สวัสดียามเช้าครับคุณ Dhan
ชวนคุยนี่ชอบครับ
อันดับแรก คุณ Dhan มีพิมพ์ผิดนิดหน่อย (ท้วงตามประสาคนชรา) คือ royalty น่าจะเป็น loyalty นะครับ
อันดับสองเรื่อง Balanced Scorecard ที่จริงพูดเรื่องนี้ในที่ที่มี guru มากมายอย่างใน PSU นี่ ก็ค่อนข้างจัดเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่เนื่องจากเราอยู่ในร้านกาแฟที่ทุกคนสามารถแสดงความทื่อของตนเองออกมาได้ (เพื่อจะได้เรียน) ผมก็ชอบ jam จนได้เรื่องทุกครั้ง แหะๆ
Balanced Scorecard เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการชิ้นหนึ่ง คิดค้นโดย Kaplan & Norton มาหลายปีดีดักแล้ว ที่โด่งดังก็เพราะเป็นเครื่องมือที่อาจจะนำมาดัดแปลงได้ ตั้งแต่ระดับการวางแผน และระดับการวางกลยุทธ์ และข้อสำคัญคือการมี Interconnectedness ขององคาพยพต่างๆขององค์กร ก้าวเข้าสู่ยุค Living organization และ Learning organization แบ่ง realm ในองค์กรเป็นสี่กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือ Financial perspective, Internal process perspective, Learning and Innovative perspective และ Customer perspective (ได้แก่มุมมองด้านงบประมาณ รายได้ / กระบวนการบริหาร กลยุทธ์ / การเรียนรู้ นวตกรรม ของคนในองค์กร และขององค์กร / และมุมมองของลูกค้าที่มององค์กร
ในการเขียนมิติทั้งสี่ อาจจะเขียนอย่างรูปที่นำมาแสดง หรือแบบ original ในหนังสือของ Kaplan หน้าแรกๆที่เป็นปิรามิด หรือลำดับ priority
แน่นอนที่สุด สำหรับ business model สิ่งที่ "ทุกอย่าง" ลงเอย จะไปสู่ Financial Incentives ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไร เพราะนี่คืออาหาร อากาศ น้ำ น้ำมัน ที่จะทำให้องค์กร move ไปข้างหน้า และเป็นแรงบันดาลใจหลักของคนในองค์กรแบบนี้แต่เริ่มแรก
ใน model แบบหลังนี้เองที่ทำให้เกิดความแตกต่างกัน เมื่อนำมาใช้ในองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร (non-profit organization) อาทิ องค์กรของรัฐ องค์กรเพื่อสาธารณะ รวมทั้งโรงพยาบาลเช่นของเราด้วย ที่แหล่งทุนจะพิจารณา "ให้" หรือ "สนับสนุน" จากสิ่งที่เราทำไปเพื่อลูกค้า (ในที่นี้คือประชาชน คนไข้ และสังคมโดยรวม) คำว่า "ให้ หรือ สนับสนุน" ในรูปธรรมก็คือ budget allocation การจัดสรรงบประมาณมาให้ การ subsidization รวมไปถึงการบริจาคจากภาคสังคมทุกรูปแบบ จึงมีหนังสือ Balanced Scorecard ฉบับ modified ออกมาหลังจากเล่มแรก หลายปี คือ Balanced Scorecard for Non-profit organization ที่ส่วนยอดสุดของปิรามิด ไม่ได้เป็น F (Financial perspective) อีกต่อไป แต่เป็น C (customer perspective) ขอเพียงองค์กรของเราทำเพื่อคนไข้ เพื่อประชาชน เพื่อสังคม เราก็จะการันตีว่าจะมีคน allocate budget มาให้ มีคนบริจาค มีคนสนับสนุน เพราะ values ขององค์กรแบบนี้ เป็น value ของสังคมโดยรวม ไม่ใช่ของ shareholders อย่าง business organzation
ขออภัยที่เขียนยาวเกินไป นั่นเป็นเพราะความพร่องทางความเข้าใจและความสามารถในการใช้ภาษาของผมเอง ชวนคุยกันต่อๆไปนะครับ
Posted by : phoenix , Date : 2008-09-22 , Time : 08:21:31 , From IP : 172.29.17.115
|