ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

รถไฟสายใต้หยุดวิ่งวันที่ 9 - นศ. 5 สถาบันร่วมไล่"หมัก"จี้เลิก พ.ร.ก.


   รถไฟสายใต้หยุดวิ่งวันที่ 9 - นศ. 5 สถาบันร่วมไล่"หมัก"จี้เลิก พ.ร.ก.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 กันยายน 2551 11:27 น.



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกรรถไฟยังคงหยุดให้บริการเป็นวันที่ 9 เพื่อร่วมกดดันให้รัฐบาลลาออกและยุติการใช้ความรุนแรงต่อการชุมนุม ในขณะที่พลังนักศึกษาจาก 5 สถาบันก็ร่วมสมทบกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาล และยุติการประกาศ พ.ร.ก.โดยเร็วที่สุด

วันนี้ (6 ก.ย.) การเดินรถไฟสายใต้โดยเฉพาะขบวนรถทางการไกลจากกรุงเทพฯ ปลายทางสุไหงโก-ลก รวมถึงขบวนรถท้องถิ่นเกือบทั้งหมดยังคงหยุดวิ่งติดต่อกันเป็นวันที่ 9 ซึ่งเป็นไปตามประกาศของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟที่ต้องการกดดันรัฐบาล อย่างไรก็ตามมีบางขบวนในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเริ่มให้บริการบ้างแล้วเช่น ขบวนท้องถิ่นไปกลับสุราษฎร์ธานี -คีรีรัฐ ส่วนขบวนอื่นโดยเฉพาะที่มีต้นทางจากสถานีหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนล่างและตอนบนยังคงหยุดวิ่งต่อไปโดยไม่มีกำหนด

ส่วนความเคลื่อนไหวของพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ที่ลานหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงค่ำจะมีประชาชนมารวมตัวกันค่อนข้างมากเพื่อติดตามชมบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล

ในส่วนของความเคลื่อนไหวองค์กรทางการเมืองภาคประชาชนในพื้นที่ จ.สงขลานั้น ขณะนี้เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาซึ่งขณะนี้มีอย่างน้อย 5 สถาบันที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และห้ามใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตร เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ และนับเป็นครั้งแรกที่นักศึกษาใน จ.สงขลา ออกมาประกาศตัวเคลื่อนไหวทางการเมือง


Posted by : thiopental , Date : 2008-09-06 , Time : 15:30:46 , From IP : 125.24.154.56.adsl.d

ความคิดเห็นที่ : 1


    อยากให้ นักเรียน นักศึกษาได้ลองอ่านจังครับ
พอดีเจ้าของเขาอนุญาตให้เผยแพร่ ลองอ่านดูครับ


-------------------------------------------------------------------

สวัสดี น้องเจ้าของกระทู้นะครับ พี่ขออธิบายเป็นข้อๆนะ

1. ภาษาน้องเด็กแนวมาก ไม่ผิดหรอกนะ น่ารักดี แต่ถ้าจะให้เป็นสื่อกลางให้คนอื่นได้รับรู้ วันหน้าก็ใช้ภาษาปรกติดีกว่านะจ๊ะ

2. พี่เข้าใจว่าทุกคนที่มาชุมนุมพันธมิตร กว่า 90เปอร์เซนต์มาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ที่รักชาติ ศาสนา ...และปกป้องทุกวิถีทางเพื่อให้ทั้งสามสิ่ง ดำรงอยู่ต่อไป แม้วิธีการต่างๆที่ทำ จะดูแรงและผิดกฏหมาย แต่น้องๆคงคิดว่า ขอเดือดร้อนแค่นี้ ให้อดทนหน่อย เพื่อปกป้องชาติ

3. แต่น้องจะเคยรู้มั้ยว่า การที่น้องเพิ่งเข้ามาฟังการเมืองในระยะสองสามปีหลัง ผ่าน ASTV มันทำให้น้องถูกปลูกฝังให้มองด้านเดียว แต่เค้าจะโน้มน้าม พูดทุกอย่างให้มีเหตุผลเหมือนฟังสองด้าน เพราะ นาย สนธิ ลิ้มทองกุล คือปรมาจารย์ด้านสื่อ เข้าใจวิธีการจิตใจคนแนวหน้าของเอเชียเลย

4. สำหรับคนมีอายุอย่างพี่ ผ่านการเมืองและศึกษามาสิบๆปี มันสามารถมองออกแล้ว ว่าแต่ละคนมีจุดมุงหมายอย่างไร โดยใช้น้องๆและประชาชนอย่างน้องๆ เป็นเครื่องมือ เค้าทำกันอย่างไร พี่จะอธิบายให้ฟังนะ

5.
5.1 ร 7 ทรงโปรดเกล้าสละพระราชอำนาจส่วนพระองค์พร้อมทั้งมอบให้เป็นสิทธิ์ แก่ประชาชนชาวไทย โดยมีข้อแม้ว่า มิให้อำนาจตกอยู่ที่กลุ่มบุคคลใด ซึ่งนั้นคือจุดเริ่ม ของระบอบประชาธิปไตย
5.2 แต่กาลเวลาที่ผ่านมา หลังจากนั้น ระบอบประชาธิปไตยของไทยเรา ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด เพราะการแก่งแย่งอำนาจที่ ร7 ทรงมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นคนมีสีต่างๆ นักการเมือง โดยใช้เสียงเลือกตั้งของประชาชนมาเป็นเครื่องมือกอบโกย
5.3 การปล่อยให้ระบบคนมีสี และเส้นสาย อาศัยคราบแห่งประชาธิปไตย จึงทำให้ระบบเมืองไทย ล่าช้า และเป็นตัวถ่วง คอรัปชั่น
5.4 เหตุการณ์ต่างๆทั้ง 14 ตุลา 6 ตุลา หรือ พฤษภาทมิฬ ล้วนแล้วแต่นำความสูญเสียมาแก่ประชาชน แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์คือใคร ก็คือเหล่าคนมีสี นักการเมือง ในขณะที่ประชาชนที่ไปด้วยจิตใจบริสุทธิ์อย่างน้องๆ ตายฟรี


6. เหตุการณ์กำลังวนกลับมาอีกครั้ง และจะมีอีกกี่ครั้งในอนาคตไม่ทราบแน่ แต่ยังมีแน่ๆ ตราบใดที่เมืองไทย ยังไม่พ้นวงจรนี้


7. ทำไมถึงกล้าฟันธงว่านายสนธิ และเหล่าบรรดาหัวแนวหน้าทั้งหลาย ถึงเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าน้องเปิดใจหน่อย น้องจะค่อยๆลำดับเหตุการณ์และมองเห็นว่า ทุกขั้นตอนมีการวางขั้นตอนอย่างชัดเจน
7.1 ไล่ทักษิณออก เพราะทักษิณเป็นนายกเพียงคนเดียว ที่ไปคุ้ยผลประโยชน์ของมาเฟีย และคนมีสี หวยใต้ดิน ยาเสพติด ฯลฯ
7.2 เป้าหมายหลังจากไล่ได้แล้ว คือการนำคนของตัวเองขึ้นสู่อำนาจ ผ่านทหารที่สมรู้ร่วมคิด ฉีกรัฐธรรมนูญปี 40 ที่ดีที่สุดในเมืองไทย และร่างขึ้นจากนักวิชาการทุกสาขาอาชีพ และรัฐธรรมนูญนี้มีไว้สำหรับสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ไม่กระท่อนกระแท่น เหมือนแต่ก่อนที่มีรัฐบาลไม่เคยครบเทอม ก็สลาย บ้านเมืองไม่ได้พัฒนา
7.3 สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยใช้คนของตัวเองเข้าไปแทรกและเขียนทุกอย่างเพื่อป้องกันมิให้ทักษิณกลับมา พร้อมทั้งออกประชามติให้คนลงเสียง โดยใช้ข้ออ้างว่า ให้ผ่านๆไปก่อน บ้านเมืองจะได้เลือกตั้งใหม่ จะได้สงบๆ แล้วค่อยไปแก้ไขใหม่ในส่วนที่ยังไม่ดี แต่ตอนนี้ห้ามแตะต้อง ห้ามแก้ไข โดยข้ออ้างที่ว่าแก้ไปก็เพื่อช่วยให้ทักษิณพ้นผิด
7.4 ในขณะที่พยายามสร้างเงื่อนไขต่างๆ ในการปลุกระดม โดยใช้วิธีที่ใช้กันมาแต่นานนม นั่นก็คือ การปลุกกระแสรักชาติ ไม่ว่าจะการดึงฟ้ามาอ้าง จนตัวเองโดนศาลตัดสินผิด จำคุก 3 ปี การใช้ เขาพระวิหาร จนบานปลายเกือบทำให้ประเทศสองประเทศต้องผิดใจกัน และอื่นๆอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการเดิมๆในอดีตทั้งสิ้น เหมือนกันเด๊ะ และก็ใช้ได้ทุกยุคยุคสมัยจริงๆ (ลองไปหาอ่านประวัติ นาย ปรีดีย์ พนมยงค์ ได้)
7.5 สุดท้ายและท้ายสุด ทุกอย่างก็มาเฉลยตอนจบว่าที่เค้าต้องการคือ ระบอบ 70:30 นั่นคือ เค้าเลือกสสเอง 70% ให้ประชาชน 30% แบบนี้ไม่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตยแล้ว มันถอยหลังสุดกู่ และเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะอะไร เพราะคนส่วนใหญ่ยังคงนิยมชมชอบในนโยบายของทักษิณ ทั้งๆที่นโยบายของทักษิณ จริงๆแล้วมันธรรมดามาก แต่เพราะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครจริงใจที่จะให้สิ่งต่างๆได้เท่าที่ทักษิณทำ ดังนั้น ทักษิณ จึงสามารถซื้อใจคนอีสานและคนเหนือได้ เพราะอดีตเค้าไม่เคยได้รับสิ่งๆดีๆอย่างนี้มาก่อน แต่ในขณะที่ พันธมิตรมาเปิดเวทีที่ภาคใต้ (ภูเก็ต) ด่าคนอีสานว่าโง่ เพราะซื้อด้วยเงินได้ แต่เราๆไม่เคยคิดว่า จริงๆแล้ว คนจนเหล่านี้ไม่เคยได้รับสิ่งๆดีๆที่ทักษิณเคยให้มาก่อน

สุดท้ายนี้ น้องคงต้องเปิดใจตัวเอง และลองทบทวนดูว่า สิ่งที่พี่พูด มันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อหรือเปล่า พี่ยังเป็นห่วงทุกคนที่ไปร่วมชุมนุมกับพวกหัวขบวนที่ไม่จริงใจพวกนั้น เห็นน้องๆเป็นแค่เครื่องมือ และเมื่อเค้าทำสำเร็จ ระบอบประชาธิปไตยจะล่มจมแน่นอน นี่คือเหตุว่าทำไม ถึงแม้จะเกลียดนายกสมัคร ปากไม่ดี แต่ก็ไม่เห็นด้วยและคัดค้านกับวิธีนอกสภา ไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่แบบนี้

บ้านเมืองจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ถ้าคนทุกคน ไม่เคารพกฏกติกา

อนุญาตให้นำข้อความนี้ไปเผยแพร่ได้นะครับ ผมอยากเห็นคนไทยรักกัน และเห็นให้รู้ซึ้งว่าแต่ละคนทำร้ายประชาชน เห็นเราๆเป็นเครื่องมือเท่านั้นเอง


---------------------------------------------------------
ขอบคุณคนเขียนบทความนี้มากนะครับ เด็กๆที่ไม่ค่อยทันเกมการเมือง
คงจะ ฉุกคิด ได้บ้าง




Posted by : ninepon , Date : 2008-09-06 , Time : 17:52:27 , From IP : 125.24.135.153.adsl.

ความคิดเห็นที่ : 2


    แผนฆ่าหมู่เด็กนักศึกษา จากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง
คอลัมน์ : ฉลามเขียว


ฆ่าหมู่เด็กนักศึกษา


ไม่โดนระเบิดตายหมู่ก็ดีแล้วน้องเอ้ย
เพิ่งจะฉบับวานนี้เอง ที่ผมเขียนประเด็นพันธมิตรไม่สามารถที่จะจัดดาวกระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม เพราะ 5 แกนนำต้องอยู่ในรั้วทำเนียบรัฐบาล ขืนทะเล่อทะล่าออกมามีโอกาสที่จะโดนตำรวจรวบตามหมายจับข้อหากบฏ

ก็เลยมีผู้บงการคนหนึ่งไปใช้ “พลตำรวจตรี” ไปจัดตั้งนักศึกษารามคำแหง ให้รับบทบาทจัดดาวกระจายไปที่นู่นที่นี่

และผมได้เขียวเฉี่ยวๆ เอาไว้ว่า เมื่อนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ไม่ลาออกไม่ยุบสภาฯ แต่เล่นเกมยื้อขังพันธมิตรไว้ในทำเนียบรัฐบาลอย่างไม่มีกำหนดแล้ว เกมต่อไปของพวกล้มรัฐบาลก็คือ ก่อความรุนแรง จะมีระเบิด

ก็มีจริงๆ ครับ แต่ยังไม่ใช่ระเบิด เป็นแค่ส่งคนไปยิงนักศึกษารามคำแหง ที่กำลังเดินจะไปบ้านนายกฯ สมัคร ในหมู่บ้านโอฬาร ซอย 81 ถนนนวมินทร์

ผมขอบอกแก่น้องนักศึกษารามฯ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ว่า พวกน้องๆ โชคดีมากที่เขาเปลี่ยนใจไม่ใช้ระเบิด เพราะตามที่รัฐบาลสืบข่าวลับมาได้ พวกเขาจะใช้ระเบิดกลางวง ทำให้เด็กนักศึกษาตายหมู่เยอะๆ เพื่อที่จะให้เป็นตัวเร่งให้นักศึกษาอื่นๆ ออกมาร่วมม็อบจำนวนมาก แต่ไม่รู้อีท่าไหนเปลี่ยนใจแค่ส่งคนไปยิง

วิธียิงก็ทำอย่างปรานี ใช้ปืน .22 กระสุนเล็กๆ และเลือกยิงที่ต้นขา กับข้อศอก ไม่ได้ยิงเข้าหัว หรือจุดสำคัญที่ทำให้ตายได้

ผมได้พยายามตรวจกระแสผู้คนทั้งในเว็บบอร์ดการเมือง และจากเสียงพูดคุยแล้ว ไม่มีเสียงว่านายกฯ สมัครส่งคนไปยิงนักศึกษา เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มาถึงบ้าน มีแต่บอกว่ามือที่ 3 สร้างสถานการณ์ทั้งนั้น

ส่วนที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ สันนิษฐานว่าอาจจะเพราะชาวบ้านรำคาญนักศึกษานั้น ผมขอเถียงว่าไม่ถูกครับ ชาวบ้านอาจจะรำคาญหมั่นไส้จริง แต่ยังไม่ถึงขั้นจะยิงปืนใส่ แค่คิดในใจ

คนที่ยิงปืน .22 ใส่นักศึกษารามคำแหงจนเจ็บไป 2 คนในคราวนี้ ไม่ใช่มือที่ 3 ครับ แต่เป็นมือที่ 1 คือเป็นการสั่งยิงโดยผู้เดินเกมใช้นักศึกษาออกมาจัดดาวกระจายไปที่นั่นที่นี่ ให้มันป่วนทั่วเมือง และให้ลงมือกระทำพร้อมกันหลายจุด ให้เกิดภาพว่านักศึกษาเอาด้วยกับพันธมิตรแล้ว

เช่น การส่งสาธิตมัฆวานไปหน้า สตช.เมื่อบ่าย 5 ก.ย.51 และเสาร์ 6 ก.ย. ก็ยิ่งจะเพิ่มจำนวนขึ้นหลายจุดพร้อมๆ กัน

ช่วงก่อนเกิดเหตุทั้ง 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 เราคนไทยก็คงจำได้นะครับ พวกที่แย่งชิงอำนาจการเมืองกันอยู่จะใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือมาตลอด ฆ่านักศึกษาเป็นเครื่องสังเวย เช่นโยนระเบิดที่หน้าสยาม
พ่อแม่ที่อยู่บ้าน บอกลูกๆ ด้วยว่า เขามีแผนจะฆ่าหมู่นักศึกษา





http://www.banmuang.co.th/politic.asp?id=150491






Posted by : ninepon , Date : 2008-09-06 , Time : 17:55:08 , From IP : 125.24.135.153.adsl.

ความคิดเห็นที่ : 3


   น่าสนใจคับ แต่ฟังดูแล้ว ก็เป็นเหตุผลเดิมๆ ที่พยายามมากล่าวอ้าง ไม่เห็นพูดถึงความจริงที่เกิดขึ้นกับปัญหาที่รัฐบาลชุดนี้สร้างเลยอะ หรือว่าจะพูดข้างๆ คูๆ อ้อมๆให้งงเล่นเหมือนกับ วิธีการที่รัฐกำลังใช้อยู่ตอนนี้หว่า เอาเหอะ ไง ก็รับฟัง แต่จาเชื่อหรือเปล่า ก็ขอใช้ดุลยพินิจของตัวเองนะคับ ขอบคุณคับ

Posted by : newone , Date : 2008-09-06 , Time : 19:17:58 , From IP : 125.24.182.21.adsl.d

ความคิดเห็นที่ : 4


   ประชาชนคงไม่โง่ขนาดนั้นมั้งครับ

คนที่ไปชุมนุมใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องการเมือง

ส่วนคนที่เขียนบทความก็คงไม่ได้เก่งอยู่คนเดียวมั้งครับ

และที่แน่ๆ รัฐบาลพยายามใช้ความรุนแรงแน่นอนครับ


Posted by : zug , Date : 2008-09-06 , Time : 20:11:18 , From IP : 172.29.22.112

ความคิดเห็นที่ : 5


   หวุดหวิดปะทะกันเอง ระหว่าง พธม เมืองกรุง กับ พธม ภูเก็ต

หวิดมีเรื่องกันเอง พันธมิตรภูเก็ตบุกกรุงแจ้นกลับด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 6 ก.ย. นายวิโรจน์ แจ้ว แกนนำกลุ่มพันธมิตรรักภูเก็ต และแผ่นดิน พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มสวมเสื้อสีเหลืองประมาณ 300 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ละคนหิ้วกระเป๋าเดินทาง ติดตัว


โดย นายวิโรจน์ กล่าวว่า เดินทางมาจากภูเก็ตเพื่อมารวมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะต้องการขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยตนเป็นแกนนำพามา เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มของตนได้ปิดสนามบินภูเก็ต จนทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อการทำมาหากินของคนในจังหวัด ตนจึงเจรจาว่า จะพาเข้ามาชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ โดยจะพามาอยู่ที่นี่ 4 วัน หากใครอยู่ได้ก็ให้อยู่ต่อไป ใครอยู่ไม่ได้เมื่อถึงเวลาก็จะมารับกลับบ้าน และขณะนี้กำลังจะพาประชาชนที่เดินทางมาด้วยกันกลับบ้าน


นายวิโรจน์ กล่าวถึงสาเหตุที่รีบนำกลุ่มของตนกลับ จ.ภูเก็ต ว่า จากการมาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ พบว่า มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องพาคนออกไป เพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้จัดรถบัสจำนวน 6 คัน มารับผู้ชุมนุมไปส่งที่ จ.ภูเก็ต ส่วนใครจะกลับหรือไม่เป็นสิทธิ์ของทุกคน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งรัฐบาล และสังคมก็เห็นด้วยที่จะให้มีการทำประชามติ ดังนั้นพวกตนจึงจะกลับไปรอดูสถานการณ์ก่อน ส่วนจะกลับมาอีกหรือไม่นั้น ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

ระหว่างที่ นายวิโรจน์ กำลังรอรถมารับเพื่อกลับบ้านนั้น ได้มีกลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนเดินเข้ามาต่อว่า นายวิโรจน์ ว่า เป็นคนของพรรคพลังประชาชน และพยายามชักจูงให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับ จากนั้นการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับชักเหล็กแป๊บที่เหน็บไว้ด้านหลังเสื้อเพื่อเข้ามาทำร้าย จนเกือบจะเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น ทั้งกับ นายวิโรจน์ และกับกลุ่มผู้สื่อข่าว โดยการ์ดพันธมิตรฯ อ้างว่า กลัวนักข่าวจะมาทำข่าวว่าม็อบได้เลิกการชุมนุมแล้ว ทั้งนี้ สถานการณ์ก็คลี่คลายไปได้ด้วยดี แม้ว่าขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังจะออกเดินทางได้มีรถเก๋ง และรถกระบะของกลุ่มพันธมิตรฯ หลายคันขับวนก่อกวนตลอดเวลา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขับรถมานำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางกลับไป.


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1220709141&grpid=03&catid=01


Posted by : ninepon , Date : 2008-09-06 , Time : 23:41:11 , From IP : 125.24.135.153.adsl.

ความคิดเห็นที่ : 6


   ใครเป็นแฟน astv ต้องรู้จักเธอคนนี้แน่นอน พิธีกรปากกล้า พูดเรื่องความชั่วของคนอื่นได้น่าฟัง น่าติดตาม

ฟังเผินๆเหมือนเธอเป็นคนดี น่ายกย่อง น่าศรัทธา มีอุดมการณ์

"ขอประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกันว่า ตามที่นางสาวอัญชลี ไพรรีรักษ์ จำเลยที่ 7 ได้เขียนบทความใส่ความ นางสาวศรัณย์รัชต์ (ลิเดีย) วิสุทธิธาดา และนายไชยยันต์ วิสุทธิธาดา กับนางสาวศันสนีย์ วนะไชยเกียรติ บิดามารดาผู้เสียหาย ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เอ็กซ์-ไซท์ ฉบับลง วันที่ 8 และ 9 กันยายน 2550 และผู้เสียหายได้ฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดคนต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3510-2550 และต่อศาลแพ่งเป็นคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 4467/2550 นั้น บัดนี้ จำเลยทั้งเจ็ดได้ทราบความจริงและเข้าใจดีแล้วว่า ข้อความตามที่นางอัญชลี ไพรรีรักษ์ จำเลยที่ 7 เขียนในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง

ดังนั้น จำเลยทั้งเจ็ดจึงขอแสดงความเสียใจ และขออภัยต่อนางสาวศรัณย์รัชต์ (ลิเดีย) วิสุทธิธาดา และนายไชยยันต์ วิสุทธิธาดา กับนางสาวศันสนีย์ วนะไชยเกียรติ ผู้เสียหายมา ณ ที่นี้ด้วย ซึ่งผู้เสียหายทั้งสามได้แสดงความมีน้ำใจรับคำขออภัย และยังยินดีถอนฟ้องให้ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง จำเลยทั้งเจ็ดจึงขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้"


เสียดายที่หาไม่เจอว่าพิธีกรท่านนี้ไปใส่ความลิเดียว่าอย่างไร เอาเป็นว่าเธอตอแหลละกันนะครับ

เสียดายที่ลิเดียและพ่อแม่ ไม่เอาเรื่องจนถึงที่สุด ก็คงเป็นเพราะคนไทยเรานิสัยใจดีกันอยู่แล้ว ไม่อยากถือสา เค้ายอมรับผิด เราก็ให้อภัย






Posted by : eng , Date : 2008-09-07 , Time : 18:10:24 , From IP : 172.29.5.221

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<