ความคิดเห็นทั้งหมด : 0

“กวีหมี่เป็ด” ลูกหลานชาวหาดใหญ่คว้าซีไรต์ปี 2550




   
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “มนตรี ศรียงค์” นักเขียนหนุ่มชาวหาดใหญ่ รับรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2550 จากผลงานรวมบทกวีร่วมสมัย “โลกในดวงตาข้าพเจ้า” กลายเป็นคนสงขลาคนที่ 3 ที่ได้รางวัลนี้ หลังจาก “วินทร์ เลียววาริณ” และ “บินหลา สันกาลาคีรี” ลูกหลานชาวสงขลาเคยได้รับมาแล้ว

มีรายงานว่า การประกาศผลรางวัลซีไรต์ประจำปี 2550 นี้ ผลปรากฏว่า มนตรี ศรียงค์ นักเขียนหนุ่มชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าของรวมบทกวีร่วมสมัย “โลกในดวงตาข้าพเจ้า” ได้รับรางวัลนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยมีการประกาศผลไปเมื่อเวลา 14.00 น. ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) โดยขณะนี้ มนตรี ได้เดินทางขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อรับการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ผลการตัดสินครั้งนี้ทำให้ มนตรี ศรียงค์ กลายเป็นชาว จ.สงขลา คนที่ 3 ที่ได้รางวัลนี้หลังจาก วินทร์ เลียววารินทร์ เคยได้รับรางวัลในผลงานนวนิยายเรื่อง “ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน” และ บินหลา สันกาลาคีรี ได้รับรางวัลในผลงานรวมเรื่องสั้น “เจ้าหงิญ”

การประกวดรางวัลซีไรต์ครั้งนี้ คัดมาจาก 76 บทกวีจากนักเขียนทั่วฟ้าเมืองไทยส่งเข้าประกวด “ชิงรางวัลซีไรต์” ประจำปี 2550 หนึ่งในจำนวนนั้นมีบทกวีร่วมสมัย “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”ของ “มนตรี ศรียงค์” กวีหมี่เป็ดชาวสงขลา ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการทะลุเข้ารอบ

สำหรับ มนตรี ศรียงค์ เกิดที่หาดใหญ่ อาศัยอยู่ย่านใจกลางเมือง (กิมหยง) เดินผ่านและแวะเข้าห้องสมุดประชาชนทุกวันในช่วงประถม เข้าเรียนที่อำนวยวิทย์ ม.1-ม.3 จากนั้นไปเรียนที่มหาวิราวุธ เช่าบ้านอยู่กับเพื่อนจนจบ ม.6 โปรแกรมพลานามัย แต่ไม่ได้ดีในแวดวงกีฬา ตั้งเป้าเข้ารามฯปี 2529 เศษๆ ตีตั๋วรถไฟขึ้นไปเรียนรามคำแหงคณะมนุษยศาสตร์ เลือกเอกภาษาไทย ทั้งที่รักการอ่านการเขียนแต่กลับสอบตกซ้ำซากวิชาร้อยกรอง-วรรณวิจารณ์ เลยตัดสินใจเปลี่ยนคณะมาลงรัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง ทำท่าจะไปได้ดี 3 ปี แรกทำได้ 84 หน่วยกิต (ทั้งที่เข้าเรียนน้อยถึงน้อยที่สุด) แต่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ใช้ชีวิตในเมืองหลวงมามากมาย ช่วงนั้นแม่เรียกกลับบ้าน มาช่วยกิจการหมี่เป็ดที่ร้านศิริวัฒน์ฯถนนละม้ายสงเคราะห์ หาดใหญ่ ที่ขายดิบขายดีมาจนถึงวันนี้

“ผมเป็นคนชอบอ่านมาแต่เด็ก สมัยเรียนประถม ป.4-5 เดินผ่านห้องสมุดประชาชนทุกวันจะแวะอ่าน พล นิกร กิมหงวน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วขำอ่านแล้วติด และมีอิทธิพลต่อการมองโลกให้ขำมาจนถึงปัจจุบันและพลอยให้ชอบการอ่านหนังสือแนวอื่นๆ ตามมา พอย่างเข้าวัยรุ่นก็อ่านมากขึ้นนักเขียนในดวงใจมีตั้งแต่จอห์น สไตน์เบค หลู่ซิ่น แมกซิม กอร์กี้ ไม้เมืองเดิม ยาขอบ รมย์ รติวัน ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเพื่อชีวิต

แรงบันดาลใจจับปากกาเริ่มจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 ทำให้อยากพูดอะไรออกไปในสิ่งที่เราคิดออกไปสู่สาธารณะบ้าง เลยเขียน เป็นบทกวี ส่งไปตีพิมพ์ตามนิตยสารต่างๆ ที่ลงบ่อย คือ หนังสือข่าวพิเศษ ของพี่ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ จากนั้นก็เขียนมาเรื่อย เป็นการเริ่มต้นเอาจริงเอาจังทางด้านนักเขียน และเริ่มเขียนแบบมีเป้าหมาย คือการหาที่อยู่ที่ยืนในวงการวรรณกรรม คือการสร้างชื่อ การจะสร้างชื่อได้ในถนนวรรณกรรมไม่ใช่แค่การไปพบปะนักเขียน แต่จะต้องผลิตผลงานตีพิมพ์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ผลงานมีคุณภาพ มีคนกล่าวถึง จึงจะมีตัวตน

ผมใช้เวลาไม่นานนักประมาณ 1 ปี ก็เริ่มมีคนพูดถึง งานผมจะมี 3 กลุ่ม หนึ่งเป็นงานสถานการณ์ที่เขียนด้วยอารมณ์ทันทีทันใดที่เห็นเหตุการณ์นั้นๆ สอง งานภาษาสวยๆ ภาพสวยๆ เป็นงานโรแมนติกปรัชญา ใช้คำสวยๆ ภาพสวยๆ และสาม คือ งานที่ใช้ภาษาพูดธรรมดา ในการประดิดประดอยคำแต่นำภาษามาใช้จัดวางให้ลงตัว จากเรื่องราวที่มากระทบกับตัวเราเอง โดยใช้ภาษาง่ายๆ อ่านแล้วเข้าใจ เพราะกวีจะใช้คำฟุ่มเฟือยไม่ได้”

มนตรี บอกเล่าผ่านปลายปากกาเกี่ยวกับสายตาของเขาในบันทึกจากคนเขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าสายตาไม่ปกติเมื่อสัก 20 ปีที่ผ่านมา (วันนี้อายุย่าง 40 ปี) เป็น 20 ปีที่ใบหน้าข้าพเจ้าประดับด้วยแว่นสายตามาโดยตลอด มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าเมื่อใดที่ข้าพเจ้าถอดแว่นจะรู้สึกถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง หวาดหวั่นต่อการมองเห็น

“โลกของข้าพเจ้า คือ โลกที่มองผ่านเลนส์สายตา มันถูกกลึงเลนส์ให้มีโฟกัสที่เหมาะที่สุดกับสายตาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพยายามครุ่นคิดหาคำตอบว่า แท้แล้วโลกโดนการกลึงเพื่อให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่หรือข้าพเจ้าต่างหากที่ปรับสายตาตนเองให้อยู่ในโลกให้ได้ …เด็กน้อยคนหนึ่งถามข้าพเจ้าสายตาสั้นหรือ?...ข้าพเจ้าก็เฝ้าครุ่นคำนึงคำถามนี้ต่อตนเอง และได้คำตอบเมื่อวันวานนี้ ไม่หรอก แท้แล้วข้าพเจ้ามีสายตาปกติ แต่โลกใบนี้ต่างหากที่เบี้ยวบุบผิดรูปทรงไป”

ปัจจุบัน มนตรี ศรียงค์ ยึดอาชีพหลักคือขายหมี่เป็ดอยู่ย่านถนนละม้ายสงเคราะห์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยึดงานเขียนเรื่องสั้นและบทกวีเป็นงานอดิเรก จึงได้รับฉายาจากคนในวงการว่า “กวีหมี่เป็ด” เขาผลิตงานออกมาอย่างสม่ำเสมอจนได้รับรางวัลในที่สุด
( ทีมา ผู้จัดการ online)




Posted by : อาฉี , Date : 2007-08-29 , Time : 08:36:30 , From IP : 172.29.16.228

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<