ความคิดเห็นทั้งหมด : 11

ขอไว้อาลัยต่อแพทยสภาครับ พรุ่งนี้ใส่ชุดดำไปราวน์กันดีไหมครับ


   จำคุก3ปี หมอรพ.ร่อนพิบูลย์ผ่าไส้ติ่งตาย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 ธันวาคม 2550 07:52 น.


ศาลจังหวัดทุ่งสง พิพากษาคดีผ่าตัดไส้ติ่งตายรพ.ร่อนพิบูลย์ หมอติดคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา แพทยสภามึนบอกผู้เสียหายให้มาร้องเรียนหมอผิดจริยธรรมใหม่ได้


วานนี้ ( 6 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสง ซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ ร่วมกับน.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรของนางสมควร แก้วคงจันทร์ผู้ตายโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องในคดีอาญานพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 1 และพญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลฯ เป็นจำเลยที่ 2 เนื่องจากทำการผ่าตัดไส้ติ่งนางสมควรด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังโดยประมาทเ ลินเล่อ เพราะไม่เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และยาแก้ไขภาวะแทรกซ้อน ทำให้ผู้ตายหยุดหายใจ สมองขาดเลือดและออกซิเจน จนกระทั่งเสียชีวิตในวันที 5 มิ.ย. 2545 ที่ผ่านมา โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังคำพิพากษาเป็นจำนวนมาก

โดยนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดทุ่งสง พร้อมกับน.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรของนางสมควร แก้วคงจันทร์ผู้ตายซึ่งเป็นโจทก์และญาติๆ โดยศาลมีคำตัดสินว่า เนื่องจากการที่จำเลยที่ 2 คือ พญ.สุทธิพร ไกรมาก เป็นแพทย์ผู้ฉีดยาระงับความเจ็บปวดเข้าไขสันหลังของนางสมควร ผู้ตายจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังทั้งวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการแพทย์ที่ได้เรียนมา จักต้องฉีดยาเข้าไขสันหลังในจำนวนปริมาณที่เหมาะสมในระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 นพ.พีระ คงทองผ่าตัดไส้ติ่งให้สำเร็จ

ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 อาจใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอ โดยพฤติการณ์และวิชาชีพแต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 อาจกระทำได้ แต่จำเลยที่ 2 หาได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอไม่ จำเลยที่ 2 ฉีดยาชาเข้าทางไขสันหลังของนงสมควร โดยมิได้ควบคุมปริมาณของยาให้เพียงพอกับการที่จะผ่าตัดจำเลยที่ 2 ฉีดยาระงับความเจ็บปวด ในปริมาณที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ยาชาออกฤทธิ์ลุกลามไปทั้งตัวของนางสมควร จนเกิดอาการช็อคหัวใจหยุดเต้นทันที ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวขาดอากาศหายใจ เป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตายพยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำห นักรับฟังได้ตามคำฟ้องของโจทย์ ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นไม่มีความผิดตามฟ้องดังได้วินิจฉัยมาแล้วก่อนหน้านี้จึงยกฟ้องจำเลยที่ 1 และพิพากษาให้ จำเลยที่ 2 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 จำคุก 3 ปี

“วันนี้หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว น้องศิริมาศขอศาลว่าไม่ให้ใส่กุญแจมือ และไม่ให้ขังคุณหมอ ศาลท่านก็กรุณา และให้ประกันตัวหมอออกไปสู้คดี ซึ่งฝ่ายหมอมีสสจ.จังหวัดที่มีมติว่าหมอไม่ผิด สปสช.จังหวัด และเจ้าหน้าที่กระทรวงไปให้กำลังใจกันหลายคน คำพิพากษาของคดีนี้ศิริมาศจะนำไปยื่นให้ศาลฎีกาในคดีแพ่งต่อไปด้วย”นางปรียน ันท์กล่าว

ขณะที่นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่มีการฟ้องร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมของแ พทยสภามีจำนวนมาก

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คดีนี้ได้ดำเนินการตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของนพ.พีระ คงทอง ว่าคดีไม่มีมูล ถือว่าไม่มีความผิด แต่ไม่มั่นใจในส่วนของ พญ.สุทธิพร ซึ่งเป็นผู้กระทำการรักษาร่วมมีการพิจารณาร่วมด้วยหรือไม่ และมีเนื้อหาที่ร้องเรียนมาอย่างไรบ้าง ดังนั้นขณะนี้จึงได้ปรึกษาพิจารณาอยู่ว่าเป็นการร้องเรียนในครั้งเดียวกันหร ือไม่ อย่างไรก็ตามหากผู้เสียหายจะมาร้องเรียนต่อแพทยสภาใหม่อีกครั้งก็สามารถกระท ำได้


Posted by : insulin , Date : 2007-12-07 , Time : 21:54:00 , From IP : 172.29.5.207

ความคิดเห็นที่ : 1


   คงต้อง อุธรณ์ครับ แต่ว่า ระหว่างนี้อย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไรก่อนดีกว่านะครับ รอดูก่อนว่าทางคณะคิดกับเรื่องนี้อย่างไร
...
แต่เรื่องราวเกิดขึ้นใกล้กับเรามาก ถ้า มอ. ไม่มี reaction อะไรเลยก็อาจแปลกๆซักหน่อยไหมครับ


Posted by : botsumu , Date : 2007-12-07 , Time : 23:53:01 , From IP : 172.29.9.55

ความคิดเห็นที่ : 2


   ปลัด สธ.วอนสังคมเห็นใจแพทย์คดีผ่าตัดไส้ติ่งตาย รวมถึงแพทย์ทั่วประเทศที่ต้องรับภาระหนัก ไม่มีใครอยากให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เผยแต่ละปีต้องทำผ่าตัดใหญ่กว่า 6 แสนครั้ง แต่มีหมอดมยาเพียง 107 คน ระบุคดียังไม่ยุติจะรอการตัดสินจากศาลอุทธรณ์อีกครั้ง ชี้ หากแพทย์โรงพยาบาลชุมชน 800 แห่ง ปฏิเสธการทำผ่าตัด จะก่อปัญหาระบบบริการ

จากกรณีที่ศาลจังหวัดทุ่งสง มีคำพิพากษาให้จำคุก พญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเวลา 3 ปี ในข้อหากระทำโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยระบุว่า พญ.สุทธิพร อาจใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ ฉีดยาชาเข้าไขสันหลังของผู้ป่วย โดยมิได้ควบคุมปริมาณของยาให้เหมาะสม เป็นเหตุให้ยาชาออกฤทธิ์ลุกลามไปทั้งตัว จนเกิดอาการช็อก หัวใจหยุดเต้นทันที ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ขาดอากาศหายใจ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายในเวลาต่อมานั้น

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อยากขอร้องให้สังคมไทยเห็นใจและให้กำลังใจแพทย์ที่เสียสละปฏิบัติงานในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ชนบทห่างไกลทุรกันดาร ที่ต้องทำงานอยู่ในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ผู้ถูกฟ้องร้องรายนี้ หรือแพทย์คนอื่นๆ ในโรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ ต่างก็ได้รับมอบหมายจาก สธ.ให้ทำหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาลประชาชน และทุกคนต่างตั้งใจปฏิบัติงานเพื่อให้ผู้ป่วยทุกรายหายจากเจ็บป่วย ไม่มีใครต้องการให้ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งตามกฎหมายของแพทยสภา แพทย์ทุกคนสามารถดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทุกประเภท แม้ว่าจะไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะผู้ป่วยมีจำนวนมาก

นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้โรงพยาบาลของ สธ.จะต้องผ่าตัดผู้ป่วยปีละเกือบ 6 แสนครั้ง แต่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดมยาอยู่ในโรงพยาบาลน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการผ่าตัด โดยมีแพทย์ดมยาทั้งหมด 107 คน อยู่ในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 106 คน และอยู่ในโรงพยาบาลชุมชนเพียง 1 คน ขณะที่ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใหญ่ได้ ต้องให้การรักษาหรือผ่าตัดอย่างเร่งด่วนทันที เพื่อช่วยชีวิตในการผ่าตัดจึงต้องใช้แพทย์ทั่วไป ซึ่งมีความรู้พื้นฐานด้านการดมยามาแล้ว จากการศึกษาแพทย์ และพยาบาลดมยาช่วยทำการผ่าตัด ซึ่งที่ผ่านมาก็พบว่ามีความปลอดภัยดี

“คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด เพราะมีการอุทธรณ์เพื่อให้ศาลสูงพิจารณาวินิจฉัย ดังนั้น สธ.จะได้ศึกษารายละเอียดคำพิพากษาของศาลจังหวัด และรอการตัดสินจากศาลอุทธรณ์อีกครั้ง เพื่อนำมาสร้างเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติงานของแพทย์ในชนบทต่อไป เพราะถ้าแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนปฏิเสธการผ่าตัด เนื่องจากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยอีกจำนวนมากก็จะประสบอันตราย เพราะระบบสาธารณสุขของไทย ยังขาดแคลนแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ โดยเฉพาะแพทย์ดมยา แพทย์ผ่าตัด อยู่อีกมาก”นพ.ปราชญ์ กล่าว


Posted by : insulin , Date : 2007-12-08 , Time : 07:57:04 , From IP : 172.29.5.145

ความคิดเห็นที่ : 3


   แพทยสภาออกโรงปกป้องหมอ ชี้ ผลพิพากษาทำหมอขวัญเสีย ไม่กล้ารักษาผู้ป่วย ต้องส่งต่อให้วางยาสลบอย่างเดียว และผ่าตัด รพ.ที่มีความพร้อมมากกว่าแทน ส่งผลกระทบผู้ป่วยยิ่งเสี่ยงเสียชีวิตสูง พร้อมเตรียมขอข้อมูลจากศาล ทบทวนตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมใหม่ ขณะที่ปลัด สธ.บ่นรับไม่ได้ เตรียมตั้งทนายช่วยเหลือเต็มที่

วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่แพทยสภา นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาให้จำคุก พญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากผ่าตัดไส้ติ่ง นางสมควร แก้วคงจันทร์ ด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง โดยประมาท ทำให้ นางสมควร เสียชีวิต โดยศาลลงโทษให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี ว่า แพทยสภารู้เสียใจต่อวงการแพทย์ และถือเป็นอุทาหรณ์ ซึ่งต่อจากนี้ การผ่าตัดใดๆ ก็ตาม ที่ต้องมีการดมยาสลบ หรือยาระงับความรู้สึกโดยการฉีดเข้าทางช่องไขสันหลัง ควรต้องทำในโรงพยาบาล ที่มีวิสัญญีแพทย์เท่านั้น เพราะแพทย์จะมีความเสี่ยงอย่างมาก หากผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และอันตรายถึงชีวิตได้

“ผลการพิพากษาในครั้งนี้ มีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของแพทย์ และอาจทำให้แพทย์ตื่นตระหนก จนไม่กล้าเสี่ยงที่จะตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วย ทำให้ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัด หรือโรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่า ซึ่งจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตสูงขึ้น” นพ.อำนาจ กล่าว

นพ.อำนาจ กล่าวต่อว่า ต่อไปในทางการแพทย์จะมีผลกระทบรุนแรง เพราะไทยมีปัญหาขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะวิสัญญีแพทย์ ยังมีไม่ครอบคลุมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนเกือบ 700 แห่งทั่วประเทศ มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีวิสัญญีแพทย์ประจำโรงพยาบาล ซึ่งกรณีเช่นนี้โรงพยาบาลที่ไม่มีวิสัญญีแพทย์ก็ไม่สามารถทำการรักษาผู้ป่วยด้วยการผ่าตัดที่จำเป็นต้องดมยา หรือฉีดยาระงับความรู้สึกเข้าทางไข้สันหลังได้ ทำให้ต้องส่งผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่าแทน ซึ่งจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่เพิ่มขึ้นเกินขีดความสามารถที่จะรักษาได้ จะทำให้เกิดความล่าช้า และเกิดความผิดพลาดได้ในที่สุด

นพ.อำนาจ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของ พญ.สุทธิพร ที่มีคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษแล้วนั้น ทางแพทยสภาจะนำคำพิพากษาของศาล รวมถึงกระบวนการสืบพยาน การให้ปากคำของพยานบุคคลทั้งหมดมาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อทบทวนว่ากรณีดังกล่าวความผิดเกิดจากแพทย์จริงหรือไม่ หรือเกิดจากความผิดพลาดตรงไหน เพื่อเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายได้ทบทวนร่วมกันอีกครั้ง ทั้งนี้ การพิจารณาคดีความเสียหายทางการแพทย์ ไม่ควรใช้กฎหมายอาญาเป็นหลักในการพิจารณา แต่ควรมีกฎหมายพิเศษที่เป็นกฎหมายเฉพาะ เพื่อสามารถพิจารณาได้ว่ากรณีใดเป็นความประมาทของแพทย์ หรือกรณีใดที่ไม่ประมาท รวมถึงควรมีศาลพิจารณาคดีทางการแพทย์แยกจากศาลอาญาด้วย เพราะการแพทย์เป็นเรื่องเฉพาะทางควรให้ผู้เชี่ยวชาญตัดสิน

ขณะที่ ศ.นพ.ธารา ตริตะการ ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อดีตประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลังการดมยา หรือฉีดยาระงับประสาททางไขสันหลังสามารถเกิดขึ้นได้ หากเป็นการดมยา มักจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องปอด และโรคหัวใจ โดยผู้ป่วย 10,000 ราย จะมีอัตราการเสียชีวิต 5-6 ราย แต่หากเป็นการฉีดยาเข้าทางไขสันหลังมักจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีร่างกายแข็งแรง หรือนักกีฬา โดยผู้ป่วย 10,000 ราย มีอัตราการเสียชีวิต 2-6 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางการแพทย์ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

“กรณีของแพทย์ที่ถูกตัดสินจำคุกนั้น เป็นแพทย์ที่ตั้งใจทำงานอย่างมาก แต่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิด สามารถเกิดขึ้นได้เอง และอาจเกิดขึ้นจากความประมาทหรือไม่ก็ได้ แต่เชื่อว่า แพทย์ไม่เจตนาทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าศาลมีข้อมูลหรือมีความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลการเกิดภาวะแทรกซ้อนด้วยหรือไม่” ศ.นพ.ธารา กล่าว

ศ.นพ.ธารา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทย มีวิสัญญีแพทย์ ประมาณ 700 กว่าคน ในจำนวนนี้เป็นแพทย์ในสังกัดโรงพยาบาลของรัฐ ประมาณ 200 กว่าคน ส่วนที่เหลือเป็นแพทย์ในสังกัดโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ แพทย์สาขาอื่นก็ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้วยเช่นกัน ทั้งศัลยแพทย์ สูตินรีแพทย์ ศัลยแพทย์สมองและกระดูก เป็นต้น ซึ่งหากมีการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อม หรือมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปอีก จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงในการเสี่ยงชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า เพราะได้รับการรักษาล่าช้าไม่ทันท่วงที

ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในงานประชุมโครงการแนวทางการสนับสนุนการสร้างขวัญกำลังใจสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน ที่จัดโดยชมรมแพทย์ชนบท ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต ด้วยว่า ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายของ สธ.ติดต่อขอเนื้อหาคำพิพากษาและคำร้องจากศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด เพราะมีการอุทธรณ์เพื่อให้ศาลสูงพิจารณาวินิจฉัย และตนต้องการจะพบตัว และหารือกับ พญ.สุทธิพรอย่างมาก เพื่อจะหาทนายของ สธ.ไปช่วยเหลือ และจะดำเนินการอุทธรณ์ต่อไปเพื่อนำมาสร้างเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติงานของแพทย์ในชนบทต่อไป

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก เพราะเป็นการนำผลการฟ้องร้องที่แพ้ในคดีทางแพ่งไปฟ้องร้องต่อในคดีอาญา ซึ่งในครั้งที่ผ่านมา นพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จำเลยที่ 1 และ พญ.สุทธิพร ถูกกักบริเวณ ซึ่งสาเหตุมาจากความผิดพลาดจากการผ่าตัดไส้ติ่งที่ไม่มีวิสัญญีแพทย์ร่วมผ่าตัดด้วย แต่ในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นของ พญ.สุทธิพร คือ การประมาทเลินเล่อ เนื่องจากการฉีดยาโดยประมาทเลินเล่อ ซึ่งขณะนี้วิสัญญีแพทย์ในโรงพยาบาลจังหวัดที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ไม่ถึง 50% ของโรงพยาบาลจังหวัดทั่วประเทศ นี่คือความทุกข์ที่เราได้รับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้เลย” นพ.ปราชญ์ กล่าว


Posted by : insulin , Date : 2007-12-08 , Time : 07:58:26 , From IP : 172.29.5.145

ความคิดเห็นที่ : 4


   7 ​ธันวาคม​ 2550

​เพื่อนแพทย์ที่รัก​ :

1) ​จดหมาย​ฉบับ​นี้ผมมี​เรื่องที่น่า​เศร้า​ ​และ​เป็น​เรื่องที่กระทบกระ​เทือนทางจิตใจเพื่อน​ ​ๆ​ ​ของเราทุก​ ​ๆ​ ​คน​ ​แ​ ​ละก็​เป็น​เรื่องที่​เป็น​ตัวอย่าง​ให้​พวกเราพึง​ใช้​ความ​ระมัดระวัง​ให้​มาก​ ​ๆ​ ​ถ้า​เพื่อน​ ​ๆ​ ​ย้อนไปดู​ ​จดหมาย​ฉบับ​ลงวันที่​ 6 ​กุมภาพันธ์​ 2549 ​ของผม​ ​ซึ่ง​ผมเคยเล่า​เรื่อง​ให้​ฟัง​ถึง​คดีตัวอย่างที่​โรงพยาบาลอำ​เภอร่อนพิบูลย์​ ​ซึ่ง​คนไข้​ 1 ​คน​ ​ได้​มารับการผ่าตัดไส้ติ่ง​ ​โดย​แพทย์​ผู้​อำ​นวยการ​เป็น​ผู้​ผ่าตัด​ ​และ​มีน้องแพทย์หญิง​ (แพทย์​ใช้​ทุน) ​มา​ช่วย​เหลือ​ ​โดย​ช่วย​ทำ​ Spinal Block ​ให้​ ​โดย​ใช้​ Marcain ​ปรากฏว่าคนไข้​เสียชีวิต​โดย​ไม่​ทราบสา​เหตุ​ ​(​ซึ่ง​ใน​ระยะ​นั้น​ปรากฏว่าการ​ใช้​ Marcain ​ใน​การทำ​ Spinal Block ​มีการเสียชีวิตหลายต่อหลายราย​ ​ซึ่ง​ทางราชวิทยาลัยวิสัญญีก็พยายามหาสา​เหตุ​และ​ทบทวนขั้นตอน​ใน​การปฏิบัติทั้​ ​งหมด​ ​ก็​ยัง​ไม่​ทราบสา​เหตุที่​แน่นอนว่าทำ​ไม​ผู้​ป่วย​จึง​เสียชีวิต​ ​จึง​ได้​พยายามออกวิธีปฏิบัติ​ ​เมื่อ​จะ​ต้อง​ใช้​ Spinal Block ​ด้วย​ Marcain ​และ​ก็​ยัง​พบว่า​ ​แม้ว่า​จะ​ทำ​ตามขั้นตอน​ทั้ง​หมด​แล้ว​ก็​ยัง​มี​เสียชีวิต​อยู่​บ้าง​ ​ซึ่ง​โดย​สรุป​แล้ว​ก็​ยัง​ไม่​รู้สา​เหตุ​ ​จึง​ขอ​ให้​แพทย์ที่​จะ​ใช้​ยาระงับ​ความ​รู้สึก​โดย​วิธี​ Spinal Block ​ให้​พึงตระหนัก​ใน​เรื่องการเสียชีวิต​ให้​มาก​ ​ๆ​)

​คนไข้รายนี้​เป็น​คนไข้บัตรทองของ​ ​พรบ​. ​หลักประ​กันฯ​ ​และ​ได้​รับเงิน​ช่วย​เหลือเบื้องต้นไปเรียบร้อย​แล้ว​ ​ตามมาตรา​ 41 ​(​ซึ่ง​ไม่​ได้​มีการพิสูจน์ว่า​ผู้​ประกอบวิชาชีพถูก​หรือ​ผิด) ​แต่ญาติ​ผู้​ป่วย​ได้​ฟ้องคดี​แพ่งต่อกระทรวงสาธารณสุข​ใน​ฐานะต้นสังกัด​ ​ศาลขั้นต้น​ได้​ตัดสิน​ให้​กระทรวงสาธารณสุขแพ้​ ​ใน​ชั้นอุทธรณ์​ ​ศาลอุทธรณ์​ได้​ตัดสินยก​ ​คือ​ ​ให้​กระทรวงสาธารณสุข​ไม่​ต้อง​รับผิด​ ​จึง​รอศาลฎีกา​ (คดี​แพ่ง) ​แต่​ใน​ระหว่างนี้ญาติ​ได้​ร้องต่ออัยการเขต​และ​ ​อัยการ​ได้​เป็น​โจทย์​และ​ญาติ​ผู้​ป่วยก็​เป็น​โจทย์ร่วม​ใน​การฟ้องคดีอาญา​ ​แพทย์​ผู้​ผ่าตัด​และ​ฟ้องแพทย์หญิง​ (แพทย์​ใช้​ทุน) ​ผู้​ทำ​ Spinal Block ​ว่าประมาท​เป็น​เหตุ​ให้​ผู้​อื่น​เสียชีวิต​ ​ปรากฏว่า​เมื่อวานนี้​ 6 ​ธันวาคม​ ​ศาลจังหวัดทุ่งสง​ ​ได้​ตัดสินแพทย์​ผู้​จะ​ทำ​ผ่าตัด​ไม่​ผิด​ ​แต่น้องหมอ​ผู้​หญิง​ (แพทย์​ใช้​ทุน) ​ติดคุก​ 3 ​ปี​ ​โดย​ไม่​มีการรอลงอาญา​ ​น้องหมอ​ผู้​หญิง​จึง​ต้อง​ใช้​ตำ​แหน่ง​ & ​สมุดเงินฝากอีก​ 1 ​แสนบาท​ ​ประ​กัน​ตัวออกมา​ ​มิฉะ​นั้น​จะ​ต้อง​ติดคุกไปเรื่อย​ ​ๆ​

​คำ​ถาม​ถึง​มีมากมายว่า​ ​การประกอบวิชาชีพเพื่อ​ช่วย​เหลือ​ผู้​อื่น​ตามหน้าที่​ ​ทำ​ไม​ถึง​ติดคุก​กัน​ง่าย​ ​ๆ​ ​เช่นนี้​เชียว​หรือ​ ​หรือ​ว่าต่อสู้คดี​ไม่​เก่ง​ ​แสดงว่าทำ​ด้วย​เจตนาดีอย่างไร​ ​แต่​ถ้า​ต่อสู้คดี​ไม่​เก่งก็​ไม่​รอด​ใช่​ไหม​ ?

​ซึ่ง​ใน​ชั้นศาล​นั้น​ ​อาจารย์สุรีรัตน์​ ​อดีตประธานราชวิทยาลัยวิสัญญี​ ​ก็​ไป​ให้​การว่ามัน​เป็น​เหตุสุดวิสัย​ ​ไม่​สามารถ​จะ​ป้อง​กัน​ได้​ ​และ​ทำ​ตามขั้นตอน​แล้ว​ ​อาจารย์ธารทิพย์​ ​ประธานราชวิทยาลัย​ ​ก็​ให้​การต่อศาลทำ​นองเดียว​กัน​ ​และ​อาจารย์​ทั้ง​ 2 ​ท่าน​ ​ยัง​ให้​การต่อศาลว่า​ ​เหตุการณ์​เช่นนี้มีคนไข้​เสียชีวิต​จาก​การ​ Spinal Block ​โดย​ไม่​ทราบสา​เหตุ​ ​ทั่ว​โลกก็มีอุบัติการณ์​อยู่​เป็น​ระยะ​ ​ๆ​ ​โดย​ไม่​ได้​เกิด​จาก​ความ​ประมาทแต่อย่าง​ใด​ ​แต่คำ​ให้​การของอาจารย์​ทั้ง​ 2 ​ท่าน​ ​ไม่​ได้​มีน้ำ​หนักพอ​ ​แต่ศาลไป​ให้​น้ำ​หนัก​กับ​แพทย์​ 1 ​คน​ ​ซึ่ง​ชอบไป​เป็น​พยาน​ให้​โจทย์​เวลาฟ้องแพทย์​ (ขณะนี้​ทั้ง​หมดมี​ 2-3 ​คน) ​ซึ่ง​แพทย์คนนี้ก็​ไม่​ได้​เป็น​แพทย์วิสัญญี​ ​ซึ่ง​ผลสุดท้ายศาล​จึง​ได้​ตัดสินว่า​แพทย์ประมาท​ ​ทำ​ให้​เกิด​ Total Block ​ผู้​ป่วย​จึง​เสียชีวิต​ ​จึง​ตัดสินจำ​คุก​ 3 ​ปี​ ​และ​ไม่​รอลงอาญา​


​ราชวิทยาลัยบอกว่า​ Total Block ​มัก​จะ​เกิด​ใน​ Epidural ​ไม่​ใช่​ Spinal ​แต่ว่าขณะนี้ศาลก็​ได้​เชื่อ​และ​ตัดสินไป​แล้ว​ ​คงเหลือแต่​ความ​ทุกข์​โดย​ตรงที่​เกิดขึ้นอย่าง​ใหญ่​หลวง​กับ​น้องแพทย์หญิง​ใช้​ทุน​ ​ที่น่าสงสารคนนี้​ ​และ​เพื่อน​ ​ๆ​ ​แพทย์ที่​เหลือ​ทั้ง​หมดที่กระ​เทือนใจอย่าง​ใหญ่​หลวง​

​แต่อย่างไรก็ดีผมใคร่ขอวิงวอน​ให้​กระทรวงสาธารณสุข​ ​จะ​ต้อง​เป็น​เจ้าภาพ​ใน​การแก้​ไขปัญหาของน้องแพทย์หญิง​ใช้​ทุนที่ถูกตัดสินติดคุก​ 3 ​ปี​ ​ทั้ง​ ​ๆ​ ​ที่​โดย​ความ​เห็นของแพทย์​ส่วน​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​ส่วน​รับทราบ​ใน​คดีนี้​ ​น้อง​ได้​ทำ​งาน​โดย​เจตนาดีที่​จะ​ช่วย​เหลือ​ผู้​ป่วย​ ​แต่พอมี​เหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น​โดย​ทำ​ได้​ตามมาตรฐาน​แล้ว​กลับ​ต้อง​รับโทษติดคุก​ ​และ​การไป​ใช้​ทุนตามโรงพยาบาลอำ​เภอต่าง​ ​ๆ​ ​ก็​ไปดู​แลประชาชนตาม​ความ​ต้อง​การ​ ​โดย​มีกระทรวงสาธารณสุข​เป็น​ผู้​ส่งไป​ ​และ​ผมคิดว่า​ถ้า​กระทรวงสาธารณสุข​เป็น​เจ้าภาพ​ ​จะ​มีองค์กรทางการแพทย์​ทั้ง​หมดสนับสนุนอย่างแน่นอน​

2) ​ใน​วันที่​ 23 ​ธันวาคม​ ​นี้​ ​ผมขอ​ให้​พวกเรา​ไป​ใช้​สิทธิ์​เลือกตั้ง​ ​สส​. ​กัน​ทุก​ ​ๆ​ ​คนนะครับ​ ​และ​เป็น​ที่น่าสังเกตว่ามี​แพทย์รับสมัคร​เป็น​ ​สส​. ​อยู่​หลาย​ ​ๆ​ ​คน​ ​จาก​หลาย​ ​ๆ​ ​เขต​ ​ขอ​ให้​เพื่อน​ ​ๆ​ ​ได้​พิจารณา​ด้วย​ ​โดย​เฉพาะ​แพทย์ที่​ยัง​มี​ความ​รัก​ & ​เข้า​ใจ​ใน​เพื่อนแพทย์ที่​ยัง​ต้อง​ ​ประกอบอาชีพ​อยู่​


​ขอ​ให้​โชคดีทุก​ ​ๆ​ ​คน​

​รัก​ & ​ห่วงใยเพื่อนร่วมวิชาชีพ​

(นายแพทย์​เอื้อชาติ​ ​กาญจนพิทักษ์)


Posted by : insulin , Date : 2007-12-08 , Time : 21:53:48 , From IP : 172.29.5.207

ความคิดเห็นที่ : 5


   เมื่อครู่​เพิ่ง​เข้า​ไปดู​เว็บเครือข่าย​ ​เขา​ประกาศชื่อเอง​แล้ว​ว่าเป็นพยานโจทย์ ​คือ​
1. ​นพ​.​เทพ​ ​เวชวิสิฐ​ ​เจ้าของประตูน้ำ​โปลีคลินิค​ ​และ​
2. ​นพ​.​ประดิษฐ์​ ​ธรรมเวช


Posted by : insulin , Date : 2007-12-08 , Time : 21:57:40 , From IP : 172.29.5.207

ความคิดเห็นที่ : 6


   ผมว่าเรื่องนี้ไม่สมควรครับ จำคุกโดยไม่รอลงอาญา

ถามหน่อยมีหมอคนไหนมั้ยอยากให้คนไข้ตาย อย่างนี้ขอได้ไหมว่า

ไม่รักษาไม่ผิดจรรยาบรรณ สมาชิกทั้งหลายมีแนวทางในการเคลื่อนไหว

อย่างไรโปรดบอกด้วยครับ ผมยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่เลย


Posted by : Yorestinowa , Date : 2007-12-09 , Time : 11:47:17 , From IP : 210-86-142-200.stati

ความคิดเห็นที่ : 7


   ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอสุทธิพรด้วยใจจริง

กรณีเกิดปัญหาเช่นนี้ขอแนะนำให้
๑. หาทนายที่เก่ง ๆ ทันที
หาที่ไหน รู้ได้อย่างไรว่าเก่ง
ทนายที่เก่ง คือทนายที่เอาการเอางาน ให้ความสำคัญต่อเอกสารและขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ ทนายกลุ่มนี้มักจะสอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคดีอย่างเอาเป็นเอาตาย หาได้โดยการสอบถามคนในวงการหรือปรึกษาจากอัยการของรัฐ
๒. คุณหมอมีความผิดตามปอ. ๒๙๑ (ประมาท) โอกาสชนะในศาลอุทรมีน้อยเพราะศาลจะพิจารณาจากข้อมูลของศาลชั้นต้น ดังนั้นในศาลชั้นต้นควรเชิญพยานผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยมาให้การทุกครั้ง ข้อเท็จจริงจึงอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการ โอกาสชนะสูงมากตั้งแต่ชั้นต้น
ตรงจุดนี้ ทางแพทยสภารับรู้เรื่องการดำเนินคดีมาตลอด ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมปล่อยให้ผ่านไปได้ ทำให้พยานแพทย์ทั้ง ๒ คนซึ่งมีประวัติที่ไม่ดีมาก่อนไปให้การในศาลได้อย่างไรโดยทั้ง ๒ คนก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาวิสัญญีเลย การเจรจาชดใช้วิธีเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดแน่นอน ผมคิดว่าแพทยสภามัวแต่เล่นการเมืองเกินไป โดยดูจากตั้งแต่การเลือกตั้งและผลงานในเชิงการตลาดมาตลอด
๓. แพทยสภาควรตั้งทีมกฏหมายเพื่อให้คำแนะนำแก่สมาชิกที่เกิดปัญหา กรุณาอย่าเอาความเห็นจากทีมแพทยสภาที่เป็นแพทย์และจบกฏหมายมาเป็นตัวตัดสิน เพราะการค้าความในศาลทนายที่เก่งจะมีประสบการและความสามารถที่แตกต่างจากความรู้และความรู้สึกของแพทย์พวกนี้มากหลายเท่าทีเดียว
๔. แพทยสภาควรต้องทบทวนตัวเองให้มากหน่อย

สุดท้ายแต่อาจไม่ท้ายสุด คงอยู่ที่การพูดจาของแพทย์ ความเป็นผู้นำของผู้บังคับบัญชาและก.สาธาณสุข พยามให้เรื่องจบในโรงพยาบาลหรือสสจ.โดยฝ่ายแพทย์ไม่เสียหายหรือเสียเปรียบจนเกินควร หากไม่จบก็ต้องมีทีมนักกฏหมายที่เป็นมืออาชีพเป็นที่ปรึกษาทุกครั้ง


Posted by : angee , Date : 2007-12-09 , Time : 12:41:28 , From IP : 172.29.14.242

ความคิดเห็นที่ : 8


   ดีครับ สำหรับกระทู่ นี้ อ่านแล้ว ผม กะว่า จะลาออก ภายในปี นี้ ทำงาน มา 3 ปี แล้ว เป็นGP รพชุมชน งานก็หนัก งานบริหารก็เหนื่อย คนไข้ ก็แห่ กันมาใช้ ระบบรับยาฟรี (บัตรทอง) วันๆๆ ต้องตรวจ 60 กว่าคน ถ้า เป็นวัน ที่เป็น DM, HT เคยสูงสุด ถึง 120 คน แค่เขียน order ก็หิวข้าว มือสั่นแล้ว พักเที่ยงจะไปกินข้าวยังลำบาก เห็นข่าว นี้ แล้ว สลดใจ ต่อไป ก็จะ REFER มากขึ้นครับ เก็บไว้ ก็เสี่ยง อย่าง RLQ pain ถ้า CBC UA ok ก็ไปเถอะ
เงินเดือน แค่ หมื่นกว่า ๆ ไม่รวมค่าเวร และ ก็ไม่คิดว่าทำไมต้องเอาค่าเวรมาคิดรวม แล้วหาว่าได้เงินเยอะ ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากอยู่เวร คุณภาพชีวิตแย่ บางคน ข้าราชการแก่ ๆ บางคน ทำงานรอวัน เกษียณ เดินไปเดินมา ยังได้มากกว่า แย่ ๆ
สุดท้ายใกล้ เลือกตั้ง ไอ้พวก ที่มันหาเสียง เกี่ยว กับ นโยบาย รักษาฟรี จะเปลี่ยนเป็นยังไง หรือ ให้ ฟอกไตฟรี หรือไม่ ระวังให้ดี มันจะพังกันทั้งระบบ โฆษณา โดยไม่ได้ ดู พื้นฐานของประเทศเลย
อีกเรื่อง แพทย์ ระบบใหม่ ที่จะ ทดแทนใน 3 จังหวัด ชายแดน ก็ระวัง กันให้ดี กับการเร่งผลิต ที่มาก ไป น่ากลัว


Posted by : moon , Date : 2007-12-09 , Time : 15:53:31 , From IP : 125-27-174-103.adsl.

ความคิดเห็นที่ : 9


   ถ้าผมจำไม่ผิด คุณหมอสุทธิพร เคยมาเป็น resident ที่เราประมาณ 1 ปีครับ แต่ลาออกไปเพราะเหตุผลส่วนตัว อย่างนี้อยากรู้เหมือนกันครับว่าเราจะช่วยคุณหมอสุทธิพรได้อย่างไรบ้างครับนอกจากการให้กำลังใจอย่างเดียว
คณะ-องค์กรแพทย์-ตัวแทนแพทยสภาที่เรามีอยู่จะช่วยเหลืออย่างไรบ้างครับ เท่าที่ทราบตอนนี้ผมคิดว่าคุณหมอสุทธิพรคงไม่มีโอกาสกลับมาเป็นแพทย์อีกแล้วมั้งครับ เพราะว่าถูกตัดสินจำคุก ดังนั้นใบประกอบวิชาชีพคงต้องถูกยกเลิกโดยปริยาย เข้าใจว่าคงถูกยกเลิกถาวรด้วยมั้งครับ น่าสงสารครับ


Posted by : insulin , Date : 2007-12-09 , Time : 17:12:47 , From IP : 172.29.5.207

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมขอภัยที่ข้อความข้างต้นมีความคลาดเคลื่อนบางประการเพราะทราบข่าวแล้วมันเกิดอารมณ์ในทางลบมาก ขอแก้ไขและสรุปแบบย่อแล้วกัน

ผมได้สอบถามรายละเอียดจากอัยการที่รับทราบคดีนี้อย่างละเอียดท่านหนึ่งได้ความว่า คดีนี้ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยได้เชิญหัวหน้าวิสัญญีและประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์ให้การในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลแล้ว ซึ่งคำให้การของทั้งสองฝ่ายก็สอดคล้องกันว่าไม่ใช่ total block แพทย์ทั้ง ๒ ท่านได้กระทำถูกต้องตามหลักวิชาการทุกประการ

ทนายร่วมของฝ่ายโจทก์ได้เชิญแพทย์ ท.และแพทย์ ป.มาเป็นพยาน ท.มีประวัติไม่ดีเคยถูกแพทยสภาลงโทษมาไม่ต่ำกว่า ๔ ครั้ง คำให้การไม่มีน้ำหนัก ปัญหาอยู่ที ป.ซึ่งเคยถูกให้ออกจากโรงพยาบาลแถวนั้นฐานทุจริตเลยต้องมาเปิดคลินิกส่วนตัวและไปเป็นหมอเทศบาล ป.ชอบตั้งตัวเป็นศัตรูกับวงการแพทย์มาตลอด รวมทั้งมีคดีฟ้องร้องคาอยู่ที่ศาลนับไม่ถ้วนจนเป็นที่รับรู้ของคนในวงการ และยังรู้จักกับผู้พิพากษา ปภ.ที่ชอบเรื่องไก่ชนมากที่ตัดสินคดีอีกด้วย

ป.ได้ให้การในฐานะ GP ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวหาคุณหมอทั้งสองท่านเต็มที่ ซึ่งก็ถูกหักล้างโดยทนายจำเลยทุกประการ (สามารถตรวจสอบได้จากบันทึกคำให้การ ถ้าเล็ดลอดออกมา) แต่ ปภ.ได้จับประเด็นเพียงจุดเล็ก ๆ จุดเดียวที่ไม่ถูกต้องด้วยของ ป. มาประกอบการตัดสินเท่านั้นโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงและหลักวิชาการของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลย เรื่องราวจึงออกมาแบบนี้

โอกาสชนะในศาลอุทรณ์มีสูงครับ แต่มีข้อแม้ว่าศาลต้องอ่านสำนวนและเข้าใจคำให้การต่าง ๆ โดยเฉพาะของพยานผู้เชี่ยวชาญทางวิสัญญี

แล้วจะดำเนินการอย่างไรกับ ปภ. ? คงต้องพึ่งบทบาทของแพทยสภาให้ทำเรื่องถึงประธานศาลฎีกาว่าตัดสินแบบนี้ได้อย่างไร... ปภ.มีคุณสมบัติพอที่จะ....

ขอยกย่องสสจ. และทนายของจำเลยที่ได้กระทำอย่างเต็มความสามารถแล้วแต่ดันไปเจอ ปภ. ที่อยู่เหนือความคาดหมาย


Posted by : angee , Date : 2007-12-09 , Time : 18:07:35 , From IP : 172.29.14.242

ความคิดเห็นที่ : 11


   กรณีแพทย์หญิงสุทธิพร ยังมีสิทธิตามกฎหมายทุกประการเพราะคดียังไม่ถึงที่สุดคือศาลฎีกา และเป็นคดีประมาท ซึ่งไม่ตัดสิทธิของความเป็นแพทย์จึงยังประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้แน่นอน แต่ปัญหาทางจิตใจนี่สิ พวกเราต้องเอาใจช่วยเต็มที่

Posted by : angee , Date : 2007-12-09 , Time : 18:24:45 , From IP : 172.29.14.242

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<