ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

ปตท.กำไรพุ่ง รั้งอันดับ135 ยักษ์ธุรกิจโลก


   ปตท.กำไรพุ่ง รั้งอันดับ135 ยักษ์ธุรกิจโลก
ปตท.หนึ่งเดียวจากไทยในฟอร์จูน 500 ด้านเฉลียว เจ้าพ่อกระทิงแดงยังรั้งตำแหน่งรวยสุด

ปตท.เป็นบริษัทจากประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดอันดับ 500 บริษัทที่มีรายได้สูงสุดจากการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน ซึ่งใน ปีนี้ ปตท.อยู่ในอันดับ 135 กระโดดขึ้นมาจากอันดับ 207 เมื่อปีที่ แล้ว สำหรับอันดับ 1 ตกเป็นของวอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกชั้นนำ


ทั้งนี้ การจัดอันดับตามประเภทอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับ 20 จากอันดับ 33 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีรายได้เมื่อปีที่แล้วถึง 5.11 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.68 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 59.1% ส่วนอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมนี้ตกเป็นของเอ็กซ์ซอน โมบิล


ด้านนิตยสารฟอร์บส์ รายงานว่า แม้ไทยจะเผชิญกับปัจจัยลบมากมาย แต่มหาเศรษฐีไทยยังคงไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการจัดอันดับล่าสุดโดยนิตยสารฟอร์บส์ เนื่องจากส่วนใหญ่มีรากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งมาหลายทศวรรษ


สำหรับการจัดอันดับคนไทย 40 คนที่มีรายได้สูงสุด อันดับ 1 คือ นายเฉลียว อยู่วิทยา ตามด้วยนายเจริญ สิริวัฒนภักดี และตระกูล จิราธิวัฒน์ อยู่ในอันดับ 3 ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวอยู่ในอันดับ 16

แล้วทำไมคนส่วนใหญ่จน ปตท. กำไรอยู่บนความเดือดร้อนของผู้คนในชาติ


Posted by : thiopental , Date : 2008-07-15 , Time : 21:04:34 , From IP : 125.24.117.176.adsl.

ความคิดเห็นที่ : 1


   ไม่เข้าใจ.. เอาอะไรมาวัด ว่าปตท.กำไรอยู่บนความเดือดร้อนคนในชาติ ความจริงเขาก็ไม่ได้บังคับนี่ว่าต้องซื้อของปตท. อย่างจะซื้อของ เชลล์หรือ เอสโซ่ หรือแม้กระทั่งของบางจาก ก้ได้ไม่ผิดนี่...จริงป่าว

Posted by : RR , Date : 2008-07-16 , Time : 16:23:11 , From IP : 172.29.1.65

ความคิดเห็นที่ : 2




   นั่นอะดิ ไม่เข้าใจว่าต้องการสื่ออะไร

ปตท. ก็ขึ้นราคาน้ำมันตามหลังเจ้าอื่นๆอยู่แล้ว

เดาว่าคงไปรับข้อมูลจาก manager all lie มากเกินไปนะ หรือไม่ก็เสพ astv เข้าไปมากเกิน


Posted by : eng , Date : 2008-07-17 , Time : 15:01:38 , From IP : 172.29.5.221

ความคิดเห็นที่ : 3


   ปตท. ไม่ได้มีกำไรจากแค่จากขายน้ำมันตามปั๊มน่ะครับ

อยากให้ศึกษาข้อมูลมาให้ดีก่อนจะมาวิจารณ์เรื่องโน้นเรื่องนี้น่ะครับ

ว่าเครือข่ายธุรกิจของ ปตท. มันมีอะไรบ้าง แล้วมีกำไรจากส่วนไหนบ้าง

ถ้าศึกษามาจริงๆ คงพอจะรู้น่ะครับ ว่ามันทำให้คนไทยเดือดร้อนยังไง

จะด่าจะชมใคร ส่วนหนึ่งคิดว่าควรมีเหตุผล มีข้อมูลที่ดีกว่านี้น่ะครับ

ถ้าใช้แต่ความรู้สึก ก็คงไม่ต้องมีการเรียน evidence-based กันแล้วล่ะครับ





Posted by : zug , Date : 2008-07-22 , Time : 12:27:21 , From IP : 172.29.22.85

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<<