ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

ความจริง(บางส่วน)ในวันนี้


   เก็ยเอามาฝากจาก มติชน ลองอ่านและคิดวิเคาระหืกันเองเถิด
*****************************************

ความจริง (ที่หายไป) วันนี้ จากรายการโฟนอินของนักโทษกิตติมศักดิ์

แต่กระบวนการยุติธรรมยังดำเนินไปตามหน้าที่ ตรงไปตรงมา จนท่านไม่สามารถตอบได้ กลับตั้งกลุ่มแก๊งใช้การโกหก บอก ความจริง (ที่หลายส่วนหายไป) เอาการเมืองแก้ปัญหาความทุจริตของท่าน...โดย ไทยทน

ได้เห็นสาระของรายการ "ความจริง (ที่หายไป) วันนี้" ที่จัดให้มีโฟนอินของนักโทษหนีคุกกิตติมศักดิ์แล้วรู้สึกหนักใจครับ มีประโยคเด็ดๆ เช่น "โดนยัดเยียดคุก 2 ปี" เพราะกระบวนการ "ยุติความเป็นธรรม" "ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ชดใช้กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ" "รัฐประหาร 19 กันยาฯ คือต้นตอวิกฤติชาติ" "แค่ต้องการจะจัดการกับคนๆ เดียว แต่ทำประเทศชาติเสียหาย" และ "พระบารมีกับพลังของประชาชนจะช่วยให้กลับไทยได้"


ในขณะที่สังคมเรียกร้อง "สานเสวนาเพื่อสันติ" ได้รับการตอบรับกล่าวขานไปทั่ว ก็เพราะหลักการประชาธิปไตยยอมรับความเห็นต่าง และใช้ความเห็นต่างในทาง "กำกับดูแล" และ "ตรวจสอบ" ความคิดกันโดยการเสวนาบน "ความจริง" แทนที่จะเป็นการปล่อยหรือกระพือ "ความแตกต่าง" จนเป็น "ความแตกแยก" ด้วย "ความเท็จ"


ด้วยผู้ที่เสวนา ย่อมต้องพูดด้วยกันกับผู้ที่เห็นต่าง ไม่ใช่พูดคนเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่า คนเราอาจ "โกหก" ได้ แต่ยากที่จะโกหกต่อหน้า "คนรู้ทัน"


ในอารยประเทศที่ "เขาเป็นประชาธิปไตยแท้" กรณีมีผู้สงสัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กรณีมีผู้ตำหนิทหารอเมริกันที่มีปัญหาการดูแลเชลยศึกอิรัก กรณีมีผู้กล่าวหาว่านายกฯอังกฤษเดินตามก้นสหรัฐอเมริกาเกินไปในเรื่องสงครามอิรัค กรณีสงสัยว่าวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์จะมีส่วนเกิดจากอดีตผู้ว่าการธนาคารกลาง อลัน กรีนแสปน ผู้เป็นปราชญ์เศรษฐกิจ หรือกรณีคนจำนวนมากไม่พอใจประธานเลห์เมบราเธอร์ส ที่เพิ่งล้มละลายไป ทุกคนที่ถูกสงสัยซักถาม พร้อมตอบทุกคำซักถาม จึงเป็น "สานเสวนาเพื่อสันติ" อย่างแท้จริง


เพราะทุกกรณี มีผู้ไม่พอใจจำนวนมาก แม้ว่าจะมากหรือน้อยกว่า "ผู้ไม่สนใจ + ผู้ไม่พอใจ" ก็ยังสำคัญที่จะต้อง "สานเสวนา" ให้โปร่งใส ให้ผู้คนเห็นมากมาย เพราะถ้าไม่ "สานเสวนา" ให้โปร่งใส ให้เป็นที่รู้กัน แต่ "ปกปิด" สื่อความข้างเดียวในกลุ่ม "ประชาชนของตนเอง" ก็จะเกิด "ความแตกแยก" ในหมู่ประชาชน


พฤติกรรมของท่านในครั้งนี้ยืนยันว่าท่านไม่เคยเปลี่ยนแปลง นิยมพูดกับประชาชน "ฝ่ายเดียว"


...ตอนเป็นนายกฯ ไม่เคยตอบกระทู้ในสภา


...เมื่อสภาจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยุบสภาหนี


...ศาลเรียกหลักฐาน และสอบปากคำ ให้โอกาสโต้แย้งข้อสงสัย ก็ "ไม่ตอบ"


...หนีศาล หนีคุกไปต่างประเทศ แต่ใช้วิธีโทรศัพท์เข้ามาหาประชาชนเป็นพวก ให้ข้อมูลไม่ครบกับประชาชนกลุ่มหนึ่ง ให้ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม


ผมเห็นว่า พฤติกรรมของท่าน ขัดกับหลักการและกระแส "สานเสวนาเพื่อสันติ" อย่างสิ้นเชิง ซึ่งกลุ่มผู้เรียกร้องการ "สานเสวนาเพื่อสันติ" ทั้งท่าน ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล รศ.ดร.โคทม อารียา ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้อาวุโสของสังคมผู้เสนอความคิด น่าจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า "การพูดความจริง (ที่หายไป) วันนี้" แบบคนเดียวเช่นนี้ สำหรับผู้เป็นศูนย์กลางความคิดต่างเช่นนี้ แทนที่จะเป็นรูปแบบ "เสวนา" จะนำไปสู่สันติได้อย่างไร


จริงๆ แล้ว อดีตผู้นำรักษาศักดิ์ศรีพูดจา "ความจริง" ให้ครบด้าน สังคมก็ยังควรยอมรับ แต่เผิญเป็นความเท็จ เพราะมี "ความจริง (ที่หายไป)" อันเป็นสาระสำคัญจำนวนมาก


1."โดนยัดเยียดคุก 2 ปี" เพราะกระบวนการ "ยุติความเป็นธรรม" จริงๆ แล้ว ท่านย่อมไม่ถูกตัดสินติดคุก โดยใช้คำว่า "โดนยัดเยียด" ถ้าท่านไม่ทำผิด ศาลก็ให้โอกาสมาให้การอยู่แล้ว แต่ท่านก็หนีศาล แล้วจะมาพูดอะไรคนเดียว สามีเป็นนายกฯ มีอำนาจเหนือหน่วยราชการ รวมถึง ธปท. และกองทุนฟื้นฟูฯใช่หรือไม่ ? มีอำนาจบารมีเหนือเอกชนมากมายใช่หรือไม่ ? แล้วให้ภรรยาเข้าประมูลการขายที่ดิน กองทุนฟื้นฟูฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิด "ความขัดกันของผลประโยชน์" อย่างชัดเจน ดังพิรุธที่เห็นว่า รอบแรกมีผู้สนใจ 8 ราย มีผู้ลงทะเบียนยื่นซองเสนอราคาและชำระเงินมัดจำ 10 ล้านบาทแล้ว 3 ราย แต่กลับไม่มีใครประมูลเลย ต่อมายกเลิกราคากลาง 870 ล้านบาท กลับมีการเพิ่มเงินวางประกันเป็น 100 ล้านบาท ทำให้ผู้ประมูลน้อยลง เสนอตัวเลขกลมๆถ้วนๆราวไม่แข่งจริง จนภรรยาท่านชนะการประมูล แล้วหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐยกเลิกข้อจำกัดความสูงอาคารของพื้นที่ดังกล่าวหลังจากภรรยาของท่านซื้อไปแล้ว "ความจริงที่หายไป" ทำให้สิ่งที่ท่านพูดคนเดียวกลายเป็น "ภาพเท็จ" ไป


2."ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ชดใช้กรรมที่ตัวเองไมได้ก่อ" ความผิดหลายครั้งที่ได้ทำ ยากที่จะยอมรับว่าเป็น "ความบกพร่องโดยสุจริต" อีกต่อไป ตั้งแต่ซุกหุ้นในชื่อคนรถ คนใช้ ซื้อสนามกอล์ฟ NPL ก็ในชื่อคนรถคนใช้ (หวังเป็น Strategic NPL ชักดาบ ไม่จ่ายหนี้แล้วขอส่วนลด ??) โอนหุ้นจากคนใช้ให้ คุณบรรณพจน์ ก็ปลอมการซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ด้วยเงินคุณหญิงทั้งหมด เพื่อเลี่ยงภาษี ภรรยาก็ประมูลที่ดินอย่างมีสติ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ประมูลเองบ่อยๆ ไม่ได้หาซื้อที่ดินทั่วๆไปบ่อยๆ แต่เจาะจงซื้อที่ดินงามจากภาครัฐและมีนโยบายรัฐเปลี่ยนเงื่อนไขความสูงอาคารในภายหลัง ฯลฯ คงไม่เหมาะที่จะพูดเท็จว่า “ชดใช้กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ” เพราะ ท่านมักจะก่อ ร่วมกับภรรยาของท่าน และโนมินีของท่านมากมาย


3."รัฐประหาร 19 กันยาฯ คือต้นตอวิกฤติชาติ" ไม่มีใครอยากเห็นรัฐประหารอีก แต่นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย ไม่ตอบกระทู้ในสภาฯ ปกปิดหุ้นไม่เคารพรัฐธรรมนูญ แล้วใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ส่วนตัวนับแสนล้านบาท และใช้อำนาจรัฐกดดันองค์กรอิสระ และหน่วยราชการ เช่น ปปง. ปปช. สรรพากร สำนักงานอัยการฯ กลต. ฯลฯ ไม่มีใครทำให้ประชาธิปไตยสั่นคลอนได้นอกจากผู้ได้อำนาจจากประชาธิปไตยและใช้ไปในทางที่ผิดจริงๆ ประชาชนไม่นิยมรัฐประหาร กลับยอมรับรัฐประหาร 19 กันยาฯ ด้วยดอกไม้ทั่วไป เพราะหนักใจกับท่านจริงๆ


ท่าว่า "เป็นการยึดอำนาจเพื่อเอา นายกฯ ที่บ้างานออกไป แล้วเอาคนแก่ที่ควรจะเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านมาเป็นแทน" ลืมบอกไปว่า บ้าเอาอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์งานของตัวไป ลดส่วนแบ่งรายได้รัฐสัมปทานมือถือ เพิ่มประโยชน์ส่วนตัว ปล่อยกู้ธนาคาร EXIM Bank เพื่อเอื้อรัฐบาลพม่าซื้อธุรกิจจากดาวเทียมของตัว ให้ ทศท. รับภาระภาษีสรรพสามิต 100% ทั้งที่ ทศท. ได้ส่วนแบ่งรายได้ส่วนน้อย ฯลฯ


และโชคดีที่เราได้ "รัฐบาลขิงแก่" บริหารบ้านเมืองด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในยุคฟองสบู่โลกพองตัว ทั่วโลกกำลังมีปัญหา เกาหลีและอินโดนีเซียลูกโป่งแตกซ้ำ แต่ประเทศไทยรอก ก็เพราะเราได้รัฐบาลเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ "รัฐบาลเป่าลูกโป่ง" อย่างท่าน ที่บริหารบ้านเมืองโดยพร้อมเอาประเทศไปเสี่ยง เพื่อสร้างความนิยมปกป้องตัวเอง และหากินส่วนตัวไปด้วยกัน กองทุนหมู่บ้านเติบโตคู่กับการขยายผู้ใช้มือถือ สะสมหนี้ตั๋วเงินคลังอย่างต่อเนื่องสูงสุดเป็นประวัติการณ์จาก 5 หมื่นล้านบาท เป็น 2.5 แสนหมื่นล้านบาทในช่วง 5 ปี สะสมหนี้กองทุนน้ำมันนับแสนล้านบาท ให้คนยังจับจ่ายเต็มที่ต่อไป หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากมาย หนี้ซ่อนเช่นกองทุนศูนย์กลางราชการอีกร่วม 2 หมื่นล้านบาท ฯลฯ ปัญหาซับไพรม์ที่อเมริกาว่าแย่แล้ว ดูภาระของการเคหะฯเนื่องจากโครงการบ้านเอื้ออาทรจะยิ่งเลวร้าย โกงกันตั้งแต่ก่อนเสร็จโครงการมหาศาล ฯลฯ


ดีใจที่ท่านสารภาพว่า "ตนอยู่ที่อังกฤษ ไม่มีอะไรทำจึงไปซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตีมาบริหาร" เป็นการสารภาพตรงกับที่ชาวโลกรู้อยู่ว่า "ท่าน" คือผู้ซื้อ ไม่ใช่ "ลูก" ของท่าน ยืนยันว่า ที่ลูกถือหุ้นก่อนขาย ก็คือถือแทน ท้ายที่สุดพอลงจากตำแหน่งแล้ว ก็เอาเงินนั้นกลับมาใช้เอง แล้วเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าตัวนักกีฬา เอาเงินที่ไหนซื้อผู้จัดการอย่างเสวน เป็นการฟอกเงินใช่ไหม ? ปปง. ทำไมไม่ตรวจสอบ ? เอาเงินสกปรกมาเพิ่มมูลค่า เมื่อขายไปจะเป็นเงินสะอาดใช่หรือไม่ ?


ท่านยังพูดอีกว่า "อยู่เมืองนอกก็มีนักธุรกิจ ผู้นำหลายประเทศสนใจมาติดต่อไปเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ ช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้เขา ซึ่งคิดดูก็น่าภูมิใจ แต่ก็เศร้าใจที่ทำให้ประเทศไทยไม่ได้" ทำให้นึกถึงช่วงที่ท่านตั้ง ชินอินเตอร์เลย ทำให้ทุกคนเชื่อว่า ท่านเก่งโทรคมนาคมอย่างในไทย จะไปทำได้อีกในหลายๆประเทศ ปรากฏว่า หลอกเงินสถาบันมากมายไปขาดทุนกับท่าน ใครหา Google เก่งๆลองดูคำประเภท ชินอินเตอร์ เชนนิงตัน อินโฟเซล แล้วจะงงว่ามีอะไรซ่อนเร้น โดยมีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชีช่วงนั้นด้วย ที่ชินอินเตอร์ไปไม่ได้ เพราะจ่ายสินบนเอาธุรกิจไม่ได้อย่างเมืองไทยใช่ไหม ? แล้วท่านไปทำ "ช่วย" ประเทศอื่น เขาจะยอมให้ท่านทำเช่นนี้หรือ ? นอกจากจะเอาเงินสกปรกที่ได้จากโกงประเทศไทยไปช่วยเขา หาทาง "ฟอกเงิน" อีก ก็เป็นกรรมของไทยต่อไป


ไทยเราเองต้องมีหนี้เพิ่ม เช่นตั๋วเงินคลัง กว่า 2 แสนล้านบาท หนี้ซ่อนทั้งกองทุนน้ำมัน กองทุนศูนย์ราชการ กองทุนวายุภักย์ รวมอีกกว่า 2 แสนล้านบาท ขายสมบัติชาติมากมาย และใช้เงินไปแล้ว ก็ทำให้ดูว่าใช้จ่ายได้มากกว่ารัฐบาลอื่นๆ แต่ใช้ทรัพยากรและขายสมบัติของชาติมากมาย สร้างหนี้ซ่อนหนี้มากมาย ถ้าท่านอยู่ช่วงลูกโป่งเศรษฐกิจโลกพองตัว ประเทศไทยวิกฤตอีกครั้งแน่นอน


4."แค่ต้องการจะจัดการกับคนๆ เดียว แต่ทำประเทศชาติเสียหาย" ยิ่งเห็นพฤติกรรมซ้ำซาก ไม่ยอมเลิกทำบาปกับประเทศในวันนี้ ยิ่งยืนยันว่า ต้องจัดการให้อยู่ หลังจากองค์กรภาครัฐเช่น ป.ป.ง. สำนักงานอัยการฯ ดีเอสไอ กลต. สรรพากร ถูกครอบงำ แต่กระบวนการยุติธรรมยังดำเนินไปตามหน้าที่ ตรงไปตรงมา จนท่านไม่สามารถตอบได้ กลับตั้งกลุ่มแก๊งใช้การโกหก บอก ความจริง (ที่หลายส่วนหายไป) เอาการเมืองแก้ปัญหาความทุจริตของท่าน ช่างเป็นอันตรายต่อประเทศไทยจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่า คนๆเดียว จะกล้าลงทุนทำประเทศ แตกแยก อยู่ในความเท็จ ทะเลาะกัน เพื่อปกปิดการทุจริตของคนๆ เดียวอีกนานแค่ไหน



5."พระบารมีกับพลังของประชาชนจะช่วยให้กลับไทยได้" ผมว่าท่านพูดถูก เพราะพระองค์ทรงคุณธรรม ยุติธรรม และเมมตาธรรม ผมยึดถือคำสอนที่พระองค์ทรงสอนให้พสกนิกรไทยอยู่ตลอดว่า "รู้รักสามัคคี" และ "การสุจริตเป็นเรื่องธรรมดา"


ท่านควรกลับใจ ต่อสู้ความด้วยหลักฐาน และเหตุผล ใช้ความจริงครบด้านเผชิญความจริง ถ้าท่าน "ถูก" ทุกคนก็ศรัทธา ถ้าท่าน "ผิด" ก็ยอมเข้าคุก ให้ประชาชนเห็นข้อมูลเท่ากัน โดยไม่มีความแตกแยก และ เห็น "คุณค่า" ของ "ความชอบธรรม" ให้คู่กับแผ่นดินไทย หลังจากนั้น ท่านก็จะมีชีวิตที่สง่างามขึ้น และบ้านเมืองก็จะมีมาตรฐานคุณธรรมสูงขึ้น และสงบสุขร่มเย็นต่อไป



------------------------------------


Posted by : myopinion , Date : 2008-11-04 , Time : 11:19:54 , From IP : 172.29.17.205

ความคิดเห็นที่ : 1


   ทำใจเป็นกลางเข้าใว้แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปโดยไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใดแล้วรอรับเศษเงินที่มันโกงไปไม่ได้มาจ่ายเป็นเงินเดือนให้5555555555แล้วจะมีชีวิตที่สง่างามและสงบสุขร่มเย็นต่อไปไม่ทะเลาะกัน เพื่อปกปิดการทุจริตของคนๆ เดียว

Posted by : คนกันเอง , Date : 2008-11-04 , Time : 20:12:54 , From IP : 118.173.163.21.adsl.

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<