ขอแสดงความคิดเห็นต่อ ท่านที่ใช้นามว่า"ญาติอาจารย์ใหญ่" ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์แพทย์ที่เคยเรียนและจบมาจากสถาบันนี้ และได้ไปต่อสาขาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากสถาบันอื่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งที่ กทม.ครับ ผมไม่ได้เข้ามาแก้ตัวให้แพทย์ด้วยกันหรือว่าให้สถาบันแห่งนี้ แต่จะขอเสนอสิ่งที่เป็นจริงที่ปฏิบัติต่อผู้ป่วยที่มารักษาในร.พแห่งนี้ การรักษาโรคหรืออาการต่างๆที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ จะมีมาตรฐานการรักษาที่เหมือนกันตามหลักวิชาชีพแพทย์และตามมาตรฐานวิชาชีพที่แพทยสภากำหนด ทุกสถาบันจะเหมือนกันหมดครับ โรคหรืออาการบางชนิดใช้เวลาในการตรวจ และ/หรือส่งตรวจอื่นๆทางห้องปฏิบัติการฯเล็กน้อยก็สามารถให้การวินิจฉัยได้ถูกต้องและให้การรักษาได้ถูกต้องและรวดเร็ว แต่บางโรคหรืออาการบางชนิดอาจต้องใช้เวลาตรวจนาน และ/หรือต้องส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการฯที่ยุ่งยากและซับซ้อนถึงจะได้การวินิจฉัยที่แน่นอนถูกต้องและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป แต่โรคหรืออาการที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์บางชนิดถึงแม้จะตรวจละเอียดและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการฯที่ละเอียด ยุ่งยากและซับซ้อนก็ยังให้การวินิจฉัยโรคได้ไม่แน่ชัดซึ่งโรคหรืออาการในกลุ่มนี้อาจต้องมีการปรึกษากันระหว่างแพทย์ หรืออาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้การวินิจฉัยและให้การรักษาโรคที่ถูกต้องต่อไป จึงเป็นเรื่องปกติที่แพทย์ผู้ดูแลรักษาผู้ป่วยจะต้องมีการปรึกษาแพทย์ด้วยกัน อีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องของแพทย์ที่จบจากสถาบันนี้และทุกๆสถาบัน เมื่อจบแพทย์แล้วไม่ว่าจะจบจากสถาบันใด ยอมมีความรู้ความสามารถที่เท่าเทียมกันตามมาตรฐานของหลักสูตรแพทยศาสตร์ ตามที่แพทยสภากำหนดไว้ และทุกสถาบันก็ต้องมีการทดสอบความรู้ความสามารถที่เรียนมาโดยใช้เกณฑ์การวัดผลโดยการสอบเกณฑ์เดียวกัน ซึ่งแพทย์ทุกท่านที่จบมาต้องผ่านการทดสอบนี้ ฉะนั้นผมเชื่อมั่นว่าแพทย์ที่จบมาทุกท่านยอมมีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกันทุกสถาบัน สำหรับแพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์แห่งนี้มีมากมายที่ได้สร้างชื่อเสียงที่ดีและเป็นประจักและยอมรับกันทั่วไปในวงการแพทย์และทางด้านอื่นๆ ผมขอแสดงความคิดเห็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเพื่อให้ท่านที่ใช้นามว่า "ญาติอาจารย์ใหญ่" ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงบางส่วนที่ท่านอาจไม่ทราบ โดยมองในอีกแง่มุมหนึ่งในโรงพยาบาลแห่งนี้ว่าจริงๆนั้น การเรียนการสอนแพทย์ให้จบเป็นแพทย์ การรักษาผู้ป่วยที่มารักษาที่ร.พแห่งนี้ ไม่ได้เป็นแบบที่ท่านเข้าใจครับ ถ้าท่าน"ญาติอาจารย์ใหญ่"ยังมีข้อข้องใจอะไรที่ยังไม่เข้าใจอาจลองเมล์คุยกับผมตาม ที่อยู่เมล์ท้ายข้อความนี้ได้ครับ ผมยินดีตอบข้อข้องใจท่านนะครับ ขอขอบคุณท่านมาณ.ที่นี้ด้วยครับ Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) , Date : 2007-12-25 , Time : 11:10:34 , From IP : 172.29.14.182 |
ผมว่าหากเจ้าของกระทู้จะช่วยตอบมาซักนิดจะดีมากนะครับ เพราะเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อคำพูดที่คุณพูดออกมา Posted by : alonzo , Date : 2007-12-25 , Time : 17:06:37 , From IP : 172.29.21.197 |
ผมเหนด้วยกับ อ.สกล นะ Posted by : alonzo , Date : 2007-12-27 , Time : 19:14:39 , From IP : 172.29.21.197 |
ผมติดตามกระทู้มาตั้งแต่คืนแรกที่เจ้าของกระทู้เขียน กระทู้ที่ใช้อารมณ์ตนเองมาเป็นบรรทัดเพื่อตีวงให้ผู้อื่นต้องเชื่อตามที่ตนเองต้องการ และไม่ฟังผู้อื่น เป็นอะไรที่ไม่น่าจะมีสาระในการอภิปรายและยังทำให้ตนเองถูกมองในแง่ลบด้วย เท่าที่ผมตามดูก็ไม่มีหลักฐานผู้เสียหายหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นปัญหาด้านการสื่อสารมากกว่า ขอติงอีกอย่าง การใช้ชื่อเจ้าของกระทู้ว่า ญาติอาจารย์ใหญ่นั้น ดูไม่เหมาะ ไม่ควร การบริจาคนั้นน่าจะเป็นกุศลมากกว่านำมากล่าวอ้างด้วยอารมณ์ Posted by : ken2007 , E-mail : (kuangkirt@hotmail.com) , Date : 2007-12-30 , Time : 21:48:34 , From IP : 203.209.26.70 |
เฮ่อ จะปีใหม่แล้วว แวะมาสวัสดีปีใหม่ทั้ง อ.สกล คุณ cosmo และคุณ ญาตินะ สุขภาพแข็งแรงทุกท่านนะครับ Posted by : alonzo , Date : 2007-12-31 , Time : 07:43:52 , From IP : 172.29.21.197 |
อยากให้ยุติการโพสต่อกระทู้นี้ครับ และหวังว่ากระทู้นี้คงเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์ต่อทุกท่านครับ ในฐานะที่กระผมได้ติดตามกระทู้นี้มาตลอด ตามความเห็นของกระผมคิดว่า อาจเป็นเรื่องของการสื่อสารระหว่างแพทย์ผู้รักษาและผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาครับ ไม่มีท่านใดผิด/ถูกครับ แพทย์ทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรคที่เป็นและมีความสุขทั้งทางด้านสุขภาพจิตใจและกาย ผู้ป่วยก็ต้องการ การดูแลรักษาจากแพทย์ให้หายและดีที่สุดครับ ลองมาอ่านบทความนี้นะครับ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับผม ได้คัดลอกมาจาก www.thaiclinic.com ครับผม ผมได้เก็บและเขียนบทความ เกี่ยวกับสุขภาพไว้พอสมควร เพื่อทำเป็นเอกสารแจกให้กับผู้ป่วย และเผยแพร่ทางเนต ผ่านเวบ ผ่านกระทู้ ซึ่งหลาย ๆ ท่านอาจเคยเห็นเคยอ่านมาบ้างแล้ว ... ผมเห็นว่า น่าจะนำมาลงไว้ในห้องนี้เผื่อใครผ่านไปมาก็จะได้เห็นได้อ่านกัน ก็จะทยอยลงมาเรื่อย ๆ นะครับ ... .ใครอยากจะนำไปดัดแปลงหรือนำไปใช้ต่อ ก็ได้เลยครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ( เพราะผมก็ แฮบมาเหมือนกัน ) ช่วย ๆ กันกระจายไปตามเวบต่าง ๆ ก็ดีเหมือนกันนะครับ ตอนนี้ ก็เอาไปลงไว้ในห้องสวนลุมของพันทิบ เผื่อว่า จะทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันมากขึ้น ... ก็เป็นความหวังเล็ก ๆ ถ้าใครอยากอ่านย้อนหลังก็ตามไปอ่านใน bloggang pantip ของผมก็ได้ครับ ... http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807 มีพวกเราหลายคนที่เขียนเรื่องแบบนี้ ก็นำมาแบ่ง ๆ กันอ่านมั่งก็ดีนะครับ เอาไปลงตามเวบต่าง ๆ ก็น่าจะดีเหมือนกัน หรือถ้าเป็นแบบ ผมที่ยังไม่รู้ว่าจะลงที่ไหนดี ก็มาลงห้องนี้ กับ ห้องสวนลุม ก่อนก็ได้ ... ข้อแนะนำเมื่อต้องรับการรักษา มีผู้ป่วยจำนวนมาก ที่ได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ทราบว่า ตนเองป่วยเป็นอะไร และต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ทำให้ผลของการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร เพราะผลการรักษาจะดีหรือไม่นั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้ง แพทย์ ผู้ป่วยและญาติ ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกัน ผลของการรักษาก็จะออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถ้าผู้ป่วยและญาติไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็คงไม่ส ามารถปฏิบัติตัวให้เหมาะสมถูกต้องได้ ดังนั้นถ้าท่านต้องการให้ผลการรักษาความเจ็บป่วยของตัวท่านเองออกมาดี ก็เป็นหน้าที่ของท่านที่ควรจะ บอกข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของท่าน กับแพทย์ หรือ พยาบาล สอบถามข้อมูล จาก แพทย์ พยาบาล หรือ เจ้าหน้าที่อื่น ๆ เกี่ยวกับความเจ็บป่วยของท่าน การรักษา ไม่ได้หมายความถึงแค่รับประทานยาเท่านั้น ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อแนะนำต่อไปนี้ ก็จะเพิ่มสิ่งที่มีประโยชน์ ในการดูแลรักษาความเจ็บป่วยของท่าน . 1. ร่วมตัดสินใจกับแพทย์ เกี่ยวกับแนวทางการรักษา ไม่ต้องกลัวที่จะถามหรือพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความกังวลใจที่มีอยู่ คุณอาจต้องจดคำถามที่อยากรู้เพื่อที่จะได้ถามแพทย์ในการพบกับ แพทย์ ในครั้งต่อไป ควรนำเพื่อน หรือ คนในครอบครัว ไปพบแพทย์กับคุณด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันปรึกษา ซักถามแพทย์ หรือ ช่วยจำสิ่งที่แพทย์ได้แนะนำไว้ ตัวอย่างคำถาม เช่น ชื่อ - นามสกุล ของแพทย์ ผู้ที่ให้การรักษา เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไหน ป่วยเป็นโรคอะไร มีกี่โรค รักษาหายหรือไม่ แนวทางรักษา มีวิธีไหนบ้าง ผลดี ผลเสีย ผลข้างเคียง ของ ยา หรือ การรักษาแต่ละวิธี เช่น กินยา ใส่เฝือก เครื่องพยุงอื่น ๆ กายภาพบำบัด แพทย์แนะนำว่า ควรจะรักษาด้วยวิธีไหน ทำไมแพทย์จึงเลือกวิธีนั้น จะต้องผ่าตัดหรือไม่ ถ้าต้องผ่าตัดจะใช้วิธี ดมยาสลบ หรือ ฉีดยาชาเฉพาะที่ ข้อดี ข้อเสีย และ ผลข้างเคียง ถ้ารักษาตามวิธีที่แพทย์แนะนำ และถ้าไม่รักษาจะมีข้อเสียอย่างไรบ้าง การปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน เช่น วิธีกินยา การทำแผล วันตัดไหม วิธีทำกายภาพบำบัด แพทย์นัดมาตรวจซ้ำหรือไม่ ถ้าแพทย์นัด นัดมาตรวจวันที่เท่าไร เวลาอะไร มีใบนัดให้ด้วยหรือไม่ คุณควรบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แพทย์ทราบ เช่น ประวัติความเจ็บป่วย หรือ ปัญหาทางสุขภาพ ที่คุณเคยได้รับการรักษา โรคประจำตัว ที่กำลังรักษาอยู่ มีโรคอะไรบ้าง เช่น โรคปอด หอบหืด เบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ยาที่ต้องรับประทาน หรือ ต้องฉีดเป็นประจำ ยาที่กำลังรับประทานอยู่ เป็นยาอะไรบ้าง ถ้าระบุชื่อยาได้ก็ยิ่งดี เพื่อป้องกันการทำปฏิกิริยาระหว่างยาแต่ละตัว ( ยาตีกัน ) และ รักษาประจำที่ไหน ประวัติการแพ้ยา หรือ ปัญหาเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ถ้าเคยแพ้ยา ยาชื่อว่าอะไร ยามีลักษณะอย่างไร เมื่อแพ้ยา มีอาการอย่างไรบ้างและไปรับการรักษาที่ไหน รักษาอย่างไร ต้องนอนในโรงพยาบาลหรือไม่ คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร อะไรที่คุณคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญเกี่ยวกับการรักษา เช่น ราคา ผลข้างเคียงของยาต่อการทำงาน หรือ อยากได้ยาที่แพทย์คิดว่าดีที่สุด ซึ่งอาจมีราคาสูง หรือ อยากได้ยาที่มีจำนวนครั้งที่รับประทานยาไม่บ่อย การรักษาที่ได้รับครั้งก่อน รักษาอย่างไร รู้สึกว่าทำให้อาการของโรค ดีขึ้น เหมือนเดิมหรือแย่ลงกว่าเดิม 2. ปฏิบัติตามแนวทางการรักษา เมื่อคุณ เห็นด้วยกับแนวทางรักษาของแพทย์ คุณควรถาม และ บอกสิ่งที่คุณต้องการ หรือ กังวลใจอยู่ ไม่ควรหยุดยาเอง เพราะ รู้สึกว่าดีขึ้น ไม่ควร ซื้อยาเพิ่ม แล้วนำมารับประทานต่อเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ไม่ควร เพิ่ม หรือ ลด ปริมาณยา จากที่แพทย์ได้แนะนำ ถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับยา หรือ วิธีรักษา ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง คำถามที่ควรถามเกี่ยวกับยา ที่คุณได้รับ ยา ชื่ออะไร เป็นชื่อทางการค้า หรือ ชื่อทั่วไป ยามีฤทธิ์อย่างไร ใช้เพื่อรักษาอะไร รับประทานอย่างไร วันละกี่ครั้ง เวลาไหนบ้าง ก่อนหรือหลังอาหาร ครั้งละกี่เม็ด และ ต้องรับประทานไปนาน แค่ไหน กี่วัน กี่เดือน กี่ปี เมื่อไรจึงจะหยุดยาได้ ถ้าอาการดีขึ้น จะลดปริมาณยา หรือ หยุดยาได้หรือไม่ ผลข้างเคียงของยา ที่อาจเกิดขึ้น และ เมื่อเกิดผลข้างเคียงขึ้น ควรจะทำอย่างไร ถ้าลืมกินยา จะเกิดอะไรขึ้น และ ควรทำอย่างไร อะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อรับประทานยา เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ยาอื่น หรือ กิจกรรมในชีวิตประจำวัน มีเอกสาร หรือ สามารถเขียนข้อมูลต่าง ๆ ให้ด้วยหรือไม่ 3. คุณควรบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แพทย์ทราบ เช่น สิ่งที่คุณกังวลเกี่ยวกับการใช้ยา หรือ การรักษาอื่น ๆ ถ้าคุณไม่ได้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง เช่น หยุดยาเองเมื่อรู้สึกดีขึ้น ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ และสิ่งที่สำคัญก็คือ ยาที่ได้รับ ไม่ควรแบ่งให้คนอื่นรับประทาน สังเกตปัญหา หรือ ผลข้างเคียงจากการรักษา ปัญหาที่เกิดขึ้น ภายหลังรับประทานยา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับยา จะรู้ได้อย่างไรว่ายาที่ได้รับนั้นใช้ได้ผล ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผล จะได้ไม่หยุดยาเองเพราะคิดว่ายาไม่ได้ผล เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบ ถ้าได้ผลอาการปวดก็จะลดลง ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 1-2 อาทิตย์จึงจะเห็นผล เป็นต้น ดัดแปลงจาก Prescription Medicines and You. AHCPR Publication No. 96-0056, October 1999. http://www.ahcpr.gov/consumer/ncpiebro.htm Posted by : jr , E-mail : (jittawat.r@psu.ac.th) , Date : 2008-01-09 , Time : 13:36:36 , From IP : 172.29.14.182 |
อื่ม Posted by : alonzo , Date : 2008-01-10 , Time : 01:55:45 , From IP : 172.29.21.225 |
สอบข้อเขียนแพทย์ม.อ.ผ่านแล้วคับ ยังรอลุ้นว่าจะสัมภาษณ์ผ่านหรือปล่าว ดีใจจังคับ Posted by : แอม , E-mail : (st_learner@hotmail.com) , Date : 2008-01-10 , Time : 20:00:18 , From IP : 222.123.138.122 |
ยินดีด้วยครับ Posted by : alonzo , Date : 2008-01-10 , Time : 21:28:01 , From IP : 172.29.21.225 |
ขอบคุณครับอาจารย์ บรรทัดสุดท้ายนี่ผมชอบมากครับ เป็นแนวคิดที่ดี Posted by : alonzo , Date : 2008-01-15 , Time : 20:06:49 , From IP : 172.29.21.225 |
คิดว่าแพทย์ของ มอ. ที่จบออกมาแล้วทั้งที่ทำงานที่ มอ. หรือทำงานที่อื่นล้วนเป็นแพทย์ที่มีคุณภาพ จากที่ประสบ ที่เห็น ที่ได้รู้จักมานั้นล้วนมีอัธยาสัยที่ดี อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นแต่เป็นส่วนมาก ฉนั้นไม่ควรเหมารวมครับ เพราะผู้ที่ตั้งใจเรียนแพทย์ทุกคนล้วนคิดว่าจะได้รักษาผู้ป่วย ถ้าคุณคิดแบบนี้แล้วแพทย์ที่มีคุณภาพจะเสียกำลังใจ เพราะมีคนที่คิดกับคุณหมออย่างนี้อยู่ Posted by : san , E-mail : (coco_line23@hotmail.com) , Date : 2008-02-14 , Time : 16:24:53 , From IP : 117.47.210.75 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.016 seconds. <<<<< |