posted by : Mercury , Date : 2003-03-12 , Time : 10:33:57 , From IP : |
เคยได้ยินเรื่องการรักษาโรคภูมิแพ้ ด้วยการดื่มปัสสาวะของผู้ป่วยเองเฉพาะที่ถ่ายครั้งแรกในตอนเช้าเท่านั้น ไม่ทราบเหตุผลค่ะ Posted by : ร่วมแจม , Date : 2003-03-12 , Time : 13:18:38 , From IP : |
คือผมก็ให้ความกระจ่างได้ไม่มากน่ะครับ เพราะตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวกับ Urine Therapy ในประเทศไทยมีน้อยมาก เท่าที่ผมลองเข้าไปอ่านใน link ที่ผมทำไว้ในความเห็นที่สอง ก็พอจะได้ใจความคร่าว ๆ ว่า ในตอนเช้าที่ร่างกายขับปัสสาวะออกมาจะมีฮอร์โมนที่มีประโยชน์หลายชนิดออกมา ร่วมถึงสารต้านพิษบ้างอย่างด้วย (เกิดจากการดื่มปัสสาวะตอนก่อนนอนเพื่อให้เกิดกระบวนการ พิษล้างพิษ) จึงให้ดื่มปัสสาวะในตอนเช้าโดยเก็บเอาปัสสาวะส่วนกลางมาดื่ม (ตอนเริ่มปัสสาวะไม่เก็บ) ข้อมูลสนับสนุนว่ากินแล้วเป็นอย่างไร ก็อ่านได้จาก link เดียวกันนะครับ หรืออาจจะ search ใน Google ด้วยคำว่า Urine Theraphy ก็ได้นะครับอาจได้ช้อมูลเพิ่มเติม ส่วนตัวผมเองยังสับสนครับไม่รู้จะเชื่อทางไหน เพราะการแพทย์ทางเลือกนั้นตอนนี้ในเมืองนอกมีกันเยอะมาก เรื่องนี้ในเมืองไทยก็เพิ่งเข้ามาและก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน Posted by : Mercury , Date : 2003-03-12 , Time : 14:22:56 , From IP : |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<< |