ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

แปรรูปจุฬาฯชั่วร้ายที่สุด​!​ใน​ประวัติศาสตร์ชาติ​ไทย


    ​การแปรรูปจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคือ​ ​การแปลง​ "สมบัติสาธารณะ​" ​ให้​เป็น"​สินบน" (Briberization) ​ที่ชั่วร้ายที่สุด​ใน​ประวัติศาสตร์ชาติ​ไทย​ ​การแปรรูปจุฬาฯ​เป็น​นโยบายที่อ้างอิงกลไกตลาด​ ​อัน​เป็น​ทฤษฎีที่ผิด​โดย​ธรรมชาติ​

​ใน​ประ​เด็นเรื่องข่าวสารอสมมาตร​ (Asymmetric Information)

สมบัติสาธารณะที่​จะ​ถูกแปลง​ได้​แก่​ ​ทรัพย์สิน​ส่วน​พระองค์​ ​ที่พระราชทาน​ให้​ประชาชนชาวไทย​ใน​การพัฒนาการศึกษาของชาติ​ ​ตามเจตนารมณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า​เจ้า​อยู่​หัว​ ​รัชกาลที่​ 5 ​เพื่อต่อสู้​กับ​การล่าอาณานิคม​ใน​ยุค​นั้น​

"สินบน" ​ที่​จะ​เกิดขึ้น​ใน​ขั้นต้น​ ​ได้​แก่​ ​ผลประ​โยชน์​ส่วน​ตนของ​ผู้​มีอำ​นาจกำ​หนดนโยบาย​ ​ส่วน​สินบนที่​จะ​เกิดขึ้น​ใน​ขั้นสุดท้าย​ได้​แก่​ ​โอกาสการครอบงำ​ทาง​ความ​คิดของ​ผู้​ที่​ต้อง​การยึดประ​เทศไทย​เป็น​เมืองขึ้น​

เครื่องมือ​ใน​การนำ​จุฬาฯออกนอกระบบ​ ​คือ​ ​ร่างพระราชบัญญัติ​ (พ​.​ร​.​บ​.) ​จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​ ​พ​.​ศ​. ... ​ที่กำ​ลัง​อยู่​ใน​ขั้นตอนการแปรญัตติของสภานิติบัญญัติ​แห่งชาติ​(สนช​.) ​จุดเริ่มต้นของร่างพ​.​รบ​.​นี้​ ​คือ​ ​มติคณะรัฐมนตรี​ (ครม​.) 16 ​พฤศจิกายน​2542 ​ซึ่ง​ต้อง​การ​ให้​จุฬาฯดำ​เนินการอย่างมีอิสระ​ ​ซึ่ง​เป็น​นโยบายที่อ้างอิงกลไกตลาดอัน​เป็น"​ทฤษฎีลวงโลก"

หากการนำ​จุฬาฯออกนอกระบบ​ ​เป็น​ไปเพื่อการบริหารจัดการที่​เป็น​ "อิสระ​" ​และ​มี​ความ​ "คล่องตัว" ​มากขึ้น​ ​เพื่อ​ให้​สามารถ​บรรลุ​เป้าหมาย​ใน​การจัดการศึกษา​ได้​อย่างมีคุณภาพ​และ​ประสิทธิภาพมากขึ้น​ ​แต่​ใน​ร่างพ​.​ร​.​บ​.​ฉบับ​นี้​ ​กลับ​ไม่​มีมาตรา​ใด​เลยที่บัญญัติ​เกี่ยว​กับ​ขั้นตอนวิธีการ​ใน​การที่​จะ​บรรลุ​เป้าหมาย​นั้น​ ​เหตุผลที่อ้างมา​จึง​เป็น​เพียงการโกหกประชาชน​ทั้ง​ชาติ​

ที่สำ​คัญก็คือ​ ​ทรัพย์สินจำ​นวนมหาศาลของจุฬาฯ​ทั้ง​หมด​ ​จะ​ถูกถ่ายโอนมา​เป็น​ของจุฬาฯ​ ​ที่​เป็น​นิติบุคคลตามที่​ได้​บัญญัติอย่างชัดเจน​ใน​มาตรา​ 5 ​และ​มาตรา​69 ​เมื่อจุฬาฯที่​เป็น​นิติบุคคลนี้​ ​ถูกนำ​เข้า​จดทะ​เบียน​ใน​ตลาดหลักทรัพย์​ ​สมบัติสาธารณะก็​จะ​ถูกแปลง​ให้​เป็น​สินบนขั้นสุดท้าย​ซึ่ง​นำ​ไปสู่การสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน​ใน​อนาคตอัน​ใกล้​

สำ​นักราชเลขาธิการ​ได้​เคยมีหนังสือที่รล​ 0009/220 ​ลงวันที่​26 ​เมษายน​2543 ​ถึง​นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​ให้​ดำ​เนินการสนองพระราชกระ​แสที่ว่า "ก่อนประกาศ​ใช้​พระราชบัญญัติ​ ​ฯลฯ​ ​ควรมีการปรึกษาหารือ​กับ​ผู้​เกี่ยวข้อง​ทั้ง​หมดก่อน​(คณาจารย์​ ​นักศึกษา​ ​ผู้​บริหาร​ ​ฯลฯ) ​และ​ร่างกฎหมายประกอบ​ทั้ง​หมด​ให้​ครบก่อนการปรึกษา​เป็น​ใน​ทำ​นองประชาพิจารณ์​ ​เป็น​การปรึกษาที่กว้างขวางรวม​ทั้ง​ประชาชน​ทั่ว​ไป"

ดู​เหมือนว่าจน​ถึง​ปี​ 2550 ​นายกสภาจุฬาฯ​ ​ยัง​มิ​ได้​ดำ​เนินการสนองพระราชกระ​แสนี้​ให้​ครบถ้วน​ ​ฉะ​นั้น​การนำ​จุฬาฯ​ ​ออกนอกระบบ​ใน​สภาวะ​เช่นนี้​ ​จึง​เป็น​เรื่อง​ไม่​สมควรอย่างยิ่ง​ ​นอก​จาก​นี้การนำ​จุฬาฯ​ ​ออกนอกระบบ​ใน​ปัจจุบัน​ยัง​ไม่​ชอบ​ด้วย​จริยธรรม​ ​กฎหมาย​ ​และ​จรรยาบรรณ​ ​ดังนี้​

ไม่​ชอบ​ด้วย​จริยธรรม ​เพราะ​มีการปรึกษาหารือ​กับ​ผู้​เกี่ยวข้อง​ทั้ง​หมด​ (คณาจารย์​ ​นักศึกษา​ ​ผู้​บริหาร​ ​ฯลฯ) ​แล้ว​แต่มี​ผู้​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​การนำ​จุฬาฯ​ ​ออกนอกระบบ​ ​ถึง​ 82 ​เปอร์​เซ็นต์​ ​อีก​ทั้ง​ไม่​มีการร่างกฎหมายประกอบ​ทั้ง​หมด​ให้​ครบก่อน​ ​ไม่​มีการปรึกษา​เป็น​ใน​ทำ​นองประชาพิจารณ์​เป็น​การปรึกษาที่กว้างขวาง​ ​รวม​ทั้ง​ประชาชน​ทั่ว​ไป​ ​ที่สำ​คัญการมีผลประ​โยชน์ทับซ้อน​ใน​คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ​.​ร​.​บ​.​จุฬาฯ​ ​พ​.​ศ​. ... ​ของ​ ​สนช​. ​และ​ใน​ ​สนช​.​เอง​ ​รวม​ถึง​ความ​ผิด​อื่นๆ​ตามรายละ​เอียด​ใน​บันทึกของ​ ​ผศ​.​ชูชีพ​ ​ฉิมวงษ์​ ​อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์​ (คอมพิวเตอร์) ​จุฬาฯ​ ​ถึง​ ​สนช​. ​เมื่อวันที่​14 ​ธันวาคม​2549

​ไม่​ชอบ​ด้วย​กฎหมาย ​เนื่อง​จาก​มติสภามหาวิทยาลัยครั้งที่​678 ​วาระ​1 ​วันที่​26 ​ตุลาคม​2549 ​อ้างอิงการทำ​ประชาพิจารณ์​เมื่อปี​2545 ​ที่​ไม่​ชอบ​ด้วย​ระ​เบียบสำ​นักนายกรัฐมนตรีว่า​ด้วย​การรับฟัง​ความ​คิดเห็นสาธารณะ​โดย​วิธีประชาพิจารณ์​ ​พ​.​ศ​.2539 ​ตามมติครม​. ​วันที่​ 3 ​ตุลาคม​2543

อีก​ทั้ง​ ​มติครม​. ​วาระ​ 2 ​วันที่​21 ​พฤศจิกายน​2549 ​เห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการตามมติสภามหาวิทยาลัย​ ​ครั้งที่​ 678 ​วาระ​1 ​วันที่​ 26 ​ตุลาคม​2549 ​ที่อ้างอิงการทำ​ประชาพิจารณ์​เมื่อปี​2545 ​ที่​ไม่​ชอบ​ด้วย​ระ​เบียบสำ​นักนายกรัฐมนตรีว่า​ด้วย​การรับฟัง​ความ​คิดเห็นสาธารณะ​โดย​วิธีประชาพิจารณ์​ ​พ​.​ศ​.2539 ​ตามมติครม​. ​วันที่​ 3 ​ตุลาคม​2543 ​และ​การทำ​ประชาพิจารณ์​ใน​ปัจจุบัน​ไม่​ชอบ​ด้วย​ระ​เบียบสำ​นักนายกรัฐมนตรีว่า​ด้วย​การรับฟัง​ความ​คิดเห็นของประชาชนพ​.​ศ​.2548

ไม่​ชอบ​ด้วย​จรรยาบรรณ​ เพราะ​มีการ​ใช้​หน้าที่​และ​ความ​รู้ทางวิชาชีพ​ใน​การร่างกฎหมายมหาชนบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อหวังผลประ​โยชน์​ส่วน​ตน​ ​ทำ​ให้​ผลประ​โยชน์​ส่วน​รวมเสียหายร้ายแรง​ ​และ​มีการอาศัยช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ชั่วคราว​ ​ใน​การกระทำ​ทางนิติบัญญัติที่​ไม่​สามารถ​ตรวจสอบการ​ใช้​อำ​นาจของรัฐสภา​ได้​

ทว่าการศึกษา​เป็น​จุดเริ่มต้นที่สำ​คัญที่สุด​ใน​การต่อสู้​กับ​การล่าอาณานิคม​ใน​ยุคโลกาภิวัตน์​ ​ดัง​นั้น​ควรยกเลิกนโยบายเกี่ยว​กับ​การแปรรูปมหาวิทยาลัยไทย​ ​หรือ​ร่าง​ ​พ​.​ร​.​บ​.​ม​.​นอกระบบ​ ​ใน​ปัจจุบัน​ทั้ง​หมด​ ​เพราะ​มี​ความ​ผิดพลาด​ใน​ทุกๆ​ด้าน​ ​ควรยึดหลักการว่าการแปรรูปมหาวิทยาลัยไทย​เป็น​เรื่องผลประ​โยชน์ของชาติ​ไม่​ใช่​ผลประ​โยชน์ขององค์กร​ ​ไม่​ควร​ให้​ผู้​ที่มี​ส่วน​ได้​เสีย​ใน​การแปรรูปมหาวิทยาลัยไทย​ ​เช่น​ผู้​บริหาร​ ​และ​บุคลากรของมหาวิทยาลัย​ ​เป็น​ผู้​กำ​หนดนโยบาย​

การแปรรูปมหาวิทยาลัยไทย​หรือ​ ​ม​.​นอกระบบ​ "รัฐบาลขิงแก่​" ​ควรปล่อย​ให้​เป็น​หน้าที่ของรัฐบาลชุด​ใหม่​ ​ที่​จะ​เข้า​มาบริหารประ​เทศหลังการเลือกตั้งครั้ง​ใหญ่​ 23 ​ธันวาคม​ 2550 ​สิ้นสุดลง​

​ด้วย​การจัดการศึกษาของชาติ​ ​เป็น​หน้าที่ของรัฐพึงจัดบริการอย่างเสมอภาค​และ​เท่า​เทียม​ ​อีก​ทั้ง​เป็น​การเตรียมพร้อมทรัพยากรของชาติ​ใน​อนาคตอีก​ 5-20 ​ปีข้างหน้า​ ​ที่​ต้อง​ใช้​เวลาพิจารณาศึกษาอย่างรอบด้าน​ให้​มากที่สุด​ ​เพื่อ​ให้​ประ​โยชน์สูงสุดตก​ถึง​คน​ส่วน​ใหญ่​ของประ​เทศ​ ​ผู้​เป็น​เจ้าของเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ที่​เสียภาษี​

ฉะ​นั้น​ประ​เด็นปัญหาการแปรรูปมหาวิทยาลัยไทย​ ​จึง​ไม่​ใช่​แค่​ "ค่า​เทอมแพงหูฉี่​" ​พ่อแม่​ ​ผู้​ปกครอง​ ​ต้อง​แบกรับภาระค่าม​ใช้​จ่ายเพิ่ม​ ​แต่การแปรรูปมหาวิทยาลัยภาย​ใต้​เงื่อนไขที่คลุมเคลือ​ ​บนพื้นฐานของ​ความ​ "ผิดพลาด" ​สุดท้ายประ​เทศชาติ​จะ​เหลืออะ​ไร

จากคมชัดลึก 3กันยายน 2550


Posted by : insulin , Date : 2007-09-04 , Time : 08:39:24 , From IP : 172.29.8.161

ความคิดเห็นที่ : 1


   ทางออกที่ดี ทางหนึ่ง คือ ทำมหาลัยทั้งประเทศให้เป็น สวัสดิการของคนทั้งประเทศ ทุกเพศ ทุกวัย กำหนดวิสัยทัศน์ เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อประเทศไทยแห่งปัญญา คนที่มาเป็นครูบาอาจารย์ ต้องเสียสละ วางตัวดีเป็นผู้นำแห่งการเรียนรู้คู่คุณธรรม ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่หวังลาภ ไม่หวังยศ ไม่หวังสรรเสริญ หวังสุขที่ได้ให้และขณะเดียวกันก็สุขที่ได้เรียนรู้เป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน มีผลตอบแทนค่าจ้างพอเลี้ยงชีพและครอบครัวได้อย่างพอเพียง วิชาการต้องไม่อิงต่างชาติแต่เอาของต่างชาติมาเปรียบเทียบเพื่อการเรียนรู้ คำถามคือคนไทยพร้อมที่จะเป็นตัวของตัวเอง เห็นของดีที่มีอยู่มากมายในประเทศหรือยังในขณะที่ต้องยืนอยู่บนเวทีโลก/อดีต น.ศ.มสธ.

Posted by : กำมาชี้(พ) , Date : 2007-09-06 , Time : 09:16:25 , From IP : 172.29.3.213

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<